ThaiFranchiseCenter Webboard

ThaiFranchiseCenter Webboard - Info Center

* สมัครสมาชิกเว็บบอร์ด ไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ ฟรี! *
หน้าแรก | เปิดร้านค้าฟรี! | โปรโมชั่นแฟรนไชส์ | ร้านหนังสือออนไลน์ | สนใจลงโฆษณา

ทางเว็บไซต์ ThaiFranchiseCenter.com ไม่มีส่วนรับผิดชอบกับข้อความต่างๆในเว็บบอร์ดแต่อย่างใด
    ไม่ว่าจะเป็นการซื้อ-ขาย-เช่า-เซ้ง หรือ อื่นๆ (ผู้ซื้อ หรือ ผู้ขาย กรุณาใช้วิจารณญาณในการติดต่อทางธุรกิจ)


โรคภูมิแพ้อากาศ แสบจมูก น้ำมูกไหล ไม่ใช่แค่หวัด


โรคภูมิแพ้อากาศ ปัญหาสุขภาพที่นอกจากสร้างความรำคาญให้กับผู้ป่วยแล้ว อาการไอ จาม มีน้ำมูกไหล ยังสร้างปัญหาในการเข้าสังคม หรือทำให้ผู้ป่วยขาดความมั่นใจในตัวเอง โรคภูมิแพ้อากาศ เหมือนหรือแตกต่างจากอาการหวัดอย่างไร สาเหตุของภูมิแพ้อากาศ และเมื่อเป็นภูมิแพ้อากาศควรดูแลตนเองอย่างไร บทความนี้ มีความรู้ดี ๆ มาแนะนำครับ
โรคภูมิแพ้อากาศ คืออะไร ?
โรคภูมิแพ้อากาศ คือ การอักเสบของเนื้อเยื่อจมูกเมื่อระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายมีปฏิกิริยาตอบสนองต่อสารก่อภูมิแพ้ในอากาศ แม้โรคนี้ไม่เป็นอันตรายถึงชีวิต แต่อาจทำให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตแย่ลงได้ และหากโรคภูมิแพ้อากาศเกิดร่วมกับหอบหืดและมีอาการแพ้รุนแรงอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้เช่นกัน
โรคภูมิแพ้ ต่างจากไข้หวัดอย่างไร ?
โรคภูมิแพ้อากาศและไข้หวัด หากจะแยกความแตกต่างของหวัดและภูมิแพ้อากาศ ในส่วนของหวัดจะมีอาการคัดจมูก น้ำมูกไหล โดยช่วงแรกน้ำมูกจะใสแล้วค่อย ๆ ข้นขึ้น แต่จะไม่มีอาการคันจมูก โดยระยะเวลาของโรคหวัดจะประมาณ 3-10 วัน ซึ่งต่างกับโรคภูมิแพ้อากาศที่ผู้ป่วยจะมีอาการคันจมูกร่วมด้วย รวมไปถึงอาการคันตา น้ำตาไหล และมักมีระยะเวลาของโรคยาวนานมากกว่า 2 สัปดาห์ขึ้นไป
ปัจจัยที่ทำที่เป็นสาเหตุของภูมิแพ้อากาศ
ภูมิแพ้ที่เกิดจากพันธุกรรม คนที่เป็นโรคภูมิแพ้จะมีภูมิคุ้มกันต่ำและยีนส์ที่ผิดปกติ สามารถถ่ายทอดไปยังลูกหลานได้
ภูมิแพ้ที่เกิดสารก่อภูมิแพ้ สาเหตุหลักของการเกิดภูมิแพ้ คือสารที่ก่อนภูมิแพ้ในอากาศและเข้าสู่ร่างกายโดยการหายใจ เช่น ไร้ฝุ่น เกสรดอกไม้ เชื้อรา
ภูมิแพ้ที่เกิดจากปัจจัยกระตุ้นอื่น ๆ ปัจจัยอื่นที่เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการภูมิแพ้ได้  เช่น สารเคมี กลิ่นฉุน กลิ่นบุหรี่ น้ำหอม
อาการของโรคภูมิแพ้อากาศ
คันในจมูก หรืออาจคันไปถึงในคอ เพดาน
มีอาการคันตา หรืออาจคันไปถึงหูด้วย
จามบ่อย จามไม่หยุด และอาจมีอาการไอร่วมด้วย
มีน้ำมูกใส ๆ
มีอาการแน่นจมูก หรือหายใจทางจมูกไม่สะดวก
มีอาการหูอื้อ
มีน้ำมูกไหลลงคอ มีเสียงดังในหู
การวินิจทางการแพทย์
แพทย์จะทำการซักประวัติสุขภาพ และสอบถามว่ามีบุคคลในครอบครัว หรือญาติทางสายเลือดเป็นโรคภูมิแพ้หรือไม่ จากนั้นจะทำการตรวจร่างกายเบื้องต้นและทดสอบอาการของโรคภูมิแพ้ เพื่อวินิจฉัยโรค ซึ่งทำได้ 2 วิธี ดังนี้ 
การทดสอบภูมิแพ้ทางผิวหนัง  แพทย์จะนำน้ำยาที่มีส่วนประกอบของสารก่อภูมิแพ้ทางอากาศหรือที่เป็นอาหารมาทดสอบกับผิวหนังของผู้ป่วย โดยผ่านการสะกิดที่ผิวหนัง จากนั้นจะให้ผู้ป่วยรอดูอาการประมาณ 20 นาที หากผู้ป่วยมีอาการแพ้บริเวณที่สะกิดผิวหนังของผู้ป่วยจะเกิดเป็นตุ่มนูนแดงขึ้นมา
การตรวจเลือดเพื่อหาสารภูมิต้านทานอิมมูโนโกลบูลินอีในเลือดของผู้ป่วยว่าก่อภูมิแพ้ใดบ้าง

