ThaiFranchiseCenter Webboard

ThaiFranchiseCenter Webboard - Info Center

* สมัครสมาชิกเว็บบอร์ด ไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ ฟรี! *
หน้าแรก | เปิดร้านค้าฟรี! | โปรโมชั่นแฟรนไชส์ | ร้านหนังสือออนไลน์ | สนใจลงโฆษณา

ทางเว็บไซต์ ThaiFranchiseCenter.com ไม่มีส่วนรับผิดชอบกับข้อความต่างๆในเว็บบอร์ดแต่อย่างใด
    ไม่ว่าจะเป็นการซื้อ-ขาย-เช่า-เซ้ง หรือ อื่นๆ (ผู้ซื้อ หรือ ผู้ขาย กรุณาใช้วิจารณญาณในการติดต่อทางธุรกิจ)


แมกนีเซียม (Magnesium) แก้อาการปวดศีรษะไมเกรนได้

แมกนีเซียมแก้ไมเกรน

แมกนีเซียม ไมเกรน เกี่ยวข้องกันอย่างไร? ก่อนอื่นต้องรู้ว่า ไมเกรน (Migraine) เป็นอาการปวดศีรษะที่เป็นปัญหารบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน อาจเกิดขึ้นจากปัจจัยกระตุ้นต่าง ๆ แตกต่างกันออกไป หลายๆคนอาจจะกำลังหาวิธีในการบรรเทาอาการปวดหัวไมเกรนว่าควรทำอย่างไร และแน่นอนว่าการใช้แมกนีเซียม

(Magnesium) อาจจะผ่านตาหลายๆ คนมาบ้างแล้ว แต่บางคนคงมีคำถามในใจเรื่องแมกนีเซียมมีส่วนช่วยในการป้องกันและบรรเทาอาการปวดไมเกรนได้จริงหรือไม่ เราได้รวบรวมข้อมูลน่าสนใจเกี่ยวกับแมกนีเซียม ไมเกรน มาให้อ่านกันค่ะ



โรคไมเกรน..กวนใจวัยทำงาน 

ไมเกรน (Migraine) เกิดจากความผิดปกติชั่วคราวของระดับสารเคมีในสมอง ทำให้ก้านสมองถูกกระตุ้น หลอดเลือดในเยื่อหุ้มสมองมีการบีบและคลายตัวมากกว่าปกติ เกิดอาการปวดหัวตุ๊บ ๆ หรือมีอาการคลื่นไส้อาเจียน แพ้แสง จากก้านสมองที่ถูกกระตุ้น

อาการปวดหัวไมเกรน (Migraine Headache) พบบ่อยในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย 2-3 เท่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งวัยทำงานที่ต้องเผชิญกับความเครียดอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้เกิดอาการป่วยด้วยโรคต่าง ๆ หนึ่งในนั้นก็คืออาการปวดหัวไมเกรนนั้นเอง แมกนีเซียม ไมเกรนจึงมีส่วนช่วยบรรเทาอาการปวดหัวไมเกรนได้

อาการของโรคไมเกรน ประกอบด้วยลักษณะต่างๆดังนี้
 
  • ปวดศีรษะครึ่งซีก อาจป็นบริเวณขมับหรือท้ายทอย บางครั้งก็อาจเป็นสองข้างพร้อมกันได้
  • ลักษณะการปวดศีรษะจะปวดตุ๊บๆนานครั้งหรือเกิน 20 นาที
  • อาการปวดศีรษะมักรุนแรงและส่วนมากจะมีการคลื่นไส้ หรืออาเจียนร่วมด้วยเสมอ
  • อาการนำจะเป็นอาการทางสายตา โดยจะมีอาการนำมาก่อนปวดศีรษะราว 10-20 นาที

อะไรบ้างที่เป็นสาเหตุทำให้โรคไมเกรน (MIGRAINE) เป็นมากขึ้น ? เป็นรู้กันดีว่าตัวกระตุ้นหรือทำให้เกิดอาการของโรคไมเกรนมากขึ้น ได้แก่

