ThaiFranchiseCenter Webboard

ThaiFranchiseCenter Webboard - Info Center

* สมัครสมาชิกเว็บบอร์ด ไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ ฟรี! *
หน้าแรก | เปิดร้านค้าฟรี! | โปรโมชั่นแฟรนไชส์ | ร้านหนังสือออนไลน์ | สนใจลงโฆษณา

ทางเว็บไซต์ ThaiFranchiseCenter.com ไม่มีส่วนรับผิดชอบกับข้อความต่างๆในเว็บบอร์ดแต่อย่างใด
    ไม่ว่าจะเป็นการซื้อ-ขาย-เช่า-เซ้ง หรือ อื่นๆ (ผู้ซื้อ หรือ ผู้ขาย กรุณาใช้วิจารณญาณในการติดต่อทางธุรกิจ)


แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - สิริ พร

หน้า: [1] 2 3 4 5 6 7
1
เดอะ เครสท์ อโศก เรสซิเดนซ์ (The Crest Asoke Residences)
ราคา : โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ

จุดเด่น
คอนโดย่านใจกลางธุรกิจ ที่ผสมผสานความสะดวกสบายและความเงียบสงบ เป็นส่วนตัว อีกทั้งเป็นจุดเชื่อมต่อพื้นที่ไลฟ์สไตล์ ใกล้แหล่งท่องเที่ยวและแหล่งช้อปปิ้งในย่านทองหล่อ พร้อมพงษ์ และอโศก

รายละเอียดโครงการคอนโดมิเนียม-โปรโมชั่น
ชื่อโครงการ : เดอะ เครสท์ อโศก เรสซิเดนซ์ (The Crest Asoke Residences)
ดูคอนโดราคาใกล้เคียง  ดู เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น ทุกโครงการ  ดู เอสซีแอสเสท ใกล้รถไฟฟ้า
เจ้าของโครงการ : เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น
ราคา : โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
ราคาเฉลี่ยต่อตร.ม. : โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
คำนวณเงินผ่อน :
 
ลักษณะทำเล : คอนโดย่านธุรกิจกลางเมือง, คอนโดใกล้ขนส่งสาธารณะ
ความสูงคอนโด : High Rise (9 ชั้นขึ้นไป)
ลักษณะกรรมสิทธิ์ : โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
ประเภทห้องที่มี : โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
ขนาดห้องที่มี : โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
เนื้อที่ทั้งหมด : 1 ไร่ 2 งาน
จำนวนตึก : 1 อาคาร
จำนวนชั้น : 24 ชั้น
จำนวนห้อง : 192 ยูนิต
ที่จอดรถทั้งหมด : โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
ค่าบำรุงส่วนกลาง : โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
สาธารณูปโภค : โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
โซน : สุขุมวิทช่วงต้น 1-24, นานา, อโศก
ที่ตั้งคอนโดมิเนียม : ซ.สุขุมวิท 23 ถ.สุขุมวิท แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ

ขนส่งสาธารณะ : รถไฟฟ้า ใกล้รถไฟฟ้า, รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน บางซื่อ - หัวลำโพง (สถานีสุขุมวิท), ใกล้รถไฟฟ้า, รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน บางซื่อ - หัวลำโพง (สถานีสุขุมวิท)รถไฟฟ้าสายสีเขียวเข้ม หมอชิต - แบริ่ง (สถานีอโศก)

สถานที่สำคัญใกล้เคียง :
มศว ประสานมิตร
เทอร์มินอล 21
รพ.จักษุ รัตนิน

คอนโดติดรถไฟฟ้า: เดอะ เครสท์ อโศก เรสซิเดนซ์ (The Crest Asoke Residences) อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://www.checkraka.com/condo/publictransport/

2
การจัดฟันในเด็ก เป็นการรักษาทางทันตกรรมสำหรับเด็กที่มีปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพช่องปากและฟัน ซึ่งต้องบอกว่า การจัดฟันในเด็กนั้น สามารถแก้ไขปัญหาฟันได้อย่างมีประสิทธิภาพเลยทีเดียว โดยการจัดฟันในเด็กจะสามารถทำได้ เมื่อเด็กเริ่มมีฟันแท้ขึ้นบางส่วนในช่องปาก และมีปัญหาจนต้องมีความความจำเป็นที่ต้องได้รับการจัดฟัน เพื่อแก้ไขความผิดปกติของการสบฟัน หรือตำแหน่งขากรรไกรที่ผิดปกติ

ซึ่งการจัดฟันในเด็กจะต้องได้รับความร่วมมือจากเด็กและผู้ปกครองเป็นสำคัญ อีกทั้งยังต้องมีการดูแลช่องปากเป็นอย่างดี ในเรื่องของความร่วมมือในการรักษา ถือว่ามีความสำคัญมาก เพราะถ้าหากเด็กไม่มีความร่วมมือก็อาจจะทำให้การจัดฟันในเด็ก ล้มเหลวได้ ดังนั้น การจัดฟันในเด็กจึงแบ่งได้เป็น 2 ประเภทคือ การจัดฟันในเด็กด้วยการใช้เครื่องมือจัดฟัน EF LINE และการจัดในเด็กแบบสวมใส่เหล็กจัดฟัน

ซึ่งพ่อแม่ผู้ปกครองอาจะมีความเข้าใจว่า การจัดฟันในเด็กเล็กนั้น สามารถใช้เครื่องมือการจัดฟันได้ แต่ความจริงแล้ว การจัดฟันในเด็กเล็กนั้น เหมาะสมกับการใช้เครื่องมือ แบบ EF LINE มากกว่า ดังนั้น วันนี้ทางคลินิกของเราจะมาพูดถึงเรื่องของ ทำไมเด็กเล็ก จึงไม่ควรเข้ารับการจัดฟันในเด็ก แบบสวมใส่เหล็กจัดฟัน ซึ่งอาจจะไขข้อสงสัยให้กับพ่อแม่ผู้ปกครองหลายคนได้ ที่กำลังสนใจให้บุตรหลานของท่านเข้ารับการจัดฟัน
 
สำหรับการจัดฟันในเด็กนั้น เด็กสามารถเข้ารับการจัดฟันได้ตั้งแต่อายุ 4-15 ปี ซึ่งเด็กที่เริ่มมีฟันแท้งอกออกมาก็สามารถที่จะเข้ารับการจัดฟันในเด็กได้แล้ว และการจัดฟันในเด็ก ก็สามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของรูปร่างฟัน โครงสร้างของใบหน้า ปรับตำแหน่งลิ้น สำหรับเด็กที่มีปัญหาเกี่ยวกับฟันที่มีพฤติกรรมการดูดขวดนม การดูดนิ้ว ซึ่งเด็กเล็กเหมาะสมที่จะเข้ารับการจัดฟันด้วยการใช้เครื่องมือ EF LINE

เพราะจะช่วยแก้ไขปัญหาฟันที่มีการสบฟันที่ผิดปกติได้ ซึ่งเครื่องมือ EF LINE มีลักษณะเป็นชิ้นยาง ซึ่งเด็กสามารถสวมใส่ได้อย่างง่าย สะดวกสบาย ไม่ทำให้รู้สึกระคายเคืองด้วย และที่บอกว่า การเข้ารับการจัดฟันในเด็ก แบบสวมใส่เครื่องมือแบบติดแน่น หรือที่เรียกว่าเหล็กจัดฟัน ยังไม่เหมาะสำหรับเด็กเล็กที่มีอายุ 4 ปี เนื่องจาก เด็กในวัยนี้ยังไม่มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับดูแรักษาความสะอาดช่องปากและฟันได้ดีเท่าที่ควร อาจจะทำให้เกิดฟันผุได้ ซึ่งถ้าหากเด็กที่มีอายุ 4 ปี มีปัญหาในเรื่องของฟัน การจัดฟันในเด็ก ด้วยเครื่องมือ EF LINE จึงมีความเหมาะสมมากกว่า

เพราะฉะนั้น พ่อแม่ผู้ปกครองควรที่จะเข้าใจรูปแบบและปัญหาอย่างแท้จริงขิงเด็กเสียก่อน ซึ่งทางทันตแพทย์อาจจะแนะนำให้เด็กเข้ารับการจัดฟันด้วยรูปแบบที่เหมาะสม แต่สำหรับเด็กที่เหมาะสมที่จะเข้ารับการจัดฟันในเด็ก แบบสวมใส่เหล็กจัดฟัน ก็ต้องมีการดูแลรักษาความสะอาดอย่างดี ควรใช้ไหมขัดฟันก่อนแปรงฟัน จะเป็นการขจัดเชื้อโรคไปด้วย แล้วจึงแปรงฟันด้วยแปรงขนนุ่ม โดยเลือกขนาดของแปรงให้เหมาะกับช่องปากและฟัน สำหรับยาสีฟันควรมีส่วนผสมของฟลูออไรด์เพื่อป้องกันฟันผุได้
 
หากพ่อแม่ผู้ปกครองท่านใด สนใจพาบุตรหลานของท่านเข้ารับการจัดฟันในเด็ก สามารถติดต่อขอรับคำแนะนำได้ที่คลินิก เพราะคลินิกของเรามีทันตแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญทางด้านการจัดฟันในเด็กและมีประสบการณ์อย่างยาวนาน จึงทำให้สามารถแนะนำหรือแก้ไขปัญหาฟันได้อย่างถูกวิธีและทันตแพทย์ของเรายังสามารถช่วยประเมินปัญหาและแนะนำแนวทางการแก้ไขได้อย่างตรงจุด สามารถแนะนำวิธีการรักษา

โดยยึดหลักปัญหาฟันของเด็กเพื่อให้เด็กได้รับการรักษาที่ถูกวิธี เพราะเราอยากให้เด็กๆทุกคนมีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดี ซึ่งการที่บุตรหลานของท่านมีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดีนั้น จะเป็นการช่วยส่งเสริมในเรื่องของพัฒนาการในเด้กได้อย่างดีอีกด้วย เพราะเด็กจะได้ใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างเต็มที่มากยิ่งขึ้น




ทำไมเด็กเล็ก จึงไม่ควรเข้ารับการจัดฟันเด็ก แบบสวมใส่เหล็กจัดฟัน อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://www.idolsmiledental.com/การจัดฟันเด็ก/

3
วีโว่ vivo X80 5G (12GB/256GB)
หน้าจอ AMOLED ขนาด 6.78 นิ้ว มาพร้อมกล้องหลัง 3 เลนส์ ความจุแบตเตอรี่ 4,500 mAh

รายละเอียดเบื้องต้น
   ยี่ห้อ-รุ่น             วีโว่ vivo X80 5G (12GB/256GB)
   ราคากลาง            29,999 บาท
   จำนวนซิม            2 ซิม (Nano Sim)
   แบบดีไซน์            จอสัมผัส
   สี                   Black(Cosmic Black), Blue(Urban Blue)

   ความถี่-เครือข่าย
2G(850/900/1800/1900MHz)
3G(B1/B2/B5/B8)
4G(B1/B2/B3/B4/B5/B7/B8/B20/B28)
5G(n1/n3/n5/n7/n8/n28/n38/n40/n41/n78)

   ขนาด-น้ำหนัก               ยาว 164.95 x กว้าง 75.23 x หนา 8.3 มม., น้ำหนัก 206 กรัม
   ความจุข้อมูลภายใน (ROM)     256 GB
   ความจุข้อมูลภายนอกสูงสุด     -
   แบตเตอรี่ และระบบชาร์จ       ความจุแบตเตอรี่ 4,500 mAh

จอแสดงผล
   ชนิดจอ              จอสัมผัส (AMOLED)
   ความละเอียด          6.78 นิ้ว, 388 ppi, 2,400 x 1,080 px

   รายละเอียดอื่น
ระบบปฏิบัติการ Funtouch OS 12 (Based on Android 12)
หน่วยประมวลผล MediaTek Dimensity 9000
กล้องหลัง 3 เลนส์ เลนส์หลัก 50 MP, f/1.8 + เลนส์ telephoto 12 MP, f/2.0 + เลนส์ ultrawide 12 MP, f/2.0
มีระบบเซนเซอร์ Fingerprint (under display, optical), accelerometer, gyro, proximity, compass, color spectrum
รองรับ Fast charging 80W

กล้องถ่ายรูป
   ขนาด-ความละเอียด          กล้องหลัง (50 Mpx), กล้องหน้า (32 Mpx)
   ความละเอียดของภาพภ่ายสูงสุด
   คุณสมบัติ                  Auto Focus, Flash, เซนเซอร์รับภาพ

ระบบปฏิบัติการ
   หน่วยประมวลผล (CPU)        Octa-core
   หน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU)   Mali-G710 MC10
   หน่วยความจำ (RAM)          12.0 GB
   ระบบเชื่อมต่อภายนอก          USB(Type-C 2.0), Bluetooth(5.3), NFC, Wi-Fi(Wi-Fi 6, Wi-Fi 5, 2.4G/5G, Wi-Fi Display, 2x2 MIMO, MU-MIMO)
   ระบบรับส่งข้อความ            SMS, MMS, EMAIL, PUSH MAIL
   การเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต         3G, GPRS, EDGE, WiFi, 4G, 5G
   ระบบ GPS                  GPS, BEIDOU, GLONASS, GALILEO, QZSS, A-GPS


มือถือ Vivo วีโว่ vivo X80 5G (12GB/256GB) อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://www.checkraka.com/mobilephone/vivo/

4
หนุ่มๆ นักดื่มสายปาร์ตี้ ที่มักจะจัดหนักจัดเต็มไม่เมาไม่กลับ เช้ามาจะต้องไปทำงาน แต่มีอาการปวดหัว คลื่นไส้ เพราะแฮงค์หนักจากปาร์ตี้เมื่อคืน อย่าให้อาการแฮงค์มาเป็นอุปสรรคในการทำงาน วันนี้เราได้รวบรวม 7 วิธีแก้แฮงค์มาฝาก ไม่ว่าจะปาร์ตี้หนักแค่ไหนก็สร่างเมาได้ไม่ยาก ช่วยให้ไปทำงานได้สบายๆ ไม่เสียการเสียงานแน่นอน


1.ดื่มน้ำขิง

นักดื่มต้องรู้ น้ำขิงมีสรรพคุณมากมาย สามารถนำมาชงดื่มแก้แฮงค์ เมาค้างได้เป็นอย่างดี แม้ว่าจะมีความเผ็ดร้อนไปบ้าง แต่ดื่มเข้าไปแล้วจะช่วยระบบขับถ่ายดีขึ้น ลดอาการปวดหัว ที่สำคัญช่วยดีท็อกซ์สารพิษที่ตกค้างในร่างกาย รวมถึงแอลกอฮอล์ การดื่มน้ำขิงร้อนๆ จึงเป็นอีกหนึ่งวิธีแก้แฮงค์ ได้ดีเลยทีเดียว


2.ดื่มน้ำผึ้งมะนาว

หากมีอาการแฮงค์เมาค้างอยากสร่างเมา เพียงแค่ชงน้ำผึ้งมะนาวดื่มสร่างเมาแน่นอน น้ำผึ้งมะนาวมีสรรพคุณในการแก้ปัญหาทางเดินอาหาร และแก้เมาค้างได้ดี มีรสชาติที่หวานอมเปรี้ยว กลิ่นหอม ดื่มง่าย สามารถช่วยลดสารพิษที่ตกค้างในร่างกายได้ดีอย่างไม่น่าเชื่อ


3.กินผลไม้

เป็นที่ทราบกันดีกว่าผลไม้นั้นมีประโยชน์ต่อสุขภาพ เพราะอุดมไปด้วยวิตามินเกลือแร่หลายชนิด โดยเฉพาะ กล้วยที่ช่วยป้องกันภาวะขาดน้ำให้กับร่างกาย รวมถึงผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ที่ช่วยให้ร่างกายสดชื่น ลดการคลื่นไส้ ตลอดจนแก้อาการเมาค้าง หรือแฮงค์ ได้เป็นอย่างดี


4.ดื่มน้ำมะพร้าว

น้ำมะพร้าวมีโพแทสเซียมสูง เป็นเครื่องดื่มแก้แฮงค์ได้เป็นอย่างดี เพราะอุดมไปด้วยโพแทสเซียม เกลือแร่ ลดการขาดน้ำ ตลอดจนเป็นแหล่งสารอาหารหลัก ช่วยให้ร่างกายสดชื่น ตื่นตัว และรู้สึกดี หากมีอาการเมาค้าง เพียงแค่หาน้ำมะพร้าวดื่ม รับรองสร่างเมาแน่นอน


5.ดื่มน้ำเกลือแร่

เมื่อมีอาการแฮงค์เมาค้าง ใช้ร่างกายมาหนัก อาจจะต้องชดเชยเติมน้ำให้กับร่างกายเข้าไปแทน โดยการดื่มน้ำเกลือแร่ในปริมาณที่เหมาะสม จะช่วยให้ร่างกายสดชื่นขึ้น และมีพลังงานในการทำงานมากขึ้น


6.ดื่มนมช็อกโกแลต

ช็อกโกแลตอุดมไปด้วยวิตามิน สารอาหาร คาเฟอีน และสารที่ให้ความหวาน หากมีอาการแฮงค์อยากเติมความสดชื่นให้ร่างกายกระปรี้กระเปร่าขึ้น เพียงแค่ดื่มนมช็อกโกแลต จะทำให้ร่างกายสดชื่นขึ้น ตลอดจนแก้อาการเมาค้างและปวดหัวได้อย่างเร่งด่วน


7.กินไข่ลวกกาแฟดำ

ไข่ลวกเป็นแหล่งพลังงาน วิตามิน และสารอาหาร หากมีอาการเมาค้างจากปาร์ตี้เมื่อคืน ลองกินไข่ลวกคู่กับกาแฟดำในตอนเช้า รับรองแก้แฮงค์ปวดหัวได้อย่างแน่นอน ไข่ลวกกาแฟดำถือเป็นอาหารแก้แฮงค์ที่นักดื่มต้องมีเลยทีเดียว

และนี่คือ 7 อาหารแก้แฮงค์ที่เราได้รวบรวมมาฝากนักดื่มในวันนี้ หนุ่มๆ สายดื่ม สายปาร์ตี้ หากไม่อยากแฮงค์ตลอดทั้งวันจนไม่เป็นอันทำงาน ลองนำวิธีที่เราได้นำมาฝากนี้ไปใช้ดู รับรองสร่างเมาอย่างแน่นอน




วิธีแก้แฮงค์ เมาค้าง สร่างเมาง่ายๆ ทำได้ไม่ยาก อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://mmed.com/products/

5
เราขนย้ายของ ย้ายบ้านสมุทรปราการ ที่ให้บริการครบวงจร บริการที่รวดเร็วเราพร้อมบริการที่เป็นกันเองหากต้องการใช้รถรับจ้างขนของสมุทรปราการ รถขนสมุทรปราการราคาถูก พร้อมคนยกของ พร้อมบริการทันที อย่างสะดวกสบาย โดยไม่มีอะไรต้องกังวลพนักงานทุกคนไว้ใจได้ ขับรถไม่เร็ว ไม่ดื่มสุราแอลกอฮอล์ และที่สำคัญ ช่วยท่านยกสินค้า ทำให้ คุณไม่ต้องเหนื่อยในการยกของอีกต่อไป จัดงานบริการ รถรับจ้างขนของสมุทรปราการ
 
รถขนของสมุทรปราการ รถเฮี๊ยบขนยกสมุทรปราการ รถ 4 ล้อใหญ่รับจ้างสมุทรปราการ เป็นต้น ซึ่งรถขนของเหล่านี้ ต่างจอดให้บริการลูกค้าในทุกพื้นที่ ทำให้ท่านมีความสะดวกในการเรียกใช้บริการรถอย่างแน่นอนและที่สำคัญ

ยังมีพนักงานช่วยยกสินค้าไว้คอยบริการท่านอีกต่างหากด้วยสนใจเลือกใช้บริการ รถขนของจังหวัดสมุทรปราการสามารถโทรเข้ามาสอบถามกับเราได้ โดยที่
 จะปรึกษาเรื่องการขนย้ายสอบถามราคาค่าขนย้าย ก็เรามีพนักงานพร้อมให้บริการท่านตลอด 24 ชั่วโมง หากท่านไม่สะดวกในเรื่องของเบอร์โทร อาจจะแอดไลน์ ส่งทาง facebook หรือ twitter ก็ได้ทุกช่องทางเช่นเดียวกัน ขนส่ง เรายินดีให้บริการลูกค้าทุกคนด้วยมาตรฐานเดียวกัน โทรมาเลย


ที่เราให้บริการลูกค้าอยู่ในขณะนี้เรามีรถมากมายหลากหลายชนิด ซึ่งรถขนของสมุทรปราการ ในเขตพื้นที่ทุกพื้นที่ ทุกตำบล ทุกอำเภอ ไม่ว่าจะเป็นเขตบางพลี บางนา สำโรง เราก็มีรถให้บริการทุกชนิดยกตัวอย่างเช่น รถ 6 ล้อรับจ้างขนย้ายสมุทรปราการ รถกระบะรับจ้างขนย้ายสมุทรปราการ รถสิบล้อรับจ้างขนย้ายสมุทรปราการ

การเตรียมความพร้อมเกี่ยวกับการ ขนย้ายของ ขนย้ายบ้าน ในแต่ละครั้งแน่นอนว่า การขนย้ายของ อาจจะมีความจุกจิกบ้างนิดหน่อยหากลูกค้ามีสินค้าที่ปริมาณมากๆ หรือมีสินค้าที่มีขนาดแตกต่างกันทำให้การขนย้ายในแต่ละครั้งอาจจะต้องมีการวางแผนการจัดเรียงพอสมควรดังนั้นทีมงานขนส่งเราจึงหาวิธีในการแก้ไขปัญหาสิ่งเหล่านี้ให้หมดไปโดยที่ลูกค้าไม่ต้องกังวลใจว่าของของท่านจะขนย้ายหมดหรือจะแตกเสียหายหรือไม่ เพราะการวางแผนในการขนย้ายของเราในแต่ละครั้งเราอาจมีความจำเป็นจะต้องสอบถามรายละเอียดลูกค้าถึงสินค้าที่ต้องการจากขนของ ดังนั้น รถขนของขนย้ายสมุทรปราการ ของเราทุกคันจะสอบถามลูกค้าในลักษณะที่ว่า
1. ลูกค้ามีสินค้าที่ขนาดใหญ่ที่สุด จำนวนกี่ชิ้น มีอะไรบ้าง ขนาดเท่าไหร่
2. ลูกค้าอยู่ในเขตพื้นที่ไหนเช่น บางครั้งเราใช้รถหกล้อในการขนย้ายอาจจะต้องมีติดเวลา หรือไม่
3. สินค้าที่จะยกนั้น อยู่ ชั้น 1 ชั้น 2 หรือคอนโด หากเป็นคอนโดมีลิฟท์หรือไม่
4. จุดขึ้นของมีกี่จุด
5. จุดหมายปลายทาง รถสามารถเข้าไปถึง จุดลงของหรือไม่

นี่ก็เป็นเพียง ขั้นตอนในการสอบถามเบื้องต้น กับลูกค้า เพื่อที่เราจะได้ประเมินงานได้ถูกว่าเราจะต้องใช้คนกี่คนในการเข้าไปขนย้ายของให้กับท่าน แต่ท่านไม่ต้องกังวลเพราะว่า เราทำงานด้วยทีมงานที่เป็นมืออาชีพเป็นอย่างมาก สินค้าทุกชิ้นท่านจะปลอดภัยและไม่เสียหายอย่างแน่นอน
ลองเปิดใจมาใช้บริการขนส่งกับเรา เรามั่นใจและการันตีได้เลยว่า ด้วยงานบริการขนย้ายของย้ายบ้านย้ายสำนักงาน หรือรับจ้างขนย้ายทุกชนิดจากประสบการณ์ที่มีมากกว่า 15 ปี เรามั่นใจได้เลยว่า เราจะสามารถ ดูแลสินค้าของท่าน ให้ถึงจุดหมาย ได้อย่างปลอดภัยอย่างแน่นอน

จุดพื้นที่ให้บริการ รถขนของจังหวัดสมุทรปราการ มีจุดพื้นที่รับจ้างขนของมากมายหลายจุดของจุดจอดรถต่างๆดังนี้

รถขนของย้ายบ้านรับจ้างอำเภอ เมืองสมุทรปราการ
รถขนของย้ายบ้านรับจ้างอำเภอ บางบ่อ
รถขนของย้ายบ้านรับจ้างอำเภอ พระประแดง
รถขนของย้ายบ้านรับจ้างอำเภอ บางพลี
รถขนของย้ายบ้านรับจ้างอำเภอบางเสาธง
รถขนของย้ายบ้านรับจ้างอำเภอ พระสมุทรเจดีย์
รถขนของย้ายบ้านรับจ้างอำเภอ สุขุมวิท
รถขนของย้ายบ้านรับจ้างอำเภอ บางพลีใหม่
รถขนของย้ายบ้านรับจ้างอำเภอ บางนา-ตราด
รถขนของย้ายบ้านรับจ้างอำเภอ สำโรง
รถขนของย้ายบ้านรับจ้างอำเภอ บางปู

รถรับจ้างขนของเชียงใหม่: เราขนย้ายของ ย้ายบ้านสมุทรปราการ ที่ให้บริการครบวงจร อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กทที่นี่ https://www.rodrubjang-youservice.com/category/105

6
วีโว่ vivo Y55s (2023) (4GB/128GB)
Vivo Y55s (2023) หน้าจอ IPS LCD ขนาด 6.58 นิ้ว กล้องหลัง 3 เลนส์ ความจุแบตเตอรี่ 5,000 mAh รองรับชาร์จไว 18W

รายละเอียดเบื้องต้น
   ยี่ห้อ-รุ่น                  วีโว่ vivo Y55s (2023) (4GB/128GB)
   ราคากลาง                -
   จำนวนซิม               2 ซิม (Nano Sim)
   แบบดีไซน์              จอสัมผัส
   สี                        Black, Blue

   ความถี่-เครือข่าย
2G(GSM 850 / 900 / 1800 / 1900)
3G(HSDPA 850 / 900 / 1700(AWS) / 1900 / 2100)
4G(1, 2, 3, 4, 5, 7, 8, 12, 17, 20, 28, 32, 38, 39, 40, 41)
5G(1, 3, 5, 7, 8, 20, 28, 38, 40, 41, 78 SA/NSA)

   ขนาด-น้ำหนัก                  ยาว 164 x กว้าง 75.9 x หนา 8.3 มม., น้ำหนัก 187 กรัม
   ความจุข้อมูลภายใน (ROM) 128 GB
   ความจุข้อมูลภายนอกสูงสุด   -
   แบตเตอรี่ และระบบชาร์จ      ความจุแบตเตอรี่ 5,000 mAh

จอแสดงผล
   ชนิดจอ                  จอสัมผัส (IPS LCD)
   ความละเอียด           6.58 นิ้ว, 401 ppi, 1,080 x 2,408 px

   รายละเอียดอื่น
ระบบปฏิบัติการ Android 12, Funtouch 12
ประมวลผลชิปเซ็ต Mediatek MT6833 Dimensity 700
กล้องหลัง 3 เลนส์ เลนส์หลัก 50 MP, f/1.8 + เลนส์ macro 2 MP, f/2.4 + เลนส์ depth 2 MP, f/2.4
มีระบบเซนเซอร์ Fingerprint (side-mounted), accelerometer, gyro, proximity, compass
รองรับชาร์จไว 18W

กล้องถ่ายรูป
   ขนาด-ความละเอียด                 กล้องหลัง (50 Mpx), กล้องหน้า (8 Mpx)
   ความละเอียดของภาพภ่ายสูงสุด
   คุณสมบัติ                            Auto Focus, Flash

ระบบปฏิบัติการ
   หน่วยประมวลผล (CPU)           Octa-core
   หน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU)   Mali-G57 MC2
   หน่วยความจำ (RAM)              4.0 GB
   ระบบเชื่อมต่อภายนอก              USB(Type-C), Bluetooth(5.1), NFC, Wi-Fi(802.11 a/b/g/n/ac, dual-band, Wi-Fi Direct)
   ระบบรับส่งข้อความ                 SMS, MMS, EMAIL
   การเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต           3G, GPRS, EDGE, WiFi, 4G
   ระบบ GPS                         GPS, GLONASS, GALILEO, BDS, QZSS

วีโว่ vivo Y55s (2023) (4GB/128GB) อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://www.checkraka.com/mobilephone/vivo/

7
ความเชื่อเกี่ยวกับโรคเบาหวานที่จริงแล้วผิดหรือถูก?

     โรคเบาหวาน คือ โรคที่ระดับน้ำตาลในเลือดสูงเรื้อรังเป็นเวลานาน ทำให้มีผลแทรกซ้อนต่อหลอดเลือดหัวใจ ตา ไต สมอง และระบบประสาทส่วนปลาย โรคเบาหวานเกิดจากกรรมพันธุ์ พฤติกรรมในการรับประทานอาหาร เช่น ทานอาหารที่มีแป้งและไขมันมาก หรือเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลปริมาณมาก และไม่ออกกำลังกาย อย่างไรก็ตาม หลายๆ คนยังมีความเข้าใจหรือความเชื่อที่ไม่ถูกต้องของการเกิดโรคเบาหวาน


ความเชื่อผิดๆ เกี่ยวกับเบาหวาน

1. รับประทานอาหารที่มีรสหวานมากจะทำให้เป็นเบาหวาน

การรับประทานอาหารรสหวานจัดหรือมีน้ำตาลมาก ไม่ได้แปลว่าจะเป็นโรคเบาหวานเสมอไป หากมีการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
โรคเบาหวานอาจเกิดจากกรรมพันธุ์ หรือการทำงานที่ผิดปกติของตับอ่อน ทำให้ไม่สามารถผลิตอินซูลินออกมาเพียงพอต่อความต้องการของร่างกายก็อาจทำให้เกิดเบาหวานได้
การรับประทานอาหารที่มีไขมันมาก ก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดโรคเบาหวานได้ เพราะไขมันอิ่มตัวมีผลต่อการออกฤทธิ์ของอินซูลิน ทำให้การควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดทำงานได้ไม่ดีเท่าที่ควร


2. น้ำตาลและแป้งเท่านั้นที่ทำให้เป็นเบาหวาน

นอกจากแป้งและน้ำตาลจะเป็นสาเหตุหลักที่ก่อให้เกิดโรคเบาหวานแล้ว สัตว์เนื้อแดงที่มีไขมันมาก และอาหารแปรรูป เช่น ไส้กรอก เบคอน แฮม ก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดโรคเบาหวานได้ เนื่องจากไขมันอิ่มตัวจะไปยับยั้งอินซูลินให้ออกฤทธิ์ได้น้อยลง ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดไม่ลดลง ตับอ่อนจึงต้องผลิตอินซูลินออกมาเพิ่มมากกว่าปกติ ส่งผลให้ตับอ่อนทำงานหนักเกินไปและเสื่อมสภาพลงเรื่อยๆ จนไม่สามารถผลิตอินซูลินได้ดีเท่าตอนที่ยังทำงานปกติ จึงทำให้เกิดโรคเบาหวาน


3. หากคนในครอบครัวไม่เป็นโรคเบาหวาน เราก็จะไม่เป็นโรคเบาหวาน

พันธุกรรมเป็นหนึ่งในหลายปัจจัยที่ทำให้เกิดโรคเบาหวานประเภทที่ 2 แต่ก็ยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่สามารถทำให้เกิดโรคเบาหวาน หากเรามีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม เช่น รับประทานอาหารที่มีน้ำตาลและไขมันสูงเป็นประจำ พักผ่อนน้อย ไม่ออกกำลังกาย มีความเครียดสะสมมาก


4. ผู้สูงอายุเท่านั้นที่จะเป็นเบาหวาน

โรคเบาหวานสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกช่วงอายุ ไม่ได้เป็นเฉพาะผู้สูงอายุเท่านั้น
เบาหวานมี 2 ประเภท คือ เบาหวานประเภทที่ 1 ส่วนใหญ่มักเกิดในเด็กหรือคนอายุน้อย
เบาหวานประเภทที่ 2 ส่วนใหญ่มักเกิดในคนอายุ 45 ปีขึ้นไป แต่ปัจจุบันเริ่มพบว่าคนอายุน้อยก็เป็นโรคเบาหวานประเภทที่ 2 ด้วย


5. เบาหวานเป็นโรคสำหรับคนอ้วน

เบาหวานเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น พันธุกรรม การรับประทานอาหารที่มีไขมันสูง น้ำตาลสูง การไม่ออกกำลังกาย มีภาวะเครียดบ่อยๆ นอนพักผ่อนไม่เพียงพอ เป็นต้น เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะมีรูปร่างอ้วนหรือผอมก็มีความเสี่ยงเป็นเบาหวานได้เช่นกัน


6. น้ำตาลจากผลไม้ปลอดภัยทานได้

นอกจากขนมหวานแล้ว ผลไม้ที่มีรสหวานก็เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้น้ำตาลในเลือดสูงขึ้นกว่าเดิม เนื่องจากในผลไม้มีน้ำตาลฟรักโทส เมื่อรับประทานทานเข้าไปจะแปรเปลี่ยนเป็นน้ำตาลกลูโคสและทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้น
นอกจากจะควบคุมการรับประทานขนมหวานแล้ว ควรระวังเรื่องผลไม้ด้วย ผลไม้ที่มีรสหวาน ผลไม้อบแห้ง ผลไม้ตากแห้ง หรือผลไม้แปรรูปต่างๆ ไม่ควรรับประทานในปริมาณมาก เช่น ทุเรียน มะม่วงสุก องุ่น ขนุน กล้วย ลำไย ผลไม้ที่รับประทานได้ เช่น แก้วมังกร ชมพู่ แอปเปิ้ล แคนตาลูป ฝรั่ง สาลี่ เป็นต้น


7. ผู้ที่เป็นเบาหวานจะรู้ตัวหากมีภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ

ผู้ที่เป็นเบาหวานบางรายอาจไม่แสดงอาการเมื่อมีภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ หรือแต่ละคนอาจมีอาการที่แตกต่างกันออกไป เช่น วิงเวียนศีรษะ ใจสั่น หัวใจเต้นแรง อ่อนเพลีย ปากแห้ง ตัวเย็น เหงื่อออก เป็นต้น แนะนำให้ตรวจระดับน้ำตาลในเลือดเป็นประจำ หรือตรวจเมื่อมีอาการ หรือสงสัยว่ามีภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ


8. โรคเบาหวานไม่ใช่โรคน่ากลัว

เบาหวานเมื่อเป็นแล้วไม่สามารถรักษาให้หายได้ เบาหวานเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตของคนไทยปีละประมาณ 20,000 คน เนื่องจากส่งผลให้เกิดอาการแทรกซ้อนต่างๆ เช่น ตาบอด ผิวหนังอักเสบติดเชื้อ เซลล์ประสาทถูกทำลาย ความดันโลหิตสูง โรคหลอดเลือดหัวใจ และมีโอกาสเกิดหัวใจวาย หรือกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลันสูงมาก


9. ห้ามรับประทานอาหารที่มีรสหวาน

หากรับประทานอาหารในสัดส่วนที่เหมาะสม ร่วมกับการออกกำลังกาย การรับประทานผลไม้ หรือขนมหวานก็ยังสามารถรับประทานได้ แต่ควรรับประทานในปริมาณที่เหมาะสม


10. ห้ามบริจาคเลือด

ผู้เป็นโรคเบาหวานสามารถบริจาคเลือดได้ หากมีการควบคุมระดับน้ำตาลให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ และไม่มีภาวะแทรกซ้อนของเบาหวาน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของเจ้าหน้าที่เป็นสำคัญ




ความเชื่อผิดๆ เกี่ยวกับโรคเบาหวาน อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://doctorathome.com/disease-conditions/278

8
การเข้ารับการจัดฟัน แน่นอนว่า เป็นการรักษาทางทันตกรรมที่ได้รับความนิยมมาก ไม่ว่าจะมองไปทางไหน เราก็มมักจะพบเจอกับคนที่สวมใส่เหล็กจัดฟัน เพราะนอกจากการจัดฟันจะช่วยในเรื่องของเสริมสร้างสุขภาพช่องปากและฟันแล้ว การเข้ารับการจัดฟันยังถือว่าเป็นเทรนยอดฮิตสำหรับวัยรุ่นด้วย แต่การเข้ารับการจัดฟันนั้น ก็มาพร้อมกับความเสี่ยงในลายๆเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการรับประทานอาหาร ซึ่งอาจจะทำให้ไม่สามารถรับประทานอาหารที่ชื่นชอบได้ หรือต้องเลือกรับประทานอาหารมากขึ้น

เพราะอาหารบางอย่างส่งผลต่อเหล็กจัดฟันหรือเครื่องมือการจัดฟัน เพราะจะทำให้เครื่องมือการจัดฟันหลุดได้ขณะรับประทานอาหาร และอีกเรื่องหนึ่งก็คือ การทำความสะอาดช่องปากและฟัน เพราะผู้เข้ารับการจัดฟันบางคน อาจจะทำความสะอาดช่องปากและฟันได้ไม่ดีเท่าที่ควร เพราะมีเครื่องมือการจัดฟันแบบติดแน่นติดอยู่ภายในช่องปาก ซึ่งอาจจะทำให้ทำความสะอาดได้ยากกว่าปกติ และไม่ทั่วถึง ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดฟันผุ ดังนั้น ก่อนเข้ารับการจัดฟันไม่ว่าจะรูปแบบใด ก็ควรศึกษารายละเอียดให้ดี หรือปรึกษาทันตแพทย์ก่อนเข้ารับการรักษา ซึ่งพ่อแม่ผู้ปกครองที่อยากจะพาบุตรหลานเข้ารับการจัดฟันในเด็ก แต่ก็ยังมีความสงสัยในเรื่องของการปฏิบัติตัวระหว่างการจัดฟันในเด็ก ว่าควรที่จะปฏิบัติตัวอย่างไร และอีกเรื่องหนึ่งซึ่งมีความสำคัญไม่แพ้กันนั่นก็คือ ในเรื่องของค่าใช้จ่ายในระหว่างการจัดฟันในเด้ก ว่า การจัดฟันนั้น ต้องใช้ค่าใช้จ่ายเท่าไหร่
 

ซึ่งวันนี้ทางคลินิกของเราจะมาพูดถึงค่าใช้จ่ายในการจัดฟันในเด็ก ซึ่งหลายคนอยากจะทราบว่า การเข้ารับการจัดฟันนั้น แพงหรือไม่ ต้องบอกก่อนว่า การเข้ารับการจัดฟันนั้น เป็นการรักษาที่ค่อนข้างจะใช้ระยะเวลานานพอสมควร ซึ่งก็จะขึ้นอยู่กับปัญหาฟันของเด็กแต่ละคนด้วย ยกตัวอย่างเช่น เด็กมีฟันผุ หรือมีปัญหาอื่นๆ ทันตแพทย์ก็จะทำการรักษาก่อนเพื่อที่จะได้ไม่มีปัญหาในระหว่างการจัดฟัน ซึ่งค่าใช้จ่ายในการจัดฟันแน่นอนว่า หลายคนทราบกันดีว่า สามารถแบ่งจ่ายได้ แต่การลงทุนในเรื่องของสุขภาพช่องปากและฟัน แน่นอนว่าคุณจะได้ผลลัพธ์ที่ดีต่อช่องปากและฟันอย่างแน่นอน ในเรื่องของค่าใช้จ่ายในการจัดฟัน


อย่างที่เราบอกไปตั้งแต่ต้นว่า เป็นการรักษาที่ค่อนข้างใช้เวลานาน ก็อาจจะมีค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูง แต่ก็ขึ้นอยู่กับปัญหาฟันของแต่ละบุคคล ดังนั้น ค่าใช้จ่ายในการรักษาจึงไม่มีราคาตายตัว แต่ก็สามารถแบ่งจ่ายได้ ถึงแม้ว่าการจัดฟันในเด็ก อาจจะมีค่าใช้จ่ายในการรักษาที่ค่อนข้างสูง แต่บอกเลยว่า ผลการรักษาจะเป็นที่น่าพอใจอย่างแน่นอน ทั้งยังช่วยแก้ไขปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคตของเด็กได้ด้วย ดังนั้น ในเรื่องของพัฒนาการของเด็ก บุคลิกภาพของเด็ก รอยยิ้มความมั่นใจของเด็ก เป็นสิ่งที่พ่อแม่ผู้ปกครองควรที่จะลงทุน เพื่อให้บุตรหลานของท่านได้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างมีความสุข


หากพ่อแม่ผู้ปกครองท่านใด สนใจอยากพาบุตรหลานของท่านเข้ารับการจัดฟันในเด็ก ก็สามารถติดต่อขอรับคำแนะนำได้ที่คลินิก ทางเรามีทันตแพทย์ที่คอยให้คำปรึกษา ซึ่งทันตแพทย์ของเรามีประสบการณ์ในด้นการจัดฟันมาอย่างยาวนาน มีความเชี่ยวชาญด้านทันตกรรม นอกจากนี้ เรายังมีเจ้าหน้าที่คอยให้คำปรึกษาในเรื่องของค่าใช้จ่ายในการจัดฟันในเด็ก เพื่อให้พ่อแม่ผู้ปกครองสามารถเลือกโปรแกรมที่เหมาะสมกับแนวทางของตัวเอง เพื่อที่จะได้รับบริการอย่างไม่กังวล เพราะเราอยากให้ทุกคนมีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดี เพื่อที่จะยกระดับคุณภาพชีวิตของทุกคนด้วย


การจัดฟันเด็ก แพงไหม อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://www.idolsmiledental.com/การจัดฟันเด็ก/

9
บ้านร่วมทางฝัน 6 ปิ่นเกล้า-บรมราชชนนี (Baan Ruamtangfun 6 Pinklao-Borommaratchachonnani)
ราคา : เริ่มต้น 1,890,000 บาท (ณ. วันที่ 4/12/2023)

จุดเด่น
“Change For The Better เปลี่ยนเพื่อสิ่งที่ดีกว่า” จากปณิธานของ Sena Development ที่ตั้งใจพัฒนาที่อยู่อาศัยที่มีคุณภาพโดยคำนึงถึงประโยชน์ของลูกค้าเป็นหลักแล้ว ในโครงการนี้ Sena ยังคงมีความตั้งใจทำเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดี ทั้งด้านการออกแบบโครงการ และการ เปลี่ยนผลกำไร ที่ได้ไปสนุนทางการแพทย์ให้กับวชิรพยาบาล ส่งต่อโอกาสของชีวิตไม่สิ้นสุด บ้านร่วมทางฝัน6 คอนโดมิเนียม Hi Rise ที่รองรับการใช้ชีวิตอย่างคุ้มค่า ด้วยแนวคิด “Change For The Better เปลี่ยนเพื่อสิ่งที่ดีกว่า” ออกแบบให้ทุกตารางเมตรสามารถใช้งานได้อย่างลงตัว

รายละเอียดโครงการคอนโดมิเนียม-โปรโมชั่น
ชื่อโครงการ : บ้านร่วมทางฝัน 6 ปิ่นเกล้า-บรมราชชนนี (Baan Ruamtangfun 6 Pinklao-Borommaratchachonnani)
ดูคอนโดราคาใกล้เคียง  ดู เสนาดีเวลลอปเม้นท์ ทุกโครงการ  ดู เสนาดีเวลลอปเม้นท์ ใกล้รถไฟฟ้า
เจ้าของโครงการ : เสนาดีเวลลอปเม้นท์
ราคา : เริ่มต้น 1,890,000 บาท (ณ. วันที่ 4/12/2023)
ราคาเฉลี่ยต่อตร.ม. : โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
 
ลักษณะทำเล : คอนโดในเมือง, คอนโดริมน้ำ
ความสูงคอนโด : High Rise (9 ชั้นขึ้นไป)
ลักษณะกรรมสิทธิ์ : โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
ประเภทห้องที่มี : 1 ห้องนอน, 2 ห้องนอน, 1 Bed Plus
ขนาดห้องที่มี : ตั้งแต่ 24.00 ถึง 47.00 ตร.ม.
เนื้อที่ทั้งหมด : 2 ไร่ 75.00 ตร.ว.
จำนวนตึก : 1 อาคาร
จำนวนชั้น : 19 ชั้น
จำนวนห้อง : 354 ยูนิต
ที่จอดรถทั้งหมด : 134 คัน
ค่าบำรุงส่วนกลาง : โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
สาธารณูปโภค : สระว่ายน้ำ, ฟิตเนส, รปภ., กล้องวงจรปิดโครงการ, ประตู Key Card, Wi-Fi Internet บริเวณ Lobby, อื่นๆ (Jacuzzi, แบ่งโซนระหว่างลูกบ้าน และผู้มาติดต่อชัดเจน, EV Charger, Rooftop), Co-Working Space, ห้องประชุม
โซน : บางแค, ตลิ่งชัน, ทวีวัฒนา, ภาษีเจริญ
ที่ตั้งคอนโดมิเนียม : ถนนบรมราชชนนี แขวงตลิ่งชั่น เขตตลิ่งชั่น กทม. 10170
ขนส่งสาธารณะ : รถไฟฟ้า ใกล้รถไฟฟ้า, รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน MRT (สถานีบางยี่ขัน)

สถานที่สำคัญใกล้เคียง : ห้างสรรพสินค้า

Tops ตลิ่งชัน
ตลาดน้ำตลิ่งชัน
Central ปิ่นเกล้า
Major Cineplex ปิ่นเกล้า
Lotus’s ปิ่นเกล้า
PATA ปิ่นเกล้า
The Circle ราชพฤกษ์
Food Villa ราชพฤกษ์
สถานศึกษา

ม.ศิลปากร ตลิ่งชัน
ม.สวนดุสิต
ม.ราชภัฏสวนสุนันทา
ม.เทคโนโลยีราชมงคลพระนคร ศูนย์เทเวศร์
ม.มหิดล
ม.ธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์
สถานพยาบาล

รพ.ตา หู คอ จมูก
รพ.เจ้าพระยา
รพ.ศิริราช
รพ.ธนบุรี
รพ.ยันฮี
รพ.ศรีสวรรค์ ราชพฤกษ์


คอนโดติดรถไฟฟ้าบ้านร่วมทางฝัน 6 ปิ่นเกล้า-บรมราชชนนี  อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://www.checkraka.com/condo/publictransport/

10
จากหนังสืออาหารและบำบัดโรค  โดยอาจารย์ศัลยา คงสมบูรณ์เวช ได้กล่าวไว้ว่า

เมื่ออายุมากขึ้นจะมีการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในร่างกายรวมถึงสภาพจิตใจ  ทั้งทางด้านสรีรวิทยา หัวใจ ปอด  ตับ  ไต  ระบบย่อย  และสมอง  จะลดประสิทธิภาพการทำงานความจำระยะสั้นทำงานลดลง เมื่ออายุมากขึ้น ก็จะมีโรคชนิด เชื้อเรื้อรังที่คอยวิ่งควบคู่มากับอายุหากดูแลสุขภาพไม่ดีพอโรคที่มากับอายุที่เราคุ้นเคยกันได้แก่ โรคอ้วน โรคหัวใจและหลอดเลือด  ความดันโลหิตสูง  โรคเบาหวาน โรคมะเร็ง  โรคกระดูกพรุนไขข้อ  ต่อกระจก  เป็นต้น

 

ดังนั้น สิ่งที่ไม่ควรมองข้ามในวัยสูงอายุก็คือ  โรคขาดสารอาหาร  ซึ่งทำให้ภูมิต้านทานลดลง  ติดเชื้อและเจ็บป่วยได้ง่าย  ร่างกายคนเราจะต่อต้านกับโรคต่าง ๆ ที่กล่าวมาแล้วได้ก็อยู่ที่การบริโภคอาหารหลากหลายครบส่วนและได้รับสารอาหารอย่างต่าง ๆ อย่างสมดุล    นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยทัฟต์สประเทศสหรัฐอเมริกา  แนะนำว่าผู้ที่มีอายุ 50 ปี ขึ้นไป  ควรให้ความสนใจในการบริโภคอาหาร เพราะว่าร่างกายยังต้องการสารอาหารบางชนิดเป็นพิเศษ ดังนี้คือ

