ThaiFranchiseCenter Webboard

ThaiFranchiseCenter Webboard - Info Center

* สมัครสมาชิกเว็บบอร์ด ไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ ฟรี! *
หน้าแรก | เปิดร้านค้าฟรี! | โปรโมชั่นแฟรนไชส์ | ร้านหนังสือออนไลน์ | สนใจลงโฆษณา

ทางเว็บไซต์ ThaiFranchiseCenter.com ไม่มีส่วนรับผิดชอบกับข้อความต่างๆในเว็บบอร์ดแต่อย่างใด
    ไม่ว่าจะเป็นการซื้อ-ขาย-เช่า-เซ้ง หรือ อื่นๆ (ผู้ซื้อ หรือ ผู้ขาย กรุณาใช้วิจารณญาณในการติดต่อทางธุรกิจ)


แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - ธิติพร

หน้า: [1]
1


เมื่อจะย้อมผมทังที ก็ต้องพิจารณาเลือกยาย้อมผมอย่างถี่ถ้วน การเลือกยาย้อมผม โดยเฉพาะเมื่อต้องการย้อมผมด้วยตนเองนั้น เป็นเรื่องละเอียดอ่อน เพราะเนื่องจากยาย้อมผมจะส่งผมโดยส่งต่อสีผมและลุคโดยรวมของเราแล้ว ยาย้อมผมยังมีผลอย่างมากต่อสภาพผมหลังย้อม สุขภาพของเส้นผมและหนังศีะษะโดยรวมของเราด้วย ดังนั้น เราจึงควรทำความเข้าใจเกี่ยวกับหลาย ๆ ปัจจัยที่จะสามารถทำให้เราเลือกใช้ยาย้อมผมได้อย่างถูกต้องและปลอดภัย​​​​


อ่านส่วนประกอบอย่างถี่ถ้วน

หนึ่งในปัญหาหลักที่ผู้ใช้ยาย้อมผมต้องเผชิญคือการแพ้ยาย้อมผม การตรวจสอบส่วนประกอบของยาย้อมผมจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งที่จะช่วยป้องกันการเกิดอาการแพ้ที่อาจจะเป็นอันตรายได้ หากคุณมีประวัติการแพ้ หรือมีผิวแพ้ง่าย ควรทำการทดสอบบนบริเวณท้องแขนหรือหลังหูก่อนการใช้ยาย้อมผม โดยทิ้งเอาไว้ 15-30 นาที เพื่อตรวจสอบว่ามีอาการแสบ ผื่นแดง หรืออาการผิวแพ้อื่น ๆ หรือไม่ หากย้อมผมแล้วเกิดอาการแพ้อย่างรุนแรง เช่น คันตามผิว มีผื่นขึ้น บวมแดง ผิวอักเสบ คลื่นไส้ อาเจียน หายใจลำบาก หรือหมดสติควรรีบพบแพทย์ทันที


อายุของผลิตภัณฑ์
การดูวันผลิตและวันหมดอายุของยาย้อมผมก็เป็นข้อสำคัญ หากยาย้อมผมหมดอายุการใช้งาน สารเคมีที่เป็นส่วนผสมอาจจะเสื่อมประสิทธิภาพลง ทำให้ผลลัพธ์ที่ได้ไม่เป็นไปตามคาดหวัง และยังมีความเสี่ยงเป็นอันตรายต่อสุขภาพของเส้นผมและหนังศรีษะ
ผลิตภัณฑ์ออแกนิค เพื่อสุขภาพที่ดีกว่า
การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ออแกนิคเป็นทางเลือกที่ดี เนื่องจากมีส่วนผสมจากธรรมชาติที่มักจะปลอดภัยมากขึ้น และลดการใช้สารเคมีสังเคราะห์ที่อาจมีผลกระทบต่อสุขภาพของผมและหนังศรีษะ ยาย้อมผมออแกนิคมักดีต่อสุขภาพผมและหนังศรีษะมากกว่าสารเคมีสังเคราะห์ในระยะยาว โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่มีผิวแพ้ง่าย หรือผมเสียง่าย ผมหลุดร่วงง่าย สารเคมีสังเคราะห์อาจทำให้ผมสวยเงางามได้ในระยะเวลาหนึ่ง แต่ก็อาจทำให้เกิดการสะสมของสารเคมีได้ด้วย


ร้านค้าและผู้ผลิตที่เชื่อถือได้
การเลือกยี่ห้อที่เชื่อถือได้ก็เป็นสิ่งสำคัญ เราควรตรวจสอบคู่มือการใช้งานและฉลากกำกับของผลิตภัณฑ์ เพื่อความปลอดภัยและความมั่นใจในการใช้ ทั้งวันที่ผลิต รายละเอียดของส่วนผสมว่ามีอะไรที่คุณแพ้หรือต้องหารหลีกเลี่ยงหรือไม่ ข้อมูลเหล่านี้จะทำให้ช่วยตัดสินใจในการซื้อได้อย่างปลอดภัยยิ่งขึ้น


