ThaiFranchiseCenter Webboard

ThaiFranchiseCenter Webboard - Info Center

* สมัครสมาชิกเว็บบอร์ด ไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ ฟรี! *
หน้าแรก | เปิดร้านค้าฟรี! | โปรโมชั่นแฟรนไชส์ | ร้านหนังสือออนไลน์ | สนใจลงโฆษณา

ทางเว็บไซต์ ThaiFranchiseCenter.com ไม่มีส่วนรับผิดชอบกับข้อความต่างๆในเว็บบอร์ดแต่อย่างใด
    ไม่ว่าจะเป็นการซื้อ-ขาย-เช่า-เซ้ง หรือ อื่นๆ (ผู้ซื้อ หรือ ผู้ขาย กรุณาใช้วิจารณญาณในการติดต่อทางธุรกิจ)


แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - Marple

หน้า: [1]
1
ราคาท่อ PVC และขนาดท่อ PVC 12 นิ้ว

ท่อฟ้าชั้นคุณภาพ 5
– ท่อน้ำไทย 2,829 บาท
– ท่อตราช้าง 2,829 บาท
– ท่อDSAI 2,467.5 บาท

ท่อฟ้าชั้นคุณภาพ8.5
– ท่อน้ำไทย 4,592.4 บาท
– ท่อตราช้าง 4,592.4 บาท
– ท่อDSAI 4,005 บาท

ท่อฟ้าชั้นคุณภาพ13.5
– ท่อน้ำไทย 7,679 บาท
– ท่อตราช้าง 7,679 บาท
– ท่อDSAI 6,697.5 บาท

ขนาดและมิติท่อ PVC 12 นิ้ว
-ท่อ PVC 12นิ้ว ชั้น5 มีน้ำหนัก 43.61 กิโลกรัม/ท่อน
-ท่อ PVC 12นิ้ว ชั้น8.5 มีน้ำหนัก 71.07 กิโลกรัม/ท่อน
-ท่อ PVC 12นิ้ว ชั้น13.5 มีน้ำหนัก 108.40 กิโลกรัม/ท่อน


ประโยชน์ของท่อ PVC 12 นิ้ว

ด้วยความที่ท่อมีขนาดใหญ่ถึง 12 นิ้ว จึงสามารถระบายได้ในปริมาณที่มาก จึงนิยมใช้ในงานการเกษตรขนาดใหญ่และโรงงานขนาดใหญ่ โดยตัวท่อมีความคงทน ยืดหยุ่นต่อแรงกดทับจากภายนอก ใช้ตากแดดก็ได้ฝังดินก็ดี ทนต่อแรงดันภายใน สภาพอากาศ และความเป็นกรด-ด่างได้ดี

2
ในปัจจุบัน การเสริมจมูกได้กลายเป็นวิธีการเสริมความงามที่นิยมใช้กันมากที่สุดแห่งหนึ่งทั่วโลก มีเหตุผลหลายประการที่ทำให้คนจำนวนมากเลือกที่จะรับการผ่าตัดดังกล่าว เหตุผลหนึ่งก็คือพวกเขาต้องการให้ใบหน้าของพวกเขาดูน่าดึงดูดยิ่งขึ้นด้วยการปรับปรุงคุณสมบัติต่างๆ อีกเหตุผลหนึ่งคือบางคนต้องทนทุกข์ทรมานจากความผิดปกติอันเนื่องมาจากความพิการแต่กำเนิดหรือการบาดเจ็บในช่วงวัยเด็ก เพื่อปรับปรุงรูปลักษณ์ของจมูก ศัลยแพทย์ทำการผ่าตัดประเภทต่างๆ ซึ่งรวมถึงการผ่าตัดเสริมจมูกแบบเปิด การผ่าตัดเสริมจมูกแบบปิด การเสริมจมูกด้วยกล้องส่องกล้อง เป็นต้น อย่างไรก็ตาม หากเราพูดถึงประเภทของการผ่าตัดเสริมจมูกแล้ว วันนี้มีตัวเลือกหลักสองทางให้เลือก ได้แก่ การผ่าตัดเสริมจมูกแบบปิดและการผ่าตัดเสริมจมูกแบบเปิด ทั้งคู่ให้ผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยม แต่ก่อนจะเลือกตัวเลือกใดๆ คุณต้องพิจารณาปัจจัยหลายประการ เช่น ค่าใช้จ่าย เวลาพักฟื้น ความเสี่ยงที่เกี่ยวข้อง ภาวะแทรกซ้อน ฯลฯ ลองมาดูข้อดีและข้อเสียของทั้งสองวิธีกัน

ทำจมูกธรรมดา หรือ Close Rhinoplasty

การผ่าตัดประเภททั่วไปที่ดำเนินการโดยศัลยแพทย์พลาสติกเรียกว่าการผ่าตัดเสริมจมูกแบบ "ปกติ" (หรือที่เรียกว่าการผ่าตัดเสริมจมูกแบบปิด) มันเกี่ยวข้องกับการตัดเล็ก ๆ ที่ด้านบนของรูจมูกแต่ละข้างแล้วเย็บเข้าด้วยกันเพื่อสร้างรูเดียวซึ่งแพทย์จะใส่เครื่องมือพิเศษเพื่อปรับรูปร่างกระดูกจมูก แพทย์อาจทำหัตถการเพิ่มเติม เช่น การนำผิวหนังส่วนเกินออกจากใต้ตา หรือเพิ่มการปลูกถ่ายกระดูกอ่อนเพื่อแก้ไขข้อบกพร่องของโครงสร้าง