1. น้ำหรือเครื่องดื่ม ผู้สูงอายุควรดื่มน้ำหรือของเหลวในรูปซุป น้ำผลไม้รวม ทั้งน้ำสมุนไพรไม่เกินน้ำตาล และน้ำสะอาดวันละ 8-12 แก้ว (โดยจำกัดน้ำผลไม้วันละแก้ว)  เพราะคนวัยนี้จะมีความรู้สึกกระหายน้ำลดลงอีก ทั้งวัยผู้สูงอายุมักจะกังวลกับการเข้าห้องน้ำบ่อย  ถ้าจะดื่มน้ำมากๆจึงทำให้วัยนี้มักจะดื่มน้ำน้อยลง  ทำให้เสี่ยงต่อภาวะการขาดน้ำได้ นอกจากการดื่มน้ำให้เพียงพอจะช่วยให้การขับถ่ายของเสียได้ดีขึ้นและยังช่วยลดปัญหาท้องผูกซึ่งมักจะพบมากในวัยนี้


2. อาหารคาร์โบไฮเดรตชนิดไม่ขัดสี  ผู้สูงอายุควรเลือกบริโภคอาหารคาร์โบไฮเดรตชนิดที่ไม่ขัดสีมีกากใยสูง  วันละ 6 ทัพพี (3 ถ้วยตวง)เช่นเลือกข้าวซ้อมมือ ขนมปังโฮลวีต  ซึ่งทำจากแป้งไม่ขัดสี  ถั่วเมล็ดแห้งต่างๆ  ได้แก่ ถั่วเขียว  ถั่วดำ ถั่วแดง  และธัญพืชต่างๆได้แก่ ข้าวโพด ลูกเดือย  ซีเรียลอาหารนี้ให้พลังงานในการทำงานในชีวิตประจำวันของเรา

นอกจากนี้ยังให้วิตามินบีและกากใยอาหารแก่ร่างกาย  อาหารประเภทที่ให้กากใยสูงจะช่วยในการย่อยและป้องกันท้องผูกได้  คนส่วนใหญ่รวมทั้งผู้สูงอายุมักเลือก คาร์โบไฮเดรตชนิดที่เป็นแป้งขัดสีและน้ำตาล  ซึ่งนอกจากขาดเส้นใยอาหารแล้วยังมีไขมันแฝงอยู่ด้วยทำให้อาหารที่มีแคลอรี่สูง  เมื่อกินแล้วทำให้อ้วนและไขมันในเลือดสูงอาหารประเภทนี้  ได้แก่อาหารทอด  ขนมหวานต่าง ๆ เค้ก และคุกกี้

 

3. อาหารโปรตีนจากพืชและสัตว์  ผู้สูงอายุควรบริโภคเนื้อสัตว์ประมาณวันละ 150 กรัม  แต่วัยสูงอายุมาก ๆ มักมีปัญหาในการเคี้ยวจึงอาจทำให้บริโภคโปรตีนจากสัตว์น้อยลง  โปรตีนที่เคี้ยวง่ายและย่อยง่ายสำหรับผู้สูงอายุได้แก่ปลา ไข่เต้าหู้  ถั่วเหลือง ถั่วเมล็ดแห้งต่าง ๆและนม  ถ้าเป็นเนื้อสัตว์ใหญ่จะต้องต้มตุ๋นให้เปื่อยหรือสับละเอียด  เพื่อให้เคี้ยวง่ายและสะดวกแก่การกลืนสำหรับผู้สูงวัยมากๆ


4. แคลเซียม    ผู้สูงอายุมีความต้องการแคลเซียมสูงขึ้นประมาณ 20% เพื่อรักษาเนื้อกระดูก และป้องกันกระดูกพรุนข้อแนะนำในการบริโภคแคลเซียม สำหรับหญิงชายวัย 50 ปีขึ้นไปคือวันละ 1,200 มิลลิกรัม  ซึ่งเท่ากับว่าผู้สูงอายุจะต้องบริโภคนมถึงวันละ 4 แก้ว(ขนาด 240มิลลิลิตร/ แก้ว  มีแคลเซียมประมาณ 300 มิลิกรัม)      อาหารไทยทั่วไปให้แคลเซียมวันละประมาณ 350 มิลลิกรัมหากผู้สูงอายุสามารถดื่มนมหรือกินผลิตภัณฑ์นมได้วันละ 3 ส่วนจะได้แคลเซียมตามที่ร่างกายต้องการ  มิฉะนั้นควรได้รับเสริมแคลเซียมอาหารที่มีแคลเซียมสูง  ได้แก่ นมหรือผลิตภัณฑ์นม  เช่น โยเกิร์ตชนิดครีม  เนยแข็ง  ปลาเล็กปลาน้อยซึ่งกินได้ทั้งกระดูก (แต่ในผู้สูงอายุซึ่งมีปัญหาในการเคี้ยวควรนำมาป่นเพื่อให้กินง่ายขึ้น ) กุ้งแห้งป่นผักใบเขียวต่างๆ (โดยเฉพาะบรอกโคลี่  ผักกวางตุ้ง  คะน้า) ผลิตภัณฑ์ถั่วเหลือง ถั่วดำ ถั่วแดงถั่วขาว ปู่เค็ม งา และผงกะหรี่


5.ธาตุเหล็กและวิตามินซี

ปัญหาโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็กมักจะเกิดขึ้นกับผู้สูงอายุทำให้อ่อนเพลีย  สุขภาพอ่อนแอและภูมิต้านทานลดลง  ผู้สูงอายุควรบริโภคที่มีวิตามินซีสูงร่วมกับอาหารที่มีธาตุเหล็กสูง  ได้แก่ธัญพืชไม่ขัดสี  ถั่วต่างๆ  เนื้อสัตว์ผักใบเขียว  เพราะวิตามินซีจะช่วยเพิ่มการดูดซึมธาตุเหล็กจากพืชได้ดีขึ้น

ผลไม้นิ่ม ๆ ที่มีวิตามินซีสูงเหมาะกับผู้สูงวัยที่มีปัญหากับการเคี้ยว เช่นแตงโม  เมล่อน  แคนตาลูป  ลิ้นจี่ มังคุด  เป็นต้น


6.สารอาหารอื่น ๆ ได้แก่

วิตามินเอ  ร่างกายสร้างวิตามินเอจากเบต้าแคโรทีนซึ่งพบมากในใบเขียวจัด  เหลืองจัด และส้มจัดวิตามินเอ ช่วยการมองเห็นในที่มืดปกป้องผิวหนังและเนื้อเยื่อของร่างกาย  ช่วยเพิ่มภูมิต้านทาน

วิตามินบี 12  ช่วยกรด โฟลิก ในการสร้างเม็ดเลือด  การขาดวิตามินบี 12 ทำให้โลหิตจาง และในผู้สูงวัยบางคนอาจก่อให้เกิดปัญหาทางระบบประสาทได้ สภาวิทยาศาสตร์แห่งชาติ (National  Academy of Science)ประเทศสหรัฐอเมริกาแนะนำว่า  ผู้ที่มีอายุ 50 ปี ขึ้นไปควรได้รับการเสริมวิตามินบี 12 จากวิตามินรวมหรืออาหารที่ได้รับการเติมวิตามินบี12   ทั้งนี้เนื่องจากผู้สูงอายุจำนวนมากมีปัญหาการดูดซึมวิตามินชนิดนี้  อาหารที่มีวิตามินบี 12 สูง  ได้แก่ เนื้อสัตว์ ไก่ไข่ ปลา นม และผลิตภัณฑ์นม

โฟเลต  ( กรดโฟลิก)ช่วยในการสร้างเม็ดเลือด  อาหารที่มีกรดโฟลิกสูง  ได้แก่ ตับ  ผักใบเขียวจัด  ผลไม้  ถั่วต่างๆ  และธัญพืช

สังกะสี   ป้องกันการติดเชื้อ  ซ่อมแซมเนื้อเยื่อ เพิ่มภูมิต้านทานอาหารที่มีสังกะสีสูง  ได้แก่  เนื้อสัตว์  อาหารทะเล ธัญพืชไม่ขัดสีและนม

 
เห็นว่าเรื่องการดูแลสุขภาพผู้สูงอายุมีประโยชน์สำหรับทุกท่าน เพื่อเตรียมรับมือเมื่อเข้าสู่วัยผู้สูงอายุในวันข้างหน้า หรือสำหรับผู้เข้าสู่ผู้สูงอายุแล้วจะได้มีสุขภาพที่แข็งแรง ดังนั้นโภชนาการที่ดีร่วมกับการอกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ นอนหลับ ผักผ่อนให้เพียงพอ อย่าเครียด และทำจิตใจให้แจ่มใส หลีกเลี่ยงการดื่มเหล้า สูบบุหรี่ จะช่วยให้ผู้สูงอายุก็จะมีสุขภาพแข็งแรงและมีอายุยืนยาวอย่างมีความสุข

อาหารสุขภาพ ช่วยให้ผู้สูงอายุแข็งแรงและมีอายุยืนยาวอย่างมีความสุข อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://thetastefood.com/

11
สังเกตหรือไม่ว่าหลังคาที่ไม่มีอะไรรองรับน้ำฝนเลย ขณะฝนตก น้ำก็จะไหลลงมาถึงขอบหลังคาบ้าน และจุดนั้นเองเป็นจุดที่น้ำฝนเทหนักกว่าฝนที่ตกจริง ๆ เสียอีก อีกทั้งน้ำฝนก็จะชะล้างสิ่งสกปรกที่อยู่บนหลังคาลงมายังขอบหลังคาบ้าน น้ำตรงนั้นจึงสกปรกกว่าการที่เราสัมผัสกับน้ำฝนตรง ๆ

ด้วยเหตุนี้การติดตั้งรางน้ำฝนให้กับตัวบ้านจึงช่วยแก้ปัญหาที่กล่าวไปก่อนหน้านี้ แต่ก่อนจะไปติดตั้งรางน้ำฝนเราไปทำความรู้จักกับรางน้ำฝนคืออะไร ทำไมทุกบ้านควรมี แล้วรางน้ำฝนมีประเภทไหนบ้าง อยากติดตั้งรางน้ำฝนต้องทำอย่างไรในบทความนี้เลย
รางน้ำฝนคืออะไร ทำไมทุกบ้านควรมี

เราไม่สามารถควบคุมให้ฝนตกในบริเวณที่ต้องการได้ แต่เราสามารถใช้ “รางน้ำฝน” ควบคุมการไหลของน้ำฝนได้ เราไปดูกันว่า รางน้ำฝนคืออะไร มีประโยชน์ต่อบ้านของคุณอย่างไรบ้างกันเลย
ทำความรู้จัก รางน้ำฝน


ประโยชน์ของรางน้ำฝน

การติดตั้งรางน้ำฝนมีประโยชน์อะไรบ้าง

    รางน้ำฝนสามารถควบคุมการไหลของน้ำจากหลังคาหรือดาดฟ้าบ้าน ลงมายังจุดที่ต้องการได้
    รางน้ำฝนช่วยปกป้องผนังบ้านของคุณจากการสาดของน้ำที่ไหลจากหลังคาขณะฝนตกได้ดี ลดการกัดเซาะของน้ำและลดการเกิดเชื้อราที่ผนังได้อีกทาง
    รางน้ำฝนช่วยลดปริมาณน้ำขังรอบตัวบ้าน ลดโอกาสที่เกิดการทรุดตัวจากน้ำขังได้
    รางน้ำฝนลดความเสียหายที่เกิดขึ้นจากการกระแทกของน้ำฝนสู่ต้นไม้ที่คุณปลูกไว้รอบตัวบ้าน
    รางน้ำฝนลดการรั่วซึมของน้ำเข้าสู่ช่องรอยต่อที่เชื่อมเข้าสู่พื้นที่ในบ้าน เช่น ประตู หน้าต่าง


ปัจจัยที่ควรพิจารณาก่อนเลือกประเภทรางน้ำฝน

ประโยชน์ของการติดตั้งรางน้ำฝนมากมายขนาดนี้ หลายคนอาจเริ่มมีความสนใจที่จะติดตั้งรางน้ำฝนที่บ้าน แต่ไม่รู้จะต้องพิจารณาเลือกติดตั้งรางน้ำฝนอย่างไร ไปดูกันว่าเราจะต้องพิจารณาจากปัจจัยอะไรบ้าง

   
1. งบประมาณของคุณ
    สิ่งแรกที่หลายคนจะพิจารณาก่อนเลยก็คืองบประมาณ แต่ปกติแล้วติดตั้งรางน้ำฝนครั้งหนึ่งมักจะเป็นการติดตั้งระยะยาว หากงบประมาณถึงเราขอแนะนำให้เลือกติดตั้งรางน้ำฝนประเภทที่ดีที่สุด ทนทานที่สุดจะดีกว่า แต่ถ้างบมีจำกัดก็อาจเลือกการติดตั้งรางน้ำฝนตามความเหมาะสมได้เลย
   
2. ขนาดพื้นที่หลังคา
    ยิ่งหลังคามีพื้นที่กว้างเท่าไหร่ ยิ่งแปลว่าสามารถรวมน้ำฝนได้มากเท่านั้น ก่อนจะติดตั้งรางน้ำฝนควรจะทราบขนาดของพื้นที่หลังคาเสียก่อน เพื่อที่จะได้เลือกขนาดรางน้ำฝนได้ถูกต้อง สำหรับหลังคาใหญ่ควรจะเลือกติดตั้งรางน้ำฝนขนาดใหญ่ตามไปด้วยเพื่อให้สามารถรองรับและระบายน้ำได้ทัน

   
3. ลักษณะของหลังคาที่ติดตั้ง
    หลังคาบ้านเองก็มีหลายแบบ ไม่ว่าจะเป็นหลังคาโรงรถ หลังคาครัวไทย หลังคาตัวบ้าน ซึ่งหลังคาแต่ละแบบมีการเลือกใช้รางน้ำฝนที่แตกต่างกัน รวมถึงความสามารถในการติดตั้งรางน้ำฝนเองหรือต้องจ้างช่างติดตั้งรางน้ำฝนด้วย หากเป็นหลังคาเล็ก ๆ อย่างหลังคาโรงรถก็สามารถเลือกรางน้ำฝนประเภทที่สามารถติดตั้งเองได้ถ้ามีเครื่องมือครบครัน แต่ถ้าเป็นหลังคาตัวบ้านแนะนำว่าให้ช่างผู้ชำนาญมาติดตั้งรางน้ำฝนให้จะดีกว่า

   
4. ความคุ้มค่าและความสวยงาม
    รางน้ำฝนมีวัสดุที่หลากหลาย วัสดุแต่ละชนิดก็มีความแข็งแรง ทนทาน และความสวยงามที่ต่างกัน ก่อนเลือกประเภทรางน้ำฝนอาจเลือกพิจารณาคุณสมบัติเหล่านี้ก่อนได้เลย


ประเภทของรางน้ำฝน มีรูปแบบไหนบ้าง

ก่อนจะติดตั้งรางน้ำฝน ไปดูกันว่ารางน้ำฝนมีประเภทไหนบ้าง

1.รางน้ำฝนสเตนเลส

สเตนเลสเป็นโลหะที่ไม่เกิดสนิม เป็นที่นิยมมากในการนำมาใช้เป็นส่วนประกอบของอุปกรณ์หรือเครื่องมือใด ๆ ที่ต้องสัมผัสกับน้ำบ่อย ๆ รางน้ำฝนสเตนเลสจึงเป็นประเภทที่ค่อนข้างนิยม อีกทั้งยังมีความแข็งแรง ทนทาน ใช้งานได้นาน แต่แนะนำให้เลือกสเตนเลสเกรด 304 ซึ่งเป็นเกรดที่ได้มาตรฐาน


2.รางน้ำฝนอะลูมิเนียม

รางน้ำฝนอะลูมิเนียม โลหะที่คุณสมบัติเหมาะกับรางน้ำฝนอย่างมาก ไม่ว่าจะทนการกัดกร่อน ไม่เกิดสนิม มีน้ำหนักเบา นอกจากนี้รางน้ำฝนอะลูมิเนียมจะไม่ค่อยมีปัญหารั่วซึมเพราะมีการผลิตในลักษณะชิ้นส่วนน้อย มีความสวยงามและมีสีให้เลือกมากกว่ารางน้ำฝนโลหะอื่น ๆ


3.รางน้ำฝนสังกะสี

รางน้ำฝนสังกะสี ราคาถูก น้ำหนักเบา ติดตั้งง่าย แต่มีความทนทานต่ำ เกิดสนิมง่าย ไม่ค่อยทนต่อการกัดกร่อน อีกทั้งยังมีเสียงดังขณะที่กระทบกับน้ำฝนอีกด้วย


4.รางน้ำฝนพีวีซี (PVC)

รางน้ำฝนพีวีซีเป็นรางน้ำฝนประเภทพลาสติก ไม่เกิดสนิม ติดตั้งไม่ยาก แถมยังมีหลากหลายสีให้เลือกสรร และราคาสบายกระเป๋า แต่อาจต้องเลือกรางน้ำฝนพีวีซีเกรดดี ๆ เนื่องจากอาจเจอรางน้ำฝนพีวีซีคุณภาพต่ำและพังง่าย


5.รางน้ำฝนไฟเบอร์กลาส

รางน้ำฝนไฟเบอร์กลาสเป็นรางน้ำฝนที่ทำจากวัสดุสังเคราะห์ สามารถสั่งทำตามขนาด ความยาวที่ต้องการได้เลย มีความทนทานสูง ไม่เป็นสนิม ไม่มีรอยต่อ และยังมีสีให้เลือกหลายสี ช่วยให้รางน้ำฝนเข้ากับสีของตัวบ้านคุณได้ดี


6.รางน้ำฝนเหล็กเคลือบกัลวาไนซ์

รางน้ำฝนเหล็กเคลือนกัลวาไนซ์ เป็นรางน้ำฝนที่ผลิตสำเร็จรูปในลักษณะเป็นชิ้นเดียว จึงไร้ปัญหาน้ำรั่วซึมจากรอยต่อ อีกทั้งยังมีคุณสมบัติแข็งแรง ทนทาน ไม่เป็นสนิม แถมยังมีน้ำหนักเบา เคลื่อนย้ายง่ายอีกด้วย


ก่อนติดตั้งรางน้ำฝน ควรระวังอะไรบ้าง

การติดตั้งรางน้ำฝนมีประโยชน์ทั้งกับตัวคุณและบ้านของคุณ แต่ก่อนจะติดตั้งรางน้ำฝนควรจะต้องระวังอะไรบ้าง?

    ระวังการติดตั้งรางน้ำฝนยื่นเข้าไปในเขตเพื่อนบ้าน การวางตำแหน่งรองรางน้ำฝนสำคัญมาก ๆ โดยเฉพาะบ้านเดี่ยวที่มีพื้นที่ระหว่างตัวบ้านกับบ้านข้าง ๆ น้อย หากวางรางน้ำฝนแล้วดันยื่นไปที่บ้านข้าง ๆ จะทำให้น้ำกระเซ็นหรือไหลเข้าไปที่บ้านข้าง ๆ แทน ซึ่งนอกจากจะสร้างความรำคาญให้กับข้างบ้านแล้วยังผิดกฎหมายอีกด้วย
    ระวังเรื่องการเลือกขนาดของรางน้ำฝน สิ่งนี้อาจต้องคำนวณเผื่อไว้หน่อยกว่ากรณีที่ฝนตกหนักแล้วเราติดตั้งรางน้ำฝนขนาดเท่านี้จะสามารถระบายได้ทันหรือไม่ เพราะถ้าระบายไม่ทันอาจทำให้น้ำกระเซ็นไปยังบ้านข้าง ๆ ได้เช่นกัน


การติดตั้งรางน้ำฝนมีขั้นตอนการดำเนินงานดังนี้

1.สำรวจและตรวจสอบหลังคาบ้าน

แน่นอนว่าก่อนที่เราจะซื้อรางน้ำฝนมาติดตั้งจะต้องสำรวจและตรวจสอบหลังคาบ้านเสียก่อนว่ามีพื้นที่ในการติดตั้งรางน้ำฝนหรือไม่ สามารถรองรับน้ำหนักรางน้ำฝนกับน้ำฝนได้เท่าไหร่


2.วัดระดับความลาดเอียง

สำหรับการติดตั้งรางน้ำฝนควรจะต้องติดตั้งในลักษณะที่มีความเอียงระดับเหมาะสม ก่อนจะสั่งทำหรือซื้อรางน้ำฝน ควรจะต้องวัดความยาวในลักษณะที่เอียงในระดับที่เหมาะสมเสียก่อน เพื่อไม่ให้รางน้ำฝนที่ซื้อมามีความยาวไม่พอ


3.ใช้เชือกตีแนวเส้น

ก่อนจะติดตั้งตะขอสำหรับแขวนรางน้ำฝน สามารถใช้เชือกตีแนวเส้นเพื่อกำหนดตำแหน่งของตะขอแขวนได้อย่างแม่นยำ


4.ติดตะขอสำหรับติดตั้งรางน้ำฝน

การติดตะขอแขวนสำหรับติดตั้งรางน้ำฝนควรจะต้องเว้นระยะห่างตามความเหมาะสม ซึ่งระยะห่างเท่าไหร่นั้นจะขึ้นอยู่กับประเภทของรางน้ำฝนที่นำมาติดตั้งด้วย


5.เริ่มติดตั้งรางน้ำฝน

เมื่อติดตะขอแขวนรางน้ำฝนเป็นที่เรียบร้อย สามารถนำรางน้ำฝนมาวางบนตะขอได้เลย หากวัสดุรางน้ำฝนเป็นโลหะควรจะเชื่อมให้ไม่มีรอยต่อ หรือถ้าวัสดุเป็นวัสดุสังเคราะห์ก็สามารถนำวัสดุสำหรับอุดรอยต่อด้วยเช่นกัน


6.ตรวจสอบความเรียบร้อย

เมื่อติดตั้งเสร็จเรียบร้อย ก่อนเก็บงานควรจะทดสอบการรับน้ำของรางน้ำฝนเสียก่อน โดยอาจทดลองฉีดน้ำลงบนหลังคาแล้วปล่อยให้น้ำไหลไปตามรางน้ำฝน หากไม่มีปัญหาใดก็สามารถเก็บงานได้เลย

บริหารจัดการอาคาร: ข้อควรรู้! ติดตั้งรางน้ำฝนสำคัญอย่างไรกับบ้านของคุณ อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://snss.co.th/dt_post/technical-services/

12
ทุกวันนี้ยอดการระบาดของโควิด-19 ในประเทศไทยยังคงมีแนวโน้มสูงอยู่ เป็นผลสืบเนื่องจากเชื้อไวรัสมีการกลายพันธุ์ ทำให้เชื้อรุนแรงขึ้นและแพร่ระบาดง่ายกว่าเดิม ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการติดต่อจากคนในครอบครัว เพราะฉะนั้นการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันและการมีตัวช่วยที่ดี จะช่วยลดความรุนแรงจากการติดเชื้อไวรัสได้ โดยในปัจจุบันสมุนไพรไทยอย่าง “กระชายขาว” ถือว่าเป็นหนึ่งในสมุนไพรที่นิยมมีไว้ติดบ้าน เพื่อช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันของร่างกาย


สรรพคุณของกระชายขาว

กระชายขาว สมุนไพรคู่ครัวที่นอกจากจะนิยมนำมาประกอบอาหารแล้ว ยังจัดอยู่ในตำรับยาพื้นบ้านของไทยอีกด้วย โดยมีสรรพคุณตั้งแต่รากถึงใบ เช่น

    ช่วยย่อยอาหาร
    แก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ
    ใช้เป็นยาบำรุงร่างกายและชูกำลัง
    ช่วยปรับฮอร์โมนในร่างกายให้สมดุล
    บรรเทาอาการปวดเมื่อยตามร่างกาย
    แก้อาการวิงเวียนศีรษะ
    แน่นหน้าอก


ในปัจจุบัน กระชายขาวยังได้รับความนิยมอย่างมาก ด้วยความที่มีรสเผ็ดร้อน ซึ่งในการแพทย์แผนไทย หากสมุนไพรมีรสเผ็ดร้อนจะช่วยกระตุ้นธาตุไฟ โดยธาตุไฟมีส่วนที่ตรงกับแพทย์แผนปัจจุบันคือสร้างภูมิคุ้มกัน เพราะฉะนั้นกระชายขาวจึงเป็นสมุนไพรที่ช่วยเสริมภูมิคุ้มกัน และสามารถยับยั้งการเจริญเติบโตของไวรัส กระชายขาวจึงเป็นสมุนไพรที่ขายดีเป็นอันดับต้นๆ จนราคาพุ่งสูงและเริ่มขาดตลาดในบางช่วง

สำหรับคนทั่วไป ควรรับประทานกระชายขาวอย่างพอดี ควบคู่กับสารอาหารอื่นๆ เพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกายอย่างมีประสิทธิภาพ และสำหรับผู้ที่มีโรคประจำตัว เด็ก สตรีมีครรภ์ และสตรีให้นมบุตร ควรได้รับคำแนะนำจากแพทย์



กระชายมหิดล: กระชายขาว สมุนไพรไทย มีประโยชน์-สรรพคุณอะไรบ้าง อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://mmed.com/products/

13
ด้วยการเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่องของจังหวัดขอนแก่น ทำให้ตัวเมืองมีการเติบโตอย่างเร็ว และการบริการ รถรับจ้างจังหวัดขอนแก่น ก็โตตามไปด้วยไม่ว่าจะเป็นงาน รับจ้างขนอง รับจ้างขนย้าย รับจ้างย้ายบ้าน ย้ายหอ ย้ายคอนโด สินค้าอุปโภค บริโภค ด้วย รถรับจ้างขนของจังหวัดขอนแก่น รถกระบะรับจ้างขนของจังหวัดขอนแก่น รถหกล้อรับจ้างจังหวัดขอนแก่น รถสิบล้อรับจ้างขนของจังหวัดขอนแก่น รถเฮียบรับจ้างขนของจังหวัดขอนแก่น รถเทรลเลอร์รับจ้างขนของจังหวัดขอนแก่น เป้นต้น ต่างได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เพราะการที่ลูกค้า ที่ต้องการย้ายของ ก็ยากที่จะสบาย ไม่เหนื่อยในการยกของ สิ่งต่างๆเหล่านี้ เป็นองค์ประกอบที่สำคัญให้ชีวิตที่ผันเปลี่ยนไปจากเดิม ทำให้ธุรกิจ รถรับจ้าง เกิดการเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่อง อย่างน่าภาคภูมิใจ

ทุกงานบริการ สุดยอดงานบริการที่นี่เท่านั้นที่สามารถตอบโจทย์ลูกค้าได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าท่านจะไปที่ไหน ขนย้ายอะไร วันไหน ต้องการคนยกสินค้าหรือไม่ แจ้ง รถรับจ้างขนของจังหวัดขอนแก่น เรามาได้เลยเพราะเรามีความพร้อมเรื่องรับจ้างขนย้ายจริงๆ เรียกได้เลยว่าเราคือ ผู้เชี่ยวชาญด้านงานรับจ้างขนของ สำหรับท่านที่ยังไม่เคยติดต่อเข้ามา สามารถเรียกรับบริการพิเศษ ราคาถูก กับเราได้ทุกวันนะครับ


พื้นที่ให้บริการรถรับจ้างขนของขอนแก่น ย้ายบ้าน ของเราในจังหวัดต่างๆ

รถรับจ้างขนของอำเภอเมืองขอนแก่น

 รถรับจ้างขนของอำเภออุบลรัตน์

รถรับจ้างขนของอำเภอเขาสวนกวาง

รถรับจ้างขนของอำเภอโคกโพธิ์ไชย 

รถรับจ้างขนของอำเภอชำสูง           

รถรับจ้างขนของอำเภอแฮด

รถรับจ้างขนของอำเภอชุมแพ

รถรับจ้างขนของอำเภอสีชมพู

รถรับจ้างขนของอำเภอบ้านไผ่

รถรับจ้างขนของอำเภอบ้านฝาง

รถรับจ้างขนของอำเภอเปือยน้อย

รถรับจ้างขนของอำเภอพล

รถรับจ้างขนของอำเภอพระยืน

รถรับจ้างขนของอำเภอภูเวียง

รถรับจ้างขนของอำเภอภูผาม่าน

รถรับจ้างขนของอำเภอมัญจาคีรี

รถรับจ้างขนของอำเภอแวงน้อย

รถรับจ้างขนของอำเภอแวงใหญ่

รถรับจ้างขนของอำเภอหนองสองห้อง

รถรับจ้างขนของอำเภอหนองเรือ

รถรับจ้างขนของอำเภอกระนวน 

รถรับจ้างขนของอำเภอหนองนาคำ

รถรับจ้างขนของอำเภอชนบท

รถรับจ้างขนของอำเภอโนนศิลา

รถรับจ้างขนของอำเภอน้ำพอง


รถรับจ้างขนของเชียงใหม่ รถรับจ้างจังหวัดขอนแก่น รับจ้างขนของ ย้ายบ้าน หอ รถรับจ้างทั่วไป  อ่านบทความเพิ่มเติมคลฺิ๊กที่นี่ https://www.rodrubjang-youservice.com/category/105

14
กลุ่มอาการกิลแลง-บาร์เร (กลุ่มอาการกีแยง-บาร์เร ก็เรียก) เป็นโรคที่มีภาวะผิดปกติของประสาทส่วนปลาย (peripheral nerves) หลายเส้นทั่วร่างกาย ทำให้ผู้ป่วยเกิดอาการแขนขาอ่อนแรง เป็นอัมพาตแบบเฉียบพลัน ซึ่งมักพบหลังเป็นโรคติดเชื้อทางเดินหายใจหรือทางเดินอาหาร โดยไม่ทราบสาเหตุ 

โรคนี้นับว่าเป็นภาวะรุนแรง และอาจมีภาวะแทรกซ้อนเป็นอันตรายได้

พบได้ปีละประมาณ 1.2-3 คน ต่อประชากร 100,000 คน พบได้ในคนทุกวัย แต่จะพบบ่อยในกลุ่มอายุ 15-35 ปี และ 50-75 ปี และพบในผู้ชายมากกว่าผู้หญิงประมาณ 1.5 เท่า

สาเหตุ

เกิดจากปฏิกิริยาภูมิต้านตนเอง (autoimmune reaction) ต่อปลอกหุ้มเส้นประสาท (myelin sheath) ส่วนปลายหลายเส้นทั่วร่างกาย ทำให้เกิดอาการชาและกล้ามเนื้ออ่อนแรงที่แขนขาและส่วนอื่น ๆ ของร่างกาย ซึ่งในปัจจุบันยังไม่ทราบสาเหตุแน่ชัด

ประมาณร้อยละ 60-70 ของผู้ป่วยมักเกิดหลังการติดเชื้อแบคทีเรียหรือไวรัสนับเป็นสัปดาห์ ที่พบบ่อยคือหลังเป็นโรคติดเชื้อของระบบทางเดินหายใจ รองลงมาคือ หลังเป็นโรคติดเชื้อของระบบทางเดินอาหาร 

เชื้อต้นเหตุที่พบบ่อย เช่น แคมไพโรแบกเตอร์เจจูนิ (Campylobacter jejuni)*, ไวรัสไซโตเมกาโล (cytomegalovirus), ไวรัสเอปสไตน์บาร์/อีบีวี (Epstein-Barr virus/EBV), ไวรัสไข้หวัดใหญ่, ไวรัสตับอักเสบ, ไวรัสโควิด19, ไวรัสชิคุนกุนยา, ไวรัสซิกา, เอชไอวี, เชื้อไมโคพลาสมานิวโมเนีย (Mycoplasma pneumonia)** เป็นต้น

นอกจากนี้ ยังมีรายงานการพบผู้ป่วยโรคนี้หลังได้รับวัคซีนบางชนิด (วัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ วัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า) หรือหลังได้รับการผ่าตัดบางอย่าง


*เชื้อชนิดนี้เป็นแบคทีเรียชนิดหนึ่ง ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้เกิดอาการท้องเดินจาก โรคอาหารเป็นพิษจากเชื้อโรค เนื่องจากผู้ป่วยติดเชื้อชนิดนี้จากการกินอาหารที่ไม่ได้ปรุงสุก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เนื้อสัตว์ เป็ดไก่ 
**เชื้อชนิดนี้เป็นแบคทีเรียชนิดหนึ่ง ซึ่งเป็นสาเหตุของ โรคปอดอักเสบ


อาการ

อาการมักเกิดหลังเป็นโรคติดเชื้อทางเดินหายใจ (เช่น ไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่ ปอดอักเสบ) หรือทางเดินอาหาร (ท้องเดิน อาหารเป็นพิษ) ประมาณ 2-4 สัปดาห์ โดยมีอาการชาที่ปลายนิ้วมือหรือนิ้วเท้า และกล้ามเนื้ออ่อนแรงของแขนหรือขา

ส่วนใหญ่จะเริ่มมีอาการที่ปลายเท้าและขา ทำให้เดินเซ หรือเดินไม่ได้ ขึ้นบันไดไม่ได้ บางรายอาจเริ่มมีอาการที่ใบหน้าหรือแขนก่อน แล้วต่อมา (นับเป็นชั่วโมง ๆ หรือเป็นวัน ๆ) ก็จะลุกลามไปที่ร่างกาย แขนขา และกล้ามเนื้อแทบทุกส่วน ซึ่งอาจกลายเป็นอัมพาตรุนแรงทั่วร่างกายได้

ผู้ป่วยอาจมีอาการกล้ามเนื้อตาและใบหน้าอ่อนแรง มีอาการกลอกตาไม่ได้ มองเห็นภาพซ้อน พูดอ้อแอ้ เคี้ยวและกลืนลำบากร่วมด้วย 

บางรายอาจมีอาการปวดมากตามร่างกาย (เช่น บริเวณไหปลาร้า สะบัก หลัง ก้น ต้นขา) จะปวดมากเวลาเคลื่อนไหวร่างกาย และอาการอาจเป็นมากขึ้นตอนกลางคืน

บางรายอาจมีความผิดปกติของระบบประสาทอัตโนมัติ ทำให้มีอาการชีพจรเต้นเร็วหรือช้ากว่าปกติ หัวใจเต้นผิดจังหวะ ความดันโลหิตสูง หรือความดันตกในท่ายืน (ลุกขึ้นยืนจะมีอาการหน้ามืด เป็นลม) กลั้นปัสสาวะและอุจจาระไม่ได้ เป็นต้น

หากเป็นรุนแรง อาจทำให้กล้ามเนื้อหายใจเป็นอัมพาต หยุดหายใจ หรือหัวใจวาย เป็นอันตรายถึงเสียชีวิตได้

โรคนี้มักมีอาการเปลี่ยนแปลงเร็ว อาการมักทรุดหนักได้ภายในไม่กี่วันหลังเริ่มมีอาการ และมักเป็นอยู่นานประมาณ 2-4 สัปดาห์


ภาวะแทรกซ้อน

ในรายที่เป็นรุนแรง ผู้ป่วยอาจเสียชีวิตด้วยภาวะแทรกซ้อน เช่น ภาวะหายใจลำบาก (เนื่องจากกล้ามเนื้อควบคุมการหายใจเป็นอัมพาต) ภาวะหัวใจวาย โรคติดเชื้อ (ปอดอักเสบ ภาวะโลหิตเป็นพิษ) เป็นต้น

ในรายที่เป็นอัมพาต นอนติดเตียงนาน ๆ นอกจากทำให้เป็นแผลกดทับแล้ว ยังอาจเกิด ภาวะหลอดเลือดดำส่วนลึกมีลิ่มเลือด ทำให้เกิดภาวะสิ่งหลุดอุดตันหลอดเลือดแดงปอดแทรกซ้อนเป็นอันตรายได้               

บางรายอาจกลายเป็นอัมพาตหรือกล้ามเนื้ออ่อนแรงเรื้อรัง หรือมีอาการชาหรือเสียวของแขนขาเรื้อรัง


การวินิจฉัย
แพทย์จะวินิจฉัยเบื้องต้นจากอาการ ประวัติการเจ็บป่วย และการตรวจร่างกาย ซึ่งมักตรวจพบอาการกล้ามเนื้อแขนขาอ่อนแรงหรือเป็นอัมพาต เดินไม่ได้ พูดอ้อแอ้ เคี้ยวลำบาก กลืนลำบาก กลอกตาไม่ได้

เมื่อใช้ค้อนยางเคาะดูรีเฟลกซ์ของข้อเข่าและข้อเท้าพบว่าลดลงหรือไม่มีเลย

อาจตรวจพบชีพจรเต้นเร็วหรือช้ากว่าปกติ หรือเต้นไม่เป็นจังหวะ ความดันโลหิตสูง หรือพบภาวะความดันตกในท่ายืน

แพทย์จะทำการวินิจฉัยให้แน่ชัด ด้วยการตรวจพิเศษ เช่น การเจาะหลัง (lumbar puncture) การตรวจคลื่นไฟฟ้ากล้ามเนื้อ (electromyography/EMG) การตรวจการชักนำประสาท (nerve conduction study) การตรวจเลือด เอกซเรย์ปอด เป็นต้น


การรักษาโดยแพทย์

แพทย์จะรับผู้ป่วยไว้รักษาในโรงพยาบาลทุกราย แม้บางรายในช่วงแรกอาการจะดูเหมือนไม่หนัก แต่เนื่องจากโรคนี้อาจมีอาการรุนแรงขึ้นในเวลาต่อมาไม่นานได้ จึงต้องเฝ้าสังเกตอาการอย่างใกล้ชิด 

แพทย์จะให้การรักษาตามอาการและแก้ไขภาวะแทรกซ้อน เช่น ให้ยาแก้ปวด ยาปฏิชีวนะรักษาโรคติดเชื้อ (เช่น ปอดอักเสบ ทางเดินปัสสาวะอักเสบ) สารกันเลือดเป็นลิ่ม (anticoagulant สำหรับผู้ที่นอนติดเตียง เพื่อป้องกันการเกิดภาวะหลอดเลือดดำส่วนลึกมีลิ่มเลือด) การทำกายภาพบำบัด เป็นต้น

ในรายที่กล้ามเนื้อหายใจเป็นอัมพาต หายใจลำบาก แพทย์จำเป็นต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ 

บางราย อาจต้องทำการถ่ายพลาสมา (plasmapheresis) หรือฉีดอิมมูนโกลบูลินเข้าหลอดเลือดดำ เพื่อกำจัดสารภูมิต้านทานที่เป็นตัวก่อโรค

ผลการรักษา ขึ้นกับความรุนแรงของโรค สภาพร่างกายของผู้ป่วย การได้รับการรักษาเร็วหรือช้า

ผู้สูงอายุ ผู้ที่มีอาการทรุดลงเร็ว ผู้ที่ได้รับการรักษาช้า และผู้ที่ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจนาน มีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนร้ายแรงหรือเสียชีวิตสูง   

ผู้ป่วยส่วนใหญ่อาการจะดีขึ้นภายใน 2-4 สัปดาห์ แต่อาจต้องใช้เวลาในการฟื้นฟูร่างกายให้แข็งแรงเป็นปกตินาน 6-12 เดือน บางรายอาจนานเป็นแรมปี

บางรายอาการอาจไม่หายขาด และมีความพิการอย่างถาวร

บางรายหลังจากอาการทุเลาดีนานเป็นแรมเดือนแรมปีแล้ว อาจมีอาการชาและกล้ามเนื้ออ่อนแรงกำเริบซ้ำในเวลาต่อมาได้

สำหรับเด็กและคนอายุน้อย มักจะฟื้นตัวได้ดีกว่าคนอายุมาก


การดูแลตนเอง

หากสงสัย เช่น มีอาการชาที่นิ้วมือหรือนิ้วเท้า แขนหรือขาอ่อนแรง เดินลำบาก พูด เคี้ยวหรือกลืนลำบาก ซึ่งเกิดขึ้นเฉียบพลัน ควรปรึกษาแพทย์โดยเร็ว

เมื่อตรวจพบว่าเป็นกลุ่มอาการกิลแลง-บาร์เร ควรดูแลตนเอง ดังนี้

    รักษา กินยา และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ 
    ติดตามรักษากับแพทย์ตามนัด


ควรกลับไปพบแพทย์ก่อนนัด ถ้ามีลักษณะข้อใดข้อหนึ่ง ดังต่อไปนี้

    สงสัยอาการกำเริบหรือมีภาวะแทรกซ้อนตามมา เช่น มีอาการไข้ ชาตามนิ้วมือหรือนิ้วเท้า แขนขาอ่อนแรง เป็นต้น
    ในรายที่แพทย์ให้ยากลับไปกินต่อที่บ้าน กินยาแล้วสงสัยเกิดผลข้างเคียงจากยา เช่น มีลมพิษ ผื่นคัน ตุ่มพุพอง ตาบวม ปากบวม ปวดท้อง ท้องเดิน คลื่นไส้ อาเจียน จุดแดงจ้ำเขียว หรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ

การป้องกัน
ยังไม่มีวิธีป้องกันที่ได้ผล เนื่องจากยังไม่ทราบสาเหตุของการเกิดโรคนี้


ข้อแนะนำ

1. หลังจากหายจากโรคติดเชื้อทางเดินหายใจ (เช่น ไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่ ปอดอักเสบ) หรือทางเดินอาหาร (เช่น ท้องเดิน อาหารเป็นพิษ) หากมีอาการสงสัยว่าจะเป็นโรคนี้ เช่น มีอาการชาที่นิ้วมือหรือนิ้วเท้า แขนหรือขาอ่อนแรง ควรไปพบแพทย์โดยเร็ว เนื่องจากแม้ระยะแรกอาการดูไม่รุนแรง แต่อาการจะทรุดหนักตามมาจนเป็นอัมพาตทั้งตัวได้ภายในไม่กี่วัน และเป็นอันตรายร้ายแรงได้

2. การไปปรึกษาแพทย์และได้รับการรักษาที่ถูกต้องแต่เนิ่น ๆ มีส่วนช่วยให้การรักษาได้ผลดี และลดการเกิดภาวะแทรกซ้อนที่ร้ายแรงได้

3. ผู้ที่เป็นโรคนี้อาจต้องอยู่รักษาที่โรงพยาบาลนาน และเมื่อออกจากโรงพยาบาลแล้วใช้เวลานานเป็นแรมเดือนแรมปีในการฟื้นฟูร่างกายให้หายเป็นปกติ ผู้ป่วยควรเรียนรู้ให้เข้าใจธรรมชาติของโรคและวิธีดูแลรักษา ควรปฏิบัติตัวและติดตามรักษากับแพทย์และทีมงานอย่างจริงจังและต่อเนื่อง


โรคกลุ่มอาการกิลแลง-บาร์เร (Guillain-Barre syndrome) อ่านบทเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://doctorathome.com/disease-conditions

15
เครื่องมือ EF Line เป็นเครื่องมือการจัดฟันสำหรับเด็กที่มีอายุ 4-7 ปี มีลักษณะเป็นชิ้นยางหลากหลายสี ซึ่งมีหลายขนาดตามอายุและขนาดของขากรรไกรเด็ก ซึ่งประโยชน์ของเครื่องมือชิ้นนี้ คือมันจะช่วยปรับโครงสร้างใบหน้าของเด็กให้มาอยู่ถูกที่ถูกทาง มากยิ่งขึ้นโดยเครื่องมือการจัดฟันในการจัดฟันในเด็กนั้น จะช่วยป้องกันปัญหาการสบฟันผิดปกติหรือแก้ไขเพื่อบรรเทาความรุนแรงของความผิดปกติซึ่งควรทำในเด็ก เพราะเครื่องมือ EF Line ที่กล่าวมาข้างต้นนั้นช่วยแก้ไขปัญหาในเรื่องของป้องกันฟันล้ม ซึ่งใช้ในกรณีที่มีการสูญเสียฟัน หรือ ต้องถอนฟันน้ำนมก่อนกำหนด โดยทันตแพทย์จะถอนฟันน้ำนมที่เสียออก แล้วพิมพ์ปากเพื่อทำเครื่องมือกันฟันล้มใส่ให้ รอจนกว่าถึงเวลาที่ฟันแท้จะงอกขึ้นทดแทนในช่องว่างที่ถอนฟันสำหรับผู้เข้ารับการรักษาที่เป็นเด็กก็จะมีฟันแท้ งอกตรงในบริเวณที่ควรจะงอก ทำให้ไม่ก่อให้เกิดปัญหาฟันคุดของฟันแท้ในบริเวณนั้น หรือ การล้มเกของฟันรอบๆ ข้าง แต่ที่สำคัญที่สุด คือ การได้มีฟันน้ำนมอยู่ในปากจนครบเวลาที่ควรจะหลุด จะเป็นการป้องกันฟันล้มเกได้ดีที่สุด

นอกจากนี้ เครื่องมือดังกล่าวยังสามารถแก้ไขพฤติกรรมที่ผิดปกติที่เกิดในเด็กได้ด้วย หากเรามานั่งพูดถึงสาเหตุของการสบฟันที่ผิดปกติในเด็กจำนวนมาก ที่เรามักพบเจอได้บ่อย ส่วนใหญ่จะเกิดจากนิสัยต่างๆ เช่น การดูดนิ้ว การกลืนที่ผิดปกติ หรือ การหายใจทางปากจากปัญหาทางเดินหายใจ อาจจะส่งผลให้ฟันหน้าบนยื่น หรือไม่สบฟันได้ในที่สุด ทันตแพทย์จะมีเครื่องมือรูปแบบต่างๆ ที่ช่วยแก้ไขนิสัยเหล่านี้ให้แก่เด็กได้ แต่การสวมใส่เครื่องมือ EF LINE ในช่วงแรกๆของเด็กอาจจะยังมีอาการผิดปกตอเล็กน้อย ดังนั้น พ่อแม่ผู้ปกครองควรที่จะสังเกตพฤติกรรมเมื่อเด็กมีอาการเมื่อสวมใส่เครื่องมือ EF LINE พ่อแม่ที่กำลังจะให้เด็กเข้ารับการจัดฟันในเด็ก ด้วยเครื่องมือ EF LINE อาจจะมีความสงสัยในเรื่องของการสวมใส่เครื่องมือ EF LINE ว่าเด็กจะมีอาการอะไรหรือเปล่า ดังนั้น พ่อแม่ควรที่จะสังเกตอาการที่ทางคลินิกของเรากำลังจะนำมาบอก เพื่อให้พ่อแม่ผู้ปกครองได้ศึกษาเป็นแนวทาง


สำหรับเครื่องมือ EF line เด็กควรจะสวมใส่เครื่องมือตามที่ทันตแพทย์จัดฟันแนะนำ ก็คือ ควรสวมใส่ในตอนกลางคืนขณะนอนหลับเป็นเวลา 10 ชม. เวลา และในตอนกลางวันเป็นเวลา 2 ชม. ซึ่งในระหว่างใส่กลางวันพ่อแม่ต้องคอยสังเกตอาการของเด็ก ไม่ควรปล่อยให้เด็กเคี้ยวเครื่องมือเล่น ไม่พูด ปากปิดสนิทเพื่อเป็นการออกกำลังกล้ามเนื้อรอบปาก ในช่วงเเรกๆ การสวมใส่เครื่องมือการจัดฟันอาจไม่สบายนัก แต่ร่างกายของเด็กจะปรับตัวยอมรับและดีขึ้นเองเด็กบางคนอาจมีอาการเหมือนอยากจะอาเจียน


ดังนั้น พยายามให้เด็กใส่ให้เกิดความเคยชินขึ้น โดยอาจปรับเวลาเป็นการใส่ครั้งแรก ทำให้เด็กรู้สึกเพลินเพลินกับการทำกิจกรรมอื่นๆไปด้วยได้ พ่อแม่ผู้ปกครอง ควรเตือนเด็กให้พยายามใส่ประคองด้วยฟ และนิ่งๆ ไม่เคี้ยวเล่น เมื่อเวลาผ่านไป ฟัน กระดูกเหงือก เนื้อเยื่อในปาก กล้ามเนื้อและลิ้นจะปรับตัวตาม EF LINE ได้เอง ปัญหาอาการระคายเคืองที่เกิดขึ้น ก็จะค่อยๆลดลงจนสามารถใส่ได้นานๆอย่างสบายยิ่งขึ้น นอกจากนี้ อาการที่จะเกิดขึ้นได้ก็คือ เมื่อเด็กสวมใส่เครื่องมือ EF LINE แล้วรู้สึกมีอาการเจ็บที่ฟัน หากเป็นฟันแท้อาจเป็นผลจากการเคลื่อนของฟันเพื่อการเรียงตัวใหม่ที่ดี แต่หากอาการเจ็บมีความรุนแรงมาก 

