ThaiFranchiseCenter Webboard

ThaiFranchiseCenter Webboard - Info Center

* สมัครสมาชิกเว็บบอร์ด ไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ ฟรี! *
หน้าแรก | เปิดร้านค้าฟรี! | โปรโมชั่นแฟรนไชส์ | ร้านหนังสือออนไลน์ | สนใจลงโฆษณา

ทางเว็บไซต์ ThaiFranchiseCenter.com ไม่มีส่วนรับผิดชอบกับข้อความต่างๆในเว็บบอร์ดแต่อย่างใด
    ไม่ว่าจะเป็นการซื้อ-ขาย-เช่า-เซ้ง หรือ อื่นๆ (ผู้ซื้อ หรือ ผู้ขาย กรุณาใช้วิจารณญาณในการติดต่อทางธุรกิจ)


ตาแห้ง โรคที่หลายคนไม่ควรนิ่งนอนใจ

ตาแห้ง โรคที่หลายคนไม่ควรนิ่งนอนใจ
« เมื่อ: สิงหาคม 19, 2022, 03:16:48 PM »
ตาแห้ง

ปัญหาตาแห้ง มักเกิดจากปริมาณน้ำตาไม่เพียงพอต่อการหล่อเลี้ยงดวงตาให้มีความชุ่มชื้น ทำให้ผู้ที่มีอาการตาแห้งเกิดการระคายเคืองและแสบตา ส่วนมากอาการตาแห้งมักจะเกิดขึ้นได้กับทุกเพศทุกวัย โดยเฉพาะคนทำงานที่ต้องใช้งานจากจอคอมพิวเตอร์อยู่ทุกวัน

แต่ถึงอย่างไรอาการตาแห้งก็ยังไม่ถือว่าเป็นโรคที่ร้ายแรงนัก แต่มักจะส่งผลต่อการทำงานหรือสร้างปัญหากวนใจให้กับผู้ที่ประสบกับปัญหานี้ได้ไม่น้อย หากปล่อยไว้นานอาจลุกลามถึงขั้นทำให้ตาของเราอักเสบเสี่ยงต่อการตาบอดได้

ภาวะตาแห้งคืออะไร
ตาแห้งคือ อาการขาดน้ำของดวงตา เกิดจากปริมาณของน้ำตาที่ไม่เพียงพอที่จะไปหล่อเลี้ยงดวงตาของเราให้มีความชุ่มชื้น มักจะเกิดจากระบบต่อมน้ำตาที่ทำงานผิดปกติจนทำให้เกิดการระเหยของน้ำตา ทำให้มีปริมาณของน้ำตาที่ไม่เพียงพอส่งผลให้เกิดอาการ เคืองตา ตาแห้งและแสบตาได้

ภาวะตาแห้งเกิดจากอะไร
ภาวะอาการตาแห้งหรือลูกตาแห้งเกิดได้จากสาเหตุหลายประการที่จะเข้าไปทำลายกระจกตาโดยในดวงตาของเรานั้นจะประกอบไปด้วย ชั้นไขมัน (Lipid Layer) ชั้นน้ำ (Aqueous Layer) และชั้นเมื่อก (Mucous Layer) ที่หล่อเลี้ยงดวงตาของเราเอาไว้ให้มีความชุ่มชื้นหากว่าเกิดความผิดปกติต่อชั้นใดชั้นหนึ่งก็จะทำให้มีอาการตาแห้งแสบตาได้ โดย 2 ปัจจัยหลักที่ทำให้เกิดอาการตาแห้งก็คือ

