ThaiFranchiseCenter Webboard

ThaiFranchiseCenter Webboard - Info Center

* สมัครสมาชิกเว็บบอร์ด ไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ ฟรี! *
หน้าแรก | เปิดร้านค้าฟรี! | โปรโมชั่นแฟรนไชส์ | ร้านหนังสือออนไลน์ | สนใจลงโฆษณา

ทางเว็บไซต์ ThaiFranchiseCenter.com ไม่มีส่วนรับผิดชอบกับข้อความต่างๆในเว็บบอร์ดแต่อย่างใด
    ไม่ว่าจะเป็นการซื้อ-ขาย-เช่า-เซ้ง หรือ อื่นๆ (ผู้ซื้อ หรือ ผู้ขาย กรุณาใช้วิจารณญาณในการติดต่อทางธุรกิจ)


อาการหนังศีรษะลอก ปัญหาใหญ่ที่หลายคนมักมองข้าม

ปัญหาหนังศีรษะลอก

ปัญหาหนังศีรษะลอก เป็นภาวะที่หนังศีรษะระคายเคือง มีอาการหนังหัวลอกขุยหรือหลุดลอกออกมาเป็นแผ่น คล้ายรังแค บางครั้งอาจมีอาการคันร่วมด้วย ซึ่งอาจเกิดจากหนังศีรษะแห้งกว่าปกติ หรือน้ำมันบนหนังศีรษะน้อยเกินไป จนหนังศีรษะแห้งลอกจากการขาดความชุ่มชื้น เนื่องจากการสระผมบ่อยเกินไป การแพ้ผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับเส้นผม สภาพอากาศหนาวเย็น เป็นต้น อย่างไรก็ตาม มีวิธีแก้หนังหัวลอก และการดูแลรักษาที่ถูกวิธี อาจช่วยป้องกันหรือลดปัญหาหนังศีรษะลอกได้

หนังศีรษะลอกกับรังแค ต่างกันไหม

หนังศีรษะลอกกับรังแค

บางคนอาจจะสงสัยว่าหนังศีรษะลอกและรังแคเหมือนกันหรือต่างกันอย่างไร ในหัวข้อนี้เรามาดูกันว่ารังแค กับ หนังศีรษะลอกต่างกันอย่างไร มาไขข้อข้องใจกันเถอะ

หนังศีรษะลอกแห้ง

หนังศีรษะลอกแห้ง เกิดจากหนังศีรษะขาดความชุ่มชื้น ไม่สามารถสร้างความมันเพื่อมาปกคลุมเส้นผมได้อย่างเพียงพอ ทำให้หนังศีรษะลอกเป็นแผ่นหรือเป็นขุย เซลล์ผิวบนหนังศีรษะเกิดการระคายเคืองและหลุดลอกออกมาเป็นแผ่นเล็ก ๆ มีสีขาวกว่ารังแค

รังแค

รังแคเกิดจากหนังศีรษะมีความมันมากเกินไป จนน้ำมันส่วนเกินกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวบริเวณหนังศีรษะให้ออกมาเร็วและมากกว่าปกติ จึงสร้างเซลล์ผิวหนังที่หนังศีรษะและหลุดออกมาเป็นสะเก็ดผิวหนังจะเป็นแผ่นใหญ่ หนาและดูมันกว่าหนังศีรษะลอก ส่วนสีของรังแคจะเป็นสีขาวหรือสีเหลือง
ส่วนอาการคันหนังศีรษะทั้งรังแคหนังศีรษะลอกอาจจะมีคล้ายกัน แต่ถ้าเป็นรังแค หนังศีรษะจะเป็นขุยแดง ๆ และมีความมันกว่าปกติ

สาเหตุของหนังศีรษะลอก

หนังศีรษะลอกเกิดจากหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็น สระผมบ่อยเกินไป, อายุที่มากขึ้น, ภาวะขาดอาหาร, อยู่ในสภาพอากาศที่มีความชื้นต่ำ อากาศหนาวจัดหรือร้อนจัด และการใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมที่รุนแรงต่อหนังศีรษะ นอกจากนี้หนังศีรษะลอกอาจเกิดได้จากโรคผิวหนังที่เป็นสาเหตุหลักทำให้หนังศีรษะลอกได้ มี 4 โรค ดังนี้

