ThaiFranchiseCenter Webboard

ThaiFranchiseCenter Webboard - Info Center

* สมัครสมาชิกเว็บบอร์ด ไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ ฟรี! *
หน้าแรก | เปิดร้านค้าฟรี! | โปรโมชั่นแฟรนไชส์ | ร้านหนังสือออนไลน์ | สนใจลงโฆษณา

ทางเว็บไซต์ ThaiFranchiseCenter.com ไม่มีส่วนรับผิดชอบกับข้อความต่างๆในเว็บบอร์ดแต่อย่างใด
    ไม่ว่าจะเป็นการซื้อ-ขาย-เช่า-เซ้ง หรือ อื่นๆ (ผู้ซื้อ หรือ ผู้ขาย กรุณาใช้วิจารณญาณในการติดต่อทางธุรกิจ)


แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - สิริ พร

หน้า: [1] 2 3 4 5 6 ... 9
1
เที่ยววัดกรุงเทพฯ ชม 9 วัดพระประธานแปลก ที่คุณไม่ควรพลาด

เมืองไทยเมืองแห่งพุทธศาสนา "วัด" จึงเป็นพุทธศาสนสถานที่ชาวพุทธอย่างเราใช้เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ และยังกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวไปด้วย แค่ในกรุงเทพฯ ก็มีวัดสวยงามมากมาย ทั้งวัดเก่าและวัดที่สร้างขึ้นมาใหม่ รวมถึงการเที่ยวชมพระประธานประจำพระอุโบสถ ที่แต่ละวัดล้วนงดงามด้วยเอกลักษณ์ทางศิลปกรรมของวัดนั้น เหมือนกับที่ คุณ
   
         
9 วัดพระประธานแปลก ในเขตกรุงเทพมหานคร

          กระทู้รีวิววันนี้ไม่ใช่กระทู้ท่องเที่ยวที่ไปมาสด ๆ ร้อน ๆ แต่เป็นการสรุปรวมจากหลาย ๆ วัดที่ผมไปเที่ยวมา ซึ่งแต่แรกผมก็ไม่ค่อยสนใจในการเที่ยววัดเท่าไร จนช่วงปี 1 (ปี 2554) เป็นช่วงที่ผมเพิ่งมีกล้องถ่ายรูปส่วนตัวไม่นานนัก และมหาวิทยาลัยผมมันก็อยู่ใกล้กับวัดสระเกศฯ รวมไปถึงสามารถเดินทางไปยังวัดสำคัญ ๆ ในกรุงเทพมหานครหลายวัดได้โดยสะดวก นับตั้งแต่วันที่ผมได้มีโอกาสไปเที่ยวถ่ายรูปภูเขาทองที่วัดสระเกศฯ ก็ทำให้ผมเป็นคนที่ชอบเที่ยวตามวัดหรือแหล่งประวัติศาสตร์ต่าง ๆ มาจนถึงทุกวันนี้ ซึ่งขณะที่ผมกำลังตั้งกระทู้นี้อยู่ผมไปเที่ยวมาแล้ว 555 วัด (เลขสวยซะด้วย)

          และจากการที่ผมไปเที่ยวมาหลายวัดก็ทำให้ผมได้พบกับหลายวัดที่มีพระประธานสวยงาม หรือปางแปลก ๆ ประดิษฐานอยู่ โดยที่บางวัดอาจจะเป็นวัดเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่คนไม่ค่อยรู้จัก หากแต่ถ้าได้เข้ามาชมแล้วก็จะได้พบกับสิ่งสวยงามที่ยิ่งใหญ่ซ่อนอยู่

          **หัวกระทู้เขียนว่าวัดพระประธานแปลกก็จริง แต่บางวัดก็ไม่เชิงว่าแปลก แต่แค่ไม่ค่อยพบพระพุทธรูปปางนี้เป็นพระประธานในโบสถ์ นั่นแหละครับคือสิ่งที่ว่าแปลก หรือบางวัดก็เป็นวัดที่พระประธานมีความสวยงามน่าชมมาก**


1. วัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร เขตธนบุรี

          วัดนี้เป็นอีกวัดสำคัญวัดหนึ่งในฝั่งธนบุรี สร้างโดย เจ้าพระยานิกรบดินทร์ (โต กัลยาณมิตร) ที่ได้อุทิศบ้านและที่ดินบริเวณนั้นสร้างเป็นวัด แล้วถวายเป็นพระอารามหลวงแด่พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 ส่วนใหญ่ผู้ที่มาวัดนี้ก็มักจะกราบสักการะ "พระพุทธไตรรัตนนายก" หรือ "หลวงพ่อโตซำปอกง" แต่มีใครทราบบ้างหรือไม่ว่าในพระอุโบสถของวัดนี้มีความแปลกกว่าวัดอื่นตรงที่พระประธานเป็นปางปาลิไลยก์ ซึ่งวัดโดยส่วนมากจะมีพระประธานเป็นปางสมาธิหรือปางมารวิชัย นอกจากที่วัดกัลยาณมิตรแห่งนี้แล้ว ในกรุงเทพฯ ยังมีอีกหนึ่งวัดที่มีพระประธานเป็นปางปาลิไลยก์เช่นกัน นั่นคือ "วัดบางขุนเทียนใน" เขตจอมทอง

          ประวัติของพระพุทธรูปปางปาลิไลยก์นั้นมีว่าครั้งหนึ่งเหล่าคณะสงฆ์ได้เกิดทะเลาะวิวาทกัน ทำให้พระพุทธเจ้าทรงหลีกหนีไปประทับในป่าแถบหมู่บ้านปาลิไลยกะ ในเวลานั้นได้มีช้างนามว่าปาลิไลยก์นำน้ำร้อนมาถวายพระพุทธเจ้า และยังมีลิงอีกตัวหนึ่งนำรวงผึ้งมาถวาย เมื่อลิงเห็นพระพุทธเจ้าเสวยรวงผึ้งที่ตนนำมาถวายก็ดีใจมากจนก้าวพลาดตกจากต้นไม้ถูกไม้แหลมเสียบอกตาย ภายหลังได้ไปเกิดเป็นเทพบุตร ต่อมา เมื่อพระพุทธเจ้าเสด็จออกจากป่าแล้ว ช้างปาลิไลยก์ก็เสียใจมากจนดวงใจแตกสลายขาดใจตาย ซึ่งพระพุทธเจ้าได้ทำนายว่าในภายภาคหน้า ช้างปาลิไลยก์จะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าอีกพระองค์หนึ่ง ทรงพระนามว่า พระสุมงคลพุทธเจ้า

          สำหรับพระประธานในพระอุโบสถวัดกัลยาณมิตรนี้ พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นเพื่อพระราชทานช่วยเจ้าพระยานิกรบดินทร์ (โต กัลยาณมิตร) ที่กำลังจะสร้างพระประธานในพระอุโบสถวัดนี้ โดยพระอุโบสถจะเปิดให้เข้าสักการะพระประธานในทุกวันพระ


2. วัดอินทารามวรวิหาร เขตธนบุรี

          วัดต่อไปเป็นวัดสำคัญวัดหนึ่งในฝั่งธนบุรี คือ "วัดอินทารามวรวิหาร" เดิมชื่อ "วัดบางยี่เรือใต้" มีมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา เมื่อสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชเสด็จขึ้นครองราชย์ ทรงพอพระราชหฤทัยในวัดนี้ จึงโปรดเกล้าฯ ให้บูรณปฏิสังขรณ์ขึ้นใหม่ ในสมัยกรุงธนบุรีวัดนี้ถือเป็นพระอารามหลวงชั้นเอก และเป็นวัดประจำรัชกาลของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชด้วย และวัดนี้ยังเคยเป็นที่ประกอบพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพกรมพระเทพามาตย์ พระราชชนนีของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชนั่นเอง

          หลังสิ้นกรุงธนบุรี วัดนี้ก็ถูกทิ้งร้าง จนเข้าสู่สมัยรัชกาลที่ 3 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ พระยาศรีสหเทพ (ทองเพ็ง) ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นขุนคลังแก้วในสมัยนั้นได้บูรณปฏิสังขรณ์ขึ้นใหม่ ทั้งยังสร้างพระอุโบสถหลังใหม่แล้วถวายเป็นพระอารามหลวงแด่รัชกาลที่ 3 แต่ถูกลดชั้นลงมาเป็นพระอารามหลวงชั้นตรี สิ่งสำคัญในวัดนี้คือมีพระเจดีย์บรรจุพระบรมอัฐิของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช และกรมหลวงบาทบริจาริกา (สอน) พระมเหสีในสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช

          พระพุทธรูปที่แปลกในวัดนี้ไม่ใช่พระประธานในพระอุโบสถครับ แต่จะประดิษฐานในส่วนที่เรียกว่ากุฏิพุทธองค์ ซึ่งมีอยู่ด้วยกัน 4 หลัง แต่มีอยู่ 2 หลังที่ประดิษฐานพระพุทธรูปปางที่แปลกและหายาก

          องค์แรกคือ "พระพุทธรูปปางถวายพระเพลิง" ลักษณะเป็นหีบพระบรมศพและมีพระบาทยื่นออกมา มีพระสงฆ์ 3 รูปกราบสักการะ ซึ่งพระสงฆ์ที่อยู่หน้าสุดก็คือพระมหากัสสปะ โดยมีที่มาจากพุทธประวัติ หลังจากที่พระพุทธเจ้าปรินิพพานและกำลังจะมีพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ ก็ปรากฏว่าไม่สามารถจุดไฟให้ติดได้ ทำให้ผู้คนคิดว่าคงต้องรอให้พระมหากัสสปะที่กำลังอยู่ในระหว่างธุดงค์มาร่วมพิธี ครั้นพระมหากัสสปะมาถึงแล้วได้ก้มลงกราบสักการะพระบรมศพของพระพุทธเจ้า ก็ปรากฏว่าพระบาทได้ยื่นออกมาจากหีบพระบรมศพ (หรือผ้าห่อพระบรมศพ) คล้ายจะรับการสักการะจากพระมหากัสสปะ แล้วไฟก็ลุกขึ้นมาเองเป็นที่น่าอัศจรรย์

          ต่อจากนั้นเราจะไปชมในกุฏิพุทธองค์อีกหลังหนึ่ง ซึ่งภายในประดิษฐาน "พระพุทธไสยาสน์ตะแคงซ้าย" โดยปกติแล้วพระพุทธไสยาสน์หรือพระนอนจะตะแคงด้านขวา มีที่มาจากพุทธประวัติในตอนที่พระพุทธเจ้าแสดงยมกปาฏิหาริย์ คือพระพุทธเจ้าได้เนรมิตพระองค์เองขึ้นอีกพระองค์หนึ่ง และแสดงปาฏิหาริย์หลายอย่าง เช่น ถาม-ตอบข้อธรรมะด้วยกัน หรือแสดงปาฏิหาริย์กันไปเป็นคู่ ๆ เช่น พระพุทธเจ้าพระองค์จริงได้ประทับในท่าตะแคงขวา พระพุทธเจ้าที่เป็นองค์เนรมิตก็ตะแคงไปทางซ้ายตรงข้ามกัน เป็นต้น


3. วัดราชคฤห์วรวิหาร เขตธนบุรี

          วัดนี้อยู่ไม่ไกลจากวัดอินทารามวรวิหารนัก โดยวัดนี้สร้างมาตั้งแต่ก่อนสมัยกรุงธนบุรี โดยนายกองมอญที่เข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภารของพระมหากษัตริย์ไทย ต่อมาพระยาพิชัยดาบหักได้บูรณปฏิสังขรณ์และสร้างพระอุโบสถ (ปัจจุบันคือพระวิหาร) ขึ้น และพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ 1 โปรดเกล้าฯ ให้ยกฐานะเป็นพระอารามหลวง และพระราชทานนามว่า "วัดราชคฤห์วรวิหาร"

          พระพุทธรูปปางแปลกในวัดนี้คือ "หลวงพ่อนอนหงาย" หรือ "หลวงพ่อประสบสุข" เป็นพระพุทธรูปนอนหงาย ซึ่งก็คือพระพุทธรูปปางถวายพระเพลิง มีที่มาเหมือนกับพระปางถวายพระเพลิงที่วัดอินทารามวรวิหาร สำหรับประวัติพระนอนองค์นี้มีอยู่ 2 แนวทาง คือ

          1. ชาวเมืองธนบุรีซึ่งเป็นเมืองหน้าด่านในสมัยกรุงศรีอยุธยาประสบความเดือดร้อนจากโรคระบาด จึงกราบทูลสมเด็จพระเอกาทศรถ พระองค์จึงโปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระพุทธรูปองค์นี้ขึ้น พร้อมกับหาฤกษ์วางเสาหลักเมืองใหม่ด้วย

          2. พระยาพิชัยดาบหักสร้างขึ้นเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้เพื่อนทหารและชาวบ้านที่ตายในสงคราม


4. วัดนางนองวรวิหาร เขตจอมทอง

          เรายังอยู่ในฝั่งธนบุรีกันอยู่ คราวนี้เราจะไปกันที่วัดนางนองวรวิหาร เป็นวัดที่มีมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา และพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 ได้โปรดเกล้าฯ ให้บูรณปฏิสังขรณ์ขึ้นใหม่ ทำให้พระอุโบสถ พระวิหาร ศิลปกรรมต่าง ๆ ภายในวัดเป็นแบบพระราชนิยมในรัชกาลที่ 3 คือมีศิลปะแบบจีนผสมผสานอยู่

          สิ่งสำคัญในวัดนี้คือพระประธานในพระอุโบสถที่มีนามว่า "พระพุทธมหาจักรพรรดิ" เป็นพระพุทธรูปทรงเครื่องแบบพระจักรพรรดิราช ซึ่งก็มีที่มาจากพุทธประวัติในตอนปราบพญาชมพูบดี ซึ่งเป็นกษัตริย์ที่หลงใหลในทรัพย์สมบัติ รูปสมบัติ ความสวยงามอลังการของปราสาทราชวัง หากพบกษัตริย์เมืองใดที่มีปราสาทราชวังสวยกว่าก็จะใช้ศรวิเศษยิงไปร้อยหูเพื่อคุมตัวมากราบสวามิภักดิ์ต่อพระองค์ จนกระทั่งวันหนึ่งพระเจ้าพิมพิสารได้ถูกพญาชมพูบดีคุกคาม จึงมาร้องขอให้พระพุทธเจ้าทรงช่วย พระพุทธเจ้าจึงเนรมิตพระองค์เองเป็นพระเจ้าราชาธิราช เนรมิตพระสาวกทั้งหลายเป็นขุนนางอำมาตย์ เนรมิตพระเวฬุวันมหาวิหารเป็นปราสาทราชวังที่สวยงามยิ่งกว่าของพญาชมพูบดี ครั้นพญาชมพูบดีมาถึงได้พยายามเล่นงานพระพุทธเจ้าด้วยวิธีต่าง ๆ แต่ก็ไม่สำเร็จ พระพุทธเจ้าจึงกลับคืนร่างเดิมและเทศนาพญาชมพูบดีจนเกิดดวงตาเห็นธรรม

          หรืออีกตำนานก็ว่ากันว่าพระพุทธรูปปางทรงเครื่องแบบพระจักรพรรดิราชนี้ หมายถึงพระศรีอาริยเมตไตรยที่ขณะนี้อยู่บนสวรรค์เพื่อรอการจุติลงมาตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า

          พระพุทธมหาจักรพรรดิ พระประธานในพระอุโบสถวัดนางนองนี้สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 3 เครื่องทรงสามารถถอดแยกจากองค์พระได้ ซึ่งรัชกาลที่ 3 ได้โปรดเกล้าฯ ให้นำเอามงกุฎของพระพุทธมหาจักรพรรดิไปไว้บนยอดนภศูลของพระปรางค์วัดอรุณฯ แล้วสร้างมงกุฎองค์ใหม่ถวายแทน ซึ่งบ้างก็ว่าการที่รัชกาลที่ 3 ทรงทำแบบนี้ก็เพื่อที่จะทรงบอกเป็นนัย ๆ ว่า มีพระประสงค์จะให้เจ้าฟ้ามงกุฎ (ต่อมาครองราชย์เป็นรัชกาลที่ 4) ได้ครองราชย์สืบต่อจากพระองค์ แต่บ้างก็ว่าเป็นธรรมเนียมแต่โบราณอยู่แล้วสำหรับการนำมงกุฎไปไว้บนยอดเจดีย์หรือยอดพระปรางค์


5. วัดเศวตฉัตรวรวิหาร เขตคลองสาน

          วัดนี้เป็นวัดที่มีมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา ต่อมาในสมัยรัชกาลที่  2 ต่อรัชกาลที่ 3 พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าฉัตร กรมหมื่นสุรินทรรักษ์ พระราชโอรสในรัชกาลที่ 1 ได้มีการย้ายและปฏิสังขรณ์วัดนี้ขึ้นใหม่

          สำหรับความแปลกของวัดนี้คือมีพระประธานในพระอุโบสถเป็นพระพุทธรูปปางนาคปรก และองค์พระก็อยู่ในท่าของปางมารวิชัยด้วย นามของพระประธานองค์นี้คือ "พระพุทธอังคีรสมุนีนาถ อุรคอาสน์บัลลังก์" (อุรค แปลว่า งู ในที่นี้หมายถึงพญานาค)

          นอกจากนี้แล้วในวัดนี้ยังมีพระพุทธไสยาสน์องค์ใหญ่ที่อยู่กลางแจ้งนามว่า "พระพุทธบัณฑูรมูลประดิษฐ์สถิตไสยาสน์" สร้างโดยพระครูวินัยสังวร (มูล) เจ้าอาวาสรูปแรกหลังจากที่กรมหมื่นสุรินทรรักษ์ย้ายวัดมาอยู่ในที่ปัจจุบันสร้างขึ้น


6. วัดสุทธาราม เขตคลองสาน

          เป็นวัดที่ชาวบ้านได้ร่วมกันสร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2411 (ตรงกับปีแรกที่รัชกาลที่ 5 ขึ้นครองราชย์) พระแปลกในวัดนี้ไม่ได้ประดิษฐานในวิหารหรือในโบสถ์ใด ๆ แต่ที่ด้านข้างอุโบสถ เป็นพระพุทธรูปปางที่เรียกว่า "ปางพยาบาลภิกษุอาพาธ"

          มีที่มาจากในพุทธประวัติ ครั้งนั้นพระพุทธเจ้าทรงพบกับพระภิกษุรูปหนึ่งที่อาพาธหนัก ท้องเสียอย่างรุนแรงโดยที่ไม่มีพระภิกษุรูปใดช่วยดูแลเลย พระพุทธเจ้าจึงทรงเข้าไปประคองพระภิกษุรูปนั้น พร้อมกับตรัสให้เหล่าภิกษุสงฆ์ต้องดูแลกันให้ดี


7. วัดทองศาลางาม เขตภาษีเจริญ

          เป็นวัดที่ไม่ปรากฏประวัติว่าสร้างขึ้นเมื่อใด แต่สิ่งที่แปลกของวัดนี้คือพระประธานในอุโบสถอีกแล้วครับ ซึ่งพระประธานในโบสถ์ของวัดนี้เป็นปางแสดงปฐมเทศนา โดยมาจากพุทธประวัติในตอนที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้แล้ว ก็มีพระดำริที่จะไปแสดงธรรมโปรดอุทกดาบสและอาฬารดาบส ซึ่งเป็นพระอาจารย์ในช่วงก่อนตรัสรู้ แต่ท่านทั้งสองก็สิ้นชีวิตไปแล้ว ทำให้พระพุทธเจ้าทรงรำลึกถึงปัญจวัคคีย์ทั้ง 5 ที่ปรนนิบัติในช่วงที่ทรงบำเพ็ญทุกรกิริยา จึงเสด็จไปยังป่าอิสิปตนมฤคทายวันที่ปัญจวัคคีย์พำนักอยู่ และแสดงปฐมเทศนาจนโกณฑัญญะเกิดดวงตาเห็นธรรมและขอบวชเป็นพระภิกษุรูปแรกในพระพุทธศาสนา


8. วัดเครือวัลย์วรวิหาร เขตบางกอกใหญ่

          วัดนี้อยู่ใกล้กับวัดอรุณฯ ปัจจุบันเป็นฌาปนสถานกองทัพเรือด้วย สร้างโดย เจ้าพระยาอภัยภูธร (น้อย บุณยรัตพันธุ์) และเจ้าจอมเครือวัลย์ ในรัชกาลที่ 3 ผู้เป็นธิดา ในวัดมีเจดีย์สามองค์ที่บรรจุอัฐิของคนในตระกูลบุณยรัตพันธุ์ด้วย

          สิ่งน่าชมในวัดนี้คือพระประธานในพระอุโบสถที่เป็นปางห้ามญาติ ถือว่าแปลกมากที่มีพระประธานในพระอุโบสถเป็นปางยืน โดยลักษณะของพระประธานนั้นมีความคล้ายกับพระร่วงโรจนฤทธิ์ที่วัดพระปฐมเจดีย์ จิตรกรรมฝาผนังก็เป็นเรื่องพระเจ้า 500 ชาติ ผมเคยทราบจากพระรูปหนึ่งในวัดว่าพระประธานมีนามว่าพระสรรเพชญ์ ซึ่งหากอยากจะเข้ากราบสักการะพระประธานสามารถไปได้ในเวลา 5 โมงเย็น ที่พระสงฆ์ทำวัตร


9. วัดปทุมคงคาราชวรวิหาร เขตสัมพันธวงศ์

          ข้ามไปฝั่งพระนครกันบ้างครับ คือวัดปทุมคงคาราชวรวิหาร ซึ่งเป็นวัดที่มีมาตั้งแต่ครั้งกรุงศรีอยุธยา หลังจากที่พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ 1 สถาปนากรุงรัตนโกสินทร์แล้ว ก็โปรดเกล้าฯ ให้เหล่าคนจีนที่เดิมอาศัยอยู่ในบริเวณที่เป็นพระบรมมหาราชวังในปัจจุบันย้ายไปอยู่บริเวณสำเพ็ง หลังจากนั้นได้โปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท พระอนุชา บูรณปฏิสังขรณ์วัดปทุมคงคาแห่งนี้ขึ้นใหม่ ว่ากันว่าในสมัยนั้นหากมีช้างต้นในพระบรมมหาราชวังล้มลงก็จะมีการนำอัฐิมาลอยอังคารที่หน้าวัดนี้

          พระประธานในพระอุโบสถวัดนี้ มีนามว่า "พระพุทธมหาชนก" เป็นพระพุทธรูปทรงเครื่องแบบจักรพรรดิราชเหมือนพระประธานวัดนางนอง ว่ากันว่าเดิมเป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัยธรรมดา แต่ก็มีการดัดแปลงให้เป็นปางทรงเครื่องแบบจักรพรรดิราช

2
motor expo: Mazda e-Skyactiv R-EV เทคโนโลยีแห่งอนาคตที่ไปได้ไกลกว่า ขับเคลื่อนสู่ความยั่งยืนเพื่อผู้คน สังคม และโลกของเรา
 
มาสด้าไม่เคยหยุดนิ่งที่จะพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ เพราะทุกก้าวย่างเกิดจากความมุ่งมั่นตั้งใจจริงเพื่อมวลมนุษยชาติ โดยมีเป้าหมายสูงสุด คือ การบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอน นี่คือบทพิสูจน์ที่ท้าทายเพื่อแก้ปัญหาด้านส่งแวดล้อมในฐานะผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติญี่ปุ่น หนึ่งในวิธีที่ทรงประสิทธิภาพมากที่สุด คือการพัฒนานวัตกรรมทางด้านเทคโนโลยีที่ทันสมัย ผ่านระบบส่งกำลังของเครื่องยนต์ทุกประเภท ตั้งแต่เครื่องยนต์สันดาปภายใน (ICE) รถปลั๊ก-อิน ไฮบริด (PHEV) รถไฟฟ้าไฮบริด (HEV) ไปจนถึงรถไฟฟ้าเต็มรูปแบบ (EV) วิวัตนาการเหล่านี้คือหนึ่งในวิถีทางไปสู่ Well-to-wheel ที่มาสด้าให้ความสำคัญตั้งแต่ต้นกำเนิด ขบวนการขุดเจาะ การสกัดวัสดุที่จำเป็นในการผลิต ไปจนถึงสิ้นสุดอายุการใช้งานของยานพาหนะผ่านกระบวนการรีไซเคิล เพื่อช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสู่ชั้นบรรยากาศ ซึ่งในแต่ละภูมิภาคก็จะถูกปรับให้มีความเหมาะสมและแตกต่างกันในแต่ละช่วงเวลา เนื่องจากไม่มีวิธีใดวิธีเดียวที่เหมาะสมกับทุกภูมิภาค มาสด้าจึงได้คิดค้นทุกวิถีทางในการแก้ปัญหา ตามแนวทาง Multi-Solution นั่นคือการแสวงหานวัตกรรมที่หลากหลาย เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่หลากหลาย จนบรรลุเป้าหมายดังกล่าวแล้วและมีประสิทธิภาพสูงสุด


หนึ่งในกลยุทธ์ของมาสด้าที่เดินหน้าตามแนวทาง Multi-Solution คือการพัฒนาเครื่องยนต์ ปลั๊ก-อิน ไฮบริด (PHEV) ด้วยการนำข้อดีของการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงมาผสานกับพลังงานไฟฟ้า เพื่อให้ได้ระยะทางขับขี่ที่ไกลขึ้น ประหยัดน้ำมันมากขึ้น จึงเกิดเป็นเทคโนโลยี e-Skyactiv R-EV ซึ่งเป็นเทคโนโลยีพลังงานทางเลือกที่ดีที่สุด โดยพัฒนาต่อยอดจากรถไฟฟ้า 100% ซึ่งมาสด้านำเอาเครื่องยนต์โรตารี่อันเลื่องชื่อมาใช้เป็นตัวปั่นกระแสไฟ เปลี่ยนเป็นแหล่งพลังงานที่ช่วยให้การขับขี่ด้วยระบบไฟฟ้าได้ระยะทางไกลมากขึ้น ตอบโจทย์ยุคสมัยที่กำลังเปลี่ยนผ่านจากพลังงานเชื้อจากฟอสซิลไปสู่พลังงานไฟฟ้า เพิ่มทางเลือกให้เกิดความหลากหลายมากขึ้นในการเลือกรถยนต์ที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของตน และความเหมาะสมตามความพร้อมของแต่ละภูมิประเทศ

 
หัวใจหลักสำคัญของการพัฒนาเทคโนโลยี e-Skyactiv R-EV คือ เครื่องยนต์โรตารี่ เป็นตัวปั่นกระแสไฟกลับเข้าสู่แบตเตอรี่ เครื่องยนต์มีขนาดเพียง 830 ซีซี ให้กำลังสูงสุด 170 แรงม้า ลูกสูบหมุน 1 โรเตอร์ ทำจากอลูมิเนียม น้ำหนักเบาเพียง 15 กิโลกรัม เล็กกว่าเครื่องยนต์แบบลูกสูบที่ให้กำลังใกล้เคียงกัน และแบตเตอรี่ลิเที่ยมไอออนขนาด17.8 กิโลวัตต์ วิ่งด้วยพลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่เพียงอย่างเดียวได้ไกลถึง 85 กิโลเมตร โดยมีความเร็วสูงสุดที่ 140 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แต่เมื่อได้รับการปั่นพลังงานไฟฟ้ากลับเข้ามาจากเครื่องยนต์โรตารี่ จะทำให้เพิ่มระยะทางในการวิ่งได้ไกลถึง 600 กิโลเมตร จากการทำงานของเครื่องยนต์โรตารี่ที่ใช้พลังงานจากน้ำมันเชื้อเพลิงในการขับเคลื่อน มาผสานกับการทำงานของระบบมอเตอร์ไฟฟ้าเป็นตัวขยายระยะทางในการขับขี่ กลายเป็นเทคโนโลยี ปลั๊ก-อิน ไฮบริด ที่ได้จากเครื่องยนต์โรตารี่ อันเกิดจาก จิตวิญญาณแห่งความท้าทาย หรือ Challenger Spirit อันมีเอกลักษณ์เฉพาะของมาสด้า
 

เทคโนโลยี e-Skyactiv R-EV ที่ใช้เครื่องยนต์โรตารี่เป็นตัวปั่นไฟนี้ เป็นเพียงส่วนหนึ่งที่เกิดจากความมุ่งมั่นของมาสด้าในการพัฒนาเทคโนโลยียานยนต์สู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน ตามแนวทาง Multi-Solution เพื่อส่งมอบเทคโนโลยีที่มาพร้อมทางเลือกที่หลากหลายให้กับผู้คนในแต่ละสังคม อีกหนึ่งโมเดลของมาสด้าที่ใช้เครื่องยนต์โรตารี่ในการปั่นกระแสไฟ คือรถต้นแบบที่มาสด้านำมาเผยโฉมเป็นครั้งแรกในงาน Japan Mobility Show 2023 Mazda Iconic SP สปอร์ตคอมแพ็คคาร์คอนเซ็ปต์ ที่ได้รับการออกแบบเพื่อให้เข้ากับยุคสมัยใหม่และตอบโจทย์ลูกค้าที่ รักในรถยนต์ และ ปรารถนาที่จะครอบครองรถยนต์ที่สามารถถ่ายทอดความสุขในการขับขี่ โดยคอนเซ็ปต์คาร์รุ่นนี้มาพร้อมกับเครื่องยนต์โรตารี แบบ 2 โรเตอร์ พร้อมมอเตอร์ไฟฟ้า (Two-rotor Rotary EV System) อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะมาสด้าที่ยังคงมีขนาดกะทัดรัด จึงทำให้มีความยืดหยุ่นสูงในเรื่องการจัดวางพื้นที่ของห้องเครื่องยนต์ ซึ่งช่วยให้รถต้นแบบคันนี้มีจุดศูนย์ถ่วงต่ำและให้สมรรถนะในการขับขี่ดีขึ้น โดยแบตเตอร์รี่จะถูกชาร์จด้วยพลังงานแบบย้อนกลับและจากเครื่องยนต์โรตารีแบบ 2 โรเตอร์ ที่ใช้ในการผลิตพลังงาน ซึ่งเป็นพลังงานที่ไม่ก่อให้เกิดคาร์บอนไดออกไซด์
 

อีกหนึ่งคอนเซ็ปต์คาร์ที่สร้างชื่อเสียงให้กับชาวมาสด้าอย่างน่าภาคภูมิใจ ด้วยการคว้ารางวัลรถยนต์ออกแบบยอดเยี่ยมประจำปีจากประเทศอิตาลี คือ RX-VISION SKYACTIV-R คือเครื่องยนต์โรตารีเจนเนอเรชั่นใหม่ที่สะท้อนถึงวิสัยทัศน์แห่งอนาคตของมาสด้า เครื่องยนต์สามเหลี่ยมลูกสูบหมุน แบบ 2 โรเตอร์ พร้อมมอเตอร์ไฟฟ้า (Two-rotor Rotary EV System) โดยเครื่องยนต์โรตารี่จะทำหน้าที่เป็นตัวปั่นกระแสไฟและส่งพลังงานกลับคืนสู่แบตเตอรี่เช่นเดียวกับ e-Skyactiv R-EV ซึ่งไม่ก่อให้เกิดมลพิษของคาร์บอนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม อีกทั้งเครื่องยนต์โรตารี่ที่พัฒนาขึ้นมาใหม่นี้สามารถใช้พลังงานเชื้อเพลิงได้หลากหลายประเภท รวมถึงพลังงานไฮโดรเจน พลังงานสะอาดทางเลือกแห่งอนาคต
 
การนำเทคโนโลยี e-Skyactiv R-EV มาใช้ในเครื่องยนต์ใหม่ล่าสุดนี้ เป็นการปลุกฟื้นคืนชีพตำนานเครื่องยนต์โรตารี่ ต้นกำเนิดรถสปอร์ตมาสด้าหลากหลายรุ่นในอดีต ที่ถูกถ่ายทอดมาจนถึงปัจจุบันกลายเป็นดีเอ็นเอของมาสด้าที่ไม่เคยย่อท้อต่ออุปสรรค หรือ Challenger Spirit ในฐานะผู้ผลิตรถยนต์ มาสด้าจะยังคงเฟ้นหาวิธีการต่างๆ ต่อไป ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อให้ได้มาซึ่งความเป็นกลางทางคาร์บอน ผ่านการนำเสนอผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีที่หลากหลาย ตามแนวทาง Multi-Solution เพื่อผู้คนในเจเนอเรชั่นถัดไป เพื่อโลกของเราให้ยังคงความสวยงาม เพื่อคุณภาพชีวิตของผู้คน และเพื่อสร้างสรรสังคมของเราให้น่าอยู่ตราบนานเท่านานสู่ลูกหลานของเราตลอดไป

3
tokyo motor show 2024: ฮอนด้า Honda-e:N 1-ปี 2024
N/A 

ฮอนด้า Honda-e:N 1-ปี 2024
Honda e:N1 รถยนต์ไฟฟ้าล้วน พลัง 204 แรงม้า 310 นิวตัน-เมตร ความจุแบตฯ 68.8 kWh ติดใต้ท้องรถ วิ่งได้ 500 กม./ชาร์จ NEDC และล็อคความเร็วไว้ที่ 160 กม./ชม. รองรับหัวชาร์จ DC CCS 2 และ AC Type 2 ระยะเวลาชาร์จ AC 7 kWh 1 เฟส 7-8 ชม. และ DC 78 kWh 40 - 50 นาที ภายนอกดีไซน์พรีเมี่ยมกระจังหน้าแบบเปิดทึบบ่งบอกความเป็นรถยนต์ไฟฟ้า 100% และมีฝาปิดเปิดช่องชาร์จไฟที่กระจังหน้า โดยมีไฟ LED แสดงสถานะขณะกำลังชาร์จ มาพร้อมโลโก้ "H" แบบใหม่ด้านท้ายมีฟอนต์ HONDA ใหม่ ไฟท้ายแบบสี Smoke เชื่อมยาวทั้งสองฝั่ง สปอยเลอร์หลังแบบสปอร์ต เสาอากาศครีบฉลาม กระจกมองข้างปรับและพับไฟฟ้าและด้าซ้ายปรับลงอัตโนมัติเมื่อถอยหลัง ล้ออัลลอย 18 นิ้ว ยาง Continetal Ultracontect UC6 ภายในมาตรวัด 4 เหลื่อมยาวขนาด 10.25 นิ้ว จอกลางขนาด 15.1 นิ้ว แนวตั้ง เพิ่มมีระบบ BSI เตือนมุมอับสายตา  ใครสนใจต้องเช่าขับกับบริษัทเช่ารถ 12 แห่งเท่านั้นไม่มีจำหน่าย ค่าเช่าเริ่มต้น 29,000 บาท/เดือน สัญญาเริ่มต้น 48 เดือน สามารถติดต่อการเช่ารถได้เว็บไซต์ฮอนด้า

รายละเอียดเบื้องต้น
   แบรนด์                 Honda
   รุ่น                      ฮอนด้า Honda-e:N 1-ปี 2024
   ประเภทรถ             Electric - EV, รถอเนกประสงค์ SUV
   ปีที่เปิดตัว              2024
   ราคา                   N/A

ดีไซน์
   ภายนอก
ระบบไล่ฝ้ากระจกหลัง
ไฟท้าย LED (ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ (Auto High-Beam: AHB) ไฟท้ายแบบ LED Light Strip สี Smoke)
อุปกรณ์ภายนอกอื่นๆ (กล้องมองภาพด้านหลัง ปรับมุมมองได้ 3 ระดับ)
ไฟ Daytime Running Lights
ปัดน้ำฝนกระจกหน้าแบบพิเศษ (แบบหน่วงเวลาพร้อมระบบอัตโนมัติ)
ไฟหน้า LED (ไฟเลี้ยวด้านหน้าแบบ LED Sequential)
ปัดน้ำฝนกระจกหลัง
ล้อแม็ก (18" สีดำ)
ไฟตัดหมอก (หน้า LED)
สปอยเลอร์หลังพร้อมไฟเบรค
กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยว (ปรับและพับไฟฟ้า,ด้านซ้ายปรับลงเมื่อถอยหลัง)
อุปกรณ์ชุดแต่ง (โลโก้ "H" แบบใหม่,ด้านท้ายมีฟอนต์ HONDA ใหม่)

   ภายใน
ภายในโทนสีดำ
เบาะคนขับปรับสูง-ต่ำได้
หัวเกียร์หุ้มหนัง
ตกแต่งภายใน (สีดำเดินด้ายฟ้า/ขาว)
กระจกมองหลังตัดแสง (อัตโนมัติ)
ปลั๊กไฟ 12 โวลท์
พวงมาลัยหุ้มหนัง
พวงมาลัยปรับสูง-ต่ำได้ (4 ทิศทาง)
ระบบฟอกอากาศในตัวรถ (AIR BALANCE package) (PM2.5)

สเปค
   มอเตอร์ไฟฟ้า               มอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูงสุด 204 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 310 นิวตัน-เมตร และระยะทางต่อการชาร์จ 1 ครั้ง สูงสุด 500 กิโลเมตร
NEDC และล็อคความเร็วไว้ที่ 160 กม./ชม. รองรับหัวชาร์จ DC CCS 2 และ AC Type 2
ระยะเวลาชาร์จ
AC 7 kWh 1 เฟส 7-8 ชม.
DC 78 kWh 40 - 50 นาที

   กำลังเครื่องยนต์ (แรงม้า)     204 แรงม้า
   ระบบเกียร์                      1 จังหวะ
   รูปแบบเกียร์
   ระบบเบรค ABS              มี (พร้อมระบบกระจายแรงเบรค EBD)
   ชนิดแบตเตอรี่                ไฟฟ้า
   ความจุแบตเตอรี่             68.8 kWh
   ระยะทางวิ่ง/การชาร์จ 1 ครั้ง  500 KM

   น้ำหนักตัวรถ                  1,662 กก.
   ประเภทยางรถยนต์           Continetal Ultracontect UC6
   ขนาดล้อ (นิ้ว)
   ระบบขับเคลื่อน               ขับเคลื่อนล้อหน้า

ระบบความปลอดภัยระบบความปลอดภัย
อุปกรณ์ความปลอดภัย  อุปกรณ์ความปลอดภัย
ระบบควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ (VSA)
ตัวถังนิรภัย
ดิสก์เบรก 4 ล้อ
เซ็นทรัลล็อค (พร้อมสวิตซ์ควบคุมตำแหน่งคนขับ)
สัญญาณกันขโมย
กุญแจนิรภัย (Immobilizer)
ล็อคประตูอัตโนมัติ (ระบบล็อกรถอัตโนมัติเมื่อกุญแจรีโมทอยู่ห่างจากตัวรถ (Walk Away Auto Lock))
ไฟเบรกดวงที่ 3 (แบบ LED)
ระบบป้องกันสำหรับกระจกไฟฟ้า (ด้านคนขับ)
สัญญาณเตือนถอยหลัง
ระบบป้องกันก่อนเกิดเหตุ (สัญญาณไฟฉุกเฉินอัตโนมัติขณะเบรกกะทันหัน (ESS))
ระบบป้องกันการโจรกรรม
ระบบกระจายแรงเบรก EBD
หลอดไฟพิเศษระบบ Daytime Running Lights(DRL)
อุปกรณ์เสริมความปลอดภัยอื่นๆ (ระบบช่วยการออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน (HSA),ระบบแสดงภาพมุมอับสายขณะเปลี่ยนเลน (Honda Lanewatch))
เข็มขัดนิรภัย (คู่หน้าแบบดึงกลับอัตโนมัติ,ระบบเตือนคาดเข็มขัดนิรภัยผู้โดยสารด้านหน้า พร้อมเตือนผู้โดยสารด้านหลัง (Front and Rear Passenger Seat Belt Reminder) ไฟเตือนเบาะนั่งด้านหลัง (Rear Seat Reminder))
พวงมาลัยยุบตัวได้
กระจกนิรภัย
คานเหล็กเสริมนิรภัย
ระบบช่วยการออกตัวขณะจอดบนทางลาดชัน (ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน (Hill Descent Control: HDC))
อื่นๆ (ระบบเตือนและช่วยเบรกที่ความเร็วต่ำ (City Brake Active System) ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ (Lane Keeping Assist System: LKAS))
ระบบสั่งการด้วยเสียง (siri)
เทคโนโลยีเตือนจุดอับสายตา (Blind Spot Warning - BSW) (BSI)
เทคโนโลยีตรวจจับวัตถุด้านหลังรถขณะถอย (Rear Cross Traffic Alert - RCTA)

4
motor expo: Nissan เตรียมยุติการพัฒนาเครื่องยนต์สันดาป มุ่งสู่การพัฒนา EV อย่างเต็มตัว

Nissan เตรียมหยุดพัฒนาเครื่องยนต์สันดาปใหม่ ทั้งเบนซินและดีเซล ซึ่งเป็นสัญญาณของการเปลี่ยนไปใช้พลังงานไฟฟ้าอย่างเต็มตัว
 
สิ่งนี้แตกต่างจากแบรนด์ญี่ปุ่นอย่าง Toyota, Mazda, และ Subaru ที่เพิ่งประกาศความร่วมมือพัฒนาเครื่องยนต์สันดาปเจเนอเรชั่นใหม่ซึ่งสามารถใช้เชื้อเพลิงได้หลายรูปแบบ เมื่อไม่นานมานี้
 
Francois Bailly รองประธานอาวุโสของแบรนด์และประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายวางแผนสำหรับภูมิภาค AMIEO (Africa, Middle East, India, Europe, และ Oceania) ให้สัมภาษณ์กับสื่อออสเตรเลียเมื่อถามถึงอนาคตของเครื่องดีเซล
 
เขาตอบว่า “อนาคตของเราคือ EV”
 
โดยระบุว่า Nissan จะใช้ขุมพลัง e-Power เป็นหลักในการเปลี่ยนไปใช้พลังงานไฟฟ้าอย่างเต็มตัว และการเปลี่ยนผ่านของแต่ละพื้นที่จะดำเนินไปตามจังหวะของตนเอง
 
“เราจะไม่ลงทุนระบบส่งกำลังใหม่สำหรับเครื่องยนต์สันดาปอย่างแน่นอน”

 
ใช้ e-Power เป็นหลัก
 
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้รถยนต์ไฟฟ้า 100% ของ Nissan ก็ยังมีสัดส่วนไม่มากนัก ปัจจุบัน ระบบไฮบริด e-Power มีอยู่ในรถของ Nissan หลายรุ่น เช่น Kicks ไปจนถึง Qashqai และ X-Trail เจนล่าสุด เป็นข้อบ่งชี้ว่าขุมพลังนี้จะขยายไปยังรุ่นอื่น ๆ ด้วย
 
การเปลี่ยนผ่านยังไปถึงกระบะอย่าง Navara เจนถัดไปด้วยเช่นกัน โดยจะมีการนำขุมพลัง PHEV เข้ามา ซึ่งแพลตฟอร์มกระบะรุ่นใหม่นี้จะใช้ร่วมกันกับ Mitsubishi Triton ขณะเดียวกันก็ยังมีขุมพลังดีเซล 2.4 ลิตรเทอร์โบในรุ่นย่อยอื่น ๆ ด้วย
 
ขณะเดียวกัน รถรุ่นใหญ่ที่ใช้เครื่องยนต์สมรรถนะสูงอย่าง Patrol, Z ไปจนถึงแบรนด์หรูอย่างค่าย Infiniti จะยังคงใช้เครื่องยนต์รหัส VR30DDTT และ VR35DDTT ที่ยังคงมีศักยภาพที่เพียงพออยู่
 
ดังนั้น หากมีการเปิดตัวรถน้ำมันรุ่นใหม่ ๆ จาก Nissan ออกสู่ตลาดในอีกไม่กี่ปีข้างหน้านี้ ก็เป็นไปได้ว่า เครื่องยนต์เหล่านั้นมาจากเทคโนโลยีที่มีอยู่แล้ว
 

กำลังพัฒนาระบบ e-Power เจนใหม่ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
 
Nissan กำลังพัฒนาระบบ e-Power เจเนอเรชั่นใหม่ให้มีกำลังมากขึ้น แต่ใช้ต้นทุนน้อยลงและประหยัดเชื้อเพลิงมากขึ้น โดยจะใช้เครื่องยนต์ขนาดเล็กในการปั่นไฟเข้าแบตเตอรี่ที่จะส่งพลังงานเข้าสู่ระบบขับเคลื่อนไฟฟ้า
 
อย่างไรก็ตาม Bailly ไม่ได้กำหนดถึงวันเลิกใช้เครื่องยนต์สันดาปภายในลงแต่อย่างใด โดยระบุว่า แต่ละพื้นที่จะมีจังหวะที่แตกต่างกันสำหรับการเปลี่ยนไปใช้พลังงานไฟฟ้า
 
เขายกตัวอย่างถึงตลาดแอฟริกา ที่มาตรฐานไอเสียเครื่องยนต์ยังไม่เทียบเท่าประเทศอื่น (อาจมีเพียง Euro2, Euro4 โดยปัจจุบันมีถึง Euro6 แล้ว) ดังนั้นการเปลี่ยนจากน้ำมันไปยังไฟฟ้าจะขึ้นอยู่กับแต่ละพื้นที่ และเขายังระบุว่า การลงทุนของ Nissan ตอนนี้มีความชัดเจน (ว่าจะไปทาง EV)
 
ทั้งนี้ เราคงต้องรอการยืนยันอย่างเป็นทางการจาก Nissan อีกครั้ง ว่าทิศทางของบริษัทจะเป็นอย่างไร

5
จัดฟันบางนา: ตรวจเช็ค “สี” ของ รากฟันเทียม !