ข้อดีของการทำจมูกแบบ Close

-ช้ระยะเวลาในการทำไม่นาน
-ราคาไม่สูง
-ไม่เห็นแผลบริเวณภายนอกจมูก
-ไม่ต้องใช้ยาสลบในการผ่าตัด

ข้อเสียของการทำจมูกแบบ Close

-วิธีนี้อาจจะไม่สามารถแก้ไขปัญหาเรื่องของรูปทรงจมูกได้มากนัก เนื่องจากขั้นตอนการทำที่เป็นการใส่ซิลิโคนในสันจมูกอย่างเดียว หมอไม่สามารถมองเห็นโครงสร้างภายในจมูกได้ทั้งหมด
-ในอนาคตอาจเพิ่มความเสี่ยงเรื่องทรงจมูกเบี้ยว หรือทำให้เนื้อจมูกบางลง
-ในกรณีที่คนไข้ต้องการให้ปลายจมูกเชิ่ดหรือพุ่ง วิธีนี้อาจจะไม่ตอบโจทย์มากครับ


ทําจมูกแบบโอเพ่น  หรือ Open Rhinoplasty

การเสริมจมูกแบบโอเพ่น (Open Rhinoplasty หรือ Open Reconstruction) คือการทำจมูกแบบเปิด เทคนิคศัลยกรรมที่ช่วยแก้ไขให้รูปร่างจมูกดูสมบูรณ์ขึ้น ด้วยการผ่าตัดเปิดแผลบริเวณฐานตรงปลายของรูจมูกทั้งสองข้าง เผยโครงสร้างภายในทุกส่วน ทำให้หมอสามารถวิเคราะห์ปัญหาได้อย่างตรงจุด และแก้ทรงจมูกได้หลากหลาย อยากให้จมูกยาวขึ้น เล็กลง หรืออยากปรับให้แกนจมูกตรงสวยก็ทำได้โดยใช้กระดูกอ่อนหรือเนื้อเยื่อสังเคราะห์เป็นตัวช่วยหลัก ถือเป็นวิธีที่แตกต่างจากการเสริมจมูกแบบปิด (Close Rhinoplasty) ที่ใช้ซิลิโคนเน้นการเสริมจมูกให้โด่งขึ้นเพียงอย่างเดียว การเสริมจมูกแบบโอเพ่นจะช่วยให้หมอสามารถมองเห็นโครงสร้างภายในจมูกได้ทั้งหมด ทำให้ช่วยแก้ไขปัญหาของคนไข้ได้ตรงจุดและสวยที่สุด

ข้อดีของการเสริมจมูกแบบ Open

-เนื่องจากเป็นการเสริมจมูกแบบที่หมอสามารถเห็นโครงสร้างภายในจมูกคนไข้ได้ทั้งหมด จึงทำให้หมอสามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างตรงจุด จมูกจึงออกมาสวย และเป๊ะมากกว่าแบบ Close Rhinoplasty
-ลดปัญหาจมูกทะลุ เบี้ยวและเอียงในอนาคต
-สามารถตกแต่งปลายจมูกให้ปลายเชิด พุ่งขึ้นมากกว่าแบบ Close Rhinoplasty โดยไม่กังวลว่าจมูกทะลุ

ข้อเสียของการเสริมจมูกแบบ Open

-ระยะเวลาระหว่างผ่าตัดใช้เวลานาน
-จำเป็นต้องใช้ยาสลบ
-ราคาค่อนข้างสูงกว่าแบบ Close Rhinoplasty
-เหมาะสำหรับคนที่เคยทำศัลยกรรมจมูกมาแล้วต้องการแก้ ปรับทรง


ควรเลือกแบบไหนดีกว่ากัน?

โดยทั่วไป ผู้ที่กำลังพิจารณาที่จะเปลี่ยนรูปทรงจมูกโดยศัลยแพทย์ตกแต่ง จะเลือกวิธีใดวิธีหนึ่งจากสองวิธีต่อไปนี้: พวกเขาอาจต้องการเปลี่ยนขนาดของจมูก (การลดขนาดจมูก) หรือพวกเขาต้องการเปลี่ยนรูปลักษณ์ (การผ่าตัดเสริมจมูก) อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยบางรายอาจถามว่าต้องผ่าตัดทั้ง 2 แบบพร้อมกันหรือไม่ สิ่งสำคัญคือต้องเข้าใจว่าการผ่าตัดเหล่านี้ไม่ได้ไปด้วยกันเสมอไป บางครั้งแพทย์ทำขั้นตอนใดขั้นตอนหนึ่งโดยไม่มีขั้นตอนอื่น ดังนั้นเมื่อตัดสินใจเลือกระหว่างพวกเขา ให้พิจารณาความชอบและเป้าหมายส่วนตัวของคุณ

