ThaiFranchiseCenter Webboard

ThaiFranchiseCenter Webboard - Info Center

* สมัครสมาชิกเว็บบอร์ด ไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ ฟรี! *
หน้าแรก | เปิดร้านค้าฟรี! | โปรโมชั่นแฟรนไชส์ | ร้านหนังสือออนไลน์ | สนใจลงโฆษณา

ทางเว็บไซต์ ThaiFranchiseCenter.com ไม่มีส่วนรับผิดชอบกับข้อความต่างๆในเว็บบอร์ดแต่อย่างใด
    ไม่ว่าจะเป็นการซื้อ-ขาย-เช่า-เซ้ง หรือ อื่นๆ (ผู้ซื้อ หรือ ผู้ขาย กรุณาใช้วิจารณญาณในการติดต่อทางธุรกิจ)


แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - ชื่อเสียง เรียงนาม

หน้า: [1]
1
หลังจากทันตแพทย์ฝังรากเทียมให้คนไข้เรียบร้อยแล้ว ในบางกรณีก็อาจปัญหาที่แตกต่างกันได้ขึ้นอยู่กับตัวบุคคล เช่น เจ็บปวดในจุดที่ทำ ซึ่งเป็นผลมาจากอุปกรณ์ที่ฝังลงไปในเหงือก คนไข้จึงต้องดูแลรักษาความสะอาดช่องปากอย่างถูกต้อง

เพื่อให้การทำรากเทียมมีประสิทธิภาพสูงสุด ขั้นตอนการดูแลรักษาความสะอาดช่องปากจึงเป็นสิ่งสำคัญ หากปล่อยปละละเลย ก็เสี่ยงทำให้บริเวณเหงือกและโดยรอบที่ทำรากฟันเทียมเกิดการอักเสบได้ หรืออาจเกิดการติดเชื้อร่วมด้วย

อาหารก็เป็นสิ่งสำคัญ หลังจากทำรากเทียมต้องกินให้ถูกต้อง

หลังจากทันตแพทย์รากฟันเทียมให้เสร็จ https://www.edelweissdentalhouse.com/th/implants/ นอกเหนือจากดูแลรักษาความสะอาดช่องปากอย่างดีแล้ว อาหารที่ทานก็ต้องเป็นแบบที่เคี้ยวง่าย หลีกเลี่ยงอาหารแข็ง ๆ เพราะต้องใช้แรงบดเคี้ยวมากเกินไปและส่งผลต่อรากฟันเทียมโดยตรง อาหารที่ร้อนจัดเย็นจัดก็ควรเลี่ยง เพราะทำให้บาดแผลรากเทียมหายช้า

นอกจากนี้ การใช้งานรากฟันเทียมไม่ระวังก็เสี่ยงทำให้เกิดการอักเสบตามามได้ เช่น ใช้ฟันเปิดฝาขวดน้ำ ซึ่งสร้างแรงกระทบกระเทือนที่สูง จนมีสิทธิ์ทำให้รากฟันเทียมเกิดความเสียหาย หรือแม้แต่ทำให้หลุดออกมาทั้งซี่ซึ่งยากต่อการแก้ไขและมีโอกาศสูงมากที่ต้องฝังรากฟันใหม่

บางกรณีสามารถทำรากเทียมได้ในวันนั้นเลย เสร็จก็กลับบ้าน

สำหรับบางเคสเมื่อทันตแพทย์ประเมินแล้วว่าสามารถทำรากเทียมในวันนั้นได้เลย ทันตแพทย์ก็จะดำเนินการถอนฟันและทำความสะอาดช่องปากให้ทันที หลังจากนั้นก็ใส่รากฟันเทียมร่วมกับการปลูกกระดูก หรือปลูกเหงือก ต่อมาก็ทำครอบฟันชั่วคราวให้กับรากฟันเทียมซี่นั้น ๆ เป็นอันเสร็จเรียบร้อย

ซึ่งการทำรากเทียมแบบ 1 วันนี้ ถูกพัฒนาขึ้น เพื่อลบจุดด้อยของรากแบบเก่าที่ใช้ระยะเวลานานเกินไป ซึ่งก็ตามชื่อเลยที่ใช้เวลาค่อนข้างรวดเร็ว ไม่เกิน 1 วันก็เสร็จเรียบร้อยแล้ว โดยทันตแพทย์จะดำเนินการถอนฟันให้คนไข้ก่อน และต่อมาค่อยใส่รากฟันเทียมภายในวันนั้นเลย ต่างจากแบบธรรมดาทั่วไปที่ต้องรอให้กระกรามสมบูรณ์ก่อน ซึ่งกินเวลาประมาณ 6 เดือน จึงสามารถใส่รากฟันเทียมเข้าไปได้.

2
ตั่งแต่ปี ค.ศ. 1989-1993 ที่เทคนิคการผ่าตัดกระดูกสันหลังด้วยการส่องกล้องถือกำเนิดขึ้น มีรายงานถึงประสิทธิภาพและข้อได้เปรียบของการผ่าตัดด้วยเทคนิคนี้ ซึ่งเป็นที่ยอมรับในวงการแพทย์อย่างกว้างขวาง จนวงการแพทย์เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว
 
อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ทุกคนที่เข้ารับการผ่าตัดกระดูกสันหลังด้วยเทคนิคนี้ได้ เนื่องจากมีข้อบ่งชี้และขั้นตอนคัดเลือกผู้ป่วยที่ต้องมีความเหมาะสมด้วย ซึ่งถือเป็นสิ่งสำคัญ ที่ส่งผลต่อการรักษาให้หายจากอาการผิดปกติ อันเนื่องมาจากภาวะหมอนรองกระดูกสันหลังทับเส้นประสาท

เทคนิคผ่าตัดกระดูกสันหลังผ่านกล้องมีดีอย่างไร ถึงได้รับความนิยมมาตั่งแต่ปี 1989

การผ่าตัดกระดูกสันหลังรักษาอาการปวดหลังจากภาวะหมอนรองกระดูกเสื่อม หรือหมอนรองกระดูกสันหลังทับเส้นประสาทที่เป็นมาตรฐาน (gold standard) เป็นการผ่าตัดร่วมกับการใช้กล้องจุลทรรศน์ (microdiscectomy) เมื่อผ่าตัดเสร็จรอยบาดแผลที่บริเวณกลางหลัง จะมีขนาดยาวเพียง 3-5 เซนติเมตร ขึ้นอยู่กับพยาธิสภาพในแต่ละราย
 
ปัจจุบันการผ่าตัดกระดูกสันหลังที่เยอรมนีพัฒนาขึ้น ที่เว็บ https://www.s-spinehospital.com/main/ผ่าตัดกระดูกสันหลัง-เลเซอร์รักษาปวดหลัง/ นี้และวงการแพทย์ไทยนำมาใช้ ก็ถูกพัฒนาให้มีความสมัยยิ่งขึ้น ด้วยการประดิษฐ์กล้องที่แบบ Endoscrope ที่มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางเพียง 0.4-0.5 เซนติเมตร แผลผ่าตัดจึงมีขนาดเล็กมาก ผู้ป่วยจึงกลับมาใช้ชีวิตได้เร็ว การพักรักษาตัวในโรงพยาบาลสั้นลง ใช้เวลาเพียงไม่กี่วันเท่านั้น ก็ทำให้ผู้ป่วยกลับไปดำเนินชีวิตได้ตามปกติอย่างรวดเร็วขึ้น