หลายคนที่กำลังตัดสินใจที่เข้ารับการรักษาด้วยการผ่าตัดฝังรากฟันเทียม อาจจะมีความกังวลในเรื่องของการฝังรากฟันเทียม ว่าจะมีความเจ็บมั้ย มีราคาแพงมั้ย รวมไปถึงเครื่องมือหรือตัวรากฟันเทียม ซึ่งตัวรากฟันเทียมนี่เอง ที่หลายคนสงสัยว่า สีของรากฟันเทียมจะมีสีที่ใกล้เคียงกับฟันธรรมชาติหรือไม่

หากทำไปแล้วเกิดมีสีที่ต่างกันค่อนข้างมาก ก็อาจจะหม่มั่นใจเวลายิ้มหรือเวลาที่ต้องพูดคุย พบปะผู้คน อย่างแรกเราจะอธิบายของส่วนประกอบของรากฟันเทียมก่อน ซึ่งรากฟันเทียมจะประกอบไปด้วย รากเทียม เดือยฟัน และครอบฟัน นี่เป็นส่วนประกอบของรากฟันเทียม ที่จะเข้าไปฝังอยู่บนขากรรไกรเพื่อให้รองรับรากฟันเทียม

ตัวสีของรากฟันเทียมที่หลายคนสงสัยก็คือตัวครอบฟัน ที่เป็นส่วนที่อยู่ด้านบนของเหงือกซึ่งจะเห็นได้ชัด ทำมาจากเซรามิคที่มีความแข็งแรงทนทาน มีรูปร่างลักษณะใกล้เคียงกับธรรมชาติ

ซึ่งจุดครอบฟันนี้ จะเป็นจุดที่มองเห็นได้ชัด หากมีใครเห็นว่าสีของรากฟันเทียมกับสีฟันธรรมชาติ ไม่เหมือนกัน ก็จะไม่ใช่เรื่องดีอย่างแน่นอน จะทำให้ขาดความมั่นใจเวลายิ้ม และจะมำฝห้เสียบุคคลิกภาพอีกด้วย สำหรับสีของรากฟันเทียม มีการออกแบบมาให้เหมาะสมกับสภาพฟันของผู้เข้ารับการรักษามีลักษณะที่คล้ายกับฟันของเรา และจะมีสีที่ใกล้เคียงกับสีฟันธรรมชาติมากที่สุด ซึ่งจะทำให้มองไม่ออกว่าเรากำลังใส่รากฟันเทียม

หากคุณต้องการที่เข้ารับการบริการฝังรากฟันเทียม ทางคลีนิคเรามีทีมทันตแพทย์ที่ผ่านการอบรมมาเฉพาะทาง มีความเชี่ยวชาญและประสบการณืมาอย่างยาวนานในเรื่องของการฝังรากฟันเทียม รวมไปถึงผู้ที่เข้ารับการรักษาสามารถสอบถามเรื่องค่าใช้จ่ายได้จาก เจ้าหน้าที่ของทางคลีนิค

รวมถึงการบริการทางทันตกรรมอื่นๆ ทางคลีนิคเราเป็นศูนย์ทันตกรรมที่ครบวงจร มีการบริการเกี่ยวกันฟันทุกรูปแบบ สามารถเข้ามารับคำแนะนำได้จากทันตแพทยผืโดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น ทางคลีนิคของเราได้รับความไว้วางใจว่าได้มาตรฐานสากล มีสถานที่ที่สะอาด ปลอดภัย และน่าไว้วางใจมากที่สุด

6
แท็บเล็ต 2024: แอปเปิล APPLE iPad Pro13" (2024) (1TB) Wi-Fi+Cellular
84,900 บาท 

แอปเปิล APPLE iPad Pro13" (2024) (1TB) Wi-Fi+Cellular
รายละเอียดเบื้องต้น
   ยี่ห้อ-รุ่น              แอปเปิล APPLE iPad Pro13" (2024) (1TB) Wi-Fi+Cellular
   ราคากลาง            84,900 บาท
   จำนวนซิม             1 ซิม
   สี                      Silver, Black

   ความถี่-เครือข่าย
2G ()
3G ()
4G ()
5G ()

   ขนาด-น้ำหนัก                  ยาว 215.5 x กว้าง 281.6 x หนา 5.1 มม., น้ำหนัก 582 กรัม
   ความจุข้อมูลภายใน-ROM    1000 GB
   ความจุข้อมูลภายนอกสูงสุด        -
   แบตเตอรี่                        N/A

ชนิดจอ
   ชนิดจอ                   Ultra XDR Retina OLED
   ขนาด-ความละเอียด    13 นิ้ว, 2,064 x 2,752 px
   รายละเอียดอื่น

กล้องถ่ายรูป
   ขนาด-ความละเอียด                กล้องหลัง (12 Mpx), กล้องหน้า (12 Mpx)
   ความละเอียดของภาพภ่ายสูงสุด
   คุณสมบัติ                            -

ระบบปฏิบัติการ
   หน่วยประมวลผล (CPU)            Apple M4
   หน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU)
   หน่วยความจำ (RAM)               8 GB
   ระบบเชื่อมต่อภายนอก                -
   ระบบรับส่งข้อความ                     -
   การเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต              3G, WiFi, 4G, 5G

7
อาการของโรคจุดภาพชัดที่จอตาเสื่อมในผู้สูงอายุ (Age-related macular degeneration)

จุดภาพชัด (macula) เป็นจุดที่อยู่ตรงกลางของจอตา มีเซลล์ประสาทรับรู้แสงและสี (cones) จำนวนมาก ทำให้เห็นภาพตรงส่วนกลางของลายสายตา (central vision) ได้คมชัด ผู้สูงอายุบางคนอาจเกิดภาวะเสื่อมของจุดภาพชัดตามวัย ทำให้สูญเสียการมองเห็นเฉพาะส่วนกลางภาพ โดยที่ยังมองเห็นด้านข้างภาพได้เป็นปกติ เนื่องจากลานสายตาด้านข้าง (peripheral vision) ยังปกติดี

ภาวะดังกล่าวเรียกว่า “โรคจุดภาพชัดที่จอตาเสื่อมในผู้สูงอายุ” (“โรคจุดรับภาพชัดจอตาเสื่อมในผู้สูงอายุ” “โรคจอตาเสื่อมในผู้สูงอายุ” “โรคศูนย์กลางจอประสาทตาเสื่อมจากอายุ” ก็เรียก)

โรคนี้เป็นสาเหตุสำคัญของการสูญเสียความสามารถในการมองเห็นในผู้สูงอายุ


สาเหตุ

ยังไม่ทราบแน่ชัด พบว่ามีความสัมพันธ์กับปัจจัยหลายอย่าง ได้แก่

    กรรมพันธุ์ ผู้ที่มีประวัติว่ามีพ่อแม่เป็นโรคจุดภาพชัดเสื่อมมีโอกาสเป็นโรคนี้มากกว่าคนทั่วไป
    ความเสื่อมตามวัย โรคนี้มักพบในคนอายุมากกว่า 50 ปี และพบได้มากขึ้นตามอายุที่มากขึ้น
    การสูบบุหรี่ มีโอกาสเป็นโรคนี้มากกว่าผู้ที่ไม่ได้สูบประมาณ 2-3 เท่า
    ผู้ที่เป็นความดันโลหิตสูง โรคหัวใจและหลอดเลือด และผู้ที่มีความอ้วน มีโอกาสเสี่ยงต่อการเป็นโรคนี้มากขึ้น

โรคนี้แบ่งออกเป็น 2 ชนิด ได้แก่

    จุดภาพชัดที่จอตาเสื่อมชนิดแห้ง (dry/atrophic macular degeneration) ซึ่งเป็นชนิดที่พบได้เป็นส่วนใหญ่ (พบได้ประมาณร้อยละ 85-90 ของผู้ป่วยโรคจุดภาพชัดที่จอตาเสื่อมทั้งหมด) พบว่าเซลล์ประสาทที่บริเวณจุดภาพชัดที่จอตาค่อย ๆ เสื่อมสภาพและหายไป ทำให้จุดภาพชัดมีลักษณะบางตัวลง และมีอาการตามัวซึ่งเกิดขึ้นแบบค่อยเป็นค่อยไป
    จุดภาพชัดที่จอตาเสื่อมชนิดเปียก (wet/neovascular/exudative macular degeneration) ซึ่งเป็นชนิดที่พบได้เป็นส่วนน้อย พบว่ามีหลอดเลือดงอกใหม่ผิดปกติในผนังลูกตาชั้นกลาง หรือคอรอยด์ (choroidal neovascularization) ที่บริเวณใต้จุดภาพชัด ต่อมาเกิดการรั่วซึมของเลือดหรือสารน้ำออกจากหลอดเลือดเหล่านี้ที่เปราะและแตกง่าย ทำให้จุดภาพชัดบวมและเซลล์ประสาทจอตาเสื่อมสภาพ หากปล่อยไว้อาจทำให้จุดรับภาพชัดเสื่อมอย่างถาวรและกลายเป็นแผลเป็น ส่งผลให้สูญเสียการมองเห็น ผู้ป่วยที่เป็นจุดภาพชัดที่จอตาเสื่อมชนิดเปียกอาจเกิดขึ้นมาเองได้ทันที (เนื่องจากมีเลือดออกไปคั่งที่จุดภาพชัด) หรืออาจเกิดต่อเนื่องจากโรคจุดภาพชัดที่จอตาเสื่อมชนิดแห้งที่มีมาก่อน อาการตามัวในผู้ป่วยกลุ่มนี้อาจเกิดขึ้นแบบฉับพลันและมีความรุนแรงในช่วงเวลาสั้น ๆ ได้

อาการ

จุดภาพชัดที่จอตาเสื่อมชนิดแห้ง มักมีอาการตามัว คือ มองเห็นไม่ชัดหรือพร่ามัวเฉพาะช่วงตรงกลางภาพ ซึ่งค่อย ๆ เกิดมากขึ้นอย่างช้า ๆ โดยไม่มีอาการปวดตา เช่น ผู้ป่วยอาจสังเกตว่า เวลาอ่านหนังสือหรือทำงานที่ประณีต หรือต้องมองใกล้ ๆ จำเป็นต้องอาศัยแสงที่สว่างมากขึ้น มองเห็นภาพบิดเบี้ยว (เช่น มองเห็นเส้นตรงเป็นคลื่น หรือเป็นเส้นคด มองเห็นป้ายสัญญาณจราจรผิดเพี้ยนไป) อ่านตัวหนังสือได้ไม่ชัดมากขึ้นเรื่อย ๆ สายตาไม่ดีเมื่ออยู่ในที่สลัว มองเห็นสีได้ไม่ชัดเจน (สีจางหรือมืดมัวกว่าปกติ ต้องอาศัยแสงสว่างที่มากกว่าปกติจึงจะมองเห็นสีได้ชัดขึ้น) จำหน้าคนรู้จักไม่ได้ เมื่อสายตาพร่ามัวหนักขึ้น ช่วงตรงกลางภาพที่มองเห็น (ตรงกลางของลานสายตา) มีลักษณะพร่ามัวหรือมีจุดบอด (เห็นเป็นสีดำหรือสีเทา) แต่ยังสามารถมองเห็นส่วนด้านข้างของภาพได้เป็นปกติ

สำหรับผู้ป่วยที่เป็นจุดภาพชัดที่จอตาเสื่อมชนิดแห้งระยะแรกเริ่ม ซึ่งบริเวณที่เสื่อมมีขนาดเล็กและตาอีกข้างเป็นปกติ เมื่อมองด้วยตา 2 ข้างพร้อมกัน ผู้ป่วยอาจไม่ทันสังเกต หรือไม่รู้สึกว่าผิดปกติ จนกว่าบริเวณที่เสื่อมมีขนาดใหญ่ขึ้น หรือเป็นที่ตาทั้ง 2 ข้าง ผู้ป่วยจึงจะสังเกตเห็นความผิดปกติได้ชัดเจน

จุดภาพชัดที่จอตาเสื่อมชนิดเปียก มีอาการแบบเดียวกับจุดภาพชัดที่จอตาเสื่อมชนิดแห้งดังกล่าวข้างต้น แต่มักเกิดขึ้นอย่างฉับพลัน และมีอาการรุนแรงขึ้นอย่างรวดเร็ว ผู้ป่วยมักสังเกตเห็นอาการผิดปกติได้ง่ายกว่าจุดภาพชัดเสื่อมชนิดแห้ง โดยช่วงตรงกลางภาพที่มองเห็นมีลักษณะพร่ามัวหรือเป็นจุดบอด (สีดำหรือเทา) ซึ่งมีขนาดใหญ่ จนสูญเสียการมองเห็นช่วงตรงกลางภาพเกือบทั้งหมด แต่ไม่ถึงกับตาบอดสนิท เนื่องจากผู้ป่วยยังสามารถมองเห็นส่วนด้านข้างของภาพได้เป็นปกติ

ภาวะแทรกซ้อน

สำหรับจุดภาพชัดที่จอตาเสื่อมชนิดแห้ง หากปล่อยไว้ไม่ได้รับการรักษา สายตาจะค่อย ๆ แย่ลงจนสูญเสียการมองเห็นช่วงตรงกลางของภาพ และพบว่ามีราวร้อยละ 10 ของผู้ป่วยกลุ่มนี้ จะกลายเป็นจุดภาพชัดที่จอตาเสื่อมชนิดเปียกแทรกซ้อนตามมา

สำหรับจุดภาพชัดที่จอตาเสื่อมชนิดเปียก มักมีอาการรุนแรงกว่าชนิดแห้ง ผู้ป่วยอาจสูญเสียการมองเห็นตรงส่วนกลางของภาพภายในเวลาไม่กี่สัปดาห์ และเป็นไปอย่างถาวร

แม้ว่าจะยังมองเห็นส่วนด้านข้างของภาพ แต่ผู้ป่วยก็ไม่สามารถดำเนินชีวิตได้ตามปกติ เช่น จำหน้าคนไม่ได้ อ่านหนังสือไม่ได้ ดูเวลาที่หน้าปัดนาฬิกาไม่ได้ ขับรถไม่ได้ เป็นต้น อาจทำให้สูญเสียคุณภาพชีวิต และเกิดภาวะวิตกกังวลหรือโรคซึมเศร้าตามมา นอกจากนี้ยังอาจทำให้หกล้ม กระดูกหักหรือศีรษะได้รับบาดเจ็บได้


การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยเบื้องต้นจากอาการ ประวัติการเจ็บป่วย และการตรวจร่างกาย โดยแพทย์จะทำการตรวจวัดสายตาซึ่งมักพบว่าผิดปกติ และตรวจกรองโรคนี้ด้วยแผ่นภาพแอมสเลอร์ (Amsler’s chart) ซึ่งจะมองเห็นภาพเส้นตรงเป็นเส้นที่บิดเบี้ยว

แพทย์จะทำการวินิจฉัยให้แน่ชัดโดยการใช้เครื่องส่องตรวจตา (ophthalmoscopy) ตรวจดูความผิดปกติของจอตา และทำการตรวจด้วยวิธีต่าง ๆ เช่น การถ่ายภาพจอตา (fundus photography) การถ่ายภาพจอตาด้วยการฉีดสี เพื่อดูการไหลเวียนและรอยรั่วของหลอดเลือดผิดปกติในจอตา โดยวิธี Fundus fluorescein and indocyanine green angiography การสแกนจอตาเพื่อดูความผิดปกติของเนื้อเยื่อจอตาโดยใช้แสงเลเซอร์ถ่ายภาพตามขวาง (optical coherence tomography/OCT) การสแกนโครงสร้างหลอดเลือดที่จอตาโดยวิธี optical coherence tomography angiography (OCTA) เป็นต้น


การรักษาโดยแพทย์

จุดภาพชัดที่จอตาเสื่อมชนิดแห้ง แพทย์จะให้สารต้านอนุมูลอิสระ เช่น วิตามินซี วิตามินอี  สังกะสี ทองแดง ลูทีน (lutein) ซีแซนทิน (zeaxanthin) เป็นต้น เพื่อชะลอไม่ให้อาการลุกลามมากขึ้น และป้องกันไม่ให้สูญเสียการมองเห็น

จุดภาพชัดที่จอตาเสื่อมชนิดเปียก แพทย์จะให้ยายับยั้งการเจริญของหลอดเลือดใหม่ (เช่น Bevacizumab, Brolucizumab, Faricimab, Ranibizumab) ซึ่งเป็นสารต้าน VEGF (anti-VEGF/anti- vascular endothelial growth factor) โดยการฉีดเข้าไปในน้ำวุ้นตา

นอกจากนี้ แพทย์อาจให้การรักษาด้วยแสงเลเซอร์ ซึ่งมีอยู่หลายวิธี (เช่น Photodynamic therapy, Laser photocoagulation) เพื่อทำลายหลอดเลือดที่ผิดปกติไม่ให้อาการลุกลามมากขึ้น

ผลการรักษา ขึ้นกับชนิด ตำแหน่ง และความรุนแรงของโรค ถ้าเป็นจุดภาพชัดที่จอตาเสื่อมชนิดเปียกที่เริ่มเป็นระยะแรก (พบว่าเริ่มมีหลอดเลือดผิดปกติในผนังลูกตาชั้นกลาง) ก็มักจะได้ผลดี แต่ถ้าเซลล์ประสาทบริเวณจุดภาพชัดเสื่อมทั้งหมดแล้ว ก็ยากที่จะแก้ไขให้ดีขึ้นได้ ทำให้สายตาพิการรุนแรง คือมองไม่เห็นช่วงตรงกลางภาพ

สำหรับจุดภาพชัดที่จอตาเสื่อมชนิดแห้ง มักมีอาการสายตาผิดปกติแบบค่อยเป็นค่อยไปอย่างช้า ๆ บางรายอาจมีอาการมองเห็นช่วงตรงกลางของภาพไม่ชัดเพียงเล็กน้อย แต่บางรายอาจเป็นรุนแรง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในรายที่กลายป็นจุดภาพชัดที่จอตาเสื่อมชนิดเปียกตามมา

ในรายที่สายตาพิการมาก อาจต้องใช้อุปกรณ์ช่วย เช่น แว่นขยาย แว่นตาอ่านหนังสือ เลนส์สำหรับส่องทางไกล (telescopic lenses) เป็นต้น

การดูแลตนเอง

หากสงสัยว่าเป็นจุดภาพชัดที่จอตาเสื่อม ควรปรึกษาแพทย์โดยเร็ว เมื่อตรวจพบว่าเป็นโรคนี้ ควรรักษา ปฏิบัติตัว และติดตามการรักษาตามที่แพทย์แนะนำ ผู้ป่วยควรปฏิบัติตัวเพื่อชะลอความรุนแรงของโรค (ดูหัวข้อ “การป้องกัน”)

ควรกลับไปพบแพทย์ก่อนนัด ถ้าดูแลรักษาแล้วอาการเป็นมากขึ้น หรือมีอาการที่สงสัยว่าเป็นผลข้างเคียงจากยาหรือแพ้ยา

การป้องกัน

ถึงแม้สาเหตุของโรคนี้ยังไม่ทราบแน่ชัด และอาจสัมพันธ์กับปัจจัยหลายอย่าง (เช่น อายุมาก กรรมพันธุ์) ที่แก้ไขไม่ได้ แต่ก็มีปัจจัยเสี่ยงบางอย่างที่สามารถหลีกเลี่ยงหรือป้องกันได้ การปฏิบัติตัวดังต่อไปนี้ อาจช่วยลดความเสี่ยงหรือชะลอความรุนแรงของโรค

    ไม่สูบบุหรี่
    ออกกำลังกายเป็นประจำ
    ควบคุมน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ
    กินอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ ได้แก่ ผักและผลไม้ เมล็ดธัญพืชให้มาก ๆ และกินปลาเป็นประจำ
    ถ้าเป็นความดันโลหิตสูง โรคหัวใจและหลอดเลือด ควรรักษาอย่างจริงจังจนสามารถควบคุมโรคเหล่านี้ได้ดี

ข้อแนะนำ

ผู้ที่มีอายุมากกว่า 40 ปี หรือผู้ที่มีความเสี่ยง (เช่น ผู้ที่เป็นความดันโลหิตสูง หรือโรคหัวใจและหลอดเลือด รูปร่างอ้วน มีประวัติสูบบุหรี่ มีประวัติโรคนี้ในครอบครัว) หมั่นตรวจเช็กสุขภาพตาเป็นประจำ หากพบว่าเป็นโรคนี้ และได้รับการดูแลรักษาตั้งแต่ระยะแรกเริ่ม ก็สามารถลดความรุนแรงของโรคและป้องกันไม่ให้สายตาพิการหรือสูญเสียการมองเห็นได้



8
10 ขั้นตอนสำหรับการดูแลเฟอร์นิเจอร์หลังย้ายบ้านใหม่ กับ รถกระบะรับจ้างนนทบุรี

การย้ายบ้านเป็นงานที่ท้าทายและต้องใช้การวางแผนอย่างมาก ไม่เพียงแค่เรื่องของการหาบ้านใหม่หรือวางแผนการย้ายเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการดูแลเฟอร์นิเจอร์และข้าวของเครื่องใช้ในบ้านให้พร้อมสำหรับการใช้งานในที่ใหม่ รถกระบะรับจ้าง และเพื่อให้การย้ายบ้านเป็นเรื่องง่ายและไม่ก่อให้เกิดปัญหาในภายหลัง คุณจำเป็นต้องมีการเตรียมการอย่างดีเยี่ยม โดยเฉพาะการดูแลเฟอร์นิเจอร์ที่เป็นส่วนสำคัญของบ้านใหม่

หนึ่งในวิธีที่จะทำให้การย้ายบ้านของคุณเป็นเรื่องง่ายและสะดวกมากขึ้นคือการใช้ บริการรถกระบะรับจ้างนนทบุรี ด้วยความชำนาญและประสบการณ์ในการขนส่งเฟอร์นิเจอร์และของใช้ในบ้านไปยังที่ต่างๆ ทำให้รถกระบะรับจ้างเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการย้ายบ้านในพื้นที่นนทบุรีและพื้นที่ใกล้เคียงรถกระบะรับจ้างย้ายบ้าน

ในบทความนี้ เราจะนำเสนอ 10 ขั้นตอนสำคัญสำหรับการดูแล เฟอร์นิเจอร์ ของคุณหลังจากย้ายบ้านใหม่ โดยมีการใช้ บริการรถกระบะรับจ้างนนทบุรี เพื่อให้การย้ายเป็นไปอย่างราบรื่น ขั้นตอนเหล่านี้จะช่วยให้คุณสามารถเริ่มต้นชีวิตใหม่ในบ้านใหม่ได้อย่างมีความสุข พร้อมทั้งรักษาความสวยงามและการใช้งานของเฟอร์นิเจอร์ของคุณได้อย่างยาวนาน

การย้ายบ้านใหม่เป็นจุดเริ่มต้นที่น่าตื่นเต้นของการใช้ชีวิตในสภาพแวดล้อมใหม่ แต่การดูแลเฟอร์นิเจอร์หลังจากย้ายบ้านก็เป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยให้บ้านใหม่ของคุณดูสวยงามและน่าอยู่ ต่อไปนี้คือ 10 ขั้นตอนสำคัญสำหรับการดูแลเฟอร์นิเจอร์หลังย้ายบ้านใหม่

1. ตรวจสอบความเสียหาย
หลังจากที่การขนย้ายเสร็จสิ้น ขั้นตอนแรกและสำคัญที่สุดคือการตรวจสอบเฟอร์นิเจอร์ของคุณทุกชิ้นอย่างละเอียด เพื่อค้นหาความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นระหว่างการขนส่ง การทำเช่นนี้ช่วยให้คุณสามารถแก้ไขหรือซ่อมแซมเฟอร์นิเจอร์ก่อนที่จะวางเข้าไปในตำแหน่งที่ต้องการในบ้านใหม่ของคุณ ซึ่งจะช่วยรักษาความสวยงามและอายุการใช้งานของมันได้

2. ทำความสะอาดเฟอร์นิเจอร์
เมื่อเฟอร์นิเจอร์ถูกย้ายมายังที่ใหม่ มันมักจะเก็บฝุ่นและสิ่งสกปรกติดมาด้วย การทำความสะอาดเฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้นโดยใช้วิธีที่เหมาะสมกับวัสดุของแต่ละชิ้น ไม่ว่าจะเป็นไม้ โลหะ หรือผ้า จะช่วยกำจัดสิ่งสกปรกเหล่านั้นและทำให้เฟอร์นิเจอร์ของคุณพร้อมสำหรับการใช้งานในสภาพที่ดีที่สุด

3. ใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงรักษา
หลังจากทำความสะอาดเฟอร์นิเจอร์แล้ว การใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงรักษาเฉพาะทางจะช่วยให้เฟอร์นิเจอร์ของคุณดูใหม่และยืดอายุการใช้งานได้ ผลิตภัณฑ์เหล่านี้อาจรวมถึงน้ำมันเฟอร์นิเจอร์สำหรับชิ้นงานไม้, สเปรย์ป้องกันฝุ่นสำหรับเฟอร์นิเจอร์ผ้า หรือสารกันสนิมสำหรับชิ้นส่วนโลหะ เพื่อรักษาความสวยงามและคุณภาพของเฟอร์นิเจอร์

4. วางเฟอร์นิเจอร์ให้เหมาะสม
การวางเฟอร์นิเจอร์ในตำแหน่งที่เหมาะสมไม่เพียงแต่เกี่ยวข้องกับความสวยงามหรือการจัดสรรพื้นที่เท่านั้น แต่ยังรวมถึงการพิจารณาถึงการใช้งาน แสงธรรมชาติ และการเข้าถึง เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่สะดวกสบายและเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งาน การวางเฟอร์นิเจอร์ให้ห่างจากแหล่งความร้อนโดยตรงเช่นหน้าต่างที่มีแดดเข้ามาหรือเครื่องทำความร้อน สามารถช่วยลดความเสี่ยงของความเสียหายจากความร้อนและแสงแดดได้

5. ป้องกันการกระแทกและเสียดสี
เพื่อป้องกันไม่ให้พื้นผิวของบ้านเป็นรอยขีดข่วนหรือเสียหายจากการเคลื่อนย้ายเฟอร์นิเจอร์, คุณสามารถใช้พรมหรือแผ่นรองภายใต้ขาเฟอร์นิเจอร์ได้ ซึ่งจะช่วยลดแรงกระแทกขณะขนส่งเฟอร์นิเจอร์และช่วยให้มีการเคลื่อนย้ายได้เรียบง่ายมากขึ้น

6. ปรับความชื้นในบ้าน
การควบคุมความชื้นในบ้านให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญเพื่อป้องกันไม้แตกหรือผ้าเฟอร์นิเจอร์เสียหายจากความชื้นที่สูงเกินไปหรือต่ำเกินไป คุณสามารถใช้เครื่องปรับความชื้นหรือติดตั้งระบบระบายอากาศเพื่อควบคุมสภาพอากาศภายในบ้านได้อย่างเหมาะสม

7. ป้องกันจากแมลงและศัตรูพืช
เพื่อป้องกันการเกิดศัตรูพืชหรือแมลงที่อาจทำลายเฟอร์นิเจอร์ คุณควรตรวจสอบและทำความสะอาดเฟอร์นิเจอร์เป็นประจำ การรักษาความสะอาดและสุขอนามัยของเฟอร์นิเจอร์จะช่วยให้มีอายุการใช้งานที่ยาวนานและป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากศัตรูพืชหรือแมลงต่างๆ ที่อาจมีในบ้านใหม่ของคุณ

8. เช็คและซ่อมแซมเป็นประจำ
การตรวจสอบสภาพเฟอร์นิเจอร์เป็นประจำเป็นวิธีที่ดีเพื่อรักษาสภาพของมันให้ดีที่สุด หากพบว่ามีส่วนที่หลวมหรือเสียหาย ควรดำเนินการซ่อมแซมโดยเร็ว เช่น การปรับแต่งรอยขีดข่วนหรือการปรับปรุงโครงสร้างของเฟอร์นิเจอร์ เพื่อให้มันสามารถให้บริการได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

9. ป้องกันแสงแดดโดยตรง
การวางเฟอร์นิเจอร์ในที่ที่ได้รับแสงแดดโดยตรงเป็นเวลานานสามารถทำให้เฟอร์นิเจอร์เสียหายหรือซีดจางได้ ดังนั้น ควรหลีกเลี่ยงการวางเฟอร์นิเจอร์ในพื้นที่ที่มีแสงแดดโดยตรงหรือใช้วิธีการป้องกันเช่นการใช้ม่านหรือฉากบังแสงเพื่อลดการสัมผัสของแสงแดดตรงๆ

10. ใช้งานอย่างระมัดระวัง
เพื่อรักษาสภาพเฟอร์นิเจอร์ให้มีอายุการใช้งานที่ยาวนานและไม่มีความเสียหาย ควรใช้งานเฟอร์นิเจอร์อย่างระมัดระวัง หลีกเลี่ยงการใช้งานที่ไม่ถูกต้องหรือกดดันมากเกินไป เช่น การใช้งานโดยไม่ระมัดระวังหรือการโยกย้ายที่กระทันหันที่อาจทำให้เกิดความเสียหายและสภาพเสื่อมโทรมของเฟอร์นิเจอร์ในระยะยาว
หลังจากการย้ายบ้านใหม่ การดูแล เฟอร์นิเจอร์ เป็นสิ่งสำคัญที่ควรคำนึงถึง โดยใช้ บริการรถกระบะรับจ้างนนทบุรี จะช่วยให้การย้ายเป็นไปอย่างราบรื่นและสะดวกมากขึ้นด้วยความชำนาญที่มีอยู่ในพื้นที่นั้นๆ ทำให้คุณสามารถเริ่มต้นชีวิตใหม่ในบ้านใหม่ของคุณได้อย่างสบายใจและปลอดภัยมากยิ่งขึ้นด้วยการรับบริการที่มีคุณภาพและเชื่อถือได้ รถกระบะรับจ้างนนทบุรี

9
พาลูกน้อยเข้ารับการตรวจฟันกับทันตแพทย์จัดฟันเด็ก ต้องเตรียมตัวอย่างไร

ในเรื่องของสุขภาพช่องปากและฟันของเด็กนั้น ถือว่ามีความสำคัญมากเลยทีเดียว ดังนั้น พ่อแม่ผู้ปกครองไม่ควรที่จะละเลยในเรื่องของการดูแลรักษาความสะอาดของฟันของลูกน้อย เพื่อให้ลูกน้อยมีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดี นอกจากนี้ พ่อแม่ควรที่จะปลูกฝังให้เด็กรู้จักวิธีการทำความสะอาดช่องปากและฟันอย่างถูกต้อง รวมไปถึง แนะนำเกี่ยวกับการรับประทานอาหารที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพช่องปากและฟันด้วย เพราะเด็กส่วนใหญ่ชื่นชอบการรับประทานอาหารที่มีความหวานหรือแม้กระทั่ง ขนมลูกอมต่างๆ รวมไปถึง น้ำอัดลม ซึ่งต้องบอกว่าอาหารเหล่านี้ เป็นศัตรูกับฟันของเราเลยทีเดียว


เพราะเนื่องจากมีน้ำตาลผสมเป็นจำนวนมากและน้ำตาลนั้น จะส่งผลทำให้เกิดคราบหินปูนและทำให้ฟันของเด็กผุได้ อย่างไรก็ตาม พ่อแม่ผู้ปกครองควรที่จะสอดส่องดูแลและช่วยสังเกตพฤติกรรมของเด็กว่ามีความผิดปกติอะไรบ้าง เพราะไม่ฉะนั้น หากปล่อยประละเลยเด็กอาจจะมีฟันผุก่อนวัยอันควรได้ ผู้ปกครอง ไม่ควรมองว่าฟันน้ำนมของเด็กนั้นไม่มีประโยชน์และไม่มีความจำเป็นหรือคิดว่าต่อไปอาจจะมีฟันแท้งอกขึ้นมาแทนที่ จึงปล่อยประละเลยในเรื่องของสุขภาพช่องปากและฟันของเด็ก แต่หารู้ไม่ว่าฟันน้ำนมนั้นส่งผลกระทบต่อการขึ้นของฟันแท้ ยิ่งถ้าหากฟันน้ำนมหลุดก่อนเวลาอันควรก็อาจจะทำให้ฟันแท้ขึ้นมาอย่างผิดปกติได้ อาจจะทำให้เด็กมีปัญหาเกี่ยวกับรูปร่างของฟันและต้องเข้ารับการแก้ไขด้วยการจัดฟันในเด็ก

 
สำหรับการจัดฟันในเด็กนั้น พ่อแม่ผู้ปกครองสามารถพาเด็กเข้าตรวจกับทันตแพทย์จัดฟันได้ตั้งแต่ 4-15 ปี เพราะเด็กในช่วงนี้กำลังมีการเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่อง จึงทำให้สามารถแก้ไขปัญหาได้ดีกว่าตอนวัยรุ่น ยิ่งเด็กที่มีพฤติกรรมการดูดขวดนม ดูดนิ้วซึ่ง จะทำให้เกิดปัญหาฟันได้ง่าย ควรที่จะเข้าพบทันตแพทย์เพื่อเข้ารับการจัดฟันในเด็กตั้งแต่เนิ่นๆ อย่างไรก็ตาม การจัดฟันในเด็กนั้นถือว่าเป็นนวัตกรรมที่มีการพัฒนาไปมากกว่าแต่ก่อน จึงทำให้สามารถแก้ไขปัญหาฟันในเด็กได้อย่างมีประสิทธิภาพ สำหรับพ่อแม่ผู้ปกครองท่านใด อยากจะพาบุตรหลานของท่านเข้ารับการจัดฟันในเด็ก แต่ไม่รู้ว่าจะต้องเตรียมตัวอย่างไร


วันนี้คลินิกของเรามีคำตอบมาฝาก แล้วจะพูดถึงการเตรียมตัวพาลูกน้อยเข้าพบทันตแพทย์จัดฟัน สำหรับการเตรียมตัวที่จะเข้าพบทันตแพทย์จัดฟันในเด็กนั้น พ่อแม่ผู้ปกครองควรที่จะพูดและทำความเข้าใจกับเด็ก เพื่อให้เด็กได้ทราบว่าปัญหาฟันส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวัน เพื่อให้เด็กได้ตระหนักรู้ และเห็นความสำคัญของสุขภาพช่องปากและฟันสร้างทัศนคติที่ดีต่อสุขภาพช่องปากและฟันให้เด็ก เพื่อให้เด็กได้เรียนรู้วิธีการทำความสะอาดช่องปากและฟันอย่างถูกต้อง เมื่อพ่อแม่ผู้ปกครองพูดและสร้างความเข้าใจให้กับเด็กแล้วก็สามารถพาเข้าพบทันตแพทย์จัดฟันได้ ซึ่งในขณะที่เด็กเข้าพบทันตแพทย์ พ่อแม่ผู้ปกครองสามารถเข้าพูดคุยร่วมกับทันตแพทย์ได้เพื่อตัดสินใจและเพื่อทราบปัญหาที่แท้จริงของเด็กว่า เด็กมีปัญหาฟันในเรื่องใดและทันตแพทย์จะทำการแก้ไขด้วยวิธีใด เพื่อให้ทราบและจะได้สร้างความเข้าใจให้กับเด็กก่อนว่า ทำไมเด็กจะต้องเข้ารับการจัดฟันเพื่อที่จะได้ดูแลรักษาสุขภาพช่องปากและฟันให้ถูกต้องตามที่ทันตแพทย์แนะนำ


สำหรับ พ่อแม่ผู้ปกครองท่านใด สนใจพาบุตรหลานของท่านเข้ารับการจัดฟันในเด็ก ก็สามารถติดต่อขอรับคำแนะนำได้ที่คลินิก เพราะทางเรามีทีมทันตแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญด้านทันตกรรมในเด็กและมีประสบการณ์ด้านการจัดฟันมาอย่างยาวนานจึงสามารถให้คำปรึกษาได้อย่างถูกต้องและสามารถแนะนำให้เข้ารับการรักษาให้เข้ากับปัญหาฟันของเด็ก นอกจากนี้ทันตแพทย์ของเรายินดีให้คำแนะนำเกี่ยวกับสุขภาพช่องปากและฟันของเด็ก เพื่อให้เด็กได้ดูแลรักษาความสะอาดฟันได้อย่างถูกต้อง เพราะเราอยากเห็นเด็กๆทุกคน มีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดี เพื่อที่จะได้เติบโตไปเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

10
all new mitsubishi triton 2024: สเป็ค Mitsubishi Triton 2019 ไมเนอร์เชนจ์ที่ออสเตรเลีย

Mitsubishi Triton 2019 ไมเนอร์เชนจ์ใหม่ เริ่มวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการที่ประเทศออสเตรเลีย เราลองไปดูสเป็คของที่นั่นดูบ้างว่ามีอะไรต่างจากบ้านเราหรือไม่

Mitsubishi Triton 2019 โฉมไมเนอร์เชนจ์ในออสเตรเลียมีให้เลือกทั้งหมด 20 รุ่นย่อย แบ่งออกเป็นตัวถังแบบ Single Cab, Club Cab และ Dual Cab (หรือ ซิงเกิ้ลแค็บ, เมกาแค็บ และดับเบิ้ลแค็บ ในบ้านเรา) และยังสามารถแบ่งอุปกรณ์มาตรฐานได้เป็น 4 เกรด ได้แก่ GLX, GLX ADAS, GLX+, GLS และ GLS Premium

     
ทุกรุ่นถูกติดตั้งเครื่องยนต์ดีเซล MIVEC ความจุ 2.4 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 181 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 430 นิวตัน-เมตร ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด และเกียร์ธรรมดา 6 สปีด เช่นเดียวกับบ้านเรา ขณะที่ระบบเกียร์อัตโนมัติแบบ 8 สปีด ใน Pajero Sport ถูกระบุว่ามีน้ำหนักมากเกินไป ซึ่งกระทบต่อน้ำหนักบรรทุกได้

สำหรับรุ่น GLX ADAS มาพร้อมระบบป้องกันการชนด้านหน้า (Forward Collision Mitigation) และระบบป้องกันรถออกนอกเลน ขณะที่รุ่น GLS ถูกเพิ่มด้วยระบบเตือนมุมอับสายตา, ระบบเตือนรถเคลื่อนผ่านด้านหลัง, ระบบป้องกันเหยียบคันเร่งโดยไม่ตั้งใจ, ไฟสูงอัตโนมัติ และระบบช่วยเปลี่ยนเลน

อุปกรณ์มาตรฐานของรุ่น GLX ประกอบด้วย

    ถุงลมนิรภัย 7 ใบ
    Cruise Control
    หน้าจอ 6.1 นิ้ว
    กล้องมองภาพด้านหลัง
    เซ็นเซอร์กะระยะท้าย
    เบานั่งหุ้มผ้า


อุปกรณ์มาตรฐานของรุ่น GLX ADAS ประกอบด้วย

    ระบบป้องกันการชนด้านหน้า
    ระบบเตือนรถออกนอกเลน
    กระจกมองหลังตัดแสงอัตโนมัติ
    ไฟหน้าเปิด-ปิดอัตโนมัติ
    ที่ปัดน้ำฝนอัตโนมัติ


อุปกรณ์มาตรฐานของรุ่น GLX+ ประกอบด้วย

    หน้าจอขนาด 7 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay/Android Auto
    ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ
    บันไดข้าง
    ล้ออัลลอยขนาด 16 นิ้ว


อุปกรณ์มาตรฐานของรุ่น GLS ประกอบด้วย

    ระบบเตือนมุมอับสายตา
    ระบบช่วยเปลี่ยนเลน
    ระบบเตือนรถเคลื่อนผ่านด้านหลัง
    ระบบป้องกันเหยียบคันเร่งโดยไม่ตั้งใจ
    ไฟสูงอัตโนมัติ
    Hill Descent Control
    เซ็นเซอร์กะระยะรอบคัน
    ช่อง USB ด้านหลัง
    ระบบระบายความเย็นด้านหลัง
    ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแยกอุณหภูมิซ้าย-ขวา
    ไฟหน้า LED ทั้งสูง-ต่ำ
    ไฟส่องสว่างเวลากลางวัน LED
    สปอร์ตบาร์
    ล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว


อุปกรณ์มาตรฐานของรุ่น GLS Premium ประกอบด้วย

    เบาะนั่งหุ้มหนังพร้อมระบบอุ่น
    เบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้า
    กล้องมองภาพ 360 องศา
    กุญแจสมาร์ทคีย์+ปุ่มสตาร์ท
    ล้ออะไหล่แบบอัลลอยขนาด 18 นิ้ว

ราคาจำหน่าย Mitsubishi Triton 2019 ไมเนอร์เชนจ์ในออสเตรเลียอยู่ระหว่าง 25,990 - 51,990 AUD หรือราว 613,000 - 1,225,000 บาท
 

11
มอเตอร์โชว์: New Isuzu MU-X 3.0 Ultimate ปรับโฉมรอบคันเพิ่มความปลอดภัยพวงมาลัยไฟฟ้าชีวิตดีขึ้นเยอะ!

ทดลองขับ New Isuzu MU-X 3.0 Ultimate 2WD มาพร้อมการปรับโฉมภายนอกที่ดูแล้วรู้สึกได้ว่าเปลี่ยนไปเยอะ หล่อและเข้มขึ้น ส่วนภายในเน้นโทนสีหรูหราและสบายตา พร้อมฟังก์ชั่นความสะดวกสบายเต็มคัน ปลอดภัยขึ้นอีกด้วยการเพิ่มระบบ ADAS ใหม่อีก 5 ระบบ แต่ขุมพลังยังคงเดิม เพิมเติมคือผ่าน EURO5 พร้อมปุ่ม "สลายไอเสีย" มาให้ด้วย 

 
MU-X 3.0 Ultimate นับเป็นรุ่นท็อปสุด แต่ปัจจุบันมีเพิ่มรุ่น "RS" ตกแต่งพิเศษที่มีทั้ง 2WD และ 4WD ให้เลือกแบบเต็มพิกัด ทำให้ Ultimate กลายเป็นรุ่นรองท็อปไปซะแล้ว แต่อย่างไรก็ตามระบบต่าง ๆ ฟังก์ชั่นความสะดวกสบายและขุมพลังก็มีให้เลือกทั้ง 1.9 Ddi BluePower และ 3.0 Ddi และมีเพียงระบบขับเคลื่อน 2 ล้อหลังเท่านั้น เพราะต้องการเน้นกลุ่มผู้ใช้งานในเมืองที่ให้ความหรูหราพรีเมี่ยม
 
ภายนอกและภายในปรับใหม่....ไม่น้อยนะ!!

สำหรับภายนอกของ MU-X 3.0 Ultimate ปรับโฉมในหลายจุดแบบ “THE NEXT PEAK” เริ่มที่ความใหม่! ของกระจังหน้าดีไซน์ Dynamic Grille หรูหราด้วยวัสดุสีดำ Titanium Carbide ตรงส่วนนี้นับว่าคันจริงสวยกว่าในรูป และดูมีมิติทำให้จากเดิมทีดูภูฐานมีอายุอย่างเดียว แต่ตอนนี้ดูสปอร์ตและทันสมัยเอาใจวัยรุ่นมากขึ้น
 
เพิ่มความสปอร์ตขึ้นอีกนิดด้วยไฟหน้าและไฟท้าย Dynamic Blade ลวดลายสวยงามทีเดียวครับ โดยเฉพาะไฟท้าย หากมองด้านข้างจะมีรูปร่างเหมือน "ลูกศร" สะดุดแต่ไกล พร้อมชุดไฟท้ายยาวต่อกันด้วยเส้น Embrace Line ที่ยุคนี้ต้องมี แต่แอบเสียดายที่ในโคมด้านของไฟคาดท้ายนั้นในส่วนช่องด้านล่างเป็นทึบ ๆ ไม่มีไฟ จะมีเฉพาะไฟหรี่ส่วนบนเท่านั้น ล้ออัลลอยดีไซน์ใหม่ Dynamic Turbine ขนาด 20 นิ้ว สี Magnetite II พร้อมดีเทลก้านแม็กแบบ 3D ใส่ยางใหญ่สมตัวขนาด 265/50R20
 

ภายในปรับโทนสีให้หรูหราและเข้มมากขึ้นด้วยสีน้ำตาลเข้ม หรือ เรียกว่า "TRUFFLE BROWN" และหุ้มหนังวัสดุ "COOLMAX" ลดความร้อนได้ดี ซึ่งสีน้ำตาบนี้จะตัดกับสีดำ ต้องบอกว่าด้วยโทนสีนี้ช่วยให้รักษาความสะอาดง่าย สีไม่อ่อนจนเกินไปอีกด้วยครับ ส่วนวัสดุหุ้มจุดต่าง ๆ ทั้งคอนโซลหน้า กลาง แผงประตูล้วนปราณีต เนียบเรียบหรู ผิวสัมผัสพวงมาลัยตึง ๆ มือ ไม่แข็งแต่ผิวละเอียดและเหนียวติดมือ ช่วยให้บังคับทิศทางได้แม่นยำขึ้น 

เบาะคู่หน้าปรับไฟฟ้าคนขับ 8 ทิศทาง คนนั่งข้าง 4 ทิศทาง เบาะแถวที่สองยังกว้างขวางใหญ่นับเป็นตำแหน่งที่นั่งได้สบายที่สุดในรถ ส่วนเบาะแถวที่สามก็ยังคงนั่งได้จริง ๆ มีที่ว่างเหลือพอประมาณและการเข้าออกก็ง่ายเพียงระบบดึงคันโยกแบบบ "One Step" พับที่เดียวปีนขึ้นได้เลย นอกจากนี้ตัวถังของ MU-X ในโฉมก่อนและปัจจุบันก็ถูกขยายช่วงประตูด้านหลังให้ยาวขึ้นทำให้เข้า-ออกง่ายขึ้นไปอีกครับ

รถครอบครัวอเนกประสงค์อย่างมิว-เอ็กซ์ นี้ยังสามารถพับเบาะแถวที่สองและสามได้แบนราบ จะวางที่นอน ใช้เป็นรถออกแคมป์สบายเลยครับ หรือจะบรรทุกสัมภาระต่าง ๆ โดยเฉพาะผู้บริหารที่ชื่นชอบการ "ออกรอบ" ตีกอล์ฟ เชื่อว่าไปกันได้เป็นก้วนเลยครับ
 
ส่วนของผู้ขับขี่มาตรวัดแบบจอสี ตรงกลางเป็นจอแสดงผลที่ปรับเปลี่ยนและเลือกดูได้หลายฟังก์ชั่น เช่น ระบบความปลอดภัย ADAS, ทริป A/B, ตั้งค่าใช้งานรถยนต์, ดูอัตราสิ้นเปลือง เป็นต้น แต่สิ่งที่สะดุดตาก็คือ เมื่อลองใช้ระบบ Full Speed Range Adaptive Cruise Control หน้าจอจะเปลี่ยนรูปแบบแสดงผลให้ใหญ่ขึ้นมองง่ายมากยิ่งขึ้น
 
จอกลางใหม่! (ทำเสียงเข้ม ๆ) Infotainment Display ขนาด 9 นิ้ว แบบสัมผัส รองรับ Wireless Android Auto & Wireless Apple CarPlay พร้อม Multitasking System เชื่อมต่อข้อมูลกับ Integrated MID สามารถเลือกดูการแสดงผลของรถยนต์ได้ เช่น ระบบช่วยเหลือการขับขี่, ดูมุมเอียงของรถแบบ Off-Road, ตั้งระบบไฟฟ้าต่างในรถ และแสดงผลการเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนได้อย่างรวดเร็วอีกด้วยครับ แล้วยังให้ไฟสร้างบรรยากาศภายในหรูหราด้วย White Ambient Light สีขาวสว่างแบบสลั่ว ๆ สบายตารอบคัน
 
ระบบปรับอากาศเย็นทั้งคันแน่นอนแยกปรับอุณหภูมิซ้าย-ขวาได้ และมีแอร์บนเพดานอีก พร้อมช่องเชื่อมต่อ USB-C แบบใหม่ด้านหน้า 1 จุด ด้านหลัง 2 จุด และช่องจ่ายไฟ DC12V อีกด้วย ต่อด้วยออปชั่นที่มีอยู่เดิมแล้วใช้งานได้ค่อนข้างดีเนียนและง่ายคือ ระบบเปิดฝาท้ายอัตโนมัติ เมื่อยืนใกล้ โดนไม่ต้องกวาดเท้าหรือ "Step Sensor" เพียงต้องมีกุญแจติดตัวไว้เมื่อยืนใกล้ฝาท้ายจะมีเสียง "ปี๊ป" 1 ครั้ง และให้ถอยมา 1 ก้าวจากนั้นจะมีเสียง "ป๊บปี๊บ" 2 ครั้ง และรอสักครู่ ไฟฉุกเฉินและประตูก็จะเปิดให้ นอกจากนี้เมื่อทำธุระเสร็จแล้ว แค่เดินออกมาประตูก็จะปิดให้เองด้วย แต่อย่าลืมล็อครถนะครับ
 
สมรรถนะ 3.0 ลิตร มาเต็ม ๆ เร่งทันใจประหยัดใช้ได้

ขุมพลังของ MU-X 3.0 Ultimate พื้นฐานเดิมคือ ดีเซล 3.0 Ddi Blue Power ให้กำลังสูงสุด 190 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 450 นิวตันเมตร เกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ ขับเคลื่อนล้อหลัง แต่มีการปรับปรุงเรื่องไอเสียให้ได้มาตรฐาน EURO 5 ที่มาพร้อมปุ่ม "สลายเขม่า" ตรงสวิตช์มุมขวาใกล้เข่าคนขับ ได้ด้วยตนเอง นอกจากนี้ยังเปลี่ยนระบบพวงมาลัยเพาเวอร์ใหม่เป็นระบบไฟฟ้า EPS อีกด้วยนับว่า "ชีวิตดีขึ้นเยอะ" รถตัวใหญ่โตขนาดนี้ กลับให้ความคล่องตัวแบบรถเก๋งได้ง่ายด้วยการที่น้ำหนักพวงมาลัยเบาลงเยอะมาก ในการเลี้ยวเข้าซอย จะจอดในที่แคบหรือจะถอยหลัง สะดวกสบายขึ้น ควรจะมีตั้งนานแล้ว!!!

