ThaiFranchiseCenter Webboard

ThaiFranchiseCenter Webboard - Info Center

* สมัครสมาชิกเว็บบอร์ด ไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ ฟรี! *
หน้าแรก | เปิดร้านค้าฟรี! | โปรโมชั่นแฟรนไชส์ | ร้านหนังสือออนไลน์ | สนใจลงโฆษณา

ทางเว็บไซต์ ThaiFranchiseCenter.com ไม่มีส่วนรับผิดชอบกับข้อความต่างๆในเว็บบอร์ดแต่อย่างใด
    ไม่ว่าจะเป็นการซื้อ-ขาย-เช่า-เซ้ง หรือ อื่นๆ (ผู้ซื้อ หรือ ผู้ขาย กรุณาใช้วิจารณญาณในการติดต่อทางธุรกิจ)


การทำกิ๊ฟท์ (GIFT) คือของขวัญสำหรับคู่รัก

ทำกิ๊ฟ (GIFT) คือ

การ ทำกิ๊ฟท์ ก็คือการทำลูกนั่นเอง ในอดีตการทำกิ๊ฟท์ยังไม่นิยมมากนัก เพราะคนสมัยก่อนเชื่อว่า การให้กำเนิดบุตรต้องปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติ แต่ทั้งนี้ความเชื่อนี้ได้เปลี่ยนแปลงตามกาลเวลา เนื่องจากผู้คนในปัจจุบันนิยมมีลูกช้าหรือมีลูกตอนอายุเยอะแล้ว อาจจะเป็นด้วย Lifestyle ที่เปลี่ยนไป หรือความพร้อมสำหรับการเลี้ยงดูเด็ก พออายุมากขึ้นก็เกิดมีภาวะมีบุตรยากโดยไม่รู้ตัว การทำกิ๊ฟท์จึงเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยแก้ปัญหานี้ได้ อีกทั้งว่าที่คุณพ่อ คุณแม่ สามารถวางแผนร่วมกับแพทย์เพื่อให้อัตราความสำเร็จของการทำลูกมีเปอร์เซ็นต์สูงที่จะสำเร็จอีกด้วย

ทำความรู้จักการทำกิ๊ฟท์ (GIFT)

การทำกิ๊ฟท์นอกจากจะหมายถึงการทำลูกในทางการแพทย์แล้ว ในภาษาอังกฤษก็มีความหมายที่ดี หมายถึง  “ของขวัญ” หากให้เปรียบคงเป็น ของขวัญสำหรับคู่ชีวิตนั่นเอง ในบทความนี้เราจะพาไปรู้จักว่า การทำกิ๊ฟท์ คืออะไร? ทำไมถึงต้องทำ? ขั้นตอนการกิ๊ฟ โอกาสความสำเร็จในการมีลูก การเตรียมตัว รวมไปถึงความเข้าใจของหลาย ๆ คนที่คิดว่า การทำกิ๊ฟกับเด็กหลอดแก้วเหมือนกัน บทความนี้เราจะพาไปหาคำตอบกัน

ทำกิ๊ฟท์ คืออะไร

การทำกิ๊ฟ (GIFT) ย่อมาจาก Gamete Intra – Fallopian Transfer คือการเอาตัวอสุจิของผู้ชายที่แข็งแรงกลับเข้าไปในท่อนำไข่ของผู้หญิง เพื่อให้เกิดการปฏิสนธิแบบปกติหรือตามธรรมชาติ  โดยแพทย์จะทำการใส่ตัวอสุจิผ่านหน้าท้องด้วยวิธีการส่องกล้องจุลทรรศน์

ทำไมถึงต้องทำกิ๊ฟท์

หลายคนอาจจะยังไม่ทราบ ทำไมถึงต้องทำกิ๊ฟ ? บางคู่อาจจะไม่ประสบปัญหานี้ แต่สำหรับคู่รักหลายคู่ถือว่าเป็นปัญหาใหญ่พอสมควร เพราะบางคู่เชื่อว่าการมีลูกจะเป็นสิ่งที่เติมเต็มชีวิตคู่ให้สมบูรณ์มากขึ้น จริง ๆ แล้วหากเลือกได้ใคร ๆ ก็อยากมีลูกตามธรรมชาติทั้งนั้น แม้ว่าความจริงแล้ว ไม่มีใครรู้ตัวว่า เราเองหรือคู่ของเราอาจจะมีปัญหาที่ทำให้มีลูกยากและไม่ทราบสาเหตุด้วยซ้ำ การทำกิ๊ฟจึงเหมาะกับคนที่มีปัญหาเหล่านี้

1. ปัญหาด้านสุขภาพ ซึ่งสามารถเกิดได้กับทุกคนไม่ว่าจะเป็น ผู้หญิงที่มีปัญหาเกี่ยวกับระบบสืบพันธุ์ ปัญหาเกี่ยวกับการตกไข่ ผู้ชายที่มีอสุจิน้อยหรืออสุจิไม่แข็งแรง ซึ่งสาเหตุอาจจะเกิดจากปัจจัยหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการรับประทานอาหาร ความเสื่อมสมรรถภาพทางร่างกาย พฤติกรรมการใช้ชีวิต เป็นต้น