  • ภาวะเครียด
  • การอดนอน
  • การขาดการพักผ่อน หรือทำงานมากเกินไป
  • ขณะมีประจำเดือนหรือรับประทานยาคุมกำเนิด
  • เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ เช่น เหล้า เบียร์ ไวน์
  • อาหารบางชนิด เช่น กล้วยหอม เนยแข็ง และช็อกโกแลต



รู้จักแมกนีเซียม (Magnesium) 

magnesium ไมเกรน

แมกนีเซียม (Magnesium) เป็นแร่ธาตุที่สำคัญและจำเป็นของร่างกายมนุษย์ สามารถพบได้ในทุกเซลล์ของร่างกาย แต่บริเวณที่พบมากก็คือ กระดูก เซลล์กล้ามเนื้อ และเนื้อเยื่อ ซึ่งมีส่วนช่วยในการสร้างกระดูกและกล้ามเนื้อ ส่งผลต่อการหดและคลายตัวของกล้ามเนื้ออีกด้วย
 
หากร่างกายของคนเราขาดแร่ธาตุแมกนีเซียม จะส่งผลเสียมากมาย เช่น อ่อนเพลีย ร่างกายเหนื่อยตลอดเวลา กล้ามเนื้ออ่อนแรง กล้ามเนื้อชา เป็นตะคริวได้ง่าย กล้ามเนื้อหดเกร็งแบบผิดปกติ รวมไปถึงอาการปวดศีรษะไมเกรนที่หลายคนเป็น ทำให้ปัจจุบันมีการใช้แมกนีเซียมแก้ไมเกรน



แมกนีเซียม มีกี่ประเภท อะไรบ้าง 

แมกนีเซียม (Magnesium) เป็นแร่ธาตุที่มีหลายประเภท ดังนี้

  • แมกนีเซียมออกไซด์ (magnesium oxide) เป็นแมกนีเซียมในปริมาณสูง มักใช้ในการรักษาไมเกรน และใช้เพื่อเสริมในผู้ที่มีภาวะแมกนีเซียมในเลือดต่ำ
  • แมกนีเซียมซัลเฟต (magnesium sulfate) เป็นอาหารเสริมมีความสามารถในการดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้
  • แมกนีเซียมคาร์บอเนต (magnesium carbonate) เป็นเกลืออนินทรีย์มีระดับแมกนีเซียมสูง ส่วนใหญ่แล้วต้องผ่านกระบวนการเผาเพื่อให้ได้ แมกนีเซียมออกไซด์
  • แมกนีเซียมคลอไรด์ (magnesium chloride) เป็นสารตั้งต้นที่มักจะนำมาผลิตสารประกอบแมกนีเซียมอื่น ๆ
  • แมกนีเซียมซิเตรต (magnesium citrate) เป็นแร่ธาตุดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้ในปริมาณมาก มักใช้เพื่อกระตุ้นในการขับถ่าย มีคุณสมบัติเป็นยาระบายอ่อน ๆ



1. ช่วยเสริมสร้างการเจริญเติบโตของกระดูกและฟัน 
แมกนีเซียมประมาณ 60% จะถูกจัดเก็บไว้ในกระดูก ซึ่งมีส่วนในการควบคุมการหลั่งฮอร์โมนพาราไทรอยด์ โดยประโยชน์ของแมกนีเซียมจะทำหน้าที่ควบคุมแคลเซียมให้อยู่ในระดับดีต่อสุขภาพกระดูกและยังช่วยในการบำรุงกระดูกและฟันอีกด้วย

