ThaiFranchiseCenter Webboard

ThaiFranchiseCenter Webboard - Info Center

* สมัครสมาชิกเว็บบอร์ด ไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ ฟรี! *
หน้าแรก | เปิดร้านค้าฟรี! | โปรโมชั่นแฟรนไชส์ | ร้านหนังสือออนไลน์ | สนใจลงโฆษณา

ทางเว็บไซต์ ThaiFranchiseCenter.com ไม่มีส่วนรับผิดชอบกับข้อความต่างๆในเว็บบอร์ดแต่อย่างใด
    ไม่ว่าจะเป็นการซื้อ-ขาย-เช่า-เซ้ง หรือ อื่นๆ (ผู้ซื้อ หรือ ผู้ขาย กรุณาใช้วิจารณญาณในการติดต่อทางธุรกิจ)


แผน 3 ขั้นของสินเชื่อธุรกิจ สู้ปัญหาโรงงานสต็อกล้นแต่ "เงินจม"


ปัญหาของผู้ขอคำปรึกษาเป็น เจ้าของ โรงงานผลิตอาหารกระป๋อง แม้ยอดการสั่งผลิตมากแต่ ยอดขายฝั่งโมเดิร์นเทรดกับคู่ค้า OEM กว่าจะตัดรอบจ่ายก็ 45–90 วัน ระหว่างนั้นยังต้องจ่ายไอน้ำ/พลังงานให้หม้อ Retort เดินไม่หยุด ต้องสต็อกดีบุกและฝาเผื่อ MOQ ซัพพลายเออร์ และยังมีรอบ QC/ปลดปล่อยล็อต ที่ทำให้เงินจมในสต็อกเพิ่มขึ้นอีก
“ขายดี แต่เงินหายระหว่างทาง” คือคำพูดของคุณเอสตอนมาปรึกษา เพื่อวางแผนเข้าถึง สินเชื่อแบบไม่มีหลักประกันให้ผ่าน ภายในปี 2568 เพราะทรัพย์ค้ำมีจำกัด แต่โรงงานจริง เส้นทางเอกสารครบ ได้มาตรฐาน GMP/HACCP และเริ่มมีคำสั่งซื้อส่งออก คุณเอสอยากได้วงเงินตั้งต้นที่ “พอดีมือ” และค่อยไต่ไป เงินกู้smeวงเงินสูง เมื่อฐานนิ่ง
บทความนี้เล่าจากเคสจริง (ปรับชื่อและรายละเอียดที่เปิดเผย) ด้วยกรอบเดียวกับบทความหลักของ EasyCashflows—“แผนที่ตัดสินใจ 3 ขั้น”—ให้เจ้าของโรงงานอาหารกระป๋องหยิบไปใช้ได้ทันที