รีวิวจากผู้ใช้จริง
การอ่านรีวิว สีย้อมผมจากผู้ที่เคยใช้มาก่อนจะช่วยให้เราได้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับประสบการณ์จริง ๆ ของผู้ใช้ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นหลังการใช้, คุณภาพของสีที่ได้, หรือผลกระทบต่อสุขภาพผมและหนังศรีษะ รีวิวยังทำให้เราสามารถเปรียบเทียบผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่เหมาะกับสภาพผมของเรา โดยดูจากประสบการณ์ของลูกค้าคนอื่นๆ ได้อีกด้วย
สีที่คุณต้องการ
สุดท้าย การเลือกสีของยาย้อมผมก็มีความสำคัญ เนื่องจากความพอใจในสีผมมีผลต่อความรู้สึกและลักษณะบุคลิกของเรา ควรเลือกสีที่เหมาะสมกับสีผิวและบุคลิกของเราเอง โดยการดูข้อมูลการเปรียบเทียบสีผมที่อยู่บนกล่องของผลิตภัณฑ์ เพื่อให้ได้โทนสีที่ต้องการอย่างแม่นยำ

ด้วยการคำนึงถึงทุกรายละเอียดนี้ เราจะสามารถเลือกยาย้อมผมที่เหมาะสมและปลอดภัยสำหรับสุขภาพของเราได้อย่างมั่นใจ




2
เรามักจะเคยได้ยินกันว่าวิตามินดีเป็นวิตามินที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย โดยทั่วไปแล้วร่างกายของคนเราสามารถทำการสังเคราะห์วิตามินดีได้จากผิวหนังเมื่อได้รับแสงแดดในปริมาณที่เหมาะสม แต่ถามว่าสภาพอากาศอย่างเช่นปัจจุบัน จะมีใครที่อยากจะยืนตากแดดเป็นประจำทุกวันเพื่อสังเคราะห์วิตามินดีตามกระบวนการธรรมชาติบ้าง? ใช่แล้วเมื่อสภาพอากาศและวิถีชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไป ทำให้คนเราสัมผัสแสงแดดน้อยลง จึงเป็นที่มาของการขาดวิตามินดีอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ในบทความนี้เรามาดูกันดีกว่าว่าวิตามินดีมีประโยชน์อย่างไร? หากขาดวิตามินดีแล้วจะเป็นอย่างไร? หาคำตอบได้เลยที่นี่!

ประโยชน์ของวิตามินดี
วิตามินดี มีส่วนช่วยในการดูดซึมแคลเซียมและฟอสฟอรัส ช่วยเสริมสร้างกระดูกและฟันให้แข็งแรง นอกจากนี้ยังมีส่วนช่วยในการบำรุงสมอง กล้ามเนื้อ ปอด หัวใจ รวมทั้งช่วยเสริมสร้างกระบวนการทำงานของระบบประสาทและระบบภูมิคุ้มกันอีกด้วย

ร่างกายของคนเราต้องการวิตามินดีในปริมาณที่เหมาะสม (ขึ้นอยู่กับช่วงอายุของแต่ละบุคคล) เพื่อนำไปใช้ในการเจริญเติบโต ช่วยยับยั้งการหลั่งฮอร์โมนพาราไทรอยด์ที่มีส่วนทำให้เกิดโรคกระดูกพรุน หรือโรคกระดูกบางในผู้หญิงวัยหมดประจำเดือน นอกจากนี้สตรีที่วางแผนตั้งครรภ์และสตรีตั้งครรภ์จะต้องได้รับวิตามินดีมากขึ้นกว่าคนปกติด้วย

ประโยชน์ที่สำคัญของวิตามิน D สามารถช่วยลดความเสี่ยงของโรคร้ายต่าง ๆ เช่น โรคหัวใจ โรคมะเร็ง โรคกระดูกและโรคแพ้ภูมิตนเองได้ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าวิตามินดีมีหน้าที่สำคัญในระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ช่วยป้องกันเชื้อโรค เชื้อแบคทีเรีย เชื้อไวรัสและกำจัดสิ่งแปลกปลอมที่เป็นบ่อนทำลายสุขภาพได้เป็นอย่างดี