3
ในโลกปัจจุบัน คนชอบอยู่คนเดียวและมีลูกในภายหลัง ด้วยเหตุนี้ จึงมีการเพิ่มขึ้นในกรณีที่ผู้หญิงที่ต้องการเลื่อนการคลอดบุตรจนถึงอายุ 30 ปีขึ้นไปพบว่าตนเองมีบุตรยากเนื่องจากภาวะเจริญพันธุ์ที่ลดลงตามอายุ อย่างไรก็ตาม ทางออกหนึ่งของปัญหานี้คือการแช่แข็งไข่ ซึ่งช่วยให้ผู้หญิงสามารถแช่แข็งไข่ได้ ดังนั้นเมื่อพวกเขาตัดสินใจที่จะเริ่มต้นครอบครัวใหม่อีกครั้ง พวกเขาจะสามารถใช้ไข่ได้โดยไม่มีอาการแทรกซ้อนใดๆ

ทำไมถึงควรฝากไข่

การผลิตโอโอไซต์เริ่มต้นก่อนเกิดและดำเนินต่อไปตลอดชีวิต โดยจะอยู่ในช่วงอายุ 20 ถึง 35 ปี และจะค่อยๆ ลดลงจนถึงวัยหมดประจำเดือน ในช่วงชีวิตของเธอ ผู้หญิงโดยเฉลี่ยมีไข่ที่โตเต็มที่ประมาณ 1 ล้านฟองเก็บไว้ในรังไข่ของเธอ ไข่เหล่านี้ยังคงอยู่เฉยๆ เว้นแต่จะถูกกระตุ้นเพื่อเริ่มผลิตฮอร์โมน (เอสโตรเจน) ซึ่งกระตุ้นให้พวกมันเติบโตและแบ่งตัว ไข่แต่ละฟองจะมีขนาดใหญ่กว่าแม่ของมัน เมื่ออายุ 40 ปี ผู้หญิงส่วนใหญ่มีไข่เหลืออยู่น้อยกว่า 100,000 ฟอง หลังจาก 50 ตัวเลขของพวกเขาลดลงอย่างรวดเร็ว ในบางกรณี การรักษาภาวะเจริญพันธุ์สามารถช่วยฟื้นฟูปริมาณสำรองของรังไข่ที่หมดไป

เพื่อวางแผนการมีบุตรภายในอนาคต การฝากไข่จึงเป็นทางเลือกที่เหมาะสม เพราะในกระบวนการฝากไข่นั้น พวกมันจะถูกแช่แข็งในอุณหภูมิที่เหมาะสม แล้วจึงเลี้ยงในห้องปฏิบัติการโดยนักวิทยาศาสตร์ที่มีทักษะสูง ซึ่งจะเลี้ยงจนกระทั่งพวกออกมาเป็นตัวอ่อนที่พร้อมกับเข้าไปในมดลูก ทำให้ไข่กลายเป็นไข่คุณภาพสูง ที่ผ่านไปกว่าสิบปีก็ยังคงคุณภาพของตัวอ่อนยังคงไม่บุบสลาย


หากฝากไข่ไว้ แล้วต้องจะมีบุตรต้องทำอย่างไร?

หากคนไข้ใช้บริการฝากไข่นั้นหากต้องการตั้งครรภ์ จะต้องได้รับ IVF (การปฏิสนธินอกร่างกาย) หรือ การทำอิ๊กซี่ (ICSI) (เด็กหลอดแก้ว) ขั้นตอนเหล่านี้เกี่ยวข้องกับการนำไข่หนึ่งหรือสองฟองออกจากร่างกายของเธอและนำพวกมันไปรวมกับสเปิร์มนอกร่างกายของเธอเพื่อไม่ให้เกิดความเสี่ยงที่จะส่งต่อความบกพร่องทางพันธุกรรมใด ๆ ไปยังลูกของเธอ เมื่อไข่เหล่านี้รวมเข้ากับสเปิร์มแล้ว พวกมันจะถูกใส่กลับเข้าไปในมดลูกของเธอ ซึ่งพวกมันจะพัฒนาเป็นตัวอ่อนซึ่งจะถูกย้ายเข้าสู่มดลูกของเธอในแต่ละระยะระหว่างตั้งครรภ์

4
ราคาท่อ PVC และขนาดท่อ PVC 6 นิ้ว

ท่อฟ้าชั้นคุณภาพ 5
– ท่อน้ำไทย 1,090 บาท
– ท่อตราช้าง 1,090 บาท
– ท่อตราเสือ 1,090 บาท
– ท่อDSAI 1,090 บาท

ท่อฟ้าชั้นคุณภาพ 8.5
– ท่อน้ำไทย 1,630  บาท
– ท่อตราช้าง 1,630  บาท
– ท่อตราเสือ 1,630  บาท
– ท่อDSAI 1,630 บาท

ท่อฟ้าชั้นคุณภาพ 13.5
– ท่อน้ำไทย 2,460 บาท
– ท่อตราช้าง 2,460 บาท
– ท่อตราเสือ 2,460 บาท
– ท่อDSAI 2,460 บาท

ขนาดและมิติท่อ PVC 6 นิ้ว
ท่อ PVC 6 นิ้ว ชั้น5 มีน้ำหนัก 13.28 กิโลกรัม/ท่อน
ท่อ PVC 6 นิ้ว ชั้น8.5 มีน้ำหนัก 21.29 กิโลกรัม/ท่อน
ท่อ PVC 6 นิ้ว ชั้น13.5 มีน้ำหนัก 32.37 กิโลกรัม/ท่อน


