ThaiFranchiseCenter Webboard

ThaiFranchiseCenter Webboard - Info Center

* สมัครสมาชิกเว็บบอร์ด ไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ ฟรี! *
หน้าแรก | เปิดร้านค้าฟรี! | โปรโมชั่นแฟรนไชส์ | ร้านหนังสือออนไลน์ | สนใจลงโฆษณา

ทางเว็บไซต์ ThaiFranchiseCenter.com ไม่มีส่วนรับผิดชอบกับข้อความต่างๆในเว็บบอร์ดแต่อย่างใด
    ไม่ว่าจะเป็นการซื้อ-ขาย-เช่า-เซ้ง หรือ อื่นๆ (ผู้ซื้อ หรือ ผู้ขาย กรุณาใช้วิจารณญาณในการติดต่อทางธุรกิจ)


แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - วณัฐ สะราคำ

หน้า: [1]
1
รู้หรือไม่!? แสงที่ออกมาจากมือถือ คอมพิวเตอร์ โน้ตบุ๊ก หรือแท็ปเล็ตล้วนแล้วแต่เป็นแสงสีฟ้าทั้งสิ้น และมนุษย์ออฟฟิศผู้ทำงานอยู่หน้าจอ หรือวัยเรียนใด ๆ แล้วโอกาสที่จะสายตาสั้นไวจึงเป็นไปได้สูง ทั้งเล่นเกม ดูซีรีส์ ดูภาพยนตร์ หรือเล่นช่องทางโซเชี่ยล ฯลฯ ทำให้เกิดปัญหาต่อดวงตาที่นอกจากสายตาสั้นแล้วก็ยังมี

-   เจ็บตา ตาแห้ง ระคายเคืองตา ปวดหัว ดวงตาล้า กล้ามเนื้อใบหน้าเมื่อยจากการหรี่ตานาน ๆ เนื่องจากเราจะกะพริบตาน้อยลง ทำให้ความชื้นในดวงตามีไม่เพียงพอ

-   จอประสาทตาเสื่อม และหากรุนแรงก็มีโอกาสทำให้สูญเสียดวงตาได้ เพราะแสงสีฟ้าพลังงานสูง สามารถทะลุตั้งแต่กระจกตา เลนส์ตา ไปถึงตาด้านใน

-   มีผลต่อการนอนหลับ ทำให้นอนหลับได้ไม่เต็มที่ เพราะจะไปทำลายการเกิดสารเมลาโทนินตามธรรมชาติ จึงไม่ง่วง

แล้วถ้าเลี่ยงไม่ได้จะมีวิธีการดูแลสายตายังไงได้บ้าง??


เชื่อว่าอาจมีหลายคนที่เริ่มกังวลกับแสงสีฟ้า แต่จะทำยังไงได้ในเมื่อเรายังต้องทำงาน เรียน หรือใช้ชีวิตประจำวันกับอุปกรณ์เหล่านั้น แน่นอนว่าเราสามารถดูแลดวงตาให้ปลอดภัยได้ ไม่ว่าจะเป็น

1. ใช้น้ำตาเทียมช่วย

อย่างแรกที่อยากแนะนำก็คือการเลือกใช้น้ำตาเทียมไปเลย เพราะจะทำให้ดวงตาเกิดความชุ่มชื้นได้มากขึ้น โดยให้หยอดทุก ๆ 2 ชม. ระหว่างที่ใช้งานอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่มีแสงสีฟ้า นอกจากนี้ยังให้หมั่นกระพริบตาเยอะ ๆ ใน 1 นาที ประมาณ 20 ครั้ง