หนังศีรษะลอกจากโรคผื่นภูมิแพ้ที่หนังศีรษะ

สาเหตุ

สาเหตุของโรคผื่นภูมิแพ้ที่หนังศีรษะ โดยโรคผื่นภูมิแพ้ที่หนังศีรษะ (Seborrheic Dermatitis) หรือเซ็บเดิร์มเกิดได้จากหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นโรคภายในร่างกาย สภาพอากาศภายนอกหรือผลข้างเคียงจากยาบางชนิด โดยสามารถสรุปสาเหตุที่อาจก่อให้เกิดโรคผื่นภูมิแพ้ที่หนังศีรษะทำให้ผิวหนังเกิดการอักเสบได้ดังต่อไปนี้

  • เกิดจากการกระตุ้นโดยเชื้อรามาลาสซีเซีย (Malassezia) ซึ่งเป็นสิ่งมีชีวิตที่ปกติอาศัยอยู่บนผิวหนัง เป็นสาเหตุที่เป็นไปได้ของโรคเซ็บเดิร์ม
  • ภาวะทางระบบประสาทและจิตเวช เช่น โรคพาร์กินสันและภาวะซึมเศร้า
  • ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ จะพบได้ในผู้ป่วยที่รับการปลูกถ่ายอวัยวะและผู้ติดเชื้อเอชไอวี/เอดส์ ตับอ่อนอักเสบจากแอลกอฮอล์และมะเร็งบางชนิด เป็นต้น
  • ความเครียด พักผ่อนไม่พอ และการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนหรือการเจ็บป่วย
  • ได้รับสารซักฟอกที่รุนแรง สารเคมี และสบู่
  • ยาบางชนิด เช่น psoralen interferon และ lithium
  • การเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศอย่างรวดเร็ว
  • โลชั่นชนิดที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์
  • ภูมิต้านทานผิดปกติ
  • พันธุกรรม

อาการ

อาการของโรคผื่นภูมิแพ้ที่หนังศีรษะ

  • ผิวหนังตกสะเก็ดเป็นรังแคบนหนังศีรษะ หรือบริเวณที่มีเส้นผม คิ้ว หรือหนวดเครา
  • ผิวมันเป็นแผ่น ปกคลุมด้วยสะเก็ดสีขาวหรือเหลือง และมีสะเก็ดแข็งบนหนังศีรษะ ใบหู ใบหน้า หน้าอก รักแร้ ถุงอัณฑะ หรือตามร่างกายส่วนอื่น ๆ
  • มีอาการปวด คัน แดง ผิวหนังลอกเป็นขุยสีขาวหรือสีเหลือง ผิวมัน
  • เปลือกตาอักเสบ มีอาการแดงหรือมีสะเก็ดแข็งติด
  • อาจมีอาการผมร่วงเกิดขึ้นร่วมด้วย
  • อาการอาจรุนแรงมากขึ้นหากมีความเครียดและมักจะเกิดรุนแรงในฤดูหนาวและฤดูร้อน

วิธีรักษา

โรคผื่นภูมิแพ้ที่หนังศีรษะ เป็นโรคที่เกิดขึ้นและอาจหายเองได้ แต่ในบางคนก็มีอาการต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม หากเป็นโรคผื่นภูมิแพ้ที่หนังศีรษะ และตัวโรคยังไม่ส่งผลเสียต่อการดำเนินชีวิต สามารถดูแลได้ด้วยตนเอง โดยมีวิธีดังต่อไปนี้