ท่อ PVC 6 นิ้ว ใช้กับงานประเภทใด?
นิยมใช้งานประปาบริโภคและอุปโภคเป็นส่วนใหญ่ แต่ไม่ค่อยนิยมใช้ในงานในบ้านทั่วไปเพราะท่อพีวีซี 6 นิ้วมีขนาดที่ใหญ่มาก ปริมาณจ่ายต่อครั้งเยอะ จึงเหมาะกับการใช้งานเป็นท่อกลางของหมู่บ้านใหญ่ หรือโรงงานที่จำเป็นที่จะต้องใช้น้ำในปริมาณมากๆ เท่านั้น

5
สายสื่อสารใด ๆ ก็ตาม มักต้องเดินสายอยู่ภายในท่อร้อยสายไฟ PVC เพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อย ตรงนี้ถือว่าเป็นความสำคัญที่ไม่อาจละเลยได้เลย ทั้งนี้ หากสังเกตให้ดีจะพบว่าท่อร้อยที่นิยมเลือกใช้มีทั้งสีขาว และสีเหลือง เรื่องที่หลายคนต้องทำความเข้าใจอย่างมากที่สุด คือทั้ง 2 แตกต่างกันอย่างไร

จริง ๆ แล้วท่อที่ใช้งานจะอยู่ในประเภทท่อพีวีซี มีหลายสีมาก ไม่ว่าจะสีฟ้า สีเขียว สีเทา หรือสีขาว สีเหลือง ซึ่งที่กำลังจะพูดถึงขอเน้นไปยังสีขาวกับสีเหลือง โดยความแตกต่างระหว่างท่อร้อยสายไฟสีขาวและสีเหลือง ได้แก่


1. ท่อร้อยสายไฟสีขาว

จะเป็นท่อร้อยสายแบบสีขาวจะมีความยาวมาตรฐานอยู่ที่ 2.92 เมตรต่อ 1 ท่อน หรือบางยี่ห้อก็ยาวเฉลี่ยประมาณ 3 เมตรต่อ 1 ท่อน มีคุณสมบัติเป็นฉนวนไฟฟ้าที่ไม่ทำให้เกิดการช็อตหากกระแสไฟรั่วขึ้นมากะทันหัน สามารถดัดโค้งงอได้สูงสุด 90 องศา ถือว่ามีความยืดหยุ่นอย่างมาก ไม่จำเป็นต้องใช้ความร้อนใด ๆ มาช่วย ทั้งยังทนทานต่อแรงกระแทกได้ดีไปอีก เหมาะกับการใช้งานในอาคารและบ้านแบบประเภทเดินลอยโดยไม่จำเป็นต้องทาสีทับอีกด้วย

ซึ่งกรณีที่เกิดไฟไหม้จะไม่ลามไฟ ช่วยเพิ่มความอุ่นใจด้านความปลอดภัยมากขึ้น ที่สำคัญทนทานต่อแสงแดดได้ดี เพราะมีสารไทเทเนียมไดออกไซด์เป็นส่วนผสม ไม่กรอบ ไม่แตกหัก หาซื้อง่าย ราคาถูก แถมน้ำหนักเบา ส่วนใหญ่ใช้เป็นท่อร้อยสายไฟ และสายโทรศัพท์

2. ท่อร้อยสายไฟสีเหลือง

ส่วนต่อมามากันที่ความแตกต่างของท่อร้อยแบบสีเหลืองกันบ้าง สีเหลืองนี้จะใช้ในงานประเภทเดินสายไฟฟ้า รวมถึงสายสื่อสาร สายโทรศัพท์ต่าง ๆ ปกติแล้วจะมีความอยู่มาตรฐานอยู่ที่ 4.00 เมตรต่อ 1 ท่อน เหมาะกับการใช้เดินสายไฟในบ้านลักษณะที่เป็นแบบฝังในผนัง ปกติไม่สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่าหากทำบ้านเสร็จเรียบร้อย เพราะจะต้องฉาบปูนปกปิดพื้นผิวผนังเอาไว้นั่นเอง สามารถดัดโค้งได้ตามความงอจำกัดไม่ถึง 90 องศาเหมือนท่อร้อยสายไฟสีขาว เพราะท่อที่ดัดจะเห็นเป็นสีขาวออกมา และราคาสูงกว่าสีขาว โดยที่ราคาท่อ PVC สีเหลืองจะเริ่มต้นที่ 35 บาท

แน่นอนว่าทั้ง 2 มีความแตกต่างกันอยู่มาก สำหรับใครที่อยากติดตั้งแบบไม่ผังไปกับผนังก็เลือกสีขาวได้ แต่ถ้าไม่อยากให้เห็นรำคาญตาก็ควรเลือกแบบสีเหลืองได้เช่นกัน ทั้งนี้ ไม่ว่าจะเลือกซื้อท่อร้อยสีขาวหรือสีเหลืองก็ตาม แนะนำให้เลือกร้านที่ได้มาตรฐาน มี มอก. บอก เพื่อความปลอดภัยต่อการใช้งานในอนาคต