2. ปัญหาทางด้านอารมณ์ที่อาจจะเกิดจากภาวะความเครียด ความกดดัน จากความคาดหวังการตั้งครรภ์มากเกินไป สังเกตได้จากคู่รักที่ตั้งความหวังสูงเรื่องการมีลูก สิ่งนี้อาจจะไม่ใช่ปัจจัยหลักที่ทำให้มีบุตรยากแต่จะค่อย ๆ ส่งผลเสียต่อจิตใจและลามไปสุขภาพส่งผลทำให้มีบุตรยากเช่นกัน

3. ภาวะมีบุตรยากไม่ทราบสาเหตุ  (Unexplained Infertility) กรณีที่ผู้ชายและผู้หญิงตรวจสุขภาพแล้วไม่พบอาการผิดปกติใด ๆ แพทย์จะสันนิษฐานว่าเป็นภาวะมีบุตรยากและแนะนำให้ฉีดน้ำเชื้อ (Intrauterine Insemination – IUI) และทำเด็กหลอดแก้ว (In Vitro Fertilization – IVF) ตามลำดับ

กิ๊ฟต่างจากเด็กหลอดแก้ว (IVF) อย่างไร

มีลูกด้วยการทำ GIFT

หากไม่ได้ศึกษาหาข้อมูลดี ๆ หรือได้ยินผ่าน ๆ คงคิดว่าการทำกิ๊ฟและเด็กหลอดแก้วคือแบบเดียวกัน อยู่ที่ว่าจะเรียกแบบไหน แต่จริง ๆ แล้วมีข้อแตกต่างระหว่างการทำกิ๊ฟและเด็กหลอดแก้ว ดังนี้

ความแตกต่างการทำ GIFTและการทำเด็กหลอดแก้ว

ขั้นตอนการทำ GIFT

การทำกิ๊ฟมีขั้นตอนเป็นไปตามกระบวนการที่แพทย์เฉพาะทางแนะนำ เพื่อให้เกิดความปลอดภัยต่อผู้หญิงมากที่สุด ซึ่งมีขั้นตอนดังต่อไปนี้

1. อันดับแรกเลย คือ ผู้หญิงต้อง X-ray โดยแพทย์จะส่องกล้องเพื่อตรวจดูและเช็คว่าท่อนำไข่แข็งแรงดีเหมาะแก่การฝังอสุจิ
2. แพทย์จะกระตุ้นรังไข่ของผู้หญิง โดยใช้ยาเพื่อเร่งการเติบโตของไข่ ในขั้นตอนนี้ผู้หญิงต้องไปพบแพทย์ทุก 2-3 วัน เพื่อทำการตรวจเลือดและอัลตราซาวนด์ดูพัฒนาการของไข่
3. แพทย์จะใช้กล้องส่องเข้าไปในรังไข่เพื่อเอาไข่ออกมา
4. เก็บอสุจิของฝ่ายชายไว้ซึ่งจะคัดเลือกอสุจิตัวที่แข็งแรงที่สุดไว้
5. ไข่และอสุจิจะถูกผสมกันในสายสวน (catheter)
6. แพทย์จะทำการผ่าตัดผ่ากล้องจุลทรรศน์ โดยนำไข่และอสุจิที่ผสมกันแล้วใส่เข้าไปในท่อนำไข่ผ่านทางสายสวน
7. แพทย์จะทำการให้ยาสร้างเยื่อบุโพรงมดลูกและฝังไข่ที่ปฏิสนธิแล้วแก่ผู้หญิง

โอกาสสำเร็จการทำกิ๊ฟท์

หลังจากที่ทำกิ๊ฟแล้ว ถ้าหากอสุจิของผู้ชายผสมพันธุ์กับไข่ตัวใดตัวหนึ่ง ไข่นั้นก็จะกลายเป็นตัวอ่อนที่ฝังตัวในมดลูกและเติบโตเป็นทารกในที่สุด แต่ถ้ามีการย้ายไข่มากกว่าหนึ่งฟอง โอกาสตั้งครรภ์ของผู้หญิงก็จะสูงขึ้นด้วย ความเสี่ยงที่จะมีลูกแฝด แฝดสาม หรือมากกว่านั้นก็อาจจะมีได้เช่นกัน ส่วนเรื่องการทดสอบการตั้งครรภ์สามารถทำได้ประมาณ 2 สัปดาห์หลังการผ่าตัด

