ThaiFranchiseCenter Webboard

ThaiFranchiseCenter Webboard - Info Center

* สมัครสมาชิกเว็บบอร์ด ไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ ฟรี! *
หน้าแรก | เปิดร้านค้าฟรี! | โปรโมชั่นแฟรนไชส์ | ร้านหนังสือออนไลน์ | สนใจลงโฆษณา

ทางเว็บไซต์ ThaiFranchiseCenter.com ไม่มีส่วนรับผิดชอบกับข้อความต่างๆในเว็บบอร์ดแต่อย่างใด
    ไม่ว่าจะเป็นการซื้อ-ขาย-เช่า-เซ้ง หรือ อื่นๆ (ผู้ซื้อ หรือ ผู้ขาย กรุณาใช้วิจารณญาณในการติดต่อทางธุรกิจ)


ขับรถลุยน้ำท่วม แล้วรถดับ ทำอย่างไร?

ขับรถลุยน้ำท่วม แล้วรถดับ ทำอย่างไร?
« เมื่อ: กันยายน 12, 2022, 09:02:48 AM »
“ฤดูฝน” แม้จะสร้างความชุ่มฉ่ำและเป็นแหล่งน้ำทางธรรมชาติให้กับเกษตรกร แต่กลับเป็นปัญหาใหญ่ของคนเมืองหลวงอย่างในกรุงเทพมหานคร ที่หลายจุดกลายเป็นพื้นที่รับน้ำแบบแอ่งกระทะ ประกอบกับขาดการวางผังเมืองอย่างเป็นระบบ มีเศษขยะมากมายอุดตันตามท่อระบายน้ำ และมีปริมาณน้ำฝนมากจากร่องมรสุมที่มีกำลังแรงเลื่อนผ่าน (กรมอุตุฯ เตือน 5-9 ก.ย. 65 มรสุมแรงขึ้น ส่งผลฝนตกหนักมาก ระวังน้ำท่วมฉับพลัน https://hilight.kapook.com/view/226878) ส่งผลให้ไม่สามารถระบายน้ำได้ทัน และเกิดน้ำท่วมขังบนท้องถนนอย่างต่อเนื่องจนเป็นเหตุให้มีรถยนต์หลายคันต้องดับลงกลางทาง แล้วต้องทำอย่างไร? หากเกิดเหตุรถยนต์ดับระหว่างขับรถลุยน้ำท่วม
 
ขับรถลุยน้ำท่วมแล้วรถดับ เกิดจากอะไร?

สาเหตุของรถดับ เมื่อต้องขับรถลุยน้ำท่วม เกิดจาก 2 สาเหตุหลักคือ

1.   ระบบไฟฟ้าในรถเปียกน้ำ  ทำให้กล่องควบคุมระบบไฟฟ้าหรือ ECU (Electronic Control Unit) ซึ่งมีหน้าที่หลักในการควบคุมการสั่งจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงและการจุดระเบิดของเครื่องยนต์ได้รับความเสียหายหรือเกิดการลัดวงจรทำให้เครื่องดับ

2.   น้ำเข้าระบบกรองอากาศ (ท่อไอดีของเครื่องยนต์) ทำให้น้ำเข้าห้องเผาไหม้เครื่องยนต์ส่งผลให้หัวฉีดเชื่อเพลิงได้รับความเสียหายหรือในบางกรณีอาจเกิดจากน้ำเข้าก้านวัดระดับน้ำมันหล่อลื่นเครื่องยนต์ทำให้เครื่องยนต์ดับ

รถดับที่แช่อยู่ในน้ำส่งผลเสียอย่างไร?

การทำงานของรถนั้นเป็นการหล่อลื่นด้วยน้ำมัน รวมทั้งอาศัยการอัดอากาศให้เกิดแรงดันทำให้เครื่องยนต์ทำงาน หากต้องขับรถที่เครื่องยนต์มีอุณหภูมิสูงอยู่ เข้าไปเจอกับน้ำที่เข้าเครื่องมาจากช่องกรองอากาศ ความเย็นของน้ำและค่าความหนืดของน้ำที่ไหลเข้าไปยังห้องเผาไหม้ (ลูกสูบ) ในเครื่องยนต์เบนซิน จะทำให้รถยนต์ดับจากการที่มีน้ำเข้าไปในระบบกรองอากาศและเกิดอาการน็อคทันที
 
นอกจากเครื่องยนต์จะเสียหายแล้ว ยังมีระบบเบรก ระบบเพลา ระบบลูกหมากต่างๆ ที่มีลูกยางห่อหุ้มอยู่อาจมีน้ำเข้าไปขัง รวมถึงระบบเกียร์ในเฟืองท้าย สายพานและหัวเทียนในรถมอเตอร์ไซค์ที่จำเป็นต้องล้างด้วยน้ำมันเพื่อเอาน้ำออกให้หมด รวมถึงอุปกรณ์ในห้องโดยสารที่มีระบบไฟฟ้า โดยเฉพาะรถยนต์รุ่นใหม่ที่อาศัยกล่องควบคุมระบบไฟฟ้าหรือ ECU (Electronic Control Unit) ซึ่งมีหน้าที่หลักในการควบคุมการสั่งจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงและการจุดระเบิดของเครื่องยนต์ แบตเตอรี่ และประตูที่อาจเกิดสนิมขึ้นได้ด้วย


ขับรถลุยน้ำท่วม แล้วรถดับ ควรทำอย่างไร?