อาการขาดวิตามินดี
ขาดวิตามินดีไม่ใช่เรื่องดีนัก เพราะกระบวนการดูดซึมแคลเซียมและฟอสฟอรัสที่มีส่วนช่วยบำรุงกระดูกและฟันให้แข็งแรงก็จะลดลง เป็นสาเหตุของการเกิดภาวะกระดูกหัก โรคกระดูกพรุน โรคกระดูกบาง รวมทั้งภาวะแทรกซ้อนจากการติดเชื้อ อาการขาด วิตามินดีที่เกิดขึ้นอาจไม่เฉพาะเจาะจง ขึ้นอยู่กับช่วงอายุวัยของแต่ละบุคคลด้วย บางรายมีอาการเหนื่อยง่าย อ่อนเพลีย ปวดเมื่อย ปวดกระดูก ผมร่วง มีอาการซึมเศร้า วิตกกังวล หรือป่วยเป็นโรคเรื้อรังได้ง่าย ซึ่งเราจะทราบว่าเราขาดวิตามิน D ก็ต่อเมื่อเราไปตรวจวัดระดับวิตามินในเลือดเท่านั้น

ดังนั้น หากเรารู้สึกว่ามีความเสี่ยงต่อภาวะขาดวิตามินดี เราควรจะปรับเปลี่ยนพฤติกรรม เริ่มต้นด้วยการสัมผัสแสงแดดให้มากขึ้นต่อวัน พยายามรับประทานอาหารที่อุดมไปด้วยวิตามินดีสูง หรือรับประทานอาหารเสริมที่มีวิตามินดีเสริมเข้าไปอีกแรง เพื่อช่วยให้ร่างกายของเราแข็งแรงขึ้นได้ง่าย ๆ เลย

3
ในปัจจุบันมีเครื่องมือที่ชื่อว่า “เครื่อง ShockWave” (ช็อคเวฟ) ช็อคเวฟ คือ คลื่นกระแทกที่ช่วยรักษาอาการเจ็บปวด หรืออักเสบของกล้ามเนื้อและเส้นเอ็นที่เกิดจากการใช้งานกล้ามเนื้อมัดเดิมซ้ำ ๆ ไม่ว่าจะมาจากการทำงาน การใช้ชีวิต หรือแม้กระทั่งการออกกำลังกาย ด้วยหลักการการส่งคลื่นพลังงานสูงเข้าไปยังบริเวณที่มีอาการเจ็บปวดตามจังหวะของคลื่น ทำให้กล้ามเนื้อบริเวณนั้นเกิดการบาดเจ็บใหม่ (Re-injuries) และเกิดการซ่อมแซมเนื้อเยื่อใหม่ (Re-healing) เพื่อบรรเทาปวดและอักเสบกว่า 50% นอกจากนี้ยังมีส่วนทำให้ร่างกายหลั่งสารสื่อประสาทที่ส่งสัญญาณปวดน้อยลงและกระตุ้นให้หลั่งลดสารปวดมากขึ้นอีกด้วย

แล้วอาการบาดเจ็บที่อาจเกิดได้จากการเล่นกีฬาล่ะ?
โดยปกติหลักการรักษาของเครื่องช็อคเวฟจะใช้รักษาในคนไข้ที่มีอาการปวดกล้ามเนื้อในบริเวณต่างๆของร่างกายไม่ว่าจะมาจากลักษณะการนั่งทำงาน การใช้ชีวิต เล่นกีฬา หรือการออกกำลังกาย หากเกิดอาการหดเกร็งของกล้ามเนื้อขึ้นมาแล้ว มีอาการปวดเรื้อรัง หรือปวดแบบเฉียบพลันก็สามารถรักษาได้ โดยจะยิงพลังงานเข้าไปในบริเวณที่มีอาการเจ็บปวดเพื่อกระตุ้นให้เลือดไหลเวียน จากนั้นอาการบาดเจ็บก็จะค่อย ๆ หาย ซึ่งจะใช้เครื่องช็อคเวฟแบบ Radial shock wave หรือ Focus shock wave ขึ้นอยู่กับระดับความเจ็บปวดที่เกิดขึ้น บริเวณที่ปวดและสาเหตุของอาการบาดเจ็บ ร่วมกับดุลยพินิจของแพทย์ผู้ทำการรักษา

การใช้เครื่อง ShockWave ช่วยอย่างไร?
กล้ามเนื้อที่มีอาการหดเกร็ง เป็นก้อนนูน ตึง หรืออักเสบจะทำให้เลือดไหลเวียนไปเลี้ยงในบริเวณนั้นได้น้อยลง เมื่อเรากดก็จะรู้สึกเจ็บ หากเราปล่อยให้ปวดไปเรื่อย ๆ โดยไม่ได้รับการรักษากล้ามเนื้อก็จะไปกดทับเส้นประสาทจนเกิดอาการชา เป็นตะคริว หรือปวดร้าวรุนแรงและเฉียบพลันขึ้นมาได้ ดังนั้นการเข้ารับการรักษาและได้รับการรักษาที่เหมาะสมจึงมีส่วนช่วยให้อาการเจ็บปวดต่าง ๆ บรรเทาลงได้