 
เมื่อพวงมาลัยเบาลงส่งผลให้การขับขี่ง่ายขึ้น และลดแรงฉุดปั้มไฮดรอลิคเดิมที่เป็นภาระเครื่องยนต์ได้อีกเล็กน้อย ทำให้อัตราเร่งไหลลื่นขึ้นและมีส่วนช่วยเพิ่มอัตราสิ้นเปลืองได้อีกเล็กน้อย  แม้จะขับที่ความเร็วสูง ๆ น้ำหนักพวงมาลัยก็จะเพิ่มความหนืดขึ้นตาม ทำให้ควบคุมง่ายไม่เบาหวิวเกินไปนักและมั่นใจอีกด้วย
 
ถึงแม้จะเป็นพวงมาลัยไฟฟ้าก็ตาม แต่สิ่งที่อาจจะต้องทำใจคือ ความคมกระชับของการบังคับพวงมาลัย เพราะด้วยความเป็นรถยกสูง ล้อโต ตัวหนักย่อมมีอาการโยน ๆ หรือเลี้ยวแล้วไม่ตามมือบ้าง โดยส่วนตัวคิดว่า การได้พวงมาลัยไฟฟ้ามานั้น ตอบโจทย์เรื่องการขับขี่ในเมืองหรือความเร็วต่ำที่คล่องตัวมากกว่าความคมกระชับของพวงมาลัย ซึ่งในส่วนอื่น ๆ เช่น กลไลในชุดกระปุกพวงมาลัยที่ไปบังคับล้อนั้นไม่ได้มีการปรับเพิ่มมากนัก แค่เปลี่ยนมาใช้ระบบมอเตอร์ไฟฟ้าผ่อนแรงเท่านั้นเองครับ 
 
สมรรถนะของเครื่อง 3.0 ลิตร ไว้ใจได้ การออกตัวนับว่าดีแรงสะใจ รอรอบและใช้เวลาจาก 0-100 กม./ชม. จากการใช้แอปฯ วัดคร่าว ๆ กว่า 3 รอบเวลาเฉลี่ยที่ 10 วินาที ความจริงอาจจะบวกหรือลบอีกหน่อย แต่อัตราเร่งที่ใช้งานจริง ๆน่าจะเป็นเร่งแซงมากกว่า โดยเร่งแซงที่ความเร็ว 80 กม./ชม. ขึ้น จะตอบสนองดีไม่รอเปลี่ยนเกียร์นาน แต่ถ้าขับในช่วงความเร็วแบบ "ก่ำกึ่ง" หรือว่ารอบจังหวะที่ ความเร็วกลาง ๆ รอบเครื่องยนต์ต่ำหรือสูงและตำแหน่งเกียร์สูง หากต้องคิกส์ดาวน์หรือกดคันเร่งเต็มที่ อาจจะมีช่วงจังหวะ "รอรอบและเปลี่ยนเกียร์บ้าง" ซึ่งเท่าที่ลองขับดูมักจะเป็นย่านความเร็วที่ไม่ได้ใช้บ่อย ๆ อย่างเช่น ขับชิว ๆ 60 กม./ชม. แล้วกดคันเร่งต้องรอบเปลี่ยนเกียร์หลายตำแหน่ง หรือว่า เกิน 110 กม./ชม. ขึ้นไปอาจจะต้องรอคำนวนดูว่าจะต้องใช้เกียร์ไหนให้สัมพันธ์กับความเร็วรถและรอบเครื่องยนต์ ซึ่งก็ใช้เวลาไม่นานมากนักนะครับ ถือว่าระบบเกียร์มีความฉลาดรวดเร็วน่าพอใจครับ


***เป็นการจับเวลาด้วยแอปฯ ในสมาร์ทโฟนไม่เป็นทางการห้ามใช้อ้างอิงที่อื่น
 
มาถึงช่วงล่างที่ยังคงเดิมให้ความเฟิร์มแน่น ๆ วิ่งความเร็วต่ำ ๆ ก็จะมีอาการเต้น ๆ เบา ๆ ที่ความเร็วสูงให้ความมั่นใจ การเข้าโค้งยาว ๆ ทำได้ดี แม้ว่าพวงมาลัยเบาแต่ความเร็วสูงก็ให้น้ำหนักหนืด ๆ ขึ้น ไม่แกว่งไม่ต้องเกร็งมือมากนัก นับว่าเป็นรถยกสูงที่ช่วงล่างมั่นใจมาก ๆ รองรับกำลังระดับ 190 แรงม้าแบบสบาย ๆ เลยครับ ส่วนความเร็วสูงสุดคาดว่าทำได้ราว ๆ 180 นิด ๆ ก็ตันแล้ว แต่รถแบบนี้ไม่ควรใช้ความเร็วสูงมากเกินไปนะครับ อย่างไรก็เป็นรถครอบครัวยกสูงมีความโยนตัวเป็นธรรมดา

 
ADAS เพิ่มอีก 5 ระบบ

เดิมทีระบบความปลอดภัยใน MU-X ใหม่ ก็มีให้เยอะมากมายตั้งแต่รุ่น 1.9 Ultimate ขึ้นไปแล้ว แต่ในรุ่นใหม่ก็เพิ่มระบบ ADAS อีก 5 ระบบให้มันเต็ม ๆจบ ๆ ไป ให้สมกับรถยอดนินมไปแล้วครับ และยังเป็น ADAS Generation ล่าสุด!  กับระบบกล้องหน้าคู่ พร้อมเรดาร์ 2 จุด และ เซ็นเซอร์ 8 จุดรอบคัน

 
ใหม่! ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน LKAS (Lane Keep Assist System) ระบบนี้จะช่วยประคองพวงมาลัยให้รถอยู่ในเลน ป้องกันเวลาคนขับเผลอ เหมอลอยหรือกำลังหยิบจับของในรถรบกวนสมาธิในการขับขี่ มีตัวช่วยนี้เอาไว้อุ่นในกว่า
 

ใหม่! ระบบช่วยควบคุมทิศทางของรถตามรถคันหน้า TJA (Traffic Jam Assist) ระบบนี้จะทำงานควบคู้กับการใช้ Adaptive Cruise Control และต้องเปิดสวิตช์รูป "พวงมาลัย" เอาไว้ด้วยครับ ซึ่งสามารถตรวจจับรถคันหน้าแทนในกรณีเส้นถนน "หาย" หรือไม่ชัดเจน เมื่อมีทางโค้งก็จะตรวจจับรถด้านหน้าที่กำลังเลี้ยวโค้งอยู่ แต่ถ้าไม่มีทั้งรถนำหน้าและเส้นถนนก็ต้องขับเองนะครับ
 

ใหม่! ELK ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน ในสถานการณ์ฉุกเฉิน (Emergency Lane Keeping) อันนี้คือการต่อยอดจากระบบควบคุมรถ โดยใช้ระบบช่วยดึงกลับและระบบเตือนมุมอับสายตาที่ตรวจจับรถด้านหลัง หากเปิดไฟเลี้ยวและจะเปลี่ยนเลนในขณะที่มีรถหรือมอเตอร์ไซค์หรือจะเป็นวัตถุที่พุ่งเข้ามาจากทางด้านหลังในระยะที่ไม่ปลอดภัย ระบบนี้จะดึงรถกลับเข้าเลนเดิมก่อน ซึ่งในการใช้งานจริงนั้นบางครั้งก็ดีเพราะอาจมองรถด้านหลังไม่เห็น แต่บางครั้งผู้ขับตั้งใจจะเปลี่ยนในระยะห่างที่กะเอาไว้แล้ว แต่ระบบก็จะเตือนพร้อมดึงกลับเข้าเลน อาจจะต้องขืนแรงบ้างเล็กน้อย แต่โดยรวมนับว่ามีระบบนี้ช่วยเป็นหูเป็นตาในมุมอับได้ดียิ่งขึ้นไปอีกครับ

ใหม่! ระบบช่วยควบคุมรถไม่ให้ออกนอกเลน LDP (Lane Departure Prevention) ระบบแจ้งเตือนเมื่อรถออกนอกเลน พร้อม LDW (Lane Departure Warning) ก็คือ การเตือนและช่วยดึงรถกลับถ้าผู้ขับยังไม่มีสติหรือไม่ตอบสนองระบบก็จะดึงรถเข้าสู่เลนคล้ายการไม่ตั้งใจ หรือไม่เปิดไฟเลี้ยว แต่ถ้ามีการเปิดไฟเลี้ยวระบบก็จะไม่ทำงานเพราะเข้าใจว่าจะเปลี่ยนเลน แต่....ถ้าบังเอิญมีรถแซงขึ้นมาฝั่งนั้น ๆ ก็กลับไปสู่ระบบ (Emergency Lane Keeping) ที่จะดึงกลับมาเลนเดิมนั่นเองครับ
 
ใหม่! ระบบช่วยเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติขณะถอย RCTB (Rear Cross Traffic Brake) พร้อม ระบบช่วยเตือนขณะถอย RCTA (Rear Cross Traffic Alert) ระบบนี้จะคอยเตือนเมื่อมีรถหรือคนหรือวัตถุผ่านขณะกำลังถอยหลัง และถ้าผู้ขับยังเฉย ๆ ก็จะเบรกให้ด้วย บอกเลยระบบนี้งามมากครับ
 
ส่วนระบบที่มีอยู่แล้วได้แก่
ระบบช่วยควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน พร้อมฟังก์ชัน Stop and GO ACC (Full Speed Range Adaptive Cruise Control)
ระบบช่วยแจ้งเตือนก่อนการชนด้านหน้า FCW (Forward Collision Warning) พร้อมระบบช่วยเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ AEB (Autonomous Emergency Breaking)
ระบบช่วยแจ้งเตือนจุดอับสายตา BSM (Blind Spot Monitoring)
ระบบเซ็นเซอร์ช่วยจอดรถยนต์ Parking Aid System
ระบบช่วยเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติเมื่อมีรถสวนทางขณะเลี้ยวขวา TA-AEB (Turn Assist with Autonomous Emergency Braking)
ระบบช่วยควบคุมไฟสูงอัตโนมัติ AHB (Automatic High Beam) ในที่มืดจะเปิดไฟสูงให้และเมื่อมีแสงสว่างจากรถด้านหน้าหรือส่วนทางจะปรับเป็นต่ำตามเดิม
ระบบช่วยตัดกำลังเครื่องยนต์เมื่อเหยียบคันเร่งผิดพลาด PMM (Pedal Misapplication Mitigation)
ระบบช่วยเบรกอัตโนมัติหลังการเกิดอุบัติเหตุ MCB (Multi-Collision Brake)
ระบบช่วยตั้งค่าจำกัดความเร็วสูงสุดด้วยตัวเอง MSL (Manual Speed Limiter)
ส่วนตัวชอบ Full Speed Range Adaptive Cruise Control รถติด ๆ เปิดใช้ระบบนี้สบายเลยครับ การควบคุมความเร็วและเบรกก็ไม่กระชากมากนักและรักษาระยะห่างจากรถคันหน้าได้ดี ยิ่งตั้งใกล้สุดยิ่งดี เหลือที่น้อยหมดกังวลเรื่องรถแทรกได้เยอะครับ
 

สรุปความคุ้มค่ากับราคา
 
“THE NEXT PEAK” ใน New Isuzu MU-X 3.0 Ultimate กับราคาที่ปรับเพิ่มจากรุ่นก่อนหน้าik; 3 หมื่นบาท เทียบรุ่น MU-X 3.0 Ddi Ultimate เดิม ราคา 1,559,000 บาท  เป็นราคา 1,589,000 บาท ได้การปรับโฉมตกแต่งใหม่รอบคัน ภายในเบาะสีใหม่ จดกลางใหม่ ระบบ ADAS ใหม่อีก 5 ฟังก์ชั่น แค่นี้ก็เกิน 30,000 บาทไปแล้ว นอกจากนี้ MU-X ก็เป็นรถที่หลายคนไว้วางใจและมั่นใจในคุณภาพ ความทนทาน ประหยัด บำรุงรักษาง่าย ศูนย์บริการดี ใครสนใจก็ต้องไปลองขับลองใช้งานที่โชว์รูมได้เลยครับ   

12
ดอกบัวอบแห้ง: วิธีทำดอกไม้แห้งง่ายๆ เก็บดอกไม้และความทรงจำให้ชัดเจน   

4 วิธีทำดอกไม้แห้งง่ายๆ ทำได้ที่บ้าน เพื่อให้เราได้นำดอกไม้ที่ได้รับมาในโอกาสพิเศษต่างๆ จะปล่อยให้ร่วงโรยจนต้องทิ้งไปในที่สุดก็น่าเสียดายมากๆจริงไหมคะ ขอแนะนำให้คุณใช้ 4 วิธีนี้ในการเก็บรักษาดอกไม้ ช่วยเก็บรักษาความทรงจำและช่วงเวลาดีๆ ในตอนที่ได้รับดอกไม้ได้อย่างดีเลยค่ะ


4 วิธีทำดอกไม้แห้ง

    ดอกไม้แห้งจากสเปรย์เซ็ตผม
    ดอกไม้แห้งจากการตากแบบคว่ำหัว
    ดอกไม้แห้งจากการทับดอกไม้
    ดอกไม้แห้งจากสารดูดความชื้น

ดอกไม้แห้งจากสเปรย์เซ็ตผม

วิธีที่ง่ายที่สุดสำหรับการเก็บรักษาดอกไม้สดก็คือการใช้สเปรย์เซ็ตผมมาฉีดไปที่ดอกไม้นั่นเองค่ะ เป็นสิ่งของที่หลาย ๆ คนมีติดบ้านกันอยู่แล้ว และหาซื้อไม่ยากเลยค่ะ เพียงแค่นำสเปรย์เซ็ตผมที่มาฉีดลงบนดอกไม้ให้ทั่ว 2-3 รอบ ก็จะช่วยถนอมดอกไม้ของเราให้เก็บได้นานขึ้นแล้วค่ะ โดยจะต้องดูให้มั่นใจเลยนะคะว่าฉีดสเปยร์จนทั้วทุกซอกทุกมุมของดอกไม้แล้ว

ในการเลือกสเปรย์เซ็ตผมนั้น หากเป็นสเปรย์ที่ไม่ได้มีความมันวาวก็จะทำให้ดอกไม้ยังดูเป็นธรรมชาติอยู่นะคะ แต่ใครที่ชอบความวาวล่ะก็ จะเลือกใช้สเปรย์เซ็ตผมที่ทำให้มีความมันวาวก็ได้เหมือนกันค่ะ แถมการใช้สเปรย์เซ็ตผมมาฉีด นี้ยังใช้เป็นขั้นตอนสุดท้ายร่วมกับวิธีการทำดอกไม้แห้งอีกสามวิธีที่เรานำมาฝากทุกคนในวันนี้ได้อีกด้วยนะคะ


ดอกไม้แห้งจากการตากแบบคว่ำหัว

วิธีการตากดอกแบบคว่ำหัวเป็นอีกหนึ่งวิธีง่ายๆในการตากแห้งดอกไม้ แต่วิธีนี้ จะใช้เวลานานสักหน่อยนะคะ วิธีการตากแห้งดอกไว้แบบคว่ำก็ง่ายมากๆ เพียงแค่เราถูกก้านของดอกไม้เข้าไม้ด้วยกันเป็นช่อเล็กๆ หรือจะเป็นดอกเดี่ยวๆ ก็ได้ แล้วนำมาผูกขึงให้ห้อยหัวลงไว้ แล้วนำไปตั้งตากในที่ที่มีแดดและอากาศถ่ายเทสะดวกแล้วรอจนดอกไม้แห้งก็เป็นอันใช้ได้ค่ะ

วิธีนี้ช่วยให้คงความงามของรูปทรงดอกไม้ได้ดี ดอกไม้ที่เหมาะจะนำมาทำให้แห้งด้วยวิธีนี้คือดอกไม้ที่มีกลีบค่อนข้างหนา เพราะดอกไม้ที่มีกลีบบางเมื่อนำมาตากแบบนี้ กลีบอาจจะหลุดร่วง หรือไม่ก็เหี่ยวย่นไม่สวยงามค่ะ ระยะเวลาในการตากนั้นจะขึ้นอยู่กับความหนาและขนาดของดอกไม้ รวมถึงสภาพอากาศด้วยค่ะ  และเมื่อตากจนแห้งแล้ว นำสเปรย์เซ็ตผมมาฉีดทับเพื่อทำให้ดอกไม้แห้งมีความทนทานมากขึ้นได้อีกนะคะ


ดอกไม้แห้งจากการทับดอกไม้

ดอกไม้แห้งจากการทับดอกไม้เป็นการทำดอกไม้แห้งนั้นถือเป็นวิธีสุดคลาสสิคในการเก็บดอกไม้ให้เป็นดอกไม้แห้ง โดยจะใช้หนังสือหรือสมุดหนาๆในการทับนั่นเองค่ะดอกไม้ที่ได้จะไม่ได้คงรูปทรงของดอกไม้ แต่จะมีความแบนแทนนะคะ

วิธีทำก็ง่ายมากๆ หากจะทับดอกไม้ในหนังสือล่ะก็ แค่เลือกหนังสือที่มาความหนาและหนัก และมีกระดาษด้านๆ ไม่มันวาวก็พอค่ะ หากใครที่ไม่มีหนังสือล่ะก็ เพียงแค่นำดอกไม้มาวางเรียงบนกระดาษที่มาความด้าน แล้วนำกระดาษอีกใบมาวางกระกบ แล้วทับด้วยของที่มีน้ำหนักกระจายเท่ากันทั่วๆอย่างกล่องใส่ของหรือไม้กระดานก็ได้นะคะ


ดอกไม้แห้งจากสารดูดความชื้น

วิธีสุดท้ายในของการทำดอกไม้แห้งก็คือการนำดอกไม้สดมาเก็บหรือแช่กับสารดูดความชื้น หรือ ซิลิก้าเจล (Silica Gel) นั่นเองค่ะ ซึ่งการสูดความชื้นนี้เราสามารถหาได้ตามถุงขนมหรือของใช้ต่างๆนั่นเอง หรือจะหาซื้อตามร้านทำสวน หรือร้านอุปกรณ์วิทยาศาสตร์ก็ได้เช่นกันค่ะ แม้จะมีราคาสูงสักหน่อย แต่สามารถใช้ได้หลายครั้ง คุ้มค่าแน่นอนค่ะ

วิธีทำก็ง่ายนิดเดียว เพียงแค่เรานำซิลิก้าเจลมาใส่ในกล่องที่มาฝาปิดแล้วนำดอกไม้ที่เราอยากจะทำให้แห้งมาแช่ไว้ในกล่องนั้นให้โคนดอกไม้ หรือ ทั้งดอกไม้จมลงไปในซิลิก้าเจลเลยนะคะ เมื่อแช่ไว้จนดอกไม้แห้งแล้วก็ให้นำออกมาแล้วปัดซิลิก้าเจลออกให้หมดด้วยแปรงก็เป็นอันเสร็จ ส่วนระยะเวลาในการแช่ดอกไม้ในสารดูดความชื้นนั้นจะใช้เวลาประมาณ 2-4 วัน หรือถ้าดอกไม้มีความหนาและขนาดใหญ่มากๆ ก็อาจจะใช้เวลาเป็นอาทิตย์ได้ค่ะ แต่ถ้าใครอยากจะฉีดสเปรย์ทับลงไปสักหน่อยเพื่อให้ดอกไม้แห้งทนทานมากขึ้นก็ทำได้เลยค่ะ


หวังว่าเพื่อนๆจะชอบวิธีการทำดอกไม้แห้งที่เรานำมาฝากเพื่อนๆ ในวันนี้กันนะคะ แต่ละวิธีเราคัดเลือกมาแล้วว่าทำง่ายมากๆ แถมวัสดุอุปกรณ์ก็หาง่ายด้วยนะคะ ไม่ยุ่งยากเลยจริงๆ อย่าลืมนำวิธีพวกนี้ไปใช้ในการเก็บรักษาดอกไม้ที่ได้จากคนสำคัญกันนะคะ เพื่อให้ได้เก็บภาพความทรงจำและเวลาดีๆไว้ในดอกไม้แห้งนั่นเอง

13
อาหารสุขภาพ ช่วยลดอาการไข้หวัด แก้ไอ แก้เจ็บคอ เพิ่มภูมิคุ้มกัน หายป่วยได้เร็วขึ้น

การป่วยเป็นสิ่งที่สร้างความทรมานให้กับร่างกายได้มาก นอกจากอาการไอและคัดจมูกแล้ว อาการทั่ว ๆ ไปที่มาพร้อมกับไข้หวัดหรือไข้หวัดใหญ่ก็คืออาการเจ็บคอ ปวดหัว เป็นไข้และในบางคนก็ยังมีอาการเบื่ออาหารร่วมด้วย ซึ่งปัญหาการเบื่ออาหารมักทำให้ร่างกายได้รับสารอาหารไม่เพียงพอและยังส่งผลให้ร่างกายอ่อนแอมากกว่าเดิมได้ และอีกสิ่งสำคัญคือหากไม่ได้รับอาหารอย่างเพียงพอ ร่างกายก็จะไม่สามารถมีพละกำลังในการทำกิจกรรมต่าง ๆ และไม่มีพลังงานในการสร้างภูมิคุ้มกันไว้เพื่อให้ร่างกายสามารถต่อสู้กับเชื้อโรคที่มารุกราน

แอลกอฮอล์และคาเฟอีน อาหารมันเยิ้ม และอาหารที่มีเส้นใยต่ำ อาจทำให้ร่างกายขาดน้ำและขัดขวางการตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกัน ในขณะที่อาหารที่มีมันและไฟเบอร์ต่ำจะย่อยยากและอาจทำให้อาการทางระบบทางเดินอาหารของเราแย่ลงกว่าเดิมได้ ดังนั้นทางเลือกของอาหารที่ดีกว่าคือการรับประทานผักและผลไม้ที่อุดมไปด้วยสารอาหาร เพราะการขาดสารอาหารจะทำให้ร่างกายต่อสู้กับการติดเชื้อได้ยากขึ้น และเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อนได้ด้วย



6 อาหารช่วยลดอาการไข้หวัด


1. ผลไม้ที่มีรสเปรี้ยว

ผลไม้ที่มีรสเปรี้ยว อาหารช่วยลดอาการไข้หวัด วิธีแก้หวัดเร่งด่วน เป็นหวัดกินอะไรหายเร็ว เครื่องดื่มแก้หวัด อาหารแก้หวัดลดน้ำมูก อาหารแก้ไข้หวัดใหญ่ วิธีแก้หวัดลงคอแบบธรรมชาติ อาหารแก้หวัด หายไข้

วิตามินซี ซึ่งพบมากที่สุดในผลไม้ตระกูลส้มเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่สามารถช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันได้ ซึ่งเราควรรับวิตามินชนิดนี้ให้เพียงพอตั้งแต่ก่อนที่จะป็นหวัดเพื่อเสริมระบบภูมิคุ้มกัน ซึ่งนอกจากผลไม้รสเปรี้ยว วิตามินซียังสามารถหาได้ในพริกหยวกแดง บรอกโคลี กะหล่ำดาว สควอช บัตเตอร์นัท มะละกอ มันเทศ และมะเขือเทศ


2. ชาขิง

ชาขิง น้ำขิง อาหารช่วยลดอาการไข้หวัด วิธีแก้หวัดเร่งด่วน เป็นหวัดกินอะไรหายเร็ว เครื่องดื่มแก้หวัด อาหารแก้หวัดลดน้ำมูก อาหารแก้ไข้หวัดใหญ่ วิธีแก้หวัดลงคอแบบธรรมชาติ อาหารแก้หวัด หายไข้

ขิงเป็นหนึ่งในอาหารที่ดีสำหรับช่วยลดอาการหวัดด้วยสารเคมีที่เรียกว่า เสสควิเทอร์พีนส์ (Sesquiterpenes) ซึ่งมุ่งเป้าไปที่การกำจัดไวรัสประเภท ไรโนไวรัส (Rhinovirus) ซึ่งเป็นกลุ่มของไวรัสหวัดที่พบบ่อยที่สุด นอกจากนี้ยังมีสารจินเจอร์รอลที่ช่วยต้านการอักเสบ และสามารถต่อสู้กับการติดเชื้อได้


3. น้ำผึ้ง

น้ำผึ้ง อาหารช่วยลดอาการไข้หวัด วิธีแก้หวัดเร่งด่วน เป็นหวัดกินอะไรหายเร็ว เครื่องดื่มแก้หวัด อาหารแก้หวัดลดน้ำมูก อาหารแก้ไข้หวัดใหญ่ วิธีแก้หวัดลงคอแบบธรรมชาติ อาหารแก้หวัด หายไข้

น้ำผึ้งมักถูกขนานนามว่าเป็นยารักษาโรคมาตั้งแต่โบราณ เพราะมีคุณสมบัติในการฆ่าเชื้อตามธรรมชาติ น้ำผึ้งสามารถช่วยเคลือบคอของเรา และเป็นหนึ่งในอาหารที่ดีสำหรับการช่วยบรรเทาอาการหวัดและเจ็บคอ รวมถึงยังมีสารต้านอนุมูลอิสระตามธรรมชาติและมีคุณสมบัติในการต้านจุลชีพ สามารถช่วยต่อสู้กับการติดเชื้อทั้งจากไวรัส แบคทีเรีย และเชื้อรา


4. น้ำซุป

น้ำซุป อาหารช่วยลดอาการไข้หวัด วิธีแก้หวัดเร่งด่วน เป็นหวัดกินอะไรหายเร็ว เครื่องดื่มแก้หวัด อาหารแก้หวัดลดน้ำมูก อาหารแก้ไข้หวัดใหญ่ วิธีแก้หวัดลงคอแบบธรรมชาติ อาหารแก้หวัด หายไข้

น้ำซุปไม่เพียงแต่ให้ของเหลวที่ร่างกายต้องการเพื่อใช้ต่อสู้กับไวรัสเท่านั้น แต่ยังช่วยลดการอักเสบที่กระตุ้นให้เกิดอาการและช่วยให้หวัดหายเร็วมากขึ้นอีกด้วย น้ำซุปยังเป็นแหล่งโซเดียมและโพแทสเซียมที่ดีและเต็มไปด้วยสารอาหารที่ช่วยสร้างภูมิคุ้มกัน นอกจากนี้การเติมแครอท ขึ้นฉ่ายและหัวหอม ก็ให้วิตามินเอ และซี ซึ่งดีต่อร่างกายในช่วงเวลาที่เป็นหวัด


5. ไอติม

ไอติม อาหารช่วยลดอาการไข้หวัด วิธีแก้หวัดเร่งด่วน เป็นหวัดกินอะไรหายเร็ว เครื่องดื่มแก้หวัด อาหารแก้หวัดลดน้ำมูก อาหารแก้ไข้หวัดใหญ่ วิธีแก้หวัดลงคอแบบธรรมชาติ อาหารแก้หวัด หายไข้

การรับประทานไอติมเป็นอีกวิธีที่มีประโยชน์ในการกระตุ้นให้ร่างกายได้รับน้ำอย่างเพียงพอ หากเมื่อไหร่ก็ตามที่เราเบื่อการจิบน้ำแล้ว นอกจากนี้ไอติมยังสามารถบรรเทาอาการเจ็บคอและช่วยระบายความร้อนในร่างกายได้ในช่วงที่เรามีไข้


6. ชาเขียว

ชาเขียว อาหารช่วยลดอาการไข้หวัด วิธีแก้หวัดเร่งด่วน เป็นหวัดกินอะไรหายเร็ว เครื่องดื่มแก้หวัด อาหารแก้หวัดลดน้ำมูก อาหารแก้ไข้หวัดใหญ่ วิธีแก้หวัดลงคอแบบธรรมชาติ อาหารแก้หวัด หายไข้

อีกวิธีในการช่วยรักษาความชุ่มชื้นในร่างกายเมื่อเราป่วยนั่นก็คือการจิบชาเขียว เพราะชาชนิดนี้เต็มไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระและมีสารคาเทชินซึ่งสามารถช่วยเพิ่มระบบภูมิคุ้มกัน และชาเขียวอาจมีส่วนในการช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของไวรัส



14
รู้จัก Doctor At Home
Doctor at Home คือแพลตฟอร์มที่เป็นแหล่งรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับสุขภาพ ไม่ว่าจะเป็นการตรวจอาการเบื้องต้นก่อนไปพบแพทย์ ข้อมูลโรคที่รอบด้าน ทั้งอาการ สาเหตุ วิธีรักษา การป้องกัน ไปจนถึงการดูแลตนเอง อีกทั้งยังรวมข้อมูลแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจากหลากหลายสาขา ซึ่งคัดสรรมาเพื่อผู้ใช้งานของเรา

Doctor at Home โปรแกรม “หมอประจำบ้าน” อัจฉริยะ ตรวจอาการเบื้องต้นด้วยตัวเอง
เป็นการตรวจอาการเบื้องต้นแบบ interactive ที่จะทำให้ผู้ใช้งานรู้ข้อมูลเบื้องต้นของโรคที่อาจจะเป็น รวมไปถึงวิธีปฏิบัติตัวเบื้องต้นก่อนไปพบแพทย์ โดยโปรแกรมนี้ได้นำข้อมูลจาก “ตำราการตรวจรักษาโรคทั่วไป 1” ของ รศ.นพ.สุรเกียรติ อาชานานุภาพ อดีตอาจารย์คณะแพทยศาสตร์ รพ.รามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล มาจัดทำให้ใช้งานได้บนเว็บไซต์ และแอปพลิเคชัน LINE

ข้อมูลโรค พร้อมโปรแกรม “หมอประจำบ้าน” อัจฉริยะ ตรวจอาการเบื้องต้นด้วยตัวเอง
ผู้ใช้งานสามารถอ่านข้อมูลโรค อาการ สาเหตุ การป้องกันและการรักษา เพื่อเป็นแนวทางในการดูแลตัวเอง โดยเราได้นำข้อมูลจาก “ตำราการตรวจรักษาโรคทั่วไป 2” โดย รศ.นพ.สุรเกียรติ อาชานานุภาพ อดีตอาจารย์คณะแพทยศาสตร์ รพ.รามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล และข้อมูลโรคที่ รศ.นพ.สุรเกียรติ อาชานานุภาพ อดีตอาจารย์คณะแพทยศาสตร์ รพ.รามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล เขียนเพิ่มเติมมารวบรวมไว้ในเว็บไซต์ของเรา
นอกจากนี้ยังเป็นครั้งแรกในประเทศไทยที่หลังจากอ่านข้อมูลโรคแล้ว ท่านยังสามารถตรวจอาการเบื้องต้นด้วยตัวเองได้ ว่าท่านมีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคนั้น ๆ หรือไม่ ทั้งนี้ เพื่อเตรียมตัวก่อนไปพบแพทย์
มีแล้วอุ่นใจ เจ็บป่วย ช่วยเหลือฉุกเฉิน แค่ Add LINE @DoctorAtHome ให้มาเป็น “หมอประจำบ้าน” คอยดูแลคุณอยู่ใกล้ๆ

ไลน์ ID  :  @DoctorAtHome
เว็บไซด์: https://doctorathome.com/





15
ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากเสียงดัง
ในโรงงานอุตสาหกรรม
โรงงานหรือสถานประกอบกิจการที่มีปัญหาด้านเสียงเกินค่ามาตรฐาน อาจสร้างผลกระทบทั้งด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงานต่อพนักงานในโรงงานเอง หรืออาจก่อให้เกิดมลพิษทางเสียงต่อชุมชนและสภาพแวดล้อมที่อยู่ด้านนอกโรงงาน หากเจ้าของแหล่งกำเนิดเสียงหรือผู้เกี่ยวข้องปล่อยปละละเลย ไม่จัดทำโครงการควบคุมเสียงหรือแก้ไขปัญหาดังกล่าวไม่สำเร็จ จะทำให้มีผลกระทบตามมา เช่น
•   เป็นผู้กระทำผิดกฎหมายด้านเสียง มีทั้งโทษปรับและจำคุก
•   ลูกจ้างอาจเกิดภาวะสูญเสียการได้ยินแบบชั่วคราวหรือแบบถาวร
•   ประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานลดลงจากเสียงเกินค่ามาตรฐาน
•   ถูกร้องเรียนจากชุมชนหรือผู้ได้รับผลกระทบทางเสียงที่อยู่นอกโรงงาน
•   โรงงานหรือสถานประกอบกิจการอาจถูกสั่งปิดปรับปรุง จนกว่าจะแก้ไขแล้วเสร็จ

ทำไมต้องใช้บริการจาก
“NEWTECH INSULATION” ในการควบคุมเสียง?
ด้วยประสบการณ์กว่า 15 ปี ในการควบคุมเสียงอุตสาหกรรม เรามีความพร้อมทั้งด้านบุคลากรเฉพาะทางที่มีความรู้ด้านเสียงและความสั่นสะเทือน เครื่องมืออันทันสมัยที่ได้มาตรฐานตามที่กฎหมายกำหนด รวมถึงประสบการณ์ด้านการแก้ไขปัญหาเสียงอุตสาหกรรมที่มีทั้งในและต่างประเทศ ผู้ใช้บริการจึงมั่นใจได้ว่าปัญหาด้านเสียงในโรงงานหรือสถานประกอบกิจการจะได้รับการแก้ไขได้อย่างตรงจุด ด้วยค่าใช้จ่ายที่น้อยที่สุด เพราะเราเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมเสียงในอุตสาหกรรม
– บริษัทฯ ขึ้นทะเบียนและได้รับใบอนุญาตเป็นนิติบุคคลผู้ให้บริการตรวจวัดและวิเคราะห์สภาวะการทำงานเกี่ยวกับระดับเสียง โดยกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน
– บุคลากรของบริษัทฯ ได้รับใบอนุญาตเป็นผู้ควบคุมมลพิษเสียงและความสั่นสะเทือน จากสภาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
– มีทีมงานที่มากประสบการณ์และความรู้ ได้แก่ วิศวกร นักสิ่งแวดล้อมอุตสาหกรรม เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงาน ช่างเทคนิค รวมไปถึงช่างประกอบและติดตั้งระบบควบคุมเสียง
– มีเครื่องมือที่ได้มาตรฐานไว้ให้บริการทั้งด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์
– มีสินค้าสำหรับควบคุมเสียงและความสั่นสะเทือนให้เลือกหลากหลายรูปแบบ เช่น ผนังกันเสียง ห้องเก็บเสียง ม่านกันเสียง ตู้ครอบลดเสียง แจ็คเก็ตลดเสียง ไซเลนเซอร์ อคูสติคลูเวอร์ อุปกรณ์แยกความสั่นสะเทือน เป็นต้น
– มีการประเมินหรือทำตัวแบบจำลองระดับเสียง ก่อน-หลัง ปรับปรุงให้ลูกค้าใช้เป็นข้อมูลในการตัดสินใจ ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายและเวลาในการแก้ปัญหาด้านเสียง
– รับประกันระดับเสียงที่ลดลง อยู่ในเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด
– รับประกันคุณภาพสินค้าและฝีมือการติดตั้งทุกงาน

บริษัท นิวเทค อินซูเลชั่น จำกัด
ผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมเสียงในโรงงานอุตสาหกรรม
จากประสบการณ์ในการแก้ไขปัญหาด้านเสียงมายาวนาน ไม่ว่าจะเป็นเสียงทางอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงาน และเสียงทางสิ่งแวดล้อม
ทางบริษัทฯ ยินดีให้คำแนะนำที่ทำได้จริงสำหรับการแก้ปัญหาด้านมลภาวะทางเสียงที่เกิดขึ้น เพื่อให้ทั้งโรงงาน พนักงาน หรือชุมชนโดยรอบอยู่ร่วมกันได้
“เพราะเรา…เข้าใจเรื่องเสียง”


สนใจสั่งซื้อ
เบอร์โทร:  02-583-8035 , 02-583-8034, 098-995-4650
E-mail: contact@newtechinsulation.com
Line ID: @newtechinsulation
Facebook: newtechthai
Instagram: newtechinsulation
เว็บไซด์: https://www.noisecontrol365.com/



16
วิธีการป้องกัน การอุดตันของสายยางให้อาหารสายยาง !

การให้อาหารสายยาง เป็นการรักษาทางการแพทย์อย่างหนึ่ง ซึ่งจะช่วยป้องกันภาวะขาดสารอาหารในผู้ป่วยที่ไม่สามารถรับประทานอาหารเองได้ หรือผู้ป่วยที่ไม่รู้สึกตัว ซึ่งในการให้อาหารทางสายยางจะต้องระมัดระวังมากเป็นพิเศษ และผู้ที่ดูแลหรือผู้ที่ให้อาหารจะต้องมีความเชี่ยวชาญในเรื่องของการให้อาหารทางสายยาง


เพราะการให้อาหารทางสายยางบางครั้งอาจจะเกิดปัญหาบ้าง ไม่ว่าจะเป็นสายยางให้อาหารหลุด มีการรั่วซึมรอบๆสายยางให้อาหาร ซึ่งการรั่วซึมก็อาจจะเกิดได้จากหลายสาเหตุ และในการให้อาหารทางสายยาง ต้องระมัดระวังมากเป็นพิเศษ ไม่ควรหักหรือพับงอสายให้อาหารนานเกินไป อาจทำให้สายแตกหักหรือพับงอ ทำให้เกิดการอุดตันของอาหารได้ และกรณีใช้สายให้อาหารทางหน้าท้องชนิดลูกโป่ง ควรหมั่นตรวจสอบว่าตำแหน่งของสายที่ระดับผิวหนังอยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้อง เนื่องจากสายอาจเลื่อนเข้าไปในกระเพาะมากเกินไป

สำหรับการป้องกันการอุดตันของสายยางให้อาหาร หากเกิดข้อผิดพลาดในเรื่องของสายอาหารอุดตัน ผู้ดูแลควรให้น้ำหลังให้อาหาร หรือ นมทุกครั้งอย่างน้อย 20 – 30 ซีซี ในกรณีจำกัดปริมาณน้ำดื่ม ควรปรึกษาแพทย์ผู้ดูแลก่อน ถ้าผู้ป่วยต้องได้รับยาด้วย ควรให้น้ำก่อนและหลังให้ยาทุกครั้ง และในกรณีที่ให้อาหารแบบหยดช้าๆ ต่อเนื่องกันหลายชั่วโมง ควรให้น้ำอย่างน้อยทุก 4 ชั่วโมง และทุกครั้งที่หยุดเครื่องควบคุมการไหลของอาหาร ให้น้ำทุกครั้งหลังจากตรวจสอบประมาณอาหารที่เหลือในกระเพาะ หากมิได้ให้อาหาร หรือ นมต่อ ซึ่งบางกรณีผู้ป่วยอาจจะถูกจำกัดในเรื่องของปริมาณน้ำ ซึ่งจะต้องได้รับในปริมาณที่เหมาะสมกับร่างกายของผู้ป่วย ซึ่งการอุดตันของสายยางให้อาหารเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น เกิดจากการบดยาไม่ละเอียด การให้อาหารทางสายยางที่หนืดเกินไป หรือการให้น้ำตามหลังการให้อาหาร หรือ ยาไม่ดีพอ ซึ่งถ้าเกิดการอุดตันอาจลองใช้น้ำอุ่นค่อยๆล้างและลองดูดด้วยกระบอกให้อาหาร ถ้ายังอุดตันให้ปรึกษาแพทย์

นอกจากนี้การอุดตันของสายยางให้อาหาร อาจจะทำให้เกิดการรั่วซึม รอบๆสายยางให้อาหาร อาจจะทำให้การติดเชื้่อที่แผลรูเปิด หรือ ซึ่งการรั่วซึมอาจเกิดจากการให้อาหารแก่ผู้ป่วยมากเกินไป ก่อนให้อาหารทางสายยางแก่ผู้ป่วย ผู้ดูแลควรเช็ดทำความสะอาดรอบๆรูเปิดแผล แล้วใช้ผ่าก๊อซรองไว้สำหรับดูดซับสิ่งรั่วซึมมีการยึดติดของเนื้อเยื่อรอบๆรูเปิดกับสายยางให้อาหาร ป้องกันโดยหมุนตัวสายให้อาหาร 360 องศา ซึ่งแพทย์จะเป็นผู้แนะนำเอง


ทั้งนี้ก่อนการให้อาหารทางสายยาง ผู้ดูแลควรล้างมือให้สะอาดทุกครั้ง รวมไปถึงขั้นตอนการเตรียมภาชนะ หรืออุปกรณ์การให้อาหารทางสายยาง ควรทำความสะอาดให้เรียบร้อย หากอุปกรณ์ไม่มีความสะอาด อาจจะทำให้ผู้ป่วยเกิดภาวะแทรกซ้อนได้ หรืออาจะทำให้ผู้ป่วยเกิดอาการอาเจียน หรือท้องเสีย เนื่องจากได้รับอาหารที่ไม่สะอาดนั่นเอง ทั้งนี้สายยางให้อาหารควรเปลี่ยนทุกๆ 6 เดือน และไม่ควรใช้อาหารที่มีความร้อนเพราะจะทำให้อายุการใช้งานน้อยลง ด้วย


17
มือถือใหม่ 2024: เรียลมี realme Note 50 (4GB/128GB)
3,999 บาท

เรียลมี realme Note 50 (4GB/128GB)
ตัวจริงเรื่องความคงทนจอขนาดใหญ่ 6.74 นิ้ว 90Hz ลื่นไหลไม่มีสะดุด Dynamic RAM สูงสุด 8GB มาพร้อม ROM 128GB Stylish Glittering Design บางเฉียบเพียง 7.99 มม. จอขนาดใหญ่ 6.74 นิ้ว 90Hz ลื่นไหลไม่มีสะดุด คุณภาพดี เชื่อถือได้กันน้ำ กันฝุ่นระดับ IP54

รายละเอียดเบื้องต้น
   ยี่ห้อ-รุ่น             เรียลมี realme Note 50 (4GB/128GB)
   ราคากลาง          3,999 บาท
   จำนวนซิม          2 ซิม (Nano Sim)
   แบบดีไซน์          จอสัมผัส
   สี                   Black(Midnight Black), Blue(Sky Blue)

   ความถี่-เครือข่าย
2G(GSM:850/900/1800/1900)
3G(WCDMA: Bands 1/5/8)
4G

   ขนาด-น้ำหนัก                  ยาว 167.2 x กว้าง 76.7 x หนา 7.99 มม., น้ำหนัก 186 กรัม
   ความจุข้อมูลภายใน (ROM) 128 GB
   ความจุข้อมูลภายนอกสูงสุด   Micro SD
   แบตเตอรี่ และระบบชาร์จ     ความจุแบตเตอรี่ 5,000 mAh

จอแสดงผล
   ชนิดจอ            จอสัมผัส ()
   ความละเอียด     6.74 นิ้ว, 0 x 0 px

   รายละเอียดอื่น
จอแสดงผล 90Hz ขนาด 6.74 นิ้ว
อัตราการรีเฟรช: 90Hz
อัตราส่วนหน้าจอต่อตัวเครื่อง: 90.3%
Touch sampling rate: 180Hz
ความสว่างสูงสุด: 560 นิต
Touch sampling rate: 180Hz
การแสดงสี: 16.7 ล้าน

กล้องถ่ายรูป
   ขนาด-ความละเอียด               กล้องหลัง (13 Mpx), กล้องหน้า (5 Mpx)
   ความละเอียดของภาพภ่ายสูงสุด
   คุณสมบัติ                           -

ระบบปฏิบัติการ
   หน่วยประมวลผล (CPU)           Octa-core
   หน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU)  ARM Mali-G57
   หน่วยความจำ (RAM)             4.0 GB
   ระบบเชื่อมต่อภายนอก              USB(Type-C), Bluetooth(5.0), Jack(3.5 มม.)
   ระบบรับส่งข้อความ                  -
   การเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต            3G

18
จัดฟันบางนา: ทันตกรรมเด็ก ดูแลฟันเด็ก ในแต่ละช่วงอายุ ตั้งแต่แรกเกิด ถึง 18 ปี !

ฟัน ถือได้ว่าเป็นอวัยวะที่สำคัญอันดับต้นๆ ที่ใช้งานหนักที่สุดในชีวิตตั้งแต่วัยเด็กจนถึงวัยชรา แต่ก็มีหลายๆคนที่เริ่มหันมาเห็นความสำคัญและดูแลเมื่อสายไปเสียแล้ว

ช่องปากก็เช่นกัน หลายคนละเลยทั้งที่แท้จริงควรเริ่มดูแลตั้งแต่แรกเกิด เพื่อไม่ให้เกิดการส่งต่อปัญหาช่องปากในระยะยาว งานวิจัยเกี่ยวกับทันตกรรมมากมายชี้ชัดว่าการดูแลสุขภาพช่องปากและฟันอย่ารอควรเริ่มทำตั้งแต่แรกเกิดอย่างสม่ำเสมอ

หลายๆคนที่มีบุตรหลานที่ยังอยู่ในวัยเด็กเล็กส่วนใหญ่จะคิดว่าค่อยไปดูแลฟันและช่องปากอย่างจริงจังเมื่อเริ่มมีฟันแท้ แต่หารู้ไม่ว่าเริ่มตอนนั้นอาจจะสายไป เพราะ ฟันน้ำนมมีค่ามากกว่าจะถูกละเลย

โดยในวันนี้ Clinic จะขอแนะคำคุณผู้อ่านให้ได้รู้จักเคล็ดลับการดูแลช่องปากและฟันของบุตรหลานท่านให้มีสุขภาพที่ดีในแต่ละช่วงอายุตั้งแต่วัยแรกเกิดจนกระทั่งถึงอายุ 18 ปี โดยมีดังต่อไปนี้

ทันตกรรมเด็ก และวิธีการดูแลช่องปากและฟัน

– แรกเกิด ถึง 2 ปี
ในช่วงวัยนี้ต้องขอบอกเลยว่า บุตรหลานอาจจะไม่มีฟันน้ำนมขึ้น แต่การดูแลสุขภาพเหงือกและช่องปากก็ยังถือได้ว่าสำคัญอยู่ดี เพราะบุตรหลานต้องดื่มนม และหากว่าไม่ได้ทำความสะอาดช่องปาก ก็อาจจะก่อให้เกิดแบคทีเรียในช่องปากได้ วิธีทำความสะอาดที่ดีในวัยนี้ก็คือ การเอาผ้านุ่มๆชุบน้ำหมาดๆเช็ดที่เหงือกเพื่อขจัดคราบน้ำนมที่เกาะตามเหงือกของบุตรหลานท่าน

– ช่วงอายุ 2 ปี ถึง 4 ปี
ในช่วงนี้ บุตรหลานของท่านจะมีฟันน้ำนมขึ้นครบทั้ง 20 ซี่ และเริ่มรับประทานอาหารได้หลากหลายขึ้น จึงเป็นช่วงเวลาที่ควรให้บุตรหลานของท่านเริ่มรู้จักการแปรงฟันที่ถูกต้อง

โดยการสอนลูกให้แปรงฟันเป็นแนวตั้ง ปัดขึ้นลงโดยใช้เวลาในการแปรงฟันให้ทั่วปากประมาณ 2 นาที โดยให้ใช้ยาสีฟันที่มีส่วนผสมของฟลูออไรด์โดยให้ใส่แค่พอชื้น และเมื่อมีอายุครบประมาณ 3 ปีแล้ว ให้เพิ่มปริมาณยาสีฟันให้มีขนาดเท่าเมล็ดถั่ว โดยแปรงอย่างละเอียดทุกซี่ โดยแปรงวันละ 2 ครั้ง เช้า-เย็น
ซึ่งในช่วงอายุประมาณนี้บุตรหลานจะยังไม่สามารถแปรงฟันเองให้สะอาดได้ ผู้ปกครองจึงควรมีส่วนร่วมในการแปรงฟันให้ โดยการโอบข้างหลังแล้วยื่นแปรงสีฟันไปข้างหน้าแล้วจับมือบุตรหลานแปรงฟันอย่างละเอียดทุกซี่ เพื่อให้เขาลูกสึกเคยชินกับการแปรงฟัน พยายามทำแบบนี้จนกว่าบุตรหลานจะเริ่มแปรงฟันเองได้อย่างสะอาดไม่มีคราบเหนียวๆลื่นๆสีขาวอมเหลืองติดฟัน

– ช่วงอายุ 5 ปี ถึง 6 ปี
ในช่วงวัยนี้เด็กๆอาจจะเริ่มมีฟันแท้ขึ้น นั่นก็คือ ฟันหน้าล่าง ส่วนฟันน้ำนมจะเริ่มโยก และจะเริ่มมีฟันกรามแท้โผล่ขึ้นมาเป็นซี่สุดท้ายถัดจากฟันกรามน้ำนมที่มีอยู่แล้ว ซึ่งการแปรงฟันจะต้องละเอียดกว่าเดิมสำหรับด้านในปาก
ซึ่งในช่วงวัยนี้เด็กๆควรที่จะเริ่มแปรงฟันได้ด้วยตัวเองอย่างสะอาดแล้ว โดยเมื่อแปรงเสร็จให้ผู้ปกครองตรวจสอบความเรียบร้อยอีกครั้งอย่างละเอียด เมื่ออายุได้ 6 ปี เด็กๆควรหันมาใช้ยาสีฟันผู้ใหญ่ โดยบีบยาสีฟันประมาณ 1 ซ.ม. โดยใช้เวลาแปรงฟันครั้งละ 2 นาที วันละ 2 ครั้ง

– ช่วงอายุ 7 ปี ถึง 8 ปี
ในช่วงวัยนี้ถือว่าต้องรักษาความสะอาดเป็นพิเศษ ควรแปรงฟันแบบตั้งฉากถูกไปมาขยับสั้นๆให้ทั่วทุกซอกและซี่ฟัน และเป็นช่วงวัยที่นิยมขนมหวาน จึงควรให้ลูกเลือกรับประทานและสอนให้รู้ถึงพิษภัยของฟันผุ และควรแปรงวันละ 2 ครั้ง เช้ากับก่อนนอนทุกวันเป็นประจำ
อีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญมากๆ คือ พบทันตแพทย์ทุกๆ 6 เดือน เป็นอย่างน้อย เพื่อประเมินสุขภาพช่องปากและฟัน

-ช่วงอายุ 11 ปี ถึง 18 ปี
ในวัยนี้เริ่มมีการเจริญเติบโตของใบหน้าอย่างรวดเร็ว อาจจะทำให้เด็กๆมีปัญหาเรื่องฟันสบกัน ซึ่งถ้าหากมีปัญหาเรื่องนี้ให้รีบเข้าพบทันแพทย์เพื่อจัดฟันในเด็ก ที่นิยมและทันสมัยในตอนนี้คือ EF Line ซึ่งจะมีส่วนช่วยเรื่องฟันสบกัน แล้วทำให้ใบหน้าเข้ารูปอีกด้วย แต่ควรรีบมาก่อนที่การเจริญเติบโตของกระดูกกรามจะหยุดโตเพราะอาจจะสายเกินไป

19
สุดยอดอาหารสุขภาพ กินลดระดับคอเลสเตอรอลได้เยี่ยม!