2. ช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบประสาท 
แมกนีเซียมเป็นองค์ประกอบสำคัญในการหลั่งสารเคมีในสมอง ประโยชน์ของแมกนีเซียมจะช่วยกระตุ้นระบบประสาทให้ทำงานได้อย่างถูกต้อง ทุกคนจำเป็นต้องได้รับแมกนีเซียมให้เพียงพอ เพื่อควบคุมการทำงานของระบบประสาทและช่วยทำให้รู้สึกผ่อนคลายขึ้น

3. ช่วยลดการหดเกร็งของกล้ามเนื้อและหลอดเลือด 
ประโยชน์ของแมกนีเซียมส่งผลต่อการทำงานของเอนไซม์ในร่างกายมากกว่า 300 ชนิด และยังมีบทบาทในการรักษาระดับของสารอิเล็กโตรไลท์ภายในเซลล์ ส่งผลต่อการหดและคลายตัวของกล้ามเนื้อและหลอดเลือดเป็นปกติช่วยให้กล้ามเนื้อผ่อนคลายอย่างเหมาะสมรวมถึงการบรรเทาอาการปวดหัวไมเกรนได้



แมกนีเซียมช่วยรักษาไมเกรนได้อย่างไร 

ไมเกรน แมกนีเซียม

ข้อพิสูจน์ของ แมกนีเซียม ไมเกรน สามารถแก้อาการปวดหัวได้จริง จากการเก็บสถิติของคนที่ปวดหัวไมเกรนเป็นประจำพบกว่า กลุ่มคนเหล่านี้มีระดับแมกนีเซียมในร่างกายต่ำกว่าคนปกติที่ไม่มีอาการปวด และยังมีการศึกษาชิ้นหนึ่งในต่างประเทศพบว่าการรับประทานแมกนีเซียม (Magnesium) เป็นประจำมีส่วนช่วยลดความถี่การปวดหัวไมเกรนลงได้ถึง 41.6 %

นอกจากนี้ยังพบว่า การรับประทานแมกนีเซียมในปริมาณที่เหมาะสมต่อร่างกายนั้น จะสามารถช่วยป้องกันการเกิดไมเกรนได้อย่างมีประสิทธิภาพ และยังลดความถี่ของการปวดหัวไมเกรนลงได้ ซึ่งเท่ากับว่าจะช่วยลดปริมาณการใช้ยาแก้ปวดไมเกรนแบบไม่จำเป็นได้



ปริมาณแมกนีเซียมที่จำเป็นในแต่ละวัน
ในแต่ละวันร่างกายคนของคนเราต้องการแมกนีเซียมแตกต่างกัน ดังนี้

  • ผู้ชายควรได้รับแมกนีเซียมวันละ               350           มิลลิกรัม
  • ผู้หญิงควรได้รับวันละ                          300        มิลลิกรัม
  • หญิงมีครรภ์และหญิงให้นมบุตรควรได้รับวันละ              450        มิลลิกรัม
  • เด็กอายุ 7-10 ปี ควรได้รับวันละ               250        มิลลิกรัม
  • เด็กอายุ 2-7 ปี ควรได้รับวันละ               150        มิลลิกรัม
  • เด็กที่มีอายุต่ำกว่า 1 ปี ควรได้รับวันละ                 60-70    มิลลิกรัม



อาหารที่มีแมกนีเซียมสูงมีอะไรบ้าง 

1. ผักใบเขียว (Leafy Greens)

ประโยชน์ของแมกนีเซียมจากผักใบเขียว

หลายคนคงรู้แล้วว่าผักใบเขียวนั้นเป็นประโยชน์ต่อร่างกาย และยังเปี่ยมคุณค่าทางโภชนาการด้วยแมกนีเซียม เช่น ผักเคล ปวยเล้ง ผักโขม คะน้า บรอกโคลี หรือตำลึง เรียกได้ว่าผักใบเขียวนั้นเป็นแหล่งแมกนีเซียมสามารถหาได้ง่ายและนำไปปรุงเพื่อเป็นอาหารที่มีแมกนีเซียมสูง

2. ถั่วและเมล็ดพืช (Nuts and Seeds) 