 
โดยเฉพาะในกรณีที่เป็นฟันน้ำนม หากพบฟันมีลักษณะโยกมาก พ่อแม่ผู้ปกครองควรพาเด็กไปพบทันตแพทย์เพื่อตรวจรักษา หากแรกๆ เด็กบ่นว่าใส่แล้วปวด สามารถให้เขาพักการสวมใส่เครื่องมือการจัดฟันได้ เอาออกเป็นช่วงๆ เพื่อค่อยๆให้ช่องปากได้ปรับตัว ยิ่งนานวันจะสามารถใส่ได้นานตามกำหนด นอกจากนี้ ควรมีการให้เด็กฝึกกลืนน้ำลายโดยลิ้นไม่ดุนฟัน แต่ให้ลิ้นเเตะเพดาน อยู่ด้านหลังห่างหลังฟันหน้าบนในเด็กที่ใส่ช่วงแรกๆ อาจจะเจ็บโคนลิ้น ให้ดื่มน้ำมากๆ หากเป็นแผลใช้ยาทาแผลช่วยบรรเทาอาการ หรือใช้น้ำยาบ้วนปากที่มีส่วนผสมของยาชาช่วย เมื่อเด็กสามารถปรับลักษณะการกลืนและจัดตำแหน่งลิ้นได้แล้ว อาการผิดปกติเหล่านั้นจะหายไปเอง

 
หากพ่อแม่ผู้ปกครองท่านไหน สนใจให้บุตรหลานของท่าน เข้ารับการจัดฟันในเด็ก ด้วยโปรแกรม EF Line สามารถขอรับคำแนะนำและปรึกษากับทางทันตแพทย์ของทางคลีนิก ได้ เพราะทางเรามีทีมทันตแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญในด้านทันตกรรมในเด็ก มีประสบการณ์เรื่องของการจัดฟันในเด็กมาอย่างยาวนาน จึงเป็นเครื่องการันตีได้ว่า บุตรหลานของท่านจะมีสุขภาพฟันที่ดี และมีฟันที่เรียงตัวกันอย่างสวยงาม เพื่อที่จะได้เติบโตไปเป็นเด็กที่มีสุขภาพฟันที่ดีได้อย่างแน่นอน เพราะเราอยากให้เด็กๆทุกคนมีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดี เพื่อที่เด็กจะสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างมีความสุข สามารถทำกิจกรรมได้ตามปกติ โดยไม่มีเรื่องของปัญหาช่องปากมาเป็นอุปสรรค ดังนั้น การที่เด็กมีฟันที่แข็งแรง ก็จะช่วยส่งเสริมเรื่องพัฒนาการของเด็กได้อย่างดีเลยทีเดียว



อาการของเด็ก เมื่อสวมใส่เครื่องมือจัดฟันเด็ก EF LINE ช่วงแรกๆ   อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://www.idolsmiledental.com/การจัดฟันเด็ก/

16
เสียวหมี่ Xiaomi-Redmi Note 10 Pro Max 8/128GB
Redmi Note 10 Pro Max หน้าจอ Super AMOLED 120Hz, Snapdragon 732G, รองรับชาร์จเร็ว 33W, ลำโพงคู่, ระบบสั่น Z-axis Haptics, กล้องหลัง 4 เลนส์ 108MP F1.9 เซนเซอร์ Samsung HM2

รายละเอียดเบื้องต้น
   ยี่ห้อ-รุ่น              เสียวหมี่ Xiaomi-Redmi Note 10 Pro Max 8/128GB
   ราคากลาง           8,999 บาท
   จำนวนซิม            2 ซิม (Nano Sim)
   แบบดีไซน์            จอสัมผัส
   สี                      ดำ, ฟ้า, ทอง

   ความถี่-เครือข่าย
2G
3G
4G

   ขนาด-น้ำหนัก                  ยาว 164 x กว้าง 76.5 x หนา 8.1 มม., น้ำหนัก 193 กรัม
   ความจุข้อมูลภายใน (ROM) 128 GB
   ความจุข้อมูลภายนอกสูงสุด   Micro SD
   แบตเตอรี่ และระบบชาร์จ      ความจุแบตเตอรี่ 5,020 mAh

จอแสดงผล
   ชนิดจอ              จอสัมผัส (Super AMOLED)
   ความละเอียด       6.67 นิ้ว, 395 ppi, 1,080 x 2,400 px

   รายละเอียดอื่น
กระจกหน้าจอ Corning Gorilla Glass 5
เซนเซอร์ Fingerprint (side-mounted), accelerometer, gyro, proximity, compass
รองรับชาร์จเร็ว 33W
ลำโพงคู่
ระบบสั่น Z-axis Haptics
กล้องหลัง 4 เลนส์ 108MP F1.9 เซนเซอร์ Samsung HM2, 9 in 1 Super Pixel + 8MP F2.2, 118 องศา Ultrawide + 2MP F2.4, Depth + 5MP, Super Macro
 
กล้องถ่ายรูป
   ขนาด-ความละเอียด               กล้องหลัง (108 Mpx), กล้องหน้า (16 Mpx)
   ความละเอียดของภาพภ่ายสูงสุด
   คุณสมบัติ                           Auto Focus, Flash

ระบบปฏิบัติการ
   หน่วยประมวลผล (CPU)            Qualcomm Snapdragon 732G
   หน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU)    Adreno 618
   หน่วยความจำ (RAM)               8.0 GB

   ระบบเชื่อมต่อภายนอก
Infrared, USB(Type-C 2.0), Bluetooth(5.1), Jack(3.5 มม.), NFC, Wi-Fi(802.11 a/b/g/n/ac), IR LED, DLNA, Bluetooth Low Energy (BLE), WiFi Direct, Miracast, USB OTG, A2DP, USB Host

   ระบบรับส่งข้อความ              SMS, MMS, EMAIL, PUSH MAIL
   การเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต        3G, GPRS, EDGE, WiFi, 4G
   ระบบ GPS                      A-GPS, GLONASS, BDS, GALILEO

มือถือ Xiaomi เสียวหมี่ Xiaomi-Redmi Note 10 Pro Max 8/128GB อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://www.checkraka.com/mobilephone/xiaomi/

17
การจัดฟันในเด็ก สามารถเริ่มทำได้ตั้งแต่ตอนที่เด็กอายุ 6-7 ขวบ พ่อแม่ผู้ปกครอง ควรนำบุตรหลานที่มีอายุต่ำว่า 10 ปี มาตรวจกับทันตแพทย์จัดฟันได้ โดยไม่จำเป็นต้องรอจนถึงวัยรุ่น เพราะในวัยเด็กเป็นช่วงที่ฟันกำลังพัฒนาและขากรรไกรเติบโต และถ้าตรวจพบปัญหาฟันซ้อน การสบฟันผิดปกติ จะสามารถแก้ไขได้ง่ายมากกว่าการจัดฟันตอนเป็นผู้ใหญ่แล้ว ซึ่งแน่นอนว่า การจัดฟันในเด็กสามารถแก้ไขปัญหาฟันได้อย่างมีประสิทธิภาพ การที่เด็กมีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดีตั้งแต่อายุยังน้อย จะช่วยสร้างโอกาสในการเรียนรู้ของเด็กได้อย่างแน่นอน

นอกจากจะแก้ไขปัญหาฟันแล้ว ยังช่วยในเรื่องของความผิดปกติของกล้ามเนื้อใบหน้าด้วย ซึ่งในข้อนี้พ่อแม่ผู้ปกครองอาจจะยังไม่ทราบ ซึ่งหากพ่อแม่ผู้ปกครองพบความผิดปกติของใบหน้าหรือรูปร่างฟัน ก็ควรพาเด็กเข้าพบทันตแพทย์เพื่อตรวจและแก้ไขทันที ไม่ควรละเลยและปล่อยให้ปัญหาลุกลามไปจนถึงตอนโต เนื่องด้วยพ่อแม่ผู้ปกครองส่วนใหญ่อาจจะคิดว่าฟันน้ำนมของเด็กไม่มีความสำคัญ จึงละเลยที่จะสอนเด็กให้รู้จักวิธีการทำความสะอาดของช่องปากและฟันตั้งแต่เด็ก เพราะคิดว่ารอให้โตก่อนค่อยสอนให้เด็กแปรงฟันอย่างถูกวิธี
ซึ่งนั่นเป็นความคิดที่ผิด เพราะจะเป็นการปล่อยให้ปัญหาฟันลุกลามได้ นอกจากนี้ ผู้ปกครองหลายคนก็ยังมีความเชื่อที่ผิดๆ เกี่ยวกับการจัดในเด็ก หรืออาจจะยังไม่มีความรู้หรือประสบการณ์ในการพาบุตรหลานของท่านเช้ารับการจัดฟัน จึงมองว่าเป็นเรื่องที่ไม่สำคัญ ดังนั้น วันนี้ทางคลินิกของเราจะมาพูดถึงเรื่องของความเชื่อที่ผิดๆของการจัดฟันในเด็ก ที่พ่อแม่ผู้ปกครองอาจจะยังไม่เข้าใจ เพื่อที่จะได้เปลี่ยนมุมมองในเรื่องของสุขภาพช่องปากและฟันของเด็ก รวมไปถึงจะได้เข้าใจในเรื่องของการจัดฟันในเด็กเพิ่มมากขึ้น

 
 
หากพูดถึงเรื่องของการจัดฟันไม่ว่าจะเป็นรูปแบบใด และสำหรับเด็กหรือผู้ใหญ่ หลายคนอาจจะยังมีความเชื่อที่ผิดๆว่า การจัดฟัน มีไว้สำหรับเด็กเท่านั้น มักจะคิดว่า การจัดฟันนั้นมีเพียงเด็กๆ เท่านั้นที่ทำกัน คนที่เป็นผู้ใหญ่แล้ว ไปจัดฟันก็ไม่มีประโยชน์อะไร นี่เป็นความเชื่อที่ผิด เพราะจริงๆ แล้ว ไม่มีใครแก่เกินกว่าจะจัดฟัน เพราะเราทุกคนมีโอกาสที่จะเกิดปัญหาเกี่ยวกับฟันได้ และไม่ว่าจะวัยไหน ก็สามารถเข้ารับการจัดฟันได้ เพียงแต่ว่า การจัดฟันในเด็กนั้น

จะดีกว่าวัยผู้ใหญ่เพราะสามารภแก้ไขปัญหาได้ดีกว่า และไม่มีความซับซ้อนเท่ากับการจัดฟันในผู้ใหญ่ จึงไม่แปลกที่พ่อแม่ผู้ปกครองยังมีความคิดที่ผิดๆเกี่ยวกับการจัดฟันในเด็ก นอกจากนี้ยังมีความคิดที่ว่า เมื่อเข้ารับการจัดฟันเสร็จแล้วฟันก็จะอยู่ในสภาพนั้นตลอดไป ซึ่งคนจำนวนไม่น้อยที่คิดว่า หลังจากถอดเครื่องมือจัดฟันเสร็จแล้วก็จบกัน ฟันของคุณจะเรียงตัวสวยอยู่สภาพนั้นไปตลอด ไม่เปลี่ยนแปลงไปอีกเลยตลอดกาล นี่เป็นอีกหนึ่งความเชื่อที่ไม่เป็นจริง หลังจากที่คุณจัดฟันเสร็จแล้ว ฟันของคุณยังสามารถมีการเคลื่อนที่อยู่ต่อไปได้อีก
ดังนั้นคุณจึงจำเป็นจะต้องใส่ รีเทนเนอร์ ไปอีกตลอดชีวิต เพื่อรักษารูปแบบของฟันให้คงอยู่ดังเดิม และไม่ให้ฟันล้ม จนต้องกลับมาจัดฟันใหม่อีกครั้ง เช่นเดียวกับการจัดฟันในเด็ก พ่อแม่หลายคนมองว่า เมื่อเข้ารับการจัดฟันในวัยเด็กแล้ว เมื่อโตไปจะไม่ทำให้เกิดฟันเกี่ยวกับฟันอีก ซึ่งเป็นความเชื่อที่ผิด เพราะถ้าหากเข้ารับการจัดฟันในวัยเด็ก และไม่มีวินัยในการสวมใส่รีเทนเนอร์ภายหลังจากการจัดฟันเสร็จแล้ว 

 
 อาจจะทำให้เด็กกลับมามีสภาพฟันที่ผิดปกติได้ ดังนั้น ระหว่างการจัดฟันในเด็ก พ่อแม่ควรแนะนำและสอนให้เด็กมีวินัยในการสวมใส่เครื่องมือคงสภาพฟัน เพื่อที่จะได้ไม่ต้องจัดฟันซ้ำเป็นครั้งที่สอง ส่วนในเรื่องของกรรับประทานอาหาร พ่อแม่เกรงว่าลูกจะไม่ได้รับประทานอาหารอย่างเต็มที่

เนื่องจากมีเครื่องมือกรจัดฟัน อันนี้พ่อแม่ผู้ปกครองควรทำความเข้าใจก่อนว่า การเข้ารับการจัดฟันในเด็กนั้น แม้จะมีเครื่องมือในการจัดฟันอยู่ภายในช่องปากแต่ก็ทำให้ผู้เข้ารับการจัดฟัน สามารถรับประทานอาหารได้ตามปกติ เพียงแต่ต้องระมัดระวังเพิ่มมากขึ้นเท่านั้นเอง ทั้งหมดนี้คือความเชื่อที่ผิดๆ ของการจัดฟันในเด็กที่พ่อแม่ผู้ปกครองหลายคนกังวล ซึ่งอาจจะทำให้เป็นอุปสรรคหรือลดโอกาสในการเข้ารับการจัดฟันในเด็กได้
 
หากพ่อแม่ผู้ปกครองท่านไหน สนใจให้บุตรหลานของท่าน เข้ารับการจัดฟันในเด็ก ด้วยโปรแกรม EF Line ก็สามารถติดต่อขอรับคำแนะนำและปรึกษากับทางทันตแพทย์ของทางคลินิกได้ เพราะทางเรามีทีมทันตแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญในเรื่องของการจัดฟันในเด็ก มีประสบการณ์ด้านทันตกรรมในเด็กมาอย่างยาวนาน จึงเป็นการการันตีได้ว่า บุตรหลานของท่านจะมีสุขภาพฟันที่ดี และมีฟันที่เรียงตัวกันอย่างสวยงามอย่างแน่นอน

 

ความเชื่อผิดๆของการจัดฟันเด็ก อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://www.idolsmiledental.com/การจัดฟันเด็ก/

18
สินเชื่อส่วนบุคคล-ธนาคารออมสิน (GSB)
สินเชื่อส่วนบุคคล กู้ง่าย ดอกเบี้ยต่ำ
ไม่ต้องใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน
วงเงินกู้สูงสุด 10 เท่าของรายได้ และไม่เกิน 500,000 บาท
สามารถนำเงินเพื่ออุปโภคบริโภค หรือเพื่อนำไปชำระหนี้สินเชื่อรายย่อยประเภทอื่น

รายละเอียดสินเชื่อ
   สถาบันทางการเงิน          ธนาคารออมสิน
   ชื่อสินเชื่อ                    สินเชื่อส่วนบุคคล
   ประเภทสินเชื่อ              สินเชื่อเงินสดเบิกทั้งจำนวน
   วัตถุประสงค์สินเชื่อ         สินเชื่อเพื่ออุปโภค-บริโภค-ซื้อสินค้า, สินเชื่ออเนกประสงค์
   ลักษณะหลักประกัน        สินเชื่อบุคคลหรือหลักทรัพย์ค้ำประกัน

   รายละเอียดหลักประกัน

ให้ใช้กรณีใดกรณีหนึ่ง ดังนี้

กรณีไม่ใช้บุคคลค้ำประกัน (Clean Loan)
กรณีใช้บุคคลค้ำประกัน ให้ใช้บุคคลค้ำประกันได้มากกว่า 1 คน และมีสัดส่วนการค้ำประกันได้ไม่เกิน 10 เท่าของรายได้รวม โดยผู้ค้ำประกันต้องมีคุณสมบัติ ดังนี้
2.1 มีอายุครบ 20 ปีขึ้นไป และเมื่อรวมอายุผู้ค้ำประกันกับระยะเวลาที่ชำระเงินกู้ต้องไม่เกิน 65 ปี

2.2 มีถิ่นที่อยู่แน่นอนสามารถติดต่อได้

2.3 มีเงื่อนไขอย่างใดอย่างหนึ่ง ดังนี้

(1) กรณีเป็นผู้มีรายได้ประจำ ต้องมีเงินเดือนต่อเดือนตั้งแต่ 20,000 บาท ขึ้นไป และมีอายุงานในที่ทำงานปัจจุบันไม่ต่ำกว่า 2 ปี หรือ

(2) กรณีเป็นผู้ประกอบอาชีพอิสระ หรือเจ้าของกิจการ ต้องมีรายได้รวมขั้นต่ำต่อเดือนตั้งแต่ 30,000 บาทขึ้นไป และมีอายุงาน หรือดำเนินกิจการในปัจจุบันมาแล้ว ไม่ต่ำกว่า 2 ปี

   ผู้มีสิทธิ์กู้                      ผู้มีรายได้ประจำทุกประเภท

   คุณสมบัติผู้กู้
1. เป็นบุคคลที่มีอาชีพและรายได้แน่นอน

2. มีอายุครบ 20 ปีขึ้นไป และเมื่อรวมอายุผู้กู้กับระยะเวลาที่ชำระเงินกู้ ต้องไม่เกิน 65 ปี

3. กรณีเป็นลูกค้ารายใหม่ ต้องมีคุณสมบัติ ดังนี้

3.1 กรณีเป็นผู้มีรายได้ประจำต้องมีเงินเดือนต่อเดือนตั้งแต่ 20,000 บาทขึ้นไป และมีอายุงานใน ที่ทำงานปัจจุบันไม่ต่ำกว่า 2 ปี

3.2 กรณีเป็นผู้ประกอบอาชีพอิสระหรือเจ้าของกิจการ ต้องมีรายได้รวมขั้นต่ำต่อเดือนตั้งแต่ 30,000 บาทขึ้นไป และมีอายุงาน หรือดำเนินกิจการในปัจจุบันมาแล้วไม่ต่ำกว่า 2 ปี

4. กรณีเป็นผู้กู้รายเดิมสินเชื่อเคหะ และสินเชื่อไทรทอง (กรณีใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน) ต้องมีคุณสมบัติเพิ่มเติม ดังนี้

4.1 ไม่เป็นลูกหนี้โครงการบ้านเอื้ออาทรและสินเชื่อเคหะพนักงานออมสิน

4.2 บัญชีสินเชื่อเดิมมีประวัติการชำระหนี้ดี โดยในระยะเวลาย้อนหลัง 1 ปี ไม่มีหนี้ค้างชำระ และ ไม่มีประวัติปรับปรุงโครงสร้างหนี้ (TDR)

4.3 มีอายุงานในที่ทำงานปัจจุบันไม่ต่ำกว่า 6 เดือน

5. ไม่สามารถกู้ร่วมได้

6. เป็นผู้ฝากเงินประเภทเผื่อเรียกของธนาคาร

   วงเงินกู้
ไม่เกิน 10.00 เท่าของรายได้
สูงสุดไม่เกิน 500,000 บาท

   ระยะเวลากู้             ไม่เกิน 7 ปี โดยเมื่อรวมอายุผู้กู้กับระยะเวลาที่ชำระเงินกู้ต้องไม่เกิน 65 ปี (กรณีไม่ใช้บุคคลค้ำประกัน และเป็นผู้ประกอบอาชีพอิสระ หรือเจ้าของกิจการ ระยะเวลาชำระเงินกู้สูงสุด ไม่เกิน 5 ปี)

   วิธีการคิดดอกเบี้ย       อัตราดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอก

   อัตราดอกเบี้ย
ผู้กู้   จำนวนเงินกู้   ดอกเบี้ยรวมค่าธรรมเนียมต่อปี
ผู้กู้ทุกประเภท   500,000 บาท   10.24 - 14.24 %

   รายละเอียดอัตราดอกเบี้ย

1. กรณีใช้บุคคลค้ำประกัน
ลูกค้ารายเดิมสินเชื่อเคหะและสินเชื่อไทรทอง (กรณีใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน) MRR + 3.745% ต่อปี
ลูกค้ารายใหม่ MRR + 6.745% ต่อปี

2. กรณีไม่ใช้บุคคลค้ำประกัน (Clean Loan)
ลูกค้ารายเดิมสินเชื่อเคหะและสินเชื่อไทรทอง (กรณีใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน) MRR + 4.745% ต่อปี
ลูกค้ารายใหม่ MRR + 7.745% ต่อปี

   หมายเหตุอัตราดอกเบี้ย            อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงอาจเปลี่ยนแปลงตามจำนวนเงินกู้ อาชีพและเงินเดือนของผู้กู้
   ดอกเบี้ยผิดนัด                      เท่ากับอัตราดอกเบี้ยสูงสุดตามสัญญาบวกร้อยละ 3 ต่อปี

ค่าธรรมเนียม
   ค่าธรรมเนียมจัดการเงินกู้
   ค่าธรรมเนียมเบิกถอน             โปรดสอบถามผู้ให้บริการสินเชื่อ
   ค่าการทวงหนี้                     โปรดสอบถามผู้ให้บริการสินเชื่อ
   ค่าอากรแสตมป์                   โปรดสอบถามผู้ให้บริการสินเชื่อ
   ค่าธรรมเนียมอื่นๆที่สำคัญ        การชำระคืน
   ยอดชำระขั้นต่ำ                   โปรดสอบถามผู้ให้บริการสินเชื่อ
   สิทธิชำระเกินค่างวด             โปรดสอบถามผู้ให้บริการสินเชื่อ
   สิทธิชำระคืนก่อนกำหนด          ไม่มี

สินเชื่อเงินสด: สินเชื่อส่วนบุคคล-ธนาคารออมสิน (GSB) อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://www.checkraka.com/personalloan/

19
การอดนอน เป็นภัยร้ายต่อสุขภาพร่างกายอย่างมาก เพราะเมื่อใดก็ตามที่ร่างกายอดนอนเป็นเวลานาน ก็จะมีการส่งสัญญาณเตือนของโรคร้ายบางอย่างตามมา โดยอาจจะเริ่มต้นจากความผิดปกติในการทำงานของอวัยวะต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการหยุดหายใจขณะหลับ, อาการชักและความผิดปกติทางด้านการเคลื่อนไหว วันนี้เราจึงมีเทคนิคดีๆ มาฝากสำหรับผู้ที่อดนอนบ่อยๆ ว่ามีวิธีไหนบ้างที่จะช่วยให้คุณมีสุขภาพร่างกายที่แจ่มใสมากขึ้นแม้ว่าจะต้องอดนอน


1.ควรรับประทานอาหารมื้อเย็นให้เพียงพอ

เมื่อใดก็ตามที่คุณจำเป็นต้องอดนอน มื้อเย็นของวันนั้นให้คุณรับประทานให้เต็มที่ โดยอาหารที่เหมาะสมสำหรับคุณในช่วงนี้ก็คือ อาหารประเภทที่ย่อยง่าย อุ่นร้อนเวลารับประทาน เช่น ข้าวต้ม, โจ๊ก, ซุปร้อน, ต้มยำ อาหารประเภทนี้จะช่วยให้คุณเกิดความสดชื่น กระปรี้กระเปร่า มีพลังงานที่เพียงพอ และทำให้คุณพร้อมรบกับการอดนอนได้เป็นอย่างดี


2.ไม่ดื่มกาแฟหลังเที่ยงคืน

หลายคนที่จำเป็นต้องอดนอน มักจะเลือกวิธีทำให้ตาสว่างด้วยการดื่มกาแฟ ซึ่งถือเป็นวิธีที่ไม่เหมาะสมนัก โดยเฉพาะการดื่มกาแฟหลังเที่ยงคืน เพราะจะเป็นการกระตุ้นให้ร่างกายตื่นตัวมากเกินไป เมื่อถึงเวลาที่ต้องนอนจริงๆ ก็จะนอนไม่หลับ อีกทั้งยังเป็นผลเสียต่อระบบย่อยอาหาร ระบบเผาผลาญอีกด้วย


3.อาบน้ำอุ่นหลังจากตื่นนอน

การอาบน้ำด้วยอุณหภูมิอุ่นๆ หลังจากตื่นนอน จะช่วยให้ร่างกายเกิดความผ่อนคลาย ขจัดความอ่อนเพลีย ไม่สดชื่นออกไปได้ โดยวิธีการที่เหมาะสมก็คือ ให้เริ่มต้นด้วยอาบด้วยน้ำอุ่น จากนั้นตามด้วยน้ำเย็น จะทำให้ร่างกายรู้สึกกระฉับกระเฉง กระปรี้กระเปร่ามากกว่าเดิม


4.ตื่นนอนตามเวลาปกติ

ไม่ควรชดเชยร่างกายจากการอดนอนด้วยการตื่นสาย เพราะจะทำให้เกิดความเหนื่อยล้ามากขึ้นกว่าเดิม ผู้ที่อดนอนควรตื่นตามเวลาปกติ สมองจะเกิดการตื่นตัวอย่างเหมาะสม ทำให้ระบบฮอร์โมนต่างๆ ภายในร่างกายทำงานได้อย่างเป็นปกติมากยิ่งขึ้น


5.เสริมสร้างความกระปรี้กระเปร่าด้วยอาหาร

อาหารที่เหมาะสำหรับการเสริมสร้างความกระปรี้กระเปร่าให้กับร่างกายหลังจากอดนอน ประกอบไปด้วย ผัก ผลไม้ที่มีวิตามินซี เพราะวิตามินซีจะช่วยให้ร่างกายรู้สึกสดชื่น ปรับสภาพร่างกายที่อ่อนเพลียให้สดใส มีแรงมากกว่าเดิม

สำหรับใครที่จำเป็นต้องอดนอนเพื่อเคลียร์งาน หรือดูหนังดูซีรี่ส์จนดึกจนดื่น สามารถนำเอาวิธีเหล่านี้ไปใช้เพื่อเยียวยาร่างกายให้กลับมามีสุขภาพที่สดใส แข็งแรง ห่างไกลโรคร้ายที่อาจจะมาเยือนได้ แต่ถ้าเป็นไปได้ก็ไม่ควรอดนอนบ่อยๆ เพราะจะเป็นทางลัดในการทำให้ร่างกายเสื่อมโทรมลงได้เร็วกว่าเดิม ดังนั้นควรนอนหลับพักผ่อนให้เพียง จะดีต่อสุขภาพของคุณมากที่สุด



วิธีบูตร่างกายให้สดชื่น กระปรี้กระเปร่า คืนพลังให้กระปรี้กระเปร่าง่ายๆ แม้อดนอน อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://mmed.com/products/

20
มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ประกาศเสริมไลน์รถปิกอัพด้วยการเปิดตัวมิตซูบิชิ ไทรทัน ซิงเกิล แค็บ 3 รุ่น เคาะราคา 4.75-6.12 แสนบาท พร้อมด้วยรุ่นเมกะ แค็บ 9 รุ่น วางราคาจำหน่าย 5.83-8.18 แสนบาท เริ่มขายจริงวาเลนไทน์นี้

รถปิกอัพที่มาเสริมทัพในครั้งนี้ รองรับการบรรทุกได้ลงตัวมากขึ้น เสริมความแข็งแกร่งเพื่อความปลอดภัยของผู้โดยสารด้วยโครงสร้างนิรภัยเหล็กกล้า Super Frame รวมไปถึงเพิ่มพื้นที่ในการบรรทุก เพื่อการใช้งานในเชิงพาณิชย์ได้อย่างเต็มที่


โมะริคาซุ ชกคิ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า รุ่นเมกะ แค็บมาพร้อมแค็บเปิดได้ พร้อมเสริมความแข็งแกร่งเพื่อความปลอดภัยของผู้โดยสาร รวมไปถึงเพิ่มพื้นที่ในการบรรทุก เหมาะทั้งกับการใช้งานเพื่อการพาณิชย์และการใช้งานส่วนตัว

ส่วนในรุ่นซิงเกิ้ลแค็บ ที่เพิ่มสมรรถนะในการบรรทุกยิ่งขึ้นด้วยกระบะที่ยาวขึ้นเหมาะกับการใช้งานเพื่อการพาณิชย์เป็นหลัก โดยทั้ง 2 รุ่น ซึ่งมีสีตัวถังให้เลือกได้มากถึง 7 สี จะเริ่มจำหน่ายจริงตั้งแต่วันที่ 14 กุมภาพันธ์นี้ เป็นต้นไป


"เราเริ่มขายรุ่นดับเบิ้ลแค็บในปีที่ผ่านมาซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากตลาดเมืองไทย โดยมียอดจองนับจากเปิดตัวจนถึงมกราคมที่ผ่านมาแล้วกว่า 3,000 คัน"

รถรุ่นนี้ให้พละกำลังสูง 181 แรงม้า ประหยัดน้ำมันถึง 20% ด้วยเครื่องยนต์ไมเวค คลีนดีเซล อัลลูมินั่ม อัลลอย บล็อค ขนาด 2.4 ลิตร อีกทั้งยังมี เครื่องยนต์ดีเซล เทอร์โบ อินเตอร์คูลเลอร์ ขนาด 2.5 ลิตร และเครื่องยนต์เบนซิน ขนาด 2.4 ลิตร เป็นทางเลือกให้กับลูกค้าอีกด้วย


all new mitsubishi triton 2024: มิตซูบิชิเสริมทัพไทรทัน ซิงเกิล แค็บ 3 รุ่น พร้อมเมกะ แค็บ 9 รุ่น  อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://www.checkraka.com/car/mitsubishi/triton/

21
การจัดเลี้ยง เป็นการจัดงานเลี้ยงในโอกาสสำคัญต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นงานเลี้ยงสัมมนา งานเลี้ยงฉลองโอกาสสำคัญต่างๆ รวมไปถึงการจัดงานปาร์ตี้ ซึ่งการจัดเลี้ยงนั้น ก็มีด้วยกันหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการจัดเลี้ยงแบบโต๊ะจีน การจัดเลี้ยงแบบบุฟเฟ่ต์ การจัดเลี้ยงแบบค็อกเทล ซึ่งโอกาสสำคัญต่างๆก็จะต้องมีการจัดเลี้ยงในรูปแบบที่เหมาะสมกับวัตถุประสงค์ของงาน ยกตัวอย่างเช่น การจัดเลี้ยงแบบโต๊ะจีน เหมาะสมกับการจัดงานเลี้ยงในโอกาสต่างๆ อย่างงานแต่งงาน งานเลี้ยงฉลอง เพราะการจัดเลี้ยงแบบโต๊ะจีน เหมาะสำหรับการจัดเลี้ยงที่ใช้รองรับแขกเป็นจำนวนมาก 


ต้องบอกว่าการจัดเลี้ยงแบบโต๊ะจีนนั้น ได้รับความนิยมมากในสังคมไทยของเราและมีข้อดีอยู่มากมายเลยทีเดียวเพราะการเลี้ยงแบบโต๊ะจีน เหมาะสำหรับงานที่มีแค่เป็นจำนวนมากมีจุดประสงค์คือ การแสดงให้เห็นถึงความให้เกียรติการจัดเลี้ยงด้วยอาหารที่มีคุณภาพบริการดี สะท้อนให้เห็นถึงความใส่ใจที่คัดเลือกสิ่งดีๆ ให้แก่แขกภายในงานนอกจากนี้ ยังช่วยอำนวยความสะดวก เนื่องจากเป็นการนั่งรับประทานอาหารที่โต๊ะทำให้แขกไม่ต้องลุกเดินเหมือนการจัดเลี้ยงแบบบุฟเฟ่ต์หรือค็อกเทล แต่การจัดเลี้ยงแบบโต๊ะจีน เหมาะสำหรับจัดเลี้ยงภายในโรงแรม ซึ่งการจัดเลี้ยงภายในโรงแรมก็มีข้อดีหลายข้อ ไม่ว่าเป็นเรื่องของ การรองรับแขกได้เป็นจำนวนมาก มีความสะดวกสบาย มีความหรูหรา และที่สำคัญสามารถควบคุมการจัดงานได้ง่ายกว่า เนื่องจากห้องจัดงานภายในโรงแรมมีพื้นที่จำกัด ทำให้เรื่องการควบคุม สามารถควบคุมระบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการควบคุมไฟในงานตามจุดต่างๆ ความดัง-เบาของเครื่องเสียง การจัดการคนภายในงานได้ง่าย ถือว่ามีความสะดวกสบายมาก

     
ทั้งนี้ การจัดเลี้ยงโต๊ะจีน ยังเป็นการจัดเลี้ยงที่เหมาะสำหรับจัดภายในโรงแรมในสถานที่ที่สามารถรองรับแขกได้เป็นจำนวนมาก สำหรับโอกาสในการจัดเลี้ยงโต๊ะจีนนั้น  เป็นรูปแบบที่เหมาะสมกับประเพณีไทยของเรา เนื่องจาก อาหารการกินมีความหลากหลายจึงได้รับความนิยมในงานสำคัญมากมาย ไม่ว่าจะเป็นงานแต่งงาน งานบวช งานขึ้นบ้านใหม่ วันรวมญาติ งานเลี้ยงสังสรรค์ปีใหม่ หรือโอกาสต่างๆ อีกมากมายนอกจากนี้ ในเรื่องของสถานที่ก็มีความสำคัญมากเช่นเดียวกัน เพราะการจัดเลี้ยงโต๊ะจีน มีความเหมาะสมที่จะจัดภายในโรงแรม


และในวันนี้ทางเราจะมาพูดถึงการจัดเลี้ยงภายในโรงแรมว่าเราจะต้องคำนึงถึงเรื่องใดบ้างเพื่อเป็นแนวทางสำหรับคนที่ต้องการจัดเลี้ยงภายในโรงแรม สำหรับการจัดเลี้ยงภายในโรงแรมนั้นจะต้องคำนึงถึงวัตถุประสงค์ของการจัดงานว่าผู้จัดงานจะจัดงานในลักษณะแบบใด เพื่อจะได้คำนวณจำนวนแขกภายในงาน เพื่อที่จะได้วางแผนการวางโต๊ะสำหรับรับประทานอาหารได้ถูก ต่อมาคือเราต้องทำอย่างถึงจำนวนของแขกว่ามีจำนวนมากแค่ไหน ซึ่งการจัดเลี้ยงภายในโรงแรมนั้น ควรจะใช้รูปแบบการจัดเลี้ยงแบบโต๊ะจีนเพื่อที่จะได้จัดระเบียบ ในการรับประทานอาหารได้ดีโดยที่แขกไม่ต้องเดินไปประหารด้วยตนเอง


นอกจากนี้ จะต้องคำนึงถึงเรื่องของสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆเช่น ที่จอดรถ เพราะการจัดเลี้ยงภายในโรงแรมจะต้องมีที่จอดรถที่เพียงพอสามารถรองรับแขกจำนวนมากได้ รวมไปถึง ห้องน้ำจะต้องมีความเพียงพอสำหรับแขกเพื่ออำนวยความสะดวก ต่อมาในเรื่องของการบริการการจัดเลี้ยงภายในโรงแรม การบริการ ถือเป็นสิ่งที่สำคัญมากยิ่งเป็นการจัดเลี้ยงแบบโต๊ะจีน ยิ่งต้องมีการบริการที่ดีมีการเสิร์ฟอาหารที่เหมาะสมอย่างไรก็ตาม ในเรื่องของพนักงานเสิร์ฟอาหาร ทางเรามีบริการจัดเลี้ยงนอกสถานที่ พร้อมทั้ง ยังมีพนักงานที่ช่วยเสิร์ฟอาหาร คอยให้บริการอำนวยความสะดวกให้กับแขก เพื่อให้งานเลี้ยงของคุณเป็นไปอย่าง ระเบียบเรียบร้อยและราบรื่น ทำให้มีความสมบูรณ์แบบมากที่สุด

ทางเรามีความเชี่ยวชาญในด้านการจัดเลี้ยงนอกสถานที่ด้วยการการันตีประสบการณ์การจัดศูนย์อาหารภายในโรงพยาบาลและโรงงานต่างๆในด้านของการจัดเลี้ยง ทางเราอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าได้อย่างเต็มที่ทำให้ลูกค้าสามารถจัดงานได้ตามใจชอบสามารถเลือกเมนูอาหารได้ เลือกธีมงานได้ และยังรองรับการจัดสถานที่ให้เป็นไปตามที่ลูกค้ากำหนดไว้ด้วย


จัดเลี้ยงนอกสถานที่: การจัดเลี้ยงในโรงแรม ต้องคำนึงถึงเรื่องใด อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://thetastefood.com/

22
ในการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการบริการ รถรับจ้างขนของ ของ ทีมงานขนส่ง ผู้ให้บริการรถรับจ้าง ขนย้ายของทุกชนิดไม่ว่างานรับจ้างย้ายบ้าน ย้ายคอนโด ย้ายห้องพัก ย้ายสำนักงาน ย้ายหอ และขนย้ายสินค้าทั่วไปตามที่ลูกค้าต้องการ เรามี รถกระบะรับจ้าง รถสี่ล้อรับจ้างขนาดใหญ่ รถ6ล้อรับจ้าง รถหกล้อรับจ้างขนของ รถเฮี๊ยบรับจ้าง รถสิบล้อรับจ้างขนย้าย รถเทรลเลอร์รับจ้าง


การปรับตัวของเราให้รับกับธุรกิจงานบริการอย่าง รถรับจ้างขนของ นั้นเมื่อในปัจจุบันเทคโนโลยีในยุค 4.0 ที่เข้ามามีบทบาทต่อคนทั่วโลก ทำให้การดำเนินวิถีชีวิตของคนในสังคมจากยุคดั้งเดิมก้าวเข้าสู่สังคมในยุคปัจจุบันที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วและต้องก้าวให้ทันกับโลกเทคโนโลยีสมัยใหม่ หากจะกล่าวถึงในช่วงระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมา ธุรกิจด้านการขนส่งสินค้า และ ธุรกิจโลจิสติกส์ ได้มีการเติบโตเป็นอย่างมาก สาเหตุส่วนหนึ่งเนื่องมาจาก การเติบโตของธุรกิจออนไลน์ หรือ E-Commerce ได้เปลี่ยนรูปแบบจากการขายสินค้าแบบเดิมที่มีหน้าร้าน สู่การซื้อขายสินค้าและชำระเงินผ่านเทคโนโลยีในโลกของออนไลน์มากขึ้น ถึงแม้ว่าเศรษฐกิจของประเทศไทยจะได้รับผลกระทบจากทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ได้ส่งผลกระทบต่อธุรกิจโลจิสติกส์แต่อย่างใด ธุรกิจดังกล่าวกลับมีแนวโน้มเติบโตที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และนอกจากสาเหตุจากการเติบโตของธุรกิจออนไลน์แล้ว ยังมีสาเหตุจากการลงทุนของภาครัฐ ที่ได้รับแรงหนุนจากภาคการท่องเที่ยว และ ภาคการส่งออกที่กำลังเริ่มฟื้นตัว จึงส่งผลให้ธุรกิจโลจิสติกส์ มีการเติบโตขึ้นตามไปด้วย เราจึงต้องมีการให้บริการที่ดีและครอบคลุมมากที่สุด การรับจ้างขนของจึงต้องดีและรวดเร็ว มีมาตรฐาน


หากเปรียบเทียบดูปี 2561 ได้มีมูลค่าเติบโตขึ้นมา 8 % จากปี 2560 มูลค่าตลาดดังกล่าวส่งผลทำให้ รถรับจ้างขนของ กลายเป็นธุรกิจดาวรุ่งที่ได้รับประโยชน์จากการเติบโตของธุรกิจ E-Commerce ที่ต้องอาศัยการขนส่งสินค้าเป็นหลัก ยิ่งการซื้อขายบนโลกออนไลน์ขยายตัวมากขึ้น การใช้บริการรถขนส่งสินค้าจะมากขึ้นตามไปด้วย ทำให้มีผู้ประกอบการ รถรับจ้าง เกิดขึ้นใหม่มากมาย เพื่อเข้ามาแข่งขันและแชร์ส่วนแบ่งทางการตลาดจากผู้ให้บริการรายเดิม ซึ่งขนส่ง เรามีคู่แข่งมากมายที่เข้ามาอยู่ในธุรกิจดังกล่าว ทำให้เราต้องพัฒนาตัวเองให้มีความเป็นมืออาชีพด้านบริการให้มากที่สุด ตอบโจทย์ลูกค้าทุกรายที่สนใจใช้ รถรับจ้างขนย้ายของ


อีกด้านหนึ่งนั่นคือการเข้ามาของ Alibaba Group ซึ่งถือว่าเป็นบริษัท E-Commerce ขนาดใหญ่ของประเทศจีน ซึ่งได้ทำการลงนามกับรัฐบาลไทย ด้วยงบประมาณลงทุนกว่า 11,000 ล้านบาท เพื่อการลงทุนในโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) 4 โครงการใหญ่ ซึ่งโครงการดังกล่าวนี้ ประกอบไปด้วย Digital platform ศูนย์กระจายสินค้า การลงทุนด้านไอที ระบบอัตโนมัติ และหุ่นยนต์ที่เปิดให้ผู้ประกอบการ SME ไทยได้เข้าไปร่วม และยังถือว่าเป็นโครงการรัฐบาลที่ได้เตรียมความพร้อม ด้านโครงสร้างพื้นฐาน ทางด้านคมนาคม และ อำนวยความสะดวกให้ธุรกิจ รถรับจ้าง มีความคล่องตัวในการประกอบธุรกิจให้มากยิ่งขึ้น ขณะที่โครงสร้างพื้นฐานด้าน กฎระเบียบ กฎหมาย และการให้สิทธิประโยชน์ลดหย่อนภาษี ที่จะช่วยดึงดูดนักลงทุนทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ จะเป็นการเพิ่มอุปสงค์ในการขนส่งสินค้าที่ผลิตในพื้นที่ EEC กระจายไปยังพื้นที่ต่างๆให้มีการเติบโต พร้อมกับทำให้การขนส่งสินค้าระหว่างไทย-จีน การกระจายสินค้าสู่ประเทศเพื่อนบ้าน(CLMV) และไปยังประเทศอื่นๆทั่วโลกได้สะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น และยังเป็นโอกาสที่ดีที่จะทำให้ประเทศไทยจะเป็นศูนย์กลางการขนส่งและโลจิสติกส์อันดับ 1 ในภูมิภาคนี้ในอนาคต


แต่ความท้าทายของผู้ประกอบการรถขนส่งสินค้าและ รถรับจ้างขนของ ทุกประเภทอย่าง รถรับจ้างขนย้ายของ รถกระบะรับจ้าง รถหกล้อรับจ้าง รถสิบล้อรับจ้าง รถเฮี๊ยบรับจ้าง รถเทรลเลอร์รับจ้าง รถรับจ้างย้ายบ้าน เป็นต้นเราต้องขอบคุณลูกค้าทุกท่านที่ให้ความเชื่อมั่นบริการรถรับจ้างขนย้ายของกับเรามาโดยตลอด และสำหรับผู้ใช้บริการที่เคยใช้บริการงานอย่าง ขนย้ายของ ย้ายห้อง ย้ายคอนโด ขนย้ายสินค้าโรงงาน ขนย้ายบ้าน สินค้าอุปโภคบริโภค ขนย้ายสินค้าทางการเกษตร ย้ายเฟอร์นิเจอร์ ย้ายเครื่องจักรโรงงาน ทำให้ในยุค4.0 นั่นต้องมีการปรับตัวเข้าหาสภาพการดำเนินธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงไปในยุคดิจิตอล การลดต้นทุนในการทำงาน การบริการที่เป็นมาตรฐานและคุณภาพ พร้อมกับพัฒนาตนเองให้มีคุณค่าอยู่เสมอ จะทำให้ผู้ประกอบการอย่าง ขนส่ง ผู้ให้บริการ รับจ้างขนของ ด้วย รถขนของ ที่มากมายในราคาที่คุ้มค่า ไม่แพง รักษาส่วนแบ่งทางการตลาดเอาไว้ได้ในสภาวะการแข่งขันที่สูงในปัจจุบัน

รถรับจ้างขนของกรุงเทพ รถรับจ้างขนของ ปรับตัวบริการ ราคา คนยก  อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://www.rodrubjang-youservice.com/category/2

23
คนไทยป่วยเป็นโรคไตสูงเป็นอันดับ 3 ในอาซียน มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากการใช้ยาไม่สมหตุสมผล หรือกินยาไม่ถูกวิธี โดยฉพาะผู้ใช้ยากลุ่มเอ็นเสด (NSAIDs) เป็นเวลานาน ยาฆ่าเชื้อบางชนิด รวมทั้งสารสกัดสมุนไพร อาหารเสริม และการซื้อยากินเอง เป็นเหตุให้ไตวาย และถึงขั้นเสียชีวิตได้

1. หมั่นสนใจสุขภาพของตนเอง และไปรับการตรวจร่างกายเป็นประจำทุกปี

2. เลือกอาหารที่มีคุณค่า สุกสะอาด และมีประโยชน์ หลีกเลียงอหารไขมันสูง อาหารกระป๋อง อาหารหมักดอง อาหารแปรรูป และอาหารรสจัด

3. ดื่มน้ำสะอาดอย่างน้อยวันละ 1.5-2 ลิตร หรือ 6-8 แก้วต่อวัน

4. ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ

5. ควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน

6. พักผ่อนให้เพียงพออย่างน้อย 6-8 ชั่วโมง ต่อวัน

7. หลีกเลี่ยงสารเสพติด

8. หลีกลี่ยงการกลั้นปัสสาวะเป็นเวลานานๆ

9. หลีกเลี่ยงกลุ่มยาที่อาจมีผลต่อไต เช่น ยาแห้ปวดซ้อ ปวดเส้น ปวดกล้ามเนื้อ ซึ่งมักเป็นยาในกลุ่ม “เอ็นเสด (NSAIDs)” ที่มีฤทธิ์ลดการอักเสบอย่างแรง

10. อย่าหลงเชื่อโฆษณาอาหารเสริมหรือสมุนไพรที่กล่าวอ้างสรรพคุณเกินจริง

ปัจจุบันยังไม่มียาชนิดใดรักษาโรคไตรื้อรั้งให้หายขาดได้ ปรึกษาแพทย์ก่อนรับประทานยาที่โฆษณาสรรพคุณเกินจริง ศึกษาข้อมูลพิมเติมได้จาก youtbe ” รู้ทันโรคไตกับคิดดี “



กินยาอย่างไร ไตไม่พัง? (Medication safety for kidneys)

ใช้ยาอย่างไรให้ปลอดภัยต่อไต

ไต เป็นอวัยวะที่มีหน้าที่ในการขจัดของเสียและสารต่างๆ ที่ร่างกายไม่ต้องการ รวมถึงยาหรือสารต่างๆ ออกไปในรูปปัสสาวะ ดังนั้น ไตจึงมีความเสี่ยงสูงในการได้รับอันตรายจากพิษของยาและสารเคมีบางอย่างได้ง่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้ที่มีการทำงานของไตบกพร่องแต่เดิมอยู่แล้ว จึงจำเป็นต้องเพิ่มความระมัดระวังในการใช้ยามากขึ้น

ควรใช้ยาอย่างไรไม่เป็นพิษต่อไต?