ผู้ที่มีปัญหาไขมันในเส้นเลือดสูง หากคุณกำลังมองหาอาหารเพื่อสุขภาพที่กินลดระดับคอเลสเตอรอลในตัวได้ วันนี้เราหยิบมาแนะนำแล้วดังนี้ค่ะ


1.กระเทียม

กระเทียม สมุนไพรที่มีส่วนช่วยลดระดับไขมันในเส้นเลือดได้เป็นอย่างดี ช่วยป้องกันอาการแข็งตัวของเลือด ลดความดันโลหิต และช่วยป้องกันการอักเสบในร่างกาย นอกจากนี้ ยังมีผลการศึกษาพบว่า การกินกระเทียมวันละ 1-2 หัว สรรพคุณของกระเทียมจะช่วยระงับการอุดตันของหลอดเลือดหัวใจ อันเกิดจากไขมันในเส้นเลือดได้เป็นอย่างดีด้วยค่ะ


2.กระเจี๊ยบแดง

กระเจี๊ยบแดง สมุนไพรชั้นเยี่ยมที่มีสรรพคุณในการลดระดับไขมันในเส้นเลือดได้ดี ทั้งยังมาพร้อมสารต้านอนุมูลอิสระที่มีเทียบได้กับบลูเบอร์รี แครนเบอร์รีและเชอร์รีนั่นเอง นอกจากนี้ กระเจี๊ยบแดงยังมีสรรพคุณในการต่อต้านโรคมะเร็งและช่วยชะลอความเสื่อมสภาพของวัย ทำให้แลดูอ่อนเยาว์ ห่างไกลจากความแก่ได้มากขึ้น


3.ปลาไขมันสูง

ไขมันในอาหารมีทั้งชนิดที่ดีและไม่ดีต่อร่างกาย แต่ส่วนใหญ่แล้วไขมันชนิดที่ดีต่อสุขภาพมักจะพบมากในปลาที่มีไขมันสูง เพราะมีไขมันโอเมก้า 3 นั่นเอง โดยหากินได้จากปลาแซลมอน ปลาทูน่า ปลาซาร์ดีนและปลาทะเลน้ำลึกอื่นๆ ดังนั้น ผู้ที่มีปัญหาไขมันในเส้นเลือดจึงควรกินปลาที่มีไขมันสูงดังกล่าวสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง ก็จะช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดีและลดระดับไตรกลีเซอไรด์ในเลือดให้ลดลงได้ นอกจากนี้ ยังช่วยป้องกันภาวะหัวใจเต้นผิดปกติได้อีกด้วย


4.ผักปวยเล้ง

ผักปวยเล้ง เป็นผักที่มีคุณค่าทางอาหารเยอะมากทีเดียว โดยเฉพาะลูตินซึ่งถือเป็นสารสำคัญที่มักพบในผักใบเขียวเข้มและจากในไข่แดง สารชนิดนี้จะช่วยลดความเสี่ยงในการตาบอดจากภาวะเสื่อมสภาพตามวัย และหากกินผักปวยเล้งเป็นประจำด้วยแล้วก็จะยิ่งลดความเสี่ยงของหัวใจวาย ช่วยลดไขมันในหลอดเลือดซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดไขมันอุดตันในเส้นเลือดหัวใจได้ด้วยนั่นเอง


5.อะโวคาโด

อะโวคาโด ผลไม้ที่มีไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยวซึ่งถือเป็นไขมันชนิดที่ดีต่อสุขภาพร่างกาย โดยจะช่วยเพิ่มระดับคอเลสเตอรอลชนิดดี ทำให้ไขมันชนิดเลวและไตรกลีเซอไรด์ในเส้นเลือดลดลงได้


6.ขิง

ขิง อีกหนึ่งสมุนไพรไทยที่มีสรรพคุณช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลลงได้ดี เนื่องจากมีการศึกษาค้นพบว่า การเติมขิงสดลงในอาหารที่อุดมไปด้วยคอเลสเตอรอลสูง จะทำให้ระดับคอเลสเตอรอลจากอาหารจานนั้นลดลง ดังนั้น ใครที่กินอาหารที่มีไขมันสูง ลองเพิ่มขิงสดเข้าไปสักหน่อย รับรองไขมันในเส้นเลือดลดลงแน่นอน

อาหารเพื่อสุขภาพเหล่านี้ กินลดระดับคอเลสเตอรอลได้อย่างแน่นอน มีทั้งผักชนิดต่างๆ และสมุนไพรที่หลายคนคุ้นเคย มีแต่ของดีมากมายขนาดนี้ บอกเลยไม่พลาดเป็นแน่ใช่มั้ยคะ

20
motor expo: อีซูซุ ดีแมคซ์ X-series 2024 หล่อใหม่ ใจเดิม

อีซูซุ เปิดตัว D-MAX ใหม่!   เอ็กซ์-ซีรี่ส์ แรง…ทะลุเวิร์ส (ISUZU X-SERIES… Gotta Xross The Line!)  ตามการปรับเปลี่ยนไมเนอร์เชนจ์ของรุ่นหลัก ดีแมคซ์ ที่หล่อขึ้นด้วยการดีไซน์หน้าใหม่แบบเฟซออฟ ซึ่งทำให้ เอ็กซ์-ซีรี่ส์ ดูสปอร์ตดุดันทันสมัยมากขึ้นเชื่อว่าถูกใจสายคนชอบรถแต่ง ที่สำคัญนี่เป็นการเดินทางมาตลอด 14 ปีของ เอ็กซ์-ซีรี่ส์ด้วย


อีซูซุ เอ็กซ์-ซีรี่ส์ แรงทะลุเวิร์ส ISUZU X-SERIES…Gotta Xross The Line! ปิกอัพสปอร์ต มาพร้อมกับดีไซน์ใหม่ที่ตอบรับวัยซิ่งเจนฯใหม่ โดยเลือกได้แบบแนวสตรีทเรซกับรุ่น SPEED และแนวสปอร์ตยกสูงกับรุ่น HI-LANDER ซึ่งทั้ง 2 รุ่นมาพร้อมกับ ชุดแต่ง The X Package เติมเต็มอารมณ์สปอร์ตกับดีไซน์ X เอกลักษณ์ที่สอดแทรกในหลายจุดของตัวรถ ความโดดเด่นใหม่ของ X-SERIES กับ 2 รุ่นหลัก 5 รุ่นย่อย

โดยเราได้เอารุ่นท็อป สีขาวมุก 1,024,000 บาท ในรุ่น HIGH-LANDER มาขับเฉิดฉายให้ได้ชมความงามของการปรับโฉมใหม่กัน ส่วนขุมพลังเครื่องยนต์อีซูซุ 1.9 ดีดีไอ บลูเพาเวอร์ แรงเต็มสมรรถนะ กำลังสูงสุด 150 แรงม้า ที่ 3,600 รอบ/นาที พร้อมตำแหน่งเครื่องยนต์แบบ Semi-Midship การกระจายน้ำหนักที่สมดุล มั่นใจทั้งระบบความปลอดภัยและความบันเทิงสมบูรณ์แบบในสไตล์อีซูซุ   ยังคงตอบสนองการใช้งานได้ดีเยี่ยมเหมือนเดิมไม่มากไม่น้อยไป

ไฮไลท์สเปค ไฟหน้า Bi-Beam LED พร้อม Multi Functional Daylight, ไฟตัดหมอกหน้า LED, แอร์แบคคู่, ระบบเบรก ABS/EBD และ BA พร้อม ESC/TCS/HSA/HDC/BOS, พวงมาลัย Multifunction พร้อม Cruise Control และ PADDLE SHIFT(รุ่นเกียร์อัตโนมัติ), เครื่องเสียงหน้าจอขนาด 8 นิ้ว รองรับระบบ Wireless Apple CarPlay และ Wireless Android Auto, กล้องมองภาพขณะถอยจอด, สัญญาณไฟฉุกเฉินอัตโนมัติขณะเบรกกะทันหัน ESS , ระบบล็อกรถอัตโนมัติเมื่อกุญแจรีโมทอยู่ห่างจากตัวรถ (Walk Away Auto Lock) และระบบ Push Start พร้อม Isuzu Genius Entry,  สปอร์ตบาร์พร้อมพื้นปูกระบะ, ชุดเสกิร์ตด้านหน้าและด้านท้าย, ล้ออัลลอยสี Glossy Balck ขนาด 18 นิ้ว


21
อาการของโรคนิ่วท่อไต (Ureteric stone/Ureteral stone)

นิ่วท่อไต (นิ่วในท่อไต ก็เรียก) เป็นนิ่วขนาดเล็กที่เกิดขึ้นในไตแล้วตกลงมาในท่อไต เป็นเหตุให้ท่อไตเกิดการบีบตัวเพื่อขับนิ่วออก ทำให้ผู้ป่วยมีอาการปวดท้องรุนแรง เป็นโรคที่พบได้ค่อนข้างบ่อยในคนทั่วไป

สาเหตุ

นิ่วในท่อไต เป็นนิ่วขนาดเล็กที่เกิดขึ้นในไตแล้วตกลงมาในท่อไต มีสาเหตุของการเกิดนิ่วแบบเดียวกับนิ่วในไต (ดู "โรคนิ่วไต")


อาการ

ผู้ป่วยจะมีอาการปวดท้องรุนแรง โดยมีลักษณะปวดบิดเป็นพัก ๆ ตรงบริเวณท้องน้อยข้างใดข้างหนึ่งเพียงข้างเดียว นานเป็นชั่วโมง ๆ หรือเป็นวัน ๆ

ลักษณะเฉพาะของโรคนี้คือ จะมีอาการปวดร้าวไปที่หลังและต้นขาด้านใน (ปวดไปที่อัณฑะหรือช่องคลอดข้างเดียวกับท้องน้อยที่ปวด) ผู้ป่วยมักจะปวดจนดิ้นไปมา หรือใช้มือกดไว้จะรู้สึกดีขึ้น

บางรายอาจปวดมากจนมีอาการเหงื่อออก ตัวเย็น ใจสั่นใจหวิว คลื่นไส้ อาเจียน

ผู้ป่วยจะไม่มีอาการขัดเบา ปัสสาวะมักจะใสเช่นปกติ ไม่ขุ่น ไม่แดง (ยกเว้นบางรายอาจมีปัสสาวะขุ่นแดง)


ภาวะแทรกซ้อน

ถ้านิ่วก้อนใหญ่หลุดออกเองไม่ได้ ทิ้งไว้อาจทำให้มีการติดเชื้อของทางเดินปัสสาวะ และไตวายได้


การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยเบื้องต้นจากอาการ ประวัติการเจ็บป่วย และการตรวจร่างกาย

การตรวจร่างกายมักจะไม่พบสิ่งผิดปกติ บางรายอาจพบว่ากล้ามเนื้อหน้าท้องและหลังมีอาการเกร็งตัว หรือมีอาการกดเจ็บเล็กน้อยตรงบริเวณที่ปวด

แพทย์จะทำการวินิจฉัยให้แน่ชัดโดยการตรวจปัสสาวะ (พบว่ามีเม็ดเลือดแดงในปัสสาวะ) และอาจทำการตรวจพิเศษ เช่น เอกซเรย์ อัลตราซาวนด์ เอกซเรย์คอมพิวเตอร์ การใช้กล้องส่องตรวจท่อไต


การรักษาโดยแพทย์

นอกจากแนะนำการปฏิบัติตัวสำหรับผู้ป่วยแล้ว แพทย์จะให้การดูแลรักษา ดังนี้

    ให้ยาบรรเทาปวด ได้แก่ ยาแอนติสปาสโมดิก ยาต้านอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ชนิดกินหรือฉีด
    ในรายที่มีสาเหตุชัดเจน ก็จะให้การรักษาตามสาเหตุที่พบ เช่น ให้ยารักษาโรคเกาต์ในรายที่เป็นโรคเกาต์
    แนะนำให้ผู้ป่วยสังเกตว่า เวลาถ่ายปัสสาวะมีก้อนนิ่วหลุดออกมาหรือไม่ และนัดมาดูอาการเป็นระยะ ถ้านิ่วก้อนเล็กอาจหลุดออกมาได้เอง 
    ถ้าก้อนใหญ่ก็จะทำการผ่าตัดเอานิ่วออก หรือใช้เครื่องสลายนิ่ว (extracorporeal shock wave lithotripsy/ESWL) หรือใช้กล้องส่อง (ureteroscope) สอดใส่ผ่านทางท่อปัสสาวะขึ้นไปตามท่อไต แล้วใช้เครื่องมือในการนำเอานิ่วออกมา หรือทำให้นิ่วแตกละเอียดแล้วหลุดออกมากับปัสสาวะ แพทย์อาจใส่หลอดลวดตาข่าย (stent) ถ่างขยายค้างไว้ในท่อไต เพื่อให้ปัสสาวะไหลออกได้สะดวก

ผลการรักษา เมื่อเอานิ่วออกมาได้ก็จะหายเป็นปกติ แต่บางรายอาจเกิดนิ่วก้อนใหม่ในเวลาต่อมาก็จะให้การรักษาใหม่ ในรายที่เป็นนิ่วท่อไตแล้วปล่อยให้เกิดภาวะแทรกซ้อน ก็จะมีความยุ่งยากในการรักษาตามมา


การดูแลตนเอง

หากสงสัย เช่น มีอาการปวดท้องรุนแรง โดยมีลักษณะปวดบิดเป็นพัก ๆ ตรงบริเวณท้องน้อยข้างใดข้างหนึ่งเพียงข้างเดียว นานเป็นชั่วโมง ๆ ควรปรึกษาแพทย์

เมื่อตรวจพบว่าเป็นนิ่วท่อไต ควรดูแลตนเอง ดังนี้

    รักษา กินยา และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ 
    ติดตามรักษากับแพทย์ตามนัด

  ควรกลับไปพบแพทย์ก่อนนัด ถ้ามีลักษณะข้อใดข้อหนึ่ง ดังต่อไปนี้

    ดูแลรักษาแล้วอาการไม่ทุเลา 
    มีอาการปวดท้องมากขึ้น มีไข้ หนาวสั่น ปวดที่สีข้าง ปัสสาวะขุ่น คลื่นไส้ อาเจียน
    ขาดยาหรือยาหาย
    กินยาแล้วสงสัยเกิดผลข้างเคียงจากยา เช่น มีลมพิษ ผื่นคัน ตุ่มพุพอง ตาบวม ปากบวม ปวดท้อง ท้องเดิน คลื่นไส้ อาเจียน จุดแดงจ้ำเขียว หรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ


การป้องกัน

1. ดื่มน้ำมาก ๆ ประมาณวันละ 8-12 แก้ว (2-3 ลิตร) ระวังอย่าให้ร่างกายขาดน้ำ 

2. หลีกเลี่ยงการกินวิตามินซีขนาดสูงเป็นประจำ และหลังกินวิตามินซีควรดื่มน้ำตามมาก ๆ

3. ลดการกินพืชผักที่มีสารออกซาเลตสูง

4. บริโภคเนื้อสัตว์และอาหารที่มีแคลเซียมให้พอเพียง อย่าให้มากเกิน

5. ถ้าเป็นโรคเกาต์ ควรรักษาอย่างจริงจัง และควบคุมกรดยูริกให้อยู่ในระดับปกติ


ข้อแนะนำ

1. นิ่วท่อไตส่วนใหญ่จะมีขนาดเล็กเท่าหัวไม้ขีด (ขนาดเล็กกว่า 6 มม.) ซึ่งมักจะหลุดออกมาได้เอง ควรบอกให้ผู้ป่วยถ่ายปัสสาวะลงกระโถน เพื่อสังเกตดูว่ามีก้อนนิ่วออกมาหรือไม่ ส่วนมากมักจะหลุดออกมาภายในไม่กี่วัน

2. อาการปวดท้องจะหายดังปลิดทิ้งเมื่อนิ่วหลุดออกมา แต่ก็อาจเกิดนิ่วก้อนใหม่ในภายหลังได้อีก 

3. เมื่อรักษาหายแล้ว ควรป้องกันไม่ให้เป็นซ้ำ โดยดื่มน้ำวันละ 2-3 ลิตร ดื่มน้ำมะนาววันละ 1 แก้ว (เพิ่มสารซิเทรตในปัสสาวะ ช่วยยับยั้งการเกิดนิ่ว) ลดอาหารที่มีกรดยูริก แคลเซียม และออกซาเลตสูง


22
รถหกล้อรับจ้างขนย้ายบ้านสมุทรปราการ รถกระบะรับจ้าง 10ล้อ รับจ้างขนของ

รถรับจ้างขนย้ายบ้านสมุทรปราการ บริการรถรับจ้างทั่วไป ในเขตสมุทรปราการ ด้วยบริการ รถกระบะรับจ้างขนของย้ายบ้านสมุทรปราการ รถหกล้อรับจ้างขนย้ายบ้านสมุทรปราการ รถ10ล้อรับจ้างขนย้ายบ้านสมุทรปราการ รถเฮียบรับจ้างสมุทรปราการ รถเครนรับจ้างสมุทรปราการ รถบรรทุกรับจ้างสมุทรปราการ รถรับจ้างสมุทรปราการ รถรับจ้างขนของจังหวัดสมุทรปราการ เป้นต้น ซึ่งงานหลักๆที่เราให้บริการในขณะนี้ จะเป็นงาน รับจ้างย้ายบ้าน ขนย้ายวัสดุก่อสร้าง รับจ้างขนของทั่วไป ขนย้ายสินค้าการเกษตร ย้ายหอ ย้ายออฟฟิค ขนย้ายคอนโด เรียกได้ว่า เรามีรถทุกประเภทที่มีความเหมาะสมในการขนย้ายของๆแต่ละงานอย่างพร้อมเพียง มาที่เดียวท่านได้ครบทุกอย่าง เพราะเราบริหารงานด้วยทีมงานที่มีคุณภาพโดยแท้ และเป็นสุดยอดงานบริการ รถรับจ้างขนของเขตสมุทรปราการ โดยแท้
   
ด้านบริการ คนยกสินค้า กรณีนี้เกิดขึ้นกับลูกค้าเราเกือบทุกรายที่บางที มีคนขนของ มีเพื่อนมาช่วยขน แต่พอถึงเวลา เพื่อนมาไม่กี่คน หรือ ขนยกเองทำของตัวเองแตกบ้าง ล้มบ้าง ขอบอกเลยว่า รถรับจ้างขนของจังหวัดสมุทรปราการ ของเรา มีช่างและคนผู้ชำนาญงานไว้คอยบริการท่านอยู่แล้ว โดยที่ท่านไม่ต้องเหนื่อยหรือกังวลที่จะยกของทั่งขึ้นและลง ลดความเสี่ยงต่อการบาดเจ็บ และถ้าข้าวของเสียหายจากการยก ทางทีมงานเราก็รับผิดชอบของที่เสียหายให้ได้อยู่แล้ว แล้วเราจะไปเสี่ยงทำไม และเหนื่อยทำไม ถูกมั้ยครับ ราคางานบริการเราก็คิดไม่แพง ต่อรองได้อีก บอกได้เลยว่า ทีมงาน รถรับจ้างขนย้ายบ้านสมุทรปราการ หรือทีมงาน รับจ้างขนของ ทั่วไปของเรามีคุณภาพมากๆ ท่านจะไม่ผิดหวังที่โทรหารเรา

จุดพื้นที่ให้บริการ รถรับจ้างขนย้ายบ้านสมุทรปราการ ได้แก่

รถรับจ้างขนย้ายบ้านอำเภอ เมืองสมุทรปราการ
รถรับจ้างขนย้ายบ้านอำเภอ บางบ่อ
รถรับจ้างขนย้ายบ้านอำเภอ พระประแดง
รถรับจ้างขนย้ายบ้านอำเภอ บางพลี
รถรับจ้างขนย้ายบ้านอำเภอบางเสาธง
รถรับจ้างขนย้ายบ้านอำเภอ พระสมุทรเจดีย์
รถรับจ้างขนย้ายบ้านอำเภอ สุขุมวิท
รถรับจ้างขนย้ายบ้านอำเภอ บางพลีใหม่
รถรับจ้างขนย้ายบ้านอำเภอ บางนา-ตราด
รถรับจ้างขนย้ายบ้านอำเภอ สำโรง
รถรับจ้างขนย้ายบ้านอำเภอ บางปู   

23
motor expo2024:  อีวี ไพรมัส โชว์ วู่หลิง บิงโก อีวี ในงาน Fast Auto Show Thailand 2024 โค้งสุดท้าย

บริษัท อีวี ไพรมัส จำกัด ผู้จัดจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าแบบมัลติแบรนด์ (Multi-Brand EV Distributor) แห่งแรกของไทย และเป็นผู้จัดจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้า วู่หลิง (WULING) แต่ผู้เดียวในประเทศไทย (Sole Distributor) ตอกย้ำความมั่นใจให้กับลูกค้าในงาน Fast Auto Show Thailand 2024 ในงานนี้ ทาง อีวี ไพรมัส ได้นำรถ วู่หลิง แอร์ อีวี และ วู่หลิง บิงโก อีวี มาแสดงเพื่อเปิดโอกาสให้ลูกค้าได้สัมผัสกับตัวรถจริงก่อนจะมีพิธีเปิดตัวพร้อมราคาและโปรโมชั่นสุดพิเศษอย่างเป็นทางการในวันที่ 8 กรกฎาคมนี้ที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์
 
นายพิทยา ธนาดำรงศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อีวี ไพรมัส จำกัด เปิดเผยว่าในงาน Fast Auto Show Thailand 2024 นอกจากเผยโฉม วู่หลิง บิงโก อีวี แล้ว บริษัทฯ ยังแสดงความชัดเจนในการทำตลาด วู่หลิง แอร์ อีวี ตอกย้ำกลยุทธ์การสร้างความแตกต่างด้านผลิตภัณฑ์ โดยจะมีการทำตลาดอย่างต่อเนื่องทั้งสองรุ่น อีกทั้งยังจะมีการขยายเครือข่ายโชว์รูมการขายและบริการหลังการขายจากเดิม 33 รายมาเป็น 41 ราย เพื่อรองรับยอดขายที่มากขึ้นในอนาคตอันใกล้

“บริษัทได้มุ่งเน้นกลยุทธ์การสร้างความแตกต่างด้านผลิตภัณฑ์ ซึ่งเห็นได้ชัดในความเป็นเอกลักษณ์ของ Air EV ด้วยยอดขายกว่า 1,000 คัน และ การออกแบบในลักษณะ RETRO ของ BINGUO EV ที่กำลังจะเปิดตัวมาตลอด ทั้งนี้ กระแสข่าวสงครามราคา ได้สร้างแรงกระเพื่อมในตลาด สร้างความสนใจให้กับผู้ที่ต้องการซื้อรถอีวีมาใช้เป็นคันแรกของบ้านจำนวนมากให้หันมาให้ความสนใจกับรถไฟฟ้าในราคาช่วง 500,000 บาท ส่งผลให้ตลาดในช่วงราคานี้มีขนาดที่ใหญ่ขึ้น ซึ่งค่ายวู่หลิงเองจะตั้งใจทำราคาให้ตอบโจทย์ผู้บริโภคให้ได้มากที่สุด เพื่อตอบรับความสนใจในช่วงระยะนี้ เตรียมพบกับราคาเปิดตัวและโปรโมชั่นสุดพิเศษในวันที่ 8 กรกฎาคมที่จะถึงนี้” นายพิทยา กล่าว

 
วู่หลิง บิงโก อีวี เป็นรถยนต์ไฟฟ้า 100% ที่เหมาะกับครอบครัวคนรุ่นใหม่ เน้นการใช้งานในเมืองเป็นหลัก ด้วยขนาดตัวรถ ความยาว 3,950 มม. ความกว้าง 1,708 มม. ความสูง 1,580 มม. ระยะฐานล้อ 2,560 มม. โดยจะเปิดตัว 2 รุ่นคือ Standard Range 333AC และ Standard Range 333DC

Standard Range 333AC และ Standard Range 333DC มาพร้อมกับขุมพลังมอเตอร์ไฟฟ้ากำลัง 31.9 kW หรือ 68 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 150 นิวตันเมตร แบตเตอรี่ความจุ 31.9 kWh ชาร์จไฟเต็มวิ่งได้ระยะทางไกลสุด 333 กม. ทำความเร็วสูงสุดที่ 120 กม./ชม. โดยในรุ่น Standard Range 333DC รองรับการชาร์จกระแสตรง DC ซึ่งใช้ระยะเวลาการชาร์จจากแบตเตอรี่จาก 30% ถึง 80% เพียง 30 นาที อีกทั้งยังรองรับการชาร์จไฟฟ้ากระแสสลับ AC ที่ 7kw ต่อชั่วโมง ที่จะชาร์จไฟเต็มในเวลา 4.5 ชม.

ในงาน Fast Auto Show Thailand 2024 นอกจากลูกค้าจะได้สัมผัสกับรถ วู่หลิง บิงโก อีวี อย่างใกล้ชิดแล้ว อีวี ไพรมัส ได้จัดโปรโมชั่นพิเศษสำหรับลูกค้าที่จองรถ วู่หลิง แอร์ อีวี ด้วยข้อเสนอรับส่วนลดพิเศษสูงสุด 20,000 บาท
 
รถยนต์ไฟฟ้า วู่หลิง แอร์ อีวี นั้น มีระยะวิ่งสูงสุด 300 กิโลเมตร ทำให้ลูกค้าสามารถใช้รถได้ 2-3 วันก่อนต้องชาร์จไฟ มีอัตราสิ้นเปลืองที่กิโลเมตรละ 35 สตางค์ ไม่กินไฟสูงระหว่างรถติด ด้วยขนาดกะทัดรัดทำให้หาที่จอดรถได้ง่ายขึ้น เชื่อว่ารถยนต์ไฟฟ้า วู่หลิง แอร์ อีวี นั้นจะสามารถแก้ Pain Point ของคนใช้รถในเมืองได้อย่างสมบูรณ์ ขับง่าย (Easy Drive) และเพิ่มความสะดวกสบายในชีวิตประจำวัน (Easy Life) แบ่งเบาภาระด้านค่าเดินทาง และ มีเทคโนโลยีเสริมความสนุกสนานในการใช้รถ ได้เป็นอย่างดี

วู่หลิง แอร์ อีวี ปัจจุบันมี 2 รุ่นคือ Standard Range และ Long Range โดยเป็นรถซิตี้ อีวี 4 ที่นั่ง 3 ประตู รถทั้ง 2 รุ่น ตัวรถมีขนาดความยาว 2,974 มม. ความกว้าง 1,505 มม. และความสูง 1,631 มม. ความจุของแบตเตอรี่สำหรับรุ่น Standard Range 17.3 kWh สามารถวิ่งได้ 200 กม. ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง 8 ชั่วโมง และรุ่น Long Range ความจุของแบตเตอรี่ 26.7 kWh สามารถวิ่งได้ 300 กม. ต่อการชาร์จแบบ AC 6.6 kw 1 ครั้ง 4 ชั่วโมง ในรุ่น Long Range มี Application ควบคุมการทำงานของรถได้จากระยะไกล อาทิเช่น ล็อค-ปลดล็อครถ ปรับกระจกขึ้น-ลง เปิด-ปิดแอร์ เช็คสถานะแบตเตอรี่ ระยะทางที่วิ่งได้ และ ตำแหน่งรถ

สำหรับราคาเริ่มต้นของรุ่น Standard Range 425,000 บาท ด้วยเงื่อนไขการรับประกันตัวรถและแบตเตอร์รี่ 3 ปีหรือ 50,000 กิโลเมตร และรุ่น Standard Range Extended ราคา 455,000 บาท ด้วยเงื่อนไขการรับประกันตัวรถ 3 ปีหรือ 100,000 กิโลเมตร และการรับประกันแบตเตอร์รี่ 8 ปี หรือ 120,000 กิโลเมตร บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง 2 ปี กรมธรรม์ชั้นหนึ่งของวิริยะประกันภัย ฟรีกระจกแบบ Tinted Privacy Glass จากโรงงาน ฟรี Charging Socket พร้อมเบรกเกอร์และชุดซ่อมยางอัตโนมัติ

ส่วนรุ่น Long Range ราคาเริ่มต้นที่ 465,000 บาท ด้วยเงื่อนไขการรับประกันตัวรถและแบตเตอร์รี่ 3 ปีหรือ 50,000 กิโลเมตร และรุ่น Long Range Extended ราคา 495,000 บาท ด้วยเงื่อนไขการรับประกันตัวรถ 3 ปีหรือ 100,000 กิโลเมตรและการรับประกันแบตเตอร์รี่ 8 ปีหรือ 120,000 กิโลเมตร บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง 2 ปีและกรมธรรม์ชั้นหนึ่งของวิริยะประกันภัย ฟรีกระจกแบบ Tinted Privacy Glass จากโรงงาน ฟรี Charging Socket พร้อมเบรกเกอร์และชุดซ่อมยางอัตโนมัติ และฟรีค่าบริการรายเดือนเชื่อมต่อ Wuling IoV Application เป็นระยะเวลา 3 ปี

24
10 สารอาหารบำรุงสมอง ลดภาวะสมองล้า ไม่เสื่อมง่ายก่อนวัย!

อายุที่เพิ่มขึ้น เป็นธรรมชาติที่จะเกิดความเสื่อมกับร่างกายไม่เว้นแม้กระทั่งสมองที่เราใช้ทุกวันและทุกเวลา โดยเฉพาะคนทำงานที่ใช้ร่างกายอย่างหนัก พักผ่อนน้อย มีภาวะเครียดสะสม อาจส่งผลให้อวัยวะสำคัญอย่างสมองเกิดภาวะสมองล้า ส่งผลให้ความจำและการทำงานของสมองลดลง ทำให้เกิดโรคอัลไซเมอร์ โรคพาร์กินสัน โรคความจำเสื่อมก่อนวัย แนะสารอาหารสำคัญที่มีส่วนช่วยบำรุงสมอง!


สารอาหารสำคัญช่วยบำรุงสมอง!

1.    น้ำมันปลา (Fish Oil) เพราะอุดมไปด้วยดีเอชเอ (DHA) กรดไขมันไม่อิ่มตัวชนิดโอเมก้า 3 ซึ่งมีมากในปลาชนิดต่าง ๆ เช่น ปลาแซลมอน ปลาทูน่า ปลาแมคเคอเรล ปลาซาร์ดีน ช่วยป้องกันโรคเสื่อมต่าง ๆ มีความสำคัญทั้งด้านความจำของสมอง ทักษะการทำงานด้านการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อและเส้นประสาทและระบบการมองเห็นของจอประสาทตา

2.    สารสกัดจากแปะก๊วย (Ginkgo Biloba Extract) ช่วยในการทำงานของระบบไหลเวียนเลือดให้ไปเลี้ยงสมองและส่วนต่าง ๆ ของร่างกายให้ดีขึ้น ป้องกันภาวะเลือดไปเลี้ยงสมองไม่ทัน เพิ่มความแข็งแรงและยืดหยุ่นแก่ผนังหลอดเลือด เพิ่มพลังงานแก่เซลล์สมองโดยตรง ช่วยให้สมองมีประสิทธิภาพในการเรียนรู้และมีความจำที่ดี มีสารต้านอนุมูลอิสระจำพวกกลุ่มฟลาโวนอยด์ช่วยป้องกันความเสื่อมของสมองและหลอดเลือด ลดความเสี่ยงโรคอัลไซเมอร์

3.    โคลีน (Choline Bitartrate) คือ สารอาหารสำคัญตัวหนึ่งที่จัดอยู่ในกลุ่มของวิตามินบี เป็นส่วนประกอบของเยื่อหุ้มเซลล์ เยื่อหุ้มสมอง กล้ามเนื้อ เซลล์ประสาท รวมทั้งไลโปโปรตีน อีกทั้งยังเป็นสารตั้งต้นในการสร้างอะเซททิลโคลีน ซึ่งเป็นสารสื่อประสาทที่ใช้ในการส่งกระแสประสาทของสมอง การรับสารโคลีนเพียงพอต่อวัน จะช่วยป้องกันภาวะความจำเสื่อมได้ อุดมอยู่มากใน เนื้อวัว ตับวัว อกไก่ เนื้อปลา ไข่แดง นม โยเกิร์ต เป็นต้น

4.    สารสกัดจมูกข้าว (Gamma Oryzanol) มีบทบาทสําคัญในการทำหน้าที่เป็นสารสื่อประสาทในระบบประสาทส่วนกลาง นอกจากนี้ GABA ยังถือเป็นสารสื่อประสาทประเภทสารยับยั้ง โดยทำหน้าที่รักษาสมดุลในสมองที่ได้รับการกระตุ้น ซึ่งช่วยทำให้สมองเกิดการผ่อนคลายและนอนหลับสบาย

5.    ธีอะนีน (L – Theanine) เพิ่มสารซีโรโทนิน โดพามีน และกาบา ทำให้เกิดความผ่อนคลายและลดความเครียดได้ เสริมให้จิตใจสงบ มีสมาธิมากขึ้น ไม่หงุดหงิดง่าย ช่วยให้ลำดับความคิดเป็นระบบระเบียบมากขึ้น ประสิทธิภาพในการทำงานดีขึ้น คุณภาพการนอนหลับดีขึ้น นอนหลับสนิทและเต็มอิ่ม ธีอะนีน พบมากที่สุดในชาเขียว

6.    ฟอสฟาติดิลซีรีน (Phosphatidylserine) ไขมันชนิดหนึ่ง ซึ่งเป็นส่วนประกอบหลักของเยื่อหุ้มเซลล์ประสาทในสมอง ซึ่งไม่สามารถรับได้จากอาหารทั่วไป แต่ร่างกายสามารถผลิตได้เองเพื่อปกป้องเซลล์สมองให้มีสุขภาพที่ดี ป้องกันหรือชะลอการเสื่อมสลายของเซลล์ประสาทในสมอง ช่วยรักษาความจำที่บกพร่อง โรคอัลไซเมอร์ (Alzheimer) ความจำเสื่อมในผู้สูงอายุ  ลดความอ่อนล้าของสมอง ให้เกิดความสมดุลทางอารมณ์ โดยกระบวนการผลิตสารชนิดนี้จะลดลงเรื่อย ๆ เมื่ออายุมากขึ้น พบมากใน ไข่ เมล็ดทานตะวัน ตับ และถั่วเหลือง


วิจัยพบ! นั่งติดเก้าอี้เพิ่มเสี่ยงมะเร็ง กินอะไรบูสต์ร่างกายจากการทำงานหนัก

1.    อิโนซิทอล (Inositol) สารชนิดหนึ่งในกลุ่มวิตามินบีที่มีบทบาทสำคัญในระบบประสาทและระบบการกำจัดไขมันในร่างกาย อุดมไปด้วย Colostrums สารอาหารในน้ำนมแม่ระยะ 4 -5 วันแรก มีประโยชน์ในการสร้างเยื่อหุ้มเซลล์ (Cell membrane) โดยเฉพาะเยื่อหุ้มระบบประสาท (Myelin Sheath) เซลล์รากผมที่ทำหน้าที่สร้างผม และเซลล์ไขกระดูกให้มีความแข็งแรงสมบรูณ์ อุดมมากใน จมูกข้าวสาลี ถั่วลิสง ลูกเกด แคนตาลูป เกรปฟรุต กะหล่ำปลี เป็นต้น

2.    สารสกัดจากโสม (Ginseng Extract) พืชสมุนไพรที่นิยมมากกว่า 5,000 ปี มีความเชื่อกันว่า รากโสมสามารถรักษาได้สารพัดโรค สารสกัดจากโสมมีสารประกอบที่มีประโยชน์ต่อร่างกายหลายชนิด ช่วยต้านความเครียด ช่วยฟื้นฟูและเพิ่มสมรรถภาพการทำงานของร่างกาย เพิ่มประสิทธิภาพของระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายและช่วยชะลอความแก่

3.    ซอยเลซิทิน (Soy Lecithin) มี Phosphaticylcholine ให้สารโคลีน ช่วยให้ความจำและความสามารถในการเรียนรู้ดีขึ้น การทำงานของตับมีประสิทธิภาพมากขึ้น ช่วยลดการอุดตันของถุงน้ำดี ให้สารอิโนซิทอล ซึ่งเป็นส่วนที่ช่วยบำรุงเซลล์ประสาท ทำให้การทำงานของระบบประสาทดีขึ้น ใช้เพื่อป้องกันและรักษาโรคความจำเสื่อม

4.    แอลคาร์นิทีน แอลทาร์เทรต (L-Carnitine L-Tartrate) มีบทบาทสำคัญในส่วนของการผลิตอะซิติลโคลีน (Acetylcholine) สารเคมีในสมองที่ทำหน้าที่รับส่งสัญญาณระหว่างเซลล์ประสาทในสมอง ช่วยแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับสมอง และเซลล์ประสาท

การเลือกทานอาหารเสริมบำรุงสมองที่ปรุงและวิจัยโดยทีมแพทย์ผู้ชำนาญมาตรฐานโรงพยาบาลเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่จะช่วยเสริมความจำ ลดความอ่อนล้าของสมอง ลดความเครียด ปรับสมดุลอารมณ์ ช่วยให้สมองแข็งแรงไม่เสื่อมก่อนวัย ที่สำคัญควรกินอาหารให้ครบ 5 หมู่อย่างหลากหลายและดื่มน้ำเปล่าสะอาดให้เพียงพอต่อร่างกายด้วยนะคะ

25
12 เคล็ดลับ วิธีแก้ง่วง นอนน้อย ให้กลับมาสดชื่นพร้อมทำงานต่อ

"ฮ๊าวว.." เสียงหาวพร้อมกับน้ำตาไหลจากความง่วงนอนที่คุณต้องตื่นไปทำงาน อาการเซื่องซึมหลังจากถึงโต๊ะที่ทำงาน และยิ่งแทบลืมตาไม่ขึ้นหลังจากพักทาน ข้าวกลางวัน มา

12 เคล็ดลับ วิธีแก้ง่วง นอนน้อย ให้กลับมาสดชื่นพร้อมทำงานต่อ


1.ดื่มน้ำหรือดื่มเครื่องดื่มเย็นๆ เพื่อให้รู้สึกสดชื่น

2.ทานผลไม้ที่มีรสเปรี้ยว อมลูกอมหรือทานขนมขบเคี้ยว

3.ลดแป้งและของหวาน เนื่องจากเมื่อรับประทานจะทำให้ระดับน้ำตาลในกระแสเลือดสูงขึ้น ส่งผลให้เกิดอาการง่วงหลังอาหาร

4.ดื่มเครื่องดื่มชูกำลัง หรือดื่มน้ำชา กาแฟ ที่มีสารคาเฟอีน

5.ดมยาดม ความเย็นจากสมุนไพรจะช่วยให้ตื่นตัวขึ้น

6.กำหนดลมหายใจ หายใจเข้าลึกๆให้เต็มปอด และค่อยๆปล่อยอย่างช้า เพื่อเพิ่มออกซิเจนให้แก่สมอง

7.ล้างหน้าด้วยน้ำเย็นหรือใช้ผ้าเย็นๆเช็ดหน้า ทำให้รู้สึกสดชื่นและหายจากอาการง่วงนอน

8.ฟังเพลงจังหวะสนุกๆ โดยขยับแขนขาตามจังหวะเพลง เป็นการกระตุ้นประสาทสัมผัสของเราให้ตื่นตัวแก้อาการง่วงนอนได้ดี

9.ปรับเปลี่ยนอิริยาบถ โดยการลุกเดินพูดคุยกับเพื่อนร่วมงาน หรือแกว่งแขนยืดเส้นยืดสายด้วยท่ากายบริหารแบบง่ายๆ

10.ออกไปข้างนอกสักครู่ หากกำลังนั่งทำงานอยู่ในห้อง ลองปรับเปลี่ยนบรรยากาศโดยการเดินออกไปสูดอากาศภายนอกสักครู่หนึ่ง

11.ลองปรับเปลี่ยนงานที่กำลังทำ หากกำลังทำงานอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ให้ปรับเปลี่ยนเป็นการค้นคว้าข้อมูลจากเอกสาร การอ่านรายงานหรืออ่านจากหนังสือแทน

12.หลับเลย ถ้าทำทั้ง 11 ข้อแล้วยังไม่หายง่วง แสดงว่าร่างกายไม่ไหวแล้ว หากยังฝืนทำงานต่อ ประสิทธิภาพในการทำงานก็ลดลงและอาจเจ็บไข้ได้ป่วยก็เป็นได้

วิธีแก้อาการง่วงนอนทำได้พร้อมกันหลายวิธี อาจพักปรับเปลี่ยนอิริยาบถพร้อมๆ กับการฟังเพลง ดื่มเครื่องดื่ม ทานของว่างประเภทผลไม้ที่มีรสเปรี้ยว หรือเลือกวิธีอื่นที่เหมาะกับตนเอง แต่หากทำแล้วยังรู้สึกง่วงนอน ควรหาโอกาสหลับอย่างน้อย 10 นาทีหรือนั่งหลับตานิ่งๆ เพื่อพักสายตาแล้วล้างหน้าด้วยน้ำเย็น ก็สามารถทำให้คนที่มีอาการง่วงนอนรู้สึกสดชื่นขึ้นได้



26
ยาโรคเบาหวาน กินอย่างไรให้ถูกต้อง?

โรคเบาหวานเกิดจากตับอ่อนไม่สามารถสร้างฮอร์โมนอินซูลินให้เพียงพอ หรืออินซูลินทำหน้าที่บกพร่องจึงไม่สามารถเอาน้ำตาลที่ได้จากอาหารไปใช้เป็นพลังงาน ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงเกินไป ผลของน้ำตาลในเลือดสูงเป็นระยะเวลานานเป็นเหตุให้อวัยวะต่างๆ เสียหน้าที่ และเกิดโรคแทรกซ้อนขึ้น โดยเฉพาะที่ตา ไต ประสาทส่วนปลาย หัวใจ และหลอดเลือด

 
โรคเบาหวานแบ่งตามสาเหตุการเกิดได้ 4 ชนิด ดังนี้


1.เบาหวานชนิดที่ 1

เกิดจากขาดอินซูลิน ต้องรักษาด้วยการฉีดอินซูลินเข้าไปทดแทน มักเกิดในคนอายุน้อยและผอม พบได้ไม่มากประมาณ 5 – 10 เปอร์เซ็นต์


2.เบาหวานชนิดที่ 2

เกิดจากการขาดอินซูลินบางส่วนหรืออินซุลินทำหน้าที่บกพร่อง (ดื้อต่อฤทธิ์ของอินซูลิน) มักเกิดในผู้ใหญ่และผู้ที่มีน้ำหนักเกิน แต่ปัจจุบันพบได้มากขึ้นในเด็กที่น้ำหนักเกินหรืออ้วน ซึ่งอาจเริ่มรักษาด้วยการควบคุมอาหาร ออกกำลังกาย และยาลดระดับน้ำตาล


3.เบาหวานชนิดอื่นๆ

เช่น เกิดจากการใช้ยาบางชนิด ตับอ่อนอักเสบ ติดเชื้อไวรัสบางชนิด


4.เบาหวานขณะตั้งครรภ์

เป็นเบาหวานชนิดที่เกิดขึ้นขณะตั้งครรภ์และจะหายไปเองเมื่อสิ้นสุดการตั้งครรภ์ เกิดจากฮอร์โมนที่สร้างจากรก ทำให้เกิดภาวะดื้ออินสุลิน และการตั้งครรภ์ก็ทำให้มีการหลั่งอินสุลินจากตับอ่อนลดลง

 
หลักในการรักษาผู้ป่วยเบาหวานขึ้นอยู่กับชนิดของเบาหวาน ประกอบด้วย

    การปรับวิถีการดำเนินชีวิต เป็นหัวใจสำคัญและมีความสำคัญอย่างมากในการรักษาเบาหวาน โดยต้องปรับในเรื่องของอาหารโดยมีเป้าหมายเพื่อให้น้ำหนักลดลง ควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันสูง รวมทั้งเลี่ยงอาหารฟาสฟู๊ดและควรออกกำลังกายเป็นประจำวันละอย่างน้อย 30 นาที
    การใช้ยาเพื่อควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด แบ่งออกได้เป็น 2 ชนิด ตามวิธีการบริหารยา
        ยารักษาโรคเบาหวานชนิดรับประทาน มีทั้งยาที่กินก่อนอาหาร และหลังอาหาร
        ยาก่อนอาหาร ออกฤทธิ์ช่วยกระตุ้นให้ร่างกายพร้อมที่จะใช้พลังงานจากแป้งและน้ำตาล โดยกระตุ้นตับอ่อนให้หลั่งฮอร์โมนอินซูลินออกมา ณ เวลาที่ระดับน้ำตาลในเลือดสูงหลังจากกินอาหาร โดยทั่วไปแล้วมักแนะนำให้กินก่อนอาหารประมาณ 30 นาที ข้อควรระวังของยากลุ่มนี้ เมื่อรับประทานยากลุ่มนี้แล้วจำเป็นต้องรับประทานอาหารหลังทานยาเสมอ เพราะฮอร์โมนอินซูลินที่ถูกกระตุ้นให้หลั่งออกมาจะทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดต่ำกว่าระดับปกติ จนอาจเกิดอาการข้างเคียงที่รุนแรงได้

 
หากลืมกินยาต้องทำอย่างไร?

    ยาก่อนอาการ เช่นเดียวกับกรณีลืมกินยา ไม่ควรกินยาหลังอาหาร เพราะยาจะออกฤทธิ์ในช่วงที่ระดับน้ำตาลในเลือดลดต่ำลงไปแล้ว จึงทำให้ระดับน้ำตาลลดต่ำลงไปมากกว่าเดิม อาจมีโอกาสเกิดภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ หากลืมทานยา ควรเว้นยาที่ลืมทานไปโดยไม่ต้องทานเพิ่มเป็นสองเท่าในมื้อถัดไป
    ยาหลังอาหาร ยาที่กินหลังอาหารมีหลายกลุ่มด้วยกัน และอาจใช้ยารักษามากกว่า 1 ชนิด เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิผลในการรักษามากขึ้น กรณีลืมทานยากลุ่มนี้หลังอาหาร สามารถทานยาทันทีที่นึกได้ แต่ถ้าใกล้อาหารมื้อถัดไปแล้ว ควรเก็บยาไว้ทานหลังอาหารมื้อถัดไปแทน

 
ยารักษาโรคเบาหวานชนิดฉีด

ปัจจุบันมียาฉีดหลายชนิด เช่น อินซูลิน ยากลุ่ม GLP-1 analogue ใช้โดยการฉีดเข้าใต้ผิวหนังบริเวณต้นขา หรือหน้าท้อง วันละ 1-4 ครั้งก่อนอาหารประมาณครึ่งชั่วโมง หรือฉีดก่อนนอน ควรหมุนเวียนเปลี่ยนที่ฉีดเข้าใต้ผิวหนังแทนการฉีดซ้ำที่เดิม แต่ยังคงอยู่ในบริเวณผิวหนังเดียวกัน เช่น ฉีดบริเวณต้นขา ก็เปลี่ยนตำแหน่งแทงเข็มโดยให้ยังคงอยู่ที่บริเวณต้นขา อินซูลินที่ยังไม่เปิดใช้ต้องเก็บไว้ในตู้เย็นช่องธรรมดาที่ไม่ใช่ช่องแช่แข็ง เมื่อจะนำมาใช้ค่อยนำออกมาจากตู้เย็น จากนั้นคลึงระหว่างฝ่ามือทั้งสองข้างเพื่อให้อินซูลินมีอุณหภูมิเท่ากับอุณหภูมิร่างกาย ก่อนนำไปฉีด ดังนั้นถ้าไปโรงพยาบาลและรับยาฉีดอินซูลิน จึงต้องบรรจุน้ำแข็งระหว่างเดินทางจากโรงพยาบาลกลับมาบ้าน เพราะยาฉีดอินซูลินหากโดนความร้อนจัดจะเสื่อมสภาพและใช้ไม่ได้อีกต่อไป


สำหรับอินซูลินที่เปิดใช้แล้วสามารถวางไว้นอกตู้เย็นได้หากอุณหภูมิไม่สูงมาก แต่ต้องใช้ให้หมดภายใน 30 วัน ซึงข้อดีของยาฉีดอินซูลิน สามารถใช้ได้ในทุกกรณีที่มีภาวะน้ำตาลในเลือดสูง โดยอาจมีข้อบ่งชี้เฉพาะ เช่น ภาวะกรดคั่งจากคีโตน การตั้งครรภ์ โรคตับ โรคไต การผ่าตัด การติดเชื้อรุนแรง ภาวะน้ำตาลในเลือดสูงรุนแรง และผู้ป่วยที่ไม่สามารถควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้จากการควบคุมอาหารและยาเม็ดลดระดับน้ำตาล แต่ผลข้างเคียงจากการใช้ยา ได้แก่ ภาวะน้ำตาลต่ำ น้ำหนักเพิ่มขึ้น เป็นต้น

 
สิ่งสำคัญของโรคเบาหวาน…คือต้องดูแลอย่างต่อเนื่อง

โรคเบาหวานเป็นโรคเรื้อรังที่ผู้ป่วยต้องควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้กลับสู่ระดับปกติหรือใกล้เคียงปกติมากที่สุด การใช้ยาอย่างสมเหตุผล และการรับประทานยา หรือฉีดยาอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอ ปัจจัยหนึ่งที่สำคัญที่ทำให้ผู้ป่วยสามารถควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ นอกจากนี้การควบคุมโรคที่ดีจะทำให้ลดภาวะแทรกซ้อนที่เกิดขึ้นทางด้านร่างกาย รวมทั้งลดผลกระทบทั้งด้านจิตใจและสังคม ดังนั้น เกณฑ์ที่แสดงว่าควบคุมโรคเบาหวานได้ คือ ผู้ที่เป็นโรคเบาหวานมีระดับน้ำตาลในเลือดก่อนอาหาร (Fasting Plasma Glucose FPG) อยู่ในระดับ 90-130 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร หรือระดับน้ำตาลในเลือดหลังอาหารน้อยกว่า 180 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร หรือระดับฮีโมโกลบินที่มีนํ้าตาลเกาะ (HbA1c) น้อยกว่า 7

27
Mitsubishi Triton 2024: มิตซูบิชิ ทุ่มงบเปิดสายการผลิต ออล-นิว มิตซูบิชิ ไทรทันใหม่ด้วยหุ่นยนต์กว่า 250 ตัว

มิตซูบิชิ เดินหน้าเพิ่มการลงทุนในสายการผลิตใหม่สำหรับออล-นิว มิตซูบิชิ ไทรทัน หรือ แอล 200 (L200) ที่โรงงานแหลมฉบัง รองรับการส่งออกไปทั่วโลก เผยสัดส่วนกระบวนการอัตโนมัติถึง 95% จากการใช้หุ่นยนต์อัจฉริยะมากกว่า 250 ตัวผลิตรถกระบะ “ออล-นิว มิตซูบิชิ ไทรทัน”

มิตซูบิชิ ทุ่มงบเปิดสายการผลิต ออล-นิว มิตซูบิชิ ไทรทันใหม่ด้วยหุ่นยนต์กว่า 250 ตัว

มร. เออิอิชิ โคอิโตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ไทยเติบโตขึ้นเป็นศูนย์กลางการส่งออกรถยนต์แห่งภูมิภาคมาอย่างยาวนาน โดยมองว่าประเทศไทยเป็นฐานการผลิตที่มีความสำคัญในเชิงกลยุทธ์ จึงดำเนินการผลิตรถยนต์รุ่นสำคัญๆ ของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ที่นี่ เพื่อจำหน่ายส่งออกไปยังนานาประเทศทั่วโลก

ที่ผ่านมา ได้ทุ่มงบลงทุนในหลากหลายภาคส่วนเพื่อส่งเสริมความก้าวหน้าในด้านเทคโนโลยี โดยหนึ่งในการลงทุนครั้งใหญ่ที่สุดนั่นก็คือ การทุ่มงบประมาณ 3,000 ล้านบาท ในการก่อสร้างโรงงานพ่นสีแห่งใหม่ในปี 2565 ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นเป็นโรงงานพ่นสีที่มีคุณภาพสูง โดยผสานการทำงานที่แม่นยำของเครื่องจักรหรือหุ่นยนต์อัตโนมัติเข้ากับความพิถีพิถันของบุคลากรที่บรรจงสร้างสรรค์ชิ้นงานด้วยความประณีต

ทั้งยังมีระบบการใช้พลังงานที่มีประสิทธิภาพและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ยังได้ส่งเสริมการผลิตรถยนต์ด้วยพลังงานสะอาดโดยใช้ระบบไฟฟ้าจากโซล่าร์เซลล์หรือพลังงานแสงอาทิตย์ กำลังผลิตไฟฟ้าที่ 7 เมกะวัตต์ และมีแผนที่จะลงทุนในโครงการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง

MITSUBISHI TRITON 2023 มิตซูบิชิ ทุ่มงบเปิดสายการผลิตใหม่! ออล-นิว มิตซูบิชิ ไทรทัน ด้วยหุ่นยนต์กว่า 250 ตัว
ใช้หุ่นยนต์กว่า 250 ตัว ผลิต All-new Mitsubishi Triton

การเปิดตัว “ออล-นิว ไทรทัน” ช่วยขับเคลื่อนให้เกิดความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยีสายการผลิตรถกระบะอย่างเป็นรูปธรรมไปอีกขั้น โดย มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ได้ยกระดับสายการผลิตใหม่ โดยใช้หุ่นยนต์อันทันสมัยมากกว่า 250 ตัว ทำหน้าที่ในการเชื่อมประกอบตัวถังรถยนต์ได้อย่างมีประสิทธิภาพดีเยี่ยมและมีความแม่นยำสูง โดยมีกำลังผลิตราว 200,000 คันต่อปี

“สายการผลิตอัตโนมัติที่ใช้หุ่นยนต์นี้ มีมาตรฐานสูงเทียบเท่าโรงงานของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งสะท้อนเจตนารมณ์ของบริษัทฯ ที่มุ่งมั่นส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นหัวใจแห่งยุทธศาสตร์สู่การเติบโต ด้วยการลงทุนที่ล้ำสมัย โดยในวันข้างหน้า เราจะยังคงมุ่งมั่นสร้างความเติบโตในระดับภูมิภาคอย่างต่อเนื่อง ผ่านการลงทุน การผลิต การส่งออก และส่งต่อความรู้และเทคโนโลยี โดยมีประเทศไทยเป็นศูนย์กลางสำคัญ”


มิตซูบิชิ ทุ่มงบเปิดสายการผลิตใหม่

มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ยกระดับสายการผลิตแบบอัตโนมัติสำหรับออล-นิว ไทรทัน ด้วยมุ่งหวังที่จะส่งเสริมสภาพแวดล้อมที่ดีในการทำงานและเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตให้ดียิ่งขึ้น โดยใช้เทคโนโลยีและหุ่นยนต์ที่มีความแม่นยำสูงเข้ามาทำหน้าที่ที่หลากหลาย อาทิ หุ่นยนต์ขนาดใหญ่ที่สามารถยกวัตถุที่มีน้ำหนักมากได้ถึง 900 กิโลกรัม หุ่นยนต์เคลื่อนย้ายชิ้นงาน แขนกลที่มีความยืดหยุ่นซึ่งสามารถหยิบจับชิ้นงานได้อย่างรวดเร็วและคล่องแคล่ว หุ่นยนต์พร้อมระบบตรวจสอบหัวเชื่อมอัตโนมัติ กล้องตรวจคุณภาพแนวซีลตะเข็บรถยนต์แบบอัตโนมัติ อุปกรณ์ขันยึดแบบไฟฟ้าที่มีความแม่นยำสูง และระบบบันทึกข้อมูลการตรวจสอบแบบอิเล็กทรอนิกส์เพื่อลดการใช้กระดาษ


ยกระดับประสิทธิภาพในการทำงานและความปลอดภัยให้กับพนักงาน

มร. เออิจิ โอกาวะ กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ สายงานผลิต บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) กล่าวว่า “ระบบควบคุมอัตโนมัติรุ่นใหม่ทั้งหมดถูกนำมาใช้เพื่อยกระดับประสิทธิภาพในการทำงานและความปลอดภัยให้กับพนักงานของเรา พร้อมสร้างมาตรฐานใหม่ในด้านการควบคุมคุณภาพ เพิ่มประสิทธิภาพในการลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และเสริมสร้างความเชื่อมั่นในศักยภาพการผลิตออล-นิว ไทรทัน เรารู้สึกภาคภูมิใจอย่างยิ่งที่รถระดับโลกอย่างออล-นิว ไทรทัน มีต้นกำเนิดจากโรงงานแหลมฉบังของเราแห่งนี้ และตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่งกับเสียงตอบรับจากลูกค้า เราหวังว่าเทคโนโลยีการผลิตใหม่ล่าสุดของเรานี้จะเสริมสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าของเรามากยิ่งขึ้น”