การใช้เครื่อง Shock Wave สามารถรักษากลุ่มอาการออฟฟิศซินโดรม การอักเสบของกล้ามเนื้อ การอักเสบเรื้อรังของเส้นเอ็น เอ็นฝ่าเท้าอักเสบ รองช้ำ นอกจากนี้ยังมีส่วนช่วยรักษาด้านผิวพรรณและความงามบางประเภทและรักษาอาการหย่อนสมรรถภาพทางเพศได้ ด้วยหลักการเดียวกัน คือ การยิงคลื่นพลังงานสูงเข้าไปในบริเวณต่าง ๆ เพื่อกระตุ้นให้เลือดไหลเวียนได้ดี กระตุ้นให้โครงสร้างภายในเกิดการบาดเจ็บและสร้างเนื้อเยื่อขึ้นมาใหม่ ดังนั้นเนื้อเยื่อ หรือเซลล์ใหม่ ๆ นั้นจึงมีประสิทธิภาพมากกว่าเดิมนั่นเอง

สรุปเรื่องเครื่อง ShockWave
การใช้เครื่อง ShockWave ในการรักษาโรคต่าง ๆ สามารถทำได้เฉลี่ยอาทิตย์ละ 1 ครั้ง เพราะจะต้องเป็นไปตามกระบวนการธรรมชาติของร่างกายในการกระตุ้นและซ่อมแซมตัวเอง นอกจากจะให้ผลการรักษาที่มีประสิทธิภาพและเห็นผลชัดเจนโดยทันทีแล้ว ยังช่วยในเรื่องลดการใช้ยา หรือสารเคมีในการรักษาอีกด้วย หากอยากจะทำการรักษาด้วยเครื่องช็อคเวฟ ขอแนะนำให้ทำการปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อการพิจารณาใช้วิธีการรักษาที่เหมาะสมกับอาการเจ็บปวดมากที่สุด

4
หลายคนอาจมองว่าแค่การแปรงฟันให้สะอาดนั้นเพียงพอต่อการดูแลฟันให้มีสุขภาพดี คำตอบคือ ใช่...หากคุณไม่ใช่คนที่มีปัญหาเรื่องฟัน แต่ความจริงแล้วคนส่วนใหญ่มักมีปัญหาโครงสร้างฟันที่เกิดขึ้นได้ปกติตามธรรมชาติ ที่ซึ่งหากละเลยการแก้ไขอาจนำไปสู่โรคทางทันตกรรมที่รุนแรงขึ้นในอนาคต การจัดฟัน เป็นวิธีแก้ปัญหาฟันเก ฟันซ้อนเรียงไม่เป็นระเบียบ และการสบฟันลึกที่เกี่ยวข้องกับโครงสร้างขากรรไกรในช่องปาก จึงกลายเป็นการรักษายอดนิยมอย่างไม่ต้องสงสัย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ‘การจัดฟันแบบใส’ ที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ความกังวลเรื่องภาพลักษณ์ระหว่างการรักษา การใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยอาจฟังดูซับซ้อน สำหรับใครที่กำลังสงสัยว่าการจัดฟันใสมีขั้นตอนการรักษาอย่างไร บทความนี้เรารวบรวมคำตอบมาให้แล้ว


1.ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ
อันดับแรกก่อนเริ่มตัดสินใจทำการรักษาใดๆ ควรเข้าพบ ‘ทันตแพทย์จัดฟัน’ ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางที่ต่างจาก ‘ทันตแพทย์’ สำหรับการรักษาฟันทั่วๆไป เพื่อทำการเอ็กซเรย์และตรวจสอบโครงสร้างฟันอย่างละเอียด เลือกทันตแพทย์จัดฟันใสที่ถูกจัดอันดับ Invisalign Tier ในชั้นสูงซึ่งหมายถึงการรับรองว่าแพทย์มีประสบการณ์สูง ผู้เชี่ยวชาญจะให้คำแนะนำว่าเรา ‘เหมาะสมหรือไม่?’ ในการจัดฟันใส เพราะไม่ใช่ทุกคนที่สามารถจัดฟันใสได้ โดยเฉพาะการมีวินัยที่ถือเป็นหัวใจสำคัญ

2.วางแผนการรักษา
หากแพทย์ประเมินว่าคนไข้ควรได้รับการแก้ไขปัญหาทันตกรรมด้วยการจัดฟันใส ขั้นตอนต่อมาจะเป็นการวิเคราะห์ว่าปัญหาฟันมีความซับซ้อนมากเพียงใด ควรใช้เครื่องมือกี่ชิ้น ขอบเขตเวลารักษาโดยประมาณยาวนานแค่ไหน ควรเข้าพบแพทย์บ่อยแค่ไหนในการตรวจเชค ซึ่งการจัดฟันใสเป็นเทคโนโลยีที่มีความแม่นยำสูง จึงทำให้คุณสามารถเดินตามแผนการรักษาเพื่อผลลัพธ์ที่ต้องการได้ภายใต้ระยะเวลาที่กำหนด

