หลายคนคงเคยสงสัยว่า
จัดฟันใสดีไหม เพราะปัจจุบันการจัดฟันใสกำลังได้รับความนิยมอย่างมาก ด้วยความที่สามารถถอดเข้าออกได้ และมองเห็นได้ยาก แต่ก่อนจะตัดสินใจเลือกวิธีนี้ มีคำถามสำคัญที่คุณควรถามตัวเองก่อน
"ปัญหาฟันของเราเหมาะกับการจัดฟันใสหรือไม่?"
เพราะการจัดฟันใสอาจไม่เหมาะกับทุกกรณี โดยเฉพาะผู้ที่มีปัญหาฟันซ้อนมาก ฟันห่าง หรือฟันบิดหมุนรุนแรง ควรปรึกษาทันตแพทย์เพื่อประเมินว่าจัดฟันใสดีไหมสำหรับกรณีของเรา
"เรามีวินัยในการใส่และดูแลรักษามากพอหรือไม่?"
การจัดฟันใสต้องใส่อย่างน้อย 20-22 ชั่วโมงต่อวัน และต้องถอดทุกครั้งเวลารับประทานอาหารหรือดื่มเครื่องดื่มที่ไม่ใช่น้ำเปล่า จากนั้นต้องแปรงฟันให้สะอาดก่อนใส่ใหม่ทุกครั้ง หากไม่มีวินัยพอ อาจส่งผลให้การรักษาไม่ได้ผลตามที่ต้องการ
"งบประมาณของเราเพียงพอหรือไม่?"
หลายคนสงสัยว่าจัดฟันใสดีไหมในแง่ของค่าใช้จ่าย ซึ่งโดยทั่วไปการจัดฟันใสมักมีค่าใช้จ่ายสูงกว่าการจัดฟันแบบดั้งเดิม ราคาอาจเริ่มต้นที่ประมาณ 100,000 บาทขึ้นไป ขึ้นอยู่กับความซับซ้อนของการรักษาและจำนวนชุดที่ต้องใช้
"เรามีเวลาไปพบทันตแพทย์ตามนัดสม่ำเสมอหรือไม่?"
แม้การจัดฟันใสจะมีความยืดหยุ่นในการรักษามากกว่า แต่ก็ยังต้องไปพบทันตแพทย์ทุก 4-6 สัปดาห์เพื่อรับชุดใหม่และติดตามผลการรักษา
"เราพร้อมรับมือกับความไม่สะดวกในช่วงแรกหรือไม่?"
หลายคนถามว่าจัดฟันใสดีไหมในแง่ของความสะดวกสบาย ความจริงแล้วในช่วงแรกอาจรู้สึกไม่สบาย พูดไม่ชัด และน้ำลายมาก ต้องใช้เวลาปรับตัวประมาณ 1-2 สัปดาห์
"เราเข้าใจข้อจำกัดและผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นหรือไม่?"
เช่น อาจมีอาการเจ็บปวดเล็กน้อยเมื่อเปลี่ยนชุดใหม่ บางคนอาจแพ้วัสดุที่ใช้ทำ หรือในบางกรณีอาจต้องติดปุ่มเล็กๆ ที่ฟันเพื่อช่วยในการเคลื่อนฟัน
"เรามีแผนการดูแลรักษาผลการรักษาในระยะยาวหรือไม่?"
อีกหนึ่งคำถามที่ช่วยตัดสินใจว่าจัดฟันใสดีไหม คือการดูแลหลังจบการรักษา ซึ่งการจัดฟันใสจำเป็นต้องใส่รีเทนเนอร์เพื่อคงสภาพฟันไว้ ซึ่งต้องใช้วินัยในการดูแลรักษาเช่นกัน
เมื่อตอบคำถามเหล่านี้ได้แล้ว จะช่วยให้ตัดสินใจได้ง่ายขึ้นว่าการจัดฟันใสดีไหม เหมาะกับเราหรือไม่ แนะนำให้ปรึกษาทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อประเมินความเหมาะสมและวางแผนการรักษาที่ดีที่สุด เพราะแม้การจัดฟันใสจะมีข้อดีหลายประการ แต่ก็ไม่ได้เหมาะกับทุกคน การเลือกวิธีจัดฟันที่เหมาะสมจะช่วยให้ได้ผลการรักษาที่ดีและคุ้มค่ากับการลงทุน