6
    ไขมันในเลือดสูงเป็นโรคที่คนไทยเป็นกันมาก เพราะ พฤติกรรมการใช้ชีวิตที่เพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรค (การกินอาหาร การออกกำลังกาย การใช้ชีวิตที่เร่งรีบ) และอีกสาเหตุหนึ่งก็คือ เกิดจากพันธุกรรม
    การที่ไขมันในเลือกสูง เป็นผลมาจากที่ร่างกายมีไขมันในเลือดมากกว่าปกติ โดยอาจมาจาก Cholesterol หรือ Triglyceride อย่างใดอย่างหนึ่งที่สูงผิดปกติ หรือสูงทั้ง 2 อย่างก็ได้ และเป็นปัจจับเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด เส้นเลือดตีบอุดตัน


    พันธุกรรมของภาวะไขมันในเลือดสูง
    กระแสเลือดมีส่วนสำคัญในการส่งคอเลสเตอรอลในร่างกายของเรา หลังจากอนุภาคที่เล็กมากของคอเลสเตอรอล LDL ไปเกาะกับหน่วยรับของเซลล์ จะถูกดูดซึมโดยยีนส์ LDLR บนโครโมโซมที่ 19 ที่ทำหน้าที่ในการผลิตหน่วยรับ โดยภาวะไขมันในเลือดสูงจากพันธุกรรม มีผลมาจากการเปลี่ยนแปลงของยีนส์ LDLR ซึ่งส่งผลต่อจำนวน และโครงสร้างของหน่วยรับ หรือ อาจจะเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของยีนชนิดอื่นๆ เช่น ยีนเอพีโอบี (APOB) หรือ ยีนส์พีซีเอสเค 9 (PCSK9) จึงทำให้คอเลสเตอรอล LDL ไม่สามารถถูกดูดซึมได้เท่าที่ควร

    สัญญาณเตือน ภาวะไขมันในเลือดสูง (จากพันธุกรรม)
    มีประวัติการเกิดกับคนในครอบครัว
    เกิดโรคหัวใจตั้งแต่เด็ก
    ระดับคอเลสเตอรอล LDL สูง
    ระดับคอเลสเตอรอล LDL สูงในพ่อหรือแม่ หรือทั้งคู่
    มีอาการเจ็บหน้าอกที่เกิดจากหลอดเลือดหัวใจตีบ
    ไขมันเกาะที่ผิวหนัง (Xanthomas) คือ การที่คอเลสเตอรอลเกาะอยู่ตรงบริเวณหัวเข่า หรือ ข้อศอก


    ปัจจัยต่างๆที่ทำให้เกิดภาวะไขมันในเลือดสูง

    ปัจจัยภายนอก
    • ภาวะอ้วนหรือน้ำหนักเกิน
    • ขาดการออกกำลังกาย
    • การดื่มสุรา หรือ สูบบุหรี่
    • รับประทานอาหารที่มีคอเลสเตอรอลสูง

    ปัจจัยภายใน
    • ความผิดปกติทางพันธุกรรม
    • เกิดจากการใช้ยาบางชนิด เช่น ยาขับปัสสาวะ ยาคุมกำเนิด
    • เกิดจากโรคบางอย่าง เช่น โรคเบาหวาน โรคต่อมไทรอยด์ โรคไต เป็นต้น

    การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมบางอย่างสามารถลดความเสี่ยงการเกิดภาวะไขมันในเลืดอสูงได้ เช่น

    • ผู้ป่วยโรคหัวใจขาดเลือด โรคเบาหวาน และไขมันในเลือดสูง ไม่ควรรับประทานไข่แดงเกิน 1 ฟองต่อวัน ส่วนคนปกติ ไม่ควรรับประทานไข่แดงเกิน 2 ฟองต่อวัน
    • เลือกทานอาหารที่มีไขมันต่ำ เช่น เนื้อสัตว์ที่ไม่ติดหนัง อาหารที่มีคอเลสเตอรอลสูง ไขมันอิ่มตัว  และไขมันทรานส์ เช่น  เมนูกะทิ  เนื้อสัตว์แปรรูป เป็นต้น
    • เลือกวิธีปรุงอาหารด้วยการต้ม อบ นึ่ง ตุ๋น ยำ ย่าง แทนการทอด และการผัดที่ใช้น้ำมันมาก
    • เลือกใช้น้ำมันปาล์ม สำหรับทอด  น้ำมันถั่วเหลือง สำหรับผัด
    • รับประทานทานเมล็ดธัญพืช ผลไม้ ผัก เพราะสามารถช่วยลดคอเลสเตอรอล
    • ทานเมล็ดธัญพืช  ผลไม้  ผัก เพราะสามารถช่วยลดคอเลสเตอรอล
    • ออกกำลังกายอย่างน้อย 150 นาที หรือ 2 ชั่วโมง 30 นาที ต่อสัปดาห์
    [/list]

    7
    ฟิลเลอร์ คือสาร Hyaluronic Acid (HA) เป็นสารที่ผลิตขึ้นมาเลียนแบบธรรมชาติ ที่มีโมเลกุลคล้ายตอลลาเจนใต้ผิวหนังมนุษย์ ซึ่งสาร HA จะถูกใช้แทนที่คอลลาเจนใต้ผิวเสื่อมสภาพ ทำให้ผิวกลับมาเรียบเนียนดังเดิม ทั้งยังช่วยเติมความกระจ่างใสให้บริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์ ซึ่งจะเหมาะกับผู้ที่ มีใบหน้าหมองคล้ำ ขอบตาดำ ดวงตาลึกโหล่ ให้กลับมามีผิวหน้าที่สวยดังเดิม
     
    ใครควรฉีดฟิลเลอร์บ้าง?

