คุณพ่อคุณแม่จำนวนไม่น้อยที่ต้องพบเจอกับภาวะที่
ลูกร้องไม่หยุด หรืออาการโคลิค ซึ่งเป็นอาการที่ก่อให้เกิดความวิตกกังวลเป็นอย่างมาก เพราะอาจจะไม่แน่ใจว่าควรรับมือกับเหตุการณ์นี้ หรืออาการโคลิคเป็นอย่างไร วันนี้เราเพิ่มความเข้าใจเกี่ยวกับอาการ
โคลิคให้คุณพ่อคุณแม่มือใหม่กัน
โคลิค มีผลเสียต่อลูกน้อยหรือไม่
โคลิคหรืออาการที่ลูกน้อยร้องไม่หยุด
ลูกร้องไห้ไม่มีสาเหตุ โดยปัจจุบันยังไม่แน่ใจว่าเกิดขึ้นจากสาเหตุอะไร แต่มีสันนิษฐานกันว่าอาการเกิดจากระบบย่อยอาหารยังทำงานได้ไม่เต็มที่,มีอาการแพ้อาหาร เช่น นมวัว,ขาดสมดุลของแบคทีเรียในลำไส้,การได้รับอาหารมากหรือน้อยเกินไป รวมไปถึงความเครียดของลูกน้อยและความเครียดภายในครอบครัว
นักวิจัยเชื่อว่าโคลิคไม่มีผลเสียต่อลูกน้อยในระยะยาว แต่ในระยะสั้นจะส่งผลเสียต่อคุณพ่อคุณแม่ในด้านของความเครียดและความวิตกกังวล หลายคนอาจโทษตนเองว่าดูแลลูกได้ไม่ดีจนทำให้ ทารกร้องไห้ไม่หยุด หากเกิดความเครียดมากจนเกินไปแนะนำให้สลับกันเลี้ยง หรือรับคำแนะนำจากแพทย์นะ
แก้ไขอย่างไรเมื่อลูกน้อยร้องไห้ไม่หยุด
เมื่อลูกน้อยมี อาการโคลิค สิ่งที่คุณพ่อคุณแม่สามารถทำได้ก็คือ
1. ทำความเข้าใจว่าอาการนี้เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้กับเด็กทารก ดังนั้นจึงต้องรับมือกับทุกอย่างด้วยความใจเย็น อย่าวิตกกังวลหรือเครียดจนเกินเหตุไป
2. พยายามดูแลให้ลูกน้อยรู้สึกสบายตัวมากที่สุด ตรวจดูว่าลูกร้องไห้จากอะไร หากเกี่ยวกับความไม่สบายตัว เฉอะแฉะให้เปลี่ยนผ้าอ้อมโดยทันที
3. อาบน้ำอุ่นเพื่อให้ลูกน้อยรู้สึกผ่อนคลายและสบายตัวขึ้น
4. ใช้ผ้านุ่มๆ ห่อลูกแล้วโอบกอดให้แนบชิดอก หลักจากนั้นเดินโยกเบาๆ
5. ขยับขาลูกยืดขึ้นลงให้เข่าแตะตรงบริเวณกลางลำตัว จะช่วยไล่ลมออกจากท้องทำให้ลูกน้อยรู้สึกสบายตัวขึ้น
6. นวดตัวลูกโดยใช้ฝ่ามือแตะที่บริเวณสะดือแล้ววนเป็นรูปก้นหอยออกไปทางด้านล่างหรือด้านข้างของลำตัว จะทำให้ลูกน้อยรู้สึกสงบและผ่อนคลาย
7. จัดสภาพแวดล้อมให้สงบ หรี่ไฟในห้อง เปิดเพลงเบาๆ ให้รู้สึกผ่อนคลายมากยิ่งขึ้น
แม้ว่าอาการโคลิคจะสามารถหายไปได้เองเมื่ออายุ 4 – 6 เดือน แต่ก็สามารถก่อให้เกิดความเครียดให้แก่ตัวคุณพ่อคุณแม่ได้มากเพราะ เด็กร้องไห้ ไม่หยุด ดังนั้นจึงควรศึกษาอาการนี้ไว้เพื่อเตรียมตัววางแผนรับมืออย่างถูกวิธี โดยหากมีอาการแปลกๆ แนะนำให้พบแพทย์โดยทันที