3.การออกแบบเครื่องมือ & พิมพ์ฟัน
การจัดฟันใสใช้เทคโนโลยี smart 3D scan ที่จำลองโครงสร้างฟันแบบดิจิทัล พร้อมทั้งถ่ายภาพ และฟิล์มเอกซเรย์ประกอบกันเพื่อนำส่งแลปไปสร้างเครื่องมือจัดฟันใสที่ออกแบบมาเพื่อฟันของแต่ละบุคคลโดยเฉพาะ จึงมั่นใจได้ว่าฟันจะได้รับการแก้ไขปัญหาอย่างตรงจุด เครื่องมือจะถูกผลิตตามจำนวนชิ้นที่ได้มีการวิเคราะห์ไว้ตามแผนและเตรียมพร้อมสำหรับการส่งมอบ

4.ทดลองสวมเครื่องมือ
หลังจากเครื่องมือถูกผลิตขึ้น ผู้เชี่ยวชาญจะนัดหมายคนไข้อีกครั้งเพื่อเข้ามาทดลองใส่ชิ้นเครื่องมือ และตรวจสอบความเรียบร้อยต่างๆ แนะนำการดูแลตนเอง ทั้งนี้อาจมีการเสริมอุปกรณ์พิเศษบางชิ้นตามแต่ละเคสในกรณีที่จำเป็น คนไข้สามารถนำชิ้นอุปกรณ์ทั้งหมดกลับบ้านหรือฝากไว้ที่คลินิกได้เพื่อความสะดวกในการดูแลรักษา

5.ตรวจเชคฟัน
จริงที่ว่าการจัดฟันใสไม่จำเป็นต้องพบแพทย์บ่อยเหมือนการจัดฟันทั่วๆไป เพราะคนไข้สามารถใส่-ถอดเครื่องมือได้เอง อย่างไรก็ตามการจัดฟันใสควรเข้ามาพบแพทย์ทุกๆ 1.5 - 2 เดือน เพื่อตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นหรือหากมีอะไรผิดปกติจะสามารถแก้ไขปัญหาได้ทันท่วงที

6.เผยผลลัพธ์
เมื่อทำการรักษาเสร็จสิ้นตามแผนที่วางไว้ ก็ถึงเวลาที่คนไข้พร้อมอวดรอยยิ้มที่สดใสอย่างมั่นใจ เพื่อที่จะคงผลลัพธ์ที่ดีให้อยู่กับเราไปนานๆ ก็อย่าลืมที่จะใส่รีเทนเนอร์เพื่อช่วยคงสภาพฟันให้ดีอย่างต่อเนื่องนั่นเอง

สรุป

การจัดฟันใสไม่ได้เป็นเรื่องยุ่งยากอย่างที่คิด ควรมีการศึกษาข้อมูลอย่างละเอียดก่อนการตัดสินใจไม่ว่าจะเป็นเลือกแพทย์รักษาที่มีประสบการณ์สูงเชี่ยวชาญด้านการจัดฟันใสโดยเฉพาะ สถานบริการที่สะอาดปลอดภัย รวมถึงความมีวินัยในตนเองเพื่อผลลัพธ์ที่น่าพอใจ

5
หนุ่มๆสาวๆเคยเจอเหตุการณ์แบบนี้บ้างมั้ยคะ บางคนตัวเล็กแต่แขนขาดูใหญ่ไม่สมส่วน ทั้งๆที่น้ำหนักก็อยู่ในเกณฑ์ดีน่าพอใจ แต่พอสวมใส่เสื้อผ้าโอเวอร์ไซส์ก็ดูตัวใหญ่ขึ้นมาทันที หรือบางคนเวลาน้ำหนักขึ้น สัดส่วนร่างกายก็พากันบวมขึ้นไปทั้งตัวแบบมิได้นัดหมาย ในขณะที่เวลาน้ำหนักลด บางจุดบางบริเวณก็ไม่ได้ลดตามน้ำหนักไปด้วย?!? โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณต้นขาต้นแขนที่ทิ้งผลงานชิ้นโบว์แดงเอาไว้ให้ปวดหัวต้องมาคอยตามแก้ เพราะไม่ว่าจะใส่ชุดไหนก็ดูจะไม่ค่อยมั่นอกมั่นใจเอาซะเลย บทความนี้เราจะพามาทำความเข้าใจกับต้นตอปัญหาแขนใหญ่ ปวดใจวัยรุ่นหมูกระทะ รวมถึงมาดูกันว่าเราจะมีวิธีรับมือกันอย่างไรได้บ้าง


