รู้หรือไม่ จริงๆ แล้ว บุฟเฟ่ต์ชาบูหม่าล่า เมนูที่หลายๆ คนชื่นชอบและกำลังฮิตแบบสุดๆ ในยุคนี้มีประวัติศาสตร์มายาวนานเกือบ 2,000 ปี เป็นวัฒนธรรมการประกอบอาหารด้วยหม้อไฟที่กลับมาเฟื่องฟูในยุคปัจจุบันอีกครั้ง เป็นเครื่องพิสูจน์ว่า “ตำนานความอร่อยไม่เคยหายไปจากโลก”
ต้นกำเนิดวัฒนธรรมการทาน “หม้อไฟ” เนื่องจากมีหลักฐานการขุดพบหม้อเก่าแก่อายุเกือบ 2,000 ปี ที่มณฑลอานฮุยประเทศจีน มีแสดงให้เห็นว่าการใช้หม้อประกอบอาหารมายาวนานนับพันปี ส่วนเมืองที่เป็นผู้นำด้านอาหารประเภทหม่าล่าหม้อไฟ ก็ต้องยกให้ มณฑลเสฉวน และหม้อไฟที่ถูกปากคนไทยเป็นพิเศษ โด่งดังไปทั่วโลก ก็คือหม้อไฟเสฉวน ที่มีรสชาติเผ็ดร้อน ชาลิ้น โดยมีเมืองเฉิงตู และ ฉงชิ่งเป็นแหล่งกำเนิดพริก “หม่าล่า” ที่เรารู้จักกันในปัจจุบัน
สมัยราชวงศ์ฮั่น ตะวันออก ในช่วงปี ค.ศ. 25-220
เมืองทางตะวันออกเป็นที่แรกที่มีการนำเนื้อแกะมาปรุงกับซุปเดือดๆ ในหม้อไฟ และในประวัติศาสตร์จีน ชนเผ่าเร่ร่อนในยุคโบราณ ก็มีการปรุงเนื้อสัตว์ในหม้อกับซุปด้วยเช่นกัน
สมัยราชวงศ์ถัง ช่วงปี ค.ศ. 618-907
ต่อมาในสมัยราชวงศ์ถัง เริ่มมีการนำเครื่องเทศ มาผสมกับเครื่องปรุงต่างๆ เพิ่มรสชาติอาหารให้อร่อยขึ้น และเริ่มมีการจำหน่ายหม้อทองแดงสำหรับปรุงอาหาร ในสมัยราชวงศ์ซ่ง ช่วงปี ค.ศ. 960-1279 ให้ประชาชนชาวจีนได้ใช้ทำอาหารกันอย่างแพร่หลาย
สมัยราชวงศ์หมิง ช่วงปี ค.ศ. 1368 – 1644
ในยุคนี้การปรุงอาหารด้วยหม้อไฟ เป็นที่ชื่นชอบและได้รับความนิยมให้คนหมู่มาก และเริ่มใช้เนื้อสัตว์ชนิดอื่น อย่าง เนื้อไก่ เนื้อวัว สัตว์ทะเล และผัก เพิ่มเข้ามาจากที่ก่อนหน้าจะมีเนื้อแกะเพียงอย่างเดียว และราชวงศ์หมิงได้คิดริเริ่มให้มีการแบ่งช่องในหม้อไฟ เพื่อจะได้ทานรสชาติที่หลากหลายในหม้อเดียว
สมัยราชวงศ์ชิง ช่วงปี ค.ศ. 1644-1912
แต่ละภูมิภาคเริ่มมีรสชาติหม้อไฟที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว มีวัฒนธรรมการปรุงอาหารประจำถิ่นโดยใช้หม้อไฟ เช่น หม้อไฟเสฉวน จะมีรสชาติเผ็ดร้อน ชาลิ้น จากเครื่องเทศที่ผสมกันกับพริกหม่าล่าในน้ำซุป ซึ่งก็เป็นหม้อไฟที่มีชื่อเสียง และได้รับความนิยมมาจนถึงปัจจุบัน ส่วนชื่อเรียกหม่าล่าหม้อไฟในแต่ละพื้นที่ ก็จะมีชื่อเรียกต่างกันดังนี้
- เสฉวน จะเรียกว่า “หั่วกัว”
- ปักกิ่ง เรียกว่า “ซ่วนหยางโร่ว”
- เจียงเจ้อ เรียกว่า “หน่วนกัว”
- กวางตุ้ง เรียกว่า “ต่าเปียนหลู่”
- หนิงเซี่ยหุย เรียกว่า “กัวจื่อ”
สืบทอดสูตรต้นตำรับมาถึงคนไทยยุคใหม่ ในรูปแบบร้านหม่าล่าหม้อไฟหัวมังกรร้าน Shu Daxia สืบสานวัฒนธรรมต้นตำรับ หม่าล่าหม้อไฟ จากเฉิงตูต้นกำเนิดพริกหม่าล่าที่เผ็ดจัดจ้าน ชาลิ้น เด็ดสะใจ ให้คนไทยได้ลิ้มลอง เนื้อสัตว์สด สะอาด ปลอดภัย ที่จุ่มลงในน้ำซุปหม่าล่าเข้มข้น รสชาติจาก ฟันกว่าปีที่แล้ว ยังตราตรึงใจ และอร่อยที่สุดจนถึงปัจจุบัน
กับการตกแต่งร้าน สไตล์จีนย้อนยุค เหมือนย้อนเวลาไปในสมัยเริ่มต้น พร้อมบริการที่ดีที่สุด และ การแสดงโชว์แบบจีนโบราณ ให้ประสบการณ์ที่ไม่มีใครเหมือน สร้างความประทับใจที่ไม่มีที่ไหนให้คุณได้ เพราะมื้ออาหารที่พิเศษและมีความสุข หากไม่ใช่หม้อไฟ จะเป็นอะไรไปได้อีกShu Daxia จึงอยากให้คนไทยได้สัมผัสความสุขที่เกิดขึ้นระหว่างการทานหม้อไฟอย่างถึงที่สุด แล้วร้านนี้เขาทำถึงด้วยนะ เป็นร้านหม่าล่าที่เดียวในไทย ที่ได้รางวัล Guinness World Records สุดกว่านี้ไม่มีแล้ว
Website :
https://shudaxiath.com Facebook :
www.facebook.com/ShuDaxia Tel : 094-491-3900
หม่าล่าเมนูหม้อไฟแห่งความสุข ที่มาทานร่วมกันหลายคน ด้วยรอยยิ้ม เสียงหัวเราะ และเรื่องสนุกสนานบนโต๊ะอาหาร มีความทรงจำดีๆ เกิดขึ้นมากมายในมื้อหม้อไฟ สั่งสมความรู้สึกที่อบอุ่น อร่อย เผ็ดร้อนน้ำตาไหล แชร์เรื่องราวในชีวิตให้กันฟังในมื้ออาหารแสนพิเศษนี้ ถือว่าเป็นเมนูอาหารที่มีคุณค่า และได้บันทึกประวัติศาสตร์แห่งความสุขนี้ไว้เป็นเวลานับพันปี ส่งต่อมาถึงคนรุ่นหลังอย่างเรา ในรูปแบบ บุฟเฟ่ต์ชาบูนั่นเอง