วิธีการผ่าตัดหมอนรองกระดูก มีขั้นตอนอย่างไรบ้าง

การผ่าตัดในระดับเอว ผู้ป่วยจะนอนอยู่ในท่าคว่ำหน้า หลังถูกวางยาสลบแล้ว โดยระหว่างผ่าตัดแพทย์จะใช้เครื่อง X-Ray เพื่อตรวจสอบหาตำแหน่งที่ต้องการผ่าตัดเปิดแผล และนำกล้องเส้นผ่าศูนย์กลาง 0.4 เซนติเมตรและท่อ working channel สอดผ่านผิวหนัง เพื่อให้กล้องสามารถเข้าไปถึงตำแหน่งของหมอนรองกระดูกที่กดทับเส้นประสาทอยู่

3
“เมื่อผู้หญิงตัดสินใจเปลี่ยนมาให้ลูกกินนมผง แทนน้ำนมจากเต้า ถือเป็นสิทธิ์ของเธอเอง ซึ่งเป็นทางเลือกที่เธอได้ตัดสินใจแล้ว ก็ควรได้รับการเคารพ” ผู้ผดุงครรภ์กล่าว จากคำแถลงใหม่ของราชวิทยาลัยผดุงครรภ์ (Royal College of Midwives) ระบุว่า ผู้หญิงต้องได้รับการสนับสนุนหากไม่ต้องการให้นมจากเต้า ในกรณีที่ได้รับคำแนะนำรอบด้านดีแล้ว

คุณแม่ที่ให้นมผงแก่ลูก มักเกิดความรู้สึกผิด

คุณแม่ที่ให้นมผง หรือจากเต้าในช่วงเวลาให้นมลูกส่วนใหญ่มีความรู้สึกกดันและรู้สึกถูกจำกัด ว่าต้องให้นมบ่อยแค่ไหน ที่ไหน และให้นานเท่าไหร่ ขณะที่คุณแม่ที่ให้ลูกกินนมแบบผงก็เกิดความรู้สึก หรือรู้สึกเป็นปมในใจเช่นกัน

มหาวิทยาลัยลิเวอร์พูลได้ศึกษาตัวอย่างแม่ 1,600 ราย ในปี 2017 พบว่านมผงคือตัวเลือกที่คุณแม่ใช้กว่า 890 ราย ซึ่งคุณแม่เหล่านี้รู้สึกผิดร้อยละ 67 รู้สึกว่าถูกร้อยละ 68 และรู้สึกอยากแก้ไขการให้นมลูกของตนเองใหม่ร้อยละ 76 จากการศึกษาผู้หญิงที่ตั้งใจเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ตลอดแต่มีเหตุให้ต้องหยุดลงนั้น มีแนวโน้มรู้สึกผิดมาก เช่นเดียวกับคุณแม่ที่ต้องขาดการให้นมตั่งแต่คลอด ก็รู้สึกผิดไม่ต่างกัน

สามารถเลี้ยงลูกด้วยนมผงได้ แต่ในช่วง 6 เดือนแรก น้ำนมแม่เหมาะกว่า

ในสหราชอาณาจัก มีอัตราเลี้ยงลูกด้วยนมผงสูงมาก ขณะที่การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ก็ต่ำที่สุดแห่งหนึ่งของยุโรป ถึงแม้คุณแม่ส่วนใหญ่เริ่มนมแม่ในช่วงแรกก็ตาม แต่ก็มีคุณแม่น้อยกว่าครึ่งที่ให้นมลูกจากเต้าติดต่อกันยาวนาน จนลูกมีอายุ 6 สัปดาห์

คำแนะนำจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ กล่าวว่าอย่าพึ่งให้นมผง หากเป็นไปได้ควรให้นมแม่อย่างเดียวในช่วงเวลา 6 เดือนแรกของชีวิต และการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ควรทำติดต่อ 2 ปี หรือนานกว่านั้น ควบคู่กับการทานอาหารในปริมาณที่เหมาะสม

อยากเลี้ยงลูกด้วยนมผงจากเว็บhttps://www.dumex.co.th/articles/Pages/0_6months/Child%20Development/choices-baby-imf.aspx หรือเลี้ยงลูกด้วยนมจากเต้า ผู้หญิงมีสิทธิ์เลือกเสมอ กิลล์ วอลตัน –หัวหน้าฝ่ายบริหารราชวิทยาลัยผดุงครรภ์ กล่าวว่า “ผู้ผดุงครรภ์ควรให้ข้อมูลที่ช่วยคุณแม่รู้ตัวว่ามีทางเลือกเสมอ ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง”

4
การเพิ่มภูมิต้านทานรักษามะเร็งโดยการออกกำลังกายนั้น ได้ถูกนำมาทดลองกับหนูที่มีแนวโน้มเป็นมะเร็ง ผลปรากฏว่า เมื่อผ่านวิธีงดอาหาร และให้ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ โอกาสการเกิดมะเร็งก็เริ่มลดลงเหลือเพียงร้อยละ 18 ซึ่งต่างจากหนูทดลองในกลุ่มที่ไม่เคยออกกำลังกายเลย ที่มีอัตราการเกิดมะเร็งถึงร้อยละ 88

การออกกำลังกายช่วยลดความเครียด ช่วยเพิ่มภูมิรักษามะเร็งอย่างมีนัยยะสำคัญ

นอกจากนี้ ทีมนักวิจัยยังได้ศึกษาถึงเรื่องการลดความเครียดช่วยเพิ่มภูมิต้านทานรักษามะเร็ง จนได้ข้อเสนอแนะว่า สิ่งที่เหมือนกันระหว่างการออกกำลังกาย และการลดลงของอัตราการเกิดโรคมะเร็ง อาจมีความสัมพันธ์กับร่างกายที่มีความเครียดลดน้อยลง

ผลการศึกษาในหนูทดลองเป็นจำนวนมากได้ข้อสรุปว่า เมื่อหนูถูกกระตุ้นให้เกิดความเครียดซ้ำแล้วซ้ำเล่า และไม่ได้รับการออกลำงกายเพื่อครายความเครียดเลย ทำให้ร่างกายของหนูนั้นอ่อนแอลงอย่างรวดเร็ว จนเกิดอันตรายมา

แต่หนูที่เกิดความเครียด และได้รับการผ่อนคลายความเครียดโดยการออกกำลังกาย กลับพบว่ามีอัตราความอ่อนแอของร่างกายลดลง เมื่อนำการทดลองนี้ไปใช้กับสัตว์ประเภทอื่น ก็ได้ผลสรุปเดียวกัน ว่าการออกกำลังกายช่วยกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน ช่วยลดการเกิดมะเร็งได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ออกกำลังกายเป็นประจำทำให้จิตใจปลอดโปร่ง เป็นวิธีการเพิ่มภูมินรักษามะเร็งที่ง่ายที่สุด

จากผลการทดสอบพบว่า การออกกำลังกายเป็นประจำกับการเพิ่มภูมิต้านทานรักษามะเร็งในผู้ป่วยที่โรคมะเร็งนั้น ทำให้มีชีวิตที่ยืนยาวขึ้น นั่นเป็นเพราะว่า เมื่อผู้ป่วยดูแลตนเองอย่างจริงจัง โดยการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอนั้น ความเครียดจะหายไปด้วย

การทานอาหารเสริมจากเว็บ https://www.caherbal.com/ หรือตามท้องตลาดยังไม่เพียงพอ จึงต้องออกกำลังกายเพิ่มเติมด้วย เพราะ 2 สิ่งนี้ ช่วยให้ร่างกายมีภูมิต้านทานดีขึ้น และช่วยยับยังไม่ให้เซลล์มะเร็งแพร่กระจายไปยังส่วนต่าน ๆ ของร่างกาย ซึ่งช่วยให้ผู้ป่วยมะเร็งมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้