แขนใหญ่เกิดจากอะไร?
การมีแขนที่ใหญ่ จริงๆแล้วอาจมาจากหลายปัจจัยร่วม เช่น

  • สาเหตุจากกรรมพันธุ์ทำให้ร่างกายมีโครงสร้างที่ใหญ่กว่าปกติ
  • การบริโภคโซเดียมเยอะกว่าที่ร่างกายต้องการส่งผลลัพธ์เป็นภาวะบวมน้ำ ตัวดูบวมขึ้นจากการเก็บน้ำไว้ใต้ผิวหรือในเซลล์ร่างกายอย่างฉับพลัน
  • การทานอาหารจำพวกแป้งและน้ำตาลหรืออาหารในกลุ่มคาร์โบไฮเดรตมากเกินจำเป็นจนร่างกายไม่สามารถนำพลังงานไปใช้งานได้ทันที ตับจึงทำการเปลี่ยนน้ำตาลไปเป็นไขมันที่สะสมใต้ชั้นผิวตามจุดต่างๆแทน
  • และอีกสาเหตุสำคัญที่หลายคนอาจมองข้ามไปคือการมีกล้ามเนื้อที่ใหญ่มาจากการใช้งานหรือออกกำลังกายอย่างผิดวิธี เกิดการขยายตัวของกล้ามเนื้อ แขนจึงดูใหญ่ขึ้นนั่นเองค่ะ

รู้ปัญหาตรงจุด แก้ได้ตรงใจ
มาถึงตรงนี้หลายคนก็พอจะนึกภาพออกแล้วว่า ต้นเหตุปัญหาแขนใหญ่นั้นเกิดจากอะไรได้บ้าง ขั้นตอนต่อไปเราลองมาเช็คกันคร่าวๆว่าเราจะจัดการปัญหาเหล่านี้ได้อย่างไร



1.สาเหตุจากพันธุกรรม
ปัจจัยนี้ถือได้ว่าเป็นปัญหาที่แก้ได้ยากที่สุด เนื่องจากเป็นปัญหาที่เกิดโดยกำเนิดถูกส่งต่อผ่านรุ่นสู่รุ่นในระดับ DNA อาจสังเกตง่ายๆจากการมีไหล่กว้าง ทำให้มุมมองด้านหน้าและด้านหลังของร่างกายดูใหญ่ อย่างไรก็ตามการมีโครงสร้างพื้นฐานดั้งเดิมที่ใหญ่ก็ไม่จำเป็นต้องเผยผลลัพธ์ที่แย่เสมอไปหากเรามีการดูแลตนเองอย่างถูกวิธี ป้องกันปัจจัยร่วมอื่นๆที่เพิ่มโอกาสให้สัดส่วนดูใหญ่อย่างทวีคูณ เช่น การดูแลอาหาร การออกกำลังกาย หรือการเลือกเสื้อผ้าที่เสริมบุคลิก เป็นต้น


2.ปัญหาจากภาวะบวมน้ำ
‘ภาวะบวมน้ำ’ เกิดจากการบริโภคโซเดียมเข้าสู่ร่างกายเกินความจำเป็น โซเดียมทำหน้าที่ควบคุมความสมดุลของเหลวในร่างกาย สามารถพบได้ในอาหารจำพวกเนื้อสัตว์ อาหารแปรรูป และซอสปรุงรส วิธีการแก้ปัญหานี้คือการเลือกทานอาหารในปริมาณที่แนะนำตามหลักโภชนาการ ลดการเติมเครื่องปรุงเพิ่มในมื้ออาหาร ซึ่งโดยปกติวัตถุดิบต่างๆจะมีโซเดียมตามธรรมชาติอยู่แล้ว หลีกเลี่ยงอาหารหมักดอง อาหารแช่แข็ง และดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพอต่อวันเพื่อช่วยขับสารส่วนเกินออกจากร่างกาย นอกจากสามารถลดการเกิดภาวะบวมน้ำแล้ว ยังช่วยถนอมสุขภาพไต หัวใจให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย


3.ปัญหาไขมันส่วนเกิน
‘ไขมันส่วนเกิน’ เกิดจากการบริโภคอาหารกลุ่มคาร์โบไฮเดรต หรือที่เรานิยมเรียกกันว่า ‘คาร์บ’ มากเกินการกว่าที่ร่างกายนำไปใช้งานจึงเกิดการแปรรูปเป็นไขมัน สาเหตุนี้สามารถแก้ได้จากการเลือกทานอาหารอย่างหลากหลายครบถ้วน ไม่บริโภคคาร์โบไฮเดรตเยอะเกินพอดี มีการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอเพื่อช่วยเผาผลาญพลังงานสะสมในแต่ละส่วน แน่นอนว่าวิธีการลดน้ำหนักจากการคุมอาหารและออกกำลังกายอาจต้องใช้เวลาเพื่อเห็นผลลัพธ์ในระยะยาว ซึ่งบางคนอาจพึ่งวิธีการทานยาลดน้ำหนักที่เห็นผลไวแต่ต้องแลกกับบทเรียนราคาแพงอย่าง โยโย่เอฟเฟกต์ที่ทำให้น้ำหนักขึ้นๆลงๆ หรือผลข้างเคียงที่เสี่ยงถึงชีวิต


