สำหรับคุณพ่อคุณแม่ทั้งหลายในปัจจุบันนั้นแน่นอนว่าเราสามารถที่จะหาข้อมูลเกี่ยวกับการเลี้ยงดูเด็กๆได้อย่างหลากหลายในถูกต้องมากยิ่งขึ้นเมื่อเป็นเช่นนี้แล้วจึงทำให้เราสามารถที่จะหาอาหารต่างๆให้เด็กๆได้รับประทานเพื่อเป็นการเสริมสร้างพัฒนาการให้กับเด็กๆได้ง่ายมากยิ่งขึ้นยกตัวอย่างเช่นสำหรับเด็กๆบ้านไหนที่มีอายุ 1 ปีแล้วนั้นเราก็อยากที่จะให้พ่อแม่ทั้งหลายได้ลองเลือกดูนมผงสำหรับเด็กมาชงให้เด็กๆได้ดื่มกันทั้งนี้ก็เพราะว่าในปัจจุบันนั้นมีการพัฒนาเรื่องของนมผงเด็กให้มีสารอาหารต่างๆที่ครบถ้วนมากยิ่งขึ้นเหมาะสมต่อการเสริมสร้างพัฒนาการเด็กๆในช่วงวัยนี้กันแล้วนั่นเอง

ซึ่งโดยปกติเด็กๆที่มีอายุ 1 ขวบแล้วนั้นเขาก็จะสามารถรับประทานอาหารได้อย่างหลากหลายมากยิ่งขึ้นและที่สำคัญเราสามารถที่จะให้เขาได้ดื่มนมเพื่อเป็นการเสริมสร้างสารอาหารต่างๆในมื้อหลักให้กับเขาได้มากยิ่งขึ้นและในช่วงวัยนี้เป็นช่วงของการพัฒนาในด้านร่างกายสมองและภูมิต้านทานของเด็กๆจึงทำให้เป็นช่วงเวลาที่มีความสำคัญในการทำให้เด็กๆนั้นได้รับสารอาหารอย่างครบถ้วนและการที่เราเลือกใช้นมสำหรับเด็ก 1 ปีมาชงให้กับเด็กๆได้เดิมเป็นการเสริมสร้างสารอาหารให้มากยิ่งขึ้นนั้นมันก็จะช่วยทำให้เขาสามารถที่จะเติบโตขึ้นมามีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงและมีพัฒนาการโตเต็มวัยนั่นเองโดยสารอาหารพื้นฐานที่โดยส่วนใหญ่แล้วมักจะมีในนมผงสำหรับเด็กอย่างเช่น

ฟอสโฟไลปิดและสฟิงโกไมอีลิน วิตามินบี 1ที่มีส่วนสำคัญในการทำงานตามปกติของระบบประสาทและกล้ามเนื้อ มีธาตุเหล็กที่จะช่วยเสริมสร้างเม็ดเลือดแดงและฮีโมโกลบินให้อยู่ในระดับปกติ นอกจากนี้ในนมผงแน่นอนว่าจะต้องมีแคลเซียมสูงและมีฟอร์รัสที่มีส่วนสำคัญในการช่วยเสริมสร้างกระดูกและฟันที่แข็งแรง รวมถึงยังมีวิตามินดีที่ช่วยในโลกการดูดซึมแคลเซียมและมีวิตามินเคที่มีส่วนช่วยในการแข็งตัวตามปกติของเลือดและมีส่วนช่วยคงสภาพปกติของกระดูก

ในส่วนของวิตามินเอจะช่วยคงสภาพปกติของการมองเห็น ในส่วนของวิตามินซีและวิตามินอีนั้นก็จะช่วยในกระบวนการต่อต้านอนุมูลอิสระด้วย
และจากที่เราได้กล่าวไปนั้นเราก็อยากที่จะให้เพื่อนๆได้ดูในเรื่องของนมผงสำหรับเด็กด้วยเพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้เด็กนั้นเติบโตมาป่วยได้ง่ายหรือมีพัฒนาการส่วนไหนที่ไม่สมบูรณ์แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นสิ่งหนึ่งเลยที่สำคัญก็คือเรื่องขอฝการให้เด็กได้ดื่มนมแม่ให้มากๆ เพราะเป็นแหล่งของสารอาหารชั้นเยี่ยมนั่นเอง