ออล-นิว ไทรทัน ถือกำเนิดขึ้นอีกครั้งภายใต้ดีเอ็นเอของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส (Mitsubishi Motors-ness) เพื่อเติมเต็มและตอบสนองไลฟ์สไตล์ที่มุ่งมั่นขับเคลื่อนไปข้างหน้า ด้วยจิตวิญญาณแห่งการผจญภัย พร้อมมอบความปลอดภัยและอุ่นใจได้ในทุกเส้นทาง ความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม สมรรถนะการขับขี่ที่เหนือชั้นจากเทคโนโลยีด้านความปลอดภัยที่ล้ำสมัย ความสงบเงียบและสะดวกสบายตลอดการเดินทาง


mitsubishi triton 2023 ทุ่มทุนสายการผลิตใหม่

"ด้วยเครื่องยนต์ไฮเปอร์เพาเวอร์ (Hyper Power) รุ่นใหม่ เมกาเฟรมหรือโครงรถใหม่ ช่วงล่างใหม่ ที่มาพร้อมความสะดวกสบายสูงสุดของห้องโดยสารทั้งสำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสาร ทำให้ ออล-นิว ไทรทัน กลายเป็นสัญลักษณ์ระดับโลกที่สะท้อนถึงความทุ่มเทของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ในการสร้างสรรค์รถกระบะที่ดีที่สุดในคลาส เพื่อให้ ออล-นิว ไทรทัน เติมเต็มความสนุกในการใช้ชีวิตและมอบอรรถประโยชน์ให้กับลูกค้าทั่วโลก ตอบโจทย์ลูกค้าที่ต้องการใช้รถกระบะในการประกอบอาชีพและใช้งานส่วนตัว เราภูมิใจที่จะได้นำเสนอประสบการณ์การขับขี่ที่น่าพึงพอใจให้กับลูกค้าที่ต้องการใช้งานรถกระบะในรูปแบบที่หลากหลาย ในวันข้างหน้า เราจะยังคงมุ่งมั่นสร้างความเติบโตโดยมีประเทศไทยเป็นศูนย์กลางสำคัญอย่างต่อเนื่อง เพื่อส่งต่อความสำเร็จและคุณค่าให้กับลูกค้าทั่วโลก”  มร. โคอิโตะ กล่าวปิดท้าย


28
เครื่องมือจัดฟันเด็ก EF Line ช่วยปรับสมดุลกล้ามเนื้อ

การจัดฟันในเด็ก ถือว่าเป็นการรักษาทางทันตกรรมอย่างหนึ่ง สำหรับเด็ก ซึ่งสามารถแก้ไขปัญหาฟันได้แทบทุกรูปแบบ เนื่องจากในวัยเด็กนั้น มักพบเจอกับปัญหาฟันผุ ซึ่งมีสาเหตุมาจากการละเลยในเรื่องของสุขภาพช่องปากและฟัน เพราะพ่อแม่ผู้ปกครองหลายท่าน อาจจะคิดว่าการดูแลฟันของเด็กในวัยที่ยังมีฟันน้ำนมอาจจะไม่จำเป็น เพราะคิดว่ายังไงฟันแท้ขึ้นมาแทนที่อยู่แล้ว ซึ่งความคิดนี้ถือว่าเป็นความคิดที่ผิด เพราะฟันน้ำนมส่งผลต่อการขึ้นของฟันแท้


ถ้าหากเรามีฟันที่ผุหรือไม่รักษาสุขภาพช่องปากและฟันตั้งแต่อายุยังน้อย อาจจะส่งผลทำให้เกิดความผิดปกติของการขึ้นของฟันแท้ได้นั่นเอง ซึ่งปัญหาส่วนใหญ่ที่มักจะพบได้ก็คือการเกิดฟันซ้อนเก ฟันห่าง ทำให้มีปัญหาในการรับประทานอาหาร บดเคี้ยวอาหารไม่ละเอียดและส่งผลต่อบุคลิกภาพของเด็ก ทำให้รู้สึกไม่มั่นใจและอาจจะโดนเพื่อนล้อได้ ดังนั้น จึงนิยมใช้วิธีการเข้ารับการจัดฟันเป็นวิธีการแก้ไขปัญหาที่มีประสิทธิภาพและได้ผลแม่นยำมาก พ่อผู้ปกครอง อาจจะคิดว่าการจัดฟันในเด็กนั้น ยังไม่มีความจำเป็นมากเท่าไหร่


แต่หารู้ไม่ว่า การจัดฟันในเด็กนั้น สามารถทำได้ตั้งแต่อายุตั้งแต่ 4-15 ปี ซึ่งจะใช้เครื่องมือที่เรียกว่า EF Line ซึ่งเป็นชุดเครื่องมือที่สามารถนำมาใช้แก้ไขปัญหากล้ามเนื้อที่มีการทำงานผิดปกติได้ ทั้งยัง ช่วยปรับตำแหน่งของลิ้น ช่วยส่งเสริมการปรับรูปของกระดูก โดยเราทราบว่ากระบวนการเจริญเติบโตของเด็กที่เกี่ยวข้องกับกระดูกใบหน้าส่วนกลางและกระดูกขากรรไกรล่างมีการเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่องมากน้อยตามแต่ช่วงอายุของเด็ก  นอกจากนี้ เครื่องมือการจัดฟัน EF Line ยังช่วยปรับสมดุลของกล้ามเนื้อ ได้อีกด้วย


และในวันนี้ทางคลินิกเราจะมาพูดถึงเรื่องของเครื่องมือการจัดฟัน EF Line ในแง่ของการปรับสมดุลของกล้ามเนื้อของเด็ก ให้เข้าที่เข้าทางมากยิ่งขึ้น  เพราะเด็กบางคนที่มีพฤติกรรมความเคยชินบางอย่าง เช่น การดูดนิ้ว การแกะเล็บ การกัดริมฝีปาก หายใจทางปากเป็นประจำ หรือมีการกลืนที่ผิดปกติ พฤติกรรมเหล่านี้จะมีผลต่อการเรียงตัวของฟัน หรืออาจมีผลต่อการเจริญเติบโตของใบหน้าและขากรรไกรที่ผิดปกติด้วย ทำให้ต้องมารับการจัดฟันเร็วขึ้น เพื่อป้องกันหรือแก้ไขความผิดปกติเหล่านั้น ดังนั้น พ่อแม่ผู้ปกครองหรือตัวเด็กเอง ก็ควรตระหนักและให้ความร่วมมือกับทันตแพทย์ในการรักษา กล้ามเนื้อเป็นสิ่งกำหนดรูปร่างของอวัยวะต่างๆ เช่นใบหน้า โดยแท้จริงแล้วกล้ามเนื้อมีความแข็งแรงและมีอิทธิพลเหนือกระดูกมาก


ซึ่งพบว่าตำแหน่งและการทำงานของลิ้น กิจกรรมของกล้ามเนื้อรอบปาก และการหายใจผ่านทางจมูกล้วนมีบทบาทสำคัญในการแก้ไขการสบฟันผิดปกติรวมไปถึงการคงสภาพผลของการจัดฟันในระยะยาว ซึ่งเครื่องมือการจัดฟัน EF Line ก็มีส่วนที่ช่วยปรับสมดุลให้กับกล้ามเนื้อ ซึ่งจะช่วยทำให้เด็กจัดฟันง่ายขึ้นและเสร็จเร็วมากขึ้น ทั้งยังเป็นการป้องกันปัญหาการคืนกลับตำแหน่งเดิมของฟันหลังจัดฟันด้วย สำหรับคำถามที่ว่า ถ้าหากเข้ารับการจัดฟันในเด็ก ด้วยเครื่องมือการจัดฟัน EF Line แล้ว เมื่อเวลาผ่านไปหรือเด็กโตขึ้น ฟันจะคืนกลับสภาพเดิมหรือไม่  ในข้อนี้ ต้องอธิบายก่อนว่า ถ้าหากเราเปรียบเทียบผลการจัดฟันแบบสวมใส่เครื่องมือแบบติดแน่น หลังการใส่ EF Line กับแบบที่ไม่ใส่ EF Line แค่จัดฟันอย่างเดียว แบบที่มีการใส่EF Line ร่วมด้วยจะสวยกว่าและแก้ปัญหากระดูกได้ดีกว่า รวมถึงคงสภาพไปตลอดชีวิตจะดีกว่า และไม่ทำให้ฟันไม่เคลื่อนด้วย

ดังนั้น การจัดฟันในเด็ก ด้วยเครื่องมือ EF Line จึงได้ผลมากกว่าการจัดฟันตอนโต แถมยังมีผลการรักษาที่มีประสิทธิภาพ หากพ่อแม่ผู้ปกครองท่านใด สนใจพาบุตรหลานของท่านเข้ารับการจัดฟันในเด็ก ด้วยเครื่องมือ EF Line สามารถพาบุตรหลานของท่านเข้ามาตรวจประเมินช่องปากเบื้องต้นกับทันตแพทย์จากทางคลินิกได้ เพราะทางเรามีทันตแพทย์จัดฟันที่มีความเชี่ยวชาญในเรื่องของการจัดฟันในเด็ก จึงสามารถให้คำแนะนำได้อย่างถูกต้อง ทำให้บุตรหลานของท่านมีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดีขึ้นได้อย่างแน่นอน

29
มือถือ Xiaomi เสียวหมี่ Xiaomi POCO F6 Pro (16G/1TB)
18,990 บาท

เสียวหมี่ Xiaomi POCO F6 Pro (16G/1TB)
Snapdragon® 8 Gen 2 ระดับเรือธง เทคโนโลยี LiquidCool 4.0 พร้อม IceLoop
120W ไฮเปอร์ชาร์จอัจฉริยะ แบตเตอรี่ความจุสูง 5000mAh (typ)
กล้องสามตัว 50MP พร้อม OIS บันทึกภาพได้ชัดเจนยิ่งขึ้นด้วยเซ็นเซอร์ภาพ Light Fusion 800
WQHD+ 120Hz Flow AMOLED ความสว่างสูงสุดที่ 4000 nits เพื่อภาพที่งดงามตระการตา
ดีไซน์ระดับพรีเมียมพร้อมเฟรมโลหะ ฝาหลังทำจากกระจกโค้งสี่ด้านสุดเรียบเนียน

รายละเอียดเบื้องต้น
   ยี่ห้อ-รุ่น             เสียวหมี่ Xiaomi POCO F6 Pro (16G/1TB)
   ราคากลาง          18,990 บาท
   จำนวนซิม           2 ซิม (Nano Sim)
   แบบดีไซน์          จอสัมผัส
   สี                   White, Black

   ความถี่-เครือข่าย
2G(GSM: แบนด์ 2/3/5/8)
3G(WCDMA: แบนด์ 1/2/4/5/6/8/19)
4G(LTE FDD: แบนด์ 1/2/3/4/5/7/8/18/19/20/28/66 | LTE TDD: แบนด์ 38/40/41)
5G(Sub6G: แบนด์ n1/3/5/7/8/20/28/38/40/41/77/78)

   ขนาด-น้ำหนัก                   ยาว 160.86 x กว้าง 74.95 x หนา 8.21 มม., น้ำหนัก 209 กรัม
   ความจุข้อมูลภายใน (ROM)  1000 GB
   ความจุข้อมูลภายนอกสูงสุด   -
   แบตเตอรี่ และระบบชาร์จ       ความจุแบตเตอรี่ 5,000 mAh

จอแสดงผล
   ชนิดจอ            จอสัมผัส (WQHD+ Flow AMOLED DotDisplay)
   ความละเอียด     6.67 นิ้ว, 526 ppi, 1,440 x 3,200 px

   รายละเอียดอื่น
อัตราคอนทราสต์: 5,000,000:1
ความสว่าง: 700 nits (typ), 1200 nits (ความสว่าง HBM), 4000 nits (ความสว่างสูงสุด)
อัตรารีเฟรช: สูงสุด 120Hz
ความไวตอบสนองการสัมผัส: สูงสุด 480Hz
ความไวตอบสนองการสัมผัสฉับไว: 2160Hz*
ความลึกของสี 12 บิต 6.8 หมื่นล้านสี
ช่วงสีกว้างระดับ DCI-P3
การหรี่ไฟ PWM สูงสุด 3840Hz
สีดั้งเดิมโปร
โหมด Cycle
โหมดอ่านหนังสือ
การแสดงผลกลางแจ้ง
การแสดงผล HDR ระดับโปร
สีแบบปรับอัตโนมัติ
การแสดงผล HDR ปรับอัตโนมัติ
เซ็นเซอร์ตรวจจับแสงรอบทิศทาง 360°
HDR10+
Dolby Vision
ใบรับรองแสงสีฟ้าต่ำของ TÜV (ฮาร์ดแวร์โซลูชัน)
ใบรับรองความไร้ซึ่งแสงกะพริบของ TÜV
ใบรับรองความเป็นมิตรกับนาฬิกาชีวภาพของ TÜV
*ต้องเปิดโหมดแสงอาทิตย์เพื่อใช้ความสว่าง 700 nits (typ)

กล้องถ่ายรูป
    ขนาด-ความละเอียด                  กล้องหลัง (50 Mpx), กล้องหน้า (16 Mpx)
   ความละเอียดของภาพภ่ายสูงสุด
   คุณสมบัติ                              -

ระบบปฏิบัติการ
   หน่วยประมวลผล (CPU)            Snapdragon? 8 Gen 2
   หน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU)   Adreno GPU
   หน่วยความจำ (RAM)              16.0 GB
   ระบบเชื่อมต่อภายนอก             USB(Type-C), Bluetooth(5.3), NFC, Wi-Fi(Wi-Fi 7/ Wi-Fi 6*/ Wi-Fi 5/ Wi-Fi 4 และ 802.11a/b/g)
   ระบบรับส่งข้อความ                 -
   การเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต           3G, WiFi, 4G, 5G

30
การใส่สายยางให้อาหารสายยางที่ถูกต้อง โดยไม่เกิดภาวะแทรกซ้อน

ในการดูแลผู้ป่วย เพื่อเฝ้าระวังภาวะความเสี่ยงที่สามารถ เกิดอันตรายได้เสมอ การใส่สายยางให้อาหารแก่ผู้ป่วยนั้นคือการให้อาหารหรือผ่านทางสายให้อาหารเข้าสู่ระบบทางเดินอาหารของผู้ป่วย โดยการใส่สายเข้ากระเพาะอาหารเป็นชุดอาการที่พบบ่อยทั้งนี้เพราะผู้ป่วยในห้องตรวจ การใส่สายอย่างให้อาหารเข้ากระเพาะอาหารมีเพียงเพื่อแต่ส่งเสริมภาวะโภชนาการ ยังช่วยในการสืบค้นเพื่อวินิจฉัยและการดูแลรักษา พยาบาลหรือผู้ดูแลจึงต้องใช้ความรู้และมีเทคนิคในการใส่สายให้ได้อย่างถูกต้อง

และที่สำคัญป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นได้ ดูที่ใส่สายเข้าทางกระเพาะอาหารเป็นการใส่สายทางรูจมูกผ่านโพรงจมูกไปยังคอ ถึงกระเพาะอาหาร เพื่อวัตถุประสงค์หลักๆคือการให้อาหาร น้ำและยา ในผู้ป่วยรายที่ไม่สามารถหรืออาหารได้เช่นผู้ป่วยไม่รู้สึกตัวผู้ป่วยอัมพาตรวมถึงผู้ป่วยที่รับประทานอาหารไม่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย

ซึ่งการคาสายสายยางให้อาหารในกระเพาะอาหารที่ผ่านรูจมูกไม่ควรเกิน 4-6 สัปดาห์ หากเกินมากกว่านั้นจะทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนคือไซนัสอักเสบ หลอดอาหารอักเสบ ผนังกั้นรู้จมูกบัตรเจ็บเป็นเนื้อตาย หรือปลอดอักเสบจากการสำลักได้ หากผู้ป่วยจำเป็นต้องคาสายเข้ากระเพาะอาหารไว้เป็นเวลานานเท่อาจจำเป็นต้องพิจารณาใส่สาย เข้ากระเพาะอาหารผ่านผนังหน้าท้อง ซึ่งขั้นตอนในการใส่สายยางให้อาหารแก่ผู้ป่วยผ่านรูจมูก ผู้ดูแลหรือพยาบาลจะต้องเรียนรู้ขั้นตอนและจำขั้นตอนได้เป็นอย่างดี ที่สำคัญอยู่บนเทคนิคความสะอาดไม่ปนเปื้อน เนื่องจากว่าเป็นการใส่อุปกรณ์เข้าไปในร่างกายการปนเปื้อนจึงเป็นสิ่งที่สำคัญควรระวังเพราะอาจจะทำให้ผู้ป่วยเกิดการติดเชื้อภายในช่องท้องลดอาหารหรือโพรงจมูกได้


การใส่สายยางให้อาหารนั้นมีขั้นตอนดังนี้ เริ่มต้นจากการล้างมือให้สะอาด ทำการตรวจสอบดูรูจมูกผนังกั้นผู้ป่วยว่ามีทางสะดวกหรือไม่อะไรอุดกั้นหรือไม่ ทำการตรวจสอบดูรูจมูกผนังกั้นผู้ป่วยว่ามีทางสะดวกหรือไม่อะไรอุดกั้นหรือไม่ ต่อมาจัดถ้าผู้ป่วยให้นั่งหรือนอนศีรษะสูง หากผู้ป่วยไม่รู้สึกตัวให้นอนหงายหรือท่าศีรษะสูงเล็กน้อย เพื่อให้หลอดอาหารตรงสายสามารถขึ้นลงตามแรงโน้มถ่วงได้ จากนั้นวัดความยาวของสายที่จะใส่เข้าไปในผู้ป่วยโดยวัดจากปลายจมูกถึงติ่งหูและจากติ่งหูถึงปลายกระดูกอก และทำเครื่องหมายมาร์คไว้


เพื่อกำหนดระยะจากรูจมูกเข้าสู่กระเพาะอาหารส่วนต้น ตรวจสอบสายยางให้อาหารไม่มีสิ่งใดอุดตันหรือมีสิ่งแหลมคมจากนั้นตัดพลาสเตอร์ประมาณ 10 เซนติเมตรเพื่อเตรียมแปะที่จมูกผู้ป่วยเข้ากับสายยางไม่ให้เลื่อนหลุด ถัดมาปูผ้ากันเพื่อนบนหน้าอกความสามรูปไปไว้ใต้คาร์ลให้ผู้ป่วยถือกระดาษเช็ดหน้าไว้เผื่อว่ามีอาการอาเจียนขย้อนมีน้ำมูกหรือน้ำลายไหลได้ ใส่ถุงมือ เตรียมสารหล่อลื่นไปสายโดยทำการหล่อลื่นประมาณ 6-10 cm  เพื่อลดแรงเสียดทานระหว่างเยอะบุและสาย จากนั้นให้ผู้ป่วยนอนศีรษะขึ้นเล็กน้อยให้เห็นรูจมูกชัดเจนค่อยค่อยใส่สายยางเข้าทางรูจมูกอย่างนุ่มนวลให้สายผมลงตามแนวธรรมชาติของโพรงจมูกถ้าติดสายสายไม่ลงอย่าดันแรงให้คือค่อยหมุนซ้ายพร้อมเลื่อนสายเข้าไป เมื่อสายถึงคอให้ผู้ป่วยก้มศีรษะเล็กน้อยและให้ช่วยเตือนช้าๆ เพื่อช่วยในการใส่สายให้ไหลลงได้ง่าย


หากผู้ป่วยมีอาการไอสำลักหายใจไม่สะดวกหรือเขียวให้หยุดแล้วดึงสายออกทันทีรอจนกว่าอาการดังกล่าวจะดีขึ้นแล้วค่อยใส่ใหม่ จากนั้นตรวจสอบว่าสายอยู่ในกระเพาะอาหารหรือไม่โดยการใช้กระบอกฉีดดันลมเข้าไปประมาณ 5-10 cc เข้าไปเร็วเร็วพร้อมกับใช้หูฟังเสียงลมผ่านกระเพาะบริเวณหน้าท้องส่วนบนด้านซ้าย หากได้ยินเสียงลมผ่านของเหลวนั้นแปลว่าสายยางให้อาหารนั้นอยู่ในกระเพาะอาหารเรียบร้อย หรือใช้กระบอกฉีดยาดูดของเหลวในกระเพาะอาหารออกมาถ้าพบว่ามีเศษอาหารขึ้นมานั่นแปลว่าอยู่ในกระเพาะอาหารเช่นกัน


หรือถ้าหากให้ผู้ป่วยพูดแล้วไม่มีเสียงแสดงว่าสายยางให้อาหารนั้นผ่านเส้นเสียง ใช้พลาสเตอร์ติดสายยางกับจมูกเพื่อยึดให้อยู่กับที่  และสุดท้ายปิดปลายสายด้านนอกด้วยตกรอบถ้าไม่มีจะครอบให้ใช้ผ้าก๊อซหุ้มใช้ตัวหนีบไว้ ดูแลทำความสะอาดเช็ดสายและช่องปากจมูกให้สะอาดพร้อมสังเกตอาการผิดปกติหลังใส่สายอย่างให้อาหาร

ภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆหลังจากการให้สายยางให้อาหารนั้นสามารถเกิดขึ้นได้เสมอโดยสิ่งที่จำเป็นจะต้องระวังมากที่สุดก็คือป้องกันอย่าให้สายอย่างให้อาหารหลุดเลื่อนโดยที่ก่อนให้อาหารผ่านสายยางให้อาหารทุกครั้งจะต้องทำการตรวจสอบว่าสายยางให้อาหารอยู่ในกระเพาะอาหารหรือไม่ตามขั้นตอนดังกล่าวที่กล่าวมาข้างต้น  และขณะให้อาหารควรให้อาหารไหลอย่างช้า ๆเพื่อหลีกเลี่ยงแรงดันควรจะอุ่นอาหารก่อนให้อาหารเพื่อลดอาการ ท้องอืดแน่นท้องหรือท้องเสีย และหลังให้อาหารทุกครั้งจะต้องให้น้ำเพื่อลดอาการท้องผูกได้


อย่างไรก็ตามภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆนั้นสามารถป้องกันได้จากการสังเกตอาการผู้ป่วย ผู้ดูแลหรือพยาบาลจำเป็นต้องสังเกตผู้ป่วยอย่างใกล้ชิดขณะให้อาหารโดยเฉพาะหลังให้อาหารเพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนเช่นอาการสำลักหรือจะไอจามได้ เพียงเท่านี้ก็จะทำให้ผู้ป่วยที่ใส่สายยางให้อาหารได้รับอาหารอย่างปลอดภัย ทางเราให้ความสำคัญเรื่องอาหารเหลวแก่ผู้ป่วยที่ใส่ยาให้อาหารเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะรวมถึงการขั้นตอนและอาหารที่ดีมีประโยชน์สะอาดและปลอดภัยแก่ผู้ป่วยนั้นเป็นสิ่งสำคัญมากที่สุด

31
อาหารแก้ง่วงยามบ่าย

อาการง่วงนอนหาวหวอดเป็นโรคระบาดยามบ่ายๆ ของหนุ่มสาววัยทำงาน ที่ต้องทนทรมานกับความง่วงตลอดทั้งบ่าย ทำให้เสียสมาธิในการทำงานและเกิดอาการเกียจคร้านตามมา จนเสียงานการกันได้

หากว่าไปแล้วอาการอ่อนเพลียที่พูดถึงนี้ เป็นหนึ่งในอาการของโรคไฮโปไกลซีเมีย ส่วนหนึ่งเป็นเพราะการกินอาหารผิดๆ โดยเฉพาะอาหารหวานๆ ที่เต็มไปด้วยน้ำตาลขัดขาวและแป้งขัดขาว

หากคุณยังจัดการกับการง่วงนอนหรือความรู้สึกเฉื่อยชาช่วงบ่ายไม่ได้สักที และไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นอย่างไร วันนี้เรามี 4 อาหารช่วยแก้อาการดังกล่าวมาแนะนำค่ะ

     1. เมล็ดพืชมากคุณค่า ได้แก่ งา ถั่วเมล็ดแห้ง ธัญพืชไม่ขัดสี (ข้าวกล้อง ข้าวซ้อมมือ) และจมูกข้าวสาลี ซึ่งมีโพแทสเซียมและแมกนีเซียม ช่วยบำรุงประสาทและช่วยให้จิตใจแจ่มใส สดชื่น

     2. ไขมันดีๆ จากปลา เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่เสริมโปรตีนและกรดไขมันโอเมก้า-3 ให้แก่ร่างกาย และยังช่วยทำให้สมาธิและความจดจำดีขึ้น

     3. ผลไม้ที่มีโครเมียม ได้แก่ แอปเปิล กล้วย มันฝรั่ง ช่วยรักษาระดับน้ำตาลในเลือดและเพิ่มพลังงานแก่ร่างกาย

     4. ผักผลไม้อุดมวิตามินซี ได้แก่ ฝรั่ง ส้ม บร็อคโคลี ช่วยต้านความเหนื่อยล้าที่มาจากความเครียดและกังวล

     เพียงเท่านี้ คุณก็โบกมืออำลาอาการง่วงนอนยามบ่ายๆ ได้แล้วค่ะ


เคล็ดลับ วิธีแก้ง่วง นอนน้อย ให้กลับมาสดชื่นพร้อมทำงานต่อ

1.ดื่มน้ำหรือดื่มเครื่องดื่มเย็นๆ เพื่อให้รู้สึกสดชื่น

2.ทานผลไม้ที่มีรสเปรี้ยว อมลูกอมหรือทานขนมขบเคี้ยว

3.ลดแป้งและของหวาน เนื่องจากเมื่อรับประทานจะทำให้ระดับน้ำตาลในกระแสเลือดสูงขึ้น ส่งผลให้เกิดอาการง่วงหลังอาหาร

4.ดื่มเครื่องดื่มชูกำลัง หรือดื่มน้ำชา กาแฟ ที่มีสารคาเฟอีน

5.ดมยาดม ความเย็นจากสมุนไพรจะช่วยให้ตื่นตัวขึ้น

6.กำหนดลมหายใจ หายใจเข้าลึกๆให้เต็มปอด และค่อยๆปล่อยอย่างช้า เพื่อเพิ่มออกซิเจนให้แก่สมอง

7.ล้างหน้าด้วยน้ำเย็นหรือใช้ผ้าเย็นๆเช็ดหน้า ทำให้รู้สึกสดชื่นและหายจากอาการง่วงนอน

8.ฟังเพลงจังหวะสนุกๆ โดยขยับแขนขาตามจังหวะเพลง เป็นการกระตุ้นประสาทสัมผัสของเราให้ตื่นตัวแก้อาการง่วงนอนได้ดี

9.ปรับเปลี่ยนอิริยาบถ โดยการลุกเดินพูดคุยกับเพื่อนร่วมงาน หรือแกว่งแขนยืดเส้นยืดสายด้วยท่ากายบริหารแบบง่ายๆ

10.ออกไปข้างนอกสักครู่ หากกำลังนั่งทำงานอยู่ในห้อง ลองปรับเปลี่ยนบรรยากาศโดยการเดินออกไปสูดอากาศภายนอกสักครู่หนึ่ง

11.ลองปรับเปลี่ยนงานที่กำลังทำ หากกำลังทำงานอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ให้ปรับเปลี่ยนเป็นการค้นคว้าข้อมูลจากเอกสาร การอ่านรายงานหรืออ่านจากหนังสือแทน

12.หลับเลย ถ้าทำทั้ง 11 ข้อแล้วยังไม่หายง่วง แสดงว่าร่างกายไม่ไหวแล้ว หากยังฝืนทำงานต่อ ประสิทธิภาพในการทำงานก็ลดลงและอาจเจ็บไข้ได้ป่วยก็เป็นได้

วิธีแก้อาการง่วงนอนทำได้พร้อมกันหลายวิธี อาจพักปรับเปลี่ยนอิริยาบถพร้อมๆ กับการฟังเพลง ดื่มเครื่องดื่ม ทานของว่างประเภทผลไม้ที่มีรสเปรี้ยว หรือเลือกวิธีอื่นที่เหมาะกับตนเอง แต่หากทำแล้วยังรู้สึกง่วงนอน ควรหาโอกาสหลับอย่างน้อย 10 นาทีหรือนั่งหลับตานิ่งๆ เพื่อพักสายตาแล้วล้างหน้าด้วยน้ำเย็น ก็สามารถทำให้คนที่มีอาการง่วงนอนรู้สึกสดชื่นขึ้นได้


32
ไม่ต้องถอนฟัน ก็จัดฟันแบบดามอนได้

สำหรับคนที่มีปัญหา เรื่องของฟัน ที่เรียงตัวไม่สวยงาม ขอแนะนำอีกหนึ่งวิธี คือ การจัดฟัน แบบ Damon ด้วยวัสดุติดฟันแบบ Damon System ที่สามารถทำการรักษาโดยการลดปัญหาได้ 3 ประการด้วยกัน คือ

Damon passive self-ligating braces ใช้แบล็คเกตแบบมีบานล๊อคเปิดและปิด แทนการใช้ยางที่เป็นแรงดึงและยึดติดกับลวดเหล็ก ทำให้คนไข้ไม่ต้องทนเจ็บกับการดึงมากเกินไป

Light high-technology shape-memory wires การเคลื่อนที่ของฟันเป็นไปได้อย่างอิสระ จึงรวดเร็วขึ้นโดยที่ทันตแพทย์ไม่จำเป็นต้องปรับแต่งมากจนเกินไป

A new clinically proven treatment approach ทำให้การจัดฟันมีประสิทธิภาพและปรับให้เข้ากับโครงหน้าได้มากขึ้น โดยไม่จำเป็นต้องถอนฟัน หรือใช้เครื่องมือใดๆ เพิ่มเติม


ข้อดีของการมีฟันครบ
ข้อสังเกตอย่างหนึ่ง ของการจัดฟันร่วมกับการถอนฟันก็คือ บางคนยิ้มแล้วฟันจะดูไม่เต็ม เหมือนมีอะไรหายไป ซึ่งก็เป็นข้อจำกัดที่เราต้องยอมรับ เพราะสำหรับบางคน การถอนฟันเป็นเรื่องจำเป็น หากจะแก้ไขการสบฟันที่ผิดปกติ หากไม่ถอนก็แก้ไม่ได้

แต่ถ้ามีฟันครบ จะทำให้ยิ้มแล้วเห็นฟันโค้งแบบเต็มๆ และที่สำคัญ บริเวณรอบปากจะอูมกำลังดี ดูเป็นธรรมชาติ

อีกหนึ่งผลข้างเคียง ของการจัดฟันร่วมกับถอนฟันก็คือ ในบางคน ฟันอาจยุบมากเกินไป ทำให้บริเวณริมฝีปากแบน ดูไม่เป็นธรรมชาติ เมื่อมองจากด้านข้าง ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ควรเกิดขึ้น

การจัดฟันแบบดามอน (Damon System) ก็เป็นการจัดฟันอีกรูปแบบหนึ่งที่มีจุดเด่นก็คือ การจัดฟันโดยที่เราไม่จำเป็นที่จะต้องถอนฟันของเราออก ซึ่งการจัดฟันแบบดามอนนี้จะมีลักษณะรูปแบบการจัดฟันโดยการใช้กลไกการสไลด์สำหรับการจับลวดดัดฟัน และยังสามารถช่วยลดการเกิดแรงเสียดทานในการยึดติดของอุปกรณ์ดัดฟันกับตัวฟันของเรา ซึ่งมันจะช่วยให้เรามีความรู้สึกสบายและไม่เจ็บปวดมากเหมือนกับการดัดฟันแบบอื่นๆ นอกจากนี้การจัดฟันแบบดามอนยังถูกออกแบบเพื่อใหเหมาะสมกับรูปหน้าของบุคคลแต่ละคนโดยเฉพาะ และยังสามารถทำความสะอาดได้อย่างง่ายดาย เนื่องจากว่าการจัดฟันแบบดามอนนั้นจะไม่มียางที่ใช้ยึดติดกับฟันเพื่อให้อุปกรณ์และลวดคงอยู่กับที่ ฉะนั้นการที่ไม่มียางอยู่ก็จะเกิดคราบหินปูนได้น้อยกว่าารจัดฟันในรูปแบบอื่นๆนั่นเอง

ข้อเสียของการจัดฟันแบบดามอน การจัดฟันแบบดามอนมีข้อเสียเพียงอย่างเดียวก็คือ ค่าใช้จ่ายในการจัดฟันค่อนข้างสูงมากเลยทีเดียว

หากใครที่อยากจัดฟันเพื่อให้ฟันสวยงามและมีรอยยิ้มสวยๆ การจัดฟันแบบดามอนก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่จะช่วยให้ลดความเจ็บปวดในการดัดฟันได้แต่ว่าหากต้องการจัดฟันแบบดามอนเราจะต้องเก็บเงินเพิ่มขึ้นกว่าการจัดฟันแบบอื่นๆ สักหน่อยเพราะการจัดฟันแบบดามอนนั้นมีค่าใช้จ่ายที่สูงพอสมควร แต่เมื่อแลกกับฟันที่สวยและรอยยิ้มหวานๆ แล้วเชื่อว่าหลายคนก็คงยอมที่จะแลกเพื่อให้ได้มา

33
คอนโดติดรถไฟฟ้า วิสซ์ดอม คราฟท์ สามย่าน (Whizdom Craftz Samyan)
เริ่มต้น 7.99 ลบ.


วิสซ์ดอม คราฟท์ สามย่าน (Whizdom Craftz Samyan)
คอนโดมิเนียมสูง 55 ชั้น ประกอบด้วยห้องชุดพักอาศัย 423 ยูนิต จัดเต็มกับพื้นที่ส่วนกลางทั้งสิ้น 2,316 ตร.ม. และที่จอดรถรวม 359 คัน มอบการอยู่อาศัยที่ปลอดภัยด้วยการรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง กล้องวงจรปิดในทุกพื้นที่ ระบบคีย์การ์ดเข้า-ออก ประตูล็อกดิจิทัล นอกจากนี้ สิ่งอำนวยความสะดวกในโครงการยังออกแบบมาให้ผู้พิการสามารถเข้าถึงได้อย่างเท่าเทียม

 รายละเอียดโครงการ
 ชื่อโครงการ           วิสซ์ดอม คราฟท์ สามย่าน (Whizdom Craftz Samyan)
 เจ้าของโครงการ     แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น
 ราคา                  เริ่มต้น 7.99 ลบ. (ณ. วันที่ 4 ต.ค. 66)
 ราคาเฉลี่ยต่อตร.ม.  โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
 ลักษณะทำเล         คอนโดย่านธุรกิจกลางเมือง, คอนโดใกล้ขนส่งสาธารณะ
 ความสูงคอนโด       High Rise (9 ชั้นขึ้นไป)
 ลักษณะกรรมสิทธิ์   โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
 ประเภทห้องที่มี     1 ห้องนอน, 2 ห้องนอน, 3 ห้องนอน, Penthouse, Duplex
 ขนาดห้องที่มี        ตั้งแต่ 30.00 ถึง 233.00 ตร.ม.
 เนื้อที่ทั้งหมด        โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
 จำนวนตึก           โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
 จำนวนชั้น            55 ชั้น
 จำนวนห้อง          423 ยูนิต
 ที่จอดรถทั้งหมด    359 คัน
 ค่าบำรุงส่วนกลาง   โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
 สาธารณูปโภค        สระว่ายน้ำ, ฟิตเนส, รปภ., กล้องวงจรปิดโครงการ, ประตู Key Card, สวนหย่อม

 สถานที่ใกล้เคียง
 โซน         สีลม, บางรัก, สุรวงศ์, สี่พระยา, เจริญกรุง
 ที่ตั้ง         ถนนพระราม4 แขวงมหาพฤฒาราม เขตบางรัก กทม. 10500

 ขนส่งสาธารณะ
รถไฟฟ้า:         โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ

 สถานที่สำคัญใกล้เคียง
สยามสแควร์
สยามพารากอน
สยามเซ็นเตอร์
สยามดิฟโคฟเวอรี่
สยามสแควร์วัน
เอ็มบีเค เซ็นเตอร์
รร.กรุงเทพคริสเตียน
รร.อัสสัมชัญ
รร.เตรียมอุดมศึกษา
รร.สาธิต มศว ปทุมวัน
รร.วัฒนาวิทยาลัย
รร.นานาชาติเรนทรี
รร.นานาชาติ โชรส์เบอรี กรุงเทพฯ
รร.นานาชาติ เซนต์แอนดรูวส์ สาทร
รพ.จุฬาลงกรณ์
รพ.กรุงเทพคริสเตียน
รพ.เลิดสิน
รพ.เซนต์หลุยส์
รพ.บีเอ็นเอช
 ปีที่สร้างเสร็จ
โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ

34
ยาชูกำลัง: อาหารเช้าช่วยปลุกสมอง สดชื่น กระปรี้กระเปร่าลองแล้วตื่นตัว !

ถ้ามื้อเช้าที่เป็นมื้อสำคัญ คุณไม่รู้ว่าจะกินอะไรเพื่อปลุกให้ร่างกายตื่นตัว ช่วยกระตุ้นสมองให้พร้อมทำงาน และเติมท้องให้อิ่มแบบได้คุณค่าทางสารอาหาร วันนี้ขอแนะนำเป็น 10 อาหารเช้าเพื่อสุขภาพ ต่อไปนี้ค่ะ รับรองกินแล้วตาสว่าง สมองตื่น ความง่วงหายไปอย่างไม่รู้ตัวเลย !


1. น้ำเปล่า

          เครื่องดื่มอย่างแรกที่อยากให้ตกถึงท้องทุกคนก่อนใครก็คือน้ำเปล่านี่เองค่ะ เพราะขณะที่ร่างกายเรานอนหลับ 6-8 ชั่วโมง เราจะไม่ได้ดื่มน้ำเลย ดังนั้นเพื่อเติมน้ำให้เซลล์และอวัยวะต่าง ๆ ในร่างกาย น้ำเปล่าก็ควรเป็นสิ่งที่เราเติมเต็มให้ตัวเองเป็นอันดับแรก แล้วเชื่อเถอะค่ะว่า หลังจากดื่มน้ำเข้าไปสักแก้วแล้ว จะรู้สึกสดชื่นตื่นตัวขึ้นมาทันทีเลย


2. น้ำมะนาว

          สำหรับคนที่ตื่นมาแล้วเพลียหนักมาก ดื่มน้ำเปล่าเพียว ๆ อาจไม่พอค่ะ ต้องเป็นน้ำมะนาวอุ่น ๆ สักแก้ว หรือจะบีบมะนาวลงไปในน้ำเปล่าปกติสักครึ่งซีกก็ได้ กลิ่นซิตรัสของมะนาวจะช่วยปลุกความสดชื่นให้สมอง ส่วนน้ำก็จะช่วยขับไล่ความอ่อนเพลียให้หมดไป



3. ไข่

          ไข่เป็นอาหารที่กินมื้อไหนก็อร่อย แต่หากกินไข่เป็นอาหารเช้าก็จะได้ประโยชน์ในแง่ของการบำรุงสมองที่อึน ๆ ให้ตื่นตัวขึ้นด้วย เนื่องจากไข่มีกรดไขมันโอเมก้า-3 และโปรตีน นอกจากนี้ไข่ไก่ 1 ฟอง ยังมีโคลีน (Choline) ซึ่งเป็นส่วนประกอบของเยื่อหุ้มเซลล์ เยื่อหุ้มสมอง อยู่มากถึง 20% ส่งผลให้สมองและระบบประสาทแข็งแรง พร้อมทำกิจกรรมต่าง ๆ อย่างตื่นตัว โดยยืนยันให้มั่นใจอีกทีด้วยผลการศึกษาในวารสาร International Journal of Obesity ที่พบว่า คนกินไข่ไก่เป็นมื้อเช้าจะรู้สึกตื่นตัวและพร้อมทำกิจกรรมต่าง ๆ มากกว่าคนที่กินอาหารชนิดอื่นที่ให้พลังงานเท่ากัน อย่างเช่น ขนมปังเบเกิล เป็นต้น


4. กล้วย

          กล้วยเป็นผลไม้ที่มีคาร์โบไฮเดรตเซิงซ้อน ที่ร่างกายสามารถเปลี่ยนเป็นกลูโคสเพื่อให้พลังงานแก่เซลล์และอวัยวะต่าง ๆ โดยเฉพาะเซลล์สมองได้ทันที อีกทั้งในกล้วย 1 ผล ยังเปี่ยมไปด้วยวิตามินบี 2 บี 3 โพแทสเซียม และแมกนีเซียม ที่ช่วยฟื้นฟูร่างกายจากความเหนื่อยล้าได้อีกต่างหาก ดังนั้น หากมีเวลาจำกัด ต้องรีบเร่ง พกกล้วยน้ำว้าสัก 1-2 ผลไปกินเป็นมื้อเช้าได้เลยค่ะ



5. ข้าวโอ๊ต โฮลเกรน โฮลวีต

          ข้าวและธัญพืชไม่ขัดสีกลุ่มนี้ก็มีคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อนให้ร่างกายเปลี่ยนแป้งเป็นกลูโคสด้วยเหมือนกัน แต่ที่พีคไปกว่านั้นคือ นอกจากจะเป็นคาร์บเชิงซ้อนให้ร่างกายรู้สึกอิ่มได้นานแล้ว ธัญพืชเหล่านี้ยังอุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุที่เป็นวัตถุดิบหลักของระบบประสาทและสมอง ช่วยให้อวัยวะและเซลล์ในร่างกายตื่นตัว ส่วนคาร์โบไฮเดรตที่เปลี่ยนเป็นน้ำตาลก็ช่วยให้ร่างกายสดชื่นเพิ่มขึ้นด้วย


6. ข้าวกล้อง

          ข้าวกล้องมีกาบ้า สารอาหารสำคัญที่มีประโยชน์ต่อการทำงานของระบบประสาทและสมอง อีกทั้งข้าวกล้องยังมีวิตามินบีสูงมาก จึงช่วยกระตุ้นระบบประสาทและสมองให้ตื่นตัวได้อีกทาง


7. ถั่วชนิดต่าง ๆ

          ถั่วเป็นแหล่งของสารอาหารที่ให้พลังงานแก่ร่างกาย ทั้งโปรตีน ไขมัน และคาร์โบไฮเดรต ดังนั้น การกินถั่วเป็นมื้อเช้าก็ช่วยให้มีพลังกายมากยิ่งขึ้น ที่สำคัญกรดไขมันชนิดดีและธาตุสังกะสีจากถั่วยังจะเข้าไปเป็นพลังงานให้เซลล์สมองพร้อมทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นด้วยนะคะ ซึ่งหากใครไม่สะดวกจะกินถั่วเปล่า ๆ ลองกินถั่วกับโยเกิร์ต หรือจะเป็นเมนูขนมปังโฮลวีตทาเนยถั่วแบบนี้ก็ได้


8. องุ่น

          มีการศึกษาพบว่า ไม่ว่าจะกินองุ่นเขียว องุ่นดำ หรือองุ่นแดง ก็จะได้รับสารต้านอนุมูลอิสระจากผลไม้ที่ชื่อว่าองุ่น ในปริมาณที่ใกล้เคียงกัน ซึ่งเจ้าสารต้านอนุมูลอิสระนี่แหละที่มีประโยชน์ต่อการทำงานของสมอง ช่วยป้องกันโรคอัลไซเมอร์ที่มีสาเหตุมาจากความเสื่อมของเซลล์ ในขณะเดียวกันก็เป็นพลังงานสำคัญของเซลล์สมองด้วย ดังนั้น หากเบื่ออาหารเช้าเดิม ๆ ลองหันมากินองุ่นกันบ้างก็ได้นะ


9. บลูเบอร์รี

          ผลไม้ชนิดนี้มีสารต้านอนุมูลอิสระอยู่มากเช่นกัน และยังมีการศึกษาที่พบว่าคนที่รับประทานบลูเบอร์รีเป็นประจำจะมีความจำและทักษะการเคลื่อนไหวที่ดี อันเนื่องมาจากสารแทนนินในบลูเบอร์รีมีส่วนช่วยเชื่อมการทำงานของเซลล์ต่าง ๆ ในสมอง จากที่ตื่นมาด้วยความมึนงง พอได้กินบลูเบอร์รีก็จะช่วยให้เชื่อมต่อข้อมูลได้ดีขึ้น นอกจากนี้บลูเบอร์รียังมีสารพฤกษเคมี (Phytochemicals) ที่เชื่อกันว่าเป็นสารที่ช่วยเติมเต็มความสามารถของสมองในด้านการเรียนรู้ ความคิด และความจำ


10. แอปเปิล

          ผลไม้อย่างแอปเปิล มีน้ำและน้ำตาลที่ร่างกายสามารถดึงไปใช้ได้ทันที ดังนั้น ใครที่รู้สึกเพลีย ๆ หลังตื่นนอนแอปเปิลก็จะช่วยเติมความสดชื่นให้ร่างกายได้อย่างรวดเร็ว แต่ประโยชน์ของแอปเปิลยังไม่จบแค่นั้นค่ะ เพราะการศึกษาจากมหาวิทยาลัย Cornell ยังพบว่า แอปเปิลมีสารพฤกษเคมีที่ชื่อว่า เควอซิทิน (Quercetin) ที่มีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระ ป้องกันเซลล์สมองและเซลล์ประสาทถูกทำลาย จึงช่วยให้สมองทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพโดยไม่เสื่อมสภาพก่อนวัยอันควร

 

35
“การสร้างแบรนด์
ก็เหมือนกับ
การสร้างพื้นที่ทำธุรกิจของคุณเอง
ถ้าคุณไม่สร้างแบรนด์ เท่ากับว่าวันนี้คุณไม่มีพื้นที่ในการทำธุรกิจ“

ครูแมกซ์
“สอนสร้างแบรนด์
สอนทำธุรกิจออนไลน์”

“การสร้างแบรนด์”
ไม่ใช่แค่การทำให้สินค้าดูสวยงาม หรือการทำโลโก้กับสีสันที่ดึงดูดเท่านั้น แต่มันคือศิลปะในการสร้างเสน่ห์ที่ลูกค้าไม่อาจต้านทานได้ มันเหมือนการทำเวทมนตร์ ซึ่งไม่ต้องการไม้กายสิทธิ์ หรือหมวกวิเศษ แต่ต้องการความเข้าใจในลูกค้าและการสื่อสารที่ตรงจุด
สมมติว่าคุณกำลังขายกาแฟ ลองนึกภาพนี้สิ…
คุณไม่ได้แค่ขายกาแฟ แต่คุณกำลังขายช่วงเวลาแห่งความสุข
บทสนทนาที่ดี และความรู้สึกที่อบอุ่นใจ ทุกครั้งที่ลูกค้าหยิบถ้วยกาแฟของคุณ
พวกเขาไม่ได้แค่ดื่ม แต่พวกเขากำลังดื่มด่ำกับเรื่องราวที่คุณเล่า
.
แบรนด์ที่ดี คือแบรนด์ที่ทำให้ลูกค้าจำได้ ไม่ว่าจะผ่านงานโฆษณาที่มีความคิดสร้างสรรค์ การออกแบบผลิตภัณฑ์ที่โดนใจ หรือแม้กระทั่งการบริการลูกค้าที่เป็นเลิศ ทั้งหมดนี้คือส่วนประกอบในการสร้างแบรนด์ที่สำคัญทั้งนั้น
แบรนด์ที่สามารถเล่าเรื่องราวที่ตรงใจและสร้างความแตกต่าง  จะเป็น แบรนด์ที่มีความมั่นคงและยั่งยืนในตลาด และนั่นคือเหตุผลที่การสร้างแบรนด์ไม่ใช่แค่กลยุทธ์ทางธุรกิจ แต่เป็นศิลปะแห่งการเชื่อมต่อกับใจคนอย่างแท้จริง

สนใจติดต่อสอบถามข้อมูล
ไลน์ ID  :  @krumax
Page FB : https://www.facebook.com/Krumax181026
เว็บไซด์ : https://businesssmarttools.com/
เบอร์โทร : 093-962-6545



36
รับผลิตชุดยูนิฟอร์มทุกประเภท
บริการจริงใจ ใส่ใจลูกค้า ราคายุติธรรม
รับผลิตและแนะนำรูปแบบชุดยูนิฟอร์มบริษัท อาทิเช่น เสื้อยืดคอกลม เสื้อยืดโปโล ชุดช็อป เสื้อแจ๊กเก็ต และ ชุดยูนิฟอร์มพนักงานในสำนักงาน โดยสามารถสั่งตัดตามไซส์ของแต่ละบุคคลได้ รวมถึงสินค้าพรีเมี่ยมต่างๆ เช่น ผ้ากันเปื้อน กระเป๋าผ้า หมวก เป็นต้น

ยูนิฟอร์ม ชุดยูนิฟอร์มพนักงาน

ยูนิฟอร์ม ชุดยูนิฟอร์มพนักงาน “ยูนิฟอร์ม” หรือ Uniform ในภาษาอังกฤษคือเสื้อผ้าหรือชุดที่พนักงานหรือกลุ่มคนบางๆ สวมใส่เพื่อแสดงตัวตนหรือตำแหน่งที่มีอยู่ เพื่อความสะดวกในการระบุและการระบายตัวเองในบริบทที่ต่างๆ ชุดยูนิฟอร์มของพนักงานมักจะมีการออกแบบเพื่อสอดคล้องกับลักษณะงานและศิลปะแบรนด์ขององค์กรหรือธุรกิจที่ต่างกันไปได้ เช่น ชุดยูนิฟอร์มของพนักงานโรงแรมจะแตกต่างกับชุดยูนิฟอร์มของพนักงานในโรงงานผลิตสินค้า หรือพนักงานบริการในร้านค้า
การออกแบบชุดยูนิฟอร์มมักเน้นความสะดวกสบายในการใช้งานร่วมกับการสื่อสารและการติดต่อระหว่างพนักงานและลูกค้า การเลือกใช้วัสดุที่เหมาะสมและการออกแบบที่สวยงาม เป็นต้น
การตัดต่อยูนิฟอร์มขึ้นอยู่กับลักษณะของธุรกิจหรือกิจการ การให้ความสำคัญกับความสะอาดและการบำรุงรักษาก็เป็นสิ่งที่สำคัญในการรักษาคุณภาพของยูนิฟอร์มให้ดูดีและสวยงามตลอดเวลาในการใช้งานประจำวันของพนักงานทุกคนในองค์กรหรือธุรกิจนั้นๆ
ยูนิฟอร์ม (Uniform) เป็นชุดเครื่องแบบที่พนักงานสวมใส่เพื่อแสดงตัวตนและตำแหน่งของพวกเขาในองค์กรหรือธุรกิจ เขาแสดงถึงความเป็นเอกลักษณ์และความเชื่อมโยงของพนักงานกับบริษัทหรือองค์กรนั้น ๆ
ชุดยูนิฟอร์มของพนักงานสามารถแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับอุตสาหกรรมและบริษัท ยกตัวอย่างเช่น:
ในโรงแรม พนักงานบริการอาจมีชุดยูนิฟอร์มที่ประกอบไปด้วยเสื้อโปโลและกางเกงขายาวหรือกระโปรง
ในธุรกิจทางการแพทย์ พวกเขาอาจสวมเสื้อคลุมเพื่อป้องกันและอุ่นใจให้กับผู้ป่วยและลูกค้า
ในธุรกิจแห่งการบิน พนักงานสายการบินอาจมีชุดยูนิฟอร์มที่รวมถึงเครื่องแต่งกายสมบูรณ์ รวมถึงเครื่องประดับและเครื่องแต่งกายพิเศษเพื่อเน้นความสวยงามและความเรียบร้อย
ชุดยูนิฟอร์มมักจะถูกออกแบบเพื่อสะท้อนภาพลักษณ์ของบริษัทหรือองค์กร และมักจะมีการกำหนดเอกลักษณ์ที่ชัดเจนเพื่อให้ลูกค้าหรือผู้บริโภคสามารถระบุและรู้จักพนักงานได้ง่ายขึ้นด้วยการมองเห็นชุดยูนิฟอร์มที่สวมใส่และการปฏิสัมพันธ์กับพนักงานในตำแหน่งต่าง ๆ ในองค์กรนั้น ๆ อย่างมั่นใจได้ในการตอบสนองและบริการลูกค้าในทางที่เหมาะสมและมีคุณภาพ

ทางบริษัทจัดนำเสนอข้อมูลให้กับลูกค้าอย่างละเอียด จนลูกค้าเข้าใจและสามารถเลือกใช้วัตถุดิบได้เหมาะสมกับการใช้งานได้อย่างคุ้มค่า คุ้มราคา และพึงพอใจ ตามที่ลูกค้าต้องการ
สนใจ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
Line ID : uniform
โทร      : 02-583-7598
E-mail  : casuniform@yahoo.com
เว็บไซด์: https://uniformdeluxe.com/


37
ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร “ออน” ตราเอ็มเมด แพ็ค 7 ซอง/กล่อง

เหนื่อย เฉื่อย ชา ล้าสมอง
แฮงก์ มึนตึบ ง่วงนอน

ต้อง เอ็มเมด ออน เลย
แค่ฉีกแล้วเทใส่ปาก ดูดซึมไว หายมึนตึบ

วิตามินที่เป็นผง ละลายในปาก ดูดซึมได้ดีกว่า วิตามินที่เป็นเม็ด
จะเล่นเกมส์หนัก ดูซีรี่ย์ดึก ทำงานกะดึก
ตื่นสายแค่ไหน ก็แค่ ฉีกซอง กรอกปาก แล้วดื่มน้ำตาม
สดชื่นทันที ขับขี่ปลอดภัย พร้อมทุกสถานการณ์
ผลิตภัณฑ์ เอ็มเมด ออน วิตามินผงละลายในปาก
ดูดซึมไว ช่วยให้ร่างกายสดชื่นได้ทันที
ปลอดภัยกว่า ควบคุมโดยเภสัชมหิดล

ส่วนประกอบสำคัญ ใน เอ็มเมด ออน
L-Glutamine (100%) 200 mg.
Coenzyme Q10 (10%) 50 mg.
Goji berry extract 50 mg.
Zinc amino acid chelate (20%) 50 mg.
L-Glutathione (100%) 50 mg.
Blueberry juice powder 50 mg.
Taurine (100%) 20 mg.
Niacinamide (B3) (100%) 20 mg.
Thiamine hydrochloride (B1) 1 mg.