ประโยชน์ของแมกนีเซียมจากถั่วและเมล็ดพืช

ถั่วและเมล็ดพืชมีปริมาณแมกนีเซียมสูงมาก เช่น ถั่วดำ ถั่วเหลือง ถั่วลันเตา ถั่วลูกไก่ เมล็ดฟักทอง หรือเมล็ดเจีย นอกจากนั้นถั่วและเมล็ดพืชยังมีใยอาหาร โพแทสเซียม เหล็ก และโปรตีน ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อร่างกายด้วย

3. อะโวคาโด (Avocado) 

ประโยชน์ของแมกนีเซียมจากอะโวคาโด

อะโวคาโดเป็นอาหารทรงคุณประโยชน์ นอกจากมีสารอาหารมากมายแล้วยังมีธาตุแมกนีเซียมสูง โดยอะโวคาโด 1 ลูก ปริมาณ 201 กรัม มีธาตุแมกนีเซียมอยู่ปริมาณ 82 มิลลิกรัม

4. เต้าหู้ (Tofu) 

ประโยชน์ของแมกนีเซียมจากเต้าหู้

เต้าหู้ถือเป็นอาหารที่อุดมไปด้วยคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อนโปรตีนวิตามินแร่ธาตุต่างๆ ทั้งยังมีแมกนีเซียมถึง 53 มิลลิกรัมอีกด้วย

5. ปลาไขมันสูง (Fatty Fish)

ประโยชน์ของแมกนีเซียมจากปลาไขมันสูง

ปลาที่มีกรดไขมันสูงบางชนิดนั้นอุดมไปด้วยแมกนีเซียม เช่น ปลาแซลมอนประมาณ 178 กรัมจะให้แมกนีเซียมมากถึง 53 มิลลิกรัม เลยทีเดียว

6. ผลิตภัณฑ์นมไขมันต่ำ (Low-fat Milk Products) 

ประโยชน์ของแมกนีเซียมจากผลิตภัณฑ์นมไขมันต่ำ

ทั้งนมและโยเกิร์ตล้วนให้แมกนีเซียมแก่ร่างกายไม่น้อยเลย โดยนม 1 แก้วจะให้แมกนีเซียมประมาณ 24–27 มิลลิกรัม ส่วนโยเกิร์ตไขมันต่ำรสธรรมชาติในปริมาณ 227 กรัมให้แมกนีเซียม 42 มิลลิกรัม 



ข้อควรระวังในการทานแมกนีเซียม 

ผลข้างเคียงที่อาจเกิดเมื่อทานแมกนีเซียมมากเกินไป 
แม้ว่า แมกนีเซียม ไมเกรน ช่วยแก้อาการปวดหัว แต่ถ้าหากเรารับประทานแมกนีเซียมมากจนเกินไป อาจเสี่ยงต่อการเกิดอาการเหล่านี้ ได้แก่

  • อาการคลื่นไส้
  • ท้องเสีย
  • ความดันโลหิตสูง
  • หัวใจเต้นผิดปกติ
  • กล้ามเนื้ออ่อนแรง

กลุ่มยาที่อาจเกิดปฏิกริยากับแมกนีเซียม 
ก่อนที่จะใช้แมกนีเซียมควรระมัดระวังในการใช้แมกนีเซียมร่วมกับยาเหล่านี้

  • ยาปฏิชีวนะ
  • ยาขับปัสสาวะ
  • ยาคลายกล้ามเนื้อ
  • ยารักษาโรคหัวใจ



การรักษาไมเกรนทางการแพทย์ 

รักษาอาการปวดหัวด้วยแมกนีเซียม ไมเกรน

1. การทานยาแก้ปวดไมเกรน 
ยาแก้อาการปวดไมเกรน จะกินต่อเมื่อมีอาการปวด ได้แก่ ยาพาราเซตามอล (Paracetamol) ยาแก้อักเสบ (NSAIDs) ใช้บรรเทาอาการปวดทั่วๆ ไป ยากลุ่มเออร์กอต (Ergots) เป็นต้น