ขั้นที่ 1: อ่าน “จังหวะโรงงาน” ให้ธนาคารเห็น (Map the Cash Rhythm)
เราเริ่มที่ กระแสเงินสด 13 สัปดาห์ และ “โปรไฟล์ธุรกิจ 1 หน้า” เพื่อให้คณะอนุมัติเห็น จังหวะหายใจของโรงงาน แบบไม่ต้องเดา
สิ่งที่เห็นชัดในโรงงานอาหารกระป๋อง
    • เงินออกถี่: ซื้อวัตถุดิบ/แพ็กเกจจิ้ง, ค่าพลังงานหม้อ Retort, ค่าแรงกะ, ค่าขนส่งเข้า-ออก, ค่าทดสอบห้องแล็บ, ค่าเช่าโกดังเพิ่มช่วงพีก
    • เงินเข้าช้ากว่า: โมเดิร์นเทรดและลูกค้า OEM จ่ายตามรอบ 45–90 วัน; ส่งออกบางดีลรอปลดปล่อยเอกสาร/ตรวจรับก่อนวางบิล
    • เงินค้างในสต็อก: ต้องถือล็อตวัตถุดิบตามฤดูกาล (เช่น ทูน่าช่วงจับได้/ข้าวโพดฤดูเก็บเกี่ยว) และถือสต็อกกระป๋อง/ฝาตาม MOQ ซัพพลายเออร์
    • ความเสี่ยง “ดอกลม”: ใช้ OD รับทุกอย่างตั้งแต่ของสดถึงช่องว่างเครดิตเทอม ทำให้ยอดคงค้างแน่นเพดาน
โปรไฟล์ 1 หน้า ที่เราส่งให้ธนาคาร
    • รายได้เฉลี่ย/สัปดาห์ แยกเป็น OEM, แบรนด์ตัวเอง, ส่งออก
    • รายจ่ายจำเป็น/สัปดาห์: วัตถุดิบ แพ็กเกจจิ้ง พลังงาน (ไอน้ำ/ไฟ) ค่าแรง QC/QA โลจิสติกส์
    • รอบเงินเข้า รายช่องทาง (ใบกำกับ–PO–วันวางบิล–วันคาดรับ)
    • กันชนเงินสด หลังค่างวด (ถ้ามี) + ค่า OD เฉลี่ย
    • มาตรฐาน GMP/HACCP และ Traceability ที่ทำให้เอกสารการค้าพร้อมสำหรับการเงินในระบบ
SEO ใส่ให้ “ธรรมชาติ” ตั้งแต่ต้น: สินเชื่อsme, สินเชื่อไม่มีหลักทรัพย์ปี68, แหล่งเงินทุน, วงเงินหมุนเวียน, OD, แฟกตอริ่ง, เทอมโลน, DSCR, กระแสเงินสด, โรงงานอาหารกระป๋อง, OEM, โมเดิร์นเทรด, ส่งออก—แทรกเฉพาะที่จำเป็น ไม่ยัดเยียด

ขั้นที่ 2: เลือกเส้นทาง — จับคู่ Pain → Option → Fit ให้ “ตรงงานโรงงาน”
หัวใจคือ ใช้เงินให้ถูกงาน ไม่เอาเงินสั้นไปอุดงานยาว และไม่ปล่อยให้ ODค้างเต็มเพดานจนกลายเป็น “ดอกลม”
Pain A: เงินออกถี่-เงินเข้าช้า (รอบ 45–90 วัน)
    • Option: แฟกตอริ่ง/Invoice Financing สำหรับ บิล OEM/โมเดิร์นเทรด/ส่งออก ที่เอกสารครบ
    • Fit: เร่งเงินจากบิลที่ “จะได้เงินแน่” เพื่อไม่ให้ไปกินวงเงิน OD เกินจำเป็น กำหนดสัดส่วนชัด (เช่น แฟกตอริ่ง 50–60% ของบิลจากคู่ค้ารายใหญ่) เพื่อคุมค่าธรรมเนียมรวม และเก็บ OD ไว้ใช้รายจ่ายรายวัน
Pain B: ค่าใช้จ่ายรายวัน–รายสัปดาห์ (พลังงาน/แรงงาน/แพ็กเกจจิ้ง/ขนส่ง)
    • Option: วงเงินหมุนเวียน/OD (วงเงินเบิกเกินบัญชี)
    • Fit: กติกาทองคือ “ดึงเท่าที่ขาด–โปะทันทีในวันเงินเข้า” เพราะดอก OD คิดรายวันตามยอดคงค้าง ตั้งเป้า ใช้เฉลี่ย ≤ ~70% ของเพดาน และ ปิดรอบ OD อย่างน้อยไตรมาสละครั้ง เพื่อพิสูจน์วินัย
Pain C: ลงทุนยาว (หม้อ Retort ใหม่, สายพาน, เครื่องซีมฝา, ห้องเย็น)
    • Option: เทอมโลน/Investment Loan
    • Fit: จับอายุสัญญาให้ใกล้เคียง อายุสินทรัพย์ (เช่น 3–5 ปี) เพื่อไม่ให้ค่างวดบีบกระแสเงินสดในช่วงพีกการผลิต และหลีกเลี่ยง “เงินสั้นถมหนี้ยาว” ที่ทำให้ DSCR ตกและธนาคารกังวล
ทำไมโครงนี้ “ธนาคารชอบ”
เพราะมันสะท้อนว่าโรงงาน รู้รอบเงินสดตัวเอง และใช้เครื่องมือการเงินอย่างมีแผน: งานสั้น = OD, ช่องว่างเครดิตเทอม = แฟกตอริ่ง, งานยาว = เทอมโลน ภาพรวม ต้นทุนดอกเฉลี่ยลดลง และ ความเสี่ยงค้างเพดาน หายไป—เป็นภาษาที่คณะอนุมัติอ่านแล้ว “ตัดสินใจง่าย”