    ผู้ที่ต้องการเติมความสดใสให้ใบหน้า เช่น คนที่มีปัญหาใต้ตาคล้ำ
    ผู้ที่มีริ้วรอยต่างๆ
    คนที่ต้องการปรับรูปหน้าให้มีมิติ

     
    ฉีดฟิลเลอร์เพื่อกู้ปัญหาต่างๆบนหน้า ภายใน 1 วัน

    ผู้ที่มีปัญหาบนใบหน้า และต้องการมีใบหน้าที่สวยงาม ในขณะนั้น ทางเราขอแนะนำให้ฉีดฟิลเลอร์ เพราะการฉีดฟิลเลอร์นั้นเป็นการทำหัตถาชนิดหนึ่ง ที่ช่วยเติมเต็มปัญหาผิวได้ทันทีแบบที่เห็นผลทันที ซึ่งก่อนฉีดจะต้องได้รับการวิเคราะห์โดยแพทย์ที่มีความเชียวชาญก่อนว่าใบหน้าของคนไข้นั้นมีปัญหาอะไรบ้างและต้องใช้ฟิลเลอร์ชนิดไหน ปริมาณเท่าไรถึงจะแก้ไขปัญหาได้

    8
    ซิลิโคนจมูกคืออะไร?

    คือ วัสดุที่จะช่วยเสริมจมูกของทุกคนให้ได้สัดส่วนที่ทุกคนต้องการ โดยจะแบ่งออกเป็น 2 แบบ คือ

    1. ซิลิโคนสำเร็จรูป เป็นซิลิโคนที่มีหลายทรง เช่น ทรง L-shape หรือ I-shape มีสีขาว ผิวสัมผัสเนียนละเอียด  ผิวสัมผัสเนียนละเอียด ปรับแต่งรูปทรงได้ง่าย
    2. ซิลิโคนแบบเหลา เป็นซิลิโคนที่แพทย์จะต้องนำมาเหลาเองเพื่อใช้กับคนไข้แต่ละคน ทำให้มีขนาดที่ไม่เท่ากัน จึงต้องใช้ความเชี่ยวชาญของแพทย์สูง เพราะหากไม่ชำนาญพอ อาจจะเหลาออกมาแล้วไม่ได้รูปทรงที่เข้ากับใบหน้าของคนไข้ และจุดเด่นของซิลิโคนนี้คือ ความคงทนที่สูงมาก


    ข้อควรระวัง ในการเสริมจมูกด้วยซิลิโคน

    ถึงแม้ซิลิโคนจะช่วยทำให้สันจมูกดูตรงสวยและเป็นธรรมชาติ แต่ซิลิโคนนั้นไม่เหมาะกับคนผิวบาง เพราะเสี่ยงจมูกทะลุได้

     
    จำเป็นที่จะต้องเปลี่ยนซิลิโคนหรือไม่?

    จริงๆ แล้วซิลิโคนนั้นจะไม่มีวันหมดอายุ สามารถอยู่บนหน้าของไข้ได้ตลอดชีวิต แต่ที่พบเห็นเคสที่ต้องกลับมาเปลี่ยนซิลิโคน เป็นเพราะ จมูกเบี้ยว จมูกทะลุ เนื่องจากการดูแลที่ไม่ถูกต้อง หรือเสริมแบบไม่ดี จนต้องกลับมาแก้ ซึ่งในการแก้ ก็สามารถเลือกว่าจะแก้แบบเปลี่ยนอันใหม่เลย หรือจะแก้จมูกด้วยวิธี Open Reconstruction ก็ได้

    9
    ปัจจัยที่ทำให้เกิดโรคมะเร็ง

    -อายุ
    -มีพฤติกรรมชอบบุหรี่
    -สัมผัสกับรังสีอัลตร้าไวโอเลต (UV)
    -ได้รับเชื้อไวรัสหรือแบคทีเรียบางชนิด
    -ได้รับเชื้อไวรัสหรือแบคทีเรียบางชนิด
    -ครอบครัวเป็นมีประวัติเกี่ยวกับมะเร็ง
    -ดื่มแอลกอฮอล์
    -การกินอาหารไขมันสูง
    -โรคความอ้วน ไม่ค่อยออกกำลังกาย


    การรักษามะเร็ง

    -การรักษามะเร็งนั้นมีหลานวิธี แต่ก็ขึ้นอยู่กับระยะของโรค และตำแหน่งของโรคนั้นๆด้วย แต่ก็มีวิธีที่นิยมกัน เช่น
    -การผ่าตัด การเอาก้อนที่เป็นมะเร็งออกไป
    -การให้รังสีกำลังสูงเพื่อฆ่าเซลล์มะเร็ง
    -การให้ยา (สารเคมี) เพื่อฆ่าเซลล์มะเร็ง
    -การใช้ฮอร์โมนเพื่อยุติการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง


    หากในการรักษา เป็นการรักษาแบบผ่าตัด ก็จะไม่มีปัญหามากในการมีบุตร หากแต่ถ้าเป็นวิธีการฉายรังสี หรือการให้ยา บริเวณอุ้งเชิงกราน ช่องท้อง ก็อาจจะได้รับผลกระทบเต็มๆ กับการสืบพันธุ์โดยตรง เพราะ รังสีหรือยาอาจทำให้หมัน ไม่สามารถมีลูกได้ เพราะ รังไข่อาจจะเสียหาย หรือ สเปิร์มไม่แข็งแรง