2. การฉีดยาแก้ไมเกรน 
ยาฉีดป้องกันอาการปวดหัวไมเกรนให้เห็นผลดีกว่ายารับประทาน เพราะยาฉีดมีฤทธิ์ต้านสารสื่อประสาท CGRP ซึ่งเป็นต้นเหตุของอาการปวดหัวไมเกรน ช่วยให้ผู้ป่วย ไม่ต้องทรมานจากอาการปวดหัวไมเกรนค่ะ

3. การฝังเข็มไมเกรน
ศาสตร์จีนเชื่อว่า การฝังเข็มในผู้ที่ปวดศีรษะไมเกรน จะทำให้เลือดลมไหลเวียนสะดวก ลดอาการเลือดคั่ง ซึ่งจุดที่ฝังจะแตกต่างกันตามสภาวะของร่างกายของผู้ป่วยนั้นๆ ซึ่งพบว่าบางคนสามารถหายขาดได้ ผู้ป่วยส่วนใหญ่มีอาการดีขึ้น บางคนรักษาด้วยการฝังเข็ม 1-2 ครั้งอาการดีขึ้น ส่วนใหญ่ใช้เวลา 8 - 10 ครั้ง มากน้อยแล้วแต่อาการของผู้ป่วยด้วยค่ะ

4. การฉีดโบท็อกไมเกรน 
การฉีดโบท็อกไมเกรน เป็นการฉีดโบท็อก ซึ่งช่วยบรรเทาอาการปวดศีรษะไมเกรน และโรคอื่นทางระบบประสาทและสมองได้ด้วยค่ะ 
 
หลังฉีดโบท็อกไมเกรนจะไม่ออกฤทธิ์ทันที ต้องใช้ระยะเวลาประมาณ 3 – 4 วัน และจะออกฤทธิ์สูงสุดในสัปดาห์ที่ 2 ผลลัพธ์อยู่ได้ประมาณ 3 - 4 เดือน จากนั้นโบท็อกจะค่อยๆหมดฤทธิ์ลง เราสามารถกลับมาฉีดซ้ำได้ตามที่หมอแนะนำ การฉีดโบท็อกไมเกรนเป็นวิธีการรักษาและบรรเทาอาการปวดศีรษะไมเกรนที่มีความปลอดภัยและให้ผลลัพธ์ที่ดีเลยทีเดียว



แนวการป้องกันโรคไมเกรน  
นอกจากการใช้แมกนีเซียม ไมเกรน แล้วแนวทางการป้องกันโรคไมเกรนได้ดีที่สุด มีดังนี้

  • หลีกเลี่ยงการใช้งานคอมพิวเตอร์มากเกินไป
  • หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์
  • หลีกเลี่ยงการนอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ
  • หลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้นอาการ เช่น ความเครียด ความหงุดหงิด



ข้อสรุป 
แมกนีเซียม (Magnesium) ถือว่าสำคัญและจำเป็นโดยเฉพาะเรื่องการป้องกันและบรรเทาอาการปวดหัวไมเกรนได้ ประโยชน์ของแมกนีเซียมยังมีอีกมากมาย จะเห็นได้ว่าวิธีที่จะช่วยให้ร่างกายของเราไม่ขาด

แมกนีเซียม สิ่งแรกที่ทุกคนสามารถทำได้ก็คือ การรับประทานอาหารที่มีแมกนีเซียมสูงให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย หากทุกคนยังไม่แน่ใจว่าอาหารที่รับประทานเข้าไปจะมีแมกนีเซียมเพียงพอหรือไม่ สามารถรับประทานจากอาหารเสริมจากแมกนีเซียม แล้วอย่าลืมปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนเสมอเพื่อสุขภาพที่ดีของทุกคนค่ะ