ผลิตภัณฑ์ เอ็มเมด ออน
ผลิตภัณฑ์เพื่อกระตุ้นความตื่นตัวให้กับร่างกาย ด้วยการสารสกัด Goji berry ที่มีวิตามิน C สูง และเสริมสร้างพละกำลังให้ร่างกายด้วย Taurine, Q10, L-Gluamine รวมทั้งวิตามิน B1, B3 และ Zinc ช่วยให้ร่างกายกระปรี้กระเปร่า
แถมท้ายด้วย Blueberry juice ที่ช่วยบำรุงสมองควบคู่ไปด้วย
เลขที่ใบจดแจ้ง อย : 13-1-15859-5-1159
รับประทานวันละ 1 ซอง (3 กรัม)
เทผลิตภัณฑ์กรอกใส่ปาก เคี้ยว ก่อนกลืน ดื่มน้ำตาม

สารกระตุ้น ที่ขายในท้องตลาด
ปลอดภัยกับร่างกายมากน้อยแค่ไหน!!!
ส่งผลเสียต่อสุขภาพหรือไม่!!!
ผลิตภัณฑ์ เอ็มเมด ออน ทางเลือกที่ปลอดภัยกว่า โดยเภสัชมหิดล
สำหรับคนนอนดึก เข้ากะดึก ง่วง หงาว หาว อยากนอน
แค่ ฉีก ซอง ใส่ปาก แล้วดื่มน้ำตาม ก็ช่วยให้ร่างกายรู้สึก สดชื่น ได้ทันที
ราคาโปรโมชั่นเพียง
1 กล่อง      315    บาท
2 กล่อง      599    บาท
3 กล่อง      859     บาท

สนใจสั่งซื้อ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร “ออน” (ตราเอ็มเมด)

โทร: 064-662-4421
ไลน์ OA  : https://page.line.me/565blcje?openQrModal=true
Page FB : https://web.facebook.com/MMEDBrand/?_rdc=1&_rdr
เว็บไซด์ https://mmed.com/promotions/


38
ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากเสียงดัง
ในโรงงานอุตสาหกรรม
โรงงานหรือสถานประกอบกิจการที่มีปัญหาด้านเสียงเกินค่ามาตรฐาน อาจสร้างผลกระทบทั้งด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงานต่อพนักงานในโรงงานเอง หรืออาจก่อให้เกิดมลพิษทางเสียงต่อชุมชนและสภาพแวดล้อมที่อยู่ด้านนอกโรงงาน หากเจ้าของแหล่งกำเนิดเสียงหรือผู้เกี่ยวข้องปล่อยปละละเลย ไม่จัดทำโครงการควบคุมเสียงหรือแก้ไขปัญหาดังกล่าวไม่สำเร็จ จะทำให้มีผลกระทบตามมา เช่น
•   เป็นผู้กระทำผิดกฎหมายด้านเสียง มีทั้งโทษปรับและจำคุก
•   ลูกจ้างอาจเกิดภาวะสูญเสียการได้ยินแบบชั่วคราวหรือแบบถาวร
•   ประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานลดลงจากเสียงเกินค่ามาตรฐาน
•   ถูกร้องเรียนจากชุมชนหรือผู้ได้รับผลกระทบทางเสียงที่อยู่นอกโรงงาน
•   โรงงานหรือสถานประกอบกิจการอาจถูกสั่งปิดปรับปรุง จนกว่าจะแก้ไขแล้วเสร็จ

ทำไมต้องใช้บริการจาก
“NEWTECH INSULATION” ในการควบคุมเสียง?
ด้วยประสบการณ์กว่า 15 ปี ในการควบคุมเสียงอุตสาหกรรม เรามีความพร้อมทั้งด้านบุคลากรเฉพาะทางที่มีความรู้ด้านเสียงและความสั่นสะเทือน เครื่องมืออันทันสมัยที่ได้มาตรฐานตามที่กฎหมายกำหนด รวมถึงประสบการณ์ด้านการแก้ไขปัญหาเสียงอุตสาหกรรมที่มีทั้งในและต่างประเทศ ผู้ใช้บริการจึงมั่นใจได้ว่าปัญหาด้านเสียงในโรงงานหรือสถานประกอบกิจการจะได้รับการแก้ไขได้อย่างตรงจุด ด้วยค่าใช้จ่ายที่น้อยที่สุด เพราะเราเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมเสียงในอุตสาหกรรม
– บริษัทฯ ขึ้นทะเบียนและได้รับใบอนุญาตเป็นนิติบุคคลผู้ให้บริการตรวจวัดและวิเคราะห์สภาวะการทำงานเกี่ยวกับระดับเสียง โดยกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน
– บุคลากรของบริษัทฯ ได้รับใบอนุญาตเป็นผู้ควบคุมมลพิษเสียงและความสั่นสะเทือน จากสภาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
– มีทีมงานที่มากประสบการณ์และความรู้ ได้แก่ วิศวกร นักสิ่งแวดล้อมอุตสาหกรรม เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงาน ช่างเทคนิค รวมไปถึงช่างประกอบและติดตั้งระบบควบคุมเสียง
– มีเครื่องมือที่ได้มาตรฐานไว้ให้บริการทั้งด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์
– มีสินค้าสำหรับควบคุมเสียงและความสั่นสะเทือนให้เลือกหลากหลายรูปแบบ เช่น ผนังกันเสียง ห้องเก็บเสียง ม่านกันเสียง ตู้ครอบลดเสียง แจ็คเก็ตลดเสียง ไซเลนเซอร์ อคูสติคลูเวอร์ อุปกรณ์แยกความสั่นสะเทือน เป็นต้น
– มีการประเมินหรือทำตัวแบบจำลองระดับเสียง ก่อน-หลัง ปรับปรุงให้ลูกค้าใช้เป็นข้อมูลในการตัดสินใจ ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายและเวลาในการแก้ปัญหาด้านเสียง
– รับประกันระดับเสียงที่ลดลง อยู่ในเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด
– รับประกันคุณภาพสินค้าและฝีมือการติดตั้งทุกงาน

บริษัท นิวเทค อินซูเลชั่น จำกัด
ผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมเสียงในโรงงานอุตสาหกรรม
จากประสบการณ์ในการแก้ไขปัญหาด้านเสียงมายาวนาน ไม่ว่าจะเป็นเสียงทางอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงาน และเสียงทางสิ่งแวดล้อม
ทางบริษัทฯ ยินดีให้คำแนะนำที่ทำได้จริงสำหรับการแก้ปัญหาด้านมลภาวะทางเสียงที่เกิดขึ้น เพื่อให้ทั้งโรงงาน พนักงาน หรือชุมชนโดยรอบอยู่ร่วมกันได้
“เพราะเรา…เข้าใจเรื่องเสียง”


สนใจสั่งซื้อ
เบอร์โทร:  02-583-8035 , 02-583-8034, 098-995-4650
E-mail: contact@newtechinsulation.com
Line ID: @newtechinsulation
Facebook: newtechthai
Instagram: newtechinsulation
เว็บไซด์: https://www.noisecontrol365.com/



39
all new mitsubishi triton 2024: Mitsubishi Triton เจนฯ 6 กลับมาขายใหม่ที่ญี่ปุ่นในรอบ 10 กว่าปี

หลังจากที่ Mitsubishi Triton 2024 ใหม่ได้ถูกเปิดตัวอย่างเป็นทางการที่ญี่ปุ่นเป็นครั้งแรกในรอบ 12 ปี ล่าสุดทางมิตซูบิชิประเทศญี่ปุ่น ได้ประกาศวันที่ทางรถกระบะเจนฯ ใหม่ จะลงตลาดวางขายในดินแดนอาทิตย์อุทัยแล้ว โดยมีกำหนดลงโชว์รูมในวันที่ 15 ก.พ. 2024 นี้ โดยมีให้เลือก 2 รุ่น ได้แก่รุ่น GLS และรุ่น GLR โดยรถที่วางขายในแดนปลาดิบนี้จะถูกผลิตทั้งคันจากโรงงานในประเทศไทย

สำหรับ Mitsubishi Triton เจเนอเรชันที่ 6 ถูกนำไปวางจำหน่ายในประเทศญี่ปุ่นบ้านเกิดนี้ จะมีเฉพาะตัวถังแบบ Double Cab 4 ประตู ในด้านงานออกแบบมาพร้อมแนวคิดที่เรียกว่า Beast Mode (บีสท์ โหมด) ที่สะท้อนความบึกบึน และทรงพลังแบบฉบับ

ด้านหน้ายังมาในแบบไดนามิค ชิลด์ (Dynamic Shield) โดยในรุ่น GLR จะได้รับกระจังหน้าสีเดียวกัยตัวรถ พร้อมปั้มชื้อแบรนด์ M I T S U B I S H I ไว้ที่ขอบกระจังหน้าด้านบน ส่วนตรงกลางติดตราโลโก้ทรีไดมอนด์สีเงิน ส่วนในรุ่น GLS จะเป็นกระจังหน้าสีดำ ขณะที่ลายละเอียดจะเหมือนกับในรุ่นท็อป GLR

นอกจากนั้นในส่วนชุดแต่งที่ขอบชุดไฟหน้า ในรุ่น GLR จะเป็นสีดำ ลากยาวมาจรดถึงกันชนหน้า ส่วนในรุ่น GLS จะเป็นสีบรอนซ์เงิน เช่นเดียวกัยที่ฝาครอบกระจกแมองข้าง และมือเปิดประตู ในรุ่นท็อปจะเป็นสีดำ ส่วนรุ่นเริ่มต้นจะเป็นสีบรอนซ์เงิน นอกจากนั้นยังเติมความดุดันด้วยการ์ดกันกระแทกสีเงินในร่นท็อป ขณะที่รุ่นเริ่มต้นจะไม่มีติดตั้งมาให้

อีกทั้งในรุ่น GLR ยังมาพร้อมกับซุ้มล้อสีดำมาในแบบสามมิติ เข้าชุดกับล้ออัลลอยล้อรมดำขนาด 18 นิ้ว ส่วนในรุ่น GLS จะมีขนาด 18 นี้วเท่ากัน แต่จะมาในสีเทา

นอกจากนั้นในรุ่น GLR ยังได้รับการติดตั้งสปอยเลอร์บนขอบกระบะท้าย มาพร้อมไฟท้าย ไฟท้าย LED T-shaped และกันชนหลังสีเงิน

โดยในรุ่น GLR จะมีให้เลือก 4 เฉดสีได้แก่ สีส้ม Yamabuki Orange Metallic, สีขาว White Dimond, สีเทา Graphite Gray Metallic และสีดำ Jet Black Mica

ส่วนในรุ่น GLS จะมีให้เลือก 5 เฉดสีได้แก่ สีขาว White Dimond, สีเทา Graphite Gray Metallic, สีดำ Jet Black Mica, สีบรอนซ์เงิน Blade SilveR Metallic และสีแดง Red Solid

ภายในห้องโดสารทั้ง 2 รุ่นย่อยจะได้รับจอเรือนไมล์แบบ LCD ขนาด 7 นิ้ว ที่วางอยู่ด้านหลังพวงมาลัยมัลติฟังก์ชันที่หุ้มด้วยวัสดุหนัง มาพร้อมหน้าจออินโฟเทนเมนท์ขนาด 9 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อทั้ง Apple CarPlay และ Android Auto

ด้านชุดอุปกรณ์ภายในจะได้นับ ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบ 2 โซน, ช่องต่อ USB ด้านหน้าแบบ Type-C / Type-A จุดละ 1 ตำแหน่งด้านหน้า และด้านหลัง 1 จุด, แท่นชาร์จมือถือไร้สายอยู่ที่ด้านล่างของแผงควบคุม

แผงคอนโซลกลางมีช่องวางแก้วน้ำที่รองรับแก้วขนาดใหญ่ 2 ใบ พร้อมกล่องเก็บของที่รองรับขวดพลาสติกขนาด 600 มิลลิเมตร ได้มากถึง 4 ขวด

สำหรับระบบความปลอดภัย และระบบช่วยเหลือการกขับขี่ จะได้รับระบบป้องกันการชนด้านหน้าพร้อมตรวจจับคนเดินถนนและผู้ใช้จักรยาน, ระบบเตือนรถออกนอกเลน, ระบบป้องกันรถออกนอกเลน, ระบบเตือนมุมอับสายตา, ระบบช่วยเปลี่ยนเลน, ระบบไฟสูงอัตโนมัติ, ระบบควบคุมความเร็วแปรผันอัตโนมัติ และระบบอ่านป้ายจราจร, กล้องมองภาพรอบคันพร้อมเซ็นเซอร์กะระยะ, ระบบช่วยเหลือการขับขี่ e-Assist, ประตูกระบะท้ายพร้อมระบบกุญแจล็อก เป็นต้น

ในด้านพละกำลังขับเคลื่อนวอร์ชันญี่ปุ่นทั้ง 2 รุ่นย่อย จะมากัยขุมพลังเครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ รหัส 4N16 ความจุ 2.4 ลิตร ที่ให้กำลังสูงสุด 204 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 470 นิวตันเมตร ซึ่งเป็นบล็อกเดียวกับ Triton Athlete ที่จะเปิดตัวในประเทศไทยช่วงต้นปี 2567 นี้

ส่งกำลังด้วยชุดเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด พร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ Super Select 4WD-Ⅱ และระบบล็อกเฟืองท้าย

สำหรับ Mitsubishi Triton เวอร์ชั่นในตลาดญี่ปุ่น จะเริ่มวางจำหน่ายในวันที่ 15 ก.พ. ที่จะถึงนี้ โดยในรุ่น GLS จะมีราคา 4,988,000 เยน หรือราว 1.2 ล้านบาท และรุ่น GLR เปิดราคาอยู่ที่ 5,401,000 เยน หรือประมาณ 1.3 ล้านบาท



40
ตรวจสุขภาพโบทูลิซึม (Botulism)

โบทูลิซึม เป็นโรคที่เกิดจากพิษของแบคทีเรียชนิดหนึ่งที่ทำลายระบบประสาท ทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรงหรือเป็นอัมพาต จัดว่าเป็นโรคที่มีอันตรายร้ายแรง พบได้ในคนทุกวัย บางครั้งพบการเจ็บป่วยพร้อมกันหลายคนจากการบริโภคอาหารที่ปนเปื้อนพิษ (อาหารเป็นพิษ)

ในบ้านเราเคยมีรายงานผู้ป่วยโรคนี้จากการกินหน่อไม้ปี๊บที่เป็นพิษเป็นครั้งคราว เมื่อเดือนมีนาคม พ.ศ. 2549 มีรายงานการป่วยเป็นโรคนี้พร้อมกันกลุ่มใหญ่สุดเป็นประวัติการณ์ของโลกจำนวน 209 ราย จากการกินหน่อไม้ปี๊บ ในงานฉลองพระธาตุเมล็ดข้าว ที่อำเภอบ้านหลวง จังหวัดน่าน ในจำนวนนี้มีประมาณ 40 รายที่มีอาการหนักจนต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ

สาเหตุ

เกิดจากพิษของเชื้อแบคทีเรีย ที่มีชื่อว่า คลอสตริเดียม โบทูลินัม (Clostridium botulinum) ซึ่งอยู่ในตระกูลเดียวกับเชื้อบาดทะยัก เชื้อโรคมีลักษณะเป็นสปอร์ (spore) พบอยู่ตามดินทราย ตะกอนในน้ำ ฝุ่นละออง สามารถปลิวกระจายไปตามอากาศ มีความทนทานอยู่ในสิ่งแวดล้อมได้นานหลายปี สปอร์เมื่อตกอยู่ในที่ที่มีความชื้นมีสารอาหารและขาดออกซิเจน เช่น ในลำไส้ บาดแผลลึกและแคบ อาหารที่บรรจุในภาชนะที่ปิดมิดชิด (เช่น กระป๋อง ปี๊บ ขวดนม ถุงพลาสติกสุญญากาศ) ก็จะเกิดการงอกเจริญเติบโต และปล่อยสารพิษที่มีชื่อว่า โบทูลิน (botulin) ออกมา

โบทูลิน* เป็นพิษต่อประสาท (neurotoxin) ออกฤทธิ์โดยไปจับกับปลายประสาท (presynaptic nerve terminal) ตรงบริเวณรอยเชื่อมต่อกับเส้นใยกล้ามเนื้อ (postsynaptic muscle membrane) เกิดผลในการยับยั้งไม่ให้ปลายประสาทหลั่งอะเซทิลโคลีน (acetylcholine) ซึ่งเป็นตัวนำสัญญาณประสาทไปสั่งให้กล้ามเนื้อทำงาน (หดตัว) พิษโบทูลินัมจึงทำให้กล้ามเนื้อทั่วร่างกายไม่หดตัว เกิดอาการอ่อนแรงเป็นอัมพาต นอกจากนี้ยังไปยับยั้งการส่งทอดสัญญาณประสาทของระบบประสาทอัตโนมัติพาราซิมพาเทติกที่อาศัยอะเซทิลโคลีนเป็นตัวนำสัญญาณประสาท ทำให้อวัยวะภายในทำงานผิดปกติ (เช่น รูม่านตาขยาย น้ำลายออกน้อย ท้องผูก ถ่ายปัสสาวะไม่ออก เป็นต้น) ปลายประสาทจะถูกพิษทำลายอย่างถาวร ต้องรอให้ปลายประสาทงอกขึ้นมาใหม่ ระบบประสาทและกล้ามเนื้อจึงจะฟื้นคืนหน้าที่ได้ ซึ่งอาจต้องใช้เวลานาน 2-4 เดือน

โดยทั่วไป ผู้ป่วยอาจรับพิษของเชื้อชนิดนี้ได้ 3 ลักษณะ คือ

1. โบทูลิซึมจากอาหารเป็นพิษ (food-borne botulism) มักเกิดจากการกินพืชผักหรือเนื้อสัตว์ที่บรรจุอยู่ในภาชนะมิดชิดและมีความเป็นกรดไม่มาก เช่น หน่อไม้ เห็ด ถั่ว ข้าวโพด แตง ปลา อาหารทะเล สัตว์ป่า (เช่น เนื้อเก้ง) เป็ด ไก่ นม ที่บรรจุกระป๋อง ปี๊บ หรือขวดแก้ว ที่ผลิตแบบอุตสาหกรรมในครัวเรือนซึ่งขาดกรรมวิธีที่ถูกต้อง หรือในถุงพลาสติกที่ปิดมิดชิด ทำให้สปอร์ของเชื้อชนิดนี้ปนเปื้อนในอาหาร สามารถงอกเจริญเติบโตและปล่อยพิษเจือปนอยู่ในอาหาร เช่น หน่อไม้ปี๊บที่นิยมบริโภคในบ้านเรานั้น จะทำการต้มหน่อไม้นานเพียง 1 ชั่วโมง ซึ่งไม่สามารถฆ่าสปอร์ที่ปนเปื้อนได้ แล้วอัดใส่ปี๊บ ตั้งไว้ในอุณหภูมิห้อง รอจำหน่ายหมดภายใน 3-6 เดือน สปอร์ก็สามารถงอกเจริญเติบโตและปล่อยพิษออกมา (ส่วนหน่อไม้ดองที่มีรสเปรี้ยว มีการใส่น้ำมะนาวหรือน้ำส้มในการดอง ทำให้มีความเป็นกรดหรือ pH ต่ำกว่า 4.6 สปอร์ไม่สามารถเจริญเติบโต)

2. โบทูลิซึมจากการติดเชื้อทางบาดแผล (wound botulism) มักจะเป็นแผลลึกและแคบที่ขาดออกซิเจน รวมทั้งการฉีดยาเสพติดด้วยเข็มที่ไม่สะอาด สปอร์ในดินทรายที่ปนเปื้อนบาดแผลจะเข้าไปแบ่งตัวในบาดแผลแล้วปล่อยพิษเข้าสู่กระแสเลือด ไปทำลายระบบประสาททั่วร่างกาย การติดเชื้อลักษณะนี้พบได้น้อย

3. โบทูลิซึมในทารก (infant botulism) เกิดจากการกินอาหารที่ปนเปื้อนสปอร์ ซึ่งจะพบในทารกอายุต่ำกว่า 1 ปี เนื่องจากในลำไส้ของทารกยังไม่มีจุลินทรีย์ที่สามารถป้องกันการแบ่งตัวของสปอร์เช่นเด็กโตและผู้ใหญ่ สปอร์จึงเกิดการแบ่งตัวอยู่ในลำไส้ แล้วปล่อยพิษเข้ากระแสเลือดไปทั่วร่างกาย ในสหรัฐอเมริกาจะพบภาวะนี้ในทารกอายุต่ำกว่า 6 เดือน มักเกิดจากการกินน้ำผึ้งที่มีสปอร์ปนเปื้อน บางครั้งอาจไม่ทราบสาเหตุชัดเจน สันนิษฐานว่าอาจเกิดจากการกินอาหารที่ปนเปื้อนสปอร์ที่ปลิวมากับฝุ่นละออง

กลไกการออกฤทธิ์ของพิษโบทูลิซึม

* โบทูลินจัดว่าเป็นพิษร้ายแรงที่สุดในบรรดาพิษที่เกิดจากแบคทีเรีย จึงมีการนำมาผลิตเป็นอาวุธชีวภาพ
ปัจจุบัน มีการนำโบทูลินไปทำให้เจือจาง ผลิตเป็นยา (เช่น ยาที่มีชื่อว่า Botox) รักษาโรคต่าง ๆ เช่น ใบหน้ากระตุกครึ่งซีก (hemifacial spasm) ตากระพริบค้าง (blepharospasm) หนังตาบนถูกดึงรั้ง (eyelid retraction) ภาวะตาแห้ง ตาเข ไมเกรน อาการแขนขาเกร็ง กระเพาะปัสสาวะบีบตัวไวกว่าปกติหรือน้อยกว่าปกติ ต่อมลูกหมากโต อาการปวดท้องน้อยเรื้อรัง เสริมสวย (แก้รอยย่นบนใบหน้า) เป็นต้น

อาการ

โบทูลิซึมจากอาหารเป็นพิษ มักจะมีอาการเกิดขึ้นหลังกินอาหาร 8-36 ชั่วโมง (แต่อาจพบเร็วสุด 4 ชั่วโมง และนานสุด 14 วัน) หากรับปริมาณพิษเข้าไปมาก อาการก็จะเกิดเร็ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าอาการเกิดขึ้นภายใน 24 ชั่วโมงหลังกินอาหาร อาการมักจะรุนแรง มักเป็นพร้อมกันหลายคน

แรกเริ่มมีอาการคลื่นไส้อาเจียน ปวดท้อง บางรายอาจมีอาการท้องเดินร่วมด้วย หลังจากนั้นจะมีอาการอิดโรย อ่อนเพลีย เวียนศีรษะ มึนงง กระหายน้ำ ปากแห้ง คอแห้ง เจ็บคอ น้ำลายเหนียว หนังตาตก (ลืมตาไม่ขึ้น) ทั้ง 2 ข้าง ตาพร่ามัว มองเห็นภาพซ้อน กลืนลำบาก พูดอ้อแอ้หรือเสียงค่อยมาก ท้องผูก ปัสสาวะไม่ออก

ในรายที่เป็นรุนแรง จะมีอาการอ่อนแรงของกล้ามเนื้อทั่วร่างกายตามมา โดยเริ่มจากบริเวณลำตัวกระจายไปสู่แขนขา กล่าวคือ จะมีอาการอัมพาตของกล้ามเนื้อหน้าอก กะบังลม และหน้าท้อง ทำให้หายใจลำบาก ก่อนที่จะมีอาการอัมพาตของแขนขาทั้ง 2 ข้าง หากไม่ได้รับการรักษามักเสียชีวิตภายใน 3-7 วัน

ส่วนโบทูลิซึมจากการติดเชื้อทางบาดแผล มักมีอาการหลังมีบาดแผลประมาณ 4-14 วัน (เฉลี่ย 10 วัน) ผู้ป่วยจะมีประวัติฉีดยาเสพติด หรือมีบาดแผลตามผิวหนัง แล้วมีอาการแบบเดียวกับโบทูลิซึมจากอาหารเป็นพิษดังกล่าวข้างต้น ยกเว้นไม่มีอาการทางระบบทางเดินอาหาร (คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง ท้องเดิน)

สำหรับโบทูลิซึมในทารก มักจะมีอาการหลังกินอาหารที่มีสปอร์ประมาณ 3-30 วัน อาการแรกเริ่มที่พบก็คือ อาการท้องผูก ต่อมาจะมีอาการง่วงซึม เฉยเมย ไม่ดูดนม ไม่กินอาหาร หนังตาตก กลืนลำบาก ร้องไม่มีเสียง คอพับคออ่อน เนื้อตัวอ่อนปวกเปียก หายใจลำบาก

อาการของโบทูลิซึม

ภาวะแทรกซ้อน

ที่ร้ายแรง คือ ภาวะการหายใจล้มเหลว ซึ่งเป็นสาเหตุของการตายของผู้ป่วย

อาจมีโรคปอดอักเสบ (ปอดบวม) แทรกซ้อน เนื่องจากการสำลัก

บางรายอาจมีอาการอ่อนเพลีย อิดโรย ปากแห้ง ตาแห้ง เหนื่อยง่ายเวลาออกแรง นานเป็นแรมปี

การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยจากอาการและสิ่งตรวจพบ ดังนี้

มักตรวจพบอาการอ่อนแรงของกล้ามเนื้อ เช่น หนังตาตก พูดอ้อแอ้หรือเสียงค่อยมาก กลืนลำบาก หายใจลำบาก แขนขาเป็นอัมพาต (ในทารกจะพบอาการคอพับคออ่อน เนื้อตัวอ่อนปวกเปียก หายใจลำบาก)

ทั้งทารกและผู้ใหญ่ จะพบรูม่านตาขยาย และไม่มีปฏิกิริยาต่อแสง รีเฟล็กซ์ของข้อลดลงหรือไม่มี

ผู้ป่วยจะรู้สึกตัวดี และไม่มีอาการชาของแขนขา (เนื่องเพราะพิษโบทูลินไม่มีผลต่อสมองและประสาทรับความรู้สึก)

ผู้ป่วยมักไม่มีไข้ (ยกเว้นในรายที่มีการติดเชื้อแทรกซ้อนในช่วงหลัง)

แพทย์จะทำการวินิจฉัยให้แน่ชัดโดยการถ่ายภาพสมองด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า เจาะหลังเพื่อตรวจน้ำไขสันหลัง ตรวจคลื่นไฟฟ้ากล้ามเนื้อ (EMG) ตรวจพิษโบทูลินในเลือดหรืออุจจาระ ตรวจเพาะเชื้อจากอุจจาระหรือเศษอาหารในกระเพาะอาหาร รวมทั้งการนำอาหารที่สงสัยว่าเป็นต้นเหตุไปตรวจหาพิษ เป็นต้น

การรักษาโดยแพทย์

แพทย์จะรับตัวผู้ป่วยไว้ในโรงพยาบาล ถ้าเกิดจากอาหารเป็นพิษจำเป็นต้องทำการขับเอาอาหารที่ตกค้างอยู่ในกระเพาะลำไส้ออกให้มากที่สุด โดยการทำให้อาเจียน ล้างท้อง หรือสวนทวาร ให้กินผง ถ่านกัมมันต์ (activated charcoal) เพื่อลดการดูดซึมพิษ

ถ้าติดทางบาดแผล จำเป็นต้องตัดเลาะเนื้อเยื่อที่ติดเชื้อออกไป

นอกจากนี้ ให้การดูแลรักษาแบบประคับประคอง เช่น ให้สารน้ำและสารอาหารทางหลอดเลือดดำ คาสายสวนปัสสาวะ ในรายที่หายใจไม่ได้ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจจนกว่าจะหายใจได้เอง ทำกายภาพบำบัดฟื้นฟูกล้ามเนื้อที่อ่อนแรง ป้องกันการติดเชื้อแทรกซ้อน เป็นต้น

บางกรณี แพทย์จะฉีดเซรุ่มต้านพิษ (botulinum antitoxin) ซึ่งควรฉีดภายใน 72 ชั่วโมงหลังมีอาการ จึงจะได้ผลดีในการทำลายพิษที่หลงเหลืออยู่ในเลือด เพื่อป้องกันไม่ให้อาการลุกลามหนักขึ้น (ส่วนทารกที่เป็นโรคนี้จากการกินสปอร์ที่ปนเปื้อนอยู่ในอาหาร จะใช้เซรุ่มต้านพิษไม่ได้ผล เพราะไม่สามารถทำลายสปอร์)

ผลการรักษาขึ้นกับความรุนแรงของโรคและความรวดเร็วของการได้รับการดูแลรักษา

หากได้รับการดูแลรักษารวดเร็วและถูกต้อง ส่วนใหญ่มักจะหายขาดได้ โดยใช้เวลานานหลายสัปดาห์หรือหลายเดือนกว่ากล้ามเนื้อจะทำงานได้เป็นปกติ

ในรายที่เป็นรุนแรง (มีภาวะหายใจลำบากหรือหยุดหายใจ) หากไม่ได้รับการรักษาได้ทันท่วงที ก็อาจเสียชีวิตภายใน 3-7 วัน หลังมีอาการ

โดยเฉลี่ย โรคนี้มีอัตราตายประมาณร้อยละ 5-10

การดูแลตนเอง

หากมีอาการอ่อนแรงของกล้ามเนื้อเกิดขึ้นเฉียบพลัน เช่น หนังตาตก พูดอ้อแอ้หรือเสียงค่อยมาก กลืนลำบาก หายใจลำบาก แขนขาเป็นอัมพาต (ในทารกจะพบอาการคอพับคออ่อน เนื้อตัวอ่อนปวกเปียก หายใจลำบาก) ควรปรึกษาแพทย์โดยเร็ว

เมื่อพบว่าเป็นโบทูลิซึม ควรดูแลรักษาและปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ และติดตามรักษากับแพทย์ตามนัด

ในรายที่แพทย์ให้ยากลับไปกินต่อที่บ้าน ถ้ากินยาแล้วสงสัยเกิดผลข้างเคียงจากยา (เช่น มีลมพิษ ผื่นคัน ตุ่มพุพอง ตาบวม ปากบวม คลื่นไส้ อาเจียน หรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ) ควรกลับไปพบแพทย์ก่อนนัด

การป้องกัน

1. เลือกกินอาหารกระป๋องที่ผ่านกรรมวิธีฆ่าเชื้อที่ถูกต้อง (ฆ่าเชื้อสปอร์ภายใต้หม้ออัดแรงดัน อุณหภูมิ 120 องศาเซลเซียส นาน 30 นาที)* หลีกเลี่ยงอาหารกระป๋องที่บู้บี้ บวมป่อง หมดอายุ หรืออาหารที่บูดเน่า (มีกลิ่นเหม็นหรือเปลี่ยนสี)

2. หลีกเลี่ยงการกินอาหารที่บรรจุในภาชนะมิดชิดที่ผลิตแบบอุตสาหกรรมในครัวเรือน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหน่อไม้ปี๊บ เนื้อสัตว์ (เช่น สัตว์ป่า)

หากไม่อาจจะหลีกเลี่ยงได้ ควรนำไปต้มในน้ำเดือดหรือทำให้เดือดนานประมาณ 30 นาที แม้พิษโบทูลินจะถูกทำลายเมื่ออยู่ในอุณหภูมิ 100 องศาเซลเซียส นาน 10 นาที แต่ในแง่ปฏิบัติแนะนำให้ต้มให้เดือดนาน 30 นาที เผื่อเวลาที่ความร้อนต้องส่งผ่านจากภายนอกเข้าสู่ภายในของชิ้นอาหาร**

3. อาหารที่เหลือเก็บไว้กินมื้อต่อไป ควรนำไปเก็บในตู้เย็น ไม่ควรทิ้งไว้ที่อุณหภูมิห้อง และก่อนกินครั้งใหม่ควรปรุงให้ร้อน

4. เมื่อมีบาดแผลสกปรก ปนเปื้อนดินทราย ควรทำการชะล้างบาดแผลให้สะอาด และควรปรึกษาแพทย์หรือเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ในการป้องกันการติดเชื้อ

5. หลีกเลี่ยงการฉีดยาด้วยเข็มที่ไม่ได้ผ่านกรรมวิธีทำให้ปลอดเชื้อ

6. หลีกเลี่ยงการป้อนน้ำผึ้งแก่ทารกอายุต่ำกว่า 1 ปี

* สปอร์ มีความทนต่อความร้อนสูง การต้มให้เดือด (100 องศาเซลเซียส) ไม่สามารถทำลายมันได้ ในขณะที่พิษโบทูลินสามารถถูกทำลายด้วยความร้อนที่น้อยกว่า
** ดร.วิสิฐ จะวะสิต. สารพิษโบทูลิน: มหันตภัยที่ซ่อนในหน่อไม้ปี๊บ. นิตยสารหมอชาวบ้าน 2549:28(พ.ค.):17-24.

ข้อแนะนำ

1. โรคนี้ในระยะแรกมักมีอาการแบบอาหารเป็นพิษ (คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง ท้องเดิน) นำมาก่อนจะมีอาการอ่อนแรงของกล้ามเนื้อบริเวณใบหน้า ดังนั้นเมื่อพบผู้ป่วยมีอาการอาหารเป็นพิษ อย่าลืมถามประวัติอาหารที่ผู้ป่วยกิน (เช่น หน่อไม้ปี๊บ อาหารกระป๋อง เนื้อสัตว์ป่าที่บรรจุในภาชนะมิดชิด) หากสงสัยควรเฝ้าสังเกตดูอาการอย่างใกล้ชิด (อาการปากแห้ง คอแห้ง หนังตาตก พูดเสียงค่อย กลืนลำบาก) และส่งต่อผู้ป่วยไปโรงพยาบาลด่วน

2. ผู้ป่วยที่มีอาการหนังตาตก (ตาปรือ ลืมตาไม่ขึ้น) อาจมีสาเหตุได้หลายอย่าง เช่น พิษงูเห่า โบทูลิซึม ไมแอสทีเนียเกรวิส เป็นต้น (ตรวจอาการอัมพาต/หนังตาตก ประกอบ) แต่ถ้าพบอาการหนังตาตกทั้ง 2 ข้าง หรือเกิดขึ้นฉับพลันพร้อมกันหลายคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งมีอาการแบบอาหารเป็นพิษนำมาก่อน ควรคิดถึงโบทูลิซึม

3. ในกรณีที่สงสัยผู้ป่วยเป็นโรคนี้ ควรนำอาหารที่สงสัยว่าเป็นต้นเหตุไปตรวจพิสูจน์ที่โรงพยาบาลด้วย

4. ผู้ป่วยที่รับพิษรุนแรง มักมีอาการหายใจไม่ได้เนื่องจากกล้ามเนื้อหายใจเป็นอัมพาต ต้องคอยเฝ้าดูอาการนี้ และให้การช่วยเหลืออย่างทันท่วงที ซึ่งมักจะต้องใช้เครื่องช่วยหายใจจนกว่าจะปลอดภัย

* ต่างกันที่การเรียงลำดับ โบทูลิซึมจะเป็นจากบนลงล่าง (descending paralysis) คือเริ่มที่หน้าก่อน ค่อยลงมาที่หน้าอก หน้าท้อง (หยุดหายใจ) แล้วไปสิ้นสุดที่แขนขา ส่วนพิษปลาปักเป้าจะเป็นจากส่วนปลายเข้าหาส่วนกลาง (ascending paralysis) คือ เริ่มจากแขนขาก่อน แล้วไปที่หน้าและไปสิ้นสุดที่หน้าอก หน้าท้อง (หยุดหายใจ) นอกจากนี้โบทูลิซึมไม่มีอาการชา ส่วนพิษปลาปักเป้ามีอาการชาที่ปาก ลิ้น หน้า แขน ขา


41
รถกระบะรับจ้าง ไม่มีเจ้าไหนถูกกว่าเจ้านี้แล้ว รถรับจ้างพะเยา 

รถรับจ้างพะเยาที่อยู่ใกล้สุดนานราคาเท่าไหร่แค่ไหนที่ไม่ได้ใช้บริการรับจ้างขนของ ทั้ง รถกระบะรับจ้าง รถหกล้อรับจ้าง รถรับจ้างขนของย้ายบ้าน รถรับจ้างขนย้ายห้อง รถสิบล้อรับจ้าง หรือรถรับจ้างขนาดใหญ่ที่เป็นรถเทรลเลอร์รับจ้าง ไม่ว่าจะเป็นงาน รับจ้างขนของ ขนย้ายบ้าน ย้ายหอพัก ขนส่งสินค้า หรือ รับจ้างขนย้ายทั่วไป การที่จะได้รถรับจ้างที่อยู่ใกล้บ้านเรามากที่สุดนั้น เราต้องเริ่มจากการค้นหาคำที่มีความชัดเจน ว่าต้องการใกล้ที่ไหนมากสุด หรืออยากได้ให้รถรับจ้างไปขนของให้ที่เราที่จุดไหน ก็ระบุในคำค้นหาคำนั้นได้เลยทันที เช่น ขนย้ายของที่พะเยาก็ใช้คำว่า “รถรับจ้างพะเยา” และอีกความสำคัญนั่นคือการขนย้ายของที่นี่


เราจะขนย้ายเองหรือจะจ้างรถรับจ้างพะเยามาช่วยเราในการย้ายของ สาเหตุมาจากอะไรบางครั้งเราเคยถามตัวเองว่า ในการขนย้ายของในแต่ละครั้งเรามีความจำเป็นมากแค่ไหนที่จะต้องใช้รถขนของของเราเอง หรือจะต้องไปทำการขนย้ายสินค้าด้วยตัวเราเองเท่านั้น อีกมุมนึงเราก็มองว่าในเมื่องานบริการสิ่งเหล่านี้ ก็มีให้บริการอยู่มากมายอยู่แล้ว ความเป็นมืออาชีพก็ย่อมที่จะ มีมากกว่าเราอย่างแน่นอน เพราะว่าเราไม่ได้เกิดมาเพื่อที่จะทำการขนย้ายของด้วยตัวเราเอง แล้วทำไมเราจึงต้องมาขนย้ายสินค้าด้วยตัวเราเองในเมื่องานบริการเหล่านี้มีให้มาแต่ช้านาน ต้องบอกก่อนว่าเมื่อเราได้พิจารณาถี่ถ้วนดูแล้วหลายๆครั้งที่เราคิดอยากจะลดต้นทุนการขนย้ายของหรือต้องการที่จะประหยัด เพราะเศรษฐกิจที่ไม่ดีทำให้เราต้องรู้จักใช้เงินและประหยัดให้มากขึ้น จึงอยากที่จะขนย้ายของด้วยตัวเราเอง ไม่จำเป็นต้องเรียกใช้บริการรถรับจ้างขนของแต่อย่างใด

เมื่อครั้งหนึ่ง เราเคยคิดแบบนี้และได้ตัดสินใจที่จะขนย้ายของด้วยตัวเราเองโดยที่ไม่เรียกใช้บริการ รถรับจ้าง ตอนนั้นเป็นงาน ขนย้ายบ้าน ดูจากปริมาณสินค้าแล้วมีเพียงแค่ที่นอน ตู้เสื้อผ้า ข้าวของเครื่องใช้ส่วนตัว ให้เพื่อนมาช่วยกันยกประมาณ 3 คนก็น่าที่จะจบ แต่พอถึงวันเวลาที่ขนย้ายกลับกลายเป็นว่ามีเพื่อนมาช่วยยกแค่ 2 คน ทำให้วันนั้นต้องเหนื่อยกับการขนย้ายของเป็นอย่างมากรู้สึกปวดเมื่อยและเหนื่อยล้า คิดอยู่เสมอว่าวันนั้นทำไมเราถึงไม่เลือกใช้บริการรถรับจ้าง เห็นเพียงแค่ว่ามีรถของตัวเองและอยากที่จะประหยัดต้นทุนค่าใช้จ่ายเท่านั้นเองเหรอแล้วมันคุ้มกับการ ต้องมาปวดเมื่อยหรือเจ็บร่างกายหรือเปล่า พร้อมกับสินค้า มีการชำรุดเป็นรอยเพราะแรงที่เรายกนั้นไม่ไหวจริงๆ จึงทำให้เรารู้สึกเข็ดกับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อ 2 ปีที่แล้ว

มาวันนี้ เมื่อเราต้องการที่จะใช้บริการ รถรับจ้างขนย้ายสินค้าจังหวัดพะเยา อีกครั้ง บอกได้เลยทันทีว่าต้องใช้บริการรถรับจ้างอย่างเดียวเท่านั้น เพราะเรามองแล้วว่าไม่คุ้มแน่ๆถ้าหากเราต้องขนย้ายที่ตัวเราเองอีกสิ่งนึงที่ เราควรจะตระหนักถึงงาน บริการรถรับจ้างขนของ นั่นก็คือความปลอดภัยของผู้ให้บริการ ว่าเป็นผู้ให้บริการที่มีความน่าเชื่อถือหรือไม่และที่สำคัญงานบริการของผู้ให้บริการรถรับจ้างขนของรายนี้เป็นอย่างไรทุกคนต้องการอยากจะได้รถรับจ้างขนของที่สภาพดี มีคุณภาพในการบริการที่เด่นและมีความน่าเชื่อถือ

ดังนั้นเราจึงต้อง ทำการวิเคราะห์หรือหาข้อมูลการให้บริการของรถรับจ้างขนของต่างๆมากมายซึ่งเรารู้อยู่แล้วว่าถ้าหากว่าเราต้องการที่จะค้นหาในกูเกิ้ลด้วยคำว่ารถรับจ้างนั้นมีรถรับจ้างที่เข้ามาให้บริการจำนวนมากโดยที่เราไม่รู้เลยว่า อันดับที่อยู่ต้นๆหรือที่มีการโฆษณานั้นคุณภาพงานบริการจะดีหรือไม่ดี แต่เราควรที่จะดูถึงความน่าเชื่อถือดูรีวิวจากลูกค้าและราคาค่าบริการนั้นมันเหมาะสมสมเหตุสมผลหรือไม่ จึงเป็นที่มาว่าเราควรที่จะต้องวิเคราะห์พิจารณารถรับจ้างขนของอย่างไรไม่ว่าจะเป็น รถกระบะรับจ้างขนของ รถรับจ้าง 4 ล้อ รถรับจ้าง 6 ล้อ รถหกล้อรับจ้างขนย้ายบ้าน หรือ รถขนของหลากหลายชนิดอื่นๆอีกมากมาย ซึ่งในแต่ละขนาดของรถก็จะมีลักษณะงานที่มีความแตกต่างกันโดยสิ้นเชิงเราจึงต้อง ศึกษาหาข้อมูลหรือเลือกข้อมูลพื้นฐานในการวิเคราะห์เบื้องต้นในการเลือกรถรับจ้างต่างๆดังนี้

ขนาดของรถรับจ้างต้องมีความเหมาะสมกับสินค้าที่จะขนย้าย ไม่ว่างงาน ย้ายบ้าน ย้ายหอพัก ย้ายคอนโด ย้ายห้องขนส่งสินค้า รถกระบะรับจ้าง หกล้อรับจ้างพะเยา น่าจะมีความเหมาะสมที่จะเข้าให้บริการได้เป็นอย่างดี ยกเว้นแต่สินค้าที่มีปริมาณมากๆหรือบรรทุกน้ำหนักประมาณ 15 ตันก็ควรที่จะใช้ รถสิบล้อรับจ้าง เป็นต้น

ต้องมีคนยกสินค้าหรือพนักงานยกของ เพราะนี่คือสิ่งสำคัญสำหรับการให้บริการ รถรับจ้าง เพราะว่าเราไม่ได้ขนย้ายด้วยตัวเราเอง ดังนั้นเราจึงควรที่จะหาพนักงานยกสินค้าที่มีความเป็นมืออาชีพเข้ามายกสินค้าให้กับเรา

ที่ไปที่มาของผู้ให้บริการรถรับจ้าง ควรที่จะ อยู่ในพื้นที่หรือในระแวกนั้นเพื่อที่จะสามารถให้รถรับจ้างขนของวิ่งเข้ามาให้บริการในช่วงระยะเวลาอันสั้นหรือเราสามารถที่จะบริหารและเวลาในการขนย้ายได้เป็นอย่างดีดังนั้นถ้าหากค้นหาคำว่ารถรับจ้างควรที่จะลงพื้นที่ในรายละเอียดเข้าไปด้วยเช่นต้องการรถรับจ้างขนของจังหวัดนนทบุรีเป็นต้น

ไม่เกี่ยงงานไม่งอแง เพราะต้องการผู้ให้บริการที่มีใจรักงานบริการจริงๆ โดยที่สามารถจะตอบสนองความต้องการแก่ผู้ใช้บริการได้แต่ต้องอยู่ในความเหมาะสม และพูดจาไพเราะสุภาพ

ใกล้ไกลแค่ไหนก็สามารถติดต่อได้ตลอด 24 ชั่วโมงเป็นอีกหนึ่งบริการที่เราควรจะต้องได้ใช้บริการอย่างแน่นอนเพื่อที่จะเช็คสถานะของสินค้าว่าถึงไหนแล้วหรือหากมีการเปลี่ยนแปลงการขนย้ายสามารถที่จะโทรบอกผู้ให้บริการรถรับจ้างขนของได้โดยทันที


ถ้าผู้ให้บริการสามารถที่จะเป็นไปตามคุณลักษณะดังนี้ เราก็มั่นใจได้เลยว่า งานบริการขนย้ายของในรอบนี้จะไม่มีเรื่องยุ่งยากและไม่ทำให้เราต้องปวดหัวอย่างแน่นอน โดยจริงๆแล้วงาน รับจ้างขนของจังหวัดพะเยา นั้นหากพูดไปแล้วถือว่าไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับเรา แน่นอนเพราะว่าเราไม่ใช่ คนที่มีประสบการณ์ทางด้านนี้เราจึงควรปล่อยให้ผู้ให้บริการรถรับจ้างเข้ามาบริการจัดการให้กับเราจึงจะมีความเหมาะสมที่สุดใช้คนให้ถูกงานเลือกรถให้ถูกคุณลักษณะของงาน แค่นี้ก็น่าจะเพียงพอแต่ที่สำคัญต้องเลือก รถรับจ้างขนของที่บริการดีราคาไม่แพง หากเพื่อนๆหรือผู้ใช้บริการท่านใด มีความคิดว่าจะขนย้ายของ เรามีเบอร์ให้ท่านได้ลองติดต่อสอบถามหรือพูดคุยรายละเอียดผ่าน ผู้ให้บริการรถรับจ้างพะเยาโดยตรงไม่ต้องมีนายหน้า ซึ่ง เราเคยใช้บริการแล้วมองว่าบริการดีจริงและ มีความเป็นกันเองที่สำคัญต่อรองราคาได้ด้วย


รถรับจ้างในเขตต่างของพะเยา

อำเภอเมืองพะเยา

อำเภอจุน

อำเภอเชียงคำ

อำเภอเชียงม่วน

อำเภอดอกคำใต้

อำเภอปง

อำเภอแม่ใจ

อำเภอภูซาง

อำเภอภูกามยาว

42
อาหารสุขภาพ น้ำพริกกุ้งสด หนึ่งในเมนูอาหารไทยต้านมะเร็ง

การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ทำให้เรามีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง การรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่  จะทำให้ร่างกายของเราได้รับสารอาหารที่จำเป็นและเพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย การรับประทานผัก ผลไม้ก็ถือเป็นสิ่งที่ส่งผลดีต่อร่างกายเช่นเดียวกัน เพราะจะช่วยให้ร่างกายได้รับเส้นใยอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อระบบขับถ่าย โดยประเทศไทยของเรา ก็มีพืชผักและผลไม้อุดมสมบูรณ์ทำให้เราเลือกสามารถเลือกรับประทานผัก ผลไม้ได้อย่างหลากหลายและสามารถรับประทานได้ตลอดปี ทั้งนี้ พืชผักและผลไม้ให้สารอาหารที่สำคัญหลายชนิด คือ วิตามิน แร่ธาตุ และใยอาหาร และให้สารอื่นที่มิใช่สารอาหาร เช่น สารแอนติออกซิแดนท์ที่ช่วยไม่ให้อนุมูลอิสระทำลายเนื้อเยื่อและผนังเซลล์ ช่วยชะลอการเสื่อมสลายของเซลล์ ทำให้ผิวพรรณเปล่งปลั่ง ดูสดใส ไม่แก่เกินวัย นอกจากนี้ยังให้ประโยชน์ทางด้านสมุนไพรที่ช่วยรักษาสุขภาพโรคต่างๆได้ และพืชผักบางชนิด คนไทยนิยมรับประทานคู่กับน้ำพริก ซึ่งถือว่าเป็นอาหารไทยที่ได้รับความนิยมมาก และยังเป็นเมนูพื้นบ้านที่มีสรรพคุณช่วยรักษาโรคต่างๆได้