2. ใช้ฟิล์มกรองแสงสีฟ้า หรือใส่แว่นกรองแสง

เผื่อว่าใครที่สามารถติดตั้งฟิล์มให้กับหน้าจออุปกรณ์ต่าง ๆ ไม่ว่าจะมือถือ แท็ปเล็ต หรือแม้แต่คอมพิวเตอร์ โน้ตบุ๊กก็ตาม อยากให้เลือกเป็นฟิล์มกรองแสงสีฟ้าไปเลย หรือฟิล์มลดแสงก็ได้ เพื่อเป็นการลดแสงสีฟ้าไม่ให้ส่องมามาก ดีต่อดวงตาเมื่อใช้งานไปนาน ๆ รวมถึงใครที่อยากถนอมสายตาเพิ่มเติมก็ใช้แว่นกรองแสงช่วยได้ ทำให้ดวงตาสบายมากขึ้น

3. ใช้หลักการ 20 – 20 – 20

ต่อมาคือการใช้หลัก 20 – 20 – 20 ก็คือพักสายตาทุก 20 นาที มองให้ไกลกว่าหน้าจอ 20 ฟุต และมองอยู่แบบนั้น 20 วินาที ช่วยลดความเหนื่อยล้าของดวงตาที่ถูกใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

4. เลือกใช้อาหารเสริม

อาหารเสริมจะมีส่วนประกอบของสารสกัดที่น่าสนใจ หนึ่งในนั้นคือสารสกัดบิลเบอร์รี่ ที่มีส่วนช่วยบำรุงสายตา ทำให้ดวงตามีสุขภาพที่แข็งแรงมากขึ้น ยิ่งกินสม่ำเสมอยิ่งเห็นผล ปัจจุบันหาซื้อได้ง่าย เลือกทานได้สบายใจ

สรรพคุณของบิลเบอร์รี่ ที่ตอบโจทย์สำหรับคนติดจอ


เลือกใช้สารสกัดจากบิลเบอร์รี่บอกเลยว่าจะไม่ทำให้ผิดหวัง เพราะมีส่วนในการช่วยถนอมสายตา ทำให้ดวงตาชุ่มชื้น เป็นประกายสุกใส ทำให้การมองเห็นภาพต่าง ๆ ชัดเจนมากขึ้น ไม่ว่าจะกลางวันหรือกลางคืน ลดอาการเมื่อยล้าของมนุษย์ออฟฟิศได้ดี ป้องกันไม่เกิดโรคที่มาจากจอประสาทตาเสื่อมอย่าง ต้อหิน ต้อกระจก ฯลฯ บรรเทาอาการตาอักเสบ และยังช่วยเรื่องลดการอักเสบของเยื่อบุในช่องปาก รวมถึงผิวพรรณชุ่มชื้นมากขึ้นด้วย

อาหารเสริมสารสกัดบิลเบอร์รี่ ราคาถูก หาซื้อง่าย ใช้สม่ำเสมอช่วยได้ดี


ดังนั้นอาหารเสริมที่มีสารสกัดบิลเบอร์รี่จึงน่าสนใจมาก ๆ และหนึ่งในนั้นที่ไม่อาจมองข้ามไปได้ก็คือ “InterCare Bilberry extract plus” จาก InterCare ที่เหมาะกับคนติดจอ และกลุ่มเสี่ยงปัญหาดวงตา โดย 1 กระปุกมี 30 แคปซูล ราคาสบายกระเป๋าเพียง 299 บาท หรืออยากได้ราคาโปรโมชั่น แพ็คคู่ 2 ขวดก็มี คือ 499.- (จากปกติ 1,189.-) ทานได้นาน 2 เดือน สนใจสั่งซื้อได้เลยที่



FB : https://www.facebook.com/InterCare.TH 
Line@ : https://lin.ee/cKl02yt 
IG : https://bit.ly/36qeXI0   
Website : https://www.intercareth.com/

เพราะดวงตาเป็นอวัยวะสำคัญ ใช้งานหนักก็จำเป็นต้องได้รับการบำรุงดูแลอย่างดี ยิ่งวิธีแสนง่ายอย่างนี้ด้วยแล้ว รับรองไม่มีเสียเงินไปกับค่ารักษาที่แพงหูฉี่

