ThaiFranchiseCenter Webboard

ThaiFranchiseCenter Webboard - Info Center

* สมัครสมาชิกเว็บบอร์ด ไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ ฟรี! *
หน้าแรก | เปิดร้านค้าฟรี! | โปรโมชั่นแฟรนไชส์ | ร้านหนังสือออนไลน์ | สนใจลงโฆษณา

ทางเว็บไซต์ ThaiFranchiseCenter.com ไม่มีส่วนรับผิดชอบกับข้อความต่างๆในเว็บบอร์ดแต่อย่างใด
    ไม่ว่าจะเป็นการซื้อ-ขาย-เช่า-เซ้ง หรือ อื่นๆ (ผู้ซื้อ หรือ ผู้ขาย กรุณาใช้วิจารณญาณในการติดต่อทางธุรกิจ)


เรียนต่อปริญญาตรีประเทศอังกฤษ UK ที่ไหนดี ต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง

เรียนต่อปริญญาตรีอังกฤษ

เนื่องด้วยคุณภาพทางการศึกษาทั้งยังมีมหาวิทยาลัยชั้นนำได้รับการยอมรับหลายแห่ง อาทิเช่น University of Oxford, University of Cambridge, University of St Andrews และ Imperial College London ทำให้ประเทศอังกฤษถือเป็นหนึ่งในประเทศยอดนิยมที่มีผู้สนใจเข้าเรียนต่อระดับปริญญาตรี ซึ่งการเรียนต่อปริญญาตรีประเทศอังกฤษยังมีข้อดีมากมายอย่างการต่อปริญญาโทง่าย ได้ภาษาแน่น และโอกาสในการได้งานที่สูงขึ้น

การเรียนต่อปริญญาตรีอังกฤษมีอยู่หลายหลักสูตรด้วยกัน โดยผู้ที่สนใจสามารถเลือกเรียนให้ตรงกับความพร้อมและความต้องการของแต่ละบุคคลได้ ไม่ว่าจะเรียนจบจากโรงเรียนมัธยมในไทยหลักสูตรทั่วไปหรืออินเตอร์ จบจากต่างประเทศ หรือแม้แต่เรียนชั้นปีที่หนึ่งในมหาวิทยาลัยแล้วก็สามารถสมัครเรียนได้ทั้งสิ้น แต่จะเริ่มต้นสมัครอย่างไรรวมทั้งต้องเตรียมเอกสารอะไรบ้างนั้น เราไปดูพร้อมๆ กัน

หลักสูตรปริญญาตรีอังกฤษ

ปริญญาตรีอังกฤษ หลักสูตร 3 ปี
การศึกษาต่อในระดับปริญญาตรีส่วนใหญ่จะใช้เวลาอยู่ที่ 3 ปี โดยแต่ละหลักสูตรสาขาวิชาจะประกอบไปด้วยการสัมมนา การฟังบรรยาย รวมทั้งเวิร์คชอปต่างๆ ซึ่งผู้เรียนสามารถเลือกลงได้ตามความถนัดและสนใจ

ปริญญาตรีอังกฤษ หลักสูตร 4 ปี
นอกจากหลักสูตรทั่วไปที่ใช้ระยะเวลาเรียน 3 ปีแล้ว การเรียนต่อปริญญาตรีในด้านวิทยาศาสตร์และวิศวกรรมศาสตร์ของมหาวิทยาลัยในประเทศอังกฤษนั้นจะใช้เวลาเรียนด้วยกันทั้งหมด 4 ปีจนจบหลักสูตร

หลักสูตร Fast Track
เป็นหลักสูตรแบบเต็มเวลาโดยใช้ระยะเวลาเพียงแค่ 2 ปีเท่านั้น ถือเป็นหลักสูตรที่ช่วยให้เรียนจบได้อย่างรวดเร็ว เหมาะกับผู้ที่ต้องการย่นระยะเวลาในการเรียนเพื่อทำงานต่อ

หลักสูตรการฝึกงานระหว่างเรียนหรือ sandwich course
หลักสูตรการฝึกงานระหว่างเรียนระยะเวลา 4 ปี โดยผู้เรียนจะได้ใช้เวลาหนึ่งปีในการฝึกงานที่เหมาะสมตามสาขาวิชาที่เลือกเรียน

หลักสูตรปริญญาตรีระยะสั้น Certificate of Higher Education (CertHE)
เป็นหลักสูตรระยะสั้นที่ผู้เรียนจะเรียนเต็มเวลา 1 ปี และทำงานพาร์ทไทม์ควบคู่ไปด้วย 2 ปี โดยหลังจากจบหลักสูตรนี้แล้วผู้เรียนจะไม่สามารถไปต่อในระดับที่สูงกว่าปริญญาตรีได้ นอกจากลงเรียนเพิ่มเติมในหลักสูตรแบบ 3 ปี

หลักสูตรปริญญาตรีระยะสั้น Diploma of Higher Education (DipHE)
หลักสูตรเรียนลัดโดยการเรียนเต็มเวลา 2 ปี เหมาะกับผู้เรียนที่ต้องการลดค่าธรรมเนียมการศึกษาและค่าครองชีพ เรียกได้ว่าประหยัดทั้งเงินและเวลา แต่หลักสูตรนี้หลังจากเรียนจบแล้วจะเหมือนกับ Certificate of Higher Education ที่ไม่สามารถไปต่อในระดับชั้นสูงกว่าได้ทันที แต่ต้องย้ายไปเรียนเพิ่มเติมในหลักสูตร 3 ปี