สำหรับวันนี้ทางเราจะมาแนะนำเมนูอาหารไทยเพื่อสุขภาพ ที่ต้องถือได้ว่าต้องเป็นเมนูพื้นบ้านสำหรับทุกครัวเรือนเลยทีเดียว นั่นก็คือ น้ำพริกกุ้งสด ซึ่งเป็นอาหารไทยที่มีส่วนช่วยในการต้านโรคมะเร็ง และส่วนประกอบทั้งหมดในเมนูนี้ยังสามารถช่วยบำรุงร่างกายได้เป็นอย่างดี  และยิ่งหากรับประทานคู่กับผักแล้ว ก็ยิ่งทำให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่เป็นประโยชน์ ได้รับเส้นใยอาหารที่มีส่วนช่วยในเรื่องของระบบขับถ่าย ระบบย่อยอาหารด้วย ถือว่าเป็นเมนูอาหารไทยที่น่ารับประทานแล้วยังได้รับสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกายอีกด้วย


สำหรับส่วนประกอบในเมนูเพื่อสุขภาพเมนูนี้ ประกอบด้วยกุ้งขนาดกลาง กระเทียมปอกเปลือก หอมแดง มะเขือพวง กะปิ พริกขี้หนู น้ำตาลปี๊บ น้ำปลา น้ำมะนาว ไข่ต้ม, ผักสดหรือผักนึ่งสำหรับทานกับน้ำพริก เช่น ถั่วฝักยาว กะหล่ำปลี แตงกวา หรือเลือกตามความชอบ และสำหรับเมนูอาหารไทย น้ำพริกกุ้งสด ก็มีวิธีการทำที่ง่ายมาก โดยขั้นตอนแรกนำกุ้งล้างทำความสะอาด แกะเปลือกและหั่นหยาบ นำไปลวกในน้ำเดือดจนสุก นำออกมาสะเด็ดน้ำ พักไว้ จากนั้นนำพริกขี้หนู หอมแดงและกระเทียมไปคั่วในกระทะจนหอม


จากนั้นจึงนำไปตำในครกพร้อมกะปิ จนส่วนผสมทั้งหมดเข้ากันเป็นเนื้อเดียว ปรุงรสด้วยน้ำตาล น้ำปลา และน้ำมะนาว จากนั้นจึงเติมเนื้อกุ้งและมะเขือพวงลงไป ตำให้ส่วนผสมเข้ากัน ระวังอย่าให้เนื้อกุ้งเละจะทำให้ไม่น่ารับประทาน ตักน้ำพริกใส่ถ้วย เสิร์ฟพร้อมผักสดหรือผักนึ่งตามใจชอบ ไข่ต้มและข้าวสวยร้อนๆ เพียงเท่านี้เราก็จะได้เมนูอาหารไทยเพื่อสุขภาพ ที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย สามารถช่วยป้องกันการเกิดโรคมะเร็งได้ ซึ่งผลวิจัยได้พบว่า 22 ตำรับอาหารไทยสามารถช่วยป้องกันและลดความเสี่ยงมะเร็งได้และน้ำพริกกุ้งสดคือหนึ่งในเมนูอาหารที่สามารถต้านมะเร็งได้


ซึ่งหากเรามาวิเคราะห์ฤทธิ์ต้านมะเร็งภายในส่วนประกอบในน้ำพริกกุ้งสดแล้ว ถือว่ามีประโยชน์หลากหลายเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นกระเทียม ที่ให้สารออร์แกโกซัลเฟอร์ สามารถต่อต้านการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรียบางชนิด ที่ก่อมะเร็งได้สามารถกระตุ้นระบบทำลายสารพิษจึงสามารถต้านฤทธิ์สารก่อมะเร็งได้ และยังมีฤทธิ์ต้านเชื้อรา  Aspergillus fumigatus  ที่ทำให้ก่อโรคติดเชื้อในปอดได้ด้วย ต่อมาพริกขี้หนู ให้วิตามินซี เบต้าแคโรทีน และความเผ็ดจากสารแคปไซซีน สารเหล่านี้มีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระและช่วยขัดขวางสารก่อมะเร็งไม่ให้ทำร้ายเซลล์


นอกจากนี้พริกขี้หนูยังจัดว่าเป็นสมุนไพร ที่มีสรรพคุณในการบำรุงร่างกาย ป้องกันโรคร้ายแรงได้หลายชนิด มีส่วนช่วยในการลดน้ำหนัก มีสารอาหารที่ดีต่อร่างกาย มะเขือพวง มีสารพวกฟลาโวนอยด์ และใยอาหาร ที่สามารถต้านฤทธิ์ของสารก่อมะเร็ง น้ำมะนาว ได้วิตามินซี และได้สารขมจากผิวผลมะนาว คือ ดี-ลีโมนีน ซึ่งต้านการเกิดมะเร็งได้เช่นเดียวกัน อย่างไรก็ตามทางเราอยากให้ทุกคนเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย เพื่อลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคต่างๆ และช่วยทำให้เรามีร่างกายที่แข็งแรง ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บต่างๆที่อาจจะทำให้เรามีปัญหาสุขภาพในระยะยาวได้

43
อาหารทางการแพทย์สามารถใช้เป็นอาหารสายยางแก่ผู้ป่วยได้หรือไม่

อาหารทางการแพทย์ เป็นอาหารสำหรับใช้เป็นโภชนาการบำบัดสำหรับผู้ป่วยเฉพาะโรคหรือผู้ป่วยที่ไม่สามารถรับประทานอาหารเองได้ ซึ่งในผู้ป่วยที่ร่างกายขาดพลังงานและสารอาหารที่จำเป็นจากโรคหรือภาวะต่างๆ สิ่งหนึ่งที่จะเข้ามาช่วยให้ร่างกายได้รับสารอาหารและความต้องการอย่างเหมาะสมนั่นก็คืออาหารทางการแพทย์ ในปัจจุบันอาหารทางการแพทย์มีให้เลือกหลากหลายชนิดและมีหลากหลายสูตรเพื่อให้เลือกให้เหมาะสมกับโรคของผู้ป่วย ซึ่งแต่ละชนิดก็จะมุ่งเน้นให้ตรงกับความต้องการของร่างกายโดยเฉพาะ อาจจะอยู่ในรูปที่ใช้รับประทานหรือดื่มแทนอาหารหลักหรือในบางกรณีอาจดื่มเพื่อเป็นการเสริมอาหารบางมื้อและสำหรับใช้เป็นอาหารทางสายยางแก่ผู้ป่วยได้


ซึ่งหลายคนมีข้อสงสัยว่าอาหารทางการแพทย์สามารถใช้เป็นอาหารสำหรับผู้ป่วยที่ให้ทางสายยางได้หรือไม่ ตอบก่อนว่าการให้อาหารทางสายยางแก่ผู้ป่วยนั้น สามารถใช้ในกรณีที่ผู้ป่วยไม่สามารถรับประทานอาหารเองได้หรือผู้ป่วยที่หมดสติ ซึ่งร่างกายมีความจำเป็นที่ต้องได้รับสารอาหารเป็นประจำอยู่แล้ว หากร่างกายไม่ได้รับสารอาหารอาจจะทำให้อาการป่วยแย่ลงหรือเกิดภาวะแทรกซ้อนขึ้นได้ เพราะฉะนั้น อาหารทางการแพทย์ ก็สามารถใช้เป็นอาหารสำหรับให้ผู้ป่วยทางสายยางได้เช่นเดียวกัน เนื่องจากอาหารทางการแพทย์สามารถนำมาชง ทำให้เป็นของเหลวเพื่อให้ไหลผ่านเข้าทางสายยางให้อาหารได้  เพราะฉะนั้นอาหารทางการแพทย์จึงตอบโจทย์ในเรื่องของการให้อาหารทางสายยาง ซึ่งโดยปกติแล้วการให้อาหารทางสายยาง จะใช้เป็นอาหารปั่นผสมหรืออาหารเหลวใส โดยใช้สายยางให้อาหารเป็นตัวนำอาหารเข้าสู่ร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นทางรูจมูกหรือทางหน้าท้อง เพื่อให้ผู้ป่วยได้รับสารอาหารอย่างครบถ้วนและเพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย


สำหรับสารอาหารส่วนใหญ่ ที่มีอยู่ในอาหารทางการแพทย์ ได้แก่คาร์โบไฮเดรต โปรตีน ไขมัน ซึ่งสารอาหารเหล่านี้ อาจจะถูกดัดแปลงให้ย่อยง่ายหรือผ่านการย่อยมาแล้วบางส่วน เพื่อให้ร่างกายสามารถดูดซึมได้ง่ายและนำไปใช้ได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งอาหารทางการแพทย์ หากพูดในแง่ของอาหารทางสายยางแล้ว ถือว่ามีประสิทธิภาพเพราะเป็นอาหารที่ย่อยง่ายโดยที่ ระบบย่อยอาหารไม่ต้องทำงานหนักซึ่งอาหารทางการแพทย์บางชนิด อาจจะมีการเพิ่มสารอาหารให้สอดคล้องกับความต้องการและความสามารถของร่างกายในการนำไปใช้ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอภายในร่างกาย แต่อย่างไรก็ตาม ต้องบอกก่อนว่าอาหารทางการแพทย์ไม่ได้มีจุดประสงค์หรือมีสรรพคุณในการรักษาโรคและไม่ใช่ยาแต่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษาหรือบรรเทาอาการของโรคต่างๆได้ และที่สำคัญยังป้องกันภาวะโภชนาการขาดหรือที่เราเรียกว่าภาวะขาดสารอาหาร ซึ่งอาจจะเกิดขึ้นในระหว่างการรักษาได้


ทั้งนี้อาหารทางการแพทย์ ยังสามารถใช้เป็นอาหารหลักแทนอาหารในแต่ละมื้อได้สำหรับผู้ที่รับประทานอาหารไม่ได้ตามปกติ รวมถึงผู้ป่วยที่มีร่างกายไม่สามารถย่อยดูดซึมอาหารได้ ทั้งนี้ยังช่วยป้องกันการขาดสารอาหารลดการเกิดภาวะแทรกซ้อนหรืออัตราการเสียชีวิตได้เนื่องจากร่างกายขาดสารอาหารที่จะส่งผลทำให้ภูมิคุ้มกันลดลงไปด้วยดู ในปัจจุบันนี้อาหารทางการแพทย์มีให้เลือกมากมาย ทั้งสำหรับเด็กโดยเฉพาะ นั่นก็คือสูตรสำหรับเด็กที่ไม่ยอมรับประทานข้าวหรือรับประทานอาหารหลักได้น้อย


อย่างไรก็ตาม อาหารทางการแพทย์ยังสามารถใช้เป็นอาหารเสริมเพื่อเพิ่มพลังงานให้กับผู้ที่รับประทานหารเองได้แต่ได้รับปริมาณและพลังงานของสารอาหารที่ไม่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย เช่น ผู้สูงอายุที่อาจจะมีปัญหาเกี่ยวกับการรับประทานอาหารเช่น ภาวะเบื่ออาหาร รวมไปถึงปัญหาสุขภาพช่องปากและฟัน ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้เกิดภาวะเบื่ออาหาร หรือมีปัญหาในเรื่องของการบดเคี้ยวอาหารทำให้การรับประทานอาหารนั้นลดประสิทธิภาพลง รวมไปถึงผู้ป่วยหลังผ่าตัดที่สามารถรับประทานอาหารได้น้อย โดยแพทย์จะทำการพิจารณาให้ใช้อาหารทางการแพทย์เป็นอาหารเสริม สำหรับสร้างพลังงานและสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกายทำให้การรักษามีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม สำหรับใครที่อยากใช้อาหารทางการแพทย์หรือหาซื้ออาหารทางการแพทย์มารับประทานเอง ควรปรึกษาแพทย์ก่อน เพราะอาหารทางการแพทย์ส่วนใหญ่มีใยอาหารที่ไม่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย


เพราะฉะนั้นควรที่จะเลือกชนิด เลือกสูตร ให้ถูกต้องเพราะร่างกายของเรามีความต้องการสารอาหารที่แตกต่างกัน ซึ่งอาหารทางการแพทย์แต่ละชนิดก็มีคุณสมบัติที่แตกต่างกันเช่นเดียวกัน ดังนั้นควรได้รับคำแนะนำก่อนการซื้ออาหารทางการแพทย์มาใช้เพราะจะทำให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่ไม่สมดุลได้ อย่างไรก็ตาม ทางอาหารปั่นผสม เราอยากให้ทุกคนเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ในปริมาณที่เหมาะสมต่อความต้องการของร่างกายเพื่อป้องกันการเกิดโรคแทรกซ้อนต่างๆ รวมไปถึงควรหมั่นออกกำลังกายเพื่อให้ร่างกายได้มีภูมิคุ้มกันที่แข็งแรง ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ ทำให้สามารถใช้ชีวิตได้อย่างเต็มที่

44
โรคเหงือกในเด็ก สามารถเข้ารับการจัดฟันเด็กได้หรือไม่

ปัญหาในเรื่องของสุขภาพช่องปากและฟันในเด็กนั้น มักจะพบได้บ่อย ซึ่งการดูแลรักษาความสะอาดของฟันถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญมาก พ่อแม่ผู้ปกครองควรที่จะให้ความสำคัญ โดยเฉพาะเด็กในวัยที่ยังมีฟันน้ำนมอยู่ อย่าคิดว่าไม่สำคัญ เพราะฟันน้ำนมส่งผลกระทบต่อการขึ้นของฟันแท้ ดังนั้น การดูแลช่องปากของเด็กๆ ควรที่จะได้รับการดูแลอย่างถูกวิธี


ซึ่งปัญหาสุขภาพช่องปากและฟันของเด็กที่มักพบได้บ่อยส่วนใหญ่ก็คือ เรื่องของฟันน้ำนมผุ มักจะเกิดขึ้นเมื่อฟันน้ำนมสัมผัสกับน้ำตาลจากการดื่มบ่อยครั้งเช่น ดื่มนม น้ำผลไม้ หรือเครื่องดื่มรสหวานอื่นๆ ก็จะทำให้เสี่ยงกับการเกิดฟันผุ เชื้อแบคทีเรียในปากจะกินน้ำตาลเป็นอาหาร ทำให้เกิดฟันผุหากปล่อยไว้ไม่ได้รับการรักษา ยิ่งถ้าหากพ่อแม่ผู้ปกครองละเลยในเรื่องของฟันของลูก ก็จะทำให้เกิดปัญหาได้ในระยะยาว โดนอาการฟันผุอาจจะเป็นสาเหตุให้เกิดอาการปวด และทำให้เคี้ยวอาหารได้ลำบาก


หากฟันน้ำนมได้รับความเสียหาย หรือถูกทำลายก็จะไม่สามารถกำหนดทิศทางสำหรับฟันแท้ให้ขึ้นได้อย่างถูกตำแหน่ง อาจก่อนให้เกิดฟันซ้อน หรือฟันเก ฟันน้ำนมที่ผุอย่างรุนแรงอาจจะนำไปสู่การฟันที่เป็นหนองได้ และอาจจะนำไปสู่การเกิดโรคเหงือกอักเสบในเด็ก ซึ่งโรคเหงือกในเด็กนั้น ก็สามารถเกิดขึ้นได้ เป็นการอักเสบของเยื่อเหงือกซึ่งเกิดจากการดูแลความสะอาดในปากที่ไม่เพียงพอ และการจับตัวของหินปูน สัญญาณเตือนของโรคเหงือกอาจจะเป็นกลิ่นปาก หรือเลือดออกที่เหงือก


โดยเฉพาะหลังจากการใช้ไหมขัดฟัน เมื่อเวลาผ่านไปก็สามารถนำไปสู่ฟันหลอ และกระดูกเสียหายของกระดูก การพบทันตแพทย์เป็นประจำเป็นสิ่งสำคัญในการป้องกันโรคเหงือกอักเสบ ดังนั้น พ่อแม่ผู้ปกครองควรที่จะพาบุตรหลานของท่านเข้าพบทันตแพทย์เพื่อทำการตรวจฟันเป็นประจำอย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง พ่อแม่ผู้ปกครองหลายคนที่อยากจะพาบุตรหลานของท่านเข้ารับกรจัดฟัน ก็อาจจะเกิดความสงสัยว่า ถ้าหากบุตรหลานของท่านมีปัญหาเกี่ยวกับโรคเหงือกอักเสบแล้ว จะสามารถเข้ารับการจัดฟันในเด็กได้หรือไม่ ซึ่งวันนี้ทางคลินิก Idol Smile เราจะมาพูดถึงประเด็นของการเกิดโรคเหงือกอักเสบในเด็ก และอยากที่จะเข้ารับการรักษาด้วยการจัดฟัน ว่าจะสามารถทำได้หรือไม่ สำหรับโรคเหงือกอักเสบในเด็กนั้น ต้องบอกว่า สามารถรักษาให้หายได้


เพียงหมั่นดูแลช่องปากให้สะอาดอยู่เสมอ และพ่อแม่ควรจะสังเกตอาการต่างๆของบุตรหลานด้วย ถ้าหากพบว่ามีสัญญาณของการเกิดปัญหาฟัน หรือมีการสะสมตัวของคราบแบคทีเรียที่มากและแข็งจนกลายเป็นหินปูน ก็ควรพาลูกไปพบทันตแพทย์เพื่อให้ทำการขจัดออกคราบเหล่านั้นออก ซึ่งการดูแลเพื่อป้องกันโรคเหงือกสามารถทำได้โดยหมั่นดูแลสุขภาพช่องปากของลูกน้อยเป็นประจำ พ่อแม่ผู้ปกครองควรเป็นผู้ช่วยในการช่วยแปรงฟันให้ลูก เพื่อให้บริเวณนั้นๆ สะอาด ขจัดคราบฟันออกให้หมด ซึ่งจะช่วยป้องกัน และบรรเทาอาการที่เกิดขึ้นได้ เพียงเท่านี้ก็จะสามารถป้องกันการเกิดโรคเหงือกได้


ทั้งนี้ ในเรื่องของการจัดฟันในเด็ก สำหรับเด็กที่มีปัญหาในเรื่องของเหงือกอักเสบ เบื้องต้นทันตแพทย์จะทำการรักษาโรคเหงือกอักเสบในเด็กให้หายดีเสียก่อน เพื่อที่จะได้มีปัญหาระหว่างการจัดฟัน และจะทำให้ผลการรักษามีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และเมื่อเข้ารับการจัดฟันแล้ว เด็กๆควรที่จะปฏิบัติตัวตามคำแนะนำของทันตแพทย์ เพื่อที่จะได้มีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดีขึ้น ป้องกันฟันผุ


หากบุตรหลานของท่านมีสัญญาณเตือนในเรื่องของการเกิดโรคเหงือกหรือปัญหาในเรื่องของสุขภาพช่องปากและฟัน สามารถปรึกษาทันตแพทย์ที่คลินิกได้ ทางเรามีทันตแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญในด้านการจัดฟันในเด็กที่จะให้คำแนะนำอย่างถูกต้อง เพื่อที่จะช่วยดูแลสุขภาพช่องปากและฟันของบุตรหลานของท่านให้มีฟันที่สวยงาม เพราะเราอยากให้ทุกคนมีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดี ป้องกันการเกิดปัญหาฟันผุ และยังช่วยแนะนำวิธีการรักษาความสะอาดของช่องปากและฟันได้อย่างถูกต้อง เพื่อที่จะได้มีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดีขึ้นได้

45
เชื้อร้าย ฝุ่น มลภาวะเปลี่ยนปอดพัง เป็นปอดปัง ตัวช่วยสำคัญ “กระชายพลัส เอ็มเมด”บรรเทาอาการนอนน้อย อ่อนเพลีย ปวดเมื่อย เหนื่อยง่าย

คุณรู้หรือไม่!!! สารสกัดกระชายขาว ซึ่งมีสารสำคัญ 2 ชนิด คือ สาร Pandulatin A และสาร Pinostrobin ที่มีฤทธิ์ยับยั้งการผลิตและการเจริญเติบโตของเชื้อไวรัสได้ 100%

จากงานวิจัยกระชาย มหาวิทยาลัยมหิดล
คุณรู้หรือไม่!!! สารสกัดกระชาย 4 ชนิด คือสาร Pinostrobin, Pinicembrin, Panduratin A และ Alpinetin ที่สามารถนำมาใช้เป็นยารักษาผู้ป่วย ที่มีการติดเชื้อแบคทีเรียได้

จากงานวิจัยกระชาย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
✅ คุณประโยชน์ของสารสกัดกระชายขาว ที่ช่วยลดและยับยั้ง การเจริญเติบโตของเชื้อไวรัส แบคทีเรีย ในอากาศได้
✅ เมื่อปอดแข็งแรง การแลกเปลี่ยนก๊าซออกซิเจนจากลมหายใจเข้าสู่อวัยวะต่างๆของร่างกาย ผลิตเป็นพลังงานให้กับเซลล์
✅ และกำจัดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกจากเซลล์ จึงส่งผลให้ร่างกายแข็งแรง มีภูมิต้านทานที่ดี เราจึงไม่เหนื่อยหอบง่าย ไม่อ่อนเพลีย
“กระชายพลัส เอ็มเมด” โดยมหาวิทยาลัยมหิดล เพื่อการมีสุขภาพดี ปอดแข็งแรง พร้อมเผชิญกับปัญหาฝุ่นพิษ และโรคติดต่อทางเดินหายใจ ที่แพร่ระบาด
สุขภาพปอดดี จะวิ่ง จะเดิน จะเวท ไม่เหนื่อยง่าย ไม่เพลีย

มหาวิทยาลัยมหิดล เห็นความสำคัญของ สารสกัดกระชายขาว จึงได้วิจัย พัฒนา และ สกัดสารสำคัญของกระชายขาว ที่มีคุณภาพ
จึงเป็นที่มาของ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร
“กระชายพลัส เอ็มเมด”
ด้วยมาตรฐาน MST Standard จากมหาวิทยาลัยมหิดล จึงมั่นใจได้ว่า เมื่อคุณทาน กระชายพลัส เอ็มเมดคุณจะได้คุณประโยชน์จากสารสกัดที่มีคุณภาพ ในการช่วยดูแลร่างกายให้แข็งแรง ปอดมีสุขภาพดี

ส่วนประกอบสำคัญ
???? สารสกัดกระชาย 200 มก.
???? ยีสต์ เบต้า-กลูแคน 70% 100 มก.
???? แคลเซียม แอสคอร์เบต ไดไฮเดรต (VitC) 60 มก.
???? วิตามิน บี1, วิตามิน บี6, วิตามิน บี12
1 ขวด บรรจุ 30 แคปซูล (470 มิลลิกรัม/แคปซูล)

ราคาโปรโมชั่นเพียง
1 กระปุก      199    บาท
2 กระปุก      359    บาท
3 กระปุก     499     บาท


เลข อย. 13-1-02954-5-0548
รับประทานครั้งละ 1 แคปซูล หลังอาหาร

ปัญหาฝุ่นพิษ และโรคติดต่อทางเดินหายใจ เชื้อโรคในอากาศ อีกหนึ่งตัวช่วยที่สำคัญ
“กระชายพลัส เอ็มเมด”
เพื่อการมี สุขภาพดี ปอดแข็งแรง ภูมิต้านทานที่ดี ของคุณและคนที่คุณรัก

สนใจสั่งซื้อ กระชายพลัส เอ็มเมด (กระชายมหิดล)

โทร: 064-662-4421
ไลน์ OA  : https://page.line.me/565blcje?openQrModal=true
Page FB : https://web.facebook.com/MMEDBrand/?_rdc=1&_rdr
เว็บไซด์: https://mmed.com/products/



46
วิธีแก้แฮงค์ ปาร์ตี้หนักแค่ไหนก็ตื่นไหว! 

สายปาร์ตี้คุณคงเคยชินกับอาการเมาค้างอยู่บ่อย ๆ อย่างแน่นอน ซึ่งต้องยอมรับเลยว่าเป็นอาการที่ค่อนข้างจะทรมานไม่น้อยเลยทีเดียว เพราะตื่นมามักจะมีอาการปวดหัว ตื่นไม่รอด ไม่อยากลุกไปทำงาน ต่อไปนี้หมดกังวลไปได้เลยในวันที่ต้องดื่มหนัก เพราะเรามีเคล็ดลับ แก้แฮงค์ มาฝากสายปาร์ตี้ลดอาการแฮงค์ในวันทำงานได้แน่นอน พร้อมกับอาหารเสริมช่วยบำรุงตับที่คุณต้องมีไว้ทาน จะมีอะไรบ้างนั้นไปดูกันเลยดีกว่า


แนะนำ 7 วิธี แก้แฮงค์ ใครชอบปาร์ตี้ต้องลอง

หากใครที่รู้ตัวว่าชอบปาร์ตี้ หรือชอบดื่มบ่อย ๆ และต้องรับมือกับอาการเมาค้างในวันถัดมาล่ะก็ ลองมาดูวิธีแก้แฮงค์ที่ช่วยให้ตัวเองไม่เมาค้างในวันทำงานกัน ซึ่งต้องบอกก่อนเลยว่าเป็นวิธี แก้เมา ง่าย ๆ แต่ได้ผลลัพธ์ที่ดีแน่นอน กับ 7 วิธีแก้แฮงค์ที่คุณต้องลองดังนี้

1.    กินผลไม้รสหวาน

ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อแต่การกินผลไม้ช่วยแก้อาการเมาได้! แต่ก็ไม่ใช่ว่าผลไม้ทุกอย่างที่จะช่วยแก้เมาได้เสมอไป ซึ่งผลไม้ที่ควรกินคือผลไม้ที่มีรสหวาน และผลไม้ที่เราอยากแนะนำนั่นก็คือ กล้วย เนื่องจากโดยปกติเวลาเราดื่มเรามักก็จะปัสสาวะบ่อยขึ้นกว่าเดิม เมื่อปัสสาวะก็จะขับโพแทสเซียมออกไป ซึ่งกล้วยที่มีโพแทสเซียมสูงจะช่วยเติมเต็มสารอาหารที่ถูกขับออกไปตรงส่วนนี้ได้ การทานกล้วยหรือผลไม้รสหวานจึงสามารถช่วยเรื่องสุขภาพได้นั่นเอง

 
2.   กินไข่ต้ม หรือ ไข่ลวก

หลายคนอาจไม่รู้ว่าการกินไข่ต้ม หรือไข่ลวกเป็นอีกวิธีช่วยแก้อาการเวลาดื่มหนักได้ด้วยเช่นกัน เนื่องจากในไข่มีกรดอะมิโนช่วยบำรุงตับนั่นเอง แต่สำหรับการทานไข่นั้นแนะนำว่าควรเป็น ไข่ต้มหรือไข่ลวกเท่านั้น นอกจากนี้แนะนำให้หลีกเลี่ยงการทานไข่เจียว ไข่ทอด ที่มีส่วนผสมของน้ำมันเยอะ ๆ เพราะจะทำให้เกิดอาการคลื่นไส้อาเจียนได้


3.    ดื่มกาแฟเอสเปรสโซเข้ม ๆ

หลายคนที่ดื่มบ่อยคงจะเคยใช้วิธีนี้แก้แฮงค์เพราะคาเฟอีนในกาแฟช่วยให้เราลดอาการคลื่นไส้ได้ และยังช่วยกระตุ้นให้ร่างกายสดชื่นขึ้น แต่อย่างไรก็ตามร่างกายของแต่ละคนนั้นอาจจะมีความต้องการที่ไม่เหมือนกัน จึงควรดื่มแค่พอดีจะดีกว่า หรือหากใครที่คิดว่าตนเองเมาหนักให้เลือกดื่มเป็นน้ำเปล่าเยอะ ๆ จะดีกว่า เพื่อเพิ่มความสดชื่นให้กับร่างกาย และช่วยขับแอลกอฮอล์ออกทางปัสสาวะด้วย


4.    ดื่มน้ำอัดลม

สำหรับน้ำอัดลมนอกจากจะช่วยให้เราสดชื่นขึ้นแล้ว ในน้ำอัดลมยังช่วยลดสารอะซิทัลดีไฮด์และเอทานอลที่เป็นต้นเหตุของอาการปวดหัวอีกด้วย สำหรับใครที่เมาบ่อย ๆ มีอาการมึนหรือปวดหัว การดื่มน้ำอัดลมช่วยได้ไม่น้อยเลยทีเดียว


5.    ดื่มน้ำขิง

น้ำขิงถือเป็นเครื่องดื่มที่ช่วยให้ระบบหายใจสามารถทำงานได้ดีขึ้น ทั้งปัจจุบันสามารถดื่มได้ง่ายขึ้นเพราะมาในรูปแบสำเร็จรูปที่มีส่วนผสมของน้ำผึ้ง การทานน้ำขิงอุ่น ๆ จะช่วยให้อุณหภูมิร่างกายสูงขึ้นด้วยความเผ็ดร้อนของขิง สายปาร์ตี้จึงจะเป็นต้องมีติดบ้านไว้ นอกจากนี้ก็ยังช่วยลดอาการปวดหัว และช่วยให้ระบบขับถ่ายดีขึ้นอีกด้วย จึงเป็นอีกหนึ่งวิธี แก้เมา ที่ทำให้สามารถช่วยระบายแอลกอฮอล์ออกไปได้ดีขึ้น


6.    ดื่มนมช็อกโกแลต

การดื่มนมช็อกโกแลตจะช่วยป้องกันอาการเมาค้างได้ และยังไม่ทำให้เกิดอาการปวดหัวรุนแรง หลังจากตื่นนอนในตอนเช้าอีกด้วย หรือหากมีนมช็อกโกแลตอุ่น ๆ จะดีมากเลย เพื่อเพิ่มความสดชื่นให้กับร่างกายในตอนเช้าด้วย หรือหากไม่มีนมช็อกโกแลต แนะนำเป็นนมอุ่น ๆ ก็ช่วยได้ดีไม่น้อยเลยทีเดียว


7.    ดื่มน้ำมะนาวผสมน้ำอุ่น

จะเมาหนัก เมาน้อย แค่กินน้ำมะนาวผสมน้ำอุ่น หรือผสมน้ำผึ้ง ก็ช่วยแก้อาการเมาค้างได้แล้ว เพราะน้ำมะนาวผสมน้ำอุ่นจะช่วยให้คุณสดชื่น และช่วยขับสารพิษในตับได้อีกด้วย ที่สำคัญทำได้ง่ายแม้วันที่ต้องปาร์ตี้หนัก ๆ แถมยังอร่อยชุ่มคอ ช่วยให้ไม่เมาค้างแล้วยังช่วยให้คอไม่แห้งอีกด้วย

47

แบบไหนดีกว่ากัน ! ระหว่างการ จัดฟันใส กับการจัดฟันแบบรวดเร็ว Fastbraces

ในการรักษาทางทันตกรรม เป็นการแก้ไขปัญหาฟันในทุกรูปแบบ ขึ้นอยู่ที่ว่าผู้เข้ารับการรักษามีปัญหาเกี่ยวกับช่องปากอย่างไร ซึ่งแต่ละบุคคลแน่นอนว่า มีปัญหาแตกต่างกันอย่างแน่นอน หลายคนเลิกจะเข้ารับการจัดฟัน เพราะมีปัญหาฟันที่ซ้อนเก อย่างรุนแรงและอยากมีฟันที่เรียงกันสวยงามและเป็นธรรมชาติ แต่บางกรณีก็มีผู้ที่มีปัญหาฟันเพียงเล็กน้อย และเข้ารับการจัดฟันแบบใส


ซึ่งทันตแพทย์อาจจะแนะนำให้จัดฟันในรูปแบบ เพราะการจัดฟันแบบใส เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาฟันเพียงเล็กน้อยหรือผู้ที่เคยผ่านการจัดฟันมาแล้ว แต่ไม่ใส่รีเทนเนอร์ จึงทำให้เกิดฟันห่างได้ ซึ่งถึงแม้ผู้ที่เคยจัดฟันมา แต่ใส่รีเทนเนอร์ไม่สม่ำเสมอ ทำให้เกิดปัยหาตามมา แต่อย่างไรก็ตาม หากเข้ารับการจัดฟันแบบใส จะต้องมีวินัยในเรื่องของการสวมใส่เครื่องมืออย่างมาก เพราะไม่อย่างนั้น ก็จะเกิดปัญหาเดิมๆได้


ความแตกต่างระหว่างการจัดฟันแบบใส กับการจัดฟันแบบรวดเร็ว Fastbraces มีข้อแตกต่างอย่างเห็นได้ชัดในเรื่องของเครื่องมือ เครื่องมือการจัดฟันแบบใส สามารถถอดออกได้ และมีความหลากหลายในการรับประทานอาหาร รวมไปถึงสามารถทำความสะอาดช่องปากได้อย่างเต็มที่ ในขณะที่การจัดฟันแบบรวดเร็ว Fastbraces ไม่สามารถถอดเครื่องมือออกได้ และรับประทานอาหารได้ไม่หลากหลาย

แต่การจัดฟันแบบรวดเร็ว มีความเจ็บและระคายเคืองน้อยกว่าการจัดฟันแบบใส รวมไปถึงระยะเวลาในการจัดฟันก็น้อยกว่าการจัดฟันแบบใสด้วย นี่คือข้อแตกต่างที่เห็นได้ชัดว่า ไม่ว่าการจัดฟันแบบไหน ก็มีข้อดีและข้อเสียแตกต่างกันอย่างแน่นอน มีจุดเด่น เอกลักษณ์ คนละแบบ แต่ในเรื่องของระยะเวลาต้องยกให้การจัดฟันแบบรวดเร็ว ซึ่งทำให้เห็นผลได้เร็วกว่า


แต่การจัดฟันนั้น ไม่ว่าจะจัดฟันแบบไหน หรือผู้เข้ารับการรักษามีความต้องการที่จะจัดฟันแบบที่ตัวเองคิดไว้ ก็ต้องทำการปรึกษาทันตแพทย์ผู้ทำการรักษาเสียก่อน เพราะทันตแพทย์จะต้องทำการพิจารณาช่องปากของผู้เข้ารับการรักษาก่อนว่า เหมาะสมที่จะเข้ารับการจัดฟันในรูปแบบใด

เพราะการจัดฟันแบบใส หรือการจัดฟันแบบรวดเร็ว Fastbraces ไม่สามารถทำได้ทุกคน มีข้อจำกัดในเรื่องของการจัดฟันอยู่ ซึ่งทันตแพทย์จะทำการวินิจฉัยเองว่า สภาพฟันและช่องปากของผู้เข้ารับการรักษา เหมาะที่จะจัดฟันแบบใด ทั้งนี้สามารถเข้ารับการประเมินช่องปากได้ฟรี รวมไปถึงสามารถเข้ารับคำแนะนำจากทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจากคลีนิคได้ โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย

48
รถกระบะรับจ้าง รถรับจ้างนครปฐม ถ้าถามถึงเรื่องความถูกและดี

พนักงานให้บริการ รถรับจ้างขนย้ายของเป็นเรื่องที่มีความยุ่งยากและสลับซับซ้อนการใช้บริการจากผู้ที่มีประสบการณ์ในการขนย้ายของจึงเป็นสิ่งสำคัญในการที่จะเรียกผู้ให้บริการ แต่ละท่านเข้ามาให้บริการกับเราดังนั้นสำหรับ รถรับจ้างนครปฐม เราจึงมีความใส่ใจเป็นพิเศษในการให้ บริการรถรับจ้าง ในแต่ละครั้งในแต่ละวันดังนั้นรถรับจ้างขนของนครปฐมของเราจึงต้องเป็นที่ยอมรับแก่ผู้ใช้บริการทุกคนไม่ว่างานนั้นจะทำการขนย้ายสินค้าเป็นประเภทอะไรเช่นงาน รับจ้างขนย้ายบ้านนครปฐม งาน รับจ้างย้ายของคอนโดนครปฐม การรับจ้างขนย้ายไซต์งานก่อสร้าง งานรับจ้างขนย้ายออฟฟิศสำนักงานในนครปฐม งานรับจ้างขนย้ายสินค้าทางการเกษตร รับจ้างขนของทั่วไป รับจ้างขนส่งสินค้าหรือแม้กระทั่ง รับจ้างขนย้ายเครื่องจักรและเฟอร์นิเจอร์ ล้วนแล้วแต่ต้องมีความชำนาญในการให้บริการเป็นอย่างมาก ถ้าหากเราได้ผู้ให้บริการรับจ้างขนของที่มีความเก่ง เขาจะสามารถวางแผนการขนย้ายสินค้าให้กับเราได้เป็นอย่างดีและไม่ทำให้เราต้องมาปวดหัวหรือมาช่วยผู้ให้บริการ ทำการวางแผนการขนย้ายดังนั้น สำหรับการที่เราจะ ตรวจเช็คราคารถรับจ้าง+คนยกสินค้า จึงถือว่าเป็นสิ่งสำคัญก่อนการตัดสินใจและการที่เราจะได้ผู้ให้บริการที่เก่งมีความชำนาญก็เป็นอีกหนึ่งความสำคัญที่เราจะทำการตัดสินใจเช่นเดียวกัน

เราให้บริการทุกวันในจุดบริการต่างๆของรถรับจ้างนครปฐมดังนี้

อำเภอเมืองนครปฐม
อำเภอกำแพงแสน
อำเภอดอนตูม
อำเภอนครชัยศรี
อำเภอบางเลน
อำเภอสามพราน

ทำไมขนส่งของ รถรับจ้างขนของนครปฐม จึงเป็นผู้ให้บริการที่เราไม่ควรพลาดที่จะได้ใช้บริการเนื่องจากว่าอะไรนั้น เขามีรถรับจ้างต่างๆมากมายที่ให้บริการแก่ลูกค้าไม่ว่าจะเป็น รถกระบะรับจ้างนครปฐม รถปิคอัพรับจ้างนครปฐม รถ 6 ล้อรับจ้างนครปฐม รถ 4 ล้อใหญ่รับจ้างนครปฐม รถเฮี๊ยบรับจ้างนครปฐม รถรับจ้างย้ายบ้านนครปฐม รถเทรลเลอร์รับจ้าง และอื่นๆอีกมากมายซึ่งล้วนแล้วแต่มีสภาพรถที่ดีและใหม่ และที่สำคัญพนักงานขับรถทุกคนมีระเบียบวินัยไม่ดื่มสุรา ทำให้ลูกค้ามีความมั่นใจในการให้บริการเป็นอย่างมาก รวมไปจนถึงสิ่งที่มีอำนาจในการตัดสินใจเลือกใช้ รถรับจ้างนครปฐม


นั่นก็คือพนักงานยกสินค้าซึ่งถือว่าเป็นสิ่งที่มีความจำเป็นอย่างมากในการที่เราจะใช้บริการรถรับจ้างในแต่ละครั้งบางทีเรามีการย้ายที่อยู่อาศัยมีโต๊ะตู้เตียงนอนสินค้าที่มีน้ำหนักมากๆอาจจะต้องขนย้ายจากชั้น 2 ลงมาหรือ เป็นบ้านชั้นเดียว ซึ่งการยกสินค้านั้นจะต้องใช้แรงงานคนที่มากพอสมควร นอกจากนั้นยังต้องมีความถนัด ความสามารถพิเศษในการขนยกสินค้า ซึ่งสิ่งต่างๆเหล่านี้พนักงานยกสินค้าของขนส่งนั้นมีความถนัดและชำนาญมากพอสมควร เราบริการขนย้ายของลักษณะเหล่านี้ทุกวัน ลูกค้าสบายใจได้ว่าสินค้าของท่านจะไม่ชำรุดแตกเสียหายอย่างแน่นอน


สำหรับ รถรับจ้างขนของนครปฐม ของขนส่งถือว่าเป็นอีกผู้ให้บริการที่ดี ผู้ใช้บริการหลายท่านให้การยอมรับเขาให้บริการรับจ้างขนของมายาวนานกว่า 15 ปีมีประสบการณ์ มีพนักงานที่มีการยกสินค้า มีคนขับรถที่มีประสบการณ์สูง สามารถชำนาญทุกเส้นทางในการขนย้าย งานบริการจึงมีความสะดวกรวดเร็ว มีความปลอดภัยต่อสินค้า รับประกันการันตีการบริหารการรับจ้างขนของมาอย่างยาวนานสร้างความพึงพอใจแก่ลูกค้ามากพอสมควรที่วิ่งทั้งในเขตนครปฐม รวมไปจนถึงจังหวัดที่อยู่ในพื้นที่ใกล้ๆ ที่นี่ให้บริการด้วยความเป็นกันเองลูกค้าและผู้ให้บริการมีความสัมพันธ์ที่ดีสร้างมนุษยสัมพันธ์ สร้าง ความเป็นกันเองต่อลูกค้า จึงไม่แปลกเลยว่าขนส่งผู้ให้บริการ รถรับจ้างนครปฐม สามารถที่จะยืนหยัด ให้บริการรับจ้างขนของแก่ลูกค้ามาอย่างยาวนานเป็นเพราะผลงานและความตั้งใจจริงในการบริหารงานนั้นเอง การติดต่อประสานงานก็สามารถทำได้โดยง่ายเพียงแค่ท่านโทรเข้ามาปรึกษาได้


รถรับจ้าง ของเรามีการตรวจเช็คสภาพอยู่ตลอดเวลา โดยมีการเข้าเช็คระบบความปลอดภัยเช็ค ระบบไฟ ระบบเบรค และระบบที่เกี่ยวข้องกับการขนย้ายสินค้า ตรงตามรอบทุกครั้งเพื่อที่เราจะมีความมั่นใจว่า รถรับจ้างนครปฐม ของเรานั้นจะไม่ทำให้งานของคุณต้องสะดุด หรือทำให้เกิดการล่าช้ารถเราไม่มีเสียระหว่างทางอย่างแน่นอน ดังนั้นด้วยงานบริการต่างๆจึงทำให้ลูกค้ามีความไว้วางใจใน รถรับจ้างขนของนครปฐม ของเราจากทีมงานขนส่ง เป็นอย่างมากสำหรับลูกค้าท่านใดที่มีความประสงค์ต้องการอยากจะใช้บริการรับจ้างขนของต่างๆขนย้ายสินค้า ขนย้ายบ้าน ย้ายคอนโด ย้ายสินค้าทั่วไป ขนย้ายเฟอร์นิเจอร์ หรืองานบริการรับจ้างขนของทั่วไทยอื่นๆมากมาย สามารถติดต่อประสานงานกับเราได้เลยทันทีเราพร้อมยินดีให้บริการท่านตลอด 24 ชั่วโมง เรามีความตั้งใจจริงและมีความหวังเป็นอย่างยิ่งว่าลูกค้าจะมีความประทับใจและเรียกใช้ บริการรถรับจ้างขนของนครปฐมราคาถูก ของเราตลอดไปขอบคุณมากค่ะ

49
หมอประจำบ้าน: หืด (Asthma)


หืด เป็นโรคทางเดินหายใจเรื้อรังชนิดหนึ่ง  ซึ่งมีภาวะทางเดินหายใจอุดกั้นเนื่องจากหลอดลมตีบเป็นครั้งคราว  ทำให้มีอาการหายใจหอบเหนื่อย เป็น ๆ หาย ๆ เรื้อรัง  ส่วนมากมักจะไม่มีอันตรายร้ายแรง  ยกเว้นในรายที่เป็นมากหรือไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้อง  ก็อาจเกิดภาวะทางเดินหายใจอุดกั้นอย่างถาวร  หรือมีอันตรายถึงตายได้

โรคนี้พบได้บ่อยในคนทุกวัย  มีความชุกสูงสุดในช่วงอายุ 10-12 ปี  ส่วนใหญ่มักมีอาการเกิดขึ้นครั้งแรกตั้งแต่อายุก่อน 5 ปี  ส่วนน้อยที่เกิดขึ้นครั้งแรกในวัยหนุ่มสาวและวัยสูงอายุ

ในบ้านเราเคยมีการสำรวจนักเรียนในกรุงเทพฯ  พบว่ามีความชุกของโรคนี้ประมาณร้อยละ 4-13

ในวัยเด็ก (ก่อนวัยหนุ่มสาว) พบในเด็กชายมากกว่าเด็กหญิงประมาณ 1.5-2 เท่า

ทั่วโลกพบว่าโรคนี้มีแนวโน้มเกิดมากขึ้นในทุกประเทศ  โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเขตเมืองที่มีสิ่งแวดล้อม (ได้แก่ มลพิษและสารก่อภูมิแพ้) และวิถีชีวิตที่ส่งเสริมให้เกิดโรคนี้


สาเหตุ

เกิดจากปัจจัยร่วมกันหลายประการ ทั้งทางด้านกรรมพันธุ์ ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย การติดเชื้อ และสิ่งแวดล้อม ส่งผลให้มีการอักเสบเรื้อรังของหลอดลม ทำให้หลอดลมมีความไวต่อสิ่งเร้าต่าง ๆ มากกว่าคนปกติ เป็นเหตุให้เกิดการหดเกร็งของกล้ามเนื้อหลอดลม การบวมของเนื้อเยื่อผนังหลอดลม และการหลั่งเมือก (เสมหะ) มากในหลอดลม มีผลโดยรวมทำให้หลอดลมตีบแคบลง เกิดภาวะทางเดินหายใจอุดกั้นชนิดผันกลับได้ (revesible) ซึ่งสามารถกลับคืนเป็นปกติได้เอง หรือภายหลังให้ยารักษา

บางรายอาจมีการอักเสบของหลอดลมอย่างต่อเนื่องนานเป็นแรมปี  หากไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้อง  โครงสร้างของหลอดลมจะค่อย ๆ เกิดการเปลี่ยนแปลง  จนในที่สุดมีความผิดปกติ (airway remodeling) ชนิดไม่ผันกลับ (irreversible) ทำให้เกิดภาวะทางเดินหายใจอุดกั้นอย่างถาวร

ผู้ป่วยมักมีประวัติเป็นโรคภูมิแพ้อื่น ๆ (เช่น หวัด ภูมิแพ้ ผิวหนังอักเสบจากภูมิแพ้) ร่วมด้วย และมักมีพ่อแม่ปู่ย่าตายายหรือญาติพี่น้องเป็นหืดหรือโรคภูมิแพ้อื่น ๆ

นอกจากนี้ยังพบปัจจัยที่ทำให้เกิดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคนี้มากขึ้น ได้แก่ ภาวะน้ำหนักเกิน (ทำให้มีอาการกำเริบบ่อย และรุนแรงได้) ทารกคลอดก่อนกำหนด หรือน้ำหนักแรกเกิดน้อย ทารกที่มีมารดาสูบบุหรี่ขณะตั้งครรภ์ การติดเชื้อไวรัสตั้งแต่เล็ก ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งไวรัสอาร์เอสวี (ดู "โรคหลอดลมฝอยอักเสบ" เพิ่มเติม) การสัมผัสสารก่อภูมิแพ้ (ได้แก่ ไรฝุ่นบ้าน) ปริมาณมากตั้งแต่ในช่วงขวบปีแรก


สาเหตุกระตุ้น 

ผู้ป่วยมักมีอาการกำเริบเมื่อมีสิ่งเร้าหรือสาเหตุกระตุ้น  ที่พบบ่อยได้แก่

    สารก่อภูมิแพ้ เช่น ละอองหญ้า วัชพืช  ละอองเกสรดอกไม้  ไรฝุ่นบ้าน (พบอยู่ตามพรม ที่นอน เฟอร์นิเจอร์หรือของเล่นที่ทำด้วยนุ่น หรือเป็นขน ๆ) เชื้อรา (พบสปอร์ตามพุ่มไม้  ในสวน ห้องน้ำ ห้องครัว ในที่ชื้น) แมลงสาบและสัตว์เลี้ยงในบ้าน (สารก่อภูมิแพ้อยู่ในน้ำลาย ขุยหนังที่ลอกหรือรังแค ขนสัตว์ ปัสสาวะ และมูลสัตว์) อาหาร (ได้แก่ นมวัวและผลิตภัณฑ์จากนมวัว ไข่ กุ้ง หอย ปู ปลา ถั่วลิสง งา สีผสมอาหาร สารกันบูดในอาหาร)
    สิ่งระคายเคือง เช่น ควันบุหรี่ ควันท่อไอเสีย ควันไฟ ควันธูป ฝุ่นละออง มลพิษในอากาศ (ก๊าซที่เกิดจากการเผาไหม้ของรถยนต์ ก๊าซโอโซนที่พบมากในเมืองใหญ่) สเปรย์ ยาฆ่าแมลงหรือวัชพืช อากาศเย็นหรืออากาศเปลี่ยน กลิ่นฉุด ๆ สารเคมี (ภายในบ้าน ที่ทำงาน และโรงงาน)
    ยา ได้แก่ แอสไพริน  ยาต้านอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์  ยาลดความดันกลุ่มปิดกั้นบีตา 
    การติดเชื้อของทางเดินหายใจ เช่น ไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่ ไซนัสอักเสบ ทอนซิลอักเสบ หลอดลมอักเสบ หลอดลมฝอยอักเสบ เป็นต้น
    การออกกำลังกาย อาจชักนำให้เกิดอาการหอบหืดกำเริบในผู้ป่วยบางราย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การออกกำลังจนเหนื่อยหรือหักโหมเกินไป
    ความเครียดทางจิตใจ เช่น ความเครียดจากปัญหาเศรษฐกิจ การงาน ครอบครัว รวมทั้งอารมณ์ซึมเศร้า  ความเศร้าโศกจากการสูญเสียคนที่รัก  เป็นต้น
    ฮอร์โมนเพศ  พบว่าผู้หญิงระยะเข้าสู่วัยเจริญพันธุ์ (puberty) ระยะก่อนมีประจำเดือน  หรือขณะตั้งครรภ์ มักมีโรคหืดกำเริบ  (ในช่วงสัปดาห์ที่ 24-36 ของการตั้งครรภ์)
    โรคกรดไหลย้อน น้ำย่อยหรือกรดที่ไหลย้อนลงไปในหลอดลมอาจทำให้โรคหืดกำเริบได้บ่อย


อาการ

มักมีอาการแน่นอึดอัดในหน้าอก หรือหอบเหนื่อยร่วมกับมีเสียงดังวี้ดคล้ายเสียงนกหวีด (ระยะแรกจะได้ยินช่วงหายใจออก ถ้าเป็นมากขึ้นจะได้ยินทั้งช่วงหายใจเข้าและออก) อาจมีอาการไอ ซึ่งมักมีเสมหะใสร่วมด้วย

บางรายอาจมีเพียงอาการแน่นอึดอัดในหน้าอก หรือไอเป็นหลักโดยไม่มีอาการอื่น ๆ ชัดเจนก็ได้ อาการไอดูคล้ายไข้หวัด หวัดภูมิแพ้ หรือหลอดลมอักเสบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในระยะแรกเริ่มของโรคนี้ ผู้ป่วยอาจมีอาการไอมากตอนกลางคืนหรือเช้ามืด ในช่วงอากาศเย็นหรืออากาศเปลี่ยน หรือวิ่งเล่นมาก ๆ เด็กเล็กอาจไอมากจนอาเจียนออกมาเป็นเสมหะเหนียว ๆ และรู้สึกสบายหลังอาเจียน