2


การเปิดร้านริมถนนไม่ว่าจะสินค้า / บริการประเภทใดก็ตาม การจัดการหน้าร้านให้ดูดี เช่น มีตุ๊กตาโบกมือ จะช่วยเพิ่มความน่าสนใจและดึงดูดให้คนที่ผ่านไปมามองเห็นมากขึ้นกว่าเดิม ดังนั้นลองมาดูวิธีดี ๆ หากคุณคือคนหนึ่งที่มีธุรกิจในลักษณะนี้จะต้องทำอย่างไรบ้างเพื่อให้เกิดผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพ ลูกค้าหลั่งไหลเข้ามาไม่ขาดสาย

5 เคล็ดลับจัดการหน้าร้านริมถนนให้ดึงดูดลูกค้า

1. มีการใช้สกายทูป หรือท่อลมตุ๊กตา
วิธีแรกที่จะช่วยดึงดูดให้ลูกค้าเกิดความสนใจและมองเห็นมาตั้งแต่เนิ่น ๆ แม้จะขับรถตามริมถนนนั่นคือ การนำสกายทูป (Skytube) หรือ ท่อลมเป่า ท่อลมตุ๊กตา มาติดตั้ง เมื่อเปิดพัดลมตัวผ้าที่ถูกสร้างสรรค์เป็นลวดลายต่าง ๆ ก็จะโบกสะบัดไปมา สามารถมองเห็นได้ตั้งแต่ระยะไกล ๆ เวลาที่คนขับขี่รถ หรือนั่งรถผ่านก็อยากมองเข้ามามากขึ้นว่าทางร้านขายอะไร แม้จะยังไม่จอดในครั้งแรกแต่ก็เกิดการจดจำและมีโอกาสซื้อในครั้งถัดไป

2. มีพื้นที่สำหรับการจอดรถให้ลูกค้า
ในกรณีที่เป็นร้านหน้าถนนโดยหน้าร้านมีพื้นที่ว่าง การจัดพื้นที่ให้ลูกค้าจอดได้อย่างสะดวก จะช่วยสร้างความประทับใจและลงมาซื้อได้ง่ายขึ้นกว่าเดิม แต่ถ้าหากร้านไหนตั้งริมถนนจริง ๆ ก็อาจต้องอาศัยพื้นที่ริมถนนว่าง ๆ บอกให้ลูกค้าจอดในระยะเวลาสั้น ๆ ป้องกันการเกิดอุบัติเหตุ

3. ป้ายร้านหรือป้ายโฆษณาต้องเด่น มีขนาดใหญ่
เรื่องต่อมาคือตัวป้ายร้าน หรือป้ายโฆษณาต้องมีความโดดเด่น ตัวหนังสือหรือภาพขนาดใหญ่ ใช้คำสั้น ๆ ได้ใจความ เพื่อให้ลูกค้าสังเกตเห็นได้ง่ายขึ้น การมีป้ายร้านที่บอกว่าขายสินค้า / บริการ อะไร จะช่วยให้การตัดสินใจของลูกค้าง่ายและรวดเร็วมากขึ้น หรือถ้ามีป้ายส่วนลด โปรโมชั่น ก็ติดให้เด่นกว่าไปเลย

4. หากสินค้าจัดวางให้เห็นได้ก็อย่ารอช้า
ในกรณีที่ขายเป็นสินค้าซึ่งสามารถวางให้ผู้ที่ผ่านไปมาเห็นได้ เช่น ยางรถยนต์, ยางปัดน้ำฝน ฯลฯ สามารถนำเอาตัวสินค้ามาวางโชว์บริเวณหน้าร้านเพื่อให้ลูกค้ามองเห็นสินค้าได้เลย เป็นการดึงดูดความน่าสนใจอีกวิธีที่จะช่วยให้การตัดสินใจซื้อเป็นเรื่องง่ายขึ้น

5. ติดป้ายชื่อหรือป้ายโฆษณาก่อนถึงร้านในระยะ 200-300 เมตร
วิธีสุดท้ายอาจขยับจากหน้าร้านมาสักนิด แต่ก็ยังถือเป็นการจัดหน้าร้านที่ดี นั่นคือติดป้ายร้านหรือป้ายโฆษณาบอกว่าอีก 200 เมตร จะถึงร้านอะไร ขายอะไร หากลูกค้าสนใจก็จะเริ่มชะลอรถเพื่อหยุดดูว่ามีสินค้าที่ตนเองต้องการหรือไม่ เพิ่มยอดขายให้กับร้านได้มากขึ้น