5
   ใครที่เป็นโรคข้อเข่าเสื่อม ร่างกายจะส่งสัญญาณเตือนออกมา ซึ่งใครที่กังวลว่าตนเองมีอาการของโรคนี้อยู่ ต้องลองเช็คดู หากพบว่มีอาการมากกว่า 3 ข้อ ก็แสดงว่ามีความเสี่ยงของการเกิดโรคอยู่ ควรเข้ารับการตรวจสอบโดยด่วน

หากมีอาการดังต่อไปนี้มากกว่า 3 ข้อ แสดงว่าเสี่ยงข้อเข่าเสื่อม

1.ปวดข้อติดต่อนานเกิน 6 สัปดาห์ (เดือนครึ่ง) ให้สันนิฐานว่าเป็นข้อเข่าเสื่อม

2.อาการปวดที่เกิดขึ้นจะเริ่มเป็นมาก จากการปวดเป็นข้อประมาณ 1-2 ข้อก่อน เช่นข้อเข่า ข้อศอก ข้อมือ และเริ่มปวดมากขึ้น

3.เริ่มปวดเล็กน้อย ถึงปานกลาง และอาจปวดมากขึ้น เวลาใช้งาน หรือลงน้ำหนักไปที่จุดนั้น

4.อาการปวดน้อยลง หรือเริ่มดีขึ้น เมื่อได้พักร่างกายในส่วนนั้น

5.เริ่ม มีอาการปวดในบริเวณนั้นเกิดขึ้น ไล่จากเล็กน้อย แล้วทวีความปวดมากขึ้นในเวลาช้า ๆ ไม่ได้ปวดกะทันหัน

6.ยามเช้ามีความรู้สึกข้อฝืดตึง แต่อาการจะอยู่ไม่นาน ไม่เกิน 30 นาที

7.เคยเกิดอาการเข่าพับ เช่น เข่าอ่อนแรงขณะเดินอยู่

8.บริเวณรอบข้อ ๆ ที่ปวด เริ่มมีอาการบวมเล็กน้อยเกิดขึ้นด้วย

9.เวลาเกิดอาการปวดส่วนไหน ข้อของส่วนนั้นจะยืดตึงได้ไม่สุด เช่น กางขา หรือกางแขนได้ไม่สุด หากมีอาการปวดข้อเข่า หรือข้อศอก

10.ได้ยินเสียงดังกรอบแกรบเมื่อขยับอวัยวะส่วนนั้น ๆ
 
11.ข้อนิ้วโตขึ้น และเริ่มแข็ง

วิธีลดความเสี่ยงข้อเข่าเสื่อม

1.หนมาออกกังกายอย่างสม่ำเสมอ เพื่อเสริมสร้างกล้ามเนื้อส่วนต่าง ๆ ให้แข็งแรง

2.ทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ เสริมสร้างมวลกระดูกโดยทานอาหารเสริมจากเว็บ https://www.bim100apco.com/16913525/ข้อเข่าเสื่อม และเลือกทานอาหารที่อุดมไปด้วยวิตามินดี และแคลเซียม อาทิ นม ผักใบเขียว หรือปลาตัวเล็ก ๆ

3.ควบคุมน้ำหนัก เพื่อไม่ให้เกิดแรงกดทับ เสี่ยงต่อข้อเข่าเสื่อม

4.เมื่อเกิดอาการปวดตามข้อเป็นเวลาถี่ขึ้น หรือติดต่อกันนาน ต้องรีบปรึกษาแพทย์ทันที

6
ถ้าดื่มน้ำน้อย ก็จะทำให้เกิดอาการปวดตามข้อและหลัง จากออฟฟิศซินโดรมได้ เพราะในบริเวณกระดูกอ่อนที่มีชั้นของคอลลาเจน มีน้ำเป็นส่วนประกอบถึง 80% ที่สำคัญบริเวณข้อต่อต่าง ๆ ของร่างกาย ที่รองรับกระดูกสันหลังและดูดซับแรงกระแทก ยังต้องใช้น้ำเพื่อหล่อเลี้องเช่นเดียวกัน

จิบน้ำบ่อย อย่างน้อย 1.5 ลิตร ช่วยป้องกันออฟฟิศซินโดรมได้

เพื่อป้องกันออฟฟิศซินโดรม ก็ให้จิบน้ำบ่อย ๆ เพื่อเติมความสดชื่อและชุ่มชื่นให้กับร่างกาย ในวัยผู้ใหญ่ควรกินน้ำให้มากกว่าปกติ เพราะผู้ใหญ่มีอัตราการสูญเสียน้ำประมาณ 2.5 ลิตรต่อวัน แต่เนื่องจากร่างกายคนเราได้รับน้ำที่ประกอบอยู่ในอาหารและน้ำ ที่ร่างกายผลิตขึ้นจากการเผาพลาญอาหารประจำอยู่แล้ว 1 ลิตร ดังนั้น ถ้าหากดื่มน้ำสะอาดอย่างน้อย 1.5 ลิตรต่อวัน ก็ช่วยทดแทนน้ำส่วนที่ร่างกายเสียได้อย่างเพียงพอ

ท่านั่งที่ถูกอิริยาบถก็ช่วยป้องกันออฟฟิศซินโดรมได้เช่นกัน

ขยับตัวทุก ๆ ชั่วโมง คือวิธีแก้ออฟฟิศซินโดรมที่ดีไม่แพ้การดื่มน้ำ ซึ่งการทำงานที่บ้าน หรือทำงานที่ต้องนั่งอยู่กับที่ จะทำให้โอกาสของกิจกรรมแอคทีฟระหว่างวันหายไป เพราะต่อแต่นี้ไป โลกทั้งใบถูกย่อมาไว้ในโลกออนไลน์เกือบทั้งหมดแล้ว
 
พฤติกรรมเหล่านี้เป็นผลเสียต่อสุขภาพ และเป็นสาเหตุที่มีคนมารักษากับเว็บ https://www.themoveclubratchada.com/office-syndrome.html นี้จำนวนมาก เนื่องจากล้ามเนื้อและกนะดูกต้องแบกรักน้ำหนักและแรงกดทับเป็นเวลานาน จนทำให้ระบบไหลเวียนเลือดไม่ดี แขนขาอ่อนแรง และเหน็บชาเริ่มถามหา

วิธีป้องกันออฟฟิศซินโดรมในสภาวะเช่นนี้ได้ดีที่สุดคือ “ลุกขึ้นมาขยับร่างกายทุก 1 ชั่วโมง” เพื่อให้กล้ามเนื้อหลังยืดขยาย ลดแรงกดกระดูกสะโพกและข้อต่อ ทั้งยังช่วยเผาพลาญพลังงานด้วย ส่วนใครที่จ้องหน้าจอนาน ๆ ก็ให้พักสายตาไปดูสิ่งข้าง ๆ สักพักก็ช่วยได้.