  • ดูแลผิวพรรณ ผิวหนังของตนเองด้วยแชมพูขจัดรังแค โลชั่น โดยแชมพูมีส่วนประกอบเป็น กรดซาลิไซลิก (Salicylic acid) คีโตโคนาโซล (Ketoconazole) เซเลเนียม ซัลไฟด์ (Selenium Sulfide) ซิงก์ ไพริไธออน (Zinc Pyrithione) โคล ทาร์ (Coal tar) โดยหากแชมพูมีประสิทธิภาพลดลง ให้เปลี่ยนไปใช้ยี่ห้ออื่นสลับกันไป ส่วนผิวบริเวณอื่น สามารถบรรเทาด้วยการหาซื้อผลิตภัณฑ์ต้านเชื้อราหรือโลชั่นคอร์ติโคสเตียรอยด์
  • รักษาความสะอาดบริเวณที่เป็นอยู่เสมอ โดยการล้างด้วยสบู่และน้ำเปล่า ไม่สระผมด้วยน้ำที่ร้อนหรือเย็นกว่าปกติ
  • ล้างทำความสะอาดร่างกายและหนังศีรษะเป็นประจำ
  • หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ เพราะอาจทำให้เป็นมากขึ้น
  • โกนหนวดเคราให้หมด เนื่องจากหนวดและเคราจะยิ่งทำให้ผิวหนังบริเวณที่เป็นโรคผื่นภูมิแพ้ที่หนังศีรษะแย่ลงได้
  • สวมใส่เสื้อผ้าเนื้อเรียบลื่น เพื่อป้องกันการระคายเคือง
  • ออกไปรับแสงแดดภายนอก แสงแดดจะช่วยหยุดการเจริญเติบโตของเชื้อราที่เป็นสาเหตุของการอักเสบ แต่ควรทาครีมกันแดดเพื่อป้องกันรังสียูวีด้วย
  • เลี่ยงการขีดข่วนหรือเกาที่จะทำให้เกิดการระคายเคืองและติดเชื้อตามมาได้ หากคันให้ใช้ครีมไฮโดรคอร์ติโซนหรือคาลาไมน์ช่วยระงับอาการชั่วคราว
  • ทำความสะอาดบริเวณเปลือกตาเบา ๆ หากเปลือกตามีลักษณะแดงหรือมีสะเก็ด โดยล้างด้วยแชมพูเด็กแล้วเช็ดสะเก็ดออกด้วยแผ่นสำลี
  • ขจัดความเครียดและนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ทานอาหารบำรุงผม เลี่ยงอาหารที่ทำให้ต่อมไขมันสร้างน้ำมันมากเกินไป
  • ลดการระคายเคืองบริเวณผิวที่เป็นโรค สระผมเบา ๆ ห้ามเกา แกะ ใช้ผ้าซับเบา ๆ การทายา ให้แตะเบา ๆ แทน
  • หากโรคผื่นภูมิแพ้ที่หนังศีรษะ ทำให้การดำเนินชีวิตลำบาก และเกิดความวิตกกังวล ควรปรึกษาแพทย์เพื่อเข้ารับการรักษา

หนังศีรษะลอกจากเชื้อราหรือโรคกลากบนหนังศีรษะ

หนังศีรษะลอกจากเชื้อราหรือโรคกลากบนหนังศีรษะ

สาเหตุ

โดยสาเหตุของหนังศีรษะลอกจากเชื้อราหรือโรคกลากบนหนังศีรษะ ซึ่งเกิดจากเชื้อ Tricophyton และ Microsporum พบมากในเด็กมากกว่าผู้ใหญ่ ผู้ที่สุขนิสัยไม่สะอาด หรือสุขภาพไม่ดี จะติดเชื้อราได้ง่าย โดยการระบาดมักจะเกิดเป็นบริเวณที่มีการอยู่ร่วมกัน เช่น พระหรือแม่ชีที่วัด เนื่องจากการใช้ใบมีดโกนผม หรือการใช้หวีร่วมกัน เด็กนักเรียนที่อยู่ในศูนย์เด็ก ซึ่งมีการสัมผัสและเล่นด้วยกันอย่างใกล้ชิด

อาการ

โดยอาการของหนังศีรษะลอกจากเชื้อราหรือโรคกลากบนหนังศีรษะที่พบบ่อย ได้แก่

  • ผมร่วงเป็นหย่อมๆ ที่ศีรษะ
  • ผมและหนังศีรษะตกสะเก็ด และมีรังแค
  • หนังศีรษะมีการอักเสบ จนอาจเกิดเป็นหนอง ซึ่งเมื่อรวมกันเป็นก้อนเรียกชันตุ (Kerion)
  • อาจจะมีเพียงรังแคเล็กน้อยเท่านั้น แต่เป็นพาหะนำโรคกลากไปสู่คนใกล้ชิด
  • ผมหักกลางและเห็นมีจุดดำ ๆ

วิธีรักษา

หากเป็นเชื้อราบนหนังศีรษะ วิธีที่ดีที่สุดควรไปปรึกษาแพทย์เพื่อหาทางรักษา เนื่องจากสาเหตุของการเกิด และความรุนแรงอาจจะแตกต่างกัน ควรรีบพบแพทย์ตั้งแต่รู้ตัวว่าเป็นโดยแพทย์จะทำการวินิจฉัยถึงชนิดของเชื้อรา สาเหตุ และทำการรักษาตามลำดับขั้นตอน เพื่อกำจัดต้นตอของโรคตั้งแต่การให้ยาสระผม รับประทานยา ใช้ทายาเพื่อรักษาเชื้อราบนหนังศีรษะ