ทั้ง 5 เคล็ดลับที่แนะนำนี้หากใครมีหน้าร้านริมถนนสามารถเอาไปใช้งานได้เลย รับรองว่าจะช่วยเพิ่มยอดขาย สร้างกำไรและเป็นที่รู้จักของลูกค้ามากขึ้นแน่นอน

3


สำหรับธุรกิจ/กิจการอุตสาหกรรม บริษัทต่าง ๆ ที่จำต้องยกสิ่งของที่มีน้ำหนักมากหลายชิ้นพร้อมกัน แน่นอนว่ารถฟอร์คลิฟท์เป็นหนึ่งทางเลือกที่คนจำนวนไม่น้อยเลือกใช้งาน ทว่าหากเป็นมือใหม่เพิ่งเคยได้ยินรถที่กำลังพูดถึงอยู่นี้แล้วอยากซื้อคงเกิดสงสัยว่ามีกี่ประเภท แล้วแต่ละประเภทควรเลือกซื้อมาใช้งานตามลักษณะอย่างไรบ้าง และเพื่อให้เกิดความเข้าใจอย่างที่สุด รีบตามเราไปศึกษาพรอ้มกันผ่านบทความนี้เลย

รถฟอร์คลิฟท์มีกี่ประเภท?

การที่เราตัดสินใจจะซื้อรถฟอร์คลิฟท์สักคันต้องพิจารณาถึงลักษณะการใช้งานนั้น ๆ ด้วย เพื่อให้สามารถใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ซึ่งรถที่กำลังพูดถึงนี้จะมีระบบการขับเคลื่อนที่แตกต่างกันออกไปโดยมีด้วยกัน 2 ประเภท ได้แก่
1. ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า หรือที่เรียกกันทั่วไปว่ารถแบตเตอรี่ ก็คือ รถฟอร์คลิฟท์ไฟฟ้านั่นเอง
2. ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ แบ่งออกเป็น 2 ประเภทย่อย ๆ อีก คือ รถฟอร์คลิฟท์เครื่องยนต์เบนซิน และรถฟอร์คลิฟท์เครื่องยนต์ดีเซล

แล้วแต่ละประเภทควรเลือกซื้อมาใช้งานตามลักษณะอย่างไร

1. เลือกใช้งานภายในคลังสินค้า หรืออาคาร
การเลือกใช้งานภายในคลังสินค้า หรืออาคารจะอยู่ในลักษณะงานที่เป็นพื้นที่ปิด อยู่ในอาคารนั้น ๆ แนะนำให้เลือกรถฟอร์คลิฟท์ที่ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า ด้วยความที่เครื่องยนต์เงียบและไม่มีกลิ่นท่อไอเสียใด ๆ จึงทำให้ปลอดภัยต่อสุขภาพของพนักงานจากการใช้งานในพื้นที่ปิด แต่ในส่วนของธุรกิจ/กิจการส่วนตัวที่จำเป็นต้องใช้งานนาน ๆ แนะนำให้มีแบตเตอรี่สำรองไว้ด้วย เพื่อใช้ในการสับเปลี่ยนแบตให้สามารถใช้งานต่อไปได้อย่างเต็มที่ ใครยังคิดไม่ออกว่าจะใช้งานเหมาะกับธุรกิจรูปแบบบไหน เช่น ประเภทธุรกิจศูนย์กระจายสินค้า คลังสินค้า ธุรกิจอาหารและยา เป็นต้น