    การมีลูกด้วยนวัตกรรมเด็กหลอแก้ว สำหรับผู้ป่วยโรคมะเร็ง

    การทำเด็กหลอดแก้ว (ICSI) เป็นทางเลือกหนึ่งสำหรับผู้ป่วยมะเร็งที่ต้องรักษาอาการโดยการให้รังสี หรือให้ยา และต้องการมีบุตร เพราะ การรักษาอาจจะต้องใช้เวลานาน และระบบสืบพันธุ์อาจจะถูกทำลายไปแล้ว โดยการทำการกระตุ้นไข่ออกมาก่อนเพื่อวางแผนการเก็บไข่และสเปิร์มไว้ล่วงหน้า และเมื่อเวลาผู้ป่วยรักษาเสร็จแล้ว ก็สามารถนำไข่และสปิร์มที่เก็บไว้มาปฏิสนธิกลายเป็นตัวอ่อนแล้วย้ายตัวอ่อนลงไปฝังในโพรงมดลูกเพื่อให้เกิดการตั้งครรภ์ได้ทันที วิธีนี้จะช่วยให้สเปิร์มและไข่ของผู้ห่วยไม่ถูกทำลายในขณะการรักษาตัว

    10
    โครงสร้างไม้ : ค่อนข้างเป็นนิยมในหมู่คนที่ชื่นชอบความเป็นธรรมชาติ

    ข้อดีของโครงไม้

    -ใช้งานง่าย
    -ช่างสามารถใช้งานได้สะดวก
    -สามารถตัดแต่งขนาดสั้นยาวได้ตามความต้องการ
    -ขึ้นรูปโรงสร้างไว
    -งานเสร็จเร็ว

    ข้อเสียของโครงไม้

    -ต้องเลือกไม้ที่เหมาะสม
    -ราคาที่แพง
    -เสี่ยงต่อปัญหาปลวกกิน
    -ต้องได้รับการดูแลอย่างต่อเนื่อง

    โครงสร้างเหล็ก : เป็นที่ชื่นชอบของเจ้าของบ้านที่ชอบการตกแต่งบ้านสไตล์ลอฟท์ หรือปูนเปลือย

    ข้อดีของโครงเหล็ก

    -ความสะดวกเวลาก่อสร้าง เพราะ สามารถเชื่อมต่อได้ทุกมุม เช่น เสา คาน โครงรับพื้น
    -มีให้เลือกหลายรูปแบบ
    -มีความแข็งแรงคงทนมากกว่าโครงสร้างไม้

    ข้อเสียของโครงเหล็ก

    -ราคาค่อนข้างสูงเนื่องจากโครงสร้างเหล็กมีราคาแพง
    -หาช่างที่เชี่ยวชาญในการเชื่อมโครงสร้างเหล็กยาก
    -เสี่ยงต่อการเกิดสนิมที่โครง

    โครงสร้างคอนกรีตเสริมเหล็ก : เป็นที่นิยมมากที่สุดและได้รับการใช้งานมาอย่างยาวนาน

    ข้อดีของโครงคอนกรีตเสริมเหล็ก

    -มีความแข็งแรงทนทานมากที่สุด
    -ดูแลง่าย  

    ข้อเสียของโครงคอนกรีตเสริมเหล็ก

    -ใช้เวลาในการก่อสร้างมากกว่าโครงสร้างอื่นๆ
    -ต้องใช้ทักษะของช่างสูง
    -ขั้นตอนการก่อสร้างซับซ้อน และยุ่งยากกว่าโครงสร้างอื่น
    พื้นที่การทำงานมีฝุ่นและเศษการก่อสร้างเยอะ

    หากคุณกำลังประสบกับปัญหาบ้านทรุด เกิดโพรงใต้บ้าน ส่วนต่างๆ ของบ้านเริ่มมีรอยแตกร้าว อยู่ล่ะก็ ทาง Seta Engineering ของเรานั้นรับ ซ่อมบ้านทรุด ปิดโพรงใต้บ้าน และซ่อมรอยแตกร้าวต่างๆ อยู่นะคะ หากสนใจคลิกเข้าไปเพื่อศึกษาเพิ่มเติมได้เลย


    11
    ไฮยาลูรอนิค แอซิดคืออะไร

    คือ โมเลกุลของน้ำตาล (Polysaccharide) ที่ร่างกายเราสามารถผลิตออกมาเองได้ โดยจะมีหน้าที่ช่วยเติมความชุ่มชื้นให้กับเซลล์ผิว และรักษาสมดุลของเซลล์ผิว