1. ใช้ยาตามข้อบ่งชี้ และควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ยาทุกครั้ง

2. หลีกเลี่ยงการใช้ยาซ้ำซ้อน เพราะยาบางกลุ่มมีกลไกการออกฤทธิ์คล้ายกัน ซึ่งการรับประทานร่วมกันไม่ช่วยเพิ่มผลในการรักษา แต่กลับเพิ่มผลเสียต่อผู้ป่วย ทำให้เกิดอาการข้างเคียง เช่น ยาแก้ปวดกลุ่ม NSAIDs เป็นต้น

3. นำยาที่ใช้ประจำติดตัวมาโรงพยาบาลทุกครั้งเมื่อเข้ารับบริการทางการแพทย์ และควรแจ้งให้แพทย์ทราบเกี่ยวกับยาที่ใช้ประจำทุกครั้ง เพื่อประกอบการพิจารณาการรักษาของแพทย์


ยาที่ควรระวัง

1. ยาแก้ปวดลดการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAIDs)

ยาในกลุ่มนี้ใช้เพื่อบรรเทาอาการปวดข้อ ปวดหลัง ปวดกระดูก เช่น Diclofenac, Ibuprofen, Mefenamic Acid, Piroxicam, Celecoxib, และ Etoricoxib เป็นต้น โดยกลุ่มยานี้จะยับยั้งการสร้างสาร  โพรสตาแกลนดิน (Prostaglandin) ซึ่งสารนี้มีหน้าที่ช่วยควบคุมการไหลเวียนของเลือดในไตให้เป็นปกติ หากใช้ยากลุ่มนี้เป็นระยะเวลานาน อาจส่งผลเสียต่อการไหลเวียนเลือดในไตและส่งผลให้เกิดภาวะไตวายเฉียบพลันได้ ในผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนใช้ยา

2. ยาลูกกลอน สารโลหะหนัก และสเตียรอยด์

ยาแผนโบราณเป็นการนำพืชสมุนไพรมาผสมกันในสัดส่วนที่พอเหมาะแล้วต้มในหม้อดิน อาจเรียกในชื่อต่างๆ เช่น ยาหม้อ ยาสมุนไพร ซึ่งปัจจุบันมีการพัฒนารูปแบบของยาในลักษณะยาลูกกลอน ยาผง ยาอัดเม็ด หรือบรรจุแคปซูล พบว่าในส่วนประกอบของยาลูกกลอน นอกจากพืชสมุนไพรแล้วผลิตภัณฑ์บางชนิดพบการเจือปนของสารโลหะหนัก เช่น ตะกั่ว ทองแดง ปรอท และสารจำพวกสเตียรอยด์เจือปนมากกว่าครึ่งหนึ่งของยาลูกกลอนที่จำหน่ายในท้องตลาด สารเหล่านี้เมื่อรับประทานเข้าสู่ร่างกายติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน จะเกิดการสะสมในร่างกายและมีพิษโดยตรงในการทำลายเนื้อเยื่อไต และก่อให้เกิดโรคไตเรื้อรังได้

3. ยาปฏิชีวนะบางชนิด หรือยาฆ่าเชื้อ

การใช้ยาเหล่านี้หากไม่ปฏิบัติตามที่แพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด เช่น ดื่มน้ำตามเยอะๆ หลังรับประทานยา อาจทำให้ยาเกิดการตกตะกอนและเป็นผลึกในท่อปัสสาวะได้ เช่น กลุ่มซัลฟา เป็นต้น


กลุ่มยาที่มักจะนำมาใช้ในการรักษาโรคไตเรื้อรัง

โรคไตเรื้อรัง สามารถรักษาได้หลายวิธี หนึ่งในนั้นคือการรักษาโดยการใช้ยา ซึ่งประกอบไปด้วย

    ยาลดการดูดซึมฟอสเฟต ผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังบางรายอาจพบระดับฟอสเฟตในเลือดในปริมาณสูงกว่าปกติ แพทย์อาจพิจารณาสั่งยาลดระดับฟอสเฟต เช่น Calcium carbonate, Calcium acetate, Aluminium hydroxide, Lantanum เป็นต้น กลุ่มยาเหล่านี้จะไปดักจับกับฟอสเฟตในอาหารส่งผลให้ปริมาณฟอสเฟตถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกายลดลงและช่วยปรับระดับฟอสเฟตในเลือดให้เป็นปกติ
    ยาขับปัสสาวะ ใช้สำหรับผู้ป่วยที่มีอาการบวม
    ยาลดความดันโลหิต ระดับความดันโลหิตที่เหมาะสมสามารถช่วยในการชะลอการเสื่อมของไต ดังนั้นแพทย์จะกำหนดค่าเป้าหมายของความดันโลหิตที่เหมาะสมกับผู้ป่วยแต่ละท่านและมักจะพิจารณาเลือกใช้ยาลดความดันกลุ่ม ACE inhibitors หรือ ARBs หรือใช้ร่วมกับยาลดความดันโลหิตกลุ่มอื่นในการควบคุมความดันโลหิตให้อยู่ในค่าที่เหมาะสม ยกเว้นผู้ป่วยมีข้อห้ามใช้ยาเหล่านี้
    กลุ่มยาปรับสมดุลกรดด่างในเลือด เช่น Sodium bicarbonate เพื่อช่วยแก้ไขภาวะเลือดเป็นกรด
    กลุ่มยาลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือด

หากมีภาวะระดับคอเลสเตอรอลในเลือดสูง ควรควบคุมระดับคอเลสเตอรอลชนิดแอลดีแอลให้น้อยกว่าหรือเท่ากับ 100 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตรหรือขึ้นอยู่กับการพิจารณาความเหมาะสมของแพทย์ต่อผู้ป่วยแต่ละราย

หากเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจหรือหลอดเลือดสมองร่วมด้วย ควรควบคุมระดับคอเลสเตอรอลชนิดแอลดีแอลให้น้อยกว่า 70 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตรหรือขึ้นอยู่กับการพิจารณาความเหมาะสมของแพทย์ต่อผู้ป่วยแต่ละราย



เคล็ดลับ 10 ประการ ป้องกันการเกิดโรคไต อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://doctorathome.com/disease-conditions/298

24
หากคุณเป็นหนึ่งคนที่ใช้ “ห้องครัว” ทำอาหารอยู่เป็นกิจวัตร แต่ต้องมาคอยหงุดหงิดใจกับคราบเหนียวเหนอะบนพื้นที่ไม่ทราบสาเหตุ บทความนี้มีคำตอบ! เราขอพาไปดูสาเหตุของคราบเหนียวตัวร้ายที่เกิดจากไอน้ำมัน ปัญหาความสกปรกที่เจอได้บ่อย ๆ ในห้องครัวที่ใช้งานเป็นประจำ และแนะนำวิธีป้องกัน รวมถึงการทำความสะอาดคราบเหนียวให้พื้นห้องครัวให้กลับมาสะอาดเหมือนใหม่ พร้อมชี้เป้าน้ำยาถูพื้นที่ปลอดภัยต่อเด็กและคนในบ้าน


คราบไอน้ำมัน สร้างความเหนียวบนพื้นห้องครัว

คราบไอน้ำมันเหนียวบนพื้นห้องครัว เกิดจากการระเหยของน้ำมันและไขมันจากอาหาร ประกอบกับความชื้นจากอากาศและฝุ่นละอองที่สะสมเป็นเวลานาน จับตัวกันและตกค้างบนพื้นผิวต่าง ๆ ของห้องครัว เช่น พื้น ผนัง ภาชนะ จนกลายเป็นคราบเหนียวติดแน่น

หากปล่อยคราบเหล่านี้สะสมเป็นเวลานาน และไม่ทำความสะอาดให้ดี จะเริ่มมีกลิ่นหืน เป็นต้นตอของความอับชื้นในห้องครัว และเป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรค ก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพ เช่น โรคระบบทางเดินหายใจ และเพิ่มความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งปอดได้


รู้ทัน 4 จุดเกิดคราบไอน้ำมันเหนียว มีตรงไหนบ้าง?

คราบไอน้ำมันเหนียว เป็นปัญหาที่พบได้บ่อยในครัวเรือนและในพื้นที่ที่มีการประกอบอาหาร โดยเฉพาะบริเวณพื้นและผนัง หากไม่ทำความสะอาดทันที คราบน้ำมันจะสะสมและกลายเป็นคราบเหนียวได้ง่าย โดยมี 4 จุดสำคัญในห้องครัวที่ต้องดูให้ดีดังนี้

    ผนังและพื้นห้องครัว เป็นบริเวณที่พบคราบไอน้ำมันได้บ่อย เนื่องจากน้ำมันและไขมันจะกระเด็นไปติด
    เตาแก๊ส เป็นบริเวณที่พบคราบไอน้ำมันได้มากที่สุด เนื่องจากเป็นแหล่งกำเนิดของควันและไอน้ำมันโดยตรง ในขณะประกอบอาหาร
    เคาน์เตอร์ครัว เป็นบริเวณที่ไอน้ำมันจะลอยไปเกาะตามพื้นที่บนเคาน์เตอร์ครัว และสะสมจนกลายเป็นคราบเหนียว
    เครื่องดูดควัน ทำหน้าที่ดูดคราบไอน้ำมันในอากาศไปเก็บไว้ที่ตะแกรงกรอง หากไม่ทำความสะอาดตะแกรงกรองบ่อย ๆ คราบเหล่านี้จะสะสมและกลายเป็นคราบเหนียวได้ง่าย


ป้องกันก่อนแก้ไข จัดการรับมือกับคราบไอน้ำมันได้อยู่หมัด

    ติดตั้งพัดลมดูดควันในห้องครัว เพื่อดูดไอน้ำมันและกลิ่นอาหารออกไป เพื่อลดการเกิดคราบไอน้ำมัน และป้องกันการสะสมของไขมันและคราบสกปรกในห้องครัว
    ติดตั้งฉากกั้นน้ำมัน ป้องกันการกระเด็นที่ทำให้เกิดคราบบริเวณผนังและพื้นครัว
    ใช้เวลาค่อยเป็นค่อยไปกับการทำอาหาร โดยไม่ใช้ไฟแรงที่ทำให้เกิดการเผาไหม้สูง ทำให้เกิดเป็นควันและไอน้ำมันที่จะไปสะสมตามพื้นผิวในห้องครัว
    ทำความสะอาดอุปกรณ์และพื้นห้องครัวหลังประกอบอาหาร โดยใช้ผ้าชุบน้ำหมาด ๆ หรือใช้น้ำยาทำความสะอาดและน้ำยาถูพื้นครัวสูตรอ่อนโยนที่ปลอดสารเคมี ปลอดภัยต่อเด็กและสัตว์เลี้ยง


4 วิธีช่วยบอกลาคราบเหนียวจากไอน้ำมัน

    กระดาษซับน้ำมัน : นำกระดาษมาซับน้ำมันส่วนเกินออกจากภาชนะครัวและพื้นครัวให้ได้มากที่สุด จะช่วยให้ทำความสะอาดได้ง่ายขึ้น
    น้ำส้มสายชู : ผสมน้ำอุ่นและน้ำส้มสายชู อัตราส่วน 2:1 ส่วน เข้าด้วยกัน แล้วฉีดพ่นบริเวณที่มีคราบเหนียวจากน้ำมันบนพื้น ทิ้งไว้ 5 นาทีแล้วเช็ดทำความสะอาด
    เบกกิงโซดา : ผสมเบกกิงโซดากับน้ำอุ่นจนได้สารละลายลักษณะข้นเหนียว แล้วทาลงบนพื้นห้องครัวหรือพื้นผิวที่ต้องการทำความสะอาด ทิ้งไว้ 1 ชั่วโมง แล้วใช้ผ้าเช็ดออก คราบเหนียวจากน้ำมันจะหลุดออก
    แอลกอฮอล์และเกลือ : ผสมเกลือและแอลกอฮอล์ อัตราส่วน 4:1 ทาลงบนคราบน้ำมันบนพื้นครัว จากนั้นใช้เครื่องดูดฝุ่นดูดเกลือออก สุดท้ายเช็ดด้วยผ้าแห้งให้สะอาด นอกจากจะขจัดคราบไขมันและน้ำมันแล้ว ยังช่วยกำจัดเชื้อโรคไปพร้อมกันอีกด้วย


บริการทำความสะอาด: รู้ทัน ปัญหาคราบไอน้ำมันเหนียวและ 4 วิธีขจัดคราบ อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://snss.co.th/dt_post/soft-services/

25
สุขภาพปากและฟัน มีความสำคัญเป็นอย่างมากเพราะปัญหาที่เกิดขึ้นมีมากมายมีผลกระทบกระเทือนต่อภาวะโภชนาการของเด็ก ซึ่งล้วนแล้วแต่สามารถป้องกันได้เกือบทั้งสิ้น การดูแลสุขภาพฟันในเด็กถือเป็นเรื่องที่พ่อแม่ผู้ปกครองควรที่ดูแลเอาใจใส่ให้มาก ควรปลูกฝังให้เด็กฝึกหัดแปรงฟันอย่างถูกวิธี หมั่นตรวจฟันลูกหรือหัดให้ลูกตรวจฟันด้วยตนเองทุก ๆ วันหลังแปรงฟัน และควรพาไปพบทันตแพทย์เพื่อตรวจฟันอย่างน้อย ปีละ 1 ครั้ง เพื่อสุขภาพช่องปากและฟันที่ดี

นอกจากนี้สุขภาพช่องปากและฟัน สามารถดูแลรักษาและบำรุงได้ด้วยการรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ โดยเฉพาะผัก ผลไม้สด และนมสด เพื่อที่จะได้กระตุ้นขากรรไกรของเด็กให้เจริญเติบโตได้สัดส่วน และควรจะให้เด็กลดการกินลูกอม ขนมหวานหรืออาหารที่เป็นการทำลายฟันด้วย ในปัจจุบันวงการทันตกรรมได้มีการพัฒนา โดยเด็กสามารถจัดฟันได้เหมือนผู้ใหญ่ ถึงแม้ว่าตอนนี้จะยังมีฟันน้ำนมอยู่ก็ตาม เพราะเป็นการแก้ปัญหาฟันผิดปกติของเด็ก ๆ โดยไม่ต้องรอให้โต โดยช่วยให้สุขภาพฟันดี และรองรับการขึ้นของฟันแท้ในอนาคตได้ด้วย


โดยการ จัดฟันในเด็ก สามารถเริ่มทำได้ตั้งแต่ตอนที่เด็กอายุ 6-7 ขวบ พ่อแม่ผู้ปกครองควรนำเด็ก ๆ อายุต่ำว่า 10 ปี มาตรวจกับทันตแพทย์ผู้ทำการจัดฟันได้เลย โดยไม่จำเป็นต้องรอจนถึงวัยรุ่นเพราะเป็นช่วงที่ฟันกำลังพัฒนาและขากรรไกรกลังเจริญเติบโต และถ้าตรวจพบปัญหาฟันซ้อน การสบฟันผิดปกติ จะสามารถแก้ไขได้ง่ายมากกว่าการจัดฟันตอนเป็นผู้ใหญ่แล้ว ข้อดีของการจัดฟันในเด็ก ก็คือ ทำให้การขึ้นของฟันแท้ สามารถขึ้นได้อย่างถูกต้อง และจะไม่มีความผิดปกติในการขึ้นของฟันแท้ ทั้งยังสามารถช่วยแก้ไขปัญหา ความผิดปกติของโครงหน้าได้อีกด้วย พ่อแม่ผู้ปกครองควรที่จะหมั่นดูแล สังเกตความผิดปกติของฟันของเด็กอย่างสม่ำเสมอ หากมีความผิดปกติหรือสัญญาณที่บ่งบอกว่า เด็กมีปัญหาสุขภาพช่องปากและฟัน ควรรีบพาไปพบทันตแพทย์เพื่อทำการแก้ไข ที่คลินิกเรามีทีมทันตแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญในเรื่องของสุขภาพช่องปากของเด็ก และยังมีบริการการจัดฟันในเด็ก ที่จะสามารถแก้ไขปัญหาฟันของเด็กได้ตั้งแต่เนิ่นๆ เพื่อให้เด็กเติมโตไปเป็นผู้ใหญ่ที่มีความมั่นใจในรอยยิ้มและสามารถใช้ชีวิตได้อย่างเต็มที่


สำหรับสัญญาณที่บ่งบอกว่า เด็กควรเข้ารับการจัดฟันเพื่อแก้ไขปัญหาความผิดปกติ คือเด็กที่มีปัญหา ยกตัวอย่างเช่น เด็กที่มีปัญหาฟันหน้ายื่น เพราะปัญหาดังกล่าว ทำให้เกิดความเสี่ยงต่อการแตกหักของตัวฟัน เมื่อเกิดอุบัติเหตุ เช่น หกล้ม ตกบันได ซึ่งอาจจะได้รับอันตรายต่อสุขภาพฟันอย่างมาก หากเกิดอุบัติเหตุ
 

และเด็กที่มีปัญหาการที่ฟันสบกันผิดปกติ เพราะอาจทำให้ขากรรไกรเติบโตแบบไม่สมดุลกัน ซึ่งอาจจะทำให้เกิดการขึ้นของฟันแท้ได้ เด็กที่มีปัญหาช่องฟันห่าง เพราะช่วยปรับให้ซี่ฟันอยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้อง และง่ายต่อการขึ้นของฟันแท้ เด็กที่มีปัญหาในเรื่องของขากรรไกรไม่ได้สัดส่วนกับหน้า เพราะเจริญเติบโตผิดปกติ


การกลืนอาหารผิดปกติ นอกจากนี้การจัดฟันในเด็กยังสามารถครอบคลุมไปถึงปัญหาพฤติกรรมของเด็ก คือ

    เด็กที่ดูดนิ้ว
    กัดเล็บ
    กัดสิ่งของเป็นประจำ
    นอนหายใจทางปาก


ซึ่งการจัดฟันก็สามารถแก้ไขปัญหาดังกล่าวได้ด้วย หากพ่อแม่ผู้ปกครองท่านใด สนใจให้บุตรหลานของท่าน เข้ารับการจัดฟันในเด็ก สามารถติดต่อขอรับคำแนะนำหรือพาบุตรหลานของท่านเข้ามาตรวจประเมินช่องปากก่อนได้ จากทางคลินิกทางเรามีทีมทันตแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญในการจัดฟันในเด็ก ยินดีให้คำปรึกษา เพื่อให้บุตรหลานของท่านได้มีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดี เพื่อปลูกฝังให้เด็กรู้จักรักษาความสะอาดและใส่ใจสุขภาพช่องปากและฟันด้วย


เด็กที่มีปัญหาสุขภาพฟันแบบไหน ที่ควรเข้ารับการจัดฟันเด็ก อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://www.idolsmiledental.com/การจัดฟันเด็ก/

26
เอ็น ซี ออน กรีน ปาล์ม พาร์ค วงแหวน-ลำลูกกา (NC On Green Palm Park Expressway-Lumlukka)
ราคา : เริ่มต้น 2,250,000 บาท (ณ. วันเปิดตัว)

จุดเด่น
บ้านแฝด และทาวน์โฮม สไตล์ Modern Tropical บนพื้นที่สวนกว่า 400 ไร่ ให้คุณสัมผัสธรรมชาติแบบใกล้ชิด ปรับชีวิตให้สมดุล ด้วยปอดแห่งใหม่ฝั่งลำลูกกา

รายละเอียดโครงการ
ชื่อโครงการ : เอ็น ซี ออน กรีน ปาล์ม พาร์ค วงแหวน-ลำลูกกา (NC On Green Palm Park Expressway-Lumlukka)
ดูบ้านราคาใกล้เคียง  ดู เอ็น. ซี. เฮ้าส์ซิ่ง ทุกโครงการ 
เจ้าของโครงการ : เอ็น. ซี. เฮ้าส์ซิ่ง
ราคา : เริ่มต้น 2,250,000 บาท (ณ. วันเปิดตัว)

ประเภทบ้าน : บ้านแฝด, ทาวน์เฮ้าส์ ทาวน์โฮม (Townhouse Townhome)
ลักษณะทำเล : บ้านลักษณะทำเลอื่น, บ้านใกล้เมือง
พื้นที่โครงการ : โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
จำนวนบ้าน : 108 หลัง
แบบบ้านทั้งหมด : 3 แบบ
เนื้อที่บ้าน : ตั้งแต่ 20 ตร.ว.
พื้นที่ใช้สอย : ตั้งแต่ 120.0 ถึง 137.0 ตร.ม.
จำนวนชั้น : 2 ชั้น
หน้ากว้าง : โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
จำนวนห้องนอน : โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
จำนวนที่จอดรถ : โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
สาธารณูปโภค : n/a
ขนส่งสาธารณะ : ใกล้ถนนสายหลัก (ถ.ลำลูกกา)

สถานที่สำคัญใกล้เคียง :
บิ๊กซี
เทสโก้ โลตัส
รร.แย้มสอาด
รร.นานาชาติสยาม
ม.อีสเทิร์นเอเชีย
ม.นอร์ทกรุงเทพ
รพ.เอกปทุม
 
โซน : ปทุมธานี, คลองหลวง, ธัญบุรี, ลำลูกกา
ที่ตั้ง : ถ.ลำลูกกา ต.ลาดสวาย อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี

townhome เอ็น ซี ออน กรีน ปาล์ม พาร์ค วงแหวน-ลำลูกกา  อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://www.checkraka.com/house/townhouse-townhome/

27
อาการเมาค้าง หรือ Alcohol Hangover คือ อาการที่เกิดจากการที่ร่างกายได้รับแอลกอฮอล์จากการดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไป โดยจะทำให้มีอาการคลื่นไส้ อาเจียน วิงเวียนศีรษะหรือเหงื่อออก อาการเหล่านี้มักจะเกิดหลังจากที่เราได้รับแอลกอฮอล์มาแล้ว 24 ชั่วโมง โดยอาการที่เกิดขึ้นจะเกิดแล้วแต่เฉพาะบุคคลแตกต่างกันออกไปเนื่องจากร่างกายของแต่ละคนระบบการเผาผลาญไม่เหมือนกันนั่นเอง

 
แอลกอฮอล์ คืออะไร

แอลกอฮอล์มีชื่อทางเคมีว่า  Ethanol หรือ Ethyl Alcohol จัดเป็นสารกดประสาทชนิดหนึ่ง เมื่อดื่มไปแล้ว ร่างกายเราจะทำทุกวิถีทางที่จะกำจัดออกไป แต่ผลกระทบอาจจะไม่ใช่แค่รอตับกำจัดแค่นั้น แต่ระหว่างที่รอ แอลกอฮอล์ขับออกจะส่งผลมากมายต่อร่างกาย โดยเมื่อแอลกอฮอล์เดินทางไปยังกระเพาะอาหารและลำไส้เล็ก เพื่อดูดซึมเข้าสู่ระบบไหลเวียนเลือด ตับอ่อนจะหลั่งฮอร์โมนอินซูลินออกมา หากดื่มตอนท้องว่างที่ร่างกายเรามีระดับน้ำตาลในเลือดต่ำอยู่แล้วก็จะยิ่งส่งผลต่อทำให้น้ำตาลในเลือดเรายิ่งต่ำลงไปอีก จึงเกิดอาการคล้ายน้ำตาลตก และจะเริ่มมีอาการมึนๆ งงๆ ตามมา และมึนเมาได้ไวกว่าคนที่รองท้องมาด้วยอาหาร หรือทานของแกล้มไปด้วย

 
อาการเมาค้างคืออะไร

การเกิดอาการเมาค้าง หรือที่เรียกว่า “อาการแฮงค์” (Hangover) มักเกิดกับคนที่ดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไป หลังจากนั้นร่างกายก็จะแสดงปฏิกิริยาต่อต้านแอลกอฮอล์ขึ้นมา ทำให้มีอาการเวียนศีรษะ อาเจียน คลื่นไส้ รู้สึกมวนท้อง เหงื่อออกมาก อ่อนเพลีย เป็นต้น โดยอาการที่เกิดขึ้นจะแตกต่างกันออกไปแล้วแต่บุคคล โดยในปัจจุบันยังไม่มีอาหารเสริม วิตามิน หรือสมุนไพรชนิดใดที่ช่วยแก้อาการเมาค้างได้หายสนิทได้ เพียงแต่เป็นการช่วยบรรเทาและฟื้นฟูอาการเมาค้างให้หายได้เร็วขึ้นเท่านั้น โดยร่างกายจะฟื้นฟูได้เร็วและขับแอลกอฮอล์ที่ถือเป็นสารพิษในร่างกายให้ออกจากร่างกายเร็วขึ้น และหากเราไปดื่มแอลกอฮอล์ตอนที่เราท้องว่างอยู่ก็จะยิ่งส่งผลให้ร่างกายเพิ่มความเสี่ยงเมาค้างมากขึ้น แต่ถ้าหากเรารับประทานอาหารก่อนดื่มแอลกอฮอล์จะช่วยชะลอการดูดซึมแอลกอฮอล์เข้าสู่ร่างกายได้ และส่วนหนึ่งมาจากการที่ตับทำงานได้ไม่ค่อยได้ดี โดยคนที่มีตับสุขภาพดีก็จะลดอาการเมาค้างดีกว่าคนที่ตับสุขภาพไม่ดี เนื่องจากตับมีหน้าที่ในการขับสารพิษออกจากร่างกาย เมื่อมาเจอกับแอลกอฮอล์ที่เราดื่มเข้าไปก็จะตรวจจับว่าเป็นสารพิษและรีบนำออกไป โดยขับออกในรูปของเหงื่อหรือปัสสาวะนั่นเอง

 
ผลเสียต่อร่างกายจากการดื่มแอลกอฮอล์

การดื่มแอลกอฮอล์มีผลต่ออวัยวะหลายส่วนภายในของร่างกาย และส่งผลเสียทั้งในระยะสั้นและระยะยาว โดยผลกระทบต่อร่างกายมีหลายส่วนดังนี้

1.  ส่งผลเสียต่อระบบระบบประสาทและสมอง : การดื่มแอลกอฮอล์จะส่งผลเสียต่อสมองโดยทำให้เกิดอาการมึนเมา วิงเวียนศีรษะ ทำให้มีอาการชาตามปลายมือและปลายเท้า นอกจากนี้การดื่มแอลกอฮอล์มากๆอาจจะทำให้เกิดอาการความจำเสื่อม ทำให้สมองเสื่อมได้

2.   ส่งผลเสียต่อตับและตับอ่อน : ทำให้ตับอ่อนอักเสบ มีอาการปวดท้องรุนแรง และการดื่มแอลกอฮอล์เป็นระยะเวลานานและบ่อยครั้งจะส่งผลเสียทำให้เกิดความเสี่ยงโรคตับแข็ง ซึ่งจะมีอาการอ้วกเป็นเลือด เสี่ยงให้อาจเป็นมะเร็งตับได้

3.  ส่งผลเสียต่อระบบทางเดินอาหาร :  ทำให้เกิดโรคกระเพาะอาหารอักเสบ เป็นแผลในกระเพาะ เลือดออกในกระเพาะอาหารได้

4.  ส่งผลเสียต่อระบบหัวใจและหลอดเลือด : การดื่มแอลกอฮอล์มากๆ จะส่งผลต่ออัตราการเต้นของหัวใจและการบีบตัวของหัวใจไม่ปกติ หัวใจเต้นเร็วได้ นอกจากนี้แอลกอฮอล์จะทำให้เส้นเลือดขยายตัวและทำให้ไขมันในเลือดสูงทำให้เส้นเลือดแข็งตัวง่าย ซึ่งจะทำให้เส้นเลือดในสมองแตกได้ง่าย

5.   ส่งผลต่อระบบสืบพันธุ์ : หากดื่มแอลกอฮอล์จนเรื้อรังจะทำให้ความต้องการทางเพศจะลดลง และส่งผลทำให้ลูกอัณฑะมีขนาดเล็กลงได้

 
วิธีการบรรเทาอาการเมาค้าง

1.  ควรดื่มแอลกอฮอล์แต่พอดี ไม่ดื่มมากเกินไป

2.   ดื่มน้ำก่อนเข้านอน 1-2 แก้ว เนื่องจากการดื่มแอลกอฮอล์จะส่งผลให้ร่างกายเกิดภาวะขาดน้ำและสูญเสียเกลือแร่ ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการปากแห้ง ปวดศีรษะ อ่อนเพลีย เป็นต้น โดยการดื่มน้ำจะช่วยทดแทนน้ำและแร่ธาตุที่ร่างกายสูญเสียไป เพื่อให้ร่างกายปวดปัสสาวะและน้ำจะพาสารตกค้างจากแอลกอฮอล์ออกมากับปัสสาวะ หากดื่มก่อนเข้านอนก็จะช่วยลดอาการเมาค้างได้

3.  รับประทานอาหารอ่อนๆ เช่น ข้าวต้ม โจ๊ก หรือดื่มน้ำอุ่นๆ เช่น น้ำขิง ชามิ้นต์

4.  กินผลไม้รสเปรี้ยวเพื่อช่วยให้ร่างกายเฟรช ตื่นตัว

5.  หากมีอาการปวดหัว ตัวร้อน ร่วมด้วย สามารถทานยาแก้ปวดกลุ่มที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ได้ เช่น แอสไพริน ไอบูโพรเฟ่น หรือยาตัวอื่นๆ ในกลุ่มเดียวกัน ทั้งนี้ควรปรึกษาเภสัชกร หรือแพทย์ก่อนซื้อยา เพื่อซักถามประวัติการแพ้ยาอย่างละเอียดก่อนที่จะทาน

6.   ดื่มกาแฟ แต่การดื่มกาแฟไม่ได้ช่วยให้อาการเมาค้างดีขึ้น เพียงแต่ทำให้ร่างกายตื่นตัว เพิ่มพลังงานให้สมอง

7.   รับประทานวิตามินอาหารเสริม หรืออาหารเสริมที่ส่วนผสมของสารสกัดจากสมุนไพรที่ช่วยแก้แฮงค์ได้

 

วิตามินและสมุนไพรที่ช่วยบรรเทาอาการเมาค้างได้

1.  Green tea หรือ ชาเขียว จะมีสาร Catechin แล้วยังมีวิตามินซี และคาเฟอีนเป็นองค์ประกอบ ซึ่งส่วนประกอบพวกนี้มีส่วนช่วยให้ร่างกายฟื้นฟูให้ทำงานได้อย่างเต็มที่และแก้เมาค้างเวียนหัวได้ ช่วยป้องกันอนุมูลอิสระ เหมาะสำหรับคนที่ดื่มหนักและมีอาการแฮงค์จากแอลกอฮอล์

2.  Ginkgo leaf หรือ ใบแปะก๊วย มีส่วนช่วยบำรุงสมอง ป้องกันการอุดตันของเส้นเลือดในสมอง ช่วยคลายความเครียด คลายกังวล ทำให้รู้สึกสดชื่นกระปรี้กระเปร่า ลดอาการเวียนหัวได้

3.  Ginger หรือ ขิง จะมีสารสำคัญอย่างสารจินเจอรอล (Gingerol) หรือโชกาออล (Shogaol) ที่มีส่วนช่วยป้องกันการคลื่นไส้จากอาการวิงเวียนศีรษะ ช่วยลดอาการการเกิดกรดไหลย้อน และช่วยบรรเทาอาการระคายเคืองในกระเพาะอาหาร อีกทั้งยังเป็นตัวช่วยขับแอลกอฮอล์ออกมาทางระบบขับถ่ายได้

4.  Fenugreek หรือ ลูกซัด มีส่วนช่วยเสริมการจับสารพิษและขับสารพิษออกมาจากร่างกายได้ และช่วยลดอาการจุกเสียด กรดไหลย้อน หรือการระคายเคืองในช่องท้องได้

5.   Taurine หรือ ทอรีน เป็นกรดอะมิโนชนิดหนึ่ง มีส่วนช่วยเสริมสร้างการทำงานของระบบประสาท ช่วยแก้อาการอ่อนเพลีย ทำให้ร่างกายรู้สึกสดชื่นและมีพลังในระหว่างวัน อีกทั้งยังช่วยในการทำงานของตับและตับอ่อน

6.   L-Arginine หรือ แอล-อาร์จีนีน เป็นกรดอะมิโนจำเป็นที่ร่างกายไม่สามารถสร้างเองได้ ช่วยกระตุ้นให้ร่างกายผลิตสารไนตริกออกไซด์ (Nitric Oxide) ทำให้ระบบไหลเวียนเลือดดีขึ้น ช่วยขยายหลอดเลือด ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายและลดอารมณ์ฉุนเฉียว

7.   L-Carnitine หรือ แอล-คาร์นีทีน ทำหน้าที่เป็นตัวกระตุ้นพลังงานให้ร่างกาย ช่วยให้ร่างกายสดชื่น ลดความเหนื่อยล้าจากอาการแฮงค์ได้

8.   Vitamin C หรือ วิตามินซี เป็นวิตามินที่มีความสามารถในการช่วยเร่งการกำจัดแอลกอฮอล์ออกจากร่างกายได้ ทำให้ลดระยะเวลาอาการเมาค้างได้ อีกทั้งยังช่วยทำให้ร่างกายสดชื่นขึ้นด้วย

9.   Magnesium หรือ แมกนีเซียม เป็นแร่ธาตุที่จำเป็นต่อร่างกาย เนื่องจากการดื่มแอลกอฮอล์จะทำให้เกิดการสูญเสียแร่ธาตุชนิดในร่างกายออกไปจำนวนมาก ทำให้ร่างกายขาดสมดุล จึงควรต้องรับประทานแร่ธาตุนี้เข้าไปเพื่อเสริมปริมาณของแม็กนีเซียมให้เพียงพอ

วิธีแก้แฮงค์ อาการเมาค้าง  อ่านบทความเเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://mmed.com/products/

28
ทำไมคนไทยถึงมีชื่อเล่นว่า เบนซ์ กันมากมาย ไม่ว่าจะในโรงเรียน มหาวิทยาลัย หรือบริษัทต่าง ๆ ก็ล้วนมีคนชื่อเบนซ์ทั้งนั้น เมอร์เซเดส-เบนซ์ จึงได้ออกเดินทางค้นหาคำตอบร่วมกันกับทุกคนสู่แคมเปญการสื่อสารที่เต็มไปด้วยแรงบันดาลใจในงาน Motor Show 2024 ภายใต้แคมเปญ Icon of Inspiration ที่สะท้อนมรดกของแบรนด์ (Brand Heritage) และความหลงใหลในแบรนด์เมอร์เซเดส-เบนซ์ ผ่านเรื่องราวของคนที่มีชื่อเล่นว่า เบนซ์
 

โดยหนึ่งในผู้ที่อยู่เบื้องหลังและจุดประกายให้มีคนชื่อเบนซ์มากมายในวันนี้ คือวิศวกรชาวเยอรมนี คาร์ล เบนซ์ (Carl Benz) ผู้สร้างรถยนต์คันแรกของโลกและผู้ก่อตั้ง เมอร์เซเดส-เบนซ์ แบรนด์ที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนานกว่า 138 ปี และเป็นสัญลักษณ์ของความสำเร็จ ความภูมิฐาน ความสง่างาม และการเป็นสิ่งดีที่สุด จึงไม่แปลกใจที่ไม่ว่าเวลาจะผ่านมากี่ทศวรรษ เมอร์เซเดส-เบนซ์ ก็ยังคงเป็นแบรนด์รถยนต์อันดับหนึ่งในใจของใครหลายคน ทั้งยังเป็นรถยนต์ที่คุณพ่อคุณแม่ใฝ่ฝันอยากจะครอบครองซักคันหนึ่ง จนนำมาสู่การตั้งชื่อลูกหลานว่า เบนซ์ ในทุกยุคทุกสมัย โดยเฉพาะในประเทศไทย
 

The Meaning of Benz เมื่อเบนซ์ชวนหาคำตอบเบื้องหลังชื่อเบนซ์
เมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย ได้ร่วมมือกับ เบนซ์ - ธนชาติ ผู้กำกับหนังโฆษณาจาก Salmon House ในการตามหาและนำคนชื่อ เบนซ์ ที่มีความหลากหลายและแตกต่างกันทั้งอายุ เพศ และอาชีพ มานั่งสัมภาษณ์ถึงที่มาของชื่อและแรงบันดาลใจของพ่อแม่รวมถึงผู้ใหญ่ในบ้านในการตั้งชื่อลูกหลานว่า เบนซ์ โดยที่ส่วนใหญ่จะได้แรงบันดาลใจมาจากแบรนด์ เมอร์เซเดส-เบนซ์ ทั้งจากการเป็นรถคันแรก รถที่ใฝ่ฝันอยากเป็นเจ้าของ และอีกหลายเหตุผลที่คุณสามารถหาคำตอบว่าทำไมเพื่อน ๆ คนรู้จัก หรือคนที่รักของคุณ ถึงมีชื่อว่า เบนซ์ ผ่านวิดีโอ The Meaning of Benz
 
นอกจากนี้เมอร์เซเดส-เบนซ์ ยังอยากเชิญชวนทั้งคนที่มีชื่อเบนซ์ หรือมีเพื่อนชื่อเบนซ์ มาสัมผัสประสบการณ์อันเหนือระดับและหาคำตอบด้วยตัวคุณเองว่าทำไมเมอร์เซเดส-เบนซ์ จึงเป็นแบรนด์ที่สร้างแรงบันดาลใจคู่คนไทยมาอย่างยาวนาน ได้ที่งาน Motor Show 2024 โดยมีไฮไลท์พิเศษในการนำอีกหนึ่งเบนซ์ เบนซ์ - ธนวัต ศิลปินนักวาดภาพประกอบที่รู้จักกันในชื่อ Bloody Hell Big Head มาร่วมสร้างสรรค์ผลงานการออกแบบภายใต้คอนเซปต์ Icon of Inspiration ที่จะสะท้อนออกมาในรูปแบบขององค์ประกอบในบูธเมอร์เซเดส-เบนซ์ และรถยนต์สุดเอ็กซ์คลูซีฟที่เผยโฉมครั้งแรกในประเทศไทย
 
สามารถลงทะเบียนลุ้นรับบัตรเข้าร่วมงานได้ตั้งแต่วันที่ 8 มีนาคม – 15 มีนาคม 2567 ผ่านช่องทาง https://mb4.me/sLtTFS1Z พบกับทัพยนตรกรรมกว่า 20 รุ่นจากเมอร์เซเดส-เบนซ์ พร้อมรับข้อเสนอพิเศษมากมายได้ที่งาน Bangkok International Motor Show 2024 ณ อิมแพ็ค ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 2 เมืองทองธานี ตั้งแต่วันที่ 27 มีนาคม – 7 เมษายน 2567


motor expo 2024: Mercedes-Benz เผยที่มาของชื่อ เบนซ์ ชื่อยอดฮิตของคนไทยสู่เรื่องราวแห่งแรงบันดาลใจ  อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://www.checkraka.com/motorexpo/

29
การเข้ารับการจัดฟันแบบใส ถือว่าเป็นนวัตกรรมการจัดฟันแบบใหม่ ที่เน้นความสวยงามของฟันเป็นหลัก เพราะเครื่องมือที่ผู้เข้ารับการจัดฟันจะต้องสวมใส่ มีความโปร่งใส ทำให้คนอื่นมองแทบไม่ออกว่าเรากำลังเข้ารับการจัดฟันอยู่ โดยเครื่องมือการจัดฟันแบบใส จะสามารถช่วยปรับการเรียงตัวของฟัน เป็นเครื่องมือจัดฟันที่สามารถถอดใส่ได้ง่ายและสะดวก ไม่ต้องทนเจ็บจากเครื่องมือแบบติดแน่น เพราะปัญหาของผู้เข้ารับการจัดฟันส่วนใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นการจัดฟันในรูปแบบใด ปัญหาที่มักพบได้บ่อยคือ การเกิดแผลภายในช่องปาก


เนื่องจากเครื่องมือที่สวมใส่ อาจจะทำให้รู้สึกระคายเคืองช่องปาก จนทำให้เกิดบาดแผล ส่งผลทำให้เรารู้สึกเจ็บปวด รับประทานอาหารได้น้อยลง ในเรื่องของการจัดฟัน ซึ่งต้องบอกว่า ได้รับความนิยมมากในกลุ่มของวัยรุ่น หลายคนมีความคิดที่ว่า การจัดฟันเหมาะสำหรับเด็กเท่านั้น ซึ่งนี่เป็นความคิดที่ผิด เพราะการจัดฟันสามารถจัดได้ทุกเพศ ทุกวัย แต่การจัดฟันจะมีประสิทธิภาพในเด็กมากกว่าผู้ใหญ่


เพราะเด็กยังมีการเจริญเติบโต ซึ่งแก้ไขได้ง่ายกว่า ไม่ซับซ้อน แต่การจัดฟันแบบใส ถึงแม้ว่าจะมีอายุมาก ก็สามารถเข้ารับการจัดฟันแบบใสได้ และมีประสิทธิภาพเช่นเดียว ซึ่งใครหลายคนที่กำลังคิดหรือสนใจเข้ารับการจัดฟันแบบใส อาจจะกังวลในเรื่องของอายุ เพราะการจัดฟันแบบใส มีค่าใช้จ่ายที่สูง  แน่นอนว่าถ้าหากเข้ารับการจัดฟันแบบใส และไม่ได้ผลก็อาจจะทำให้เสียเงินโดยใช่เหตุ และยังเสียเวลาอีกด้วย ซึ่งวันนี้ทางคลินิกของเราจะมาพูดถึงเรื่องของอายุกับการเข้ารับการจัดฟันแบบใส

 
สำหรับเรื่องของอายุกับการเข้ารับการจัดฟันนั้น ต้องบอกก่อนว่า การเข้ารับการจัดฟันไม่ว่ารูปแบบใด สามารถทำได้ตั้งแต่เด็กถึงผู้ใหญ่ แต่ช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดคือช่วงอายุประมาณ 10-14 ปี เนื่องจากร่างกายกำลังเจริญเติบโต มีการเปลี่ยนแปลงของโครงสร้างใบหน้ามากที่สุด ฟันสามารถเคลื่อนที่ได้ง่ายเป็นประโยชน์ต่อการจัดฟัน แต่หากอายุมากแล้วหรือประมาณ 30 ปีขึ้นไป อาจต้องใช้ระยะเวลาในการจัดฟันที่นานกว่าปกติ


การเข้ารับการจัดฟันแบบใสก็เช่นเดียวกัน ดังนั้น จึงควรรักษาสุขภาพช่องปากให้ดีและปรึกษาทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนรับการจัดฟัน สำหรับผู้ใหญ่ที่มีอายุ 30-50 ปี หากมีความจำเป็นที่จะต้องเข้ารับการจัดฟัน เช่น มีฟันหน้าห่าง ฟันซ้อน ฟันยื่น ก็สามารถเข้ารับการจัดฟันได้ หากมีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดี มีระเบียบวินัยนการสวมใส่เครื่องมือ และมีความพร้อม ที่จะให้ความร่วมมือในการรักษาก็สามารถทำได้ โดยไม่มีข้อจำกัด


ดังนั้น การจัดฟันสามารถทำได้เกือบทุกช่วงอายุ เพราะอายุไม่ใช่ข้อห้ามของการจัดฟัน แต่ในเรื่องของสุขภาพของช่องปากและฟันต่างหาก ที่อาจจะเป็นข้อห้าม สำหรับการจัดฟันในผู้ใหญ่ นอกจากนี้ ภายหลังการจัดฟัน ผู้เข้ารับการจัดฟันควรดูแลตนเองด้วยการรักษาความสะอาดของฟันและเครื่องมือจัดฟัน ควร ทำความสะอาดภายหลังรับประทานอาหารทุกมื้อและก่อนเข้านอน รักษาเครื่องมือจัดฟันให้อยู่ในสภาพสมบูรณ์ ไม่ให้หลุดหักหรือบิดเบี้ยว ควรหลีกเลี่ยงอาหารที่แข็งและเหนียว และปฏิบัติตามคำแนะนำของทันตแพทย์อย่างเคร่งครัด เพื่อที่จะได้มีผลการรักษาที่ดี เป็นไปตามที่ทันตแพทย์ได้กำหนดไว้


สำหรับใครที่สนใจอยากเข้ารับการจัดฟันแบบใส สามารถติดต่อขอรับคำแนะนำได้ที่คลินิกของเรา เพราะทางเรามีทีมทันตแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญในด้านการจัดฟันและการทันตกรรมอื่นๆ ทั้งยัง ได้รับการรับรองสูงสุดจาก Invisalign ให้สามารถให้บริการการจัดฟันแบบใสได้อย่างปลอดภัย ทำให้ผู้เข้ารับการรักษามีความมั่นใจว่า เมื่อเข้ารับการรักษากับทางคลินิกแล้วจะมีความปลอดภัย มีความน่าเชื่อถือ รวมถึงจะมั่นใจได้ว่าคุณจะมีฟันที่เรียงตัวกันอย่างสวยงามและมีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดี รวมไปถึงสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติด้วย เพราะเราอยากให้ทุกคนมีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดี มีรอยยิ้มที่มั่นใจ สดใส และทำให้ผู้เข้ารับการจัดฟันทุกคนที่คุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น


อายุมาก สามารถจัดฟันใสได้ไหม อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://www.idolsmiledental.com/

30
มองหา รถกระบะรับจ้างขนย้ายบ้านตรัง อยู่ใช่ไหมนี่เลยต้องขอบอกว่าสำหรับผู้ที่ใช้บริการ รถรับจ้าง หรือต้องการ รถกระบะรับจ้างตรัง ในงานขนย้ายทุกประเภทไม่ว่าจะเป็นงาน ขนย้ายบ้าน ขนย้ายของทั่วไป ขนย้ายสินค้าอุปโภคบริโภค ย้ายห้องพัก ย้ายหอพัก ขนย้ายไซต์งานก่อสร้าง ขนย้ายรถมอเตอร์ไซด์ ขนย้ายไก่ชน ที่นี่มีรถกระบะรับจ้างขนของแบบตู้ทึบและเป็นรถกระบะรับจ้างแบบกระบะคอกสูง ซึ่งให้บริการขนย้ายได้ทุกรูปแบบทุกประเภท ขึ้นอยู่กับว่าลูกค้าต้องการขนย้ายสินค้าเป็นแบบไหน งานบริการของเรานั้นให้บริการด้วยความจริงใจราคาถูก ที่สำคัญยังสามารถต่อรองราคากับลูกค้าได้อย่างสบาย สำหรับท่านใดที่มีความประสงค์อยากจะขนย้ายของสามารถติดต่อได้ที่เบอร์ที่อยู่ข้างล่างนี้ ซึ่ง  สามารถบริการได้ตลอด 24 ชั่วโมง


เราเคยมีความรู้สึกอย่างไรบ้างกับการใช้บริการ รถกระบะรับจ้าง แน่นอนว่าหลายๆคนที่เคยมีประสบการณ์ในการใช้บริการรถกระบะรับจ้างซึ่งบางคนอาจจะได้รถกระบะรับจ้างที่ให้บริการดีมาก มีพนักงานขนย้ายของและช่วยเราขนย้ายสินค้าได้อย่างรวดเร็ว งานมีความปลอดภัยแต่บางคนอาจจะเจอประสบการณ์ที่ไม่ดีเช่น รถกระบะรับจ้างมีราคาที่แพงเกินจริง มีความล่าช้าในการบริการ ซึ่งหลายๆอย่างนั้นย่อมเกิดขึ้นได้ในการให้บริการรถรับจ้างอย่างแน่นอน แต่ถ้าหากเราเลือกใช้ผู้ให้บริการ รถกระบะรับจ้างขนย้ายบ้านจังหวัดตรัง ที่อยู่ในเขตพื้นที่จริงๆและเป็นรถที่ผู้ ให้บริการมีความเป็นมืออาชีพและสามารถตอบโจทย์ทุกปัญหาให้กับลูกค้าได้ ซึ่งเราจะขอแนะนำ ผู้ให้บริการรถรับจ้างตรังในนามของ ถือว่าเป็นผู้ให้บริการรถรับจ้างที่มีประสบการณ์ มายาวนานกว่า 15 ปีให้บริการงานรับจ้างขนย้าย ขนย้ายบ้าน ขนย้ายหอ ขนย้ายอพาร์ทเม้นท์ ขนย้ายสินค้าทั่วไปมาอย่างยาวนานและมีความปลอดภัยสูง สำหรับลูกค้าที่ยังไม่เคยใช้บริการสามารถติดต่อสอบถามได้ตามเบอร์และที่อยู่ให้ด้านบน เรามีความมั่นใจว่าขนส่งจะสามารถบริการงานขนย้ายให้กับลูกค้าได้เป็นอย่างดีและการันตีในเรื่องงานให้บริการมีความรับผิดชอบในสินค้าของลูกค้าทุกชิ้น สะดวกและปลอดภัยมั่นใจได้จากแน่นอน