หากหนังศีรษะมีการอักเสบร่วมด้วย เนื่องจากภูมิคุ้มกันในร่างกายตอบสนองกับเชื้อรามากเกินไป แพทย์จะใช้ยาแก้อักเสบ และยากดภูมิในการรักษาร่วมกับยาฆ่าเชื้อรา นอกจากนี้หากไม่รุนแรงก็สามารถดูแลรักษาด้วยวิธีง่าย ๆ ดังนี้

  • การรักษาความสะอาด เลี่ยงการใช้หมอนร่วมกับคนอื่น หมั่นเปลี่ยนปลอกหมอนและผ้าเช็ดตัวบ่อย ๆ ทำความสะอาดแปรงและหวีที่ใช้อย่างสม่ำเสมอ เพื่อไม่ให้เกิดเชื้อราซ้ำบนหนังศีรษะ
  • การรับประทานอาหารที่อุดมไปด้วยแร่ธาตุและวิตามิน ช่วยรักษาเชื้อราบนหนังศีรษะ เช่น กรดโฟลิก วิตามินบีรวม และวิตามินอี ซึ่งได้แก่ ผักใบเขียว ถั่วชนิดต่าง ๆ ธัญพืช และเนื้อสัตว์
  • การหมักผมสามารถช่วยรักษาเชื้อราบนหนังศีรษะได้ เช่น หมักผมด้วยมะกรูด หรือมะละกอ ก็สามารถช่วยลดอาการคันและลดเชื้อราบนหนังศีรษะได้

หนังศีรษะลอกจากโรคผื่นแพ้สัมผัส

แพ้ยาสระผมทำให้หนังศีรษะลอก

สาเหตุ

โดยหนังศีรษะลอกจากโรคผื่นแพ้สัมผัสนั้นเกิดขึ้นไม่บ่อย ส่วนมากจะเกิดบริเวณอื่นของร่างกายมากกว่า เนื่องจากหนังศีรษะคนเราค่อนข้างเกิดผื่นแพ้สัมผัสได้ยาก ซึ่งสาเหตุเกิดจากการมีประวัติสัมผัสสารที่อาจก่อให้เกิดอาการแพ้ เช่น แพ้ยาย้อมผมหนังศีรษะลอก และแพ้ยาสระผมหนังหัวลอก เป็นต้น

อาการ

โดยอาการของหนังศีรษะลอกจากโรคผื่นแพ้สัมผัส จะขึ้นอยู่กับระยะของโรคที่เป็น ได้แก่

  • ระยะเฉียบพลัน จะมีลักษณะเป็นผื่นแดง คัน ผิวหนังศีรษะบวมแดง และมีตุ่มน้ำใส ขึ้นบริเวณผิวหนังศีรษะที่สัมผัสกับสารที่แพ้
  • ระยะกึ่งเฉียบพลัน ระยะนี้ตุ่มน้ำใส จะเริ่มแตกออก แห้ง และเห็นเป็นสะเก็ดน้ำเหลือง ที่บริเวณผิวหนังศีรษะ
  • ระยะเรื้อรัง ผื่นจะมีลักษณะหนาตัวขึ้น แห้ง คัน และหนังศีรษะลอกตกสะเก็ดได้

วิธีรักษา

โดยวิธีรักษาหนังศีรษะลอกจากโรคผื่นแพ้สัมผัส ทำได้คร่าว ๆ เช่น

  • ใช้ยาทาผื่นที่ผิวหนังศีรษะ เพื่อลดการอักเสบ เช่น ยาทากลุ่มสเตียรอยด์ และยาทาลดการอักเสบกลุ่มอื่น ๆ รวมถึงให้ทานยาแก้แพ้ เพื่อช่วยลดอาการคันจากผื่น
  • หลีกเลี่ยงสารที่ก่อให้เกิดผื่นแพ้สัมผัส และสารที่ก่อการระคายเคืองผิวหนังศีรษะ

หนังศีรษะลอกจากโรคสะเก็ดเงิน

สาเหตุ

โดยสาเหตุของหนังศีรษะลอกจากโรคสะเก็ดเงิน อาจเกิดจากความผิดปกติของภูมิคุ้มกัน ทำให้การแบ่งตัวของเซลล์ผิวหนังเร็วกว่าปกติ การเจริญเติบโตและพัฒนาการของผิวหนังจึงไม่สมบูรณ์ รวมถึงการกระตุ้นโดยสิ่งแวดล้อม เช่น เป็นไข้หวัด ความเครียด พักผ่อนไม่เพียงพอ เป็นต้น