7
คนท้องสามารถเข้า spa bangkok ได้ไม่มีอันตราย โดยเฉพาะคนท้องที่อยู่ในช่วงไตรมาส 2 ถึง 3 ถือว่าเหมาะสม เพราะช่วงนี้คนท้องจะเริ่มมีอาการปวดแขน ปวดขา ปวดไหล่ ปวดหลัง เนื่องจากฮอร์โมนที่เปลี่ยนแปลงในร่างกาย ประกอบกับน้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้น

คนท้องสามารภเข้า spa bangkok นวดคอ นวดบ่าและไหล่ได้เหมือนคนปกติ

ทุกวันนี้ spa bangkok มีบริการสำหรับคนท้องโดยเฉพาะ แต่ทั้งนี้ก็ควรเลือกร้านที่มีคุณภาพ มีผู้เชี่ยวชาญการนวดคนท้องโดยเฉพาะ เนื่องจากคนท้องจะใช้วิธีการนวดที่แตกต่างจากคนปกติ ไม่ควรนวดกดจุดสะท้อนตามส่วนต่าง ๆ เพราะจะเกิดอันตรายกับเด็กในท้องได้

ผลดีของการเข้าสปาสำหรับคนท้อง เช่นเว็บ https://www.divanaspa.com/ หรือสถานบริการอื่น ๆ ยังช่วยให้เท้าของคนท้องมีแรงแบกรับน้ำหนักของลูกที่เพิ่มมากขึ้น ซึ่งอาการปวดเท้ากับคนท้องไม่ใช่เรื่องแปลก หรือในกรณีที่คนท้องเข้าสปา เพื่อนวดน้ำมัน ก็ทำได้เช่นกัน แต่ก็ควรเลือกใช้น้ำมันที่ปราศจากกลิ่น เนื่องจากกลิ่นของน้ำมันหอมระเหยบางชนิดส่งผลเสียต่อเด็กในท้อง

มีข้อควรระวังอะไรบ้าง สำหรับคนท้องที่อยากเข้า spa bangkok

1.ความร้อน – หลีกเลี่ยงการเข้า spa bangkok เพื่อทำทรีทเม้นท์ความร้อนสูง เช่น เข้าเซาน่า อบไอน้ำ หรือแช่น้ำพุร้อนออนเซน เพราะความร้อนเพิ่มอุณภูมิของร่างกายให้สูงเกินไป ส่งผลต่อระบบไหลเวียนเลือด รวมถึงระบบลำเลียงอาหารไปเลี้ยงเด็กในท้องได้ ซึ่งผลการวิจัยระบุไว้ว่า ถ้าอุณภูมิร่างกายสูงเกินกว่า 38.3 องศาเมื่อไหร่ ก็จะเพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะการแท้งได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนท้องที่ในช่วง 3 เดือน ที่จะมีความเสี่ยงมากกว่าคนท้องในช่วงเวลาอื่น

2.ผลิตภัณฑ์ – คนท้องควรระวังผลิตภัณฑ์ที่ spa bangkok นำมาใช้ด้วย เพราะอาจทำให้เกิดอาการแพ้ได้มากกว่าตอนที่ยังไม่ท้อง ซึ่งการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ถูกออกแบบมาสำหรับคนผิวแห้งและแพ้ง่าย ปราศจากกลิ่น จะมีความปลอดภัยต่อคนท้องที่สุด.

8
กายภาพบำบัดสำหรับเด็กนั้น จะเน้นไปที่กระบวนการรักษา ฟื้นฟู ในเด็กที่มีปัญหาเกี่ยวกับพัฒนาการด้านการเคลื่อนไหวต่าง ๆ ไปจนถึงความผิดปกติและความบกพร่องทางร่างกายที่เกิดขึ้นกับตัวเด็ก ความบกพร่องของระบบประสาท และระบบกล้ามเนื้อ หรือกระดูก นอกจากนี้ ยังช่วยพัฒนาการด้านการเคลื่อนไหว ทำให้ระบบโครงสร้างร่างกายทารกและเด็กทั่วไปใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ซึ่งมีความสำคัญไม่แพ้ผู้ใหญ่

กายภาพบำบัดสำหรับเด็ก มีให้บริการแบบไหนบ้าง?

1.การกระตุ้นพัฒนาการของเด็ก จัดเป็นบริการที่ทางเว็บ https://www.themoveclubptclinic.com/physical-therapy.html ให้ความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะเป็นพื้นฐานของการเติบโต

2.Neurodevelopmental Treatment (NDT)

3.การกระตุ้นด้วยกระแสไฟฟ้าเพื่อพัฒนาการเคลื่อนไหวของเด็ก (Functional Electrical Stimulation)

4.การออกกำลังกายในน้ำ (Pool Exercise)

5.การทำกายภาพบำบัดเพื่อรักษาภาวะกระดูกสันหลังคด ด้วยการใช้เทคนิค Schroth

6.การรักษาพิเศษด้วยเทคนิควอยตา (Vojta)

เด็กที่ควรได้รับการทำกายภาพบำบัด

1.ทารกที่ต้องเผชิญกับภาวะเสี่ยงต่าง ๆ ควรรักษาด้วยกายภาพบำบัด เช่น ทารกที่คลอดก่อนกำหนด น้ำหนักแรกคลอดน้อยมาก เป็นต้น

2.เด็กซีพี หรือเด็กที่มีปัญหาความล่าช้าของพัฒนาการด้านความเคลื่อนไหว ที่เกิดจากสาเหตุต่าง ๆ

3.เด็กที่มีปัญหาด้านความเคลื่อนไหวร่างกาย อันเนื่องมาจากความบกพร่องเกี่ยวกับไขสันหลัง เช่น spina bifida

4.เด็กที่มีปัญหาด้านตวามเคลื่อนไหว หลังจากประสบอุบัติเหตุ หรือภาวะแทรกซ้อนจากโรคต่าง ๆ

5.เด็กที่มีภาวะกล้ามเนื้ออ่อนแรง เช่น muscular dystrophy

9
นักวิจัยมหาวิทยาลัยเชียงใหม่พบพืชชนิดใหม่ของโลก เตรียมต่อยอดใช้เป็นยาต้านมะเร็งต่อไป โดยพืชชนิดนี้ได้รับพระราชทานนาม “พรหมจุฬาภรณ์” ซึ่งถูกค้นพบจากป่าดิบแล้งบนเขาหินปูนขนาดเล็กในพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช

พืชนิดใหม่ของโลกที่ถูกค้นพบ ก่อนนำไปใช้เป็นยาต้านมะเร็งดังกล่าว คือโครงการวิจัยเรื่อง “อนุกรมวิธานและวิวัฒนาการชาติพันธุ์ของพรรณไม้วงศ์กระดังงา (Annocaceae) ในประเทศไทยที่หายากและยังไม่เป็นที่รู้จัก เพื่อช่วยอนุรักษ์และการนำไปใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืน
 
ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการจัดทำหนังสือพรรณพฤกษชาติแห่งประเทศไทย (Flora of Thailand) ผ่านการสนับสนุนบางส่วนจากฝ่ายวิชาการ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) หรือมีชื่อใหม่ว่า สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) ภายใต้ทุนส่งเสริมนักวิจัยรุ่นใหม่

พืชชนิดใหม่ของโลก ที่ถูกนำไปต่อยอดยาต้านมะเร็ง มีลักษณะพิเศษอย่างไร

พืชที่ถูกค้นพบ ก่อนจะนำไปต่อยอดเป็นยาต้านมะเร็ง มีลักษณะคือ เป็นต้นไม้ขนาดเล็ก สูงไม่เกิน 2 เมตร และมีดอกขนาดเล็กที่สุดในสกุล ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางไม่เกิน 1 เซนติเมตร มีสีขาวโดดเด่น โดยสีจะเริ่มเปลี่ยนเป็นสีครีมเมือดอกมีอายุมากขึ้น