การเตรียมตัวในการขนย้ายของแน่นอนว่าทุกๆคนจะต้องมีการเตรียมของเตรียมสินค้าให้กับ รถขนของ ก่อนที่จะถึงหน้างานอย่างแน่นอนและเราจะมีข้อคิดและแนวคิดเบื้องต้นในการเตรียมสินค้าให้กับ รถกระบะรับจ้างขนของตรัง เมื่อเข้าสู่หน้างานสามารถที่จะปฏิบัติงานได้เลยทันทีทำให้ลูกค้าไม่ต้องเสียเวลาและมีความกังวลว่าสินค้าของท่านจะใส่หรือบรรจุลงในรถขนของของเราได้หมดหรือไม่หมดขึ้นอยู่กับการเตรียมของซึ่งเรามีวิธีสั้นๆต่อจากนี้จะเป็นงานบริการและวิธีการในการอธิบายเกี่ยวกับการเตรียมสินค้าให้กับลูกค้าซึ่งมีหลักการง่ายๆดังนี้

1.ใช้กล่องสินค้าที่มีความคงทน หากเกิดการกดทับซ้อนหรือมีสินค้าในปริมาณที่มากๆอาจจะใช้เป็นกล่องกระดาษหรือกล่องพลาสติกก็ได้ที่สามารถรับแรงกดกระแทกได้นั่นเอง

2.ฟิล์มยึดสินค้า เนื่องจากว่าหากกรณีที่สินค้าต้องวางหลายๆชั้น ดังนั้นควรใช้ฟิล์มเหนียวหรือฟิล์มพันรอบตัวสินค้าหรืออาจจะใช้เป็นเชือกและสินค้าก็ได้ เช่นเดียวกันซึ่งสิ่งเหล่านี้หากลูกค้าไม่มี ทางรถขนของก็จะเตรียมมาไว้สำหรับลูกค้าเช่นเดียวกัน

3.สินค้าที่มีความเปราะบาง เช่นตู้กระจก ถ้วยจาน กระเบื้อง สิ่งเหล่านี้ลูกค้าควรจะบรรจุลงในกล่องแล้วมีสินค้าหรืออุปกรณ์กันการกระแทก เพื่อป้องกันการแตกในระหว่างการขนย้าย

4.เครื่องใช้ไฟฟ้า ควรบรรจุอยู่ในกล่องบรรจุของเขาเองหรือไม่ก็ใช้กล่องที่มีขนาดใหญ่แล้วใช้วัสดุกันกระแทกวางซ้อนอีกทีนึง

5.เสื้อผ้า ของใช้ส่วนตัว สามารถบรรจุลงกล่องและใส่ในถุงพลาสติกขนาดใหญ่ได้เพราะเรามีรถเข็นไว้บบรรทุกอยู่แล้ว ดังนั้นไม่ว่าคุณจะอยู่ตึกชั้นไหน คนยกของของเราก็สามารถจัดการขนย้ายสินค้าคุณได้อย่างง่ายดาย


จุดพื้นที่ที่รถกระบะรับจ้างของเราวิ่งมาบริการท่านโดยใช้รถในเขตต่างๆดังนี้

อำเภอเมืองตรัง
อำเภอกันตัง
อำเภอนาโยง
อำเภอปะเหลียน
อำเภอย่านตาขาว
อำเภอรัษฎา
อำเภอวังวิเศษ
อำเภอสิเกา
อำเภอหาดสำราญ
อำเภอห้วยยอด

สำนักงานขนย้าย หากเราสามารถที่จะเตรียมการขนย้ายให้กับ รถกระบะรับจ้างขนของจังหวัดตรัง ได้ตามนี้แล้ว ทางลูกค้าไม่ต้องมีความกังวลว่าสินค้าของท่านจะชำรุดเสียหายอย่างแน่นอนและที่สำคัญการขนย้ายจะสะดวกและรวดเร็วมากยิ่งขึ้น ลูกค้าไม่ต้องกังวลแต่ถ้าหากว่าในงานขนย้ายลูกค้าไม่สามารถที่เตรียมของได้ทันเวลาก็สามารถให้พนักงานขับรถหรือพนักงานยกของเราเตรียมสินค้าให้กับท่านได้อย่างไม่มีปัญหา

ทางเราต้องขอขอบคุณลูกค้าทุกท่านที่เข้ามาใช้บริการ รถกระบะรับจ้างขนย้ายบ้านตรัง ของเราขนส่งเรามีความมั่นใจว่าจะบริการท่านได้เป็นอย่างดีและมีความรวดเร็วตามที่ท่านต้องการอย่างแน่นอน งานขนย้ายแต่ละครั้งเรากล้าการันตีเรื่องการขนย้ายเพื่อให้ผู้ใช้บริการทุกท่านมีความเชื่อใจและไว้วางใจในเรา เราพร้อมที่จะก้าวเดินไปด้วยกันด้วย รถรับจ้างขนของจังหวัดตรัง ที่ดี ใหม่ มีคุณภาพ ทุกๆงานย้ายของ ย้ายบ้าน ย้ายมอเตอร์ไซด์ ย้ายไซด์งานก่อสร้าง ย้ายสินค้าการเกษตร ย้ายเครื่องจักร ย้ายไก่ชน และงานขนย้ายทั่วไป เราวิ่งไกลในราคาถูก และยังมีคนยกสินค้าให้ด้วย คุ้มค่าในการขนย้ายของอย่างแน่นอนลอง


รถรับจ้างขนของกรุงเทพ ถกระบะรับจ้างขนย้ายบ้านตรั สะดวก ราคาดีเที่ยวกลับ ขับเองไม่ผ่านใคร อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://www.rodrubjang-youservice.com/category/2

31


หลังฉีดวัคซีนโควิด 19 ควรสังเกตอาการตัวเองยังไงบ้าง หรือมีจุดไหนที่ต้องระวังเป็นพิเศษไหม เรารวบรวมวิธีดูแลตัวเองหลังฉีดวัคซีนโควิด 19 มาให้ ไล่ตั้งแต่หลังฉีดเสร็จ ตลอดจนกลับถึงบ้านแล้วควรปฏิบัติตัวยังไง ตามมาดูกันได้เลย


          เมื่อฉีดวัคซีนโควิด 19 เรียบร้อยแล้ว ควรปฏิบัติตามนี้

          1. สังเกตอาการประมาณ 30 นาที ในบริเวณที่เจ้าหน้าที่จัดไว้ให้ หากมีความผิดปกติเกิดขึ้นให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่

          2. เมื่อกลับถึงบ้านให้สังเกตอาการของตัวเองและบันทึกความผิดปกติทุกอย่างที่พบหลังฉีดวัคซีนลงในแอปพลิเคชันหมอพร้อม โดยอาการที่อาจพบได้ คือ

          - อาการไม่พึงประสงค์ทั่วไป เช่น มีไข้ต่ำ ๆ ครั่นเนื้อครั่นตัว ปวดเจ็บบริเวณที่ฉีด ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ อ่อนเพลีย แต่อาการเหล่านี้ไม่อันตราย จะดีขึ้นเองภายใน 1-2 วัน

          - ผลข้างเคียงรุนแรงจากการแพ้วัคซีน พบได้น้อย 1 ใน 100,000 โดส เช่น มีไข้สูง ใจสั่น หายใจไม่ออก มีผื่นขึ้นคล้ายลมพิษ มีอาการบวม กล้ามเนื้ออ่อนแรง ใบหน้าเบี้ยว ปากเบี้ยว พูดไม่ชัด ซึ่งถ้ามีอาการเช่นนี้ให้รีบไปพบแพทย์ทันที

เช็กอาการหลังฉีดวัคซีนโควิด แบบไหนหายเองได้ หรืออันตรายต้องรีบหาหมอ !
​​​​          - ​กรณีเด็กและวัยรุ่นอายุ 12-17 ปี ที่ฉีดวัคซีนไฟเซอร์ โดยเฉพาะเด็กผู้ชาย ให้เฝ้าระวังภาวะกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ โดยสังเกตจากอาการเจ็บแน่นหน้าอก เหนื่อยง่าย หายใจไม่อิ่ม รู้สึกหัวใจเต้นเร็ว หรือใจสั่น อย่างไรก็ตาม โอกาสเกิดภาวะดังกล่าวมีน้อย

อาการหลังฉีดวัคซีนไฟเซอร์ (Pfizer) แบบไหนไม่รุนแรง-แบบไหนต้องระวังใน 30 วัน

          3. ถ้ามีไข้ หรือปวดเมื่อยมากจนทนไม่ไหว สามารถกินยาพาราเซตามอลขนาด 500 มิลลิกรัม 1 เม็ด หากไม่หายสามารถกินซ้ำได้อีกครั้ง แต่ควรห่างออกไป 6 ชั่วโมง หลังจากเม็ดแรก แต่ถ้ามีไข้สูงมาก ให้รีบกลับไปพบแพทย์ หรือโทร. 1669

          4. งดใช้แขนข้างที่ฉีด ไม่เกร็ง ไม่บีบนวดบริเวณที่ฉีดวัคซีน ห้ามยกของหนัก หรือออกกำลังกายหนัก ๆ อย่างน้อย 2 วัน หลังฉีดวัคซีน

          สำหรับเด็กและวัยรุ่นอายุ 12-17 ปี ที่ฉีดวัคซีนไฟเซอร์ โดยเฉพาะเด็กผู้ชาย ให้งดออกกำลังกายและทำกิจกรรมอย่างหนัก เป็นเวลา 1 สัปดาห์ หลังฉีดวัคซีน เพื่อไม่ให้หัวใจทำงานหนักเพิ่มขึ้น และเพื่อไม่ให้มีอาการเหนื่อยจากการทำกิจกรรม ซึ่งอาจแยกไม่ได้ว่าเป็นผลจากการฉีดวัคซีนหรือไม่

          5. งดดื่มสุรา เบียร์ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ภายใน 24 ชั่วโมง หลังฉีดวัคซีนโควิด เนื่องจากอาจส่งผลต่อภูมิคุ้มกันของร่างกาย

          6. ควรงดสูบบุหรี่ หลังฉีดวัคซีน 24 ชั่วโมง หรือถ้าเป็นไปได้แนะนำให้เลิกบุหรี่ไปเลยจะดีที่สุด เพราะมีงานวิจัยพบว่า คนสูบบุหรี่ที่ฉีดวัคซีนแล้ว จะมีภูมิคุ้มกันเชื้อไวรัสโควิด 19 ขึ้นต่ำกว่าคนที่ไม่สูบบุหรี่ถึง 40%

          7. ดื่มน้ำเปล่าเยอะ ๆ เพื่อให้หลอดเลือดขยาย ช่วยให้เลือดไหลเวียนดีขึ้น การขับถ่ายของเสียต่าง ๆ ในร่างกายก็จะดีขึ้น อีกทั้งยังช่วยชดเชยน้ำที่ร่างกายสูญเสียไปจากอาการไข้ หรือคลื่นไส้อาเจียน

          8. นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ไม่ควรนอนดึก เพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกัน

          9. หลังฉีดวัคซีนโควิด 3 วัน อาการข้างเคียงจะพบได้น้อยมาก ๆ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังควรสังเกตอาการให้ครบ 30 วัน นับจากวันที่ฉีดวัคซีน
ฉีดวัคซีนโควิด

          10. แม้จะฉีดวัคซีนแล้ว แต่ยังต้องสวมหน้ากากอนามัย ล้างมือบ่อย ๆ เว้นระยะห่าง และไม่ไปยังพื้นที่สุ่มเสี่ยงต่อการติดเชื้อ เพราะยังมีโอกาสติดเชื้อได้อยู่นะคะ เพียงแต่วัคซีนจะช่วยลดความรุนแรงของอาการ และลดอัตราการเสียชีวิตลงไปได้เยอะ

          11. ดูแลสุขภาพให้แข็งแรงดี เพื่อเตรียมตัวรับวัคซีนโควิดเข็มที่ 2 โดยเว้นระยะห่างตามคำแนะนำของวัคซีนแต่ละยี่ห้อ ดังนี้

                * วัคซีนซิโนแวค ฉีดเข็มที่ 2 ห่างจากเข็มที่ 1 ประมาณ 21 วัน (2-4 สัปดาห์)

               * วัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า ฉีดเข็มที่ 2 ห่างจากเข็มที่ 1 ประมาณ 8-12 สัปดาห์

               * สูตรวัคซีนไขว้ ซิโนแวคเข็มที่ 1 หลังจากนั้นอีก 3 สัปดาห์ ฉีดวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า เป็นเข็มที่ 2 

               * วัคซีนซิโนฟาร์ม ฉีดเข็มที่ 2 ห่างจากเข็มที่ 1 ประมาณ 3-4 สัปดาห์

               * วัคซีนไฟเซอร์ ฉีดเข็มที่ 2 ห่างจากเข็มที่ 1 ประมาณ 3 สัปดาห์

          12. หากจะฉีดวัคซีนป้องกันโรคอื่น ๆ ให้เว้นระยะห่างจากการฉีดวัคซีนโควิด 19 ประมาณ 2-4 สัปดาห์ เป็นต้นไป


ศูนย์ข้อมูลโควิด-19: วิธีดูแลตัวเองหลังฉีดวัคซีนโควิด 19 ควรปฏิบัติตัวอย่างไร ห้ามกินอะไรบ้าง อ่านบทควาเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://doctorathome.com/covid-19

32
เดินทางมาแล้วถึง 6 เจเนเรชั่นด้วยกัน สำหรับ ‘มิตซูบิชิ ไทรทัน‘ ในปัจจุบันที่มีความเป็นมาเป็นไปเริ่มต้นตั้งแต่ กันยายน ปี 2521 ซึ่งผ่านช่วงเวลาสำคัญกว่าจะเดินทางมาถึงในวันนี้ ซึ่งสร้างปรากฎการณ์พลิกโฉมวงการรถกระบะไปหลายต่อหลายครั้ง ทั้งในด้านเทคโนโลยี และ การออกแบบ จนกระทั่งล่าสุดในการเปิดตัว 2 รุ่นย่อยใหม่ ได้แก่ มิตซูบิชิ ไทรทัน แอทลีท จีที ใหม่ และ มิตซูบิชิ ไทรทัน เมกะแค็บ ลิมิเต็ด เอดิชั่น โดย Business Today ได้รวบรวมตำนานจากอดีตจนถึงปัจจุบันของรถกระบะรุ่นดังกล่าวไว้อย่างครบถ้วน

เริ่มต้นมาจากรุ่นขนาดหนึ่งตันที่มีนามว่า ฟอร์เต้ (FORTE) เปิดตัวครั้งแรกที่ประเทศญี่ปุ่นในเดือนกันยายน พ.ศ. 2521 ก่อนจะส่งออกไปยังอเมริกาเหนือ ในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2521 ภายใต้ชื่อ  MITSUBISHI TRUCK และ L200 เครื่องยนต์เบนซินขนาด 2.0 ลิตร และขนาด 2.6 ลิตร ได้ผลตอบรับเป็นอย่างดี เพราะที่นั่นมักใช้รถกระบะขนาดเล็กสำหรับการเดินทางในชีวิตประจำวันและทำกิจกรรมยามว่าง ทั้งนี้รถกระบะรุ่นแรกกว่า 657,000 คัน ได้ถูกผลิตขึ้นที่ศูนย์การผลิตยานยนต์ในเขตโอเอะ เมืองนาโกย่า ประเทศญี่ปุ่น และมีบางส่วนได้ผลิตขึ้นที่ศูนย์การผลิตแหลมฉบังประเทศไทย

มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ก็กลับมาพร้อมกับเซอร์ไพรส์ ด้วยการพลิกโฉมรถกระบะขึ้นใหม่ชนิดเต็มรูปพร้อมเปิดตัวในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2529 ครบครันด้วยประเภทตัวถังทั้ง 3 รุ่น ได้แก่ ซิงเกิ้ลแค็บ คลับแค็บ และดับเบิ้ลแค็บ  ระบบขับเคลื่อนทั้งแบบสองล้อและสี่ล้อ เครื่องยนต์เบนซินขนาด 2.0 ลิตร และ 2.6 ลิตร รวมถึงเครื่องยนต์ดีเซลขนาด 2.5 ลิตร มียอดผลิตกว่า 1,146,000 คัน จากนั้นในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2534 ได้เปิดตัว สตราด้า (STRADA) ขึ้นที่ประเทศญี่ปุ่น(เฉพาะรุ่นดับเบิ้ลแค็บ) ใช้ชื่อในแต่ละภูมิภาคแตกต่างกัน เช่น ไมตี้ แมกซ์ (MIGHTY MAX) ในอเมริกาเหนือ และ ไทรทัน (TRITON)  ในออสเตรเลีย รวมถึง แอล200 (L200) ในภูมิภาคอื่นๆ 

เดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2538  รถกระบะมิตซูบิชิ ภายใต้ชื่อ สตราด้า หรือ แอล200 ก็ถูกเปลี่ยนโฉมอีกครั้ง เผยความโฉบเฉี่ยวมากขึ้น กว้างขวาง โดยสารได้ถึง 5 ที่นั่ง ยกระดับด้วยเครื่องยนต์ อินเตอร์คูลเลอร์ เทอร์โบดีเซล ขนาด 2.5 ลิตร และขนาด 2.8 ลิตร มาพร้อมกับระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ “Easy Select 4WD” ครบครันด้วยระบบความปลอดภัยและอุปกรณ์ต่าง ๆ  ความสะดวกสบายในการใช้งานระดับเดียวกับรถซีดาน ในบางรุ่นยังติดตั้งระบบ ABS ช่วยป้องกันล้อล็อกขณะเบรก พร้อมรักษาสมดุลและการควบคุมตัวรถ และระบบเฟืองท้ายลิมิเต็ด Hybrid LSD เพิ่มเสถียรภาพในการขับขี่เปิดตัวครั้งแรกในประเทศไทยผลิตและส่งออกจากศูนย์การผลิตยานยนต์แหลมฉบัง เพื่อส่งออกไปยังภูมิภาคต่างๆทั่วโลก ด้วยยอดผลิตรวมทั้งสิ้นกว่า 1,046,000 คัน

ในเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2548 รถกระบะมิตซูบิชิได้สร้างปรากฏการณ์ใหม่อีกครั้ง ด้วยการเปิดตัวกระบะ ไทรทัน (TRITON) หรือ แอล200 ขึ้นในประเทศไทยเป็นครั้งแรก พร้อมส่งออกกว่า 150 ประเทศทั่วโลก เผยความสปอร์ตและโฉบเฉี่ยวล้ำสมัย และยังเป็นรถกระบะที่มีห้องโดยสารที่กว้างขวางที่สุดในบรรดารถกระบะระดับเดียวกัน รวมถึงยังนำเสนอเครื่องยนต์เป็นแบบดีเซลคอมมอนเรลที่พัฒนาขึ้นใหม่ขนาด 2.5 ลิตร และ 3.2 ลิตร มีให้เลือกทั้งระบบขับเคลื่อนสองล้อและสี่ล้อแบบ “Easy Select 4WD” และ “Super Select 4WD” โดยรุ่นนี้มีแนวคิดที่ต้องการพัฒนาให้มีสมรรถนะเหนือกว่าระดับมาตรฐาน ทั้งด้านความแข็งแรงทนทาน การประหยัดพลังงาน และตอบสนองความต้องการอันหลากหลายของผู้ใช้งาน ตอกย้ำความเป็นแบรนด์ยานยนต์ชั้นนำในระดับโลก กระแสตอบรับที่ดีมาก ส่งผลให้กระบะไทรทัน ได้มีสิทธิ์เข้าร่วมแข่งขันในรายการดาการ์แรลลี่ รวมถึงการแข่งขันระดับโลกต่างๆ อีกด้วย มีผลิตรวมทั้งสิ้นกว่า 1,423,000 คัน

ในเดือนพฤศจิกายนปี พ.ศ. 2557 ถือว่าเป็นอีกหนึ่งปีทองของ รถกระบะมิตซูบิชิ ไทรทัน หรือ แอล 200 ยกระดับอีกขั้น เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่หลากหลายได้ดียิ่งขึ้น ทั้งในด้านความอเนกประสงค์ ความทนทานสำหรับการใช้งานในเชิงพาณิชย์  และดูเท่ในแบบลุคสปอร์ต ได้รับการยอมรับว่าเป็น “กระบะพันธุ์เข้ม แรงจัด ประหยัดจริง” เครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบขนาด 2.5 ลิตร และเครื่องยนต์เบนซินขนาด 2.4 ลิตร ที่ได้รับการพัฒนาให้ทรงประสิทธิภาพกว่าเดิม มาพร้อมนวัตกรรมเครื่องยนต์ MIVEC คลีนเทอร์โบดีเซลขนาด 2.4 ลิตร ที่พัฒนาใหม่ เพื่อช่วยลดไอเสีย เผยระบบส่งกำลังแบบธรรมดา 6 จังหวะ และระบบส่งกำลังอัตโนมัติ 5 จังหวะ รวมถึงการปรับโหมดการขับขี่แบบสปอร์ต ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในรถกระบะมิตซูบิชิระบบขับเคลื่อนแบบสี่ล้อ “Easy Select 4WD” ที่ได้รับการพัฒนาให้ดียิ่งขึ้น ประกอบด้วย 3 โหมดการขับขี่ ได้แก่ โหมดขับเคลื่อนสองล้อหลัง (2H) โหมดขับเคลื่อนสี่ล้อความเร็วสูง (4H) และระบบขับเคลื่อนสี่ล้อความเร็วต่ำ (4L) สร้างแรงฉุดที่เหมาะกับสภาพถนนในรูปแบบต่างๆ ขณะที่การขับเคลื่อนสี่ล้อแบบ “Super Select 4WD-II” ควบคุมการเปลี่ยนโหมดขับขี่ด้วยระบบไฟฟ้าอีกด้วย

ในวันที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561 เปิดตัวมิตซูบิชิ ไทรทัน ใหม่ ครั้งแรกที่กรุงเทพมหานคร ก่อนเดินสายไปเปิดตัวอีกกว่า 150 ประเทศทั่วโลกได้รับการพัฒนาให้ ‘แกร่ง ลุยทุกอุปสรรค’ มาพร้อมการใช้เทคโนโลยีขับเคลื่อนสี่ล้อระบบ  Super-Select 4WD II และระบบ Easy-Select 4WD ที่เจ๋งกว่าที่มีมาแถมเพิ่มโหมดปรับเปลี่ยนตั้งค่าให้โลดแล่นบนเส้นทางออฟโรดได้อย่างมั่นใจ ครบครันไปด้วยเทคโนโลยีด้านความปลอดภัย ไม่ว่าจะเป็นระบบเตือนการชนด้านหน้าตรง พร้อมระบบช่วยชะลอความเร็ว (FCM) ที่สามารถตรวจจับได้ทั้งพาหนะและคน  ระบบสัญญาณเตือนในจุดอับสายตา และแจ้งเตือนขณะเปลี่ยนเลน ระบบเตือนด้านหลังขณะถอยออกจากช่องจอด ระบบตัดกำลังเครื่องยนต์ชั่วขณะ เมื่อเหยียบคันเร่งอย่ารุนแรงและรวดเร็ว ช่วยลดการเกิดอุบัติเหตุจากการเหยียบคันเร่งโดยไม่ได้ตั้งใจนั่นเอง

นอกจากทั้ง 6 เจนเนอเรชั่นนี้แล้ว ล่าสุดยังมีรุ่นย่อยอีก 2 รุ่น มายั่วใจให้คนรักกระบะไทรทันได้พิศชมกันรุ่นแรกคือ “แอทลีท จีทีใหม่” ขับเคลื่อน 2 ล้อ มาพร้อมความโดดเด่นโฉบเฉี่ยว ใครชอบความเป็นสปอร์ตเห็นเป็นต้องเหลียว เพราะให้ลุคแบบสปอร์ตพรีเมียม ที่แฝงอยู่ในความแกร่งทน เหมาะอย่างยิ่งกับไลฟ์สไตล์ในเมือง ภายในห้องโดยสาร ตกแต่งด้วยเบาะหนังสังเคราะห์ ในสีทูโทน ดำ–ส้ม ดูโก้เท่ มาพร้อมฟังก์ชั่นเด็ดๆ อีกเพียบ! อาทิ เบาะนั่งคนขับปรับระดับด้วยไฟฟ้า 8 ทิศทาง กุญแจอัจริยะ KOS พร้อมปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ กล้องมองภาพรอบคัน รองรับการใช้ แอปเปิล คาร์เพลย์ และแอนดรอยด์ ออโต้ ฯลฯ แถมมาพร้อมเครื่องยนต์ MIVEC ขนาด 2.4. ลิตร แรงบิดสูงสุด 430 นิวตันเมตร 181 แรงม้า และระบบเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด

ส่วนอีกรุ่นคือ “มิตซูบิชิ ไทรทัน เมกะแค็บ ลิมิเต็ด เอดิชั่นใหม่” กระบะ ตัวเตี้ยแต่หน้าดุ มาในคอนเซ็ปต์ “สุดแกร่งแต่งเฟี้ยว” ถูกใจสายแต่งโดยเฉพาะ ด้านหน้าดีไซน์แบบ Advanced Dynamic Shield โฉบเฉี่ยวดุดันยิ่งขึ้น หลังคา กระจกมองข้าง มือเปิดประตู และล้ออัลลอย 16 นิ้ว สีดำทั้งหมด เรียกว่าเข้มตั้งแต่ช่วงบนจรดล่าง แถมภายในห้องโดยสาร สะท้อนความทันสมัย เครื่องเสียงเผยหน้าจอขนาด 7 นิ้ว ดีไซน์ระบบสัมผัส รองรับการใช้งานแอปเปิล คาร์เพลย์ และแอนดรอยด์ ออโต้อีกด้วย ที่สำคัญขุมพลังจัดจ้าน เครื่องยนต์แบบคอมมอนเรล 2.5 ลิตร 4 สูบ 16 วาล์ว พร้อมเทอร์โบอินเตอร์ คูลเลอร์ สมรรณะสูง ขับขี่นุ่มนวล แถมชูความปลอดภัย ด้วยระบบกระจายแรงเบรกอิเล็กทรอนิกส์ (EBD) และระบบลดกำลังเครื่องยนต์เพื่อช่วยในการเบรก

นี้คือความเป็นมาของ 6 เจนฯ​ กับอีก 2 รุ่นย่อยของ มิตซูบิชิ ไทรทัน ที่เรานำข้อมูลมาฝากแฟนพันธุ์แท้มิตซูบิชิ เพื่อเป็นของขวัญรับปีใหม่ ส่วนปีหน้าจะมีอะไรเซอร์ไพรส์บ้าง… ต้องติดตามอย่าพลาดเชียว!

ออล นิว ไทรทัน: เปิดตำนานจากอดีต-ปัจจุบันของ ‘มิตซูบิชิ ไทรทัน’ 6 เจเนเรชั่น อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://www.checkraka.com/car/mitsubishi/triton/

33
เบต้ากลูแคน เป็นสารอาหารธรรมชาติที่ออกฤทธิ์กระตุ้นและเสริมภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย ปรับระบบภูมิต้านทานของร่างกายที่ผิดปกติ ช่วยกระตุ้นและเสริมภูมิคุ้มกันให้ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น สามารถกระตุ้นเม็ดเลือดขาวขนาดใหญ่ที่คอยกัดกินสิ่งแปลกปลอมในร่างกาย (Macrophage) ให้ออกมาทำงานได้

เบต้ากลูแคน เป็นสารอาหารประเภทใยอาหารชนิดละลายน้ำที่ให้ประโยชน์ต่อสุขภาพไม่น้อยเลย โดยเฉพาะกับการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันเพื่อต้านทานเชื่อก่อโรค ชะลอความเสื่อมและบำรุงร่างกายให้แข็งแรง ซึ่งจำเป็นอย่างมากสำหรับผู้สูงอายุ ผู้ใหญ่หรือคนทำงานที่มีไลฟ์สไตล์อันเร่งรีบหรือมีความเครียดสะสม

“เบต้ากลูแคน” เป็นสารอาหารจากธรรมชาติที่แพทย์ทางเลือกมักจะแนะนำให้ผู้ที่มีความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งใช้ในการกระตุ้นและเสริมภูมิคุ้มกันให้ร่างกายหรือเภสัชกรมักจะแนะนำให้ผู้ที่รักสุขภาพโดยทั่วไปนิยมทานเพื่อลดความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็ง

การศึกษาของคณะแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยลุยส์วิลล์ ได้ทำการศึกษาเบต้ากลูแคนและพบว่าสามารถผลิตจากสารตั้งต้นที่แตกต่างกันได้คือ

    เบต้ากลูแคนที่ผลิตจากพืช เช่น ข้าวโอ๊ต ข้าวบาร์เลย์ สาหร่าย โสม เป็นต้น
    เบต้ากลูแคนที่ผลิตจากยีสต์ เป็นการสกัดเบต้ากลูแคนจากยีสต์สายพันธุ์ต่าง ๆ

เบต้ากลูแคน จำเป็นต่อร่างกายอย่างไร

เบต้ากลูแคน (BETA GLUCAN) คือ น้ำตาลเชิงซ้อนชนิดหนึ่งที่เรียงตัวกันหลายโมเลกุล หรือที่เรียกว่า โพลิแซ็กคาไรด์ (Polysaccharide) มีคุณสมบัติเป็นใยอาหารธรรมชาติ (Fiber) ที่ช่วยในระบบการย่อยอาหารและระบบขับถ่าย โดยเบต้ากลูแคนแต่ละชนิด จะมีโครงสร้างที่แตกต่างกัน จากงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์พบว่า โครงสร้างแบบเบต้า 1,3 กลูแคนที่สกัดจากผนังเซลล์ของยีสต์ขนมปังสายพันธุ์ Saccharomyces Cerevisiae มีประสิทธิภาพในการกระตุ้นและเสริมภูมิคุ้มกันของร่างกายสูงสุด

เบต้ากลูแคน เป็นสารอาหารธรรมชาติ โดยเฉพาะในอาหารที่เรารับประทานกันในแต่ละมื้อ ไม่ว่าจะเป็นธัญพืช ข้าวโอ๊ต รำข้าว ข้าวสาลี ข้าวบาร์เลย์ โดยเบต้ากลูแคนที่พบได้ในธัญพืชจะเป็นกลุ่มโครงสร้าง beta-1,3/1,4-glucan ส่วนกลุ่มโครงสร้าง beta-1,3/1,6-glucan จะพบได้ในเห็ด ยีสต์สุรา และยีสต์ขนมปัง หรือพูดง่ายๆ ก็คือ “ยีสต์เบต้ากลูแคน” เป็นเบต้ากลูแคนที่สกัดจากยีสต์นั่นเอง

ระบบภูมิคุ้มกันร่างกายนั้นเปรียบเสมือนเมืองหน้าด่านของร่างกาย เมื่อใดที่สิ่งแปลกปลอมอย่างสารหรือเชื้อโรคชนิดต่าง ๆ เข้าสู่ร่างกาย หรือเกิดการเปลี่ยนแปลงของเซลล์จากภายใน ภูมิคุ้มกันของร่างกายก็จะสร้างโปรตีนชนิดพิเศษที่เรียกว่า แอนติบอดี (Antibody) ขึ้นมาต่อสู้กับการติดเชื้อหรือความผิดปกติที่เกิดขึ้น และคงอยู่ในร่างกายเพื่อเฝ้าระวังการติดเชื้อครั้งถัดไป ยิ่งหากร่างกายมีภูมิคุ้มกันที่อ่อนแอ สิ่งแปลกปลอมก็จะเข้ามาได้ง่าย อาการป่วยเกิดขึ้นได้บ่อยครั้ง รวมถึงร่างกายยังฟื้นตัวหรือหายดีได้ช้าลง

การเสริมภูมิคุ้มกันให้มีประสิทธิภาพด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์ในด้านนี้อย่างเบต้ากลูแคน จึงเป็นทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจสำหรับคนที่ไม่มีเวลาดูแลตัวเองมากนัก เนื่องจากเบต้ากลูแคนส่งผลต่อการทำงานของเซลล์เม็ดเลือดขาวซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญในระบบภูมิคุ้มกัน จากงานวิจัยส่วนหนึ่งชี้ให้ว่า เบต้ากลูแคนมีคุณสมบัติในการกระตุ้นภูมิคุ้มกัน

การศึกษาประสิทธิภาพของเบต้ากลูแคนจากยีสต์ที่ทำจากขนมปังในนักวิ่งมาราธอน และในผู้ที่มีความเครียดระดับปานกลาง พบว่าการใช้เบต้ากลูแคนยีสต์ขนมปังขนาด 250-500 มิลลิกรัมต่อวัน อย่างน้อย 4-12 สัปดาห์ สามารถลดอาการของการติดเชื้อทางเดินหายใจส่วนบน โดยเฉพาะอาการเจ็บคอ น้ำมูกไหล และอาการไอ

โดยสรุปเบต้ากลูแคนจากยีสต์ ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายในผู้ที่วิ่งมาราธอนและในผู้ที่มีความเครียด โดยช่วยลดอาการเมื่อมีการติดเชื้อทางเดินหายใจส่วนบน เช่น อาการเจ็บคอ น้ำมูกไหล และอาการไอ ขนาดที่ใช้ 250-500 มิลลิกรัมต่อวัน เป็นเวลาอย่างน้อย 4-12 สัปดาห์ ไม่มีรายงานการเกิดอาการความเป็นพิษจากการใช้เบต้ากลูแคน แต่อย่างไรก็ตามไม่มีประโยชน์ในคนสุขภาพดีทั่วไป และผลการศึกษาเกี่ยวกับอาหารเสริมเบต้ากลูแคนจากยีสต์มีจำนวนไม่มาก

การศึกษาในผู้ป่วยหญิงที่เป็นโรคมะเร็งเต้านม หลังบริโภคเบต้ากลูแคนจากยีสต์ปริมาณ 10 มิลลิกรัม วันละ 2 ครั้ง ติดต่อกันนาน 21 วันพบว่า เบต้ากลูแคนชนิดนี้มีคุณสมบัติต้านทานมะเร็งที่เกี่ยวเนื่องกับการกระตุ้นเซลล์ในระบบภูมิคุ้มกัน ซึ่งนำมาใช้เป็นทางเลือกช่วยปรับ และเสริมภูมิคุ้มกันระหว่างการรักษาโรคมะเร็งได้

ทั้งนี้ เบต้ากลูแคน ยังช่วยเข้าไปบำรุงเซลล์เม็ดเลือดขาว ซึ่งเม็ดเลือดขาว ไม่มีฮีโมโกลบิน สามารถเคลื่อนที่ได้อย่างอิสระ เม็ดเลือดขาวที่ไหลเวียนอยู่ในกระเเสเลือดมีน้อยมากเมื่อเทียบกับเม็ดเลือดแดง โดยเม็ดเลือดขาวทำหน้าที่ช่วยป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโรคในร่างกาย กำจัดสารพิษและของเสียบางชนิด รวมทั้งช่วยกำจัดเซลล์ต่างๆที่ถูกทำลายโดยธรรมชาติ หรือเซลล์ที่ผิดปกติบางชนิด

และเม็ดเลือดขาวยังมีหลายชนิด บางชนิดทำหน้าที่ปล่อยสารพิษใส่ผู้รุกราน บางชนิดเข้าไปกินผู้รุกราน ซึ่งการที่เรามีอาการเจ็บป่วยบ่อยๆส่วนหนึ่งเกิดจากร่างกายสะสมสารพิษไว้มากเกินไป แต่เมื่อรับเบต้ากลูแคนเข้าไป เซลล์เม็ดเลือดขาวเหล่านี้ก็ตื่นตัวขึ้นมาทำงาน แต่เป็นการตื่นตัวที่สามารถควบคุมได้ ไม่กลายเป็นภูมิต้านทานไวเกิน ฉะนั้นการที่เม็ดเลือดขาวทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูง จะยิ่งทำให้ร่างกายสร้างภูมิต้านทานโรคได้ดีขึ้น

เบต้ากลูแคน

นักวิจัยชื่อ นิโคลัส ลูซิโอ (Nicholas Di Luzio) รายงานครั้งแรกในปี ค.ศ.1960 ว่าเซลล์ร่างกายตอบสนองต่อเบต้ากลูแคน ต่อจากนั้นก็มีงานวิจัยจากอีกหลายๆ มหาวิทยาลัยของโลกที่ยืนยันเรื่องนี้ เมื่อกระตุ้นแล้วจะเกิดกระบวนการ 3 อย่างที่ช่วยเสริมภูมิคุ้มกัน คือ

    เพิ่มจำนวนเม็ดเลือดขาวให้มากขึ้น แต่บางครั้งการเพิ่มจำนวนก็ไม่ได้ช่วยกำจัดเชื้อโรค จึงต้องมีลำดับต่อไป
    เพิ่มจำนวนเม็ดเลือดขาวที่ทำงานโดยการแทรกตัวเข้าไปจู่โจมสิ่งแปลกปลอมในร่างกาย
    เพิ่มความสามารถในการเขมือบสิ่งแปลกปลอมของเม็ดเลือดขาวให้สูงขึ้น

เบต้ากลูแคนตัวช่วยเสริมภูมิคุ้มกัน

ในการดูแลสุขภาพและระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแรงไม่ได้มีเพียงเบต้ากลูแคนอย่างเดียว แต่ควรรับประทานสารอาหารและวิตามินอื่น ๆ ที่ดีต่อภูมิคุ้มกันร่วมด้วย เพราะจะช่วยให้ระบบอวัยวะต่าง ๆ ในร่างกายทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ  อาทิ

สารสกัดกระชายขาว (Finger root) งานวิจัยที่เกิดจากความร่วมมือของคณะวิทยาศาสตร์ และ คณะแพทย์ศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล รวมทั้งศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาศาสตร์(องค์การมหาชน) หรือTCELS พบว่า สารสกัดกระชายขาว สามารถทำหน้าที่ยับยั้งการผลิตและการเจริญเติบโตของเชื้อไวรัส  อีกทั้งยังสามารถลดจำนวนเซลล์ที่ติดเชื้อไวรัสได้กว่า 100%

วิตามินซี (Vitamin C) หรือกรดแอสคอร์บิก (Ascorbic Acid) เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยในการทำงานของเซลล์เม็ดเลือดขาวและกระบวนการกำจัดเชื้อโรค มีส่วนช่วยในการพัฒนาและการเจริญเติบโตของร่างกาย บำรุงผิวหนังและกระดูก และช่วยในการสมานแผล

วิตามินบี 12 (Vitamin B12) เป็นวิตามินชนิดหนึ่งที่ละลายได้ในน้ำ ส่วนใหญ่แล้วจะพบในอาหารจำพวกเนื้อ ปลา ไข่ นม ตับ เป็นต้น วิตามินชนิดนี้นับเป็นวิตามินที่มีประโยชน์ในแง่ของการเสริมสร้างการเจริญเติบโตและการทำงานของระบบประสาทและการส่งเสริมการสร้างเม็ดเลือด

สารอาหารที่กล่าวมาข้างต้นล้วนให้ผลดีต่อระบบภูมิต้านทาน เสริมภูมิคุมกัน และระบบการทำงานอื่น ๆ ในร่างกายที่สำคัญเหมาะกับผู้ใหญ่และวัยทำงาน การรับประทานผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่มีส่วนผสมเบต้ากลูแคนควบคู่กับกระชายขาว และวิตามินที่มีส่วนช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกัน อย่างวิตามินซี วิตามินบี12 จึงน่าจะเป็นทางเลือกในการสร้างเสริมภูมิต้านทานที่ดีกว่าการรับประทานสารอาหารเพียงชนิดเดียว

ด้วยเหตุนี้ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารจึงได้นำเบต้ากลูแคนและวิตามินต่าง ๆ รวมไว้ด้วยกัน เพราะบางคนอาจไม่สะดวกในการซื้ออาหารเสริมหลายกระปุกในครั้งเดียว อีกทั้งยังช่วยให้รับประทานได้อย่างครบถ้วนและต่อเนื่อง โดยปริมาณที่ทดสอบและแนะนำให้รับประทานเบต้ากลูแคนในแต่ละวัน เพื่อเสริมระบบภูมิคุ้มกันอยู่ที่ 100–500 มิลลิกรัม แตกต่างกันไปตามชนิดของเบต้ากลูแคน

ผลสรุปว่า การได้รับเบต้ากลูแคนเข้าสู่ร่างกายสำหรับผู้ใหญ่ จะมีแนวโน้มปลอดภัยมากที่สุดโดยการรับประทานซึ่งจากการศึกษาของนักวิจัยต่างประเทศมากมาย ยังไม่มีผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นจากการรับประทานเบต้ากลูแคนแบบเห็นได้ชัดเลย แต่สำหรับการให้เบต้ากลูแคนทางกระแสเลือด จะมีผลทำให้เกิดอาการหนาวสั่น มีไข้ และปวดบริเวณที่ฉีดได้ รวมถึงปวดตามข้อ คลื่นไส้ อาเจียน วิงเวียนศีรษะ มีผดผื่น


ประโยชน์จากเบต้ากลูแคน

    เป็นตัวช่วยให้เม็ดเลือดขาวทำลายเชื้อโรค และเซลล์แปลกปลอมได้ดีขึ้นกว่าเดิม เบต้า-กลูแคนยังเพิ่มจำนวน และกระตุ้นการทำงานของเลือดให้กำจัด และป้องกันเซลล์มะเร็งต่างๆได้ดียิ่งขึ้น
    ช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวได้เร็ว และมีอาการข้างเคียงน้อยมากหลังการทำเคมีบำบัด เพราะจะเข้าไปกระตุ้นการสร้างเม็ดเลือดให้ร่างกาย
    ปรับระบบภูมิต้านทานของร่างกายที่ผิดปกติ และช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันให้ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
    เข้าไปลดสารที่กระตุ้นให้ร่างกายเกิดอาการภูมิแพ้ ทั้งยังควบคุมไม่ให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายทำงานมากเกินไปด้วย
    บรรเทาอาการภูมิแพ้ต่าง ๆ เช่น โรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง หอบหืด แพ้เกสรดอกไม้
    ช่วยลดระดับคอเรสเตอรอลในเลือด ทำให้เลือดไหลเวียนไปเลี้ยงหัวใจได้สะดวก ป้องกันการเกิดโรคหัวใจ โรคไขมันอุดตันในเส้นเลือด
    สามารถชะลอไม่ให้น้ำตาลเข้าสู่กระแสเลือดเร็วเกินไป ช่วยให้ระดับน้ำตาลในเลือดลดลง (Diabetes) และช่วยลดระดับความต้องการอินซูลินของร่างกาย
    เบต้า-กลูแคนช่วยฟื้นฟูสภาพของตับอ่อนให้เข้าสู่ภาวะปกติ และทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
    ยับยั้งการอักเสบ และไปกระตุ้นไฟโบรบลาสท์ให้สร้างน้ำหล่อเลี้ยงข้อมากขึ้น จึงบรรเทาอาการปวดข้อ ข้ออักเสบได้
    ช่วยบรรเทาอาการปอดอักเสบ
    ช่วยฟื้นฟูบาดแผลภายนอก แผลอักเสบติดเชื้อ เนื่องจากเบต้า-กลูแคน มีคุณสมบัติในการฆ่าเชื้อโรค ยับยั้งการลุกลามของการอักเสบ ลดอัตราการตายของเซลล์
    ช่วยบรรเทาอาการท้องผูก ซึ่งมีคุณสมบัติ DETOX ลำไส้ ทำให้ระบบขับถ่ายกลับไปสู่สภาวะปกติ เนื่องจากมีคุณสมบัติเป็นไฟเบอร์สูง (เส้นใย)
    เป็นอาหารของโปรไบโอติกในลำไส้ ช่วยเพิ่มปริมาณจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ในร่างกาย
    ลดภาวะกรดไหลย้อนซึ่งเป็นสาเหตุของโรคเกี่ยวกับทางเดินอาหาร
    ต้านอนุมูลอิสระฟื้นฟูผิว ลดเลือนริ้วรอย ผิวหนังยืดหยุ่น มีน้ำมีนวล ชุ่มชื้น ช่วยให้ผิวหนังแข็งแรง
    เพิ่มภูมิต้านทานช่วยรักษาโรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง ให้ภูมิคุ้มกันที่เคยทำงานผิดปกติกลับมาทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ


เบต้ากลูแคนข้อควรระวัง

    ผู้ที่แพ้ปลาทะเลหรือน้ำมันปลาไม่ควรรับประทานผลิตภัณฑ์เบต้ากลูแคนสูตรผสมน้ำมันปลา
    ผู้ที่รับประทานยาต้านการแข็งตัวของเลือด ยารักษาโรคความดันโลหิตสูง ยาคุมกำเนิด และยารักษาโรคอ้วนบางชนิดควรปรึกษาแพทย์ก่อนการใช้ผลิตภัณฑ์จากเบต้ากลูแคนสูตรผสมน้ำมันปลา เพราะอาจส่งผลให้ยามีประสิทธิภาพลดลง
    สตรีมีครรภ์และผู้ให้นมบุตรควรปรึกษาแพทย์ผู้ดูแลก่อนการรับประทาน เพราะยังไม่มีงานวิจัยที่รับรองความปลอดภัยของการใช้เบต้ากลูแคนขณะตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร
    ผู้ป่วยโรคเอดส์ หรือผู้ป่วยโรคเอดส์ในระยะเริ่มแสดงอาการที่รับประทานเบต้ากลูแคนจากยีสต์อาจส่งผลให้ฝ่ามือและฝ่าเท้าหนา แต่อาจหายไปได้หลังหยุดใช้เบต้ากลูแคนประมาณ 2–4 สัปดาห์
    ผู้ที่รับประทานยากดภูมิคุ้มกันควรปรึกษาแพทย์ก่อนการใช้ผลิตภัณฑ์จากเบต้ากลูแคน เพราะเบต้ากลูแคนจะไปกระตุ้นภูมิต้านทานร่างกาย จึงอาจทำให้ตัวยามีประสิทธิภาพลดลง เช่น ยาอะซาไธโอพรีน (Azathioprine) ยาไซโคลสปอริน (Cyclosporine) ยาเพรดนิโซน (Prednisone) เป็นต้น

สุดท้ายนี้ แม้จะมีงานวิจัยที่ชี้ให้เห็นถึงคุณประโยชน์ของเบต้ากลูแคนต่อระบบภูมิคุ้มกันร่างกาย แต่การเสริมภูมิคุ้มกัน โดยเริ่มต้นที่ตัวเองก็เป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรละเลยไป ไม่ว่าจะเป็นพักผ่อนให้เพียงพอ รับประทานผักและผลไม้ให้มากขึ้น ออกกำลังเป็นประจำ ควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน         ทำกิจกรรมผ่อนคลายความเครียด ไม่สูบบุหรี่หรือดื่มแอลกอฮอล์ เพราะสิ่งเหล่านี้ไม่จำเป็นต้องเสียเงินซื้อ เพียงแค่ปรับพฤติกรรมตัวเอง ก็ช่วยให้เรามีภูมิคุ้มกันที่ดีได้อย่างยั่งยืนแล้ว

การมีสุขภาพดีและแข็งแรงเป็นพื้นฐานของการมีชีวิตที่ดี ถือเป็นวิธีที่ทำให้ตัวเองมีความสุขได้ง่ายที่สุด เพราะเมื่อเรามีสุขภาพที่ดีแล้วเราก็จะมีความพร้อมมากพอในการทำกิจกรรมต่างๆ ได้อย่างมีคุณภาพ รวมถึงสามารถใช้เวลากับคนที่คุณรักได้ยาวนานกว่าที่เคย



เบต้ากลูแคน สารอาหารธรรมชาติ กระตุ้นและ เพิ่มภูมิต้านทาน  อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://mmed.com/products/