2. เลือกใช้งานอาคารเปิดหรือบริเวณกลางแจ้ง
การเลือกใช้ในลักษณะงานที่เป็นอาคารเปิดหรือบริเวณกลางแจ้ง แนะนำให้เลือกรถฟอร์คลิฟท์ที่ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เบนซิน และเครื่องยนต์ดีเซล หรือที่เรียกกันว่ารถฟอร์คลิฟท์เครื่องยนต์น้ำมัน เนื่องจากรถฟอร์คลิฟท์ประเภทนี้จะมีความแข็งแรง ทนทาน ไม่ว่าจะมีสภาพอากาศที่ร้อนแค่ไหนก็ไม่หวั่น ทั้งยังสามารถทนน้ำได้ในระดับหนึ่ง ฝนตกปรอย ๆ ก็ยังทำงานได้อยู่ นอกจากนี้ ขณะใช้งานก็ยังมีควันจากท่อไอเสียออกมาด้วย จึงไม่เหมาะถ้าจะนำไปใช้ในพื้นที่ปิดหรือในอาคารเพราะจะทำให้เกิดกลิ่นเหม็น เผลอ ๆ กลิ่นไปติดสินค้าอีก รวมถึงเป็นอันตรายต่อสุขภาพพนักงาน ส่วนใครยังคิดไม่ออกว่าจะใช้งานเหมาะกับธุรกิจรูปแบบบไหน เช่น ร้านวัสดุก่อสร้าง โรงสีข้าว เป็นต้น

เมื่อรู้อย่างนี้แล้วก็หวังว่าทุก ๆ คนที่มีความจำเป็นต้องเลือกใช้งานรถฟอร์คลิฟท์จะเกิดความเข้าใจ และสามารถเลือกได้ตอบโจทย์กับลักษณะงานนั้น ๆ ช่วยให้การใช้งานมีประสิทธิภาพเต็มที่

4


ด้วยเมืองไทยมีสภาพอากาศอันแสนรอบอบอ้าวอยู่แทบทั้งปี เครื่องใช้ไฟฟ้าสำคัญที่หลายบ้านขาดไม่ได้นั่นคือ “เครื่องปรับอากาศ” หรือ แอร์ที่เรียกกันอย่างคุ้นเคย ซึ่งเป็นเรื่องปกติเมื่อมีการใช้งานก็ย่อมเกิดความเสื่อมตามมา และวิธีจะซ่อมแซมได้ไม่ว่าในฐานะช่างแอร์หรือคนที่มีความรู้ในด้านช่างก็คือ ต้องซื้ออะไหล่มาเปลี่ยน ซึ่งวัสดุที่กำลังจะพูดถึงต่อไปนี้เป็นอะไหล่แอร์ที่บรรดาร้านขายอะไหล่แอร์ต้องมีติดไว้ตลอด เพราะลูกค้าซื้อบ่อยมาก

อะไหล่แอร์ที่ร้านขายต้องสต็อกไว้ เพราะลูกค้าซื้อบ่อยมาก

1. ยางหุ้มท่อ
เป็นอุปกรณ์แท่งยาว ๆ สีดำ ทำจากยาง มีหน้าที่หลักคือ ป้องกันการรั่วซึมของน้ำทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นน้ำยาแอร์ น้ำที่หยดจากการใช้งานของแอร์ รวมถึงบรรดาความชื้นต่าง ๆ ด้วย อีกทั้งยังป้องกันรังสียูวี และปัจจัยภายนอกต่าง ๆ ไม่ให้เข้ามาทำร้ายภายในตัวเครื่องโดยเฉพาะบริเวณคอมเพรสเซอร์แอร์ด้านนอก

2. แมกเนติก
จะเรียกว่าสวิทช์สำหรับควบคุมการทำงานของแอร์ก็ไม่ผิดนัก เพราะหน้าที่ของอะไหล่ตัวนี้จะคอยเปิด-ปิดวงจรไฟฟ้าในการทำงานอยู่เสมอ สังเกตว่าเวลาเปิดแอร์ไปสักพักเมื่ออากาศเริ่มคงที่เสียงคอมเพรสเซอร์ด้านนอกจะตัดการทำงาน เมื่อผ่านไปสักระยะจึงค่อยเปิดเครื่องใหม่ เนื่องจากพลังงานถูกเอามาใช้เต็มที่แล้ว จึงไม่ต้องปล่อยให้เปลืองไฟ