 อาการตาแห้ง

1. กระบวนการสร้างน้ำตาที่น้อยกว่าปกติ

อย่างที่กล่าวไปตาแห้งเกิดขึ้นได้เมื่อมีการผลิตปริมาณน้ำตาที่ไม่เพียงพอซึ่งเกิดได้จากสาเหตุต่อไปนี้ เช่น อายุผู้ที่มีอายุสูงวัย จะทำให้ร่างกายมีการสร้างน้ำตาลดลงพบได้บ่อยในเพศหญิงโดยเฉพาะเพศหญิงหลังหมดประจำเดือน หลังจากที่ปริมาณระดับฮอร์โมนลดลงทำให้สารคัดหลั่งในร่างกายและน้ำตามีปริมาณลดลงตามไปด้วย

การใช้ยาบางชนิด ที่ส่งผลให้มีปริมาณน้ำตาลดลงทำให้เกิดตาแห้ง เช่น ยาแก้แพ้ ยาซึมเศร้า ยาลดอาการคัดจมูก ยาสำหรับลดความดันโลหิตสูง

ภาวะจอประสาทตาเสื่อม จากการใช้คอนแทคเลนส์หรือความเสียหายของเลนส์ประสาทตาก็ทำให้เกิดอาการตาแห้งได้ โดยอาการตาแห้งที่เกี่ยวข้องกับปัจจัยเหล่านี้มักจะเกิดขึ้นได้เพียงชั่วคราวแต่ก็ส่งผลกระทบต่อโรคตาแห้งได้เหมือนกัน

2. การระเหิดของน้ำตาที่เร็วกว่าปกติ

สาเหตุที่ทำให้เกิดการระเหยของน้ำตาเกิดได้จากโรคของต่อมไมโบเมียน (Meibomain gland disease) มีการทำงานผิดปกติหรือมีการอุดตัน เพราะต่อมไมโบเมียน เป็นต่อมไขมันชนิดหนึ่งที่อยู่รอบดวงตา ทำหน้าที่ผลิตไขมันมาเคลือบผิวที่ดวงตาช่วยป้องกันการระเหยของน้ำตาและรักษาสมดุลทำให้ดวงตามีความชุ่มชื้น

ต่อมาคือโรคหรือภาวะที่ก่อให้มีอัตราการกระพริบตาน้อยกว่าปกติ เช่น การจดจ่ออยู่กับกิจกรรมบางอย่างหรือการจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์นานเกินไปรวมไปถึงอายุที่มากขึ้น การใส่คอนแทคเลนส์เป็นประจำ ภาวะขาดวิตามินเอ และโรคภูมิแพ้

อาการของภาวะตาแห้ง

  • ดื่มน้ำน้อย
  • ใช้สายตาเป็นเวลานาน เช่น การทำงานหน้าคอมพิวเตอร์จ้องจอเป็นเวลานาน
  • ใช้คอนแทคเลนส์เป็นเวลานาน
  • มีการสร้างน้ำตาลลดลงในผู้สูงอายุ
  • เป็นภูมิแพ้ที่ตา
  • เคยทำเลสิกหรือผ่าตัดตา
  • เกิดจากผู้ที่มีปัญหาหลักการไม่สนิท

สาเหตุที่ทำให้ตาแห้ง

ใครบ้างที่เสี่ยงภาวะตาแห้ง
ในความเป็นจริงแล้วผู้ที่จะประสบกับปัญหาตาแห้งนั้นสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกเพศทุกวัย แต่โดยส่วนมากจะพบได้ในผู้หญิงวัยหมดประจำเดือน เพราะอายุที่มากขึ้นทำให้มีการผลิตสารคัดหลั่งรวมไปถึงผลิตน้ำตาลดลงไปด้วย

ผลข้างเคียงจากภาวะตาแห้ง
หากปล่อยให้อาการตาแห้งเรื้อรังโดยที่ไม่รีบพบจักษุแพทย์อาจนำไปสู่อาการข้างเคียงได้ดังต่อไปนี้