นอกจากนำไปต่อยอดทำยาต้านโรคมะเร็ง ที่มีสรรพคุณใกล้เคียงกับที่เว็บ https://www.bim100apco.com/ นี้ระบุไว้แล้ว พืชชนิดนี้ก็ยังมีกลิ่นหอมคล้ายกับดอกโมก ส่วนกลีบดอกชั้นในประกอบกันเป็นรูปโดและบริเวณโคนกลีบค่อนข้างคอด เผยให้เห็นช่องว่างระหว่างกลีบ ซึ่งเมื่อผลเริ่มสุกก็จะมีแดงอมส้ม

“พรหมจุฬาภรณ์” ที่จะถูกนำไปต่อยอดยาต้านมะเร็ง เป็นพืชที่เสี่ยงสูญพันธ์

พืชชนิดใหม่ของโลก “พรหมจุฬาภรณ์” ที่มีสรรพคุณเป็นยาต้านมะเร็งในตัว ถูกตีพิมพ์ลงในวารสารวิชาการระดับนานาชาติ Brittonia ซึ่งจัดเป็นพันธ์ที่ใกล้สูญพันธ์อย่างยิ่งยวด สามารถพบได้เพียงไม่กี่ต้นเท่านั้น ณ บริเวณป่าดิบแล้งบนเขาหินปูนขนาดเล็ก ในอำเภอสิชล จังหวัดนครศรีธรรมราช ที่ตั้งอยู่นอกเขตอนุรักษ์ของกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช

10
เสื่อโยคะที่ปราศจากสิ่งสกปรกและคราบเหงื่อไคล เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้การยืดกาะลดลง การทeความสะอาดประจำวัน หรือหลังเล่นโยคะ จึงเป็นเรื่องที่ต้องทำเสมอ เพียงแค่ใช้ผ้าชุบน้ำบิดหมาด ๆ แล้วนำไปเช็ดถูให้ทั่วและนำไปพึ่งลงให้แห้งโดยไม่ต้องโดนแดด

หรือถ้าเสื่อโยคะมีคราบสกปรกฝังแน่น ก็ให้ใช้น้ำสบู่อ่อน ๆ ผสมน้ำเปล่า แล้วก็ผ้ามาเช็ดทำความสะอาดให้ทั่วตัวเสื่อ ถ้าคราบสกปรกยังออกมาไม่หมด ก็ใช้แปรงสีฟันมาถูอีกที่ แค่นี้ก็จะทำให้คราบสกปรกฝังแน่นหลุดออกมาได้อย่างง่ายดาย เสร็จแล้วก็ให้ล้างทำความสะอาดอีกที ก่อนนำไปตากลมให้แห้ง

วิธีเพิ่มการยึดเกาะให้กับเสื่อโยคะ

สำหรับคนที่ซื้อเสื่อจากเว็บ http://www.dooyoga.com ซึ่งเป็นผู้จัดจำหน่ายแล้วเริ่มรู้สึกว่าการยืดเกาะลดลงไปมากแล้ว ให้ลองใช้น้ำเปล่า 3 ส่วน ผสมเข้ากับน้ำส้มสายชู 1 ส่วน ไปชุบกับผ้าแล้วนำไปเช็ดให้ทั่วตัวเสื่อ จากนั้นนำไปตากลมให้แห้ง ก็จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการยึดเกาะให้กับตัวเสื่อให้กลับมาเหมือนวันแรกที่ซื้อมาได้

ข้อสำคัญที่ไม่ควรลืมเลยก็คือ ควรนำเสื่อโยคะไปตามลมให้แห้งทันที และควรหลีกเลี่ยงการนำเสื่อไปตากแดดอย่างเด็ดขาด เนื่องจากแสงแดดส่งผลให้อายุการใช้งานของเสื่อลดลงนั่นเอง ที่สำคัญแสงแดดยังเป็นตัวการทำให้การยืดเกาะลดลงตามไปด้วย

หากต้องการตากแดดจริง ๆ ก็ควรตากเพียงแค่พอประมาณเท่านั้น  เสื่อโยคะไม่ควรตากนาน หรือตากแดดแรง ๆ ติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน ๆ เพราะมันจะยิ่งทำให้เสื่อเสื่อมคุณภาพได้อย่างรวดเร็ว ๆ จนไม่อาจซับแรงกด หรือแรงกระแทกได้อีกต่อไป ส่วนเสื่อที่ทำจากยางพารา หากนำไปตากแดดนาน ๆ ก็จะทำให้ตัวเสื่อเสียทรงได้เช่นกัน.

11
อาการช็อคแบบนี้ เกิดจากผู้ป่วยรักษาเบาหวานที่มีระดับน้ำตาลในเลือดสูง จัดเป็นภาวะฉุกเฉิน มีสัญญานเตือนก่อนช็อคคือ หิวน้ำและปัสสาวะบ่อย เซื่องซึม หากเป็นมากความดันก็ยิ่งต่ำ จนหมดสติได้ ซึ่งภาวะแบบนี้ พบได้บ่อยในผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 โดยเฉพาะในผู้ป่วยสูงวัยที่ดูแลตนเองไม่ดี
 
ปัจจัยส่งเสริมที่ทำให้ช็อค นอกเหนือจากการรักษาเบาหวานไม่ดี

1.เกิดจากทานอาหารมากไป ขาดการออกกำลังกาย หรือฉีดอินซูลินไม่ต่อเนื่อง

2.มีอาการเจ็บป่วยอย่างรุนแรงร่วมด้วย เช่น โรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด มีภาวะติดเชื้อ

3.ได้ยาต้านอินซูลินรักษาเบาหวาน เช่น สเตียรอยด์ และยาขับปัสสาวะ

ผู้ป่วยที่รักษาเบาหวานและควบคุมน้ำตาลไม่ดี สามารถสังเกตุอาการเตือนได้ คือ หิวน้ำมาก, ดื่มน้ำบ่อย, ปัสสาวะบ่อย โดยเฉพาะตอนกลางคืน,อ่อนเพลีย,เหนื่อยง่าย, น้ำหนักลด, ตาพร่ามัว, จนผู้ป่วยเริ่มซึม กระทั่งหมดสติ หรือบางรายอาจชักกระตุก

หากมีอาการเตือนเกิดขึ้นก็ปฏิบัติตัวให้ถูกต้องก่อนช็อคได้ดังนี้ ดื่มน้ำมาก ๆ, ตรวจหาระดับน้ำตาลในเลือดหรือปัสสาวะหากพบว่าสูงให้เพิ่มยา,หรือพบแพทย์, ถ้ามีอาการชักกระตุกเฉพาะที่ หรือมีอาการซึม และมีระดับน้ำตาลในเลือดมากก็ให้พบแพทย์โดยด่วน

การป้องกันภาวะช็อคที่ถูกต้อง ควบคู่กับการรักษาเบาหวาน

1.นอกจากรักษาและทานยาที่มีคุณสมบัติเหมือนที่เว็บนี้ https://www.gdyna.com/category/7/รักษาเบาหวาน ระบุไว้อย่างต่อเนื่องแล้ว ต้องรู้จักวิธีควบคุมเบาหวานอย่างถูกต้องด้วย โดยให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด ทั้งการควบคุมอาหาร ออกกำลังกาย ไปจนถึงการทานยาในปริมาณที่เหมาะสม

2.ผู้ป่วยรักษาเบาหวานต้องตรวจระดับน้ำตาลในเลือดและในปัสสาวะอย่างสม่ำเสมอ

3.ในกรณีที่ผู้ป่วยเบาหวานไม่สบายร่วมด้วย ก็ควรไปเข้าพบแพทย์ ไม่ควรซื้อยามาะทานเอง และต้องบอกแพทย์ด้วยว่าเป็นเบาหวาน

4.ผู้ป่วยเบาหวานห้ามหยุดใช้ยาฉีด หรือยาแบบทานเด็ดขาด ถึงแม้ทานอาหารได้ในปริมาณน้อยก็ตาม.