3. น้ำยาแอร์
จริง ๆ แล้วมันก็คือสารที่จะช่วยเพิ่มความเย็นให้กับแอร์ ซึ่งระบบแอร์ในปัจจุบันเองพยายามทำให้ทันสมัยมากขึ้น การใช้งานน้ำยาแอร์จึงต้องปรับสภาพให้เหมาะสมด้วย จะเห็นว่าแอร์แต่ละประเภทเองมีการใช้น้ำยาไม่เหมือนกัน จึงเป็นเหตุผลที่ร้านขายอะไหล่แอร์จำนวนมากมีการเพิ่มประเภทน้ำยาตัวนี้เอาไว้เยอะพอสมควร ใครใช้แอร์รุ่นไหนแค่บอกก็หยิบให้ได้ทันที

4. รางครอบท่อ
ส่วนใหญ่แล้วรางครอบท่อแอร์มักทำจากพลาสติก หากต้องอยู่ในบริเวณที่โดนแสงแดดจัดตลอดวัน โอกาสที่จะกรอบและพังเสียหายมีสูงมาก ดังนั้นหลายบ้านที่ต้องติดตั้งแอร์ไว้ในบริเวณดังกล่าวจึงมีปัญหาต้องเปลี่ยนอะไหล่ตัวนี้บ่อย เพื่อไม่ให้ภายในรางครอบเกิดความเสียหาย

5. คอมเพรสเซอร์แอร์
เป็นอีกสิ่งที่เมื่อใช้งานไปนาน ๆ ก็สามารถเสียหายได้ ซึ่งคอมเพรสเซอร์เปรียบได้กับหัวใจหลักในการช่วยให้แอร์ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้นลองสังเกตดูหากทำงานผิดปกติ เช่น เสียงไม่คุ้น มีการสั่นของเครื่อง ฯลฯ ให้รีบตรวจสอบทันทีอย่าปล่อยไว้

นอกจากอะไหล่ที่ได้กล่าวมาแล้วก็ยังมีอีกหลายชนิดที่ร้านขายอะไหล่แอร์ต้องมีติดเอาไว้เสมอ เช่น มอเตอร์พัดลม, ท่อทอแดง, ข้อต่อท่อทองแดง, คอยล์ร้อน, คอยล์เย็น ฯลฯ สามารถเลือกซื้อที่มีคุณภาพไปใช้งานกันได้เลย

5


ปัญหาการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา หรือ โควิด-19 ยังคงสร้างปัญหาให้กับทุกคนทั่วโลกอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ อย่างไรก็ต้องแม้การกำจัดเชื้อให้หมดไปจากโลกคงเป็นเรื่องยาก แต่เราทุกคนสามารถป้องกันตนเองให้ห่างไกลได้ รวมถึงบรรดาสถานที่ต่าง ๆ ก็จำเป็นต้องมีมาตรการป้องกันด้วยเช่นกัน เครื่องพ่นละอองฝอย จึงถือเป็นอีกทางเลือกดี ๆ ที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและจัดการกับเชื้อร้ายตัวนี้ไม่ให้เข้ามาย่างกรายในพื้นที่ที่ผู้คนต้องใช้ชีวิต

จัดการไวรัสโคโรนาด้วยเครื่องพ่นละอองฝอยที่ได้มาตรฐาน
การแพร่เชื้อของไวรัสชนิดนี้เกิดขึ้นได้ภายในระยะเวลาอันรวดเร็ว ส่วนหนึ่งมาจากในพื้นที่หนึ่งหากมีคนติดเชื้อนี้เข้ามาเพียงแค่คนเดียวก็สามารถกระจายสู่คนอื่น ๆ ที่อยู่ด้วยได้อีกหลักร้อย หลักพันคน ดังนั้นการพยายามทำความสะอาดพื้นที่ต่าง ๆ อยู่ตลอดเวลาจึงเป็นเรื่องสำคัญที่ไม่ควรมองข้ามอย่างเด็ดขาด


