เมื่อธนาคารเริ่มฟรีค่าธรรมเนียมในการทำธุรกรรมผ่านระบบออนไลน์

[อัญณา]

ในปัจจุบันนั้นต้องยอมรับว่ามีคนสนใจที่จะทำ บัตรเครดิตฟรีค่าธรรมเนียม กันมากขึ้น ทั้งนี้ก็เพื่อความสะดวกต่างๆ ในการใช้ชำระค่าสินค้าหรือบริการต่างๆ แต่ทว่าสำหรับใครที่ยังไม่สามารถขออนุมัติบัตรเครดิตได้แต่ทว่ามีเงินสำรองพอที่จะใข้จ่ายในแต่ละเดือนนั้นก็อาจจะเลือกใช้วิธีการชำระผ่านระบบออนไลน์ของธนาคารต่างๆ ก่อนก็ได้ เพราะธนาคารต่างๆ นั้นเริ่มที่จะเปิดให้บริการทำธุรกรรมผ่านระบบออนไลน์ด้วยการงดเว้นค่าธรรมเนียมต่างๆ มากขึ้น ฉะนั้นในวันนี้เราจึงนำข้อดีและข้อควรระวังของการใช้บริการนี้มาฝากทุกคนกัน
ในส่วนของข้อดีนั้นก็อย่างเช่น
1.   เมื่อธนาคารต่างๆ งดการเก็บค่าธรรมเนียมนั้นก็จะทำให้เรานั้นประหยัดค่าใช้จ่ายในเรื่องของการเสียค่าธรรมเนียมนั่นเอง ซึ่งเมื่อก่อนนั้นมักจะฟรีค่าธรรมเนียมให้เราก็จริง แต่จะเป็นการฟรีค่าธรรมเนียมแบบมีเงื่อนไขต่างๆ อย่างเช่น ถ้าโอนเงินเกิน 15 ครั้ง ต่อเดือนก็จะเริ่มเสียค่าธรรมเนียมในการโอนเงิน และเป็นที่ทราบกันดีว่าในยุคปัจจุบันนั้นเราสามารถซื้อสินค้าผ่านระบบออนไลน์ได้อย่างง่ายดาย ฉะนั้นการที่ธนาคารต่างๆ เริ่มเปิดให้บริการทำธุรกรรมทางการเงินผ่านระบบออนไลน์กันมากขึ้นโดยไม่เสียค่าธรรมเนียมนั้นก็จะเป็นการดึงให้คนหันมาเปิดบัญชีเงินฝากกับธนาคารของตนมากขึ้นนั่นเอง รวมไปถึงเป็นการจูงใจให้คนหันมาขออนุมัติ บัตรเงินสด หรือบัตรเครดิตต่างๆ กับธนาคารมากขึ้นด้วยนั่นเอง
2.   ข้อดีอีกข้อหนึ่งที่เราอยากจะบอกทุกคนเลยเมื่อธนาคารต่างๆ เปิดให้เราทำธุรกรรมทางการเงินผ่านระบบออนไลน์ แถมยังฟรีค่าธรรมเนียมต่างๆ ให้เราด้วยนั้นมันจะทำให้เรานั้นสามารถที่จะจัดการระบบการเงินของเราได้สะดวกขึ้นนั่นเอง เพราะเราสามารถที่จะโอนเงิน ชำระเงินค่าสินค้าหรือบริการต่างๆ ได้ทุกที่ ทุกเวลา และเรายังมีความรวดเร็วและปลอดภัยอีกด้วย
และในส่วนของข้อควรระวังนั้นก็คือ
1.   เราต้องยอมรับว่าแม้ระบบรักษาความปลอดภัยในของธนาคารนั้นจะมีความแข็งแกร่งมากแค่ไหนก็ตาม แต่ถ้าหากเราไม่ระมัดระวังตัวเองแล้วเราก็อาจจะถูกกลุ่มมิจฉาชีพหลอกเอาได้ อย่างเช่นที่เห็นเป็นข่าวอยู่ประจำเลยก็คือ เรื่องของการถูกหลอกให้โอนเงินให้ การตอบอีเมลล์ที่เราไม่รู้จักหรือโหลดโปรแกรมแปลกๆ ลงคอมพิวเตอร์หรือมือถือโดยมิได้ตรวจสอบให้ถี่ถ้วนนั้นก็อาจจะทำให้ข้อมูลที่เราซิงค์ไว้กับแอพพลิเคชั่นของธนาคารนั้นเกิดการรั่วไหลได้ อย่างเช่น หมายเลขหรือรหัสยืนยัน credit card หรือข้อมูลเกี่ยวกับ บัตรเงินสด ฉะนั้นทางที่ดีคือ เราควรติดตามข่าวสารอยู่ตลอดเวลาว่ากลุ่มมิจฉาชีพนั้นอัพเลเวลไปถึงไหนแล้ว เราจะได้รู้เท่าทันและไม่ตกเป็นเหยื่อ หรือควรจะมีวิจารณญาณในการให้ข้อมูลต่างๆ มากขึ้นนั่นเอง
2.   ถ้าหากว่าในทุกๆ เดือนนั้นเราจำเป็นที่จะต้องทำธุรกรรมการเงินเหล่านี้ อย่างเช่น ถอนเงิน โอนเงิน จ่ายบิล เติมเงิน โดยทำผ่านทั้งช่องทางบริการ Internet , Mobile Banking และ ATM นั้นก็ควรแยกบัญชีเพื่อการออมและการใช้จ่ายออกจากกัน เพื่อป้องกันการสับสนเผลอดึงเงินออมออกมาใช้จ่าย โดยอาจจะสมัคร บัตรเครดิตฟรีค่าธรรมเนียม ไว้สำหรับใช้จ่ายซื้อสินค้าและบริการก็ได้