12
คำกล่าวที่ว่า “คนผมหยิกเสี่ยงต่อการเกิดขนคุดได้มากกว่าคนผมตรง” ถือเป็นการสร้างความเชื่อแบบผิด ๆ เพราะไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ใดออกมายืนยันว่าเป็นจริง ประกอบกับการมีเส้นผมหยิกและหยักศกก็ไม่ได้สร้างปัญหาอะไรให้ผิวหนัง

โดยเฉพาะการเกิดขนคุด เพราะเส้นขนลักษณะนี้เกิดจากเส้นขนเจริญเติบโตแบบย้อนกลับเข้าไปทางเดิม ทำให้ผิวหนังเป็นตุ่มแดง ไม่ได้เกี่ยวข้องกับลักษณะของเส้นขนแต่อย่างใด ดังนั้น คนผมหยิก ผมหยักศก ก็ไม่ต้องเป็นกังวล เพราะมันไม่ได้เกิดขึ้นกันง่าย

ทุกคนมีสิทธิ์เป็นขนคุดได้ ถ้าไม่ดูแลตัวเอง

ขนคุดเกิดขึ้นได้กับทุกคน โดยเฉพาะคนที่ใช้วิธีกำจัดเส้นขนแบบเดิม เช่น โกน ถอน แม้แต่การแว็กซ์ เนื่องจากการกำจัดขนด้วยวิธีการนี้ ส่งผลให้เกิดบาดแผลที่เล็ก ๆ กับรูขุมขน จนทำให้การเกิดใหม่ของเส้นผมผิดปกติ ต่อมาก็เส้นขนเหล่านั้นก็เริ่มคุดในที่สุด

ดังนั้น วิธีที่ปลอดภัยที่สุดในการกำจัดขนก็คือ หลีกเลี่ยงการกำจัดขนที่เสี่ยงเกิดขนคุด หรือถ้าไม่อาจหลีกเลี่ยงได้จริง ๆ ก็ควรศึกษาหาวิธีที่ถูกต้องและมีความเหมาะสม จากนั้นก็ให้ทำตามด้วยความระมัดระวัง เพื่อไม่ให้เกิดผลเสียตามมาภายหลัง

ส่วนคนที่เกิดการขุดของเส้นขนอยู่แล้วก็กำจัดออกได้ตามที่เว็บ https://www.kp-clear.com/ ได้แนะนำไว้ ส่วนวิธีที่ได้ผลที่สุดและบอกลาเส้นขนระยะยาวก็ต้องใช้ เลเซอร์กำจัดขนได้ ซึ่งวิธีนี้ค่อนข้างใหม่และมีประสิทธิภาพสูง ทำให้มีความปลอดภัยสูงตามไปด้วย

วิธีการคือ นำคลื่นพลังงานเลเซอร์ YAG Laser มาใช้กำจัดขนคุด ซึ่งเลเซอร์ที่ใช้จะมีความปลอดภัย จึงทำให้มั่นใจได้ว่าการกำจัดขนด้วยเลเซอร์ความปลอดภัยสูงมาก ไม่ก่อให้เกิดการละคายเคืองและการอักเสบ ที่สำคัญ ถ้าทำตามที่ผู้เชียวชาญแนะนำก็สามารถบอกลาเส้นขนแบบยาว ๆ ได้เลย.

13
ผลการค้นพบเชื้อเอดส์สายพันธ์ใหม่ โดยการใช้ชุดตรวจ hiv กับลิงกอริลลาของทีมนักวิทยาศาสตร์นานาชาติในครั้งนี้ ถูกเปิดเผยว่า เชื้อ 2 ใน 4 สายพันธ์ของเชื้อไวรัส ที่สามารถทำให้มนุษย์ติดโรคเอดส์ กำเนิดมาจากลิงกอริลลาที่มีถิ่นอาศัยอยู่ในภูมิภาคตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศแคเมอรูน

ข้อมูลการค้นพบเชื้อพันธ์ใหม่ จากการใช้ชุดตรวจ hiv กับลิงกอริลลาครั้งนี้ ทำให้นักวิจัยทีมนี้ แกะรอยถึงต้นกำเนิดที่แท้จริงของสายพันธุ์เชื้อไวรัสเอชไอวีทั้งหมดที่เกิดกับมนุษย์แล้ว ซึ่งสายพันธุ์ที่ถูกค้นพบในครั้งนี้ มีต้นกำเนิดจากลิงติดต่อสู่มนุษย์ โดย 4 สาเหตุเป็นอย่างน้อย

ผลของการใช้ชุดตรวจ hiv ในแคเมอรูน พบเชื้อพันใหม่ระบาดเข้าสู่คนแล้ว

ทีมนักวิทย์จากฝรั่งเศส ได้ลงพื้นที่ใช้ชุดตรวจ https://www.thaihivtest.com กับประชาชนแคเมอรูน จนพบเรื่องที่น่าวิตกกังวลเป็นอย่างมาก เพราะเชื้อไวรัสเอชไอวีพันธ์ใหม่ในกอริลลาได้แพร่ระบาดเข้าสู่คนแล้ว ซึ่งบุคคลที่ว่านี้ เป็นหญิงสูงวัยชาวแคเมอรูน

เชื้อพันธ์ใหม่ถูกพบจากการใช้ชุดตรวจ hiv กับหญิงวัย 62 ปีชาวแคเมอรูนรายนี้ คือสายพันธุ์ย่อย ซึ่งจัดเป็นสายพันธ์ส่วนน้อยและมีต้นตอมาจากสัตว์จำพวกลิงเช่นเดียวกัน เมื่อนำการค้นพบในครั้งนี้ ไปศึกษารวมกับผลงานที่นักวิจัยจัดทำขึ้นในสมัยก่อน ยิ่งช่วยตอกย้ำว่า เชื้อไวรัสได้แฝงตัวอยู่ในลิงแชมแพนซีและกอริลลามานานแล้ว

ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าวิตกเป็นอย่างยิ่ง เพราะหลังการใช้ชุดตรวจ hiv กับเลือดผู้ป่วยรายนี้พบว่า มันวิวัฒนาการจนกระทั่งแพร่ระบาดข้ามสายพันธ์มาสู่คนได้ ข่าวร้ายอีกอย่างคือเชื้อไวรัสที่พบนี้ มันมีความสามารถถึงขนาดที่จะทำให้เกิดการระบาดครั้งใหญ่ขึ้นบนโลก

ทีมนักวิจัยใช้ชุดตรวจ hiv กับหญิงรายนี้ จนพบว่าเชื้อในลิงและคนใกล้เคียงกันมาก

หลังจากที่ทีมนักวิจัยใช้ชุดตรวจ hiv เพื่อถอดรหัสพันธุ์กรรมของเชื้อไวรัสพันธ์ใหม่นี้ โดยนำคอมพิวเตอร์มาช่วยเปรียบเทียบกับเชื้อเอชไอวีที่พบในคนและในลิง จนพบเรื่องที่น่าตกใจอีกอย่างนึง เพราะเชื้อที่นั้น มีความใกล้เคียงกันเป็นอย่างมาก นี่จึงแสดงให้เห็นว่า ณ ตอนนี้ เชื้อสามารถวิวัฒนาการจนติดต่อเข้าสูคนได้แล้ว

อย่างไรก็ตาม หลังจากหญิงรายนี้เข้าการตรวจโดยใช้ชุดตรวจ hiv แล้ว กลับไม่พบอาการของโรคที่เกิดขึ้นกับเธอเลย เนื่องจากในร่างกายเธอมีปริมาณเชื้อไวรัสและเซลล์ภูมิคุ้มกันประเภทซีดี 4 คงที่ เป็นผลมาจากได้รับยาต้านเชื้ออย่างสม่ำเสมอ

ในอดีตระหว่างปี 2427-2467 เคยมีการใช้ชุดตรวจ hiv ในกระดาษชำระที่พบในสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก ซึ่งขณะนั้น ยังตกเป็นอณานิคมของเบลเยียม ก็มีการค้นเชื้อไวรัสคล้ายกัน ทำให้นิวัจยคาดการณ์ว่าเชื้อเอดส์แพร่ระบาดมาสู่คนมานานแล้ว โดยมีสาเหตุหลายประการ เช่น ถูกลิงกัด กินเนื้อลิงติดเชื้อ นี่จึงเป็นเรื่องที่ง่ายต่อการติดต่อเข้าสู่คน.

