อาการช็อคแบบนี้ เกิดจากผู้ป่วย
รักษาเบาหวานที่มีระดับน้ำตาลในเลือดสูง จัดเป็นภาวะฉุกเฉิน มีสัญญานเตือนก่อนช็อคคือ หิวน้ำและปัสสาวะบ่อย เซื่องซึม หากเป็นมากความดันก็ยิ่งต่ำ จนหมดสติได้ ซึ่งภาวะแบบนี้ พบได้บ่อยในผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 โดยเฉพาะในผู้ป่วยสูงวัยที่ดูแลตนเองไม่ดี
ปัจจัยส่งเสริมที่ทำให้ช็อค นอกเหนือจากการรักษาเบาหวานไม่ดี1.เกิดจากทานอาหารมากไป ขาดการออกกำลังกาย หรือฉีด
อินซูลินไม่ต่อเนื่อง
2.มีอาการเจ็บป่วยอย่างรุนแรงร่วมด้วย เช่น โรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด มีภาวะติดเชื้อ
3.ได้ยาต้านอินซูลิน
รักษาเบาหวาน เช่น สเตียรอยด์ และยาขับปัสสาวะ
ผู้ป่วยที่
รักษาเบาหวานและควบคุมน้ำตาลไม่ดี สามารถสังเกตุอาการเตือนได้ คือ หิวน้ำมาก, ดื่มน้ำบ่อย, ปัสสาวะบ่อย โดยเฉพาะตอนกลางคืน,อ่อนเพลีย,เหนื่อยง่าย, น้ำหนักลด, ตาพร่ามัว, จนผู้ป่วยเริ่มซึม กระทั่งหมดสติ หรือบางรายอาจชักกระตุก
หากมีอาการเตือนเกิดขึ้นก็ปฏิบัติตัวให้ถูกต้องก่อนช็อคได้ดังนี้ ดื่มน้ำมาก ๆ, ตรวจหาระดับน้ำตาลในเลือดหรือปัสสาวะหากพบว่าสูงให้เพิ่มยา,หรือพบแพทย์, ถ้ามีอาการชักกระตุกเฉพาะที่ หรือมีอาการซึม และมีระดับน้ำตาลในเลือดมากก็ให้พบแพทย์โดยด่วน
การป้องกันภาวะช็อคที่ถูกต้อง ควบคู่กับการรักษาเบาหวาน1.นอกจากรักษาและทานยาที่มีคุณสมบัติเหมือนที่เว็บนี้
https://www.gdyna.com/category/7/รักษาเบาหวาน ระบุไว้อย่างต่อเนื่องแล้ว ต้องรู้จักวิธีควบคุมเบาหวานอย่างถูกต้องด้วย โดยให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด ทั้งการควบคุมอาหาร ออกกำลังกาย ไปจนถึงการทานยาในปริมาณที่เหมาะสม
2.ผู้ป่วย
รักษาเบาหวานต้องตรวจระดับน้ำตาลในเลือดและในปัสสาวะอย่างสม่ำเสมอ
3.ในกรณีที่ผู้ป่วยเบาหวานไม่สบายร่วมด้วย ก็ควรไปเข้าพบแพทย์ ไม่ควรซื้อยามาะทานเอง และต้องบอกแพทย์ด้วยว่าเป็นเบาหวาน
4.ผู้ป่วยเบาหวานห้ามหยุดใช้ยาฉีด หรือยาแบบทานเด็ดขาด ถึงแม้ทาน
อาหารได้ในปริมาณน้อยก็ตาม.