  • กระจกตาอักเสบหรือติดเชื้อ
  • กระจกตาเป็นแผล
  • การอักเสบบริเวณเปลือกตาและดวงตา
  • การดึงรั้งของเปลือกตาทำให้ขนตาลงมาทิ่มตา
อาการข้างเคียงที่กล่าวมาข้างต้นมักมาจากสาเหตุเดียวกันคือการทำงานผิดปกติของดวงตา อายุที่มากขึ้น การขาดสารอาหาร การมีโรคประจำตัวเช่นโรคภูมิแพ้รวมไปถึงการใช้ยาบางประเภท สาเหตุเหล่านี้คือตัวการที่ทำให้เกิดผลข้างเคียงตามมาได้ทั้งหมด

ผลข้างเคียงจากอาการตาแห้ง ตาอักเสบ

ตาแห้ง..เมื่อไหร่ที่ควรพบแพทย์
หากรู้สึกว่ามีอาการตาแห้งเกิดกับเราบ่อยมากจนเกินไปหรือมีอาการดังต่อไปนี้เช่น อาการตาแดง น้ำตาไหล ตาพร่ามัว มีเมือกเหนียวๆรอบดวงตาหรือไม่สามารถมองเห็นได้ปกติ ก็ควรที่จะเข้าไปพบจักษุแพทย์ได้แล้ว หากปล่อยไว้นานจนอาการเรื้อรังอาจทำให้ตาบอดได้ ทางที่ดีรีบเข้าไปหาจักษุแพทย์เพื่อให้แพทย์ช่วยประเมินอาการและหาทางรักษาได้ทันท่วงที

การตรวจวินิจฉัยภาวะตาแห้ง
จักษุแพทย์จะทำการวินิจฉัยโรคจากขั้นตอนต่อไปนี้

  • ซักประวัติผู้ป่วยเพื่อหาอาการและปัจจัยที่ทำให้เกิดตาแห้ง
  • ตรวจตาภายนอกและประเมินกระจกตา
  • ทดสอบเพื่อวัดปริมาณน้ำตา
  • หนวดต่อมน้ำตาไมโบเมียน
  • การทดลองอนุภาพและน้ำในน้ำตา (Tear Osmolarity Test)

แนวทางการรักษาภาวะตาแห้ง

การรักษาบรรเทาอาการด้วยตัวเอง

การหยอดน้ำตาเทียม บรรเทาอาการตาแห้ง

การใช้น้ำตาเทียม ในน้ำตาเทียมจะมีส่วนผสมที่ให้ความชุ่มชื้นแก่ดวงตา นำมาใช้เพื่อทดแทนน้ำตาตามธรรมชาติ สามารถบรรเทาอาการตาแห้ง เคืองตาได้รวมไปถึงเป็นสารหล่อลื่นให้กับดวงตาขณะที่ใส่คอนแทคเลนส์อยู่ได้ด้วย

ทั้งนี้ทั้งนั้นการใช้น้ำตาเทียมก็มีข้อควรระวังคือ ควรหยอดตาไม่เกินวันละ 4-5 หยด ในผู้ที่มีอาการตาแห้งน้อยสามารถใช้น้ำยาที่มีสารกันเสียได้ หากผู้ที่มีอาการตาแห้งมากควรหยอดตามากกว่า 6 ครั้งต่อวันและไม่ควรใช้ยาหยอดตาที่มีสารกันเสียเป็นส่วนผสมและควรใช้ให้หมดภายใน 24 ชั่วโมงเพื่อป้องกันการปนเปื้อนของเชื้อโรค

การทำความสะอาดเปลือกตา เป็นวิธีที่ง่ายเพียงแค่นำสำลีชุบด้วยน้ำสะอาดหรือน้ำยาสำหรับทำความสะอาดเปลือกตาเช็ดบริเวณขอบเปลือกตาและโคนขนตาให้สะอาดสามารถทำได้ 1-2 ครั่งต่อวัน