ขั้นที่ 3: เดิน–วัดผล–ขยาย (Run–Review–Raise)
แผนที่จะมีพลังเมื่อคุณ “เดินตามแล้วจด” เราตั้งพิธีกรรมรายสัปดาห์กับคุณเอส และคุณก็ทำตามได้ทันที
1) ปฏิทินเงินเข้า–ออก (แบบโรงงาน)
    • จันทร์–พุธ = วันจ่ายพลังงาน/แรงงาน/วัตถุดิบย่อย → “ดึง OD” เท่าที่ต้องจ่าย
    • พฤหัส–ศุกร์ = วันวางบิล/รับชำระ PO ใหญ่/เงินแฟกตอริ่งเข้า → “โปะ OD” ทันที
    • ก่อนสิ้นเดือน = ตรวจ ยอดใช้จริงเฉลี่ย OD ไม่เกิน 70% ของเพดาน
2) “หน้าเดียว” คุยแบงก์ตอนทบทวนวงเงิน
    • รายได้เฉลี่ย/สัปดาห์ + สัดส่วน OEM/ส่งออก/แบรนด์ตัวเอง
    • % การใช้ OD เฉลี่ย/เดือน, จำนวนครั้งที่ ปิดรอบ OD ในไตรมาส
    • มูลค่าและอัตราคืนแฟกตอริ่ง, วันเกลี่ยเงินเข้า-ออกหลังปล่อยล็อต QC
    • กันชนเงินสดหลังค่างวด + แผนลดต้นทุนพลังงาน/ของเสีย (Yield)
นี่คือ “ภาษากลางฝ่ายอนุมัติ” ที่ไม่ต้องตีความ
3) ไทม์ไลน์ 90 วัน (Pilot) ก่อนขอไต่เพดาน
    • เดือน 1: แยก งานสั้น/งานยาว ชัด, เริ่มใช้แฟกตอริ่งเฉพาะบิลที่เอกสารเทพ (PO-GRN-INV ครบ), ตั้งกติกา “วันเงินเข้า = วันโปะ”
    • เดือน 2: ลดการค้าง OD จาก 85% → 65–70%, ทำ Cash Flow 13 สัปดาห์ ให้สมบูรณ์
    • เดือน 3: ปิดรอบ OD 1 ครั้ง, สรุป DSCR หลังปรับโครงเงิน (≥ ~1.2) แล้วจึงคุยเพิ่มวงเงิน/ต่ออายุ