34
แอปเปิล APPLE-iPhone 11 Pro (4GB/512GB)
iPhone 11 Pro สมาร์ทโฟนตระกูลใหม่ในระดับโปรที่มาพร้อมประสิทธิภาพอันล้ำหน้า มาพร้อมจอภาพ Super Retina XDR ใหม่ ชิพ A13 Bionic แบตเตอรี่ที่ใช้งานได้นานขึ้น พร้อมระบบ 3 กล้องใหม่ ที่จะมอบประสบการณ์การใช้งานกล้องระดับโปร

รายละเอียดเบื้องต้น
ยี่ห้อ-รุ่น               แอปเปิล APPLE-iPhone 11 Pro (4GB/512GB)
ราคากลาง            48,900 บาท
จำนวนซิม            2 ซิม (Nano Sim)
แบบดีไซน์           จอสัมผัส
สี                     Gold, Gray(Space Gray), Silver, Green(Midnight Green)
   
ความถี่-เครือข่าย
2G(GSM 850 / 900 / 1800 / 1900)
3G(HSDPA 850 / 900 / 1700(AWS) / 1900 / 2100)
4G(LTE)
   
ขนาด-น้ำหนัก                       ยาว 144 x กว้าง 71.4 x หนา 8.1 มม., น้ำหนัก 188 กรัม
ความจุข้อมูลภายใน (ROM)       512 GB
ความจุข้อมูลภายนอกสูงสุด         -
แบตเตอรี่ และระบบชาร์จ            ความจุแบตเตอรี่ 3,190 mAh

จอแสดงผล
ชนิดจอ                            จอสัมผัส (Super Retina XDR)
ความละเอียด                      5.8 นิ้ว, 458 ppi, 2,436 x 1,125 px
   
รายละเอียดอื่น
หน้าจอ จอภาพ Super Retina XDR จอภาพ Multi?Touch แบบ OLED ทั้งหน้าจอ ขนาด 5.8 นิ้ว ความละเอียด 2,436 x 1,125 พิกเซล ที่ 458 ppi ความสว่างสูงสุด 800 นิต (ทั่วไป) และความสว่างสูงสุด 1,200 นิต (HDR)
หน่วยประมวลผล CPU A13 Bionic Neural Engine รุ่นที่ 3
หน่วยความจำ RAM 4 GB
หน่วยความจำ ROM 64 GB / 128 GB / 256 GB
กล้องหลัง 3 เลนส์ ประกอบด้วย เลนส์ Ultra Wide ความละเอียด 12MP (f/2.4) + เลนส์ Wide ความละเอียด 12MP (f/1.8) + เลนส์ Telephoto ความละเอียด 12MP (f/2.0)
กล้องหน้า TOF 3D Camera ความละเอียด 12MP (f/2.2)
รองรับซิมคู่ (Nano-SIM และ eSIM) ไม่รองรับการ์ด Micro-SIM
แบตเตอรี่ 3,190 mAh
รองรับชาร์จเร็วด้วยอะแดปเตอร์ขนาด 18W แบบ USB-C หรือสูงกว่า (ขายแยก)
รองรับชาร์จแบบไร้สาย (ใช้ร่วมกับเครื่องชาร์จ Qi)
รองรับการเชื่อมต่อแบบ Lightning
ระบบปฎิบัติการ iOS 13

กล้องถ่ายรูป
   ขนาด-ความละเอียด
กล้องหลัง (12 Mpx), กล้องหน้า (12 Mpx)
   ความละเอียดของภาพภ่ายสูงสุด
   คุณสมบัติ
Auto Focus, Flash
ระบบปฏิบัติการ
   หน่วยประมวลผล (CPU)
Apple A13 Bionic, Hexa-core (2x2.65 GHz Lightning + 4x1.8 GHz Thunder)
   หน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU)
Apple GPU (4-core graphics)
   หน่วยความจำ (RAM)
4.0 GB
   ระบบเชื่อมต่อภายนอก
USB(2.0), Bluetooth(5.0), NFC, Wi-Fi(802.11 a/b/g/n/ac/ax), Bluetooth Low Energy (BLE), WiFi Direct, Miracast, A2DP
   ระบบรับส่งข้อความ
SMS, MMS, EMAIL, PUSH MAIL
   การเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต
3G, GPRS, EDGE, WiFi, 4G
   ระบบ GPS
A-GPS, GLONASS, GALILEO, QZSS

มือถือ Iphone แอปเปิล APPLE-iPhone 11 Pro (4GB/512GB) อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://www.checkraka.com/mobilephone/apple/

35
เชื่อว่าหลาย ๆ คนคงคิดไม่ถึงว่าอาหารเพื่อสุขภาพบางอย่างที่เรากินเข้าไปจะช่วยบำรุงระบบน้ำเหลืองได้ อีกทั้งยังอาจไม่ค่อยเข้าใจระบบนี้ของร่างกายมากนัก งั้นเอาเป็นว่าเรามาทำความรู้จักระบบน้ำเหลืองไปพร้อมกัน และที่ว่าน้ำเหลืองไม่ดีอาการเป็นยังไง รวมไปถึงเราสามารถกินอาหารบำรุงน้ำเหลืองชนิดไหนได้บ้าง
คุณอาจจะชอบ


ต่อมน้ำเหลือง ระบบน้ำเหลืองคืออะไร
         
ระบบน้ำเหลือง ภาษาอังกฤษเรียกว่า (Lymphatic System) คือ ส่วนหนึ่งของระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย อันประกอบไปด้วย ต่อมน้ำเหลือง เม็ดเลือดขาวลิมโฟไซต์ (Lymphocyte) ที่มีอยู่มากในต่อมน้ำเหลือง หลอดน้ำเหลืองที่เชื่อมต่อระหว่างต่อมน้ำเหลืองแต่ละต่อม และอวัยวะอื่น ๆ ได้แก่ ต่อมทอนซิล ต่อมไทมัส และม้าม ซึ่งทั้งหมดนี้คือระบบน้ำเหลืองในร่างกาย ที่คอยทำหน้าที่ปกป้องร่างกายจากเชื้อโรคและสิ่งแปลกปลอม รวมไปถึงต่อสู้กับเชื้อโรคต่าง ๆ เมื่อหลุดเข้าสู่ร่างกาย

         
ทั้งนี้ ระบบทางเดินน้ำเหลืองจะพบได้ทั่วร่างกายเลยนะคะ ยกเว้นส่วนสมองและไขสันหลัง เพราะมีน้ำหล่อเลี้ยงสมองและไขสันหลังคอยทำหน้าที่แทนระบบน้ำเหลือง
น้ำเหลืองไม่ดี มีจริงไหม

น้ำเหลืองไม่ดี

ภาวะน้ำเหลืองไม่ดีไม่มีอยู่จริงในวงการแพทย์นะคะ เพราะจริง ๆ แล้วเป็นภาวะติดเชื้อแบคทีเรียที่ผิวหนัง (Impetigo) ซึ่งเกิดจากเชื้อแบคทีเรียที่ชื่อว่า Staphylococcus aureus และ Streptococcus pyogenes ที่เราอาจได้รับเชื้อมาจากแมลงสัตว์กัดต่อย หรือไปติดมาจากพงหญ้า สนามหน้าบ้าน บ่อน้ำ หรือโคลนตมตรงไหนก็ตาม แล้วเกิดการติดเชื้อ ทำให้เวลาเป็นแผลก็จะเป็นนาน หายช้า แผลดูลุกลามเกินจริง เช่น บางคนแค่โดนยุงกัดก็เป็นรอยแดง ๆ ใหญ่ ๆ ไปทั่ว เป็นต้น

         
โดยเชื้อตัวนี้ก่อโรคได้กับทุกคน เพียงแต่อาการตอบสนองต่อเชื้อ ความรุนแรง และระยะเวลาการติดเชื้อ จะมีความแตกต่างกันไปแล้วแต่ภูมิคุ้มกันของแต่ละคน แต่ทั้งหมดนี้ก็ไม่เกี่ยวกับความผิดปกติของน้ำเหลืองแต่อย่างใด


อาหารบำรุงน้ำเหลือง เลือกกินอะไรได้บ้าง

เพราะระบบน้ำเหลืองเป็นส่วนหนึ่งของระบบภูมิคุ้มกัน คอยช่วยปกป้องและกำจัดเชื้อโรคหรือสิ่งแปลกปลอมไม่ให้ส่งผลกระทบในทางไม่ดีต่อร่างกาย จึงนับว่ามีความสำคัญต่อสุขภาพของเรา และหากใครอยากบำรุงระบบน้ำเหลืองสามารถเริ่มต้นด้วยการเลือกกินอาหารที่ดี ลองมาดูกันว่ามีอาหารอะไรบ้าง

1. อาหารโปรตีนสูง

อาหารประเภทโปรตีนเป็นสารอาหารหลัก ๆ ที่ร่างกายควรได้รับ เพราะมีประโยชน์ด้านเสริมความแข็งแรงให้ร่างกาย อันส่งผลดีต่อระบบภูมิคุ้มกัน ซึ่งระบบน้ำเหลืองก็เป็นส่วนหนึ่งของระบบภูมิคุ้มกันเช่นกัน โดยอาหารที่มีโปรตีนสูงก็หาได้จากทั้งเนื้อสัตว์ ธัญพืช และผัก-ผลไม้ต่าง ๆ เช่น เนื้อไก่ ปลา ไข่ พืชตระกูลถั่ว นม อะโวคาโด ต้นอ่อนทานตะวัน ปวยเล้ง เป็นต้น


2. อาหารที่มีวิตามินซีสูง

เช่น ฝรั่ง ผลไม้ตระกูลส้ม กีวี ผลไม้ตระกูลเบอร์รี ผักใบเขียว สับปะรด เป็นต้น เพราะวิตามินซีเป็นสารอาหารที่เด่นในเรื่องเสริมภูมิคุ้มกันร่างกาย ช่วยป้องกันการติดเชื้อ ป้องกันหวัด ช่วยต่อสู้กับเชื้อในร่างกายเพื่อลดระยะเวลาการป่วยได้ และแน่นอนว่าก็ช่วยดูแลระบบน้ำเหลืองของเราได้เช่นกัน ดังนั้นใครอยากได้อาหารบำรุงน้ำเหลือง ลองหาอาหารที่มีวิตามินซีสูงมากินเลย


3. อาหารที่มีวิตามินบี 6

วิตามินบี 6 มีความสำคัญต่อการผลิตเซลล์เม็ดเลือดขาวลิมโฟไซต์ (Lymphocyte) ซึ่งอยู่ในต่อมน้ำเหลือง และช่วยลดการสูญเสียเซลล์เม็ดเลือดขาวชนิดนี้ด้วย ดังนั้นหากอยากบำรุงน้ำเหลืองก็สามารถรับประทานอาหาร เช่น ปลาแซลมอน มันฝรั่ง มันหวาน มันเทศ กล้วย เป็นต้น


4. อาหารที่มี Zinc สูง

Zinc หรือสังกะสี เป็นอีกหนึ่งสารอาหารที่มีส่วนช่วยดูแลระบบภูมิคุ้มกัน ช่วยในการสร้างและเสริมเซลล์เม็ดเลือดขาว ซึ่งมีความสำคัญต่อการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน โดยมีการศึกษาที่พบว่า หากร่างกายขาด Zinc หรือมีไม่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย ก็จะเสี่ยงในการติดเชื้อ เสี่ยงเซลล์เม็ดเลือดขาวลิมโฟไซต์จะถูกทำลาย โดยอาหารที่มี Zinc สูง ได้แก่ หอยนางรม เต้าหู้ ถั่วเปลือกแข็ง โยเกิร์ต ข้าวโอ๊ต หรือผักปวยเล้ง เป็นต้น


5. ขิง

ขิง นับเป็นสมุนไพรที่มีสรรพคุณน่าสนใจหลายอย่าง โดยเฉพาะในด้านต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งการรับประทานขิงก็จะช่วยลดโอกาสที่เซลล์ต่าง ๆ ในร่างกายจะถูกอนุมูลอิสระทำลาย ช่วยเซฟระบบภูมิคุ้มกันเราได้อีกทาง นอกจากนี้ประโยชน์ของขิงยังช่วยบรรเทาอาการคลื่นไส้ ช่วยขับลม บรรเทาอาการไมเกรน และยังดีต่อสุขภาพด้านอื่น ๆ อีกด้วย


6. ขมิ้น

สรรพคุณของขมิ้นโดดเด่นในด้านต้านการอักเสบ ต้านอนุมูลอิสระ และจัดเป็นสมุนไพรที่ช่วยเสริมการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายได้เป็นอย่างดี จึงสามารถกินขมิ้นบำรุงระบบน้ำเหลืองได้ แถมยังได้ประโยชน์ทางสุขภาพด้านอื่น ๆ จากขมิ้นไปพร้อมกันด้วย เช่น ลดอาการท้องอืด บรรเทาอาการปวดท้อง หรือมีฤทธิ์ฆ่าเชื้อแบคทีเรียและเชื้อรา เป็นต้น


7. น้ำมันมะกอก

น้ำมันมะกอกอุดมไปด้วยไขมันดี ช่วยลดไขมันเลวที่อาจขัดขวางการไหลเวียนของโลหิตได้ ซึ่งหากระบบเลือดไหลเวียนได้ดี ระบบทางเดินน้ำเหลืองก็จะไหลเวียนดีไปด้วย อีกทั้งน้ำมันมะกอกยังมีสารต้านอนุมูลอิสระชนิดพอลิฟีนอลที่ช่วยลดการอักเสบ ช่วยส่งเสริมการทำงานของระบบน้ำเหลืองด้วยอีกทาง

น้ำมันมะกอก ประโยชน์ดียังไง ถ้าอยากกินเพียว ๆ ควรเลือกแบบไหนดี


8. เมล็ดเจีย

ธัญพืชที่มีประโยชน์มากมายระดับซูเปอร์ฟู้ดอย่างเมล็ดเจีย นอกจากจะเด่นในเรื่องช่วยลดน้ำหนักและช่วยในเรื่องการขับถ่ายแล้ว เมล็ดเจียยังมีกรดไขมันโอเมก้า 3 ที่ช่วยลดการอักเสบในร่างกาย อีกทั้งอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ จึงส่งเสริมการทำงานของระบบน้ำเหลืองและระบบภูมิคุ้มกันโดยรวมได้อย่างมีประสิทธิภาพ

เมล็ดเจีย (เมล็ดเชีย) ธัญพืชมากประโยชน์ ขุมทรัพย์แห่งสุขภาพ


9. น้ำเปล่า

น้ำเปล่าจะช่วยเสริมการไหลเวียนของระบบทางเดินน้ำเหลือง ทำให้ระบบน้ำเหลืองทำงานได้ตามปกติดี และการดื่มน้ำยังช่วยกำจัดของเสียที่คั่งค้างในร่างกายได้อีกด้วย ดังนั้นนอกจากอาหารบำรุงน้ำเหลืองแล้ว อย่าลืมดื่มน้ำเปล่าให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกายด้วยนะคะ อย่างน้อยก็วันละ 6-8 แก้ว


อาหารสุขภาพ บำรุงน้ำเหลือง น้ำเหลืองไม่ดีมีจริงไหม ควรกินอะไรช่วยบำรุง อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://thetastefood.com/

36
ในการรักษาด้วยการผ่าตัดฝังรากฟันเทียม เป็นการรักษาทางทันตกรรมที่ใช้ทดแทนการสูญเสียฟันธรรมชาติ เพื่อให้ฟันของคุณยังคงความสวยงามดูเป็นธรรมชาติ และสามารถใช้งานได้อย่างเต็มที่และมีประสิทธิภาพ ในเรื่องของการฝังรากฟันเทียม มีข้อจำกัดอยู่หลายข้อที่ผู้เข้ารับการรักษาบางกลุ่ม ไม่สามารถเข้ารับการรักษาด้วยการฝังรากฟันเทียมได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของโรคประจำตัวของผู้เข้ารับการรักษา ประวัติการสูบบุหรี่ หรือแม้แต่สภาพของฟันของผู้เข้ารับการรักษา ทันตแพทย์จะทำการประเมินช่องปาก


และวินิจฉัยสภาพของฟัน ว่าผู้เข้ารับการรักษามีความพร้อมที่จะสามารถเข้ารับการฝังรากฟันเทียมหรือไม่ เพราะนอกจากสุขภาพฟันของผู้เข้ารับการรักษาที่เป็นปัจจัยหลักๆที่ทันตแพทย์ผู้ทำการรักษาจะต้องวินิจฉัยให้ละเอียดถี่ถ้วนแล้ว สุขภาพโดยรวมของผู้ป่วยก็ถือว่าสำคัญมาก เพราะการรักษาด้วยการผ่าตัดฝังรากฟันเทียม เป็นการรักษาที่ต้องมองถึงความปลอดภัยและความแม่นยำเป็นหลัก สามารถเกิดความล้มเหลวในการรักษาได้ง่าย เพราะด้วยหลายปัจจัยในร่างกาย ที่ต้องเข้าร่วมกับการรักษาเช่น เรื่องของกระดูกขากรรไกร ที่ต้องใช้รองรับรากฟันเทียม และด้วยการผ่าตัดภายในช่องปาก ที่ต้องใช้เวลาพักฟื้นของบาดแผล ก็สำคัญ เพราะเสี่ยงกับการติดเชื้อเป็นอย่างมาก เช่น หากผู้เข้ารับการรักษามีภาวะเป็นโรคเบาหวานที่ไม่สามารถควบคุมได้ ก็อาจจะทำให้บาดแผลที่ได้จากการผ่าตัดภายในช่องปาก เกิดการติดเชื้อได้ และอาจจะทำให้แผลหายช้า เนื่องจากมีน้ำตาลในเลือดสูงนั่นเอง


นอกจากนี้ข้อจำกัดหลายข้อที่กล่าวมาแล้ว ยังมีเรื่องของโรคบางอย่างที่ผู้เข้ารับการรักษา ยังไม่สามารถเข้ารับการฝังรากฟันเทียมได้ นั่นก็คือ โรคกระดูกพรุน ซึ่งโรคกระดูกพรุน เป็นโรคกระดูกชนิดหนึ่งที่กระดูกเริ่มเสื่อมและบางลงเนื่องจากการสูญเสียแคลเซียมที่สะสมในกระดูก โรคนี้จะไม่ก่อให้เกิดความเจ็บปวดนอกจากกระดูกแตกหรือหัก พบได้บ่อยบริเวณกระดูกสันหลัง สะโพก หรือข้อมือ รวมทั้งยังสามารถเกิดได้กับกระดูกส่วนอื่นๆ ของร่างกายอีกด้วย กระดูกพรุนก็คือ การที่มีความหนาแน่นของเนื้อกระดูกลดลงหรือโปร่งบางมากขึ้น


ซึ่งเป็นกระบวนการที่เกิดขึ้นเป็นระยะเวลาต่อเนื่องยาวนานเป็นปี โดยไม่สามารถ สังเกตเห็นได้ หรือไม่สามารถรู้สึกได้จนกว่าจะเกิดกระดูกหัก แม้แต่กระดูกขากรรไกรที่ใช้รองรับรากฟันเทียม ก็ส่งผลด้วยเช่นกัน หากผู้เข้ารับการรักษามีภาวะโรคกระดูกพรุน ก็จะต้องทำการตรวจอย่างละเอียดและต้องได้รับอนุญาตจากแพทย์ผู้รักษาเสียก่อน จึงจะสามารถเข้ารับการรักษาด้วยการฝังรากฟันเทียมได้ อย่างไรก็ตามทนตแพทย์ผู้ทำการรักษาจะต้องตรวจเช็คความแข็งแรงของกระดูกขากรรไกรของผู้เข้ารับการรักษาด้วย เพื่อหลีกเลี่ยงภาวะแทรกซ้อนที่จะเกิดขึ้น หลังจากที่ผู้เข้ารับการรักษาที่มีโรถกระดูกพรุนจะทำการฝังรากฟันเทียม ซึ่งเรื่องของกระดูกนั้น ถือว่าเป็นปัจจัยสำคัญในการรักษาด้วยการผ่าตัดฝังรากฟันเทียม


เพราะฉะนั้นผู้เข้ารับการรักษาจะต้องทำการให้ข้อมูลประจำตัวอย่างละเอียดแก่ทันตแพทย์ผู้ทำการรักษาว่ามีโรคประจำตัวอะไรบ้าง มีอาการแพ้ยาหรือไม่ รวมไปถึงประวัติการสูบบุหรี่ เพื่อที่ทันตแพทย์จะได้ทำการวางแผนการรักษาได้อย่างเหมาะสมกับผู้เข้ารับการรักษา เพื่อให้เกิดสำเร็จในการรักษาและให้การใช้งานรากฟันเทียมในชีวิตประจำวันมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น รวมไปถึงการดูแลรักษาภายหลังจากการฝังรากฟันเทียม ผู้เข้ารับการรักษาควรปฏิบัติตามคำแนะนำของทันตแพทย์ เพื่อให้การพักฟื้นเป็นไปตามแผนที่วางไว้ และช่วยป้องกันการเกิดภาวะแทรกซ้อนของผู้เข้ารับการรักษาด้วย


ทั้งนี้หากต้องการเข้ารับการฝังรากฟันเทียม สามารถเข้ามาขอคำแนะนำหรือปรึกษาทีมทันตแพทย์ของทางคลินิกได้ เพราะเรามีทีมทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในเรื่องของการรักษาด้วยการผ่าตัดฝังรากฟันเทียม มีประสบการณ์ในการรักษาฟันมาอย่างยาวนาน นอกจากนี้ยังมีการบริการทางทันตกรรมที่ครบวงจร ไม่ว่าจะเป็นการถอนฟัน อุดฟัน รักษารากฟัน แม้แต่การจัดฟันทุกรูปแบบ ทางคลินิกของเรามีให้บริการโดยทีมทันตแพทย์มืออาชีพ จึงมั่นใจได้ว่า คุณจะได้รับการบริการที่ประทับใจ และมีสุขภาพช่องปากและฟันที่แข็งแรงอย่างแน่นอน



จัดฟันบางนา: ผู้ที่เป็นโรคกระดูกพรุน สามารถ ฝังรากฟันเทียม ได้หรือไม่ อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://www.idolsmiledental.com/category/จัดฟันบางนา/

37
เมื่อซื้อบ้านใหม่หรือปลูกบ้านจนแล้วเสร็จ เจ้าของบ้านก็ต้องทำการตรวจรับบ้านอย่างละเอียดทุกซอกทุกมุมก่อนรับมอบบ้าน แต่ยังมีอยู่จุดหนึ่งที่มักจะถูกละเลยการตรวจสอบอยู่บ่อย ๆ นั่นก็คืองานท่อประปา เพราะเป็นงานที่เจ้าของบ้านอาจมองไม่เห็นเมื่อตรวจรับบ้านที่พร้อมอยู่อาศัยแล้ว ดังนั้นถ้าเจ้าของบ้านไม่เริ่มตรวจงานเดินท่อตั้งตอนก่อสร้าง ก็ต้องหาวิธีสอดส่องดูระบบน้ำทั้งในและนอกบ้านด้วยวิธีเหล่านี้ให้ดี จะได้ไม่ต้องกุมขมับกับปัญหาท่อประปารั่วซึมในภายหลัง

1.รู้จักกับท่อประปายอดนิยม
ท่อพีวีซี (PVC) คือ ท่อชนิดหนึ่งที่ผลิตจากวัสดุที่เรียกว่าโพลิไวนิลคลอไรด์ (Polyvinylchloride) ที่มีความทนทานและราคาถูก แต่ท่อพีวีซีก็มีหลายสีให้เลือก โดยแต่ละสีก็มีคุณสมบัติการใช้งานที่แตกต่างกันดังนี้

ท่อพีวีซีสีฟ้า
เป็นท่อที่เหมาะกับระบบส่งน้ำประปาและน้ำดื่ม ซึ่งท่อชนิดนี้มีขนาดที่หลากหลาย และมีความหนาเพียงพอต่อการรองรับแรงดันน้ำ หากจะเดินท่อประปา PVC ในบ้าน ก็ควรเลือกใช้ท่อพีวีซีสีฟ้าเท่านั้น

ท่อพีวีซีสีเทา
เป็นท่อที่เหมาะกับระบบส่งน้ำทางการเกษตร ซึ่งท่อชนิดนี้มีราคาถูกที่สุด แต่ไม่ยืดหยุ่นและแตกหักง่าย ซึ่งท่อพีวีซีสีเทาในบ้านมักถูกใช้เป็นท่อน้ำทิ้ง แต่ถ้านำมาใช้เป็นท่อน้ำประปาจะไม่เหมาะสม

ท่อพีวีซีสีเหลือง
เป็นท่อที่เหมาะกับระบบสายไฟในอาคาร เนื่องจากมีคุณสมบัติเป็นฉนวนกันไฟฟ้า ทนความร้อน และติดไฟยาก แต่ท่อชนิดนี้จะมีขนาดให้เลือกไม่มากนัก เพราะเน้นทำท่อเพื่อร้อยสายไฟเท่านั้น

ท่อพีวีซีสีขาว
เป็นท่อที่เหมาะกับระบบสายไฟนอกอาคาร มีคุณสมบัติต่าง ๆ เหมือนท่อพีวีซีสีเหลือง แต่ทนทานต่อรังสียูวี (UV) ได้ดีกว่า และมีความยืดหยุ่นสูงจนสามารถดัดงอได้โดยไม่ต้องใช้ข้อต่อ


2.การตรวจท่อประปาขณะก่อสร้าง
หากเป็นไปได้ การตรวจงานท่อประปาควรเริ่มทำตั้งแต่บ้านยังไม่ตีฝ้าหรือปิดปูนทับท่อ เจ้าของบ้านจึงจะเห็นคุณภาพของระบบท่อประปาได้อย่างชัดเจน ซึ่งวิธีนี้เหมาะกับเจ้าของบ้านที่ปลูกเองโดยผู้รับเหมาหรือบ้านที่ซื้อไว้ตั้งแต่ยังสร้างไม่เสร็จ โดยมีวิธีการตรวจสอบดังนี้

เลือกใช้ท่อมาตรฐาน
เจ้าของบ้านควรตรวจสอบวัสดุที่ใช้เดินท่อประปาว่า มีการใช้ท่อถูกต้องตามประเภทของระบบน้ำ หากมีระบบน้ำร้อนน้ำเย็นต้องใช้ท่อพีพีอาร์ (PPR) แทนท่อพีวีซีด้วย และท่อประปาที่ใช้ควรได้รับเครื่องหมายมาตรฐานอุตสาหกรรมหรือ มอก.

ต่อท่ออย่างถูกต้อง
เนื่องจากท่อพีวีซีสีฟ้านั้นมีความยืดหยุ่นน้อย การเดินท่อตามมุมต่าง ๆ จึงต้องมีการตัดท่อและใช้ข้อต่อเสมอ ดังนั้นทุกข้อต่อจึงต้องแน่นพอดีขนาดท่อ ตัดขอบที่เนียนเรียบไม่เป็นขุย และต้องทาน้ำยาประสานให้ท่อและข้อต่อติดกันอย่างดี

วางท่อเป็นระเบียบ
ท่อประปาในบ้านเรียงกันอย่างเป็นระเบียบบนเพดาน ใช้แนววางท่อที่สั้นที่สุดเพื่อลดการสูญเสียแรงดันน้ำ และมีการเอียงท่อน้ำทิ้งและสิ่งปฏิกูลให้ลาดลงเพื่อลดโอกาสของเสียถูกขังอยู่ในท่อ

เช็กรอยรั่วก่อนปิดทับ
เจ้าของบ้านต้องกำชับผู้รับเหมาให้ปล่อยน้ำเข้าสู่ระบบทั้งบ้านเพื่อทดสอบรอยรั่วซึมก่อนทาปูนปิดทับหรือตีฝ้า ซึ่งจะทำให้ค้นพบรอยรั่วซึมและแก้ปัญหาได้ง่ายกว่าตรวจสอบหลังปิดทับท่อไปแล้ว


3.การตรวจท่อประปาหลังก่อสร้าง
เนื่องจากโครงการบ้านต่าง ๆ มักจะขายบ้านพร้อมอยู่ที่เจ้าของบ้านไม่มีโอกาสได้เห็นระบบท่อประปาที่ซ่อนอยู่ภายในโครงสร้าง เจ้าของบ้านจึงต้องบรรจุการตรวจงานท่อประปาไว้ในรายการตรวจรับบ้านด้วย โดยมีวิธีการตรวจสอบดังนี้

ตรวจดูแปลนและเช็กรายการวัสดุ
การขอดูแบบแปลนบ้านถือเป็นขั้นตอนแรกที่จะทำให้ทราบว่ามีการเดินท่อประปาในบ้านอย่างไร และเดินท่อบริเวณไหนบ้าง โดยแบบแปลนส่วนใหญ่ก็มักจะมาพร้อมกับรายการวัสดุที่จะทำให้ทราบว่าใช้ท่อน้ำที่ได้มาตรฐานหรือไม่

เปิดน้ำแล้วลองใช้งานทั้งบ้าน
เมื่อเข้าตรวจรับบ้าน ขอให้ตรวจระบบน้ำประปาด้วยการเปิดน้ำพร้อมกันทุกก๊อกเพื่อทดสอบว่าน้ำไหลปกติและมีแรงดันเพียงพอ แล้วทดสอบกดชักโครกดูว่ากดได้ปกติดีหรือไม่ และสังเกตตามจุดเชื่อมต่อกับท่อน้ำด้วยว่ามีน้ำรั่วซึมหรือไม่

ปิดน้ำแล้วตรวจดูมาตรวัดน้ำ
หลังจากเปิดก๊อกน้ำเพื่อเช็กความปกติแล้ว ก็ได้เวลาสำหรับการปิดก๊อกน้ำทุกตัวให้สนิท แล้วไปสังเกตที่มาตรวัดน้ำดูว่ามาตรวัดยังหมุนอยู่หรือไม่ ถ้ายังหมุนอยู่ ก็หมายความว่าท่อประปาในบ้านกำลังรั่ว ณ จุดใดจุดหนึ่งแล้ว อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับเคล็ดลับการหารอยรั่วของท่อประปา

มีการต่อท่อระบายอากาศ
เจ้าของบ้านหลายคนอาจไม่ทราบว่าการเดินระบบท่อประปาควรมีท่อระบายอากาศต่อกับระบบระบายน้ำและชักโครกด้วย ซึ่งท่อระบายอากาศจะช่วยป้องกันไม่ให้กลิ่นที่แย่ ๆ ย้อนกลับมาจากท่อน้ำทิ้งหรือในชักโครก

ต่อท่อปั๊มน้ำอย่างแข็งแรง
ปั๊มน้ำเป็นหนึ่งในไม่กี่จุดที่เจ้าของบ้านสามารถเห็นท่อน้ำได้จากภายนอก ซึ่งท่อน้ำต้องมีการต่อกับปั๊มอย่างแข็งแรง ไม่มีรอยรั่วซึม และต้องใช้ท่อที่มีความหนากว่าส่วนอื่น ๆ เพื่อรองรับแรงดันน้ำที่จ่ายให้ทุกก๊อกทั่วทั้งบ้าน

แม้ว่าการงานท่อประปาจะเป็นเรื่องที่ตรวจสอบได้ยาก แต่ถ้าทำตามคำแนะนำเหล่านี้ก็จะช่วยลดโอกาสที่เจ้าของบ้านจะพบกับบ้านท่อประปาแตกโดยไม่รู้ตัว และสามารถแก้ไขปัญหาเรื่องท่อได้อย่างทันท่วงที แต่นอกจากปัญหาท่อแตกและรั่วซึมที่ต้องระวังแล้ว ยังมีเรื่องที่อาจสร้างปัญหาให้เจ้าของบ้านได้อีกหากไม่ตรวจดูท่อประปาให้ดี

บริหารจัดการอาคาร: วิธีตรวจงานระบบท่อประปาก่อนรับมอบบ้าน อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://snss.co.th/dt_post/technical-services/

38
บริการ รถรับจ้างขนของจังหวัดนครศรีธรรมราช และ รถรับจ้างขนของ โซนภาคใต้
บริการ รถรับจ้างขนของจังหวัดนครศรีธรรมราช ขณะนี้เราต้องขออัพเดทสถานการณ์ น้ำท่วม ในปัจจุบัน บอกเลยว่าในช่วงในเวลาที่ผ่านมา สถานการณ์น้ำท่วมรุนแรงมากในเขตภาคใต้ ทำให้เกิดน้ำท่วมขังและท่วมสูงรวมถึงถนนถูกตัดขาดหลายเส้นทำให้เราไม่สามารถที่จะให้บริการ รถรับจ้างนครศรีธรรมราช เพราะเราเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยในการเดินรถไม่ว่าจะเป็น รถกระบะรับจ้างนครศรีธรรมราช รถหกล้อรับจ้างนครศรีธรรมราช ทั้งแบบคอกสูงและแบบตู้ทึบ รถสิบล้อรับจ้างจังหวัดนครศรีธรรมราช รถเทเลอร์รับจ้างจังหวัดนครศรีธรรมราช และ รถเฮียบรับจ้างจังหวัดนครศรีธรรมราช รวมถึงรถรับจ้างที่อยู่ในทีมงานของเราทุกคันไม่ว่าจะเป็นงาน ขนย้ายบ้าน ขนย้ายของ รับจ้างขนของทั่วไป ขนย้ายวัตถุดิบทางการเกษตร ขนย้ายวัสดุก่อสร้างขนย้าย เครื่องจักร ซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคทั่วไป

ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ในช่วงภัยน้ำท่วมเราได้มีการเดิน รถบริการรับจ้างขนของ ในบางเขตอำเภอในบางเส้นทางเท่านั้นเนื่องจากว่าเราไม่สามารถที่จะ ผ่าน้ำท่วมในบางจุดได้ ตั้งแต่จังหวัด สงขลา นครศรีธรรมราช รวมไปจนถึงสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ เราเป็นห่วงทั้งในเรื่องของสินค้าของท่าน และ พนักงานขับรถ แต่หลังจากผ่านช่วงนั้นมา ต้องขออัพเดทเลยว่าปัจจุบันนี้วันนี้ ทางเราสามารถที่จะกลับมาเดิน รถรับจ้างขนของ ได้ครบทุกเส้นทางแล้วสำหรับลูกค้าท่านไหนที่ต้องการจะขนย้ายของ

ท่านสามารถโทรเข้ามาสอบถามที่เราได้เลยเพราะบางจุดอาจจะยังไม่ 100% แต่ทางทีมงาน รถรับจ้าง ของเราก็จะใช้เส้นทางที่เลี่ยงจากถนนที่เกิดการชำรุด เพื่อเข้าไปรับสินค้าของท่าน ดังนั้นท่านจึงไม่ต้องกังวลว่าสินค้าของท่านจะเสียหายแต่หรือไม่เพราะว่าพนักงานขับรถของเราทุกคนมีความชำนาญในเส้นทางจากประสบการณ์การทำงานมาไม่ต่ำกว่า 10 ปี จึงทำให้เรารู้ว่าไม่ว่างานนั้นจะยุ่งยากหรือน้ำท่วมสูงขนาดไหน เราก็สามารถที่จะให้บริการท่านในเส้นทางอื่นที่ไม่ใช่เส้นทางปกติเพื่อหลีกเลี่ยงความเสียหายสินค้าของท่านได้อย่างแน่นอน

สำหรับท่านที่ต้องการขนย้ายบ้าน หรือต้องการเคลื่อนย้ายของ สินค้าอินเองที่ เสียหายจากน้ำท่วมหรือต้องการที่จะ ย้ายบ้าน ข้ามจังหวัดก็สามารถโทรเข้ามาตรวจเช็คราคากับเราได้หากท่านต้องการพนักงานยกสินค้าเราก็มีพนักงานพร้อมให้บริการท่านเช่นกัน เราไม่อยากให้ท่านต้องมายุ่งเองเพราะการที่เราไม่เคยทำงานหรือไม่เคยยกสินค้าหนักๆ เป็นระยะเวลานานหากการยกนั้นทำให้ท่านต้องเกิดการอักเสบของกล้ามเนื้อหรือทำให้ท่านต้อง ปวดเมื่อยเคล็ดขัดยอก เราพูดได้เลยว่าไม่คุ้มแน่นอน

ท่านควรที่จะใช้พนักงานที่เค้าให้บริการการยกสินค้าจะดีกว่า ระยะเวลา ให้บริการท่านแทน น่าจะดีที่สุดเพราะว่างานเหล่านี้คนงานยกสินค้าของเราทุกคนมีความชำนาญมากดังนั้นสินค้าของท่านไม่ต้องกังวลว่าจะแตกเสียหาย ใช้บริการเราจะดีที่สุด ท่านสามารถแจ้งเข้ามาได้เลยว่าจะใช้พนักงานกี่คนขนย้ายอะไรบ้างเพียงเท่านี้ท่านก็ไม่ต้องมาเครียดกับการต้องหาคนช่วยอีกต่อไป โทรเลย

หากท่านต้องการที่จะมาท่องเที่ยวจังหวัดนครศรีธรรมราชเราก็มีสถานที่ท่องเที่ยว ที่สวยงามมาแนะนำทาง อีกมากมาย เช่น วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร น้ำตกกรุงชิง หมู่บ้านคีรีวง อุทยานแห่งชาติเขาหลวง ช่องรูเล็ด หาดหินงาม หาดในเพลา หาดทรายแก้ว แหลมตะลุมพุก เป็นต้น ซึ่งสถานที่ท่องเที่ยวแห่งนี้ ท่านสามารถที่จะเดินทางมาเที่ยวได้อย่างชิวๆหรอืจะดู แผนที่ของ ททท. หรือไม่ก็โทรมาสอบถามที่หน่วยบริการ รถรับจ้าง ของเราเพราะเราจะมีทีมงานที่ไว้คอยให้บริการลูกค้าตลอด 24 ชั่วโมง


บางครั้งท่านไม่จำเป็นต้องมา ติดต่อธุระเราเฉพาะเรื่อง รับจ้างขนของ เท่านั้นท่านอาจจะโทรเข้ามาสอบถามในเรื่องของ สถานที่ท่องเที่ยวว่า สถานที่ไหนที่เรา ควรจะแนะนำ หรือท่านต้องการให้เราแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวไหนที่น่าไป เราก็ยินดีให้บริการท่านอยู่แล้ว เพราะเราอยาก ให้ท่านมาที่จังหวัดนครราชสีธรรมราชอย่าง สนุก ประหยัดสบายใจ แต่หากท่านต้องการบริการ รถรับจ้างขนของนครศรีธรรมราช เราก็ยินดีเพราะว่าบางครั้งที่เราสังเกตุเห็นคือลูกค้าบางท่านเดินทางมาทาง รถทัวร์ บขส หรือทางเครื่องบินจะต้องมาหาบริการ รถรับจ้างขนของจังหวัดนครศรีธรรมราช รถที่จังหวัดนครศรีธรรมราชอีกทีหนึ่ง

แต่บางครั้งท่านเตรียมกระเป๋ามาในปริมาณที่มาก ก็ต้องการที่จะหารถสักคันไว้ใช้บริการขนของกระเป๋าไปที่โรงแรมไปที่สถานที่พัก แน่นอนว่า ท่าน มีความจำเป็นมากที่จะต้องใช้บริการ รถรับจ้าง ของเรา อาจจะเป็นใช้ บริการ รถรับจ้างขนของจังหวัดนครศรีธรรมราช รถกระบะรับจ้าง ในการขนย้ายของ แต่ถ้าหากเป็นงานที่เกี่ยวกับ งานขนย้ายบ้าน แน่นอนจะต้องเป็น รถ 6 ล้อรับจ้าง ขนของจากแน่นอนเพราะมีปริมาณที่เยอะและอาจจะต้องใช้พนักงานขนย้ายของเราอีกต่างหาก เราก็พร้อมให้บริการท่านอยู่แล้วที่สำคัญ อย่าลืมนะคะ หากต้องการใช้บริการ รับจ้างขนของ โทรมาสอบถามราคากับเราได้เลย ต่อรองได้



รถรับจ้างขนของกรุงเทพ: รถรับจ้างนครศรีธรรมราช หกล้อ กระบะรับจ้าง ขนย้ายทุกอย่าง ถูกจริง อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://www.rodrubjang-youservice.com/category/2

39

กรวยไตอักเสบเรื้อรัง หมายถึง ภาวะที่กรวยไตมีการติดเชื้ออักเสบกำเริบซ้ำซาก หรือเป็นต่อเนื่องไม่หาย ทำให้เนื้อไตเสื่อม เกิดพังผืดในเนื้อไต ซึ่งอาจทำให้เกิดภาวะไตวายเรื้อรังแทรกซ้อนตามมาในระยะยาวได้

โรคนี้พบในเด็กเล็กมากกว่าผู้ใหญ่ และพบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชายราว 2 เท่า

ในทารกและเด็กเล็ก พบว่าเกิดจากภาวะปัสสาวะไหลย้อนกลับจากกระเพาะปัสสาวะขึ้นไปที่ท่อไตและกรวยไต (vesicoureteral reflux/VUR) เป็นสำคัญ ซึ่งมักมีประวัติว่ามีพ่อแม่หรือพี่น้องมีภาวะนี้ด้วย


สาเหตุ

กรวยไตอักเสบเรื้อรังมักเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียซ้ำซาก เนื่องจากมีความผิดปกติของโครงสร้างทางเดินปัสสาวะ

สาเหตุที่สำคัญและพบบ่อยในทารกและเด็กเล็ก ได้แก่ ภาวะปัสสาวะไหลย้อนกลับจากกระเพาะปัสสาวะขึ้นไปที่ท่อไตและไต (vesicoureteral reflux/VUR) เนื่องจากความผิดปกติของลิ้นกั้นระหว่างท่อไตกับกระเพาะปัสสาวะซึ่งมักเป็นมาแต่กำเนิด ทำให้นำเชื้อแบคทีเรียขึ้นไปทำให้กรวยไตติดเชื้ออักเสบ นอกจากนี้ภาวะปัสสาวะไหลย้อนกลับดังกล่าวยังทำให้เกิดการเพิ่มแรงดันในกรวยไต ซึ่งไปทำลายเนื้อเยื่อไตกลายเป็นพังผืด เสริมให้ไตเสื่อมอีกทางหนึ่ง

ในผู้ใหญ่มักเกิดจากการอุดกั้นของทางเดินปัสสาวะเนื่องจากภาวะบางอย่าง (เช่น นิ่วในทางเดินปัสสาวะ ต่อมลูกหมากโต) หรือกระเพาะปัสสาวะไม่ทำงาน เนื่องจากความผิดปกติของไขสันหลัง (เช่น ไขสันหลังได้รับบาดเจ็บ โพรงกระดูกสันหลังแคบ รากประสาทถูกกดทับ)


อาการ

ในรายที่มีอาการแสดง อาจมีไข้ หนาวสั่น ปวดสีข้าง ปัสสาวะขัด ปัสสาวะขุ่น แบบเดียวกับกรวยไตอักเสบเฉียบพลัน หรืออาจมีไข้ อ่อนเพลีย คลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหาร ซึม ซึ่งมักเป็น ๆ หาย ๆ บ่อย

ผู้ป่วยส่วนหนึ่งอาจไม่มีอาการแสดงอะไรที่ชัดเจน ซึ่งบางครั้งอาจตรวจพบโดยบังเอิญจากการตรวจสุขภาพด้วยสาเหตุอื่น เช่น ตรวจพบสารไข่ขาว (proteinuria) หรือเชื้อแบคทีเรียในปัสสาวะ (bacteriurea), พบมีเม็ดเลือดขาวในปัสสาวะจำนวนมาก, ตรวจพบค่าครีอะตินีนในเลือดสูงกว่าปกติ หรือตรวจพบไตฝ่อจากการถ่ายภาพไต เป็นต้น


ภาวะแทรกซ้อน

    หากมีการกำเริบของกรวยไตอักเสบรุนแรง และไม่ได้รับการรักษา ก็อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนจากการลุกลามของเชื้อแบคทีเรีย เช่น ฝีในไตหรือรอบ ๆ ไต โลหิตเป็นพิษ เป็นต้น 
    ความดันโลหิตสูง (ซึ่งพบตั้งแต่ในวัยเด็ก)
    สำหรับเด็กเล็กที่มีอาการคลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหาร อาจได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ และร่างกายเจริญเติบโตช้า
    ที่สำคัญคือ การอักเสบซ้ำซากและแรงดันที่เพิ่มขึ้นในกรวยไต ทำให้เนื้อเยื่อไตถูกทำลายลงทีละน้อย ไตกลายเป็นพังผืด ไตฝ่อและเสื่อมตัวลงอย่างช้า ๆ ถ้าเกิดที่ไตข้างเดียวก็จะไม่มีอาการ แต่ถ้าเกิดที่ไตทั้ง 2 ข้าง ก็จะเกิดภาวะไตวายเรื้อรัง (มีอาการบวม อ่อนเพลีย ซีด ความดันโลหิตสูง) ในระยะต่อมา (อาจนานเป็นปี ๆ หรือสิบ ๆ ปี) ก็จะกลายเป็นไตวายเรื้อรังระยะท้าย ซึ่งจำเป็นต้องรักษาด้วยการล้างไตหรือปลูกถ่ายไต


การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยเบื้องต้นจากอาการ ประวัติการเจ็บป่วย และการตรวจร่างกาย

ในรายที่ไม่มีอาการที่ชัดเจน การตรวจร่างกายมักไม่พบความปกติชัดเจน นอกจากอาจพบความดันโลหิตสูง หรือภาวะซีด

ในรายที่มีอาการกำเริบ จะมีไข้ เคาะเจ็บที่สีข้าง ปัสสาวะขุ่น

แพทย์จะทำการวินิจฉัยให้แน่ชัดโดยการตรวจเลือด ตรวจปัสสาวะ (พบเม็ดเลือดขาวจำนวนมาก ทั้งชนิดเดี่ยวและชนิดเกาะเป็นแพ) เอกซเรย์ อัลตราซาวนด์ เอกซเรย์คอมพิวเตอร์ การถ่ายภาพด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า การถ่ายถาพรังสีไตด้วยการฉีดสารทึบรังสี (intravenous pyelogram) การใช้กล้องส่องตรวจทางเดินปัสสาวะ  การเพาะเชื้อ และการตรวจพิเศษอื่น ๆ เพื่อค้นหาความผิดปกติของทางเดินปัสสาวะและประเมินความรุนแรงของโรค


การรักษาโดยแพทย์

ขณะที่มีอาการของการติดเชื้อ (เช่น มีไข้ ปวดสีข้าง ปัสสาวะขุ่น) แพทย์จะให้การรักษาด้วยยาปฏิชีวนะ และติดตามดูอาการของผู้ป่วยติดต่อกันเป็นเวลานาน ด้วยการตรวจปัสสาวะและตรวจเลือดเป็นระยะ ๆ ดูว่ามีภาวะไตวายแทรกซ้อนหรือไม่

บางรายแพทย์อาจให้กินยาปฏิชีวนะติดต่อกันเป็นเวลานานเพื่อป้องกันไม่ให้โรคกำเริบ

ถ้าพบความผิดปกติของทางเดินปัสสาวะหรือภาวะที่อุดกั้นทางเดินปัสสาวะ เช่น นิ่ว ต่อมลูกหมากโต ก็จะทำการผ่าตัดแก้ไข ซึ่งจะช่วยป้องกันไม่ให้กรวยไตอักเสบกำเริบได้

ในเด็กเล็กที่มีภาวะปัสสาวะไหลย้อนกลับ (VUR) ที่ไม่รุนแรง ก็อาจหายได้เองในเวลาต่อมา ส่วนเด็กที่มีภาวะนี้รุนแรง แพทย์ก็จะแก้ไขด้วยการผ่าตัด

นอกจากนี้ แพทย์จะทำการรักษาภาวะแทรกซ้อนที่เกิดขึ้น เช่น ให้ยาลดความดันสำหรับผู้ที่มีความดันโลหิตสูง

ในรายที่เกิดภาวะไตวายเรื้อรังระยะท้าย แพทย์ก็จะให้การรักษาด้วยการล้างไตหรือปลูกถ่ายไต