หลักสูตรปริญญาตรีอังกฤษ

เอกสารในการสมัครเรียน

  • Copy of Passport
สำเนาพาสปอร์ต แนะนำว่าให้มีอายุเหลือมากกว่าระยะเวลาหลักสูตรจะได้ไม่วุ่นวายทำเรื่องต่ออายุในภายหลัง

  • Application form
ใบสมัครเรียนของทางมหาวิทยาลัย

  • Transcript
ใบแสดงผลการเรียนฉบับภาษาอังกฤษ

  • Certificate of Graduation
ใบปริญญาบัตรรับรองการจบการศึกษาล่าสุดฉบับภาษาอังกฤษ

  • IELTS
ผลสอบวัดระดับทางภาษาอังกฤษ IELTS โดยเกณฑ์คะแนนขั้นต่ำส่วนใหญ่จะอยู่ที่ 6.0 ขึ้นไป โดยแต่ละพาร์ทจะต้องไม่ต่ำกว่า 5.5 ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับทางมหาวิทยาลัยที่เลือกเรียนกำหนดไว้ด้วย

  • Statement of Purpose (SOP)
จดหมายแนะนำตัว เนื้อหาเกี่ยวกับเป้าหมายในชีวิตพร้อมอธิบายว่าหลักสูตรที่ต้องการเรียนนั้นมีส่วนมาช่วยหรือพัฒนาอย่างไรบ้าง

  • Recommendation Letters
จดหมายรับรองที่เขียนโดยละเอียดจากอาจารย์หรือหัวหน้างาน ระบุถึงตัวผู้สมัครในด้านวิชาการ รวมถึงบุคลิกและลักษณะนิสัย จำนวน 2 ฉบับเป็นอย่างน้อย

  • Resume
ในกรณีที่ผู้สมัครเรียนมีประสบการณ์ทำงานแล้วควรแนบเรซูเม่มาด้วย

แนะนำเรียนต่อปริญญาตรีอังกฤษมหาลัยไหนดี

มหาวิทยาลัยในประเทศอังกฤษมีจำนวนมากกว่าร้อยแห่งโดยมีจุดเด่นและข้อดีที่แตกต่างกันออกไป แน่นอนว่าผู้สมัครย่อมมีสาขาที่ต้องการอยู่แล้วในใจ แต่ควรเลือกมหาวิทยาลัยไหนดีให้เหมาะหากอยากเรียนต่อด้านนี้ ซึ่งประเทศอังกฤษมีการแบ่งมหาวิทยาลัยออกเป็นสองกลุ่มด้วยกันคือ Top Rank และ New Universities

กลุ่มมหาวิทยาลัย Top Rank มักเป็นกลุ่มมหาวิทยาลัยที่มีประวัติศาสตร์รวมทั้งชื่อเสียงอย่างยาวนาน เป็นที่รู้จักกว้างขวางและมีจุดเด่นในด้านงานวิจัยต่างๆ แต่ด้วยเกณฑ์การรับที่สูงทำให้นักเรียนต่อคลาสนั้นมีจำนวนมากอาจทำให้ผู้สอนดูแลได้ไม่ทั่วถึง ตัวอย่างมหาวิทยาลัยกลุ่มนี้ ได้แก่ University of Cambridge, University of Durham, University of Oxford และ University of Nottingham

กลุ่มมหาวิทยาลัย New Universities เป็นกลุ่มสถาบันที่มีความชำนาญเฉพาะด้าน มีเวิร์คชอปเครื่องมือที่ทันสมัยเน้นให้ผู้เรียนลงมือปฏิบัติและได้ประสบการณ์จริง จำนวนนักเรียนต่อห้องน้อยทำให้เข้าถึงผู้สอนได้ง่าย ตัวอย่างมหาวิทยาลัยกลุ่มนี้ ได้แก่ University of Portsmouth, University of Middlesex, University of Brighton และ University of Central Lancashire

เรียนต่อปริญญาตรีมหาวิทยาลัยไหนดี

สรุป
การเรียนต่อปริญญาตรีอังกฤษประกอบด้วยปัจจัยหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นค่าเล่าเรียนตลอดหลักสูตรรวมถึงค่าครองชีพที่ต่างกันไปในแต่ละพื้นที่ ผู้ที่กำลังมองหาที่เรียนจึงควรเลือกมหาวิทยาลัยที่มีหลักสูตรการสอนตรงกับความต้องการตนเองและควรศึกษาข้อมูลให้ครบถ้วนก่อนการตัดสินใจ

นอกจากนี้การสอบถามข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ที่พร้อมให้คำแนะนำในเรื่องหลักสูตรและมหาวิทยาลัยจึงถือเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ เพราะจะช่วยให้การดำเนินการต่างๆ ตั้งแต่เริ่มเตรียมเอกสาร การประสานงานกับทางมหาวิทยาลัย ตลอดจนเรื่องที่พักและการเดินทางนั้นเป็นไปอย่างราบรื่น และไม่พลาดในทุกขั้นตอนเรียนต่อ

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ตุลาคม 05, 2022, 04:37:44 AM โดย พรสัก ส่องแสง »