เครื่องพ่นละอองฝอย” จึงถือเป็นทางเลือกอันดับ 1 ที่จำเป็นอย่างยิ่งในการนำมาใช้งาน เพราะเมื่อมีการใส่น้ำยาฆ่าเชื้อลงไปแล้วพ่นตามจุดต่าง ๆ ด้วยความเป็นละอองฝอยจะกระจายไปในพื้นที่ได้ทุกซอกทุกมุม ไม่ว่าเชื้อไวรัสโคโรนาหรือเชื้อไหนก็ต้องบอกลาที่เข้ามาอยู่ในร่างกายมนุษย์กันได้เลย
แต่เหนือสิ่งอื่นใดก็จำเป็นต้องเลือกผลิตภัณฑ์ที่จะใช้งานให้ดีด้วย ปัจจัยหลัก ๆ ในการเลือกที่สามารถนำเอาเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจได้คือ
-   เป็นเครื่องที่มีแบรนด์ และผ่านมาตรฐานการรับรองจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
-   มีผลการทดสอบตอนก่อนและหลังฆ่าเชื้อเพื่อเปรียบเทียบความสะอาด
-   ราคาเหมาะสมกับคุณภาพ ซึ่งไม่ได้บอกว่าถูกหรือแพง แต่ดูแล้วคุ้มค่าที่จะจ่ายเงิน

ทุกสถานที่แหล่งชุมชน จำเป็นต้องจัดการไวรัสโคโรนาด้วย เครื่องพ่นละอองฝอย
เน้นย้ำว่าทุกสถานที่อันถือเป็นแหล่งชุมชน ที่รวมเอาผู้คนจำนวนมากไม่ว่าจะเป็นห้างสรรพสินค้า, ร้านสะดวกซื้อ, ร้านอาหาร, สนามบิน, สถานีรถโดยสาร, เครื่องบิน, รถประจำทาง แม้กระทั่งสถานที่ราชการ, ออฟฟิศ, โรงงานต่าง ๆ ก็จำเป็นต้องมีมาตรการป้องกันอย่างชัดเจนเพื่อไม่ให้เกิดการแพร่เชื้ออย่างรวดเร็ว เพราะยิ่งรวมตัวกันเยอะ หรือเป็นสถานที่คนพลุพล่านมากเท่าไหร่ โอกาสที่จะเกิดการติดเชื้อจากคนหนึ่งไปสู่อีกคนก็มีสูงมาก

การป้องกันอันตรายจากโควิด-19 หรือ ไวรัสโคโรนา ไม่ใช่หน้าที่ของใครคนหนึ่ง แต่เป็นความรับผิดชอบของทุกคนที่ต้องร่วมกันดูแลเพื่อให้เกิดความปลอดภัย และผ่านวิกฤตตรงนี้ไปให้จงได้ เครื่องพ่นละอองฝอย จึงถือเป็นอีก 1 ตัวช่วยชั้นดีอันจะทำให้ทุกพื้นที่สะอาด ปราศจากความอันตรายของเชื้อโรค


สนใจข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเครื่องพ่นละอองฝอย คลิกเลย! http://www.enrichfogger.com/