การรักษาโรคภูมิแพ้อากาศ
โรคภูมิแพ้ เป็นโรคที่ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ ซึ่งการรักษาโรคภูมิแพ้โดยหลักๆ จะแบ่งเป็น 3 วิธี ได้แก่  
1. การรักษาโรคภูมิแพ้โดยรับประทานยาแก้แพ้ 
  การรักษาโดยการรับประทานยาแก้แพ้ จะแบ่งเป็น  2 กลุ่ม ได้แก่ ยาแก้แพ้กลุ่มที่ช่วยลดการหลั่งของสารฮิสตามีน และอาการภูมิแพ้อื่น ๆ ได้ดี แต่มีข้อเสียคือ ทำให้ผู้ป่วยง่วงซึม และกลุ่มที่ 2 ได้แก่ ยาแก้แพ้กลุ่มที่ถูกพัฒนาโมเลกุลยาให้ใหญ่ขึ้น เพื่อไม่ให้เคมีของยาผ่านเข้าสู่สมอง และไปรบกวนระบบประสาทส่วนกลางจนทำให้ผู้ป่วยง่วงซึม         
2. การรักษาโรคภูมิแพ้โดยการฉีดวัคซีน
การฉีดวัคซีนภูมิแพ้ คือ การฉีดเอาสารภูมิแพ้เข้าสู่ร่างกายเพื่อกระตุ้นให้ระบบภูมิคุ้มกันให้ทำปฏิกิริยาต่อสารที่คุณแพ้ และไม่ทำให้เกิดอาการแพ้อีก ผู้ป่วยที่เป็นภูมิแพ้สามารถฉีดวัคซีนได้ตั้งแต่อายุ 5 ขวบ โดยช่วงแรกแพทย์จะฉีดวัคซีนเข้าที่แขนให้สัปดาห์ละครั้งแล้วสลับข้างกัน ระยะเวลาที่เข้ารับการฉีดวัคซีนภูมิแพ้จะอยู่ที่ประมาณ 3-5 ปี ซึ่งแพทย์จะให้หยุดรับวัคซีนได้ก็ต่อเมื่อไม่มีอาการแพ้แล้ว แต่หากผู้ป่วยยังมีอาการแพ้อยู่หรือผลจากการรับวัคซีนยังไม่ดีพอ แพทย์ก็อาจยืดระยะเวลาการรับวัคซีนอย่างต่อเนื่องไปอีก 1 ปีหรือมากกว่านั้นตามอาการ
3. การรักษาโดยการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของตนเอง
การรักษาโดยการปรับเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมตนเอง นอกจากเป็นการรักษาโรคภูมิแพ้อากาศด้วยตนเองที่ได้ผลดี ประหยัดค่าใช้จ่ายไม่เสียเวลาในการรักษา ยังเป็นการป้องกันตนเองจากอาการภูมิแพ้ได้เป็นอย่างดี เช่น
หลีกเลี่ยงอย่าเข้าใกล้ หรือที่เสี่ยงที่จะได้รับสารก่อภูมิแพ้เข้ามาในร่างกาย
หมั่นทำความสะอาดบ้านอยู่เสมอ 
ตัดหญ้า และวัชพืชต่าง ๆ ที่คุณมีอาการแพ้
กำจัดแมลง เช่น มด แมลงสาบ ตัวต่อ แตนที่เสี่ยงจะกัดต่อย ที่ทำให้เกิดอาการแพ้ได้
รักษาอุณหภูมิของร่างกายตนเองให้อบอุ่นเสมอ 
หมั่นออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ 
หากิจกรรมทำเพื่อคลายเครียดเสมอ 
ตากผ้า ปลอกหมอน ผ้าปูที่นอน พรมหรือผ้าปูรองต่าง ๆ ไว้ในที่แดดจัดเสมอเพื่อฆ่าเชื้อโรค
หลีกเลี่ยงไม่ในที่ที่มีมลพิษทางอากาศสูง หรือที่สถานที่ที่มีสารเคมี
หากคุณแพ้ขนสัตว์ ควรหลีกเลี่ยงไม่เลี้ยงสัตว์ 
ฉีดยาป้องกันขนร่วง หรือบำรุงขนให้ไม่กลายเป็นฝุ่นละอองในบ้าน
โรคภูมิแพ้อากาศ เป็นปัญหาสุขภาพที่รบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน ทำให้คุณภาพชีวิตและประสิทธิภาพในการทำงานลดลง แต่อาการของโรคนี้จะไม่มีอันตรายต่อตัวคุณถ้าหากลองปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิต ระมัดระวังการใช้ชีวิต รักความสะอาด และตรวจสุขภาพเป็นประจำอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง  ก็สามารถรับมือและป้องกันตนเองให้ห่างไกลจากโรคภูมิแพ้อากาศได้

ขอบคุณบทความจาก https://aufarm.shop/allergic-rhinitis/
ขอบคุณเนื้อหา และสามารถติดตามเพิ่มเติมได้ที่: https://aufarm.shop/