แต่ด้วยการพัฒนาเทคโนโลยีทางการแพทย์อย่างต่อเนื่อง จึงมีนวัตกรรมที่ทันสมัยเพื่อเข้ามาแก้ปัญหาของเราได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย เช่น การดูดไขมัน อย่าง Body-Jet ที่ลดข้อบกพร่องของการดูดไขมันแบบเดิมๆ เราสามารถกำจัดไขมันส่วนเกินที่ไม่ต้องการออกพร้อมกับการฉีดพ่นด้วยระบบแรงดันน้ำที่ทำให้เนื้อเยื่อบาดเจ็บน้อยที่สุด ร่างกายจึงกระชับเข้ารูปเห็นผลชัดเจน ฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว ในขณะเดียวกันไขมันที่ได้จะมีความสมบูรณ์นำไปเติมเต็มส่วนที่ต้องการอื่นๆได้

4.ปัญหากล้ามเนื้อใหญ่
‘กล้ามเนื้อใหญ่’ การขยายตัวของมัดกล้ามเนื้อที่มีผลมาจากการใช้งานบริเวณนั้นซ้ำๆหรือออกกำลังกายผิดวิธีทำให้แขนดูใหญ่ผิดรูป แก้ไขได้จากการไม่ออกกำลังกายบริเวณแขนมากเกินไปแต่เปลี่ยนเป็นกระจายบริเวณต่างๆเท่าๆกัน อาจมีการทำตารางการออกกำลังกายส่วนต่างๆอย่างชัดเจนหรือรับคำชี้แนะจากเทรนเนอร์ที่มีประสบการณ์ อีกทางลัดที่เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจคือการฉีด โบท็อกซ์ หรือสารโบทูลินั่มทอกซินเข้าสู่กล้ามเนื้อ เพื่อช่วยคลายกล้ามเนื้อทำให้ต้นแขนดูเล็ก เรียวกระชับลงได้นั่นเองค่ะ

อย่างไรก็ตามโบท็อกซ์ในสถานบริการนั้นมีหลากหลายรุ่นและยี่ห้อ หนุ่มสาวๆสามารถศึกษาเพิ่มเติมเพื่อเลือกใช้ให้ตรงกับความต้องการของตนเอง รวมทั้งระมัดระวังการใช้ผลิตภัณฑ์ปลอมหรือผู้ให้บริการที่ขาดประสบการณ์ ป้องกันผลลัพธ์ที่ไม่คาดคิด

หวังว่าบทความของเราจะช่วยแนะนำทางออกให้กับทุกคนที่กำลังมีความกังวลใจเรื่องรูปร่างต้นแขนของตนเองได้เลือกวิธีทีที่ตอบโจทย์การแก้ปัญหาได้อย่างตรงจุด และเอาใจช่วยให้แก้ปัญหาได้สำเร็จตามเป้าหมายนะคะ

6
ความแก่ชราเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติของวัฏจักรสิ่งมีชีวิต เป็นสิ่งที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ เมื่อร่างกายมีอายุมากขึ้น เซลล์และระบบการทำงานของอวัยวะต่างๆเริ่มเสื่อมสภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงฤดูวัยทองในผู้หญิงที่แสดงอาการชัดเจนมากกว่าผู้ชาย ในคนอายุราว 48-52 ปี ประสิทธิภาพการทำงานของร่างกายจะลดลงอย่างชัดเจน ฮอร์โมนจะลดลงตามวัยในเพศชาย ส่วนเพศหญิงจะเข้าสู่สภาวะหมดประจำเดือน ไม่มีการตกไข่ จะมีฮอร์โมนชนิดหนึ่งที่มีความสำคัญอย่างมากกับร่างกายลดลง นั่นคือเอสโตรเจนที่สร้างจากรังไข่ ส่งผลให้ผู้หญิงวัยทองต้องเผชิญกับความเสี่ยงเรื่องสุขภาพตามมามากมาย บทความนี้จะมาแนะนำให้รู้จักกับ 5 ความเสี่ยงที่ต้องรู้ของผู้หญิงวัยหมดประจำเดือนกันค่ะ   