   อาหารที่เรารับประทานกันอยู่ทุกวันนี้ ถ้าหากว่ามีการแบ่งเป็นหมวดหมู่ จะประกอบด้วย หมู่ที่ 1 ประเภทโปรตีน คือสารอาหารจำพวกเนื้อสัตว์ นม ไข่ หมู่ที่ 2 ประเภทคาร์โบไฮเดรต คือสารอาหารจำพวกข้าว แป้ง น้ำตาล หมู่ที่ 3 ประเภทเกลือแร่หรือแร่ธาตุ คือสารอาหารจำพวกพืช ผักชนิดต่างๆ หมู่ที่ 4 ประเภทวิตามิน คือสารอาหารจำพวกผลไม้ต่างๆ และหมู่ที่ 5 ประเภทไขมัน คือสารอาหารจำพวกไขมันและน้ำมันจากพืชและสัตว์ ซึ่งในแต่ละมื้อของอาหารจะต้องทานอย่างถูกต้อง ครบถ้วนทั้ง 5 หมู่ เพื่อให้ร่างกายสามารถนำไปใช้เสริมสร้างการเจริญเติบโต อีกทั้งช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันให้ร่างกายสมบูรณ์และแข็งแรง ในวันนี้เราจะมาดูเมนูอาหารเพื่อสุขภาพที่ได้สารอาหารแบบครบครัน เริ่มกันเลย

 

   เมนูพื้นฐานอย่างข้าวราดผัดกะเพรา หรือกะเพราขาหมูแสนอร่อยที่หากินได้ง่าย มีแทบทุกร้านที่เป็นอาหารตามสั่ง เราจะให้ครบ 5 หมู่แบบเน้นๆ ควรใส่ผักเพิ่มเติมลงไปอีกนิด เช่น ถั่วฝักยาว ข้าวโพดอ่อน หอมหัวใหญ่ เพื่อเพิ่มเกลือแร่ และวิตามินให้กับอาหารมื้อนี้ นอกจากแป้งจากข้าว ไขมันจากน้ำมันทำอาหาร และโปรตีนจากเนื้อสัตว์ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเราก็ต้องเลือกใช้น้ำมันในปริมาณที่น้อย และเลือกเนื้อสัตว์ที่ไม่ติดมัน เท่านั้นเอง



   ก๋วยเตี๋ยวเจ้าประจำแสนอร่อย เราสามารถทำให้มีครบทุกหมู่ได้ง่ายๆ โดยได้คาร์โบไฮเดรต (แป้ง) จากเส้นก๋วยเตี๋ยว โปรตีนจากเนื้อสัตว์ และถั่วงอก ถั่วลิสง เกลือแร่และวิตามินจากผักต่างๆ เช่น ผักบุ้ง คะน้า หัวไชเท้า โหระพา กวางตุ้ง ผักหวาน ผักกาดหอม และไขมันจากน้ำมันทำอาหาร เพิ่มเติมด้วยของว่างอย่างไก่สะเต๊ะด้วย แต่ข้อควรระวังสำหรับการรับประทานก๋วยเตี๋ยว คือเครื่องปรุงจากน้ำซุปที่อาจทำให้เค็มเกินไป จนปริมาณโซเดียมเกินก็ได้



   สุกี้ เมนูโปรดของใครหลายคน ที่สามารถได้สารอาหารครบ 5 หมู่ เพราะคาร์โบไฮเดรตที่ได้จากวุ้นเส้นให้พลังงานต่ำกว่าข้าวและเส้นก๋วยเตี๋ยวอย่างแน่นอน แถมยังได้โปรตีนจากเนื้อสัตว์และไข่ เกลือแร่และวิตามินจากผักต่างๆ เช่น ผักบุ้ง ผักกาดขาว ขึ้นฉ่าย ฯลฯ ในปริมาณที่มากกว่าแป้งอีกด้วย แต่ข้อควรระวังคือปริมาณโซเดียมจากน้ำจิ้ม ต้องใส่แต่พอดี

 

   ผัดผักรวมมิตร รวมเข้ากับเมนูหมูอบซอส เมนูเบาๆ สามารถเลือกใช้ผักที่ชอบได้ทุกอย่าง และแนะนำให้เติมผักใบเขียวอย่างคะน้าหรือปวยเล้งเพื่อเพิ่มแมกนีเซียมให้กับร่างกาย (แมกนีเซียมดีต่อหัวใจและกระดูก) น้องจากนี้อาจจะเติมเนื้อสัตว์ไม่ว่าจะเป็นหมู หรือกุ้ง ส่วนการผัดเราก็ลดปริมาณการใช้น้ำมันตอนที่ผัด หรือใช้วิธีผัดแบบไร้น้ำมัน ปรุงรสน้อยๆ เพื่อสุขภาพที่ดี