การดูแลเปลือกตาโดยการนวดเปลือกตา  การนวดเปลือกตาเพื่อบรรเทาอาการตาแห้งเรื้อรังวิธีการนวดจะเป็นการกดและรีดตามแนวการวางตัวของต่อมไขมันที่ขอบเปลือกตา หากนวดเปลือกตาบนให้มองลงล่างใช้นิ้วนวดจากบนลงล่าง หากนวดเปลือกตาล่างให้มองขึ้นบนและใช้นิ้วนวดจากล่างขึ้นบน  ลักษณะการออกแรงคือกดพอสมควรและเริ่มนวดจากหัวตาไปหางตา

การปรับพฤติกรรมประจำวันเพื่อแก้ปัญหาตาแห้ง ทำได้โดยการพักสายตาเป็นระยะ ควรพักสายตาทุก 20 นาที มีการเตือนตัวเองให้มีการกระพริบตาบ่อยขึ้น หลีกเลี่ยงควันบุหรี่สาเหตุที่ทำให้เกิดอาการตาแห้งและสวมแว่นตาเมื่อจำเป็นที่ต้องทำกิจกรรมปะทะกับลมแรงๆ

งดใส่คอนแทคเลนส์ เนื่องจากจะทำให้ดึงน้ำจากกระจกตามาใช้า ก่อให้เกิดอาการระคายเคือง ตาแห้งและเป็นสาเหตุที่ทำให้คุณภาพน้ำตาเปลี่ยนแปลงไป หากจำเป็นต้องใส่จริงๆควรเลือกใส่แบบ soft lens เพราะจะช่วยคงความชุ่มชื้นได้มากกว่าคอนแทคเลนส์แบบปกติ

ประคบอุ่นบริเวณเปลือกตา วิธีการนี้จะช่วยให้ไขมันที่อุดตันท่อทางออกของต่อมไขมันละลายตัวและขับไขมันออกมาได้ดีขึ้น สามารถใช้เจลประคบร้อนหรือนำผ้าขนหนูไปชุบกับน้ำอุ่น ให้ความร้อนอยู่ที่ประมาณ 40 องศาเซลเซียส จากนั้นนำมาประคบบริเวณเปลือกตาทั้ง 2 ข้างเป็นเวลา 10-15 นาที

การรักษาทางการแพทย์

การรักษาโรคตาแห้งด้วยการใช้น้ำตาซีรั่ม

การใช้ยารักษาอาการตาแห้ง ประเภทของยา ได้แก่

  • Cholinergics  ยากระตุ้นน้ำตาช่วยกระตุ้นกระบวนการผลิตน้ำตาเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ดวงตามีทั้งแบบยาเม็ดเจลและยาหยอดตา
  • Corticosteroid สำหรับผู้ที่มีอาการตาแห้งมากจะช่วยลดอาการอักเสบของกระจกตา
  • Azithromycin และ Doxycyclineเป็นยาปฏิชีวนะลดอาการอักเสบบริเวณเปลือกตา
  • Cyclosporineยาชนิดนี้จะช่วยลดอาการอักเสบของกระจกตาและเพิ่มปริมาณน้ำตาลดอาการระคายเคืองบริเวณกระจกตา

การใช้น้ำตาซีรั่ม การรักษาโรคตาแห้งด้วยการใช้น้ำตาซีรั่ม จะเป็นการนำเลือดของผู้ป่วยมาทำเป็นยาหยอดตามีคุณสมบัติใกล้เคียงกับน้ำตาธรรมชาติ จึงมีประสิทธิภาพในการช่วยรักษาตาแห้งได้และได้รับความนิยมใช้อย่างแพร่หลายในโรงพยาบาล

จักษุแพทย์จะมีการเลือกใช้ความเข้มข้นและเตรียมน้ำตาซีรั่มที่แตกต่างกันไปโดยส่วนมากจะนิยมใช้คือ 20% Autologous Serum Eye Drops เพราะมีปริมาณสารกระตุ้นการเจริญเติบโตของเซลล์ใกล้เคียงกับน้ำตาธรรมชาติ ช่วยรักษาอาการตาแห้งรุนแรงได้ดีที่สุด