ผลการรักษา ขึ้นกับสาเหตุ ความรุนแรง การเกิดความผิดปกติที่ไตข้างเดียวหรือ 2 ข้าง และการตอบสนองต่อการรักษา ถ้าได้รับการรักษาตั้งแต่แรก ส่วนใหญ่มักจะหายเป็นปกติได้ แต่ถ้าปล่อยไว้นาน ๆ (ไม่ได้เข้ารับการตรวจรักษา เพราะอาการไม่เด่นชัด) ได้รับการรักษาล่าช้าไปหรือไม่ต่อเนื่อง มีอาการอักเสบกำเริบรุนแรงบ่อย หรือไม่ได้รับการแก้ไขภาวะปัสสาวะไหลย้อนกลับ (VUR)/ภาวะอุดกั้นของทางเดินปัสสาวะ ก็อาจมีภาวะแทรกซ้อนตามมา ที่สำคัญคือภาวะไตวายเรื้อรัง ซึ่งแม้ว่าส่วนใหญ่ภาวะไตเสื่อมจะเกิดขึ้นอย่างช้า ๆ แต่ในที่สุดก็จะกลายเป็นไตวายเรื้อรังระยะท้ายได้


การดูแลตนเอง

หากสงสัย เช่น มีไข้สูง หนาวสั่น คลื่นไส้ อาเจียน ปวดบริเวณสีข้าง ปัสสาวะขุ่น หรือเป็นกรวยไตอักเสบเฉียบพลันบ่อย ควรปรึกษาแพทย์

เมื่อตรวจพบว่าเป็นกรวยไตอักเสบเรื้อรัง ควรดูแลตนเอง ดังนี้

    รักษา กินยา และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ 
    ติดตามรักษากับแพทย์ตามนัด


ควรกลับไปพบแพทย์ก่อนนัด ถ้ามีลักษณะข้อใดข้อหนึ่ง ดังต่อไปนี้

    มีอาการของกรวยไตอักเสบเฉียบพลันกำเริบใหม่
    มีอาการอ่อนเพลีย เบื่ออาหาร ซีด คลื่นไส้ อาเจียน ซึม ท้องเดิน หรือเท้าบวม
    ขาดยา ยาหาย หรือกินยาไม่ได้
    กินยาแล้วสงสัยเกิดผลข้างเคียงจากยา เช่น มีลมพิษ ผื่นคัน ตุ่มพุพอง ตาบวม ปากบวม ปวดท้อง ท้องเดิน คลื่นไส้ อาเจียน จุดแดงจ้ำเขียว หรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ


การป้องกัน

1. ป้องกันมิให้มีการติดเชื้อของทางเดินปัสสาวะ โดยการปฏิบัติตัว ดังนี้

    ดื่มน้ำมาก ๆ
    อย่าอั้นปัสสาวะเวลามีอาการปวดปัสสาวะ
    หลังถ่ายอุจจาระ ควรใช้กระดาษชำระเช็ดทำความสะอาดจากข้างหน้าไปข้างหลัง
    ควรดื่มน้ำ 1 แก้วก่อนร่วมเพศ และถ่ายปัสสาวะทันทีหลังร่วมเพศ

2. เมื่อเป็นกรวยไตอักเสบเฉียบพลัน ให้รีบรักษาแต่เนิ่นให้ได้ผล ติดตามตรวจกับแพทย์เพื่อเฝ้าตามดูการดำเนินของโรคอย่างต่อเนื่อง และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ รวมทั้งในกรณีที่จำเป็นต้องกินยาปฏิชีวนะป้องกันระยะยาว ก็ทำตามอย่างเคร่งครัด

3. รักษาโรคที่เป็นปัจจัยเสริมให้เกิดโรคกรวยไตอักเสบ เช่น กระเพาะปัสสาวะอักเสบ เบาหวาน เอดส์ ต่อมลูกหมากโต นิ่วในทางเดินปัสสาวะ เนื้องอกในทางเดินปัสสาวะหรือในช่องท้อง เป็นต้น


ข้อแนะนำ

1. โรคกรวยไตอักเสบเรื้อรังที่พบในเด็กเล็ก ส่วนใหญ่เกิดจากภาวะปัสสาวะไหลย้อนกลับ (VUR) ซึ่งสามารถรักษาให้หายเป็นปกติได้เป็นส่วนใหญ่ หากเด็กมีอาการกรวยไตอักเสบชัด ๆ (ไข้ ปวดสีข้าง และปัสสาวะขุ่น) หรือมีอาการไม่เด่นชัด (เช่น มีไข้ คลื่นไส้ อาเจียน หรือเบื่ออาหารโดยไม่ทราบสาเหตุ) ควรปรึกษาแพทย์ แพทย์จะทำการตรวจปัสสาวะและตรวจพิเศษอื่น ๆ เพิ่มเติม เมื่อตรวจพบว่าเป็นกรวยไตอักเสบจากภาวะดังกล่าว ก็จะดูแลรักษาให้หายได้โดยไม่มีภาวะแทรกซ้อน

และเนื่องจากภาวะปัสสาวะไหลย้อนกลับ (VUR) สามารถถ่ายทอดทางพันธุกรรม พี่น้องของผู้ที่เป็นโรคนี้ (ซึ่งมักไม่รู้ตัวเพราะไม่มีอาการ) ควรไปปรึกษาแพทย์ หากตรวจพบว่ามีภาวะดังกล่าว จะได้แก้ไขเพื่อป้องกันโรคกรวยไตอักเสบเรื้อรังและไตวายเรื้อรังในระยะยาว

2. บางครั้งอาจพบผู้ป่วยเป็นกรวยไตอักเสบเรื้อรังที่ดื้อต่อการรักษาด้วยยาปฏิชีวนะหลายขนาน โดยยังตรวจพบเม็ดเลือดขาวในปัสสาวะ แต่ตรวจไม่พบเชื้อ (จากวิธีเพาะเชื้อตามปกติ) ในกรณีนี้ควรนึกถึงสาเหตุจากวัณโรคไต ซึ่งจะต้องวินิจฉัยโดยการส่งปัสสาวะเพาะหาเชื้อวัณโรคโดยเฉพาะ และให้ยารักษาวัณโรคจึงจะได้ผล



ตรวจสุขภาพ: กรวยไตอักเสบเรื้อรัง (Chronic pyelonephritis) อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://doctorathome.com/symptom-checker

40
หนึ่งในสาเหตุที่ทำให้เด็กมีฟันน้ำนมผุ มาจากการดูแลเอาใจใส่ของครอบครัว การปล่อยให้เด็กนอนหลับคาขวดนม ทำให้น้ำตาลที่อยู่ในนม สามารถเข้าไปทำลายเคลือบฟันของเด็กได้ เพราะคราบจุลินทรีย์จะย่อยน้ำตาลในนมที่ค้างอยู่บนผิวฟัน ทำให้เกิดการสะสมของกรด ละลายผิวฟันเป็นรู ทำให้เกิดปัญหาฟันน้ำนมผุ การรับประทานขนมที่มีน้ำตามเป็นจำนวนมากตามใจชอบ แล้วไม่ยอมแปรงฟันอาจจะทำให้บุตรหลานของท่านมีปัญหาในเรื่องของฟันผุอย่างแน่นอน นอกจากนี้พ่อแม่ผู้ปกครองหลายคน มักมีความเชื่อผิดๆ ว่า เดี๋ยวฟันน้ำนมก็ต้องหลุดไป มีฟันแท้มาแทนที่ จึงไม่ได้ใส่ใจการรับประทานขนมและการแปรงฟันของลูกมากนัก และลูกก็ยังไม่สามารถทำความสะอาดฟันอย่างมีประสิทธิภาพได้ด้วยตัวเอง จึงทำให้ฟันผุได้ง่ายและนำไปสู่การสูญเสียฟัน


ซึ่งการที่เด็กสูญเสียฟันแท้เร็วกว่าเวลาอันควรจะทำให้เด็กเสี่ยงต่อการเกิดปัญหาฟันแท้หายได้ ซึ่งมีผลมาจากการที่เด็กเกิดฟันผุจนทำให้เกิดการสูญเสียฟัน ซึ่งทำให้ฐานของฟันแม้ยังสร้างไม่เสร็จสมบูรณ์ ซึ่งเด็กที่มีปัญหาในเรื่องดังกล่าว อาจจะเข้ารับการรักษาด้วยการเข้ารับการจัดฟันในเด็ก เพื่อทำการดึงฟันแท้ที่หายไปให้ขึ้นมาตามปกติ วันนี้ทางคลินิกของเราจะมาพูดถึงการจัดฟันในเด็กที่ช่วยแก้ไขปัญหาอาการฟันหายให้กลับมาเรียงตัวอย่างสวยงามได้อีกครั้ง และยังสามารถทำให้เด็กได้มีรอยยิ้มที่สดใสสมวัยและรับประทานอาหารได้เต็มที่โดยไม่มีอุปสรรค


ก่อนอื่น พ่อแม่ผู้ปกครองจึงควรให้ความสำคัญเกี่ยวกับการดูแลรักษาความสะอาดของฟันของเด็กให้มาก เพื่อที่เด็กจะได้ไม่มีปัญหาในเรื่องของช่องปากและฟันในอนาคต แต่ถ้าหากพบว่าฟันแท้ของเด็กยังไม่ยอมขึ้น พ่อแม่ผู้ปกครองควรพาบุตรหลานเข้าพบทันตแพทย์จัดฟัน เพราะการที่เด็กฟันแท้หายอาจต้องใช้วิธีการจัดฟันเพื่อดึงฟันฝังที่อยู่ภายในเหงือกออกมา โดยทันตแพทย์จะทำการผ่าตัดเล็ก เพื่อเปิดให้เห็นฟันซี่ที่ฝังอยู่ จากนั้นจะติดเครื่องมือที่ฟันซี่ดังกล่าว เพื่อดึงฟันฝังให้โผล่ขึ้นในตำแหน่งที่เหมาะสม ซึ่งในการรักษาในรูปแบบนี้ ทันตแพทย์จะทำการเปิดเหงือกโดยใช้การผ่าตัดเล็ก เพื่อให้เห็นฟันฝัง จากนั้นเครื่องมือจัดฟันจะถูกติดที่ฟันฝังซี่ดังกล่าว โดยมีลวดโลหะผูกติดบนแบร็กเก็ต


โดยเหงือกจะถูกปิดลงที่เดิม ในบางกรณี อาจเปิดเหงือกทิ้งไว้เล็กน้อย เพื่อให้เห็นฟันฝัง แต่ส่วนใหญ่แล้วเหงือกจะถูกปิดหมด เหลือไว้แต่ลวดโลหะเส้นเล็กๆ โผล่ออกมาเท่านั้น หลังที่ผ่าตัดแล้ว ทันตแพทย์จัดฟันจะเริ่มให้แรง เพื่อเคลื่อนฟันฝังให้โผล่ขึ้นมา ในตำแหน่งที่ต้องการ ซึ่งในขั้นตอนนี้อาจใช้เวลาเป็นปี หรือนานกว่านั้น กว่าที่ฟันฝังจะเคลื่อนมาอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม ส่วนระยะเวลาทั้งหมดที่ใช้จัดฟันนั้น ก็จะอยู่ประมาณ 2-4 ปี หรือนานกว่า เหมือนการจัดฟันทั่วไป สำหรับการจัดฟันเพื่อดึงฟันฝัง ก็เพื่อให้พ่อแม่ผู้ปกครอง ได้พอเข้าใจขั้นตอน และวิธีการรักษา ซึ่งไม่ได้ยุ่งยาก หรือน่ากลัวแต่อย่างใด ซึ่งหากการรักษาประสบความสำเร็จ ก็จะทำให้บุตรหลาน ได้มีคุณภาพชีวิตที่ดีในอนาคต

 
อย่างไรก็ตาม หากพ่อแม่ผู้ปกครองท่านใด อยากพาบุตรหลานของท่านเข้ารับการรักษาอาการฟันฝังหรืออยากพาบุตรหลานเข้ารับการจัดฟันในเด็ก ก็สามารถติดต่อขอรับคำแนะนำได้ที่คลินิก เพราะทางเรามีทันตแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญด้านการทันตกรรมในเด็ก จึงสามารถให้คำปรึกษาและแนะนำวิธีการแก้ไขปัญหาได้อย่างถูกต้อง เพื่อให้เด็กได้มีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดีขึ้น การที่เด็กมีสุขภาพฟันที่ดีนั้น จะช่วยส่งเสริมในเรื่องของพัฒนาการของลูกด้วย และจะทำให้เด็กสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างเต็มที่และมีความสุขมากยิ่งขึ้น เพราะเราอยากให้พ่อแม่ผู้ปกครองใส่ใจในเรื่องของสุขภาพช่องปากและฟันของเด็กให้มากเป็นพิเศษ เพื่อที่เด็กจะได้เติบโตไปเป็นผู้ใหญ่ที่มุณภาพและสุขภาพดี


จัดฟันเด็ก แก้ไขอาการฟันแท้หายได้อย่างไร อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://www.idolsmiledental.com/การจัดฟันเด็ก/

41
ซิตี้เซนส์ พระราม 2-มหาชัย (Citysense Rama 2-Mahachai)
ราคา : เริ่มต้น 1,890,000 บาท (ณ. วันเปิดตัว)

จุดเด่น
ทาวน์โฮมดีไซน์พิเศษแห่งใหม่ บนทำเล "มหาชัย" ภายใต้คอนเซ็ปต์ OXYGEN COMMUNITY ฟังก์ชันครบ ตอบโจทย์ความต้องการที่หลากหลาย พร้อมส่วนกลางสุดอลังการ และวิวทะเลสาบขนาดใหญ่ รายล้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ให้คุณใช้ชีวิตได้อย่างไม่มีขีดจำกัด

รายละเอียดโครงการ
ชื่อโครงการ : ซิตี้เซนส์ พระราม 2-มหาชัย (Citysense Rama 2-Mahachai)
ดูบ้านราคาใกล้เคียง  ดู ปริญสิริ ทุกโครงการ 
เจ้าของโครงการ : ปริญสิริ
ราคา : เริ่มต้น 1,890,000 บาท (ณ. วันเปิดตัว)
 
ประเภทบ้าน : ทาวน์เฮ้าส์ ทาวน์โฮม (Townhouse Townhome)
ลักษณะทำเล : บ้านใกล้เมือง
พื้นที่โครงการ : 39 ไร่
จำนวนบ้าน : 358 หลัง
แบบบ้านทั้งหมด : 1 แบบ
เนื้อที่บ้าน : ตั้งแต่ 16 ถึง 89.6 ตร.ว.
พื้นที่ใช้สอย : โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
จำนวนชั้น : 2 ชั้น
หน้ากว้าง : โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
จำนวนห้องนอน : 4 ห้อง
จำนวนที่จอดรถ : 2 คัน
สาธารณูปโภค : สวนสาธารณะ, คลับเฮาส์, สระว่ายน้ำ, ฟิตเนส, รปภ., CCTV, อื่นๆ (Kids Room)
ขนส่งสาธารณะ : ใกล้ถนนสายหลัก (ถนนพระราม 2, ถนนกิจมณี, ถนนเอกชัย)

สถานที่สำคัญใกล้เคียง :
1. ตลาดมหาชัย
2. โรงพยาบาลสมุทรสาคร
3. โรงพยาบาลเอกชัย
4. HomePro มหาชัย
5. โรงเรียนสมุทรสาครวิทยาลัย
6. โรงพยาบาลมหาชัย
7. พอร์โตชิโน
8. Central มหาชัย
9. โรงเรียนอัสสัมชัญ แคมปัสพระราม 2

 
โซน : สมุทรสาคร
ที่ตั้ง : ถนนกิจมณี ตำบลบางหญ้าแพรก อำเภอเมืองสมุทรสาคร จังหวัดสมุทรสาคร 74000

ทาวน์เฮ้าส์ ทาวน์โฮม: ซิตี้เซนส์ พระราม 2-มหาชัย (Citysense Rama 2-Mahachai) อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://www.checkraka.com/house/townhouse-townhome/

42
หลายคนคงทราบกันดีอยู่แล้วว่า การจัดฟันนั้นมีด้วยหลากหลายรูปแบบ ซึ่งการจัดฟันในแต่ละแบบนั้น ก็มีความแตกต่างกันและมีจุดเด่นที่ต่างกัน เพราะปัญหาในเรื่องของลักษณะหรือรูปร่างของฟันในแต่ละคนนั้น มีความแตกต่างกัน จึงมีวิธีการแก้ไขปัญหาที่แตกต่างกันออกไป ดังนั้น การรักษาด้วยการจัดฟันจึงมีหลายรูปแบบ ซึ่งการรักษาก็จะขึ้นอยู่กับการพิจารณาของทันตแพทย์ว่า ผู้เข้ารับการจัดฟัน เหมาะสมที่จะเข้ารับการรักษาด้วยการจัดฟันรูปแบบไหน นอกจากนี้การจัดฟันก็มีเครื่องมือการจัดฟันหลากหลายรูปแบบ


ซึ่งก็จะมีความแตกต่างกัน ยกตัวอย่างเช่น การจัดฟันแบบใส ก็จะมีเครื่องมือการจัดฟันที่มีลักษณะเป็นพลาสติกใส มีความบางและสามารถถอดออกได้อย่างง่ายได้ และก็จะมีวิธีการทำงานหรือการเคลื่อนของตัวฟันที่ไม่เหมือนกัน แต่วันนี้ทางคลินิกเราจะมาพูดถึงเครื่องมือการจัดฟันในเด็ก ซึ่งเป็นนวัตกรรมด้านการจัดฟันรูปแบบใหม่ ที่เด็กตั้งแต่อายุ 12-15 ปี สามารถเข้ารับการจัดฟันได้ตั้งแต่อายุยังน้อย ถึงแม้ว่า เครื่องมือจัดฟันแบบถอดได้ ไม่ว่าจะแบบเหล็กติดแน่นหรือแบบใส จะมีข้อดีตรงที่ ผู้เข้ารับการจัดฟันสามารถแปรงฟันได้ง่ายและสังเกตไม่ค่อยเห็น


แต่การที่มันถอดเข้าออกได้ ก็กลายเป็นข้อเสีย เพราะถ้าเด็กไม่ยอมสวมใส่ ซึ่งการจัดฟันแบบใสนั้น จะต้องมีวินัยในการใส่เครื่องมือ เพื่อให้ผลการรักษาเป็นไปตามที่ทันตแพทย์กำหนด ในขณะที่เครื่องมือการจัดฟันแบบติดแน่น จะอยู่ในปากตลอดเวลา เด็กเอาออกเองไม่ได้ เพียงแต่คุณพ่อคุณแม่ ต้องคอยกวดขันให้ลูกแปรงฟันให้สะอาด และระวังอย่าให้เครื่องมือหลุดเท่านั้นเอง เพียงเท่านี้การรักษาด้วยการจัดฟันก็จะเป็นประโยชน์แก่สุขภาพช่องปากและฟันสำหรับเด็กเป็นอย่างมากและจะส่งผลดีต่อบุคลิกภาพของบุตรหลานของท่านได้ในอนาคต


สำหรับเครื่องมือการจัดฟันในเด็กนั้น อย่างที่บอกไปแล้ว เด็กและวัยรุ่นส่วนใหญ่จะชื่นชอบสีสันของยางบนเหล็กจัดฟัน สนุกกับการเลือกสีสันยาง จึงทำให้การจัดฟันถือเป็นเทรนด์ยอดฮิตในหมู่วัยรุ่นกันเลยทีเดียว นอกจากจะได้รับความนิยมแล้ว การจัดฟันยังสามารถช่วยทำให้สุขภาพช่องปากและฟันของเราดีขึ้นด้วย  และที่สำคัญ เครื่องมือการจัดฟันแบบติดแน่น มีราคาที่ไม่แพง และแทบจะไม่มีข้อจำกัดในการรักษา สามารถเคลื่อนฟันได้หลากหลายมิติ มีประสิทธิภาพของเครื่องมือ ขึ้นอยู่กับความรู้และประสบการณ์ของทันตแพทย์ ในการประยุกต์ใช้งานของเครื่องมือเหล็กแบบติดแน่น จึงเป็นเครื่องมือจัดฟันที่มีความคุ้มค่า

ดังนั้นจึงไม่แปลก ที่มันจะได้รับความนิยมมากที่สุด ทั้งนี้เครื่องมือการจัดฟันสำหรับเด็ก ยังมีอีกหนึ่งประเภทนั่นก็คือ เครื่องมือการจัดฟัน EF Line ที่สามารถใช้รักษาได้ตั้งแต่เด็กที่มีอายุ 4-15 ปี ซึ่งเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการปรับเปลี่ยนโครงสร้างของใบหน้าด้วย ข้อนี้ถือเป็นจุดเด่นของเครื่องมือการจัดฟัน EF Line และนอกจากนี้เครื่องมือการจัดฟัน EF Line ยังสามารถช่วยแก้ปัญหากล้ามเนื้อที่มีการทำงานผิดปกติ ช่วยปรับตำแหน่งของลิ้น รวมถึงจัดการฟันให้อยู่ในตำแหน่งที่ควรจะเป็นตามธรรมชาติอีกด้วย อย่างไรก็ตาม การจัดฟันสำหรับเด็ก พ่อแม่ผู้ปกครองหลายท่าน อาจจะคิดว่าไม่สำคัญ แต่ต้องบอกเลยว่า การดูแลรักษาสุขภาพช่องปากและฟันตั้งแต่อายุยังน้อย ถือว่าเป็นผลดีต่อบุตรหลานของท่าน เพราะการที่เราดูแลรักษาความสะอาดของช่องปากและฟันตั้งแต่ยังเด็ก ก็จะทำให้เรามีลักษณะฟันที่ดีได้

 
หากพ่อแม่ท่านใด สนใจให้บุตรหลานของท่านเข้ารับการจัดฟันในเด็ก ก็สามารถติดต่อขอคำปรึกษาได้ที่คลินิกได้ เพราะทางเรามีทีมทันตแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญในเรื่องของการจัดฟันในเด็ก มีประสบการณ์มาอย่างยาวนาน และสามารถให้คำปรึกษาแนะนำในเรื่องของสุขภาพช่องปากและฟันของเด็กได้อย่างถูกต้อง เพราะเราอยากให้ทุกคนมีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดี และมีรอยยิ้มที่สดใส สมวัย มีฟันที่สามารถบดเคี้ยวอาหารได้อย่างเต็มที่ ทำให้การรับประทานอาหารของลูกน้อยมีความสุขมากยิ่งขึ้น




เครื่องมือจัดฟันเด็ก สำหรับเด็ก อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://www.idolsmiledental.com/การจัดฟันเด็ก/

43
มิเตอร์ไฟฟ้า ถือเป็นอุปกรณ์พื้นฐานที่ทุกบ้านต้องมี ลองมาดู 8 เรื่องน่ารู้ของมิเตอร์ไฟฟ้า อาทิ มิเตอร์ไฟฟ้ามีกี่ขนาด และวิธีการเลือกขนาดมิเตอร์ไฟฟ้าให้ถูกต้องตามจำนวนเครื่องใช้ไฟฟ้า เพื่อการใช้งานที่มีประสิทธิภาพ และเหมาะสมกับบ้านคุณ

ประเภทของมิเตอร์ไฟฟ้า
มิเตอร์ไฟฟ้า มีหลายประเภทด้วยกันดังต่อไปนี้
1. มิเตอร์ไฟสำหรับบ้านอยู่อาศัย
2. มิเตอร์ไฟสำหรับกิจการขนาดเล็ก
3. มิเตอร์ไฟสำหรับกิจการขนาดกลาง
4. มิเตอร์ไฟสำหรับกิจการขนาดใหญ่
5. มิเตอร์ไฟสำหรับกิจการเฉพาะอย่าง
6. มิเตอร์ไฟสำหรับองค์กรไม่แสวงหาผลกำไร
7. มิเตอร์ไฟสำหรับกิจการสูบน้ำเพื่อการเกษตร
8. มิเตอร์ไฟสำหรับผู้ใช้ไฟชั่วคราว


มิเตอร์ไฟฟ้าสำหรับบ้านที่พักอาศัยมีขนาดไหนบ้าง
มิเตอร์ไฟฟ้ามีด้วยกันหลายขนาด โดยสามารถสังเกตได้จากตัวเลขในช่องบนมิเตอร์ เช่น 5(15) A หมายความว่า เป็นมิเตอร์ไฟขนาด 5 แอมป์ สามารถใช้ไฟได้มากถึง 15 แอมป์ ขนาดของมิเตอร์ไฟฟ้า มีดังนี้
ขนาดมิเตอร์   ขนาดการใช้ไฟฟ้า
มิเตอร์ 5(15) เฟส 1   ไม่เกิน 10 แอมแปร์
มิเตอร์ 15(45) เฟส 1   11-30 แอมแปร์
มิเตอร์ 30(100) เฟส 1   31-75 แอมแปร์
มิเตอร์ 50(150) เฟส 1   76-100 แอมแปร์
มิเตอร์ 15(45) เฟส 3   ไม่เกิน 30 แอมแปร์
มิเตอร์ 30(100) เฟส 3   31-75 แอมแปร์
มิเตอร์ 50(150) เฟส 3   76-100 แอมแปร์
มิเตอร์ 200 เฟส 3   101-200 แอมแปร์
มิเตอร์ 400 เฟส 3   201-400 แอมแปร์


รู้จักตัวเลขบนมิเตอร์ไฟฟ้า

เลือกขนาดมิเตอร์ไฟฟ้าให้เหมาะกับบ้าน
ขนาดมิเตอร์ไฟฟ้าที่เหมาะสมในการใช้งานในบ้านเรือนทั่วไปนั้น จะต้องพิจารณาถึงจำนวนสมาชิกในบ้าน และจำนวนเครื่องใช้ไฟฟ้าทั้งปัจจุบัน และในอนาคต
โดยสามารถคำนวณเบื้องต้นได้ด้วยตัวเองว่าบ้านของเราเหมาะกับขนาดมิเตอร์ไฟฟ้าเท่าไหร่ โดยนำกำลังไฟฟ้าอุปกรณ์ไฟฟ้าชนิดนั้น (วัตต์) ซึ่งสามารถดูได้จากฉลากบนเครื่องใช้ไฟฟ้า หารด้วยความต่างศักย์ (โวลต์) และคูณด้วยจำนวนอุปกรณ์ไฟฟ้าชนิดนั้น และนำกระไฟฟ้าทั้งหมดมาบวกรวมกัน และคูณด้วย 1.25 (ปริมาณกระแสไฟฟ้าที่อาจจะใช้มากขึ้นในอนาคต) ยกตัวอย่างเช่น

1. พัดลมตั้งพื้น 75 วัตต์ จำนวน 2 ตัว คิดเป็นกระแสไฟฟ้า (75 ÷ 220) x 2 = 0.68 แอมแปร์
2. หลอดไฟฟลูออเรสเซนต์ 36 วัตต์ จำนวน 6 หลอด คิดเป็นกระแสไฟฟ้า (36 ÷ 220) x 6 = 0.98 แอมแปร์
3. เครื่องปรับอากาศ 1,000 วัตต์ จำนวน 1 เครื่อง คิดเป็นกระแสไฟฟ้า 1,000 ÷ 220 = 4.54 แอมแปร์
4. หม้อหุงข้าว 500 วัตต์ จำนวน 1 เครื่อง คิดเป็นกระแสไฟฟ้า 500 ÷ 220 = 2.27 แอมแปร์
5. เตารีด 430 วัตต์ จำนวน 1 เครื่อง คิดเป็นกระแสไฟฟ้า 430 ÷ 220 = 1.95 แอมแปร์
6. โทรทัศน์ 43 วัตต์ จำนวน 1 เครื่อง คิดเป็นกระแสไฟฟ้า 43 ÷ 220 = 0.2 แอมแปร์
7. ตู้เย็น 70 วัตต์ จำนวน 1 เครื่อง คิดเป็นกระแสไฟฟ้า 70 ÷ 220 = 0.32 แอมแปร์

กระแสไฟฟ้าจากเครื่องใช้ไฟฟ้าทั้งหมดรวมกันจะเท่ากับ 10.94 แอมป์ เมื่อนำมาคูณกับ 1.25 จะได้ประมาณ 13.68 แอมแปร์ ถือว่ายังสามารถใช้ขนาดเมิเตอร์ 5(15) ได้เนื่องจากยังไม่เกิน 15 แอมแปร์ และปกติเราจะไม่ได้ใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าพร้อม ๆ กันอยู่แล้ว แต่หากเผื่อในอนาคตจะพบว่า มิเตอร์ไฟฟ้าอาจมีขนาดไม่เพียงพอ โดยเฉพาะหากต้องการติดเครื่องปรับอากาศเพิ่มอีก 1 ตัว ต้องเปลี่ยนมิเตอร์ให้เป็นขนาดที่ใหญ่ขึ้นด้วย เพื่อความปลอดภัย


ผู้ที่จะขอใช้ไฟฟ้ามีดังนี้

1. เจ้าของที่ดิน หรือเจ้าของสถานที่ใช้ไฟฟ้า
2. ผู้ขอใช้ไฟฟ้ามีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านที่ใช้ไฟฟ้า
3. ผู้เช่า หรือผู้เช่าซื้อสถานที่ใช้ไฟฟ้า
4. ผู้ประกอบการในสถานที่ใช้ไฟฟ้า
เจ้าหน้าที่จากการไฟฟ้าจะเป็นผู้ติดตั้งมิเตอร์ไฟฟ้า
เอกสารที่ผู้ขอติดตั้งมิเตอร์ไฟฟ้าต้องนำมาแสดง
ผู้ขอใช้ไฟฟ้าเตรียมเอกสารดังนี้ เพื่อใช้ยื่นประกอบคำร้องขอใช้ไฟฟ้ากับการไฟฟ้า

หลักฐานการขอติดตั้งมิเตอร์ไฟฟ้าใหม่
1. สำเนาทะเบียนบ้านที่ขอติดตั้งการใช้ไฟฟ้า และสำเนาทะเบียนบ้านที่อยู่ปัจจุบัน
2. สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน
3. สัญญาซื้อขาย (กรณีซื้อขายบ้าน), สัญญาเช่า (กรณีเช่าบ้าน)
4. หนังสือมอบอำนาจพร้อมติดอากรแสตมป์ 10 บาท (กรณีเจ้าของบ้านไม่มาดำเนินการ)
5. สำเนาบัตรประชาชนและสำเนาทะเบียนบ้านของผู้รับมอบอำนาจ
6. สำเนาบัตรประชาชนและสำเนาทะเบียนบ้านผู้ให้เช่า
7. ใบยินยอมผ่านที่หรือใบยินยอมในกรณีต่าง ๆ (กรณีผ่านที่ดินผู้อื่น), สำเนาบัตรประชาชนและทะเบียนบ้านขอผู้ยินยอม
8. ใบเสร็จค่าไฟฟ้าข้างเคียงของเสาที่จะติดตั้งมิเตอร์ (ถ้ามี)


ขั้นตอนการขอใช้ไฟฟ้า

1. หลังจากได้รับคำร้องขอใช้ไฟฟ้า พร้อมเอกสารประกอบครบถ้วนแล้ว เจ้าหน้าที่การไฟฟ้าจะเข้าไปตรวจสอบการเดินสายไฟในอาคาร หากยังไม่เดินสายไฟฟ้าให้เดินสายให้เรียบร้อยแล้วแจ้งเจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจสอบ
2. เมื่อตรวจสอบการเดินสายไฟฟ้าแล้วพบว่ามีการเดินสายไฟที่ถูกต้อง เจ้าหน้าที่จะแจ้งให้ผู้ขอใช้ไฟฟ้าชำระค่าธรรมเนียมต่าง ๆ แต่ถ้าการเดินสายไฟไม่ถูกต้อง ไม่ปลอดภัยก็จะแจ้งให้ดำเนินการแก้ไข และตรวจสอบอีกครั้ง โดยค่าธรรมเนียมนั้นการไฟฟ้าจะกำหนดไว้ตามประเภทและขนาดของมิเตอร์ที่ขอติดตั้ง
3. ผู้ขอใช้ไฟฟ้าชำระค่าธรรมเนียมและรับใบเสร็จไว้เป็นหลักฐาน



บริหารจัดการอาคาร: มิเตอร์ไฟฟ้ากับ 8 เรื่องน่ารู้ แบบไหนเหมาะกับบ้านคุณ อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://snss.co.th/dt_post/technical-services/

44
เยื่อตาขาวอักเสบจากไวรัส พบได้บ่อยในคนทุกวัย พบในเด็กมากกว่าผู้ใหญ่ พบได้ประปรายตลอดปี

เนื่องจากโรคนี้สามารถติดต่อได้ง่ายและระบาดได้รวดเร็ว จึงนิยมเรียกว่า โรคตาแดงระบาด ซึ่งมักพบระบาดในช่วงเดือนมิถุนายนถึงธันวาคม โดยอาจพบระบาดภายในบ้าน ตามหมู่บ้าน โรงเรียน โรงงาน ที่ทำงาน ค่ายทหาร เป็นต้น

สาเหตุ

เกิดจากการติดเชื้อไวรัสหลายชนิด ที่พบบ่อยที่สุด คือ กลุ่มไวรัสอะดิโน (adenovirus) ซึ่งมีอยู่หลายชนิดย่อย ๆ

ไวรัสอะดิโนบางชนิด (เช่น ชนิด 3 และ 7) ทำให้มีไข้และการอักเสบของเยื่อตาขาวร่วมกับคอหอย เรียกว่า ไข้เยื่อตาขาวและคอหอยอักเสบ (pharyngoconjunctival fever) ติดต่อโดยการสัมผัสโดยตรง หรือสัมผัสถูกมือหรือสิ่งของเครื่องใช้ (เช่น แก้วน้ำ จาน ชาม ผ้าเช็ดตัว ผ้าเช็ดหน้า สบู่ ขันน้ำ ลูกบิดประตู โทรศัพท์ เป็นต้น) ที่แปดเปื้อนเชื้อ และยังอาจติดต่อแบบเดียวกับคอหอยอักเสบ (ไอ จาม หรือสัมผัสถูกสิ่งคัดหลั่งในช่องปากของผู้ป่วย) มีระยะฟักตัว 5-12 วัน

ไวรัสอะดิโนบางชนิด (เช่น ชนิด 8, 19 และ 37) ทำให้มีการอักเสบของเยื่อตาขาวร่วมกับกระจกตา และมีลักษณะระบาดได้รวดเร็ว เรียกว่า เยื่อตาขาวและกระจกตาอักเสบชนิดระบาด (epidemic keratoconjunctivitis/EKC) ติดต่อโดยการสัมผัสโดยตรง หรือสัมผัสถูกสิ่งของเครื่องใช้ และอาจติดต่อจากการเล่นน้ำในสระว่ายน้ำที่มีเชื้อปนเปื้อน (จากผู้ป่วยที่ลงเล่นน้ำ) มีระยะฟักตัว 5-12 วัน

นอกจากนี้ยังมีไวรัสอีกกลุ่มหนึ่งที่เป็นสาเหตุสำคัญของโรคนี้ คือ กลุ่มไวรัสพิคอร์นา (picornavirus) ซึ่งมีอยู่หลายชนิด ที่สำคัญได้แก่ ไวรัสเอนเทอโรชนิด 70 (enterovirus type 70) และไวรัสค็อกแซกกีเอชนิด 24 (coxsackie virus A type 24) ทำให้เยื่อตาขาวอักเสบร่วมกับเลือดออกใต้เยื่อตาขาว เรียกว่า "Acute hemorrhagic conjunctivitis" ซึ่งพบระบาดได้เช่นกัน ติดต่อโดยการสัมผัสโดยตรงหรือสัมผัสถูกสิ่งของเครื่องใช้ มีระยะฟักตัว 1-2 วัน


อาการ

มีอาการตาแดง เคืองตาคล้ายผงเข้าตา กลัวแสง น้ำตาไหล มีขี้ตาเล็กน้อย อาจมีอาการหนังตาบวม ลืมตาไม่ค่อยขึ้น

ในรายที่เป็นคอหอยอักเสบร่วมด้วย (ซึ่งพบใน "ไข้เยื่อตาขาวและคอหอยอักเสบ") จะมีไข้ เจ็บคอ ปวดเมื่อยตามตัวร่วมด้วย

ในรายที่มีการอักเสบของกระจกตาร่วมด้วย หากเป็นรุนแรงมักมีอาการปวดตาและสายตาพร่ามัว

อาการตาแดงตาอักเสบมักจะเริ่มเป็นที่ตาข้างหนึ่งก่อน แล้วจึงลามมาอีกข้างหนึ่งภายใน 2-3 วัน

ส่วนมากอาการมักจะค่อย ๆ ทุเลาลง และหายขาดภายใน 1-3 สัปดาห์

เยื่อตาขาวอักเสบจากไวรัส
เยื่อตาขาวอักเสบจากไวรัส
 

ภาวะแทรกซ้อน

ส่วนใหญ่มักหายได้เองโดยไม่มีภาวะแทรกซ้อน

ภาวะแทรกซ้อนที่อาจพบได้ เช่น มีการติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อนหรือสายตาพร่ามัว (มองเห็นไม่ชัด) เนื่องจากกระจกตาอักเสบ ซึ่งอาจเป็นนานเป็นสัปดาห์ ๆ ถึงเป็นแรมปี

บางรายอาจมีรอยแผลเป็นที่เยื่อตาขาว หรือการติดกันของเยื่อตาขาวกับลูกตา (symblepharon)

ในรายที่เกิดจากเชื้อไวรัสเอนเทอโรชนิด 70 อาจทำให้เกิดไขสันหลังอักเสบเฉียบพลันแทรกซ้อน มีอาการแขนขาอ่อนแรงได้ ซึ่งพบได้น้อยมาก มักพบในคนอายุมากกว่า 20 ปี หลังตาอักเสบ 5 วันถึง 6 สัปดาห์


การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยจากอาการ ประวัติการเจ็บป่วย และการตรวจร่างกายเป็นหลัก

สิ่งตรวจพบที่สำคัญ ได้แก่ อาการตาแดง หนังตาบวม ต่อมน้ำเหลืองที่หน้าหูโต ซึ่งจะเริ่มเป็นข้างหนึ่งก่อน แล้วลามไปอีกข้าง

บางรายอาจตรวจพบไข้ (38-40 องศาเซลเซียส) คอหอยแดงเล็กน้อย

บางรายอาจพบมีเลือดออกเป็นจุดเล็ก ๆ จุดใหญ่ ๆ หรือเป็นปื้นแดงที่ใต้เยื่อตาขาว

ในรายที่วินิจฉัยไม่ได้แน่ชัด แพทย์อาจนำของเหลวที่ตา (น้ำตา ขี้ตา) ไปตรวจหาเชื้อ


การรักษาโดยแพทย์

แพทย์จะให้การรักษาตามอาการ เช่น ให้พาราเซตามอลแก้ปวดลดไข้ ประคบตาด้วยความเย็น ซึ่งช่วยบรรเทาอาการปวดตา เป็นต้น

ถ้ามีอาการเคืองตามาก ใช้น้ำตาเทียมหยอดตาวันละ 3-4 ครั้งเพื่อบรรเทาอาการ

ในรายที่พบว่ามีการติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อน (ซึ่งพบได้น้อย) แพทย์จะใช้ยาป้ายตาหรือหยอดตาที่เข้ายาปฏิชีวนะ ทุก 2-4 ชั่วโมง

มีน้อยรายที่อาจมีอาการรุนแรงหรือเรื้อรัง ซึ่งจักษุแพทย์อาจพิจารณาให้ยาหยอดตาสเตียรอยด์หรือยาต้านไวรัส อาทิ

    ในรายที่มีการอักเสบของเยื่อตาขาวอย่างรุนแรง หรือมีการอักเสบของกระจกตาจนทำให้สายตามัวลงอย่างมาก จักษุแพทย์อาจพิจารณาให้ยาหยอดตาสเตียรอยด์เพื่อลดการอักเสบ ซึ่งต้องใช้ด้วยความระมัดระวัง เพราะอาจมีผลข้างเคียงได้ เช่น อาจทำให้โรคเริมที่แฝงอยู่กำเริบได้
    ในรายที่ตรวจพบว่าเกิดจากการติดเชื้อไวรัสเริม จักษุแพทย์จะให้ยาหยอดตาที่มีตัวยาต้านไวรัส (เช่น อะไซโคลเวียร์)

ผลการรักษา ส่วนใหญ่มักจะหายได้เอง ผู้ป่วยจะมีอาการมากอยู่นานไม่เกิน 1 สัปดาห์ และจะค่อย ๆ ทุเลาและหายขาดได้ภายใน 1-3 สัปดาห์โดยการรักษาตามอาการ ไม่จำเป็นต้องให้ยาปฏิชีวนะและยาต้านไวรัส มีน้อยรายที่อาจมีอาการรุนแรงหรือเรื้อรัง หรือมีภาวะแทรกซ้อน

การดูแลตนเอง

เมื่อมั่นใจหรือได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นเยื่อตาขาวอักเสบจากไวรัส ควรดูแลตนเอง ดังนี้

    ให้การรักษาตามอาการ เช่น

- ถ้ามีอาการปวดตาหรือมีไข้ กินพาราเซตามอล*

- ถ้ารู้สึกเคืองตามาก ใช้น้ำตาเทียมหยอดตา วันละ 3-4 ครั้ง

    นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ห้ามตรากตรำงานหนัก หรือออกกำลังหักโหมเกินไป
    งดใช้คอนแท็กต์เลนส์จนกว่าจะหายดี
    ระวังอย่าเผลอใช้มือขยี้ตา อาจทำให้ติดเชื้อไวรัสที่มือแล้วแพร่ให้คนอื่น และอาจทำให้มีการติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อนเนื่องจากมือที่ไม่สะอาด
    หลีกเลี่ยงการซื้อยาหยอดตามาใช้เอง เพราะอาจมีตัวยาที่ไม่ปลอดภัยหรือทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนได้
    เพื่อป้องกันไม่ให้แพร่เชื้อให้ผู้อื่น ผู้ป่วยควรแยกตัวไม่นอนหรืออยู่ใกล้คนอื่น, ไม่ใช้ผ้าเช็ดหน้า ผ้าเช็ดตัว สบู่ และสิ่งของเครื่องใช้อื่น ๆ ร่วมกับผู้อื่น, ควรล้างมือด้วยน้ำกับสบู่หรือชโลมมือด้วยเจลแอลกอฮอล์บ่อย ๆ (เพื่อกำจัดเชื้อที่อาจติดที่มือ), ใช้กระดาษทิชชูซับน้ำตาหรือขี้ตา แล้วทิ้งในถังขยะที่มิดชิด และควรหยุดเรียนหรือหยุดงาน พักรักษาตัวอยู่ที่บ้าน ไม่เข้าไปในที่ที่มีคนแออัด และไม่ลงเล่นน้ำในสระว่ายน้ำอย่างน้อย 1 สัปดาห์ หรือจนกว่าอาการหายดีแล้ว


ควรไปพบแพทย์/กลับไปพบแพทย์ก่อนนัด ถ้ามีลักษณะข้อใดข้อหนึ่งดังต่อไปนี้

    มีความวิตกกังวล หรือไม่มั่นใจที่จะดูแลรักษาด้วยตนเองแต่แรก
    มีอาการปวดตารุนแรง ขี้ตาแฉะ มีขี้ตาสีเหลืองหรือเขียว หรือมีอาการตาพร่ามัว
    มีอาการแขนขาอ่อนแรง
    ดูแลรักษาแล้วอาการไม่ทุเลาใน 1 สัปดาห์   
    มีอาการที่สงสัยว่าเป็นผลข้างเคียงจากยาหรือแพ้ยา เช่น ลมพิษ ผื่นคัน ตุ่มพุพอง ตาบวม ปากบวม หายใจมีเสียงดังวี้ด ๆ หายใจลำบาก เวียนศีรษะ หน้ามืดเป็นลม ปวดท้อง ท้องผูก ท้องเดิน ถ่ายอุจจาระดำ คลื่นไส้ อาเจียน ดีซ่าน (ตาเหลือง) จุดแดงจ้ำเขียว เป็นต้น

*เพื่อความปลอดภัย ควรขอคำแนะนำวิธีและขนาดยาที่ใช้ ผลข้างเคียงของยา และข้อควรระวังในการใช้ยาจากแพทย์หรือเภสัชกรก่อนใช้ยาเสมอ โดยเฉพาะการใช้ยาในเด็ก สตรีที่ตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร ผู้สูงอายุ และผู้มีโรคประจำตัว หรือมีการใช้ยาบางชนิดที่แพทย์สั่งใช้อยู่เป็นประจำ

การป้องกัน

    หลีกเลี่ยงการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ที่เป็นโรคตาแดง ตาอักเสบ
    หลีกเลี่ยงการใช้สิ่งของเครื่องใช้ (เช่น ผ้าเช็ดหน้า ผ้าเช็ดตัว คอนแทคเลนส์ แว่นตา หมอน แก้วน้ำ จาน ชาม สบู่ ขันน้ำ โทรศัพท์ เป็นต้น) ร่วมกับผู้ที่เป็นโรคตาแดง ตาอักเสบ
    หมั่นล้างมือด้วยน้ำกับสบู่หรือชโลมมือด้วยเจลแอลกอฮอล์บ่อย ๆ
    ระวังอย่าเผลอใช้มือขยี้ตา
    ในช่วงที่มีการระบาดของโรคนี้ ควรหลีกเลี่ยงการเล่นน้ำในสระว่ายน้ำ และการเข้าไปในที่ที่มีคนแออัด

ข้อแนะนำ

1. โรคนี้ส่วนใหญ่เป็นเพียงเล็กน้อย และหายได้เองภายใน 1-3 สัปดาห์ ส่วนในรายที่มีกระจกตาอักเสบร่วมด้วยก็มักจะไม่รุนแรงและไม่มีภาวะแทรกซ้อน (เช่น แผลกระจกตา) แต่อาจเป็นกระจกตาอักเสบแบบเรื้อรัง อย่างไรก็ตาม ถ้าแพทย์ให้การรักษาแล้วอาการไม่หายดีใน 3 สัปดาห์ หรือมีอาการปวดตารุนแรง หรือตาพร่ามัวมากขึ้น ก็ควรปรึกษาจักษุแพทย์

2. เยื่อตาขาวอักเสบจากไวรัสบางชนิด อาจเกิดไขสันหลังอักเสบเฉียบพลันแทรกซ้อน ทำให้มีอาการแขนขาอ่อนแรง แม้ว่าพบได้ไม่บ่อยนัก แต่ผู้ป่วยที่เป็นโรคตาแดงระบาด (จากไวรัส) ควรสังเกตอาการแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นนี้อย่างใกล้ชิด หากสงสัยควรไปพบแพทย์โดยเร็ว



โรคเยื่อตาขาวอักเสบจากไวรัส (Viral conjunctivitis) อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://doctorathome.com/disease-conditions

45
การจัดฟันมีด้วยกันหลากหลายรูปแบบ ซึ่งได้แก่ การฟันแบบโลหะทั่วไป ที่สวมใส่เหล็กจัดฟัน การจัดฟันแบบใส ที่มองเห็นเครื่องมือได้ยาก ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้เข้ารับการรักษา ทั้งยังทำให้คนอื่นมองไม่ออกเลยว่าคุณกำลังเข้ารับการจัดฟันอยู่ นอกจากนี้ ยังมีการจัดฟันแบบรวดเร็วที่ช่วยลดระยะเวลาการจัดฟันด้วยเครื่องมือแบบเฉพาะ โดยการจัดฟันในปัจจุบันถือว่าได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เพราะการจัดฟันจะช่วยลดปัญหาฟันในกรณีต่างๆได้ ไม่ว่าจะเป็น ฟันซ้อนเก ฟันห่าง ฟันล้ม หรือฟันไม่สบกัน ซึ่งรูปแบบของการจัดฟันก็จะมีความแตกต่างกันออกไป โดยขึ้นอยู่กับสภาพฟันของแต่ละบุคคลและการพิจารณาของทันตแพทย์ด้วย ผู้ที่ต้องการจัดฟันจะต้องศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับการจัดฟันอย่างละเอียด