1.โรคหัวใจ
เนื่องจากฮอร์โมนเอสโตรเจนมีส่วนช่วยให้หลอดเลือดมีความยืดหยุ่น สามารถหดขยายได้อย่างมีประสิทธิภาพตามแรงดันเลือด เมื่อเอสโตรเจนลดลงจึงส่งผลโดยตรงต่อหลอดเลือดและระบบหมุนเวียนโลหิต พัฒนาไปเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจ และมีการศึกษาจาก American Heart Assosiation พบว่า ผู้หญิงจะเริ่มมีภาวะโรคหัวใจหลังจากเริ่มเข้าสู่วัยทองนั่นเองค่ะ

2.โรคกระดูกพรุน
ผู้หญิงมีโอกาสเกิดโรคกระดูกพรุนมากกว่าผู้ชายถึง 4 เท่า โดยปกติแล้วฮอร์โมนเอสโตรเจนช่วยปกป้องกระดูกในร่างกาย ระดับเอสโตรเจนที่ลดลงในช่วงวัยหมดประจำเดือนนำไปสู่การสูญเสียมวลกระดูก ทำให้กระดูก เปราะบาง แตกหักง่าย ผู้หญิงวัยทองจึงจำเป็นต้องมีการตรวจเชคความหนาแน่ของมวลกระดูกในบริเวณสันหลังและสะโพก เพื่อลดความเสี่ยงของโรคแทรกซ้อนอื่นๆตามมา

3.การติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ
เมื่อระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนลดลงทำให้เนื้อเยื่อบริเวณช่องคลอดบางลงมีความละเอียดอ่อนต่อการติดเชื้อแบคทีเรียได้ง่ายขึ้น ควรมีการดูแลบริเวณจุดซ่อนเร้นเป็นพิเศษ หลังจากปัสสาวะควรทำความสะอาดจุดซ่อนเร้นด้วยน้ำและซับให้แห้งเพื่อป้องกันความอับชื้นเป็นสภาวะที่เอื้อต่อการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย ดื่มน้ำให้เพียงพอเพื่อช่วยขับสิ่งเจือปนจากร่างกาย รวมถึงหลีกเลี่ยงการใช้สารเคมีในบริเวณจุดซ่อนเร้นเพราะผิวมีความบอบบางสูง จะช่วยลดโอกาสในการเกิดภาวะติดเชื้อของทางเดินปัสสาวะได้นั่นเองค่ะ

4.ภาวะการกลั้นปัสสาวะไม่อยู่
นอกจากฮอร์โมนเอสโตรเจนแล้ว ยังมีฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมเนื้อเยื่อบริเวณกระเพาะปัสสาวะ ระดับฮอร์โมนที่น้อยลง ก่อให้เกิดความหย่อนคล้อยของกล้ามเนื้อบริเวณโดยรอบ การควบคุมการปิดเปิดทางเดินปัสสาวะอาจไม่สามารถทำได้อย่างมีประสิทธิภาพเหมือนในวัยหนุ่มสาว การหัวเราะ อาเจียน การไอ เป็นสภาวะท่ีกล้ามเนื้อคลายตัวที่ทำให้การกลั้นปัสสาวะเป็นไปได้ยากยิ่งขึ้น

5.ภาวะช่องคลอดแห้ง
ภาวะที่เกิดขึ้นจากระดับเอสโตรเจนลดลง ทำให้เยื่อบุช่องคลอดแห้งกร้าน ไม่มีน้ำหล่อลื่นตามธรรมชาติในขณะมีเพศสัมพันธ์ ฝ่ายหญิงเกิดอาการปวด แสบ ระคายเคืองอาจจะทั้งในขณะทำกิจกรรมหรือระหว่างปัสสาวะ บั่นทอนความรู้สึกทางเพศ ส่งผลโดยตรงต่อความสัมพันธ์ของคู่รักในระยะยาว

จะเห็นได้ว่าฮอร์โมนเอสโตรเจนมีความสำคัญเป็นอย่างมากกับผู้หญิงอย่างเราๆไม่ว่าจะเป็นในเรื่องระบบหมุนเวียนเลือด ระบบกระดูก ระบบทางเดินปัสสาวะและการสืบพันธุ์ จริงๆแล้วการเข้าสู่ภาวะวัยทองไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิดหากเรามีการดูแลรักษาสุขภาพอย่างต่อเนื่องและมีการวางแผนรับมือกับความเสี่ยงไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ ทานอาหารที่มีประโยชน์ ครบ 5 หมู่ ใส่ใจการออกกำลังกาย หมั่นตรวจเชคสุขภาพประจำปี รวมถึงยังมีเทคโนโลยีนวัตกรรมที่ก้าวล้ำและศาสต์แห่งการชะลอวัยที่เป็นทางเลือกเสริมของชาววัยทองอีกด้วย

หน้า: [1]