แนวทางปฏิบัติเพื่อรับมือกับอาการโคลิคของลูกมีอยู่หลายวิธี แต่ไม่สามารถบอกได้ว่าวิธีไหนเป็นวิธีที่ดีที่สุด เพราะคุณพ่อคุณแม่ต้องอาศัยระยะเวลาในการเฝ้าสังเกตและลองปฏิบัติดูจนกว่าจะเจอวิธีที่เหมาะสมกับลูกของคุณ สิ่งที่สามารถทำได้เมื่อลูกร้องไห้งอแงผิดปกติมีดังนี้
1. เมื่อทารกร้องไห้ไม่ได้หมายความว่าหิวนมเสมอไป อาจแค่ต้องการบางอย่างหรืออยากดูดบางอย่าง คุณพ่อคุณแม่อาจให้ลูกดูดจุกหลอกหรือดูดนิ้วมือของทารกเองก็ได้
2. ตรวจสอบความชื้นของผ้าอ้อมหรือผ้าอ้อมสำเร็จรูปว่าสมควรเปลี่ยนได้หรือยัง ภาวะเปียกชื้นจะทำให้ทารกไม่สบายตัวและอาจเกิดผดผื่นขึ้นได้
3. ปรับอุณหภูมิภายในห้องให้เหมาะสม ไม่ร้อนหรือหนาวจนเกินไป
4. อุ้มทารกไว้ในอ้อมแขนพร้อมกับโยกไปมาเบาๆ เพื่อให้รู้สึกถึงความอบอุ่น หรืออาจอุ้มพาไปเปลี่ยนบรรยากาศภายนอกบ้านบ้าง
5. สำหรับเด็กที่อายุตั้งแต่ 6 สัปดาห์ขึ้นไปอาจใช้การนวดเพื่อทำให้เกิดความผ่อนคลาย นอกจากนี้การนวดยังช่วยไล่ลมและกระตุ้นระบบย่อยอาหาร โดยลักษณะการนวดมีดังต่อไปนี้
: ท่าวนเป็นก้นหอย โดยแตะนิ้วมือที่บริเวณสะดือแล้วนวดวนเป็นก้นหอยในทิศทางตามเข็มนาฬิกาจากด้านในออกสู่ด้านข้างหรือด้านล่างของลำตัว
: ท่าบิดหมุน จับทารกนอนหงายให้ช่วงครึ่งตัวบนราบติดกับพื้น เหยียดขาตรงหรืองอเข่าเล็กน้อย จับที่ปลายเท้าของทารกแล้วโยกจากด้านหนึ่งไปยังอีกด้านหนึ่ง ซึ่งท่านี้ยังช่วยกระตุ้นระบบขับถ่ายช่วยแก้ปัญหา
ลูกไม่ถ่ายได้
: ท่างอและยืดขา ให้ทารกนอนราบกับพื้น เหยียดขาตรงแล้วจับปลายเท้าของทารกขึ้นให้เข่าไปแตะบริเวณกลางลำตัว ท่านี้ช่วยไล่ลมได้ดี
: ท่าเท้าแตะปลายจมูก ให้ทารกนอนหงายงอเข่าเล็กน้อย จับฝ่าเท้าทั้งสองชนติดกันแล้วพยายามยกไปแตะที่ปลายจมูก
: ท่านิ้วโป้งนวดวน โดยให้ทารกอยู่ในท่าที่สบาย แล้วใช้นิ้วโป้งนวดวนเป็นก้นหอยที่บริเวณฝ่าเท้าหรือฝ่ามือ ช่วยในระบบย่อยอาหารและไล่ลม แก้ปัญหา
ทารกท้องอืด6. ในทารกที่หย่านมแม่แล้ว ควรหลีกเลี่ยงให้ลูกกินอาหารที่ก่อให้เกิดแก๊สในกระเพาะอาหาร เช่น ข้าวโอ๊ต กะหล่ำปลี ถั่ว อาหารที่ทำจากนม ผลไม้ที่มีรสเปรี้ยว ซึ่งใน
อาหารแม่ลูกอ่อนก็เช่นเดียวกัน ควรไม่ให้มีส่วนประกอบนี้เช่นกัน ป้องกันการส่งผ่านไปยังลูกและทำให้
ลูกท้องอืดและงอแงได้แม้ไม่ได้รับประทานเอง
7. ใช้มหาหิงคุ์ทาท้องลูก หากการที่ลูกร้องไห้งอแงเกิดจากการที่ลูกท้องอืด ยาทานี้จะช่วยลดอาการท้องอืดได้โดยใช้การทาแล้วนวดบริเวณหน้าท้องของลูก
เมื่อทารกสบายตัวขึ้นหรือหายเจ็บปวดก็จะหยุดร้องได้ แต่ถ้าหากไม่หยุดก็ควรขอคำแนะนำจากแพทย์ในการรักษา ทั้งนี้
โคลิคไม่ใช่โรคแต่เป็นอาการที่ไม่มีสาเหตุแน่ชัด บางครั้งพ่อแม่และทารกอาจต้องเผชิญกับภาวะนี้ในช่วงเวลาหนึ่งคือตั้งแต่ทารกอายุได้ 2 สัปดาห์ถึง 3 เดือน โดยเมื่อทารกอายุ 3-4 เดือนจะหายจากอาการนั้นเอง พ่อแม่จึงควรอดทนและมีกำลังใจอยู่เสมอเนื่องจากภาวะอารมณ์ของผู้ปกครองก็มีส่วนต่ออาการของลูกน้อยเช่นกัน