14
“ตดหมูตดหมา” สมุนไทยที่มีสรรพคุณใช้เป็นยาเบาหวานได้อย่างดีเยี่ยม ถึงแม้ชื่อจะฟังดูตลกไปหน่อย แต่ก็ช่วยลดระดับน้ำตาลและไขมันในเลือดได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ ยังมีสรรพคุณแก้ปวดเมื่อยอีกด้วย ซึ่งตดหมูตดหมา หรือกระพังโหมที่คนไทยชอบเรียกกัน มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Paederia linearis Hook. f.

และนอกเหนือจากสรรพคุณในการใช้ทานเป็นยาเบาหวานและแก้ปวดเมื่อยแล้ว หมอยาพื้นบ้านยังใช้ตดหมูตดหมาเป็นส่วนผสมของยาอายุวัฒนะเช่นเดียวกัน เพราะด้วยความเชื่อที่ว่า หากรับประทานเป็นประจำจะสามารถเพิ่มพละกำลังให้แก่ร่างกาย ไปจนถึงการเพิ่มสมรรถภาพทางเพศ ช่วยให้กระดูกที่หักติดกันได้ง่าย และสรรพคุณในด้านอื่น ๆ

ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลได้ดี หนึ่งในปัจจัยสำคัญสำหรับใช้เป็นยาเบาหวาน

สารสกัดจากใบตดหมูตดหมาใช้เป็นยาเบาหวานได้ เนื่องจากสามารถลดระดับน้ำตาลในเลือดจนกลับเข้าสู่ภาวะปกติได้ และยังมีมีสรรพคุณเพิ่มระดับฮอร์โมนอินซูลิน (insulin) ซึ่งเป็นฮอร์โมนสำคัญที่คอยควบคุมและลดระดับน้ำตาลในกระแสเลือด

จากการนำไปใช้เป็นยาเบาหวานให้กับหนูทดลอง ผลปรากฏว่า สารสกัดจากใบตดหมูตดหมานั้น มีผลทำให้ HbA1C ในกระแสเลือดลดจำนวนลง สิ่งนี้แสดงให้เห็นถึงคุณสมบัติพิเศษของสุมนไพรตดหมูตดหมา ในการช่วยลดระดับน้ำตาลให้กลับเข้าสู่ภาวะปกติ

นอกเหนือจากใช้เป็นยาเบาหวานแล้ว ตดหมูตดหมายมีสรรพคุณอะไรอีก

นอกเหนือจากการใช้เป็นยาเบาหวานได้อย่างมีคุณภาพแล้ว ตดหมูตดหมายังมีสรรพคุณที่โดดเด่นอีกหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็น แก้ปวดเมื่อย ขับลม ขับปัสสาวะ เป็นยาระบายอ่อน ๆ ขับน้ำนม แก้อาการปวดที่เกิดจากพยาธิ ซึ่งหมอยาพื้นบ้านจะนิยมใช้ตดหมูตดหมามาต้มรวมกับสมุนไพรไทยชนิดอื่น ๆ ในการรักษาโรคและอาการเหล่านี้ ซึ่งปัจจุบันก็ยังมีให้เห็นกันอยู่

จะหาซื้อตดหมูตดหมา มากินเป็นยาเบาหวานได้อย่างไร

ด้วยสรรพคุณที่นำมาใช้เป็นยาของสมุนไพรไทยอย่าง “ตดหมูตดหมา” ทำให้ผู้ป่วยและใครหลายคนอยากได้มันมาครอบครอง แต่ทว่า ในประเทศไทยยังไม่มีการพัฒนาสมุนไพรตดหมูตดหมาเป็นยาอย่างเป็นทางการ เนื่องจากติดข้อกฎหมายหลายประการ

อย่างไรก็ตาม ถึงแม้จะไม่สามารถหาซื้อตดหมูตดหมาเป็นยาเบาหวานแบบแคปซูลมารับประทานได้ แต่ก็ยังดีที่หาต้นตดหมูตดหมาสด ๆ มาทานได้ไม่ยากเย็นนัก เพราะสมุนไพรชนิดนี้ มีอัตราการเจริญเติบโตที่ดี เข้ากับดินในประเทศไทยได้แทบทุกชนิด แต่ส่วนใหญ่จะชอบดินร่วนซุย แสงแดดจัด เป็นพิเศษ อีกทั้งยังทนความแห้งแล้งได้ดี จึงพบเห็นได้ทั่วไปตามที่รกร้าง ในป่าธรรมชาติ เช่น ตามป่าผสมผลัดใบ ป่าเต็งรัง เป็นต้น.

15
หัวล้านความจริงแล้วไม่ได้สร้างปัญหาทางร่างกาย แต่สร้างปัญหาทางใจไม่น้อย การปลูกผมจึงแวบขึ้นมาในหัวในกลุ่มคนเหล่านี้เสมอ เพื่อแก้ปัญหาหัวล้านที่พบเจอ เนื่องจากการหลุดร่วงของเส้นผม เป็นเรื่องที่แก้ไขได้ไม่ง่ายนัก ที่สำคัญคือมันยังเปลี่ยนรูปลักษณ์ภายนอกของบุคคลนั้นไปอย่างสิ้นเชิง

ดังนั้น คนที่มีปัญหาหัวล้านจึงพยายามหาวิธีแก้ที่ได้ผลลัพธ์ดีที่สุด การปลูกผมจึงได้กลายเป็นที่นิยมขึ้นมา และยิ่งในปัจจุบันนี้ ที่นัวตกรรมต่าง ๆ ได้ก้าวหน้าไปมาก ทำให้การปลูกเส้นผมไม่ใช้เรื่องยากและไม่ต้องกังวลเรื่องผลข้างเคียงใด ๆ อีกแล้ว

แต่บางทีเหตุผลนี้ อาจช่วยโน้มน้าวใจให้คนหัวล้านไม่ต้องปลูกผมก็ได้ เพราะผลวิจัยล่าสุดได้พบว่า มีคนหัวล้านหลายคนที่ยังมีความมั่นใจ และมีความแข็งแกร่งหลายเท่าถ้าเทียบกับคนปกติ หรือคนผมดกดำ ซึ่งงานวิจัยที่จัดทำขึ้นนี้ เป็นผลงานของนักจิตวิเคราะห์นามว่า Steve McKeown ทั้งยังเป็นผู้ก่อตั้งบริษัท MindFixers และเป็นเจ้าของคลินิก McKeown ด้วยเช่นกัน