 
   การเลือกรับประทานอาหารในแต่ละมื้อนั้น ถ้าเราเลือกสิ่งที่ดีมีประโยชน์ ทำเองกับมือ ใส่เครื่องปรุงอาหาร เราก็จะได้สารอาหารแบบครบถ้วนถูกต้องตามหลักสุขภาพ กินอะไรได้อย่างนั้น YOU ARE WHAT YOU EAT

           เมื่อมีแผลเกิดขึ้นไม่ว่าจะเป็นแผลถลอก  แผลฉีกขาด แผลจากการขีดข่วน เล็ก ๆ น้อย ๆ หรือแผลขนาดใหญ่ ล้วนแล้วแต่จะทำให้เกิดความรู้สึกปวดแสบปวดร้อนขึ้นมาในทันที แต่ยิ่งไปกว่านั้นสิ่งที่ทรมานใจอันดับต่อมาคงหนีไปพ้นการที่ต้องทำแผล  ที่ทำให้ใครหลาย ๆ คนถึงกับต้องทำใจกันเลยทีเดียว ยิ่งถ้าย้อนกลับไปในช่วงวัยเด็กด้วยแล้ว หลายๆ คนถึงกับกลัวการทำแผลเลยก็ว่าได้ เพราะในสมัยก่อนนั้นมักจะใช้ทิงเจอร์ไอโอดีนในการทำแผล ซึ่งบอกได้คำเดียวว่า “การทำแผลเจ็บมากกว่าตอนเป็นแผลซะอีก ” เป็นความโชคดีของเด็ก ๆ ในสมัยนี้ที่มีเบตาดีนตัวยาใส่แผลสดที่ช่วยให้การทำแผลไม่ใช่เรื่องน่ากลัวอีกต่อไป ว่าแล้ววันนี้จะพาทุกคนมารู้จักเบตาดีน
ยาสามัญประจำบ้านสารพัดประโยชน์ กันให้มากขึ้น

           เบตาดีน  เป็นหนึ่งในตัวยาที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนดให้เป็นยาสามัญประจำบ้าน เป็นที่รู้จักกันดีว่าเบตาดีนนั้น เป็นยาใช้ภายนอกที่ใช้สำหรับใส่แผลสดทั่วไป แผลไฟไหม้ น้ำร้อนลวก  ตัวยาออกฤทธิ์ฆ่าเชื้อแบคทีเรียได้หลายชนิด อีกทั้งยังสามารถยับยั้งการเจริญเติบโตของ ไวรัส ยีสต์ เชื้อรา และโปโตชัว จึงทำให้แผลแห้งเร็ว สมานตัวกันได้ดีขึ้น นอกจากเบตาดีนจะสรรพคุณในการรักษาแผลต่าง ๆ แล้ว ยังมีประโยชน์อื่น ๆ อีกมากมาย เรียกได้ว่าเป็นยาสามัญประจำบ้านสารพัดประโยชน์กันเลยทีเดียว ไปดูกันค่ะว่า เบตาดีนนั้นมีประโยชน์อะไรบ้าง