ผู้ป่วยอาจมีอาการภูมิแพ้ เช่น คัดจมูก คันคอ เป็นหวัด จาม หรือผื่นคันร่วมด้วย หรือเคยมีประวัติเป็นโรคภูมิแพ้มาก่อน

ในรายที่เป็นเพียงเล็กน้อยถึงปานกลาง มักจะมีอาการเป็นครั้งคราว และมักกำเริบทันทีเมื่อมีสาเหตุกระตุ้น ผู้ป่วยที่มีอาการหายใจลำบากจะลุกขึ้นนั่งฟุบกับโต๊ะหรือพนักเก้าอี้และหอบตัวโยน

ในรายที่เป็นรุนแรงมักมีอาการต่อเนื่องตลอดทั้งวันจนกว่าจะได้ยารักษา จึงจะรู้สึกหายใจโล่งสบายขึ้น

ในช่วงที่ไม่มีอาการกำเริบ ผู้ป่วยจะรู้สึกสบายเช่นคนปกติทั่วไป

ผู้ป่วยบางรายที่เป็นโรคหืดรุนแรง เช่น เคยหอบรุนแรงจนต้องไปรักษาที่ห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาลบ่อย เคยต้องใส่ท่อหายใจช่วยชีวิต ต้องใช้ยาสเตียรอยด์ชนิดกินหรือฉีด หรือต้องใช้ยากระตุ้นบีตา 2 ชนิดออกฤทธิ์สั้น สูดมากกว่า 1-2 หลอด/เดือน ถ้าขาดการรักษาหรือได้รับยาไม่เพียงพอในการควบคุมอาการ  อาจมีอาการหอบอย่างต่อเนื่องเป็นชั่วโมง ๆ ถึงวัน ๆ แม้จะใช้ยารักษาตามปกติที่เคยใช้ ก็ไม่ได้ผล  เรียกว่า ภาวะหืดดื้อ หรือ หืดต่อเนื่อง  (status asthmaticus) ผู้ป่วยจะมีอาการหายใจลำบาก ทำให้ร่างกายขาดออกซิเจนและมีการคั่งของคาร์บอนไดออกไซด์ เกิดภาวะเลือดเป็นกรด มีอาการสับสน หมดสติ ในที่สุดหยุดหายใจ และหัวใจหยุดเต้น เสียชีวิตในเวลารวดเร็ว

อาการที่เข้าข่ายเป็นโรคหืด

ควรสงสัยว่าเป็นโรคหืด  ถ้าผู้ป่วยมีอาการข้อใดข้อหนึ่ง ดังต่อไปนี้

    มีเสียงหายใจดังวี้ดคล้ายเสียงนกหวีดบ่อยครั้ง คือ มากกว่าเดือนละ 1 ครั้ง
    มีอาการไอ รู้สึกเหนื่อยง่าย หรือมีเสียงหายใจดังวี้ดขณะวิ่งเล่น  หรือออกกำลังกาย
    ไอตอนกลางคืน โดยที่ไม่ได้เป็นโรคติดเชื้อทางเดินหายใจ
    มีอาการต่อเนื่องหลังอายุ 3 ปี
    อาการกำเริบหรือเป็นมากขึ้น เมื่อมีสิ่งเร้าหรือสาเหตุกระตุ้น เช่น ละอองเกสร  ขนสัตว์ สเปรย์ บุหรี่ ไรฝุ่นบ้าน ยา การติดเชื้อทางเดินหายใจ ออกกำลังกาย ความเครียด
    เวลาเป็นไข้หวัดมีอาการต่อเนื่องนานเกิน 10 วัน หรือมีอาการไอรุนแรง หรือไอนานกว่าคนอื่นที่เป็นไข้หวัด
    อาการดีขึ้นเมื่อใช้ยารักษาโรคหืด
    มีพ่อแม่พี่น้องเป็นโรคหืดหรือโรคภูมิแพ้อื่น ๆ เช่น หวัดภูมิแพ้ ผิวหนังอักเสบจากภูมิแพ้

ภาวะแทรกซ้อน

ที่พบได้ค่อยข้างบ่อย ได้แก่ ภาวะหมดแรง (exhaustion) ภาวะขาดน้ำ ปอดแฟบ (atelectasis) การติดเชื้อ (หลอดลมอักเสบ ปอดอักเสบ)

ที่ร้ายแรง คือ ภาวะการหายใจล้มเหลวเฉียบพลัน ซึ่งพบในผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงและเป็นสาเหตุของการเสียชีวิต

ภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ ที่อาจพบได้ เช่น ภาวะปอดทะลุ, ภาวะมีอากาศในประจันอกและใต้หนัง (mediastinal and subcutaneous emphysema), ภาวะหัวใจล้มเหลวดังที่เรียกว่า โรคหัวใจเหตุจากปอด (cor pulmonale), เป็นลมจากการไอ (tussive syncope), ภาวะทางเดินหายใจอุดกั้นเรื้อรัง 

ในหญิงตั้งครรภ์ ถ้าเป็นโรคหืดที่ไม่สามารถควบคุมอาการได้ อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะครรภ์เป็นพิษ ทารกคลอดก่อนกำหนด ทารกน้ำหนักตัวน้อย ทารกตายระยะใกล้คลอดและหลังคลอด


การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยจากอาการ ประวัติการเจ็บป่วย และการตรวจร่างกายเป็นหลัก

การตรวจร่างกายขณะที่ไม่มีอาการ มักจะไม่พบสิ่งผิดปกติ

ขณะที่มีอาการหอบ มักได้ยินเสียงหายใจดังวี้ด ๆ ใช้เครื่องฟังตรวจปอดจะได้ยินเสียงหายใจออกยาวกว่าปกติและมีเสียงวี้ด (wheezing) กระจายทั่วไปที่ปอดทั้ง 2 ข้างในช่วงหายใจออก (ถ้าหอบมากจะได้ยินเสียงวี้ดทั้งในช่วงหายใจเข้าและออก) ชีพจรเต้นเร็ว มักไม่มีไข้ ถ้ามีไข้แสดงว่าอาจมีโรคติดเชื้อ เช่น ไข้หวัด หลอดลมอักเสบร่วมด้วย หรืออาจมีปอดอักเสบแทรกซ้อน

ในรายที่เป็นรุนแรงจะมีอาการหอบรุนแรง ซี่โครงบุ๋ม แอ่งไหปลาร้าบุ๋ม ตัวเขียว สับสน หมดสติ ใช้เครื่องฟังปอดอาจไม่ได้ยินเสียงวี้ด เนื่องจากมีภาวะอุดกั้นรุนแรงจนลมหายใจผ่านเข้าออกน้อย

ในรายที่เป็นโรคหืดเรื้อรังมานานอาจพบหน้าอกมีความหนา (ความยาวจากด้านหน้าถึงด้านหลัง) กว่าปกติที่เรียกว่า อกโอ่ง บางรายอาจพบหน้าอกโป่งเหมือนอกไก่

ในการประเมินความรุนแรงของโรค แพทย์จะทำการทดสอบสมรรถภาพของปอด (ดูค่า FEV1 และ PEF)*

กรณีที่ยังวินิจฉัยไม่ได้ชัดเจน แพทย์อาจทำการตรวจเพิ่มเติม เช่น การสูดสาร methacholine กระตุ้นให้หลอดลมตีบ (methacholine challenge), การกระตุ้นให้อาการกำเริบด้วยการออกกำลังกาย หรือการสูดอากาศเย็น (provocative testing for exercise and cold-induced asthma), การทดสอบภาวะภูมิแพ้ (allergy testing) โดยการตรวจเลือดหรือทดสอบผิวหนัง การตรวจหาปริมาณอีโอซิโนฟิล (eosinophil ซึ่งเป็นเม็ดเลือดขาวชนิดหนึ่ง) ในเสมหะ, เอกซเรย์ปอด เป็นต้น

* FEV1 (forced expiratory in one second) หมายถึง ปริมาตรอากาศที่หายใจออกแรง ๆ ใน 1 วินาที โดยใช้เครื่องมือที่มีชื่อว่า เครื่องวัดปริมาตรอากาศหายใจ (spirometer)

PEF (peak expiratory flow) หมายถึง อัตราการไหลของลมหายใจออกสูงสุด หลังจากสูดหายใจเข้าเต็มที่ โดยใช้เครื่องมือที่มีชื่อว่า เครื่องวัดการไหลของลมหายใจออกสูงสุด (peak flow meter)

การรักษาโดยแพทย์

แพทย์จะให้การดูแลรักษาดังนี้

1. เมื่อมีอาการหอบหืดกำเริบฉับพลัน ให้ยาขยายหลอดลมชนิดสูด (เช่น ยากระตุ้นบีตา 2) ทันที เพื่อบรรเทาอาการ ถ้ายังไม่ทุเลา สามารถให้ซ้ำได้อีก 1-2 ครั้งทุก 20 นาที

หากผู้ป่วยรู้สึกหายดี แพทย์จะทำการประเมินอาการ สาเหตุกระตุ้น และประวัติการรักษาอย่างละเอียด

2. ในกรณีที่มีประวัติเป็นโรคหืดและมียารักษาอยู่ประจำ ถ้าผู้ป่วยมีอาการตอนกลางวันไม่เกิน 2 ครั้ง/สัปดาห์ สามารถทำกิจกรรมต่าง ๆ ในชีวิตประจำวันได้เป็นปกติ  และไม่มีอาการตอนกลางคืน  ก็ให้การรักษาแบบกลุ่มที่ควบคุมโรคได้ (ดูตาราง "การแบ่งระดับของการควบคุมโรค") โดยให้ใช้ยาที่เคยใช้อยู่เดิมต่อไป

3. ในกรณีที่ผู้ป่วยเพิ่งมีอาการครั้งแรกและไม่เคยได้รับยารักษามาก่อน แพทย์จะให้ยารักษา (ส่วนใหญ่ใช้ยาชนิดสูดพ่นเป็นพื้นฐาน บางรายอาจให้ยาชนิดกินร่วมด้วย) ด้วยชนิดและขนาดมากน้อยตามระดับความรุนแรงของโรค นอกจากนี้แพทย์จะทำการตรวจสมรรถภาพของปอด  ให้สุขศึกษาและคำแนะนำในการปฏิบัติตัวต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งวิธีการใช้ยาที่ถูกต้อง และการหลีกเลี่ยงสาเหตุกระตุ้น

4. แพทย์จะติดตามผู้ป่วยทุก 1-3 เดือน เพื่อประเมินอาการและปรับเปลี่ยนการรักษาที่เหมาะสมตามอาการในแต่ละช่วง

5. แพทย์จะรับตัวผู้ป่วยไว้รักษาในโรงพยาบาล ถ้าผู้ป่วยมีอาการกำเริบและมีลักษณะข้อใดข้อหนึ่งดังต่อไปนี้

    ไม่ตอบสนองต่อการรักษาข้างต้นภายใน 1-2 ชั่วโมง มีอาการหอบต่อเนื่องมานานหลายชั่วโมง หรือมีภาวะขาดน้ำร่วมด้วย
    มีอาการหอบรุนแรง ซี่โครงบุ๋ม ปากเขียว มีอาการสับสน ซึม หรือพูดไม่เป็นประโยค
    มีประวัติเคยเป็นโรคหืดรุนแรง เคยรับการรักษาในห้องอภิบาลผู้ป่วย (ไอซียู) เนื่องจากโรคหืดมาก่อน กำลังกินหรือเพิ่งหยุดกินยาสเตียรอยด์ หรือใช้ยาบีตา 2 ออกฤทธิ์สั้นสูดบ่อยกว่าทุก 3-4 ชั่วโมง
    มีอาการหอบเหนื่อยที่สงสัยว่าเกิดจากสาเหตุร้ายแรงอื่น ๆ เช่น เช่น มีไข้และใช้เครื่องฟังตรวจปอดมีเสียงกรอบแกรบ (crepitation) หรือสงสัยว่าเป็นปอดอักเสบ หรือหลอดลมฝอยอักเสบ, มีอาการเท้าบวม หลอดเลือดคอโป่ง ความดันโลหิตสูง หรือสงสัยมีภาวะหัวใจวาย, มีอาการเจ็บหน้าอกรุนแรง มีประวัติเป็นโรคหัวใจ หรือสงสัยเป็นโรคกล้ามเนื้อหัวใจตาย เป็นต้น ในกรณีนี้ แพทย์จะทำการตรวจพิเศษเพิ่มเติม เช่น เอกซเรย์ปอด ตรวจสมรรถภาพของปอด ตรวจเลือด ตรวจเสมหะ ตรวจคลื่นหัวใจ เป็นต้น

6. ในรายที่วินิจฉัยว่าเป็นโรคหืดกำเริบรุนแรง หรือภาวะหืดต่อเนื่อง มีแนวทางในการรักษาดังนี้

    ให้ออกซิเจน และสารน้ำ (น้ำเกลือ)
    ให้ยาขยายหลอดลม ออกฤทธิ์สั้น ชนิดสูด
    ให้สเตียรอยด์ชนิดสูดในขนาดสูงกว่าเดิม
    ในรายที่มีอาการรุนแรงปานกลางและมากให้สเตียรอยด์ชนิดฉีดหรือกิน
    เมื่ออาการดีขึ้น (มักได้ผลภายใน 36-48 ชั่วโมง) ก็ให้กินต่อจนครบ 5 วัน
    ในรายที่หอบรุนแรงจนเกิดภาวะทางเดินหายใจล้มเหลว อาจต้องใส่ท่อหายใจและเครื่องช่วยหายใจและแก้ไขภาวะผิดปกติต่าง ๆ พร้อมกัน

เมื่อควบคุมอาการได้แล้ว แพทย์จะนัดติดตามดูอาการภายใน 2-4 สัปดาห์

7. ผู้ป่วยที่เป็นโรคหืดทุกราย แพทย์จะพิจารณาให้การรักษาระยะยาวเพื่อควบคุมอาการให้น้อยลง ป้องกันอาการกำเริบรุนแรงเฉียบพลัน ฟื้นฟูสมรรถภาพของปอดให้กลับคืนสู่ปกติ ป้องกันภาวะแทรกซ้อน ป้องกันการเกิดภาวะทางเดินหายใจอุดกั้นอย่างถาวร โดยมีแนวทางการดูแลรักษาดังนี้

(1) ประเมินความรุนแรงของโรค โดยพิจารณาจากอาการแสดง (ความถี่ของอาการกำเริบตอนกลางวัน และตอนกลางคืน) ร่วมกับการตรวจสมรรถภาพของปอด (ดูค่า FEV1 และ PEF)*

(2) ให้ยารักษาโรคหืด ซึ่งมีอยู่ 2 กลุ่มหลัก ได้แก่ กลุ่มยาบรรเทาอาการ ซึ่งเป็นยาที่ออกฤทธิ์ขยายหลอดลม (เช่น ยากระตุ้นบีตา 2) และกลุ่มยาควบคุมโรค ซึ่งเป็นยาที่ออกฤทธิ์ต้านการอักเสบ ช่วยลดการอักเสบและการบวมของผนังหลอดลม (เช่น ยาสเตียรอยด์) แพทย์จะเลือกใช้ชนิดและขนาดของยาตามระดับของการควบคุมโรค ดังนี้

    กลุ่มควบคุมได้ ให้การรักษาตามขั้นตอนเดิมต่อไปอย่างน้อย 3 เดือน แล้วค่อย ๆ ปรับลดยาลงทีละน้อย จนกว่าจะใช้การรักษาขั้นที่ต่ำสุดที่ยังสามารถควบคุมอาการได้
    กลุ่มควบคุมได้บางส่วน และกลุ่มควบคุมไม่ได้ แพทย์จะปรับเพิ่มขั้นตอนการรักษาจนกว่าจะสามารถควบคุมอาการได้ภายใน 1 เดือน โดยก่อนปรับยา จะทบทวนว่าผู้ป่วยมีการใช้ยาตามสั่ง และใช้ถูกวิธีหรือไม่ รวมทั้งได้หลีกเลี่ยงสาเหตุกระตุ้นหรือไม่ และแก้ไขให้ถูกต้องเสียก่อน

หลังจากควบคุมอาการได้แล้ว จะติดตามผลการรักษาต่อไปทุก 1-3 เดือน และปรับขั้นตอนการรักษาให้เหมาะกับระดับของการควบคุมโรค ซึ่งสามารถแปรเปลี่ยน (ดีขึ้นหรือเลวลง) ไปได้เรื่อย ๆ

ในเด็กที่มีสาเหตุจากสารก่อภูมิแพ้ ซึ่งไม่สามารถหลีกเลี่ยงสิ่งที่แพ้และอาการไม่ดีขึ้นหลังการใช้ยาหรือไม่สามารถทนต่อผลข้างเคียงของยา แพทย์อาจพิจารณาให้การรักษาด้วย การขจัดภูมิไว (desensitization)**

(3) ให้การรักษาโรคที่พบร่วม เช่น หวัดภูมิแพ้ ไซนัสอักเสบ ทอนซิลอักเสบ หลอดลมอักเสบ ปอดอักเสบ โรคกรดไหลย้อน เป็นต้น

(4) แนะนำให้หลีกเลี่ยงสิ่งเร้าหรือสาเหตุกระตุ้นและการปฏิบัติตัวต่าง ๆ (อ่านเพิ่มเติมที่หัวข้อ "การป้องกัน" ด้านล่าง)

(5) ติดตามผลการรักษาผู้ป่วยอย่างต่อเนื่องและทำการตรวจสมรรถภาพของปอดเป็นระยะ ในรายที่เป็นโรคหืดรุนแรงหรือมีอาการกำเริบบ่อย  แพทย์จะแนะนำให้ผู้ป่วยใช้เครื่องวัดการไหลของลมหายใจออกสูงสุด (peak flow meter)  ไปตรวจเองที่บ้านทุกวัน เพื่อตรวจภาวะหลอดลมตีบซึ่งจะพบก่อนมีอาการแสดงนานเป็นชั่วโมงถึงเป็นวัน ผู้ป่วยจะได้รีบใช้ยารักษาหรือไปพบแพทย์ปรับยาให้เหมาะสม  นอกจากนี้แพทย์ยังแนะนำให้ผู้ป่วยกลุ่มนี้ฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ปีละครั้ง

ผลการรักษา  ส่วนใหญ่สามารถควบคุมอาการได้ดี

ถ้ามีอาการเริ่มเป็นตั้งแต่วัยเด็ก เมื่อโตขึ้นหรือย่างเข้าวัยหนุ่มสาว อาการอาจทุเลาจนสามารถหยุดการใช้ยาสูดบรรเทาอาการได้ แต่บางรายเมื่ออายุมากขึ้นก็อาจมีอาการกำเริบได้อีก

อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยกลุ่มนี้อาจมีการอักเสบของหลอดลมอย่างต่อเนื่อง ทั้งที่ไม่มีอาการหอบเหนื่อยแล้ว หากขาดการให้ยาควบคุมโรค (ลดการอักเสบ) ก็อาจเกิดภาวะทางเดินหายใจผิดปกติและอุดกั้นในระยะยาวได้ ดังนั้น ถึงแม้จะมีอาการทุเลาแล้วก็ควรติดตามรักษากับแพทย์อย่างต่อเนื่อง

ส่วนในรายที่มีอาการมาก จำเป็นต้องได้รับยาอย่างเพียงพอ หากขาดยา โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มผู้ป่วยที่ได้รับยาสเตียรอยด์มาก่อน ก็อาจมีอาการกำเริบรุนแรงเฉียบพลัน ถึงขั้นกลายเป็นภาวะหืดดื้อ เป็นอันตรายได้

ปัจจุบันพบว่า ผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้องจะมีอัตราตายต่ำ

* FEV1 (forced expiratory in one second) หมายถึง ปริมาตรอากาศที่หายใจออกแรง ๆ ใน 1 วินาที โดยใช้เครื่องมือที่มีชื่อว่า เครื่องวัดปริมาตรอากาศหายใจ (spirometer)

PEF (peak expiratory flow) หมายถึง อัตราการไหลของลมหายใจออกสูงสุด หลังจากสูดหายใจเข้าเต็มที่ โดยใช้เครื่องมือที่มีชื่อว่า เครื่องวัดการไหลของลมหายใจออกสูงสุด (peak flow meter)

** บางครั้งก็เรียกว่า อิมมูนบำบัด (immunotherapy) โดยการฉีดยาทดสอบว่าแพ้สารอะไร  แล้วฉีดสารนั้นทีละน้อย ๆ แต่บ่อย ๆ เพื่อลดการแพ้ วิธีนี้ใช้ได้ผลดีในเด็ก  ส่วนในผู้ใหญ่ได้ผลไม่สู้ดี  ข้อเสียคือ  ต้องใช้เวลารักษานาน  ราคาแพง  และอาจมีอาการแพ้ที่รุนแรงถึงขั้นเกิดภาวะช็อกจากการแพ้ (anaphylactic shock) หรือโรคหืดกำเริบรุนแรงได้ จำเป็นต้องฉีดในที่ ๆ มีความพร้อมในการช่วยเหลือถ้าเกิดการแพ้  โดยหลังฉีดสารบำบัดแต่ละครั้งควรเฝ้าสังเกตดูอาการอย่างน้อย 30 นาที


การดูแลตนเอง

หากสงสัย เช่น มีอาการแน่นอึดอัดในหน้าอก หรือหอบเหนื่อยร่วมกับมีเสียงดังวี้ด ๆ คล้ายเสียงนกหวีด หรือผู้ที่มีประวัติใช้ยารักษาโรคหืดอยู่เป็นประจำ มีอาการหอบหืดกำเริบทั้งที่ได้ใช้ยาตามที่แพทย์แนะนำ ควรรีบไปพบแพทย์

เมื่อตรวจพบว่าเป็นโรคหืด ควรดูแลตนเองดังนี้

1. ปฏิบัติตัวตามที่แพทย์แนะนำ ดังนี้

    ติดตามรักษากับแพทย์เป็นประจำ ตรวจสมรรถภาพของปอดเป็นระยะ ใช้เครื่องวัดการไหลของลมหายใจออกสูงสุด (peak flow meter) ตรวจเองที่บ้านทุกวัน (สำหรับผู้ที่แพทย์แนะนำ) เรียนรู้วิธีใช้ยาให้ถูกต้อง (โดยเฉพาะอย่างยิ่งวิธีสูดพ่นยา หากทำไม่ถูก การรักษาก็จะไม่ได้ผล) และใช้ยาตามขนาดที่แพทย์แนะนำ
    พกยาบรรเทาอาการติดตัวเป็นประจำ หากมีอาการกำเริบ ให้รีบสูดยา 2-4 หน (puff) ทันที ถ้าไม่ทุเลาอาจสูดซ้ำทุก 20 นาที อีก 1-2 ครั้ง ถ้ายังไม่ทุเลาควรไปพบแพทย์โดยเร็ว อย่าปล่อยให้หอบนานอาจเป็นอันตรายได้
    ดื่มน้ำอุ่นมาก ๆ อย่าให้ขาดน้ำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งขณะที่ไอมีเสมหะเหนียว หรือมีอาการหอบเหนื่อย
    ทุกครั้งที่สูดยาสเตียรอยด์ ควรบ้วนปากด้วยน้ำสะอาดทันที เพื่อป้องกันไม่ให้ยาตกค้างที่คอหอย ซึ่งทำให้เสี่ยงต่อการเป็นโรคเชื้อราในช่องปาก (ดู "โรคเชื้อราในช่องปาก มุมปากเปื่อยจากเชื้อรา" เพิ่มเติม)
    อย่าซื้อยาชุดหรือยาลูกกลอนมาใช้เอง เพราะยาเหล่านี้มักมีสเตียรอยด์ผสม แม้ว่าอาจจะใช้ได้ผล แต่ต้องใช้เป็นประจำ ซึ่งทำให้มีผลข้างเคียงร้ายแรงตามมาได้  อย่างไรก็ตาม ถ้าเคยใช้ยาเหล่านี้มานาน ห้ามหยุดยาทันที อาจทำให้มีอาการหอบกำเริบรุนแรงหรือเกิดภาวะต่อมหมวกไตวิกฤติ (ดู "โรคช็อก" เพิ่มเติม) ได้ ผู้ป่วยควรแจ้งให้แพทย์ทราบเพื่อหาทางค่อย ๆ ปรับลดยาลง
    ฝึกหายใจเข้าออกลึก ๆ (โดยการเป่าลมออกทางปาก ให้ลมในปอดออกให้มากที่สุด) เป็นประจำ จะทำให้รู้สึกปลอดโปร่งสดชื่น อาจช่วยให้อาการดีขึ้นได้
    ลดน้ำหนัก ถ้ามีน้ำหนักเกิน

2. ถึงแม้อาการทุเลาแล้ว ก็ห้ามหยุดยา หรือปรับลดยาเองตามอำเภอใจ จนกว่าแพทย์จะสั่งปรับยาให้ มิเช่นนั้น อาจทำให้โรคกำเริบรุนแรง เป็นอันตรายได้

3. หลีกเลี่ยงการสัมผัสสารก่อภูมิแพ้และสิ่งระคายเคือง กระตุ้นให้โรคกำเริบ (อ่านเพิ่มที่หัวข้อ "การป้องกัน" ข้อที่ 1 หลีกเลี่ยงการสัมผัสสารก่อภูมิแพ้และสิ่งระคายเคือง)

4. หากมีอาการไม่สบาย ไม่ว่าจะเป็นอะไร ควรปรึกษาแพทย์และใช้ยาที่แพทย์แนะนำเท่านั้น ไม่ควรซื้อยามาใช้เอง เพราะอาจทำให้โรคหืดกำเริบ หรือเป็นอันตรายได้

5. ผู้ที่มีอาการกรดไหลย้อน ซึ่งอาจกระตุ้นโรคหืดกำเริบได้ ควรกินยารักษาและปฏิบัติตัวในการป้องกันไม่ให้เกิดอาการกรดไหลย้อน

6. หมั่นดูแลสุขภาพให้แข็งแรง ด้วยการออกกำลังกายที่เหมาะสม บำรุงอาหารสุขภาพ รู้จักผ่อนคลายความเครียด นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ

7. ควรไปพบแพทย์ก่อนนัด ถ้ามีลักษณะข้อใดข้อหนึ่ง ดังต่อไปนี้

    มีไข้สูง หรือมีอาการหนาวสั่นร่วมด้วย
    มีอาการหอบหืดกำเริบ 
    เจ็บแน่นหน้าอก 
    ไอมีเสมหะข้นเหลืองหรือเขียว
    มีอาการไม่สบายที่จำเป็นต้องใช้ยารักษา ห้ามซื้อยามาใช้เอง เพราะมียาหลายชนิดที่ทำให้หอบหืดกำเริบได้
    ขาดยารักษาโรคหืด เช่น ยาหาย ยาหมดก่อนวันนัด
    ในรายที่แพทย์ให้ยากลับไปกินที่บ้าน ถ้ากินยาแล้วสงสัยเกิดผลข้างเคียงจากยา เช่น มีลมพิษ ผื่นคัน ตุ่มพุพอง ตาบวม ปากบวม คลื่นไส้ อาเจียน หรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ


50
รีวิวบ้านใหม่ 2024: เดอะ คอนเนค บางนา - สุวรรณภูมิ (The Connect Bangna - Suvarnabhumi)


สวัสดีค่ะท่านผู้อ่านทุกท่าน รีวิวบ้านรอบนี้ขอพาไปชมทาวน์โฮมโครงการใหม่ สไตล์กรีก จาก พฤกษา ที่มีชื่อโครงการว่า "เดอะ คอนเนค บางนา - สุวรรณภูมิ (The Connect Bangna - Suvarnabhumi)" เป็นโครงการทาวน์โฮมที่ตั้งอยู่บน ถ.บางนา-ตราด สามารถเชื่อมต่อไปถนนเทพารักษ์ได้อย่างสะดวก ถือเป็นโซนที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกหลากหลายทีเดียวค่ะ ทั้งตลาดขนาดใหญ่ ห้างสรรพสินค้า และมหาวิทยาลัย ในส่วนของตัวบ้านนั้นเป็นทาวน์โฮม 2 ชั้น สไตล์กรีก หน้ากว้าง 5.7 เมตร มาพร้อม Fresh Air System ระบบหมุนเวียนอากาศภายในบ้าน ช่วยลดอุณหภูมิ กลิ่น ความชื้น และยังประหยัดไฟอีกด้วย อีกทั้งภายในโครงการยังมีส่วนกลางให้อย่างครบครันทุกด้าน ทั้งคลับเฮ้าส์ ฟิตเนส สระว่ายน้ำ สวนสาธารณะ และสนามเด็กเล่น เป็นต้น ทั้งหมดนี้เริ่มต้นเพียงแค่ 2.55 ล้านบาทเท่านั้น จะน่าสนใจแค่ไหน ไปดูรายละเอียดของโครงการเพิ่มเติมกันต่อได้เลยค่ะ

ข้อมูลโครงการ
เจ้าของโครงการ : บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน)
ที่ตั้งโครงการ : ถนนบางนา-ชลบุรี ซอยบางปลา 43 ตำบลบางโฉลง อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ 10540
ขนาดพื้นที่โครงการ : 31-0-98.8 ไร่
จำนวนบ้าน : 340 หลัง
ขนาดที่ดิน : ตั้งแต่ 18.2 - 49.7 ตร.ว.
ขนาดพื้นที่ใช้สอย : ตั้งแต่ 99 - 120 ตร.ม.
ปัจจุบันมีแบบบ้านเดี่ยวทั้งหมด 2 แบบ
สิ่งอำนวยความสะดวก : สวนส่วนกลาง สนามเด็กเล่น คลับเฮ้าส์ สระว่ายน้ำ และฟิตเนส, ระบบรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชม. และ CCTV
ราคาเริ่มต้น 2.55 ล้านบาท
วันที่เยี่ยมชมโครงการ ณ วันที่ 1 สิงหาคม 2561
ทำเลที่ตั้ง และการเดินทาง
โครงการตั้งอยู่บนถนนบางนา-ตราด ซอยบางปลา 43 (ซอยแสนสุข) ตำบลบางโฉลง อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ 10540


1. เดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัว
การเดินทางด้วยรถยนต์ สามารถมาได้หลายเส้นทาง ตามตัวอย่างเส้นทางดังต่อไปนี้ค่ะ
ขาเข้าโครงการ เส้นทางที่ 1 มาจากทางถนนบางนา-ตราด เข้าซอยบางปลา 43
จากถนนบางนา-ตราด ตรงมาเรื่อยๆ ผ่านทางเข้าสนามบินสุวรรณภูมิ ให้ตรงไปกลับรถที่สะพานเกือกม้า กม. 21 กลับรถแล้วตรงไปตามถนนบางนา-ตราดประมาณ 3.7 กม. ให้เลี้ยวซ้ายเข้าซอยบางปลา 43 (ซอยแสนสุข) จากนั้นตรงเข้าซอยไปประมาณ 1 กม. จะเห็นโครงการอยู่ฝั่งซ้ายมือ

ขาเข้าโครงการ เส้นทางที่ 2 จากถนนบางนา-ตราด กลับรถกม.17 เข้าซอยอดุลย์ศาสนการ
จากถนนบางนา-ตราด ตรงมาเรื่อยๆ เตรียมกลับรถตรงสะพานเกือกม้า กม. 17 จากนั้นตรงเข้าซอยอดุลย์ศาสนการ ขับตรงไปตามป้ายอบต.บางโฉลง จะไปบรรจบกับซอยบางปลา 43 จากปากซอยใช้ระยะทางประมาณ 3.4 กม. จะเห็นโครงการอยู่ฝั่งขวามือ


2. รถสาธารณะอื่นๆ

รถประจำทางที่วิ่งรับ-ส่งภายในซอยบางปลา 43 ซึ่งสามารถวิ่งไปถนนเทพารักษ์ และถนนบางนา-ตราดได้ด้วย
สภาพแวดล้อมใกล้เคียง

โครงการตั้งอยู่บนทำเลถนนบางนา-ตราด ตรงเข้าไปซอยบางปลา 43 (ซอยแสนสุข) ไปประมาณ 1 กม. จะเจอซุ้มประตูโครงการ ซึ่งซอยนี้สามารถเข้า-ออกได้ทั้งจากถนนบางนา-ตราด และถนนเทพารักษ์ได้อย่างสะดวก โดยบริเวณทางเข้าที่ติดกับถนนเทพารักษ์นั้น ค่อนข้างคึกคักทีเดียวค่ะ เพราะเป็นตลาดขนาดใหญ่ (ตลาดเรือบินและตลาดบางปลา) มีร้านค้า ร้านอาหารมากมาย ส่วนภายในซอยบางปลา 43 นั้นก็มี 7-11, คาร์แคร์, ร้านขายยา, และร้านอาหาร เรียกได้ว่าค่อนข้างสะดวกสบาย แบบที่ไม่ต้องไปไหนไกลเลยค่ะ สำหรับห้างสรรพสินค้าบิ๊กซี ตั้งอยู่บนถนนใหญ่เทพารักษ์ ส่วน Market Village และ Home Pro ตั้งอยู่บนถนนบางนา-ตราด

ภาพจากมุมสูงแสดงให้เห็นระยะโครงการจากถนนบางนา-ตราด

เข้าโครงการได้จากถนนบางนา-ตราด ตรงปากซอยบางปลา 43 (ซอยแสนสุข)

เลี้ยวซ้ายเข้ามาในซอยแล้วจะเห็น อบต.บางโฉลง ตรงเข้าไปประมาณ 1 กม. จะเห็นโครงการอยู่ฝั่งซ้ายมือค่ะ

ช่วงต้นซอยตรงข้าม อบต.บางโฉลง มีร้านอาหารตามสั่ง วินมอเตอร์ไซค์ และจุดจอดรถสองแถวที่วิ่งรับ-ส่งภายในซอย

มี 7-11 อยู่ภายในซอย

อบต.บางโฉลง ห่างจากโครงการประมาณ 950 ม.

ตลาดนัดเรือบิน ห่างจากโครงการประมาณ 1.4 กม.

ตลาดบางปลา ห่างจากโครงการประมาณ 1.7 กม.

โรงพยาบาลเซ็นทรัล ปาร์ค ห่างจากโครงการประมาณ 2.1 กม.

มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ ห่างจากโครงการประมาณ 2.2 กม.

Big C บางพลี ห่างจากโครงการประมาณ 5.6 กม.

Market Village, HomePro ห่างจากโครงการประมาณ 5.7 กม.

โรงพยาบาลบางพลี ห่างจากโครงการประมาณ 5.8 กม.

เมกา บางนา ห่างจากโครงการประมาณ 9.4 กม.

แบบบ้าน และตัวโครงการโดยรวม
โครงการ "เดอะ คอนเนค บางนา - สุวรรณภูมิ (The Connect Bangna - suvarnabhumi)" เป็นโครงการทาวน์โฮม 2 ชั้น ตั้งอยู่บนถนนบางนา-ตราด ซอยบางปลา 43 ตำบลบางโฉลง อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ มีบ้านทั้งหมด 340 หลัง บนพื้นที่โครงการ 31-0-98.8 ไร่ ถนนตรงซุ้มประตูทางเข้ากว้าง 19 เมตร ถนนหลักกว้าง 12-16 เมตร ถนนภายในซอยกว้าง 8 เมตร มีรั้วรอบโครงการสูงถึง 3 เมตร ภายในโครงการมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ทั้ง Club house สระว่ายน้ำ ฟิตเนส สวนส่วนกลาง และสนามเด็กเล่น (สิ่งอำนวยความสะดวกทั้งหมดนี้กำลังอยู่ระหว่างการก่อสร้าง) ถนนทางเข้าโครงการ (ซอยแสนสุข) เป็นถนนหลักสวนกันสองเลน

ภาพจากมุมสูง ของ เดอะ คอนเนค บางนา - สุวรรณภูมิ แสดงให้เห็นขอบเขตของโครงการ
ทางเข้าโครงการ ส่วนกลาง คลับเฮ้าส์ บ้านตัวอย่าง และ Sales Gallery

ฝั่งซ้ายมือของทางเข้าโครงการ ถนนด้านหน้าเป็นถนนสองเลนสวนกันได้สะดวก

มาดูฝั่งขวามือบ้างค่ะ

ซุ้มประตูทางเข้า-ออกโครงการมีขนาดใหญ่สไตล์ Modern เรียบๆ มีหลังคาบังแดดและกันฝนได้ สะดวกสบาย

ฝั่งซ้ายมือมีป้ายชื่อโครงการ The Connect Bangna - Suvarnabhumi ขนาดใหญ่

ประตูทางเข้า-ออก แยกระหว่างลูกบ้าน (Residential) กับคนภายนอก (Visitor) ที่มาติดต่อ ซึ่งเป็นข้อดีนะคะ เพราะทำให้ลูกบ้านมีความสะดวกยิ่งขึ้น ไม่ต้องเสียเวลารอคนภายนอกที่กำลังแลกบัตรค่ะ ส่วนที่ซุ้มประตูทางเข้า
โครงการมีไม้กั้นกระดก ประตูบานเลื่อน การ์ดสแกน CCTV และมีห้องสำหรับ รปภ. กั้นตรงกลางระหว่างทางเข้าและทางออก
นอกจากนี้ยังมีทางเดินเข้าสำหรับคนเดินเท้าอยู่ฝั่งซ้ายมือค่ะ

ทางเข้าของลูกบ้านมี CCTV 2 จุด

ทางเข้าสำหรับคนภายนอกมี CCTV 3 จุด

พอผ่านซุ้มประตูเข้ามา ฝั่งขวามือจะเป็นที่ตั้ง Sales Gallery ซึ่งในอนาคตคาดว่าจะปรับเป็นอาคารนิติบุคคล

ตรงข้าม Sales Gallery จะเป็นบ้านตัวอย่างมีให้ชมทั้งหมด 2 แบบ

โครงการนี้ถนนหลักช่วงแรกกว้าง 16 เมตร ถัดจากนั้นกว้าง 12 เมตร และ 8 เมตร ตามความลึกของโครงการ

ถนนภายในซอยกว้าง 8 เมตร

แบบบ้านพร้อม Floor Plan ของทางโครงการ ปัจจุบันมี 2 แบบ ดังนี้

1. ทาวน์โฮมแบบ 1 ที่จอดรถ (HG1) - ทาวน์โฮม 2 ชั้น หน้ากว้าง 5.7 เมตร ที่ดินเริ่มต้น 18.2 ตร.ว. พื้นที่ใช้สอยประมาณ 99 ตร.ม. 3 ห้องนอน 1 ห้องอเนกประสงค์ 2 ห้องน้ำ 1 ส่วนรับแขก 1 ส่วนรับประทานอาหาร จอดรถ 1 คัน


2. ทาวน์โฮมแบบ 2 ที่จอดรถ (HG2) - ทาวน์โฮม 2 ชั้น หน้ากว้าง 5.7 เมตร ที่ดินเริ่มต้น 21.4 ตร.ว. พื้นที่ใช้สอยประมาณ 120 ตร.ม. 3 ห้องนอน 1 ห้องอเนกประสงค์ 3 ห้องน้ำ 1 ส่วนรับแขก 1 ส่วนรับประทานอาหาร จอดรถ 2 คัน


Floor Plan 2 ที่จอดรถ
ส่วนกลางและสิ่งอำนวยความสะดวก
Clubhouse ที่มีทั้งสระว่ายน้ำและฟิตเนส (อยู่ระหว่างดำเนินการก่อสร้าง)
สระว่ายน้ำ ระบบเกลือ กว้าง 5.3 เมตร ยาว 15.77 เมตร ลึก 120 ซม., สระเด็ก กว้าง 5.4 เมตร ยาว 3 เมตร ลึก 90 ซม. (อยู่ระหว่างดำเนินการก่อสร้าง)
สวนสาธารณะส่วนกลาง และสนามเด็กเล่น (อยู่ระหว่างดำเนินการก่อสร้าง)

รั้วโครงการสูง 3 เมตร
ระบบรักษาความปลอดภัย, CCTV
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชม.

ซุ้มประตูทางเข้า-ออก

ที่สแกนบัตร สำหรับผู้อยู่อาศัยภายในโครงการ

CCTV มีทั้งหมด 5 จุด
ภาพบ้านตัวอย่าง และ Layout
แบบบ้านภายในโครงการที่เราจะพาทุกท่านมาเยี่ยมชม - รีวิว ในวันนี้ คือ แบบบ้าน 2 ที่จอดรถ ซึ่งเป็นทาวน์โฮม 2 ชั้น หน้ากว้าง 5.7 เมตร ที่ดินเริ่มต้น 18.2 ตร.ว. พื้นที่ใช้สอยประมาณ 120 ตร.ม. ขนาด 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ จอดรถ 2 คัน ที่จริงแล้ว โครงการนี้มีแบบบ้าน 2 แบบนะคะ แต่ทั้งสองแบบมีฟังก์ชันที่คล้ายกัน แตกต่างกันตรงที่จอดรถ เพราะฉะนั้นเราจึงขอพาท่านไปเยี่ยมชมบ้านที่มีขนาด 2 ที่จอดรถ ซึ่งเป็นบ้านตัวอย่างพร้อมตกแต่ง และบ้านเปล่ามาตรฐานที่ใช้ส่งมอบลูกค้ามาให้ชมกันค่ะ
บ้านเปล่ามาตรฐาน

แปลนบ้านทั้งสองชั้นของแบบ 2 ที่จอดรถ

สำหรับบ้านตัวอย่างพร้อมตกแต่ง และแบบบ้านเปล่า เป็นทาวน์โฮมหลังติดกัน อยู่บล็อคเดียวกัน
ตัวทาวน์โฮมออกแบบสไตล์กรีก เน้นสีขาวสะอาดตา บ้านที่ส่งมอบให้ลูกค้าจะเป็นบ้านเปล่า
ไม่ได้ตกแต่งเฟอร์นิเจอร์ และไม่ได้จัดสวนให้ บ้านแต่ละหลังจะมีรั้วปูนกั้นสูงประมาณ 1.50 เมตร
ประตูหน้าบ้านเป็นประตูเหล็กบานพับตามปกติค่ะ

บ้านหน้ากว้าง 5.7 เมตร จอดรถได้ 2 คัน พื้นจอดรถจะเป็นคอนกรีตเสริมเหล็กขัดหยาบลาดยาวจนถึงประตูรั้วบ้าน
ไฟด้านหน้าเป็นโคมไฟ LED ประตูทางเข้าหลักเป็นประตูบานเลื่อนพร้อมตัวล็อค 2 ชั้น ข้างประตูฝั่งขวามือเป็นหน้าต่าง
บานกระทุ้ง เดี๋ยวจะพาไปชมตอนขึ้นบันไดนะคะ ด้านหน้ามีช่องลมระบายอากาศให้ เฉลียงหน้าบ้านยกสเต็ปให้ 1 ขั้น
สูงขึ้นมาจากพื้นที่จอดรถเล็กน้อย

สำหรับประตูบานเลื่อนด้านหน้าเป็นบานเลื่อนเดี่ยว พร้อมตัวล็อค 2 ชั้น กรอบ/วงกบอลูมิเนียมสีขาว

พื้นชั้นล่างปูด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้ 60 x 60 ซม. ไฟด้านล่างเป็นโคมไฟ LED ฝ้าที่ให้เป็นฝ้าเรียบ ดรอปฝ้าลงมา
เล็กน้อยช่วงตรงกลางบ้าน มีความสูงจากพื้นถึงเพดาน 3 เมตร ส่วนสติ๊กเกอร์ที่เห็นติดตรงผนังเป็นคำอธิบายบ้านพฤกษา Fresh Air System เพื่อให้ทราบถึงข้อดี และการทำงานของระบบนี้ ซึ่งเป็นระบบที่นำมาใช้ในบ้านโครงการนี้ค่ะ

ฟังก์ชันบ้านชั้น 1 เริ่มจากฝั่งขวามือ เป็นบันไดทางขึ้นชั้น 2 จากนั้นเป็นห้องน้ำ ติดกับห้องน้ำ คือ ครัว
 และด้านหลังสุดจะมีประตูเปิดออกไปลานซักล้างหลังบ้านได้

มาดูห้องน้ำชั้นล่างมีให้ครบทั้งโถสุขภัณฑ์ อ่างล้างมือ ของ Kohler ก๊อกน้ำ และฝักบัวอาบน้ำ
ของ Karat/Anglefield ไม่ได้แยกส่วนเปียก/แห้งให้ ตกแต่งผนังด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้ลายสวยงาม
ติดตั้งพัดลมดูดอากาศมาให้ ส่วนไฟเป็นไฟ LED ค่ะ

ระหว่างห้องน้ำและห้องครัวติดตั้งถังดับเพลิงให้ด้วย

โซนด้านหลังจะเป็นพื้นที่สำหรับทำครัว และมีประตูบานเลื่อนปิดให้

จะเรียกห้องนี้ว่าเป็นห้องอเนกประสงค์ก็ได้นะคะ ภายในห้องมีหน้าต่างบานเลื่อนสำหรับเปิดระบายอากาศให้ 1 บาน 

Smoke Detector ตรวจจับควันไฟและความร้อน ติดตั้งอยู่บนเพดานด้านหลัง ช่วงหน้าห้องครัวค่ะ

ลานซักล้างด้านหลังบ้าน สำหรับบ้านเปล่ามาตรฐานจะเทคอนกรีตเสริมเหล็กขัดหยาบลาดยาวให้เต็มพื้นที่
ทำระบบท่อน้ำดี น้ำทิ้งให้เรียบร้อย ลงเสาเข็มให้ลึก 23 เมตร เท่าตัวบ้าน เพื่อรองรับการต่อเติมครัวไทยด้านหลัง
พร้อมรั้วสูงเกือบ 3 เมตร เพื่อความเป็นส่วนตัว

ประตูบานเลื่อนขนาดใหญ่เปิดเข้า-ออกสะดวก

เข้ามาชมด้านในบ้าน ตรงบันไดทางขึ้นชั้น 2 จะมีหน้าต่างบานกระทุ้งสำหรับระบายอากาศ
และรับแสงธรรมชาติให้ 1 บาน บันไดของที่นี่เป็นบันได Precast สำเร็จรูป มีชานพัก 2 จุด มีราวจับให้ 1 ข้าง

มาที่ชั้น 2 จะพบฟังก์ชัน 3 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ พื้นชั้นนี้ปูด้วยลามิเนตหนา 8 มิลลิเมตร

มีความสูงจากพื้นถึงเพดาน 2.6 เมตร

ตู้ควบคุมระบบไฟและกริ่งติดตั้งอยู่บนกำแพงหน้าห้องน้ำ ส่วนฝ้าเพดานที่เห็นจะมีพัดลมดูดอากาศ
และ Sky Light เพิ่มความสว่างให้พื้นที่ มีช่องลมระบายอากาศและความร้อน

จากภาพสามารถอธิบายระบบ Fresh Air ที่ช่วยเรื่องระบบหมุนเวียนอากาศภายในบ้าน ให้เข้าใจได้ดียิ่งขึ้น
1. เริ่มจากช่องลมที่ติดตั้งอยู่ตรงผนังทุกห้องรับอากาศจากภายนอกเข้ามาสู่ภายในตัวบ้าน อากาศก็จะถ่ายเทภายในบ้าน
2. พัดลมดูดอากาศก็จะดูดเอาอากาศที่ใช้แล้วขึ้นไปบนฝ้า เพื่อระบายออกไปที่ชายคาด้านนอกบ้าน
3. จากนั้นอากาศจากด้านนอก จะเข้ามาผ่านช่องลมอีกครั้ง ทำให้บ้านสดชื่น ลดอุณหภูมิ ลดกลิ่นอับ และช่วยประหยัดไฟฟ้าได้ดี

มาชมห้องนอน 3 กันต่อ ห้องนี้ขึ้นบันไดมาจะอยู่ติดกับทางขึ้นเลยค่ะ มีหน้าต่างบานเลื่อนให้ 1 บาน
ตรงผนังห้องมีช่องลมระบายอากาศมาให้ บ้านที่นี่ทุกหลังจะติดตั้งให้เหมือนกันค่ะ

ติดกันคือห้องนอน 2 มีขนาดใหญ่ขึ้นมาเล็กน้อย มีหน้าต่างบานเลื่อนให้ 1 บาน มีช่องลมให้เหมือนกันค่ะ

ติดกับห้องนอน 2 เป็นห้องน้ำชั้นบน วางตัวอยู่ตรงกลางบ้าน มีสุขภัณฑ์ให้ครบเหมือนชั้นล่าง วางตัวเรียงกันดังภาพเลย แต่ห้องน้ำชั้นนี้แยกส่วนเปียก/แห้งให้ มีประตูบานเลื่อนกั้น ติดตั้งพัดลมดูดอากาศให้ค่ะ

Master Bedroom ห้องนี้อยู่ติดกับห้องน้ำ วางตัวอยู่ฝั่งด้านหน้าบ้าน กินพื้นที่ตามความกว้างของบ้านคือ 5.7 เมตร


มีช่องลมระบายอากาศให้เหมือนกัน

จากรูปจะเห็นว่ามีหน้าต่างบานเลื่อนขนาดใหญ่ 2 บาน สามารถเปิดรับลมและมองวิวด้านนอกได้ชัดเจน
(ด้านบนคือหน้าต่างบานเลื่อน ด้านล่างเป็นกระจกบาน Fix) ถัดไปโซนด้านหลังสามารถกั้นเป็น Walk in Closet ได้
และมีหน้าต่างบานเลื่อนขนาดเล็กให้อีก 1 บาน

มีห้องน้ำในตัวให้ 1 ห้อง

ภายในห้องน้ำมีสุขภัณฑ์ให้ครบ ทั้งโถสุขภัณฑ์ อ่างล้างมือแบบบานปิด และก๊อกน้ำ พร้อมกับแยกส่วนเปียก/แห้งให้ด้วย
Shower Box ติดตั้งพัดลมดูดอากาศ และช่องแสงให้ทุกหลังเลยค่ะ


บ้านตัวอย่างพร้อมตกแต่ง

ชมบ้านเปล่ามาตรฐานกันไปแล้ว มาชมบ้านตัวอย่างพร้อมตกแต่งกันต่อนะคะ สำหรับบ้านหลังมุมจะมีพื้นที่
ด้านข้างบ้านมาให้แบบนี้

บ้านที่นี่ติดตั้งระบบ Home Automation ให้ทุกหลัง โดยระบบนี้จะใช้ Smart Phone ในการควบคุมการทำงานของเครื่องใช้ไฟฟ้า และสวิทช์ไฟต่างๆ ภายในบ้าน มีสัญญาณกันขโมย มีเครื่องตรวจจับการเคลื่อนไหว ช่วยตรวจจับความผิดปกติและแจ้งเตือนเมื่อเราไม่อยู่บ้าน ทำงานควบคู่กับกล้องวงจรปิดเพื่อตรวจสอบความผิดปกติภายในบ้านได้แบบ Real-time

บ้านตัวอย่างพร้อมตกแต่งในแบบเดียวกัน หน้ากว้าง 5.7 เมตร จอดรถได้ 2 คัน จะเห็นว่ามีการจัดวางผังห้องอยู่คนละฝั่งกัน แต่มีฟังก์ชันการใช้งานเหมือนกับบ้านเปล่าที่ชมมาเมื่อสักครู่นี้ทุกอย่าง

หน้า: [1] 2 3 4 5 6 ... 9