6
Instagram หรือไอจี เรียกได้ว่าเป็นช่องทางขายของออนไลน์ที่มีผู้สนใจนำของไปขายกัน ซึ่งจะเห็นว่ามีร้านที่ช่วยในการ โปรโมท Instagram คอยบอกของ หรือสินค้าต่าง ๆ พร้อม Contact ร้าน ให้เราได้ติดต่อ โดยร้านที่ถูกโปรโมทนั้นขายสินค้าต่างกันออกไป จนอาจกลายเป็นคำถามในหมู่นักขายมือใหม่ว่าควรจะขายของอะไรในไอจีดี ชนิดปังขั้นสุด อะๆ..คำถามนี้จะหมดไปแน่นอน เพราะเราได้เสาะหาสินค้าขายดี ปัง ๆ โดน ๆ ในไอจีมาบอกต่อแล้ว จะมีอะไรบ้างไปดูกันเลย
1.        เสื้อผ้า
หลาย ๆ คนอาจสงสัย ขายของในไอจี ขายอะไรดี ต้องนี่เลยเครื่องนุ่มห่ม อย่าง “เสื้อผ้า” ไม่ว่าจะเป็นของเด็ก ผู้หญิง ผู้ชาย แถมยังแยกออกไปอีกว่าเป็นหุ่นแบบไหน สาวอวบ หนุ่มผอม มีให้เลือกหลากหลายแนวมาก วินเทจ สปอร์ต น่ารักใส ๆ ฯลฯ แต่ที่เหมือนกันเลยก็คือทุกร้านมีลูกค้าซื้อเยอะ เพราะเสื้อผ้ามีการอัพเดตเก่ง ยิ่งร้านไหนเปลี่ยนไปตามยุคไวยิ่งได้ลูกค้า
2.        รองเท้าผ้าใบมือสอง
เรียกได้ว่าเป็น สินค้าขายดีใน ig เลยจริง ๆ สำหรับ รองเท้าผ้าใบ แล้วต้องเป็นมือสองด้วยนะ อย่างว่ามือหนึ่งบางคู่ก็มีราคาสูงเกินไป กลุ่มลูกค้าที่ชื่นชอบรองเท้าผ้าใบจึงนิยมมาเลือกซื้อบรรดามือสองกัน นอกจากจะมีราคาถูกแล้วก็ยังใส่ของแบรนด์แท้ ถูกต้องตามลิขสิทธิ์อีกด้วย
3.         กระเป๋า
สินค้าต่อมาที่นิยมขายในไอจีเลยก็คือ กระเป๋า ไม่ว่าจะ กระเป๋าผ้า กระเป๋าแฟชั่น กระเป๋าคาดอก กระเป๋าเป้ หรือแม้แต่กระเป๋าเงิน ใด ๆ แล้วมีลูกค้าเลือกซื้อแทบทุกประเภท โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าผู้หญิงนะซื้อใช้เอง หรือซื้อให้แฟนกระเป๋าขึ้นแท่นอันดับ 1 หมดคำถาม ขายของในไอจี ขายอะไรดี ไปได้เลย
4.        นาฬิกาข้อมือ
เป็นอีก สินค้าขายดีใน ig ที่มีกลุ่มลูกค้าสนใจเลือกซื้อ เพราะในชีวิตประจำเราจำเป็นต้องมองดูนาฬิกาแม้จะมีโทรศัพท์แต่แค่หมุนข้อมือนิดเดียวก็เห็นก่อนแล้ว เป็นสินค้าคลาสสิกที่ไม่เลือนหายไปจากใจลูกค้าแน่นอน
5.        ของกิ๊ปช็อป
ปิดท้ายกันด้วย สินค้าขายดีใน ig อย่าง กิ๊ปช็อป ของน่ารัก กระจุกกระจิก เช่น กิ๊ปติดผม ที่คาดผม ตุ๊กตา ผ้าเช็ดหน้า เคสโทรศัพท์ รวมถึงสร้อยข้อมือ แหวน กำไล ฯลฯ เป็นพวกสินค้าเครื่องประดับที่จะซื้อให้ตัวเอง หรือเป็นของขวัญเนื่องในโอกาสต่าง ๆ ลูกค้าชอบมากเลยล่ะ บอกลาคำถาม ขายของในไอจี ขายอะไรดี ไปเลย
นอกจากเลือกสินค้าขายดีโดนใจลูกค้าเป็นแล้ว ก็ต้องทำการขายให้เป็นด้วย เช่น การถ่ายรูปสินค้า สีสดใส น่ารัก หรือเป็นไปตามคอนเซ็ปต์สินค้า แคปชั่นอ่านง่าย ตรงประเด็น บอกราคาสินค้า ค่าส่งให้เรียบร้อย รับรองว่าขายปังไม่พังแน่นอน

หน้า: [1]