          ประโยชน์ของเบตาดีน
          1. เบตาดีนใช้รักษาแผลสด แผลไฟไหม้น้ำร้อนลวก ไม่ทำให้แสบร้อนระคายเคืองแผล ทำให้แผลแห้งเร็วและสมานแผลได้ดีขึ้น
          2. เบตาดีนสามารถต้านเชื้อ Propionibacterium acnes ที่เป็นสาเหตุของการเกิดสิวได้ สำหรับคนที่ผิวแพ้ง่าย หรือผิวบอบบาง อาจลองทดสอบการแพ้ที่ท้องแขน หรือหลังใบหูก่อน เพื่อให้แน่ใจว่าไม่แพ้เบตาดีน
          3. เบตาดีนผสมน้ำสามารถฉีดพ่นฆ่าเชื้อโรคได้ อีกทั้งยังสามารถ ฆ่าเชื้อโควิด-19 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
( มีผลการวิจัยยืนยัน จากห้องปฏิบัติการของ Duke-NUS Medical School ประเทศสิงคโปร์ )
          4. เบตาดีน ถูกนำไปใช้อย่างแพร่หลายในโรงพยาบาลเพื่อฆ่าเชื้อ ก่อนและหลังการผ่าตัด
          ข้อควรระวัง
          1. เบตาดีนเป็นยาใช้ภายนอก ห้ามรับประทาน
          2. ระมัดระวังไม่ให้เบตาดีนกระเด็นเข้าตา
          3. การใช้เบตาดีนสำหรับสตรีมีครรถ์ และสตรีให้นมบุตร ควรอยู่ในการดูแลของแพทย์
          4. ห้ามใช้ยานี้กับเด็กที่คลอดก่อนกำหนด หรือเด็กแรกเกิดที่น้ำหนักตัวน้อยกว่า 1.5 กิโลกรัม
          5. เก็บยาไว้ในที่มิดชิด ไม่โดนแสงแดด ความร้อน ความชื้น และเก็บให้พ้นมือเด็ก
          6. ไม่ควรใช้ยานี้กับแผลในระดับลึก หรือแผลไฟไหม้ระดับรุนแรง เพราะอาจทำให้ผิวหนังไหม้ได้
          7. ผู้ที่แพ้ง่ายควรทดลอบการแพ้ที่ท้องแขน หรือหลังใบหูก่อนเพื่อให้แน่ใจว่าไม่แพ้ เบตาดีน

           เบตาดีน ยาสามามัญประจำบ้านขวดเล็ก ๆ ที่เต็มไปด้วยประโยชน์มากมายสารพัด เป็นอีกตัวยาหนึ่งที่ควรมีไว้ติดบ้าน หรือพกพาติดตัวไปด้วย ก็ยิ่งทำให้อุ่นใจมากขึ้น นอกจากประโยชน์ที่มีมากมายแล้ว การใช้เบตาดีน ก็ควรคำนึงถึงข้อควรระวังกันด้วยนะคะ
         

   ในปัจจุบันต้องยอมรับว่าการดูแลตัวเองไม่ว่าจะเป็นเป็นผู้หญิงหรือว่าท่านผู้ชายหรือเพศไหนๆเป็นเรื่องที่มีความสำคัญเป็นอย่างมาก ยิ่งถ้าเป็นบริเวณใบหน้าแล้วละก็เป็นเรื่องที่ต้องใส่ใจเป็นพิเศษเนื่องจากผิวที่ใบหน้ามีความเปราะบางเป็นอย่างมาก สำหรับการเลือกซื้อสินค้าในช่องทางต่างๆก็จะต้องเลือกช่องทางที่สามารถมั่นใจในผลิตภัณฑ์ว่าจะมีประสิทธิภาพ ซึ่งสำหรับช่องทางช็อปวัตสันก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ได้รับความนิยมทั้งเอเชียเป็นพิเศษอยู่แล้ว ทั้งการนำเข้าผลิตภัณฑ์ต่างๆที่มีประสิทธิภาพและคุ้มค่ากับราคาที่สามารถเอื้อมถึงได้ง่าย