คนหัวล้านที่กังวลใจ และการปลูกผมไม่ใช่เรื่องแปลกแยก

Steve McKeown เผยว่า ชายวัย 50 ปี ราว 50% จะมีอาการผมร่วง และหลายคนก็ปลูกผมเพื่อแก้ปัญหา เป็นเพราะมาจากปัญหาหัวล้านจะทำให้เกิดความภาคภูมิใจในตัวเองต่ำกว่าเดิม บางครั้งอาจเลยเถิดถึงขั้นซึมเศร้า พร้อมกับเกิดความคิดขึ้นในใจว่า “ไม่มีทางแก้อดีตได้” เหตุนี้จึงไม่ใช่เรื่องแปลกถ้าจะมีชายหัวล้านหลายคนยอมเสียเงินไปกับการเนรมิตเส้นผมให้กลับมาหนาดังเดิม

ผลงานวิจัยชิ้นแรกนั้น บรรดาชายหนุ่มที่หัวล้านและยังไม่ได้ปลูกผมพบว่า มีประชาชนโหวตลงคะแนนให้ว่ามีความโดดเด่นเสียยิ่งกว่าชายปกติที่มีผมดกดำเต็มหัว ส่วนผลงานวิจัยชิ้นที่สอง ได้ให้ชายที่หัวล้าน และหัวเกือบล้านเข้ารับการโกนหัวให้เกลี้ยงเกลาและตกแต่งด้วยวิธีดิจิตอล จากนั้นให้คนลงคนแนนก็พบว่า ถูกมองว่ามีความโดดเด่น ตัวสูง ทั้งยังช่วยให้ดูแข็งแกร่ง ถึงแม้ว่าตัวตนแท้จริงไม่ใช่แบบนั้น

คนหัวล้านที่ไม่ได้ปลูกผม จึงไม่ใช่เรื่องแย่เสมอ

Steve McKeown ได้เผยว่า คนหัวล้านที่ยังไม่ได้ปลูกผมก็ไม่ใช่เรื่องย่ำแย่เสมอไป เพราะผลวิจัยก็แสดงให้เห็นแล้วว่าชายหัวล้านก็มีข้อดีในตัวเอง ทั้งความโดดเด่น ความมั่นใจ มีความเป็นชายชาตรี ดูตัวสูง ที่สำคัญเลยยังดูมีควาแข็งแรงกว่าปกติ

นอกจากนี้ ผลลัพธ์ยังแสดงให้เห็นอีกว่า ชายหัวล้านที่ไม่ได้เข้ารับการปลูกผมมีความมั่นใจ มีความโดดเด่น แฝงไปด้วยความแข็งแกร่งกว่าอยู่ดี ส่วนชายผมบางเกือบล้าน หรือชายผมดกดำที่พยายามทำให้ตนเองหัวล้าน กลับถูกมองว่าดูแย่กว่าชายหัวล้านที่แท้จริง.

16
วิธีการตั้งชื่อเล่นลูกของคนจีน ถือว่ามีความใกล้เคียงกับของไทยพอสมควร แต่ถ้าสังเกตดูดี ๆ แล้วจะพบว่ามีความแตกต่างกันเล็กน้อย ซึ่งการตั้งชื่อเล่นของคนจีนนั้น จะนิยมใช้กันเรียกกันเฉพาะในช่วงวัยเด็ก ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับชื่อจริงมากนัก

เพราะพ่อแม่คนจีนนิยมตั้งชื่อเล่นลูก ตามลักษณะเด่นของตัวเด็กที่ก็ไม่ได้แตกต่างจากคนไทยมากนัก เช่น ลูกตัวเล็กก็ตั่งชื่อเล่นให้ลูกว่าเล็ก หรือถ้าลูกมีลักษณะที่ตัวใหญ่กว่าเด็กวัยเดียวกัน ก็อาจตั่งชื่อให้ลูกว่าหมี เป็นต้น อะไรแบบนี้

คนไทยจะตั้งชื่อเล่นลูกและชื่นชอบให้คนเรียกแบบนั้น

สำหรับการตั้งชื่อเล่นลูกของพ่อแม่ชาวไทยนั้น มักจะเป็นชื่อที่ใช้เรียกกันในวงกว้าง โดยเฉพาะแวดวงญาติผู้ใหญ่ เพื่อฝูง แล้วมักจะเป็นชื่อที่ติดตัวไปตลอด เพราะดูเหมือนจะขี้เกียจเรียกชื่อจริงที่มีหลายพยางค์กันนั่นเอง ถึงแม้อาจฟังดูเป็นเรื่องที่แปลกไปสักหน่อย แต่ถ้าสังเกตดูรอบตัวจะพบว่าส่วนมากเป็นอย่างนี้เสมอ

ส่วนคนจีนนั้น ไม่ค่อยนิยมตั้งชื่อเล่นลูก หรือชื่อจริงตามคนดัง

คนไทยและชาวตะวันตกมีธรรมเนียมที่เหมือนกันอย่างหนึ่ง คือการตั้งชื่อเล่นลูก หรือชื่อจริงตามบรรดาคนดังทั้งหลาย เช่น ช่วงนั้นมีภาพยนตร์ชื่อดังเรื่องที่มีพระเอกและนางเอกที่สุดยอดมาก หรือจะเป็นนักกีฬาชื่อดังที่มีฝีไม้รายมือเก่งกาจ พ่อแม่ก็จะได้แรงบรรดาลใจการตั่งชื่อลูกมาจากเรื่องแบบนี้ เป็นต้น

ซึ่งธรรมเนียมการตั้งชื่อเล่นลูก หรือชื่อจริงแบบนี้ จะไม่ค่อยเป็นที่นิยมในประเทศจีนเท่าไหร่ เหตุผลส่วนหนึ่งอาจมาจากคนจีนมีแซ่ที่ไม่สามารถเปลี่ยนได้เด็ดขาด ข้อแตกต่างอีกอย่างคือ ทั้งคนไยและชาวตะวันตกจะนิยมตั่งชื่อลูกอิงตามศาสนาที่ตนนับถือด้วย เช่น พ่อแม่ชาวตะวันตกตั่งชื่อลูกว่า Jhon หรือ Gabriel ตามชื่อนักบุญ

ส่วนการตั้งชื่อเล่นลูก หรือชื่อจริงอิงตามศาสนาที่พ่อแม่ชาวไทยนับถือนั้น ก็มีให้เห็นกันบ่อย ๆ และมักจะนำมาใช้กับการตั่งชื่อจริงเป็นหลัก ส่วนชื่อเล่นนั้นจะไม่ค่อยนิยมเท่าไหร่ เพราะการตั่งชื่อเล่นนั้น ต้องการใช้ถ้อยคำที่ฟังดูกระฉับ เพื่อให้เป็นที่จดจำได้ง่าย แต่วิธีนี้ ไม่ค่อยเป็นที่นิยมกับพ่อแม่ชาวจีนเท่าไหร่

ข้อแตกต่างอีกอย่างของการตั่งชื่อเล่นลูกขอชาวตะวันตกกับพ่อแม่คนไทยและจีน คือ ชาวตะวันตกมักจะตั่งชื่อลูกและใช้ชื่อต่อท้ายว่า Junior (คนลูก) และ Senior (คนเป็นพ่อ) ยกตัวอย่างพระเอกจาหภาพยนต์เรื่อง Ironman ที่ชื่อ Robert Downey Jr. นั่นก็แปลได้ว่าพ่อของมนุษย์เหล็กสีแดงตนนี้ชื่อ Robert Downey Sr. แต่ที่จีนและไทยจะไม่มีธรรมเนียมการตั่งชื่อแบบนี้เลย.

หน้า: [1]