การทำกิ๊ฟจะประสบความสำเร็จได้ไม่ได้ขึ้นอยู่กับตัวของผู้หญิงและผู้ชายเท่านั้น การเลือกโรงพยาบาลที่ดี และแพทย์ผู้มีความเชี่ยวชาญเฉพาะย่อมส่งผลให้การทำกิ๊ฟประสบความสำเร็จสูง โอกาสในการตั้งครรภ์จากการทำกิ๊ฟจะอยู่ที่ประมาณ 25-30 เปอร์เซ็นต์ต่อรอบ  แต่หลัก ๆ แล้วอายุของคู่สามีและภรรยาล้วนเป็นปัจจัยที่ส่งผลต่อการทำกิ๊ฟ เนื่องจากคุณภาพของไข่และอสุจิจะขึ้นอยู่กับการดูแลร่างกายให้แข็งแรงเสมอ ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนเปลี่ยนแปลงไปตามเวลาทำให้เป็นสิ่งที่ค่อนข้างยากที่จะให้ร่างกายแข็งแรงเหมือนตอนหนุ่มสาว   

ขั้นตอนการปฏิบัติตัวหลังฝากไข่

การฝากไข่คือการที่ผู้หญิงนำไข่ที่เป็นเซลล์สืบพันธุ์มาฝากไว้กับทางโรงพยาบาล เพื่อวางแผนการมีบุตรในอนาคต รวมไปถึงป้องกันปัญหาการมีลูกยากที่อาจจะเกิดขึ้นได้ โดยสามารถใช้วิธีการปฏิสนธิภายนอกอย่างเด็กหลอดแก้ว (IVF) หรือ ICSI (Intracytoplasmic Sperm Injection) เท่านั้น

ขั้นตอนการฝากไข่ มี 4 วิธี คือ
1. ปรึกษาแพทย์และตรวจร่างกายก่อนว่าพร้อมสำหรับการฝากไข่หรือไม่
2. แพทย์จะเริ่มฉดยากระตุ้นไข่ให้
3. แพทย์จะนัดติดตามขนาดของไข่และฉีดยากระตุ้นไข่ตก
4. แพทย์จะนัดเก็บไข่และนำไปแช่แข็งเพื่อรอเวลานำไปผสมพันธ์

หลังจากที่ฝากไข่ตามคำแนะนำของแพทย์ที่โรงพยาบาลเรียบร้อยแล้ว คุณผู้หญิงสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ แต่มีข้อปฏิบัติในการดูแลตนเองเพิ่มขึ้นนิดหน่อย คือ

- พยายามอย่าใส่กางเกงคับหรือรัดหน้าท้องเพราะการฉีดยากระตุ้นฮอร์โมนจะทำให้เกิดภาวะบวมน้ำหรือท้องป่องได้ อาจจะต้องใส่เดรสหรือชุดลำลองที่สบาย ๆ แทน
- อย่ายกของหนักเพราะอาจจะทำให้กระทบกับมดลูกได้
- รับประทานอาหารที่มีประโยชน์หรือไข่ขาวให้เยอะกว่าปกติ เพราะว่าในไข่ขาวเป็นทั้งโปรตีนที่มีคุณภาพ กระตุ้นการทำงานของร่างกาย อีกทั้งยังซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอได้

อาการที่พบได้หลังฝากไข่

หลังจากที่คุณผู้หญิงไปฝากไข่มักจะพบกับเอฟเฟคที่ส่งผลกระทบต่อร่างกายและภาวะทางอารมณ์ได้ ทั้งนี้คุณผู้ชายอาจจะต้องให้ความสำคัญ ทำความเข้าใจ และดูแลอย่างใกล้ชิดซึ่งจะมีอาการ ดังนี้

- ผลข้างเคียงจากการใช้ยาฮอร์โมนกระตุ้นไข่ ซึ่งอาจจะมีอาการปวดหลัง ปวดท้อง คลื่นไส้ อาเจียน หรือถ้าหากมีน้ำมูกสีเหลืองหรือปนเลือดต้องรีบไปพบแพทย์เพราะอาจจะเกิดการติดเชื้อได้
- ความแปรปรวนทางด้านอารมณ์ที่อาจจะเกิดจากทั้งความคาดหวังและความเครียด

ค่าใช้จ่าย

สำหรับค่าใช้จ่ายการทำกิ๊ฟราคาเริ่มต้นที่ประมาณ 100,00 - 200,000 บาทขึ้นไป ถึงแม้ว่าจะดูราคาสูงแต่ด้วยคุณภาพของโรงพยาบาล การดูแลจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ รวมถึงบริการต่าง ๆ ถือว่าเป็นราคาที่คุ้มและควรค่าแก่การลองดู แต่ทั้งนี้ก็ไม่สามารถการันตีราคาตายตัวได้เพราะบางคนอาจจะทำกิ๊ฟแค่ครั้งเดียวแล้วตั้งครรภ์เลย บางคนอาจต้องทำหลายครั้งกว่าจะตั้งครรภ์ได้ ดังนั้นราคาและวิธีการทำกิ๊ฟของผู้หญิงแต่ละคนจะสัมพันธ์กัน แพทย์จะเป็นผู้ประเมินและวางแผนให้เป็นรายบุคคลไป กรณีที่เป็นเคสยากมากอาจจะราคาค่อนข้างจะสูง