      ซึ่งสำหรับการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ในการดูแลตัวเองต่างๆก็จะต้องมั่นใจถึงคุณภาพและสินค้าที่เป็นสินค้าจริงได้รับมาตรฐานซึ่งสำหรับเซรั่มSOS Fullerene Concentrate ที่เป็นผลิตภัณฑ์ของทางแบรนด์จากประเทศญี่ปุ่นที่ได้รับการยอมรับในเรื่องการช่วยทำให้สามารถต่อต้านอนุมูลอิสระ ช่วยลดริ้วรอยและสามารถที่จะเป็นเซรั่มที่ตอบโจทย์สำหรับการใช้งานในด้านการลดริ้วรอยที่มีประสิทธิภาพ เห็นถึงความเปลี่ยนแปลง จากแต่ก่อนที่จะต้องมีการ pre order หรือเลือกซื้อผ่านช่องทางร้านออนไลน์ที่อาจจะไม่มีความน่าเชื่อถือ การเลือกซื้อผ่านช่องทางจัดจำหน่ายที่รวบรวมผลิตภัณฑ์แบรนด์ดังต่างๆทั้งในประเทศและต่างประเทศไม่ว่าจะเป็นแบรนด์ชั้นนำก็สามารถที่จะช่วยทำให้คุณนั้นได้มีความมั่นใจในการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ผ่านช่องทาง Shop Watsons ที่สามารถรองรับต่อผลิตภัณฑ์ในการดูแลตัวเองต่างๆที่ครอบคลุมทั้งตัว และสุขภาพภายในก็สามารถที่จะเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ได้ผ่านที่นี่ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่สามารถช่วยทำให้ผู้ที่กำลังลังเลในการมองหาช่องทางจัดจำหน่ายเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ในการดูแลตนเองโดยเฉพาะก็สามารถมั่นใจที่จะเลือกซื้อผลิตภัณฑ์มากยิ่งขึ้นว่าคุณนั้นก็ได้รับการใช้งานที่มีประสิทธิภาพ ได้รับสกินแคร์ที่เป็นของแบรด์จริง และที่สำคัญสำหรับผู้ที่กำลังสนใจในตัวเซรั่ม SOS Fullerene ตอนนี้ก็มีโปรโมชั่นสุดพิเศษที่สามารถช่วยทำให้คุณได้รับความคุ้มค่าในการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์มากยิ่งขึ้นไปอีกจากราคาปกติ 990 บาทก็ลดเหลือเพียง 643 บาทเท่านั้น โดยสำหรับการสั่งซื้อสินค้าหรือผลิตภัณฑ์ต่างๆภายในสถานที่มีส่วนลดและราคาปกติสามารถที่จะได้รับความคุ้มค่าในราคาเดียวกันทั้งในช่องทางออนไลน์และออฟไลน์โดยที่คุณเองสามารถเลือกช่องทางที่สะดวกสำหรับการสั่งซื้อได้เลย

   ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจว่าสำหรับผู้ที่ต้องการเลือกซื้อสกินแคร์ในการดูแลตัวเองหรือผลิตภัณฑ์ในการดูแลสุขภาพต่างๆที่มีความมั่นใจในการเลือกซื้อผ่านช่องทางวัตสันที่สามารถตอบโจทย์ในการให้บริการได้อย่างครอบคลุมและทำให้คุณได้มั่นใจว่าจะได้เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีประสิทธิภาพซึ่งทางนี้คุณเองก็สามารถเลือกผลิตภัณฑ์ที่ให้ความเหมาะสมสำหรับสภาพปัญหาหรือการใช้งานของคุณได้มากยิ่งขึ้นๆเพราะสำหรับที่นี่นั้นมีตัวเลือกที่หลากหลายไม่ว่าจะเป็นสภาพผิวแพ้ง่าย ผิวแห้ง ผิวมัน ผิวผสม ก็สามารถเลือกตัวเลือกผลิตภัณฑ์ให้มีความเหมาะสมสำหรับสภาพปัญหาผิวหรือการใช้งานสภาพผิวของคุณได้อย่างเต็มที่มากยิ่งขึ้นในราคาที่คุ้มค่าที่ทุกคนควรลองใช้บริการเป็นอย่างมาก

ถ้าพูดถึงกาแฟต้องพูดถึง espresso เพราะเจ้าเอสเปรสโซ่นี่เองที่ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นของกาแฟทุกรสชาติที่มีในโลกนี้ ไม่ว่าคุณจะทำกาแฟชนิดไหน ต้องเริ่มต้นจากเอสเปรสโซ่ หรือพูดอีกนัยหนึ่งว่า สูตรกาแฟต่างๆบนโลกนี้ คือการเปลี่ยนรสชาติของเอสเปรสโซ่ให้ไปเป็นรสชาติใหม่นั่นเอง แต่จะมีอยู่หนึ่งชนิดที่มีความเหมือนกับเอสเปรสโซ่อย่างมากนั่นก็คือ อเมริกาโน่ร้อน ฟังจากชื่อก็น่าจะพอเดาออกว่ากาแฟชนิดนี้ต้องเกี่ยวข้องกับประเทศอเมริกาอย่างแน่นอน