มุมกลยุทธ์ของโรงงานอาหารกระป๋อง (Insight ที่ใช้ได้เลย)
    • ล็อกฤดูกาลให้กลายเป็นข้อได้เปรียบ: ถ้าต้องซื้อวัตถุดิบตามฤดูกาล ให้จับมือซัพพลายเออร์เรื่องเงื่อนไข แบ่งส่ง–แบ่งจ่าย เพื่อให้ “ยอดจ่ายถี่” แมตช์กับ “เงินเข้าแฟกตอริ่ง/รอบชำระ” ลดแรงกดที่ OD
    • QC/ปลดปล่อยล็อต = เงินสด: ยิ่งปล่อยล็อตได้เร็ว เงินยิ่งกลับมาเร็ว ลงทุนยกจุดคอขวด (เช่น เครื่องทดสอบ/บุคลากร QC ในช่วงพีก) มักคุ้มกว่า “เพิ่มเพดาน” อย่างเดียว
    • ซัพพลายเชนโปร่งใส = อำนาจต่อรองการเงิน: Traceability ชัด เอกสาร GMP/HACCP ครบ ทำให้การแปลงบิลเป็นเงิน (แฟกตอริ่ง/ส่งออก) ง่ายขึ้น และช่วยตอนยื่น สินเชื่อ sme ไม่มีหลักทรัพย์ 2568
    • คุม “ของเสีย” เพื่อขยับ DSCR: ลดเสีย 1–2% ในสายการผลิต อาจเทียบเท่าดอกเบี้ยที่ประหยัดได้ทั้งปี—ตัวเลขนี้ขายกับธนาคารได้ เพราะสะท้อน “เงินสดคงเหลือหลังค่างวด” ที่ดีขึ้น
    • อย่าให้ OD ทำงานของเทอมโลน: เครื่อง Retort/สายพานคือสินทรัพย์ยาว—ปล่อยให้ เทอมโลน ทำหน้าที่ของมัน แล้วกัน OD ไว้ “ข้ามหลุมสั้น ๆ” เท่านั้น

ตัวอย่างทางเดินก่อน–หลังทำแผน
ก่อน: ใช้ OD รับทั้งวัตถุดิบ/พลังงาน/เครดิตเทอม ลูกหนี้การค้า → OD ค้าง 80–90% แทบทั้งเดือน ดอกลมสูง, QC ปลดปล่อยล็อตช้า เงินจมในสต็อก, ขอวงเงินเพิ่มไม่ผ่าน
หลัง: แฟกตอริ่งบิล OEM/โมเดิร์นเทรดที่เอกสารครบ 50–60% → เงินสดกลับเร็ว, OD ใช้เฉพาะรายจ่ายถี่และโปะวันเงินเข้า → ใช้เฉลี่ย 60–70%, ลงทุนยาว (Retort/สายพาน) ไปที่ เทอมโลน → ค่างวดอ่านง่าย DSCR ≥ ~1.2, ปิดรอบ OD ไตรมาสละครั้ง → ธนาคารต่ออายุและวางโรดแมปไปสู่ สินเชื่อ SME วงเงินสูง

สรุปสำหรับโรงงานอาหารกระป๋อง: ใช้ “แผนที่ 3 ขั้น” เป็นบัตรผ่านเข้าระบบ
    1. อ่านแผนที่ — ทำแผนเงินเข้า–ออก 13 สัปดาห์ + โปรไฟล์ 1 หน้า ให้เห็นจริงว่าพีกการผลิต/รอชำระอยู่ตรงไหน
    2. เลือกเส้นทาง — จับคู่ Pain → Option → Fit ให้ตรงงาน: OD สำหรับรายจ่ายถี่, แฟกตอริ่ง สำหรับช่องว่างเครดิตเทอม, เทอมโลน สำหรับลงทุนยาว
    3. เดิน–วัดผล–ขยาย — วินัย “ดึง–โปะ”, ใช้ OD เฉลี่ย ≤ ~70%, ปิดรอบเป็นระยะ, ขยับ DSCR ให้ถึงเกณฑ์ แล้วค่อยไต่เพดานสู่ สินเชื่อ SME วงเงินสูง
อยากได้เช็กลิสต์เอกสารแบบโรงงาน, ตัวอย่างตาราง “ดึง–โปะ” รายสัปดาห์, และสคริปต์คุยกับธนาคารในภาษาคณะอนุมัติ? ไปอ่านฉบับเต็มของ EasyCashflows ที่อธิบาย แผนที่ตัดสินใจ 3 ขั้น ไว้ละเอียดและนำไปใช้ได้ทันที:สินเชื่อธุรกิจSMEไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกันที่คุณควรเลือก

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ตุลาคม 28, 2025, 04:10:34 AM โดย กฤษณะ หลักดี »