หากจำเป็นต้องขับรถเข้าไปในเส้นทางที่มีฝนตกหนักและน้ำท่วมสูง (ขับรถลุยน้ำท่วมสูง หรือน้ำป่าหลากอย่างไรให้ปลอดภัย https://www.smk.co.th/newsdetail/1648) จนเป็นสาเหตุทำให้รถยนต์ดับ ควรปฏิบัติดังนี้

1.   ระดับน้ำท่วมสูงถึงพื้นรถยนต์ แต่ไม่ถึงระดับของเบาะนั่ง
การที่ล้อและอุปกรณ์ช่วงล่างต่างๆ ถูกแช่อยู่ในน้ำเป็นเวลานาน อาจทำให้เกิดสนิมใต้ท้องรถได้ ควรตรวจเช็กระบบเบรกของทั้ง 4 ล้อ และผ้าเบรกให้เรียบร้อยหลังนำรถขึ้นจากน้ำ พร้อมตรวจสอบไดสตาร์ต ว่าได้รับความเสียหายมากน้อยแค่ไหน เพราะถึงแม้จะถูกออกแบบมาให้มีความทนทาน แต่ไดสตาร์ทที่ได้รับความเสียหายจากน้ำเข้า ก็สามารถก่อปัญหาแก่รถในระยะยาวได้

นอกจากนี้ หากพื้นพรมรถเปียกชื้น แสดงว่าน้ำมีการซึมเข้ามาภายในรถ ให้ถอดนำพรมไปซักและตากแดดเพื่อป้องกันกลิ่นอับชื้น และล้างภายนอกรถให้สะอาดโดยเฉพาะใต้ท้องรถและซุ้มล้อต่างๆ เพื่อล้างคราบโคลนสิ่งสกปรกต่างๆ ที่ติดอยู่ภายใน

2.   ระดับน้ำท่วมสูงถึงเบาะที่นั่ง
ในกรณีที่น้ำท่วมสูงถึงเบาะนั่ง เมื่อนำรถขึ้นจากน้ำแล้ว ห้ามสตาร์ตรถหรือบิดกุญแจไปที่ ON โดยเด็ดขาด เพราะระดับความสูงของน้ำจะสร้างความเสียหายภายในห้องเครื่องยนต์ จึงควรถอดแบตเตอร์รี่ออกในทันที และตรวจสอบอุปกรณ์อื่นๆ เช่น พัดลมระบายความร้อน ซึ่งสำคัญมากสำหรับการถ่ายเทความร้อนของห้องเครื่อง หรือกล่อง ECU ที่เป็นสมองกลไฟฟ้าควบคุมเครื่องยนต์  ที่สำคัญคือการไล่ความชื้นออกจากระบบเกียร์ ระบบของเหลว ระบบหล่อลื่นต่างๆ ของรถ และทั้งตัวรถ

3.   ระดับน้ำท่วมสูงถึงคอนโซลหน้า หรือมิดหลังคา
น้ำท่วมในระดับนี้เป็นระดับที่สร้างความเสียหายให้กับรถยนต์ได้อย่างมาก เมื่อนำรถขึ้นจากน้ำแล้วห้ามสตาร์ตรถ หรือบิดกุญแจไปที่ ON โดยเด็ดขาดเช่นเดียวกับระดับที่ 2 เพราะอาจทำให้เครื่องยนต์ได้รับความเสียหายและระบบไฟฟ้าลัดวงจรได้ ควรรีบถอดแบตเตอรี่ออกในทันที หรือหากพบว่ามีน้ำเข้าควรเปลี่ยนแบตเตอรี่ทันทีด้วยเช่นกัน

จากนั้นให้รีบนำรถส่งช่างผู้เชี่ยวชาญเพื่อตรวจเช็กของเหลวทุกอย่างภายในรถ เช่น น้ำมันเครื่อง น้ำมันเกียร์ น้ำมันเบรก น้ำหล่อเย็น หรือสารหล่อลื่นอย่างจาระบี รวมถึงอุปกรณ์ไฟฟ้าต่างๆ ที่แผงหน้าปัทม์และคอนโซลต้องถอดออกมาทำความสะอาดและเป่าแห้งทั้งหมด ทั้งนี้ รถจมน้ำส่วนใหญ่ หลังจากแก้ไขปัญหาจากที่กล่าวมาแล้วทั้งหมด ก็อาจไม่สามารถกลับมาทำงานได้ตามปกติดังเดิม
 
อุบัติเหตุบนท้องถนนเป็นเรื่องที่ไม่คาดคิด แม้จะระมัดระวังได้ดีแค่ไหน แต่อุบัติเหตุก็อาจเกิดขึ้นได้ โดยเฉพาะการเดินทางในเมืองกรุงที่นอกจากจะต้องเจอกับปัญหาจราจรบนท้องถนนแล้ว ยังต้องรับมือกับภัยธรรมชาติอีกด้วย เลือกทำประกันรถยนต์คนกรุง เบี้ยไม่ยอมเปลี่ยนแปลง ประกันรถยนต์ภาคสมัครใจ ประเภท 1 เบี้ยเริ่มต้น 11,600 บาท เบี้ยไม่ยอมเปลี่ยนแปลง คุ้มครองครอบคลุมทุกกรณี สนใจรายละเอียด คลิก https://www.smk.co.th/productmotordetail/19 หรือ โทร.1596 Line : smkinsurance พร้อมติดตามอ่านข่าวสารสาระดีๆ ได้ที่ https://smkinsurance.blogspot.com/