ก่อนที่เราจะดูความเหมือนความต่าง เราต้องดูความหมายของแต่ละตัวเสียก่อน เมื่อเรารู้ความหมายของแต่ละตัวก็ไม่ใช่เรื่องยากที่เราจะบอกความเหมือนหรือต่างของกาแฟทั้งสองชนิดนี้ โดยเราจะเริ่มต้นจาก เอสเปรสโซ่ ดังที่ได้กล่าวในข้างต้นสำหรับเอสเปรสโซ่นั้นถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นของกาแฟทุกชนิดเพราะ เอสเปรสโซ่นั้นเกิดจากการผสมผงกาแฟกับน้ำร้อนหรือดันน้ำร้อนผ่านผงกาแฟ เราก็จะได้กาแฟที่เป็นน้ำกาแฟสีดำๆ ซึ่งรสชาติก็จะเข้มข้นตามรสชาติของกาแฟแท้ที่ยังไม่ได้ปรุงแต่ง นั่นคือ อาจจะมีรสขมนิดๆ แต่กลิ่นกาแฟจะหอมมาก ซึ่งเอสเปรสโซ่นี่เองที่มีคุณค่า คุณประโยชน์ต่อร่างกายมากมาย แต่เมื่อนำไปปรุงแต่งรสชาติแล้วหลายๆคนอาจจะมองว่าจะทำให้คุณค่าของกาแฟลดลง ซึ่งจริงๆแล้วมันไม่ได้ลดลงเพียงแต่ว่าร่างกายของเรานั้นจะได้รับสารอื่นๆไปด้วย จากการปรุงแต่งกาแฟ เช่น ความหวานของน้ำตาล ไขมันจากครีมต่างๆ ซึ่งสิ่งที่มาปรุงแต่งกาแฟเหล่านี้ต่างหากที่ส่งผลเสียต่อร่างกาย

เมื่อทำความรู้จักกับเอสเปรสโซ่แล้ว เรามาทำความรู้จักกับ อเมริกาโน่กันบ้าง สำหรับกาแฟรสนี้นั้นเกิดจากคนสหรัฐจริงๆด้วย ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ทหารสหรัฐที่ประจำการอยู่ที่ประเทศอิตาลีได้ทำกาแฟกินกันแบบง่ายๆและได้ปริมาณมากเพราะต้องแบ่งกันกินในหมู่ทหารด้วยกัน ซึ่งโดยปกติของคนสหรัฐอยู่แล้ว การกินกาแฟนั้นจะกินตลอดทั้งวัน ดังนั้นในเวลารบ การทำกาแฟแบบง่ายๆที่สุดก็คือ การเอาเอสเปรสโซ่เติมน้ำร้อนเพื่อเพิ่มปริมาณให้ได้เยอะๆ จะได้แบ่งกันกิน ด้วยเหตุนี้เอง จึงทำให้เกิดอเมริกาโน่ขึ้น กล่าวโดยสรุปอเมริกาโน่ก็คือ การทำให้เอสเปรสโซ่เจือจางลงหรือเติมน้ำร้อนเพื่อเพิ่มปริมาณให้ได้กาแฟมากยิ่งขึ้นนั่นเอง

หลังจากที่เราได้ทำความรู้จักกับเอสเปรสโซ่และอเมริกาโน่แล้ว ก็ไม่ใช่เรื่องยากที่เราจะบอกว่ามันเหมือนหรือต่างกันอย่างไร เอาความเหมือนก่อน กาแฟทั้งสองชนิดนี้เหมือนกันตรงที่ทั้งสองรสชาติต่างมีแค่รสกาแฟแท้ๆเท่านั้นไม่มีรสของวัตถุดิบชนิดอื่นเข้ามาเปลี่ยนแปลงรสชาติของกาแฟ ส่วนความต่าง ก็น่าจะเป็นในเรื่องของความเข้มข้นของรสชาติของกาแฟ เพราะอเมริกาโน่จะต้องเข้ามข้นน้อยกว่าเอสเปรสโซ่อย่างแน่นอน เพราะได้จากการเติมน้ำร้อนเข้าไปในเอสเปรสโซ่นั่นเอง

ปัจจุบันเอสเปรสโซ่และอเมริกาโน่นั้นถือว่าได้รับความนิยมอย่างมากในหมู่นักดื่มเพื่อสุขภาพ เพราะนอกจากจะได้กลิ่นหอมกรุ่นของกาแฟแล้ว ยังช่วยให้ร่างกายได้รับประโยชน์มากมายจากกาแฟอีกด้วย ซึ่งถ้าหากใครอยากมีสุขภาพดีก็แนะนำเลย เอสเปรสโซ่ หรือ อเมริกาโน่หากอยากลดความเข้มข้นของกาแฟลงบ้าง