โดยมองทั้งข้อดี-ข้อเสีย รวมถึงวิธีการดูแลรักษาระหว่างที่จัดฟัน เพื่อที่จะได้ปฏิบัติตัวอย่างถูกต้อง อย่างไรก็ตาม การจัดฟันมีด้วยกันหลายรูปแบบอย่างที่บอกไปข้างต้น แต่ก็มียังการจัดฟันอีกรูปแบบหนึ่ง ซึ่งถือว่ามีการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการรักษา ทำให้ได้ผลและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นนั่นก็คือ การจัดฟันแบบ In-Ovation R ซึ่งวันนี้ทางคลินิก เราจะมาพูดถึงการจัดฟันแบบ In-Ovation R เผื่อใครอาจจะยังไม่เคยได้ยิน และต้องบอกว่า พิเศษสุดๆ เพราะทางคลินิกของเรามีโปรโมชั่น ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 59,000บาท จากปกติราคา 69,000 บาท สำหรับใครที่สนใจ สามารถติดต่อขอรับคำแนะนำในการจัดฟันได้ที่คลินิกของเรา ทางเราทีทันตแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญยินดีให้คำปรึกษา

สำหรับการจัดฟันแบบ In-Ovation R เป็นการจัดฟันที่ใช้เครื่องมือจะมีหน้าต่างที่สามารถเลื่อนขึ้นลงได้เพื่อล็อคลวดแทนการมัดด้วยยาง เช่นเดียวกับระบบดาม่อน ส่งผลให้ฟันเกิดการเคลื่อนตัวอย่างต่อเนื่องได้ดีกว่าระบบธรรมดา และยัง ใช้แรงเคลื่อนตัวน้อยกว่า ทำให้ผู้เข้ารับการรักษารู้สึกเจ็บน้อยกว่าและใช้เวลาจัดเร็วกว่าระบบธรรมดาอีกด้วย โดยการจัดฟันแบบ In-Ovation R มีข้อดีคือ การจัดฟันจะได้ผลสำเร็จมากที่สุด จบการรักษาเร็วกว่าและได้ผลการรักษาที่แน่นอน


ผู้เข้ารับการรักษาจะรู้สึกเจ็บน้อยกว่า รวมไปถึงช่วยลดโอกาสในการถอนฟัน และที่สำคัญก็คือ เครื่องมือในการจัดฟัน จะเป็น Bracket ที่ถูกออกแบบมาให้มีความบางที่สุด ซึ่งผลดีคือช่วยลดโอกาสในการเกิดแผลภายในช่องปากมากขึ้น เนื่องจากตัว Bracket ไม่ไปเสียดสีกับอวัยวะในบริเวณช่องปากมากนัก และไม่เกิดปฏิกิริยาลบต่อร่างกายด้วย  เห็นมั้ยว่า การจัดฟันแบบ In-Ovation R มีข้อดีมากมาย และยังช่วยลดโอกาสการสูญเสียฟัน เนื่องจากการถอนฟันได้อีกด้วย ทั้งยัง ช่วยเสริมสร้างสุขภาพช่องปากและฟันของผู้เข้ารับการรักษาให้สามารถทำความสะอาดช่องปากได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น


อย่างไรก็ตาม การเข้ารับการจัดฟัน ไม่ว่าจะเป็นการจัดฟันในรูปแบบใด ก็สามารถทำได้ทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ แต่ผู้เข้ารับการรักษาควรจะได้รับการตรวจการสบฟันจากทันตแพทย์ก่อนเข้ารับการรักษา ซึ่งหลายคนก็มีคำถามว่า ควรเริ่มจัดฟันตั้งแต่อายุเท่าไหร่ ต้องบอกก่อนว่า การจัดฟันส่วนใหญ่ มักจะเริ่มทำในเด็กมีฟันแท้ขึ้นเกือบครบ คืออายุประมาณ 11-13 ปี อย่างไรก็ตาม การแก้ไขปัญหาการสบฟันบางอย่างสามารถทำได้ในช่วงฟันแท้ขึ้นผสมกับฟันน้ำนมได้ เพื่อให้ลุกน้อยมีฟันที่สวยงามตั้งแต่เนิ่นๆเลยทีเดียว


ดังนั้น หากใครสนใจเข้ารับการจัดฟันแบบ In-Ovation R สามารถเข้ามาปรึกษาทันตแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญได้ที่คลินิกได้ เพราะทางเรามีความเชี่ยวชาญในเรื่องของการทันตกรรมอย่างครบวงจร และนอกจากนี้ ทางคลินิกยังมีโปรโมชั่นสำหรับผู้ที่สนใจเข้ารับการจัดฟันแบบ In-Ovation R โดยราคาเริ่มต้นอยู่ที่  59,000บาท จากปกติราคา 69,000 บาท พิเศษสุดๆ สำหรับผู้ที่อยากมีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดี หากใครสนใจก็สามารถเข้ามาขอรับคำแนะนำได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทางเราอยากให้ทุกคนมีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดี เพื่อที่จะได้ใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างเต็มที่



การจัดฟันแบบ In-Ovation R คืออะไร อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://www.idolsmiledental.com/

46
ฮอนด้า Honda CR-V e:HEV RS 4WD ปี 2023
HONDA CR-V e:HEV RS 4WD สปอร์ตพรีเมียม เจเนอเรชันที่ 6 โดดเด่นด้วยชุดตกแต่งภายในที่พรีเมียม แตกต่างกันในแต่ละรุ่น เสริมเอกลักษณ์เฉพาะรุ่น ด้วยสัญลักษณ์ RS บนกระจังหน้า กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยวสีดำ Piano Black กันชนหน้าและหลังสีเดียวกับตัวรถ ชายกันกระแทกด้านข้างสีเดียวกับตัวรถ คิ้วตกแต่งประตูข้างสีดำ Gloss Black ไฟตัดหมอกหลังแบบ LED สปอยเลอร์หลังสีเดียวกับตัวรถและสีดำ Piano Black เสาอากาศครีบฉลามสีดำ Piano Black ล้ออัลลอย 19 นิ้ว แบบสปอร์ต และล้ออัลลอยดีไซน์ใหม่ ขนาด 19 นิ้ว ภายในเบาะหนังกลับและวัสดุสังเคราะห์ตกแต่งด้วยด้ายสีแดง แป้นเหยียบคันเร่งและเบรกแบบสปอร์ต ประตูแบบอัจฉริยะ Honda Smart Key Card

 
เครื่องยนต์ใหม่ขนาด 2.0 ลิตร Direct Injection Atkinson-Cycle DOHC 4 สูบ 16 วาล์ว พร้อมเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่องไฟฟ้า (E-CVT) และแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออนที่มีประสิทธิภาพสูง ตอบสนองทันใจด้วยแรงบิดมอเตอร์สูงสุด 335 นิวตัน-เมตร ที่ 0 - 2,000 รอบต่อนาที พร้อม 3 โหมดขับขี่ ได้แก่ โหมดการขับขี่ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า (EV Drive Mode) โหมดการขับขี่ด้วยระบบไฮบริด (Hybrid Drive Mode) และโหมดการขับขี่ด้วยเครื่องยนต์ (Engine Drive Mode)


โดยมีให้เลือกทั้งหมด 6 สี ได้แก่ สีใหม่ สีน้ำเงินแคนยอนริเวอร์ (เมทัลลิก) เฉพาะรุ่น e:HEV RS 4WD และ e:HEV ES สีแดงอิกไนต์ (เมทัลลิก) เฉพาะรุ่น e:HEV RS 4WD สีขาวแพลทินัม (มุก) สีเทาเมทิเออรอยด์ (เมทัลลิก) สีเงินลูนาร์ (เมทัลลิก) และสีดำคริสตัล (มุก)

รายละเอียดเบื้องต้น
แบรนด์          Honda
รุ่น               ฮอนด้า Honda CR-V e:HEV RS 4WD ปี 2023
ประเภทรถ      รถอเนกประสงค์ SUV, รถไฮบริด
ปีที่เปิดตัว      2023
ราคา            1,729,000 บาท


ดีไซน์
   
ภายนอก
อุปกรณ์ชุดแต่ง (RS)
สเกิร์ต (RS)
ล้อแม็ก (19 นิ้ว)
ประตูระบบไฟฟ้า (ประตูท้าย Hands-Free Power Tailgate with Walk Away Close)
สปอยเลอร์หลัง (RS)
สปอยเลอร์หลังพร้อมไฟเบรค (RS)
กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยว (พร้อมพับเก็บอัตโนมัติ)
ไฟตัดหมอก (หน้าและด้านหลัง LED)
ไฟหน้าส่องสว่างอัตโนมัติ (เปิด-ปิด อัตโนมัติ ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ (Auto High-Beam: AHB))
ปัดน้ำฝนกระจกหลัง
ระบบไล่ฝ้ากระจกหลัง
ไฟ Daytime Running Lights (LED)
อุปกรณ์ภายนอกอื่นๆ (ไฟเลี้ยวด้านหน้าแบบ LED Sequential)
ปัดน้ำฝนกระจกหน้าแบบพิเศษ (อัตโนมัตอพร้อมปรับตั้งหน่วงเวลา)
ไฟหน้า LED (ระบบปิดไฟหน้าอัตโนมัติ เมื่อดับเครื่องยนต์ พร้อมไฟส่องขณะเลี้ยว)
ไฟท้าย LED
หลังคาพาโนรามิคซันรูฟ (เปิด-ปิด ไฟฟ้า)
ชุดท่อไอเสีย (ท่อไอเสียคู่)
   

ภายใน

เบาะคนขับปรับสูง-ต่ำได้
ระบบจดจำปรับที่นั่งคนขับ (2 ตำแหน่ง)
ตกแต่งภายใน (พร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่ แบบ TFT 10.2 นิ้ว)
ปลั๊กไฟ 12 โวลท์
พวงมาลัยหุ้มหนัง
พวงมาลัยปรับสูง-ต่ำได้ (4 ทิศทาง ปรับใกล้-ไกลได้)
กระจกมองหลังตัดแสง (อัตโนมัติ)
ระบบปรับรูปแบบการขับขี่ (ECON+NORMAL+SPORT)
อุปกรณ์วัดความเร็วสะท้อนกระจก Head Up Display
ระบบฟอกอากาศในตัวรถ (AIR BALANCE package) (Plasmacluster)

สเปค
   
เครื่องยนต์                     2.0 ลิตร Direct Injection Atkinson-Cycle DOHC 4 สูบ 16 วาล์ว กำลังสูงสุด 148 แรงม้า แรงบิด 183 นิวตันเมตร พร้อมด้วยเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่องไฟฟ้า (E-CVT) และแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน ระบบขับเคลื่อนฟูลไฮบริด มอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว กำลังสูงสุด 184 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 338 นิวตัน-เมตร กำลังรวมทั้ง 2 ระบบ 207 แรงม้า (PS)

ขนาดเครื่องยนต์ (CC)      1,993 CC
กำลังเครื่องยนต์ (แรงม้า)   207 แรงม้า
ระบบเกียร์                     เกียร์อัตโนมัติ
รูปแบบเกียร์                   E-CVT
ระบบเบรค ABS              มี (พร้อมระบบกระจายแรงเบรค EBD)
ประเภทน้ำมันเชื้อเพลิง      เบนซิน 95, เบนซิน 91, แก๊สโซฮอล์ 95 (E10), แก๊สโซฮอล์ 91, เบนซิน E20, เบนซิน E85
ความจุถังน้ำมัน (ลิตร)       N/A
ระบบจ่ายน้ำมัน                Direct Injection
น้ำหนักตัวรถ   
ประเภทยางรถยนต์
ขนาดล้อ (นิ้ว)
ระบบขับเคลื่อน               ขับเคลื่อนสี่ล้อ

ระบบความปลอดภัยระบบความปลอดภัย
อุปกรณ์ความปลอดภัย
ระบบควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ
ตัวถังนิรภัย
ดิสก์เบรก 4 ล้อ
เซ็นทรัลล็อค
สัญญาณกันขโมย
กุญแจรีโมท
กุญแจนิรภัย
ล็อคประตูอัตโนมัติ
ไฟเบรกดวงที่ 3
ระบบป้องกันก่อนเกิดเหตุ
ระบบกระจายแรงเบรก EBD
อุปกรณ์เสริมความปลอดภัยอื่นๆ
เข็มขัดนิรภัย
พวงมาลัยยุบตัวได้
กระจกนิรภัย
คานเหล็กเสริมนิรภัย
ระบบช่วยการออกตัวขณะจอดบนทางลาดชัน
อื่นๆ
เทคโนโลยีสัญญาณเตือนเมื่อเสี่ยงต่อการชนรถยนต์ด้านหน้าขณะขับขี่อัจฉริยะ (Intelligent Forward Collisio
เทคโนโลยีควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ


tokyo motor show 2024: ฮอนด้า Honda CR-V e:HEV RS 4WD ปี 2023 อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://www.checkraka.com/tokyomotorshow/

47
เชื่อว่าหลายๆคนคงอาจจะเคยนอนกัดฟัน หรือ มีคนรอบข้างนอนกัดฟัน เสียงดังสนั่นในตอนกลางคืน และหลายๆคนก็อาจจะปล่อยให้ตัวเองหรือคนรอบข้างนอนกัดฟัน โดยที่ไม่ได้ใส่ใจในการรักษาหรือแก้ไข เพราะเห็นว่าเป็นเรื่องธรรมชาตินั่นเอง แต่อันที่จริงแล้ว การนอนกัดฟัน นอกจากจะสร้างความรำคานรบกวนการนอนหลับที่สนิทให้กับผู้ที่ต้องนอนร่วมด้วยแล้ว ยังสร้างผลเสียมากมายเกี่ยวกับฟัน และสุขภาพช่องปากของผู้ที่นอนกัดฟันอีกด้วย เหตุนี้เองการนอนกัดฟันจึงไม่ใช่เรื่องธรรมชาติ แต่เป็นเรื่องที่ต้องเร่งแก้ไข

ซึ่งในวันนี้ทางด้านของ Clinic อยากจะมาเล่าถึงสาเหตุ ผลเสีย และวิธีการแก้ไขเบื้องต้น ให้คุณผู้อ่านได้รับทราบและนำไปแก้ไข ด้วยความเป็นห่วงจากเรา โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้

นอนกัดฟันคืออะไร ?

การที่เราหรือคนรอบข้างเรานั้นนอนกัดฟัน เกิดจากการทำงานนอกหน้าที่ หรือการทำงานที่ผิดปกติของระบบบดเคี้ยวในขณะนอนหลับ ซึ่งทำให้กล้ามเนื้อที่ใช้ในการบดเคี้ยวหดตัวผิดปกติในขณะหลับ ทำให้เกิดการกัดฟัน แพทย์ยังถือว่าการนอนกัดฟันนั้นคืออาการผิดปกติในขณะนอนหลับอย่างหนึ่ง

 

รู้ได้อย่างไรว่าเรานอนกัดฟัน ?

– คนรอบข้างอาจจะบอกว่าเรานอนกัดฟันในเวลากลางคืน แต่ในบางคนมีลักษณะนอนกัดฟันแบบกัดแน่น ไม่บดไปมา ก็จะทำให้ไม่เกิดเสียงในขณะนอนกัดฟัน

– ให้สังเกตตัวเองว่าในขณะตื่นนอนทุกครั้งมีอาการปวดเมื่อย หรือรู้สึกตึงๆที่แก้ม หน้าหูหรือไม่

– ถ้าหากไปหาทันตแพทย์ ก็อาจจะสามารถวินิจฉัยได้จากการดูที่ฟันสึกผิดปกติไม่สมกับอายุ หรือมีรอยหยักตามแนวสบฟันชัดเจน หรือบางทีทันตแพทย์อาจจะใช้เครื่องมือในการทดสอบร่วมด้วยเพื่อให้แน่ใจมากขึ้น

 

สาเหตุของการนอนกัดฟัน ?

– ในเด็ก

การนอนกัดฟันในเด็ก บางทีอาจจะเป็นเรื่องธรรมชาติ เนื่องจากว่าเด็กเล็กที่กำลังมีฟันกรามงอกขึ้นมาในช่องปาก จะมีความสันนูน จึงเป็นเหตุให้ถูกกระทบได้ก่อนฟันส่วนอื่น ซึ่งการนอนกัดฟันในเด็กนั้นไม่นานจะหายไปเองเมื่อ ฟันส่วนบดเคี้ยวสึกกร่อนเข้าที่ตามธรรมชาติแล้ว

– อุดฟัน

ต้องบอกเลยว่าร่างกายเรา โดยเฉพาะช่องปากสามารถรับรู้ความเปลี่ยนแปลงต่างๆได้ดีหากทำการสังเกต สาเหตุที่เกิดการนอนกัดฟันที่มักพบได้บ่อยๆมักเกิดจากคนไข้ที่ทำการอุดฟันมาใหม่ๆ ซึ่งระดับชั้นการเรียงตัวของฟันอาจจะมีความเหลื่อมล้ำเล็กน้อย ในเวลานอนจึงอาจทำให้เกิดการนอนกัดฟันในซี่ที่ทำการอุดมานั้นเอง

– ความผิดปกติของขากรรไกร

ผู้ที่มีความผิดปกติของขากรรไกรส่วนใหญ่จะมีการนอนกัดฟัน เนื่องจากในเวลานอนขากรรไกรอาจจะขยับตัวตามธรรมชาติเลื่อนมาชิดกัน ทำให้เกิดการสบกันได้ง่ายกว่าผู้ที่มีขากรรไกรปกติ

 

ผลเสียที่อาจเกิดขึ้นได้ จากการนอนกัดฟัน ?

ผลเสียที่เกิดขึ้นชัดเจนน่าจะเป็นความรำคานของคนรอบข้างที่ต้องนอนร่วมด้วย แต่ที่แน่ๆสำหรับผู้ที่นอนกัดฟันนั้น ส่งผลเสียโดยตรงต่อฟัน คือ ฟันด้านบดเคี้ยวจะมีการสึกกร่อน ความรุนแรงจะขึ้นอยู่กับการนอนกัดฟันที่ถี่บ่อยขนาดไหน

ทุกครั้งที่นอนกัดฟัน กล้ามเนื้อที่ใบหน้าจะออกแรงมากพร้อมกับการบดเคี้ยวของฟันที่กระทบกัน โดยปกติอาหารจะเป็นตัวกลางคั่นในการถูกกระทบ แต่ในขณะที่นอนหลับไม่มีตัวกลางคั่นจึงทำให้เกิดการกระทบกันอย่างรุนแรง จึงเป็นเหตุที่ทำให้ฟันสึกลงได้อย่างง่าย และหากว่าไม่รีบรักษาจะทำให้ฟันค่อยๆสึกจนถึงชั้นในเนื้อฟัน ซึ่งจะส่งผลให้เกิดอาการเสียวฟันตามมาอีกด้วย

 
วิธีแก้ไขและป้องกันการนอนกัดฟัน ?

– การป้องกันที่ดีที่สุดวิธีหนึ่งคือ สังเกตการณ์เปลี่ยนแปลงในช่องปาก หากพบว่าเริ่มมีการเปลี่ยนแปลง แปลกไปจากเดินภายในช่องปาก แม้เรื่องเล็กน้อย ก็ควรพบทันตแพทย์และแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นภายในช่องปาก แค่นั้นก็สามารถป้องกันการนอนกัดฟันที่อาจเกิดขึ้นได้

– รับประทานอาหารที่ไม่อ่อนเกินไปบ่อยๆ เพราะ ฟันจะไม่ถูกกร่อนอย่างพอดี ให้พยายามรับประทานของที่มีความแข็งบ้าง แต่ไม่แข็งจนเกินไป และให้ใช้การบดเคี้ยวทั้ง 2 ข้าง เท่านี้ฟันบดเคี้ยวก็จะสึกกร่อนอย่างพอเหมาะ

– สุดท้ายหากว่าลองใช้วิธีต่างๆแล้วแต่ก็ยังรู้สึกว่านอนกัดฟันอยู่ ให้ทำการเข้าพบทันตแพทย์ เพราะ การนอนกัดฟันนั้นทันตแพทย์จะถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ จะมีนวัตกรรมมากมายที่ช่วยไม่ให้นอนกัดฟัน เช่น ยางกัดฟัน ไว้ใส่ตอนนอนเพื่อป้องกันการกัดฟันได้นั่นเอง


จัดฟันบางนา: วิธีแก้ไข “นอนกัดฟัน” ตัวร้ายทำลายฟัน อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://www.idolsmiledental.com/category/จัดฟันบางนา/

48
การกลั้นอุจจาระบ่อย อาจจะส่งผลกระทบต่อร่างกาย และทำให้เกิดโรคต่างๆ ตามมา เช่น ท้องผูก มะเร็งลำไส้ใหญ่ ริดสีดวงทวาร ภาวะอุจจาระตกค้าง ลำไส้อุดตัน 
   
หากรู้สึกว่าตนเองมีปัญหาในการขับถ่าย ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง ด้านระบบทางเดินอาหารและตับ เพื่อทำการวินิจฉัยและป้องกันโรค และทำการรักษาอย่างมีประสิทธิภาพ
   
นอกจากการตรวจคัดกรองมะเร็งลำไส้แล้ว เทคโนโลยีทางการแพทย์ในปัจจุบัน ทำให้เราสามารถตรวจยีนมะเร็งลำไส้ใหญ่ ซึ่งเป็นการตรวจแบบเฉพาะเจาะจง ที่จะช่วยป้องกันและรู้ทันมะเร็งลำไส้จากพันธุกรรมได้ 

การกลั้นอุจจาระ อาจเป็นพฤติกรรมที่หลายคนทำเป็นปกติ เนื่องด้วยการดำเนินชีวิต ที่ไม่เอื้อต่อการเข้าห้องน้ำ เมื่อปวดอุจจาระและมีความรีบเร่งในชีวิตประจำวัน ก็ทำให้กลั้นอุจจาระจนเคยชิน แต่ทราบหรือไม่ว่า การกลั้นอุจจาระ สามารถส่งผลเสียต่อร่างกายและอาจก่อให้เกิดโรคต่าง ๆ ได้


กลั้นอุจจาระบ่อย ส่งผลเสียอะไรบ้าง?

การกลั้นอุจจาระ อาจส่งผลเสียต่าง ๆ ต่อร่างกาย ดังนี้

    ถ่ายอุจจาระไม่เป็นเวลา
    ท้องผูกเรื้อรัง การกลั้นอุจจาระ จะทำให้อุจจาระที่ค้างในลำไส้ มีการถูกดูดซึมน้ำกลับมากขึ้น กลายเป็นก้อนแข็ง ส่งผลให้ถ่ายลำบากมากขึ้นหรือที่เรียกว่า “ท้องผูก” อาการท้องผูกหากเป็นเรื้อรัง หรือมีอาการอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น น้ำหนักลด ถ่ายเป็นเลือด ท้องผูกสลับท้องเสีย ถ่ายอุจจาระลำเล็กลง อาจเป็นอาการนำของโรคที่ร้ายแรง เช่น มะเร็งลำไส้ใหญ่
    ริดสีดวงทวาร สืบเนื่องจากการที่อุจจาระที่ตกค้างในลำไส้ ถูกดูดซึมน้ำกลับมากขึ้น ทำให้มีลักษณะแข็ง ในการถ่ายแต่ละครั้ง ต้องมีการใช้แรงเบ่ง ทำให้เส้นเลือดที่ทวารหนัก มีการโป่งพอง ก่อให้เกิดโรคริดสีดวงทวารและอาการปวดได้ หากมีการโป่งพองมาก และถูกครูดด้วยอุจจาระที่แข็งก็อาจทำให้มีการแตก และมีเลือดออกได้

อาการของริดสีดวงทวาร อาจเริ่มตั้งแต่ไม่มีอาการ มีก้อน มีอาการปวด ไปจนถึงมีเลือดออกมากได้

    ภาวะอุจจาระตกค้าง เกิดจากการอุจจาระไม่หมด อาจทำให้มีภาวะท้องผูกที่รุนแรงขึ้น แน่นท้อง แน่นลม คลื่นไส้ อาเจียน เวียนศีรษะ รับประทานอาหารได้น้อย นอนไม่หลับ
    ลำไส้อุดตัน หากอุจจาระไม่เป็นเวลา จนอุจจาระกลายเป็นก้อนแข็งสะสมกันนานเข้า อาจทำให้ไม่สามารถถ่ายออกมาได้ เกิดภาวะลำไส้อุดตัน ซึ่งอาจต้องทำการแก้ไขโดยการผ่าตัด

นอกจากนี้หากมีการกลั้นอุจจาระจนท้องผูก และต้องใช้ยาระบายบ่อย ๆ อาจเกิดภาวะลำไส้ดื้อยา ทำให้ต้องเพิ่มปริมาณการใช้ยาไปเรื่อย ๆ
ดูแลตัวเอง เลิกนิสัยกลั้นอุจจาระ

จากผลเสียของการกลั้นอุจจาระดังที่กล่าวมาแล้ว แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของการไม่กลั้นอุจจาระ และฝึกการขับถ่ายให้เป็นกิจวัตร โดยการปฏิบัติตัว ดังนี้

    ฝึกการขับถ่ายให้เป็นเวลาทุกวัน อาจเป็นเวลาเช้าหลังตื่นนอน หรือหลังอาหารเช้า เนื่องจากร่างกายมีกลไกตามธรรมชาติที่กระตุ้นการบีบตัวของลำไส้ หลังจากได้รับอาหารมื้อแรก เราสามารถอาศัยกลไกตามธรรมชาตินี้ช่วยกระตุ้นการขับถ่ายได้
    ท่านั่งในการถ่ายอุจจาระ หากนั่งบนชักโครก ควรโน้มตัวไปข้างหน้าเล็กน้อย มีที่วางเท้าเพื่อช่วยเสริมให้เท้าถึงพื้นหรือเข่างอเล็กน้อย คล้ายท่านั่งยอง
    รับประทานอาหารที่มีกากใย เช่น ผัก ผลไม้ หากมีอาการท้องผูก อาจเสริมอาหารที่มีโปรไบโอติก เช่น นมเปรี้ยว โยเกิร์ต ชาหมัก เป็นต้น
    ดื่มน้ำให้พอเพียง การรับประทานน้ำในปริมาณที่เพียงพอต่อความต้องการร่างกาย ช่วยลดความเสี่ยงของโรคที่เกี่ยวกับหลอดเลือด การดื่มน้ำช่วยให้ผิวของเรามีความชุ่มชื้น สุขภาพดี และช่วยเรื่องระบบกระเพาะปัสสาวะ ระบบย่อยอาหาร กระตุ้นระบบการขับถ่ายป้องกันนิ่วและท้องผูก
    ออกกำลังกาย เมื่อเราออกกำลังกาย ขยับตัวเป็นประจำ จะช่วยให้ลำไส้เกิดการเคลื่อนไหว ระบบต่างๆ ในร่างกายเกิดการยืดหยุ่น สร้างความแข็งแรงต่อกล้ามเนื้อ ช่วยสร้างและรักษาภาวะสมดุลของร่างกาย ควบคุมน้ำหนัก
    ไม่กลั้นอุจจาระ เมื่อมีอาการปวดควรขับถ่ายตามเวลา ฝึกการเข้าห้องน้ำให้เป็นสุขนิสัยติดตัว เพื่อสุขภาพที่ดีของตนเองในระยะยาว
    หากมีอาการผิดปกติเกี่ยวกับการขับถ่าย ควรปรึกษาแพทย์ไม่ควรปล่อยไว้ จนอาการของโรคเรื้อรัง เพราะอาจจะส่งผลกระทบจนทำลายการใช้ชีวิตประจำวันได้ รวมถึงอาจจะเป็นสาเหตุของโรคต่างๆ ตามมา
    การกลั้นอุจจาระ แม้อาจจะดูเหมือนเรื่องเล็กน้อย แต่อาจก่อให้เกิดปัญหาใหญ่ตามมาได้ หากรู้สึกว่าตนเองเริ่มมีปัญหาในการขับถ่าย ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อทำการวินิจฉัยและป้องกันโรคที่อาจเกิดขึ้นได้

อย่างที่เราทราบกันดีว่า ถ้าระบบการขับถ่ายผิดปกติ อาจจะทำให้เกิดโรคเกี่ยวกับสุขภาพลำไส้ตามมา ได้แก่  ริดสีดวงทวารหนัก แผลปริที่ขอบทวารหนัก ลำไส้อักเสบเรื้อรัง มะเร็งลำไส้ ฯลฯ

ดังนั้นหากระบบทางเดินอาหารมีปัญหา หรือขาดสมดุล  ร่างกายจะไม่สามารถทำงานได้ปกติ ส่งผลให้เกิดอาการเหนื่อยล้า ขาดสมาธิ สุดท้ายอาจนำไปสู่โรคร้ายแรงอย่างมะเร็งได้

เช็กความผิดปกติของตัวเองว่า มีปัญหาในเรื่องขับถ่ายหรือไม่?

    ลักษณะของอุจจาระมีการเปลี่ยนแปลง
    รู้สึกถ่ายไม่ออก ถ่ายไม่สุดนานติดต่อกันกว่าหนึ่งเดือน
    อาการเบื่ออาหาร น้ำหนักลดโดยไม่ทราบสาเหตุ
    ควรรีบพบแพทย์เฉพาะทางด้านระบบทางเดินอาหารและตับ เพื่อตรวจคัดกรอง และติดตามอาการเพื่อการป้องกันโรคอย่างมีประสิทธิภาพ

การตรวจคัดกรองมะเร็งลำไส้ใหญ่

ปัจจุบันมีการตรวจคัดกรองมะเร็งลำไส้ใหญ่ ด้วยเทคนิคที่ทันสมัยผ่านทางกล้อง เช่น NBI (Narrow Band Image) EMR (Endoscopic Mucosal Resection) และ Endobrain (เป็นprogram AI) ที่ช่วยประเมินความเสี่ยงของติ่งเนื้อในลำไส้ใหญ่ ซึ่งในการตรวจคัดกรองนั้น มีดังนี้

    สำหรับผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 45 ปีขึ้นไป (โดยไม่ต้องรอให้มีอาการ)
    หากตรวจพบ มะเร็งลำไส้และทวารหนักได้ตั้งแต่ระยะแรก แพทย์จะสามารถประเมินผล เพื่อวางแผนในการรักษาต่อเนื่องอย่างมีประสิทธิภาพ
    การตรวจคัดกรองและรีบดำเนินการรักษา จะสามารถช่วยลดอัตราการเสียชีวิตจากมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้


ตรวจยีนมะเร็งลำไส้ใหญ่

ผู้ป่วยโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ ประมาณ 5% เกิดจากการถ่ายทอดทางพันธุกรรม ซึ่งได้รับยีนที่ผิดปกติมาจากบิดาหรือมารดา

ปัจจุบันมะเร็งลำไส้ใหญ่ที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรม ชนิดที่พบบ่อยแบ่งออกเป็น 2 ชนิดหลักๆ ได้แก่

    Familial adenomatous polyposis (FAP)
    Hereditary nonpolyposis colorectal cancer (HNPCC)

Familial adenomatous polyposis (FAP)
เป็นโรคทางพันธุกรรมที่พบประมาณ 0.5-1% ของผู้ป่วยมะเร็งลำไส้ใหญ่ สาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากกลายพันธุ์ของยีน APC tumor suppressor gene โดยผู้ป่วยจะเริ่มมีติ่งเนื้อในลำไส้ใหญ่ตั้งแต่ช่วงวัยรุ่นและมากกว่า 99% จะพัฒนาเป็นมะเร็งในช่วงอายุก่อน 40 ปี

Hereditary Nonpolyposis Colorectal Cancer (HNPCC) หรือ Lynch Syndrome
เป็นโรคทางพันธุกรรม เช่นเดียวกับ FAP แต่พบได้บ่อยกว่า คือ ประมาณ 3-5% ของผู้ที่เป็นมะเร็ง โรคนี้เกิดจากยีน MLH1, MSH2, MSH6 และ PMS2 ที่ทำหน้าที่ตรวจสอบรหัสพันธุกรรมเกิดการกลายพันธุ์ ปกติแล้วโรคนี้ตลอดช่วงชีวิต มีโอกาสการเกิดมะเร็งลำไส้สูงถึง 80% 
อายุเฉลี่ยของการเกิดมะเร็งลำไส้อยู่ที่ประมาณ 40-50 ปี อีกทั้งยังเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งที่อื่นๆ ได้อีก เช่น มดลูก กระเพาะอาหาร ลำไส้เล็ก ตับอ่อน ไต และท่อทางเดินปัสสาวะ


การแพทย์แบบเฉพาะเจาะจง (Precision Medicine) ช่วยป้องกันและรู้ทันมะเร็งลำไส้จากพันธุกรรม

โรงพยาบาลสมิติเวช ผู้นำด้านการแพทย์แบบเจาะจง (Precision Medicine) มีการพัฒนาเทคโนโลยีการตรวจยีนขั้นสูง ในการดูแลสุขภาพเชิงรุกโดยค้นหารหัสพันธุกรรมที่ผิดปกติในร่างกาย มีการนำมาใช้แพร่หลายในกลุ่มโรคมะเร็ง ซึ่งมีประโยชน์สำหรับ ผู้ป่วยโรคมะเร็ง ที่ต้องการทราบว่ามียีนผิดปกติ ที่อาจส่งต่อลูกหลานได้ในอนาคตหรือไม่

ญาติสายตรงของผู้ป่วยโรคมะเร็ง ที่ต้องการทราบว่าในร่างกายของตนเอง มียีนผิดปกติที่ถ่ายทอดมาจากบิดามารดาหรือไม่ การตรวจยีนมะเร็งลำไส้ใหญ่ จะช่วยให้แพทย์ด้านโรคทางพันธุกรรมหาแนวทางป้องกันโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ที่อาจจะเกิดขึ้นได้ในอนาคต แบบเฉพาะบุคคล เช่น วางแผนแนะนำอายุที่เหมาะสมที่ควรเริ่มรับการส่องกล้องลำไส้ใหญ่ (คนทั่วไปที่ไม่มีความเสี่ยงด้านพันธุกรรม จะเริ่มส่องกล้องที่อายุ 45 ปีขึ้นไป) วางแผนครอบครัว เตรียมตัวตั้งครรภ์ รวมถึงการใช้ชีวิตและไลฟ์สไตล์ที่ห่างไกลจากโรคมะเร็ง

    ครอบครัวที่มีประวัติเป็นมะเร็งชนิด FAP แนะนำญาติสายตรงที่ต้องการตรวจยีน สามารถเริ่มตรวจได้ที่อายุ 12 ปีขึ้นไป
    ครอบครัวที่มีประวัติเป็นมะเร็งชนิด HNPCC แนะนำญาติสายตรงที่ต้องการตรวจยีน สามารถเริ่มตรวจได้ที่อายุ 20 ปีขึ้นไป
    สำหรับผู้ที่สุขภาพดี อายุตั้งแต่ 20 ปีขึ้นไป ที่ต้องการทราบว่า มียีนผิดปกติที่อาจได้รับการถ่ายทอดมาจากบิดามารดาหรือไม่ ยีนมะเร็งจากพันธุกรรมนั้นอาจจะแสดงออกหรือไม่ก็ได้ในช่วงชีวิตหนึ่ง ขึ้นกับสภาพร่างกายของแต่ละคน พ่อหรือแม่ของเราอาจมียีนมะเร็ง แต่ไม่แสดงออก ซึ่งสามารถลดความเสี่ยงได้ด้วยการตรวจยีนมะเร็งลำไส้ใหญ่ และรับคำปรึกษาโดยแพทย์ด้านพันธุกรรมที่จะให้คำแนะนำแบบเฉพาะบุคคล ผลการตรวจจะช่วยนำมาวางแผนการรักษาโรคที่จำเพาะเจาะจง

สำหรับผู้ป่วยโรคมะเร็ง Targeted Therapy จะเป็นการรักษาอย่างตรงจุด ผลข้างเคียงน้อย สามารถใช้ได้ในผู้สูงอายุที่ไม่แข็งแรงพอที่จะรับยาเคมีบำบัด ประสิทธิภาพในการรักษาสูงถึง 80% เมื่อเทียบกับการให้เคมีบำบัดที่ได้ผลประมาณ 30%


วิธีการตรวจ และการเตรียมตัวเพื่อเข้ารับการตรวจ

หลังจากที่ได้รับคำแนะนำให้ตรวจยีนมะเร็งลำไส้ใหญ่ ที่ถ่ายทอดจากพันธุกรรมจากแพทย์ มีรายละเอียดการตรวจ ดังนี้

    สามารถเข้ารับการตรวจได้ทันที โดยไม่ต้องงดน้ำ งดอาหาร
    การตรวจยีนทำโดยการเจาะเลือด และอ่านรหัสพันธุกรรมจากดีเอ็นเอในเม็ดเลือดขาว ใช้เวลารอผลประมาณ 2-4 สัปดาห์
    หลังจากนั้นผู้เข้ารับบริการ จะได้รับการประเมินผลตรวจวินิจฉัย โดยแพทย์ด้านโรคทางพันธุกรรมเพื่อเข้าสู่กระบวนการให้คำแนะนำทางพันธุศาสตร์ต่อไป
    หากท่านเพิ่งได้รับเลือดมาจากบุคคลอื่นๆ ควรเว้นระยะอย่างน้อย 3 เดือน หรือขึ้นกับการพิจารณาของแพทย์


อันตราย! กลั้นอุจจาระ เสี่ยงริดสีดวง-โรคมะเร็งลำไส้ อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://doctorathome.com/disease-conditions/109

49
เคยมั้ย นั่งทำงานอยู่ดีดี แล้วเกิดง่วงขึ้นมาจนหาวไม่หยุด หรือหนักเข้า ก็แทบจะเอาหัวโขกโต๊ะเลยทีเดียว หลายคนคงเคยง่วงนอนในที่ทำงานกันบ้างละ จนต้องหาสารพัด วิธีแก้ง่วง มาช่วยให้รู้สึกสดชื่นขึ้น และวันนี้ก็มีวิธีแก้ง่วง ในที่ทำงาน มาฝากชาวออฟฟิศ กัน



ทำไมเราถึงง่วงนอนในที่ทำงาน

การที่เราง่วงนอนใช่วงกลางวัน ซึ่งมักเป็นเวลาทำงานของคนส่วนใหญ่นั้น เกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็น…

• นอนไม่เป็นเวลา ทำให้ปรับนาฬิการวน เมลาโทนิน สารก่อให้เกิดความง่วงที่ทำงานตามเวลากลางวันกลางคืน ไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ ทำให้คุณนอนไม่หลับในตอนกลางคืน และรู้สึกง่วงเหงาหาวนอนในเวลากลางวัน

• นอนหลับไม่เพียงพอ ความต้องการในการนอนหลับของแต่ละคนไม่เท่ากัน แต่เวลาโดยเฉลี่ยที่ร่างกายต้องการสำหรับการพักผ่อนอย่างเพียงพอต่อ 1 คืน คือราว 8 ชั่วโมงครึ่ง แต่บางคนอาจต้องการนอนมาก หรือน้อย หรือมากกว่านั้น จึงจะไม่ทำให้รู้สึกง่วง

• เป็นโรคที่เกี่ยวกับการนอนหลับ เช่น ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ โรคลมหลับ และโรคนอนไม่หลับ ซึ่งทำให้มีปัญหาในการนอนหลับ และเกิดความง่วงระหว่างวันได้ง่าย

• โรคประจำตัวบางชนิด สามารถรบกวนการนอนหลับ จนส่งผลให้เกิดความง่วงในระหว่างวันได้ เช่น โรคหืด ภาวะหัวใจล้มเหลว ข้ออักเสบรูมาตอยด์ เป็นต้น

• เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ สามารถรบกวนการนอนหลับในเวลากลางคืนได้ และทำให้เกิดความง่วงในระหว่างวัน

• เครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน เช่น กาแฟ และเครื่องดื่มชูกำลัง การบริโภคเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนเพื่อแก้ง่วง อาจเป็นต้นเหตุที่ทำให้การนอนของคุณผิดปกติ และลดคุณภาพในการนอนหลับลงจนทำให้คุณง่วงนอนระหว่างวันได้


วิธีแก้ง่วง ในที่ทำงาน

ง่วงแต่นอนไม่ได้ หรือไม่ควรนอน เราจึงต้องใช้ วิธีแก้ง่วง เหล่านี้มาช่วยลดความอยากหลับลง

1. ลุกขึ้นเดินเปลี่ยนอิริยาบถ
การเดินสามารถเพิ่มระดับพลังงานในร่างกายให้สูงขึ้น และลดอาการอ่อนล้าได้ ช่วยให้ร่างกายได้รับออกซิเจนเข้าสู่สมอง หลอดเลือดและกล้ามเนื้อ ซึ่งเป็นการช่วยให้รู้สึกตื่นตัวและสดชื่นขึ้น

2. ให้หูทำงานเพิ่มขึ้น
การฟังเพลงขณะทำงาน จะช่วยให้รู้สึกตื่นตัวมากขึ้น และยังช่วยเพิ่มสมาธิได้อีกด้วย ลองพิจารณาดูสิว่า เพลงประเภทไหน หรือเพลงของศิลปินคนไหน ที่ทำให้คุณรู้สึกตื่นตัว และทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด ซึ่งเพลงที่มีผลเช่นนี้ จะแตกต่างออกไปในแต่ละคน และแม้แต่ในคนเดียวกัน ก็อาจชอบเพลงต่างกัน ขึ้นอยู่กับงานที่กำลังทำงานอยู่ได้ด้วย

3. พักสายตาบ้าง
วิธีพักสายตาที่ดีที่สุด ก็คือการเดินไปที่หน้าต่าง และมองออกไปด้านนอกไกลๆ การละสายตาจากคอมพิวเตอร์บ้าง จะทำให้คุณลดปัญหาเรื่องอาการปวดศีรษะ ล้า และแสบตาน้อยลงได้ ดวงตาของคุณจะรู้สึกสบายขึ้น และการมองภาพวิวภายนอก จะทำให้คุณรู้สึกสบายตา และสบายใจขึ้นด้วย

วิธีแก้ง่วง

4. ยกแขนขึ้นยืดเส้นยืดสาย
การนั่งติดอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ทั้งวันจะทำให้เกิดอาการปวดคอ จนอาจรู้สึกว่าคอแข็ง ขยับคอได้ลำบาก การยืดเส้นยืดสายร่างกายเสียบ้าง จะช่วยทำให้ร่างกายไม่เหน็ดเหนื่อยหรืออ่อนล้ามากเกินไป โดยคุณอาจค่อย ๆ ยกไหล่ขึ้นลง เพื่อลดอาการไหล่แข็งเกร็ง ซึ่งเป็นวิธีที่สามารถทำได้ง่าย ๆ ที่โต๊ะทำงานของคุณเอง

5. ดื่มน้ำมาก ๆ
เมื่อร่างกายอยู่ในภาวะขาดน้ำ จะทำให้ร่างกายเกิดความอ่อนเพลียและง่วงนอน การดื่มน้ำมาก ๆ และกินอาหารที่มีน้ำอยู่ในปริมาณมาก เช่น ผัก และผลไม้ จะช่วยลดความอ่อนเพลียเหล่านี้ลงได้

6. กินขนมขบเคี้ยว (ที่มีประโยชน์)
การกินอาหารมื้อใหญ่ อาจทำให้คุณรู้สึกง่วงนอน การลดปริมาณอาหารของมื้อหลักให้น้อยลง และกินขนมขบเคี้ยวที่มีประโยชน์มากขึ้น จะทำให้เกิดพลังงานในร่างกายอย่างเพียงพอ และไม่มีพลังงานส่วนเกินที่จะมาทำให้ง่วงนอน

7. เอาน้ำเย็นเข้าช่วย
เมื่อรู้สึกง่วง การใช้น้ำเย็นล้างหน้า และดื่มน้ำเย็น เป็นอีกหนึ่งวิธีช่วยลบความง่วงออกที่ได้ผลดีที่สุด และคุณควรดื่มน้ำตลอดทั้งวัน เพื่อให้ร่างกายได้รับน้ำอย่างสม่ำเสมอด้วย เพราะจะทำให้ระดับออกซิเจนในร่างกายเพิ่มขึ้น ส่งผลให้พลังงานในร่างกายเพิ่มขึ้น และยังทำให้สมองของคุณสดชื่น คิดเรื่องงานและแก้ปัญหาต่าง ๆ ได้อย่างฉับไวขึ้นด้วย

8. ปรับสภาพแวดล้อม
สภาพแวดล้อม หรือความสว่างในห้อง ก็มีผลต่อความง่วงของคุณเช่นกัน ในห้องที่มีแสงไฟสลัว จะทำให้คนรู้สึกง่วง และอ่อนเพลียได้ง่าย หากคุณไม่อยากเอะอะก็ง่วงนอนแล้วละก็ ให้ลองปรับสภาพโต๊ะทำงาน หรือเพิ่มแสงในห้องทำงานของคุณให้สว่างขึ้นกว่าเดิมดีกว่านะ

9. งีบหลับแก้ง่วง
ถ้าง่วงมากนักก็หลับไปเลย การงีบหลับครั้งละ 5-25 นาที สามารถช่วยคลายง่วงได้อย่างมีประสิทธิภาพทีเดียว แต่ต้องเลือกช่วงเวลาในการงับหลับให้ดี เช่น ช่วงพักเบรก หรือพักเที่ยง อย่าไปหลับในเวลางานให้โดนตำหนิเสียละ อ้อ และต้องทำให้แน่ใจด้วยว่า คุณจะตื่นขึ้นมาทันเวลาทำงานนะ

“9 วิธีแก้ง่วง” ในที่ทำงาน อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://mmed.com/products/

50
สันติ บึงหนองโคตร-ขอนแก่น (Santi Nong Kod Lake-Khon Kaen)
ราคา : เริ่มต้น 1,990,000 บาท (ณ. วันเปิดตัว)

จุดเด่น
บ้านแฝดแนวคิดใหม่ สไตล์ Minimal Japanese แห่งแรกในขอนแก่น ทุกหลังมีสวนในบ้าน Peace ได้สัมผัสกับธรรมชาติ อารมณ์บ้านเดี่ยว Privacy ให้ความเป็นส่วนตัวมากขึ้น แนวคิดที่ทันสมัย Passion สอดรับกับวิถีชีวิตคนรุ่นใหม่
รายละเอียดโครงการ
ชื่อโครงการ : สันติ บึงหนองโคตร-ขอนแก่น (Santi Nong Kod Lake-Khon Kaen)
ดูบ้านราคาใกล้เคียง  ดู สันติ ขอนแก่น ทุกโครงการ 
เจ้าของโครงการ : สันติ ขอนแก่น
ราคา : เริ่มต้น 1,990,000 บาท (ณ. วันเปิดตัว)
 
ประเภทบ้าน : บ้านแฝด, ทาวน์เฮ้าส์ ทาวน์โฮม (Townhouse Townhome)
ลักษณะทำเล : บ้านพักตากอากาศ
พื้นที่โครงการ : โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
จำนวนบ้าน : โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
แบบบ้านทั้งหมด : 2 แบบ
เนื้อที่บ้าน : ตั้งแต่ 22.5 ถึง 35 ตร.ว.
พื้นที่ใช้สอย : โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
จำนวนชั้น : ตั้งแต่ 114 ถึง 134 ชั้น
หน้ากว้าง : โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
จำนวนห้องนอน : ไม่เกิน 3 ห้อง
จำนวนที่จอดรถ : ไม่เกิน 2 คัน
สาธารณูปโภค : สวนสาธารณะ, ฟิตเนส, รปภ., CCTV
ขนส่งสาธารณะ : โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
สถานที่สำคัญใกล้เคียง :
Big C ขอนแก่น
ตลาดต้นตาล
Central ขอนแก่น
ม.ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ม.ขอนแก่น
รพ.กรุงเทพขอนแก่น.
รพ.ขอนแก่นราม
 
โซน : ขอนแก่น
ที่ตั้ง : ตำบลบ้านเป็ด อ.เมืองขอนแก่น จ.ขอนแก่น 40000


ทาวน์เฮ้าส์ ทาวน์โฮม: สันติ บึงหนองโคตร-ขอนแก่น (Santi Nong Kod Lake-Khon Kaen) อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://www.checkraka.com/house/townhouse-townhome/

หน้า: [1] 2 3 4 5 6 7