อาการ

หนังศีรษะลอกจากโรคสะเก็ดเงิน อาจจะมีคนสงสัยว่าเราจะสังเกตได้อย่างไร บอกได้เลยว่าไม่สังเกตอาการได้ไม่ยาก ในตอนแรกที่อาการไม่รุนแรงอาจจะมีแค่หนังศีรษะลอกเป็นสะเก็ดเพียงเล็กน้อย แต่ถ้าหากมีอาการรุนแรงจะสังเกตได้ว่ามีอาการ ดังต่อไปนี้

  • หนังศีรษะและบริเวณผิวใกล้เคียงเช่นหน้าผาก ท้ายทอย ไปถึงหลังใบหู มีผื่นแดงขึ้นเป็นปื้นหนา ขอบเขตชัด
  • หนังศีรษะมีผื่นแดงลอก และตกสะเก็ด ลักษณะคล้ายรังแค แต่สีมันวาว
  • ถ้าเป็นมากหนังศีรษะแห้งจะมีอาการแสบบนหนังศีรษะได้
  • จะรู้สึกคัน ทำให้ต้องเกาหนังศีรษะบริเวณนั้นบ่อย ๆ จะทำให้ผิวหนังเกิดความเสียหายมีอาการหนังศีรษะลอกผมร่วงตามมาและหากเกาแรงมากไปอาจทำให้เป็นแผลและเกิดการติดเชื้อได้

วิธีรักษา

เมื่อรู้สาเหตุและอาการของโรคแล้วขั้นตอนต่อไปเป็นวิธีรักษาเพื่อบรรเทาอาการและช่วยลดความรุนแรงของโรคได้ดังนี้

การรักษาโรคสะเก็ดเงิน ผู้ป่วยจะเป็นต้องไปพบแพทย์ เพื่อตรวจอาการของโรค และสาเหตุที่ทำให้โรคสะเก็ดเงินถูกกระตุ้นขึ้นมา บางครั้งอาจจะเป็นเพียงความเครียดก็จริง แต่บางครั้งก็อาจจะเป็นโรคร้ายแรงถึงชีวิตอย่างโรคมะเร็งได้

ส่วนการรักษาหนังศีรษะลอกเป็นสะเก็ดนั้น แพทย์จะให้ใช้ยาเฉพาะที่ ในรูปแบบของยาครีม โลชั่น น้ำมัน ขึ้ผึ้ง หรือแชมพูน้ำมันดิน (Tar shampoo) 2 – 3 ครั้งต่อสัปดาห์ และถ้าเป็นหนัก ไม่ตอบสนองต่อการรักษา อาจใช้วิธี ดังต่อไปนี้

  • การฉายแสง
  • การฉีดสเตียรอยด์
  • การรับประทานยาอ่อน ๆ เช่นยาคอร์ตฌคสเตียรอยด์ หรือยาเมโธเทรกเซก

สรุปเรื่องหนังศีรษะลอก

รักษาหนังศีรษะลอกโดยการทายา

โดยอาการหนังศีรษะลอก เป็นอาการที่มักเกิดจากโรคต่าง ๆ ซึ่งถึงแม้อาการหนังศีรษะลอกจะไม่ใช่อาการที่ร้ายแรงอะไร แต่ก็ไม่ควรนิ่งนอนใจ เพราะโรคที่มากับหนังศีรษะลอก อาจจะก่อให้เกิดการอักเสบจนทำให้ผมร่วงถาวรได้

ดังนั้นเมื่อมีอาการหนังศีรษะลอก ต้องสังเกตตัวเองว่ามีอาการอื่น ๆ ร่วมด้วยไหม หากเป็นแค่รังแคก็สามารถรักษาได้ด้วยตนเองที่บ้าน แต่ถ้ามีอาการอื่น ๆ ร่วมด้วย อย่างเช่นคันมาก หนังศีรษะแดง มีอาการบวม เป็นผื่น ก็ควรเข้าพบแพทย์ ก่อนที่จะเสียเส้นผมไปอย่างถาวร
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มีนาคม 07, 2023, 04:02:31 AM โดย พรสัก ส่องแสง »