การใช้คอนแทคเลนส์ชนิดพิเศษ ผู้ที่จำเป็นต้องสวมคอนแทคเลนส์สามารถปรึกษาแพทย์เพื่อขอใช้คอนแทคเลนส์ชนิดพิเศษที่ออกแบบมาเพื่อคนที่มีปัญหาตาแห้งเนื่องจากตัวเลนส์จะเก็บน้ำไว้ใต้เลนตลอดเวลาทำให้กระจกตาไม่แห้งและไม่ทำให้เกิดอาการระคายเคืองตามมา

การอุดรูระบายน้ำตา วิธีการนี้จะใช้กับผู้ที่มีอาการรุนแรง ตาแห้งมากเป็นการอุดน้ำตาเพื่อขังน้ำตาที่มีอยู่ให้หล่อเลี้ยงตาและไม่ทำให้น้ำตาไหลทิ้งไป โดยการอุดรูระบายน้ำตามี 2 แบบ  คือ แบบอุดระบายน้ำชั่วคราว และ แบบอุดระบายน้ำถาวร

วิธีดูแลป้องกันไม่ให้เกิดภาวะตาแห้ง

  • พักสายตาและกระพริบตาบ่อยขึ้น ในการใช้สายตาทำกิจกรรมบางอย่างที่ทำให้การกระพริบตาน้อยลงจะส่งผลต่อภาวะตาแห้งโดยตรง ควรหยุดพักสายตาทุก 20 นาทีครั้งละ 20 วินาทีเพื่อป้องกันอาการตาแห้ง
  • การหยอดน้ำตาเทียม เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นที่ไม่เพียงพอต่อดวงตา
  • สวมแว่นตาเพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้ลมเข้าตาโดยตรง
  • หลีกเลี่ยงการใส่คอนแทคเลนส์เป็นเวลานาน หากจำเป็นควรใส่คอนแทคเลนส์ประเภท soft lens หรือคอนแทคเลนส์ชนิดพิเศษที่สามารถกักเก็บน้ำไว้ใช้หล่อเลี้ยงดวงตา
  • ผู้ที่มีอายุมากกว่า 40 ปีควรมีการตรวจสุขภาพประจำปีเพื่อความปลอดภัยและสุขภาพตาที่ดี
  • การรับประทานอาหารให้ครบทุกหมู่ เพื่อเสริมอาหารที่มีโอเมก้า 3 รับประทานวิตามินเอ ประเภทน้ำมันตับปลา เครื่องในสัตว์ ไข่แดง แครอท จะช่วยลดอาการอักเสบและบรรเทาภาวะตาแห้งได้ดี

การพักสายตาทุก 20 นาที จะช่วยลดอาการตาแห้งได้

ข้อสรุป

โรคตาแห้งคือ การที่มีปริมาณน้ำตามาหล่อเลี้ยงและให้ความชุ่มชื่นต่อดวงตาไม่เพียงพอ จนทำให้เกิด อาการดังนี้ แสบตา เคืองตา ตาแดงมีน้ำตาไหลมาก อาการเหล่านี้ล้วนเป็นสัญญาเตือนว่าคุณกำลังประสบอยู่กับโรคตาแห้ง ควรรีบไปพยจักษุแพทย์ เพื่อประเมิณอาการและหาแนวทางการรักษาโรคให้รวดเร็ว

สาเหตุของการเกิดโรค ถึงแม้จะยังไม่แน่ชัด แต่ก็สามารถเกิดได้จากผู้ที่มีอายุมากขึ้น ผู้หญิงหลังวัยหมดประจำเดือน การทำงานของเปลือกตาบกพร่อง หรืออีกหลายสาเหตุ ผู้ที่กำลังพบเจอกับอาการตาแห้งจึงไม่ควรนิ่งนอนใจเด็ดขาด
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 19, 2022, 03:21:50 PM โดย พรสัก ส่องแสง »