    ข้อดีของไฮยาลูรอนิค แอซิด

    1. ทำให้ผิวนุ่มชุ่มชื่น

    2. ทำให้ผิวที่อักเสบหรือแผลหายไวขึ้น

    3. ช่วยลดการเกิดอาการตาแห้ง

    4. ช่วยให้ผิวอุ้มน้ำได้ถึง 1,000 เท่า

    5. ช่วยลดเลือนริ้วรอย


    ข้อระวังหากจะใช้ไฮยาลูรอนิค แอซิด

    หากคุณเป็นสตรีที่กำลังตั้งครรภ์ สตรีที่อยู่ในภาวะให้นมบุตร หรือเด็กที่อายุต่ำกว่า 3 ปี ไม่ควรที่จะใช้ไฮยาลูรอนิค แอซิด และหากคุณเป็นคนหนึ่งจะผลิตสินค้าที่มีส่วนผสมของไฮยาลูรอนิค แอซิด ก็ควรใส่ไฮยาลูรอนิค แอซิดในความเข้มข้นที่ต่ำกว่า 2% เพื่อไม่ให้เกิดอาการแพ้ขึ้น และจะต้องมีโรงงานผลิตครีมหรืออาหารเสริมหรือสารสกัดต่างๆที่มีมาตรฐานเพื่อให้ลูกค้าที่เราจะทำธุรกิจด้วย มีความั่นใจในผลิตภัณฑ์ของเรา

    12
    เหล็กกล่องคืออะไร?
    คือ เหล็กท่อแบน หรือเหล็กแป๊บ ที่ผ่านวิธีการรีดร้อนให้ขึ้นรูปทรงเป็นสี่เหลี่ยม มีช่องโปร่งด้านใน มีน้ำหนักเบา แต่มีความทนทาน นิยมใช้ในงานก่อสร้างทั่วไป

    เหล็กกล่องมีประโยชน์อย่างไร?

    1.   มีน้ำหนักเบาขนย้ายได้ง่าย
    2.   สามารถใช้กับงานก่อสร้างได้หลายรูปแบบทั้งงานขนาดเล็กไปจนถึงงานขนาดใหญ่

    ข้อควรระวังสำหรับงานก่อนสร้าง : น้ำหนักและขนาดของเหล็กกล่องมีผลต่อการรองรับน้ำหนักและต้านแรงที่ไม่เหมือนกันไปตามขนาดของเหล็กกล่อง จึงควรเลือกเหล็กกล่องให้เข้ากับงานที่จะใช้


    วิธีเลือกกล่องเหล็กคุณภาพทำอย่างไร

    1.   ดูที่พื้นผิว ต้องไม่หยาบ ผิวเรียบ ไม่มีรอยสนิม และมุมของเหล็กต้องไม่มน ต้องทำมุม 90 องศาตามมารตฐาน
    2.   ต้องมีการรับรองผ่าน มอก.


    วิธีติดตั้งเหล็กกล่องให้ติดกับพื้นปูน

    1.   ตัดเหล็กให้มีความสูงพอดีกับเสา และเผื่อความยาวของเหล็กไปประมาณ 5 ซม. ทั้ง 3 มุม ที่ตัดขอบลึกเข้ามา 5 ซม.
    2.   ตอกขอบเหล็กให้บานออกทั้ง 3 มุม และเก็บขอบมุมของเหล็กให้พื้นผิวเรียบร้อย
    3.   เจาะเหล็กเป็นช่องวงกลมทั้ง 3 มุม และนำเสามาวางในตำแหน่งที่จะตั้งเสา และมาร์กรูเพื่อเตรียมใส่พุก
    4.   เจาะรูที่พื้นให้เป็นรูตรงกับจุดมาร์กของเสา และถอดเสาเหล็กออกมาแล้วใส่น๊อตไปที่เสาเหล็กแล้วยกเสาให้ตรงกับร่องรูที่เจาะไว้ตรงพื้นรอบแรก
    5.   เมื่อเสาเหล็กตรงร่องแล้ว ให้ใช้ค้อนเคาะที่น๊อทอีกครั้ง เพื่อให้เสาลงร่องสนิท จากนั้นใช้สว่านล๊อคน๊อตทั้ง 3 ด้าน เป็นอันเสร็จงาน


    13
    รอยร้าวของที่อยู่อาศัย มีสาเหตุเกิดขึ้นจากอะไร?

    1. การทรุดตัว เช่น มีโพรงเกิดขึ้นใต้บ้าน หรือเกิดการยุบของแผ่นดิน
    2. การเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิที่เกิดจากสภาพอากาศ เช่น อากาศที่ร้อนจะทำให้ตัวบ้านเกิดขยายตัวขึ้น หรือ อากาศเย็นก็จะทำให้ตัวบ้านหดตัว
    3. เกิดจากพื้นดินที่มีความชื้นหรือความแห้ง
    4. เกิดจากปัญหาตั้งแต่เริ่มสร้าง เช่น การใช้วัสดุไม่ได้มาตรฐาน
    5. มีต้นไม้ใหญ่ใกล้บ้าน ทำให้มีรากของต้นไม้แผ่ออกมาทำลายโครงสร้าง
    6. ระบบประปาที่ถูกวางไว้แบบไม่ดี ทำให้เกิดท่อตัน หรือท่อน้ำรั่วซึม
    7. การต่อเติมที่มีมากเกินไป จนทำให้บ้านรับน้ำหนักมากเกินไป


    รอยร้าวมีชนิดใดบ้าง?

    1. รอยร้าวบนผนังบ้าน โดยจะแบ่งออกเป็น 3 แบบ ได้แก่

         1.1 รอยร้าวแบบแนวดิ่ง (รอยร้าวแนวตั้ง) เกิดจากบ้านหด หรือขยายตัวจากอุณหภูมิของบ้าน ไม่ได้ก่อให้เกิดปัญหาร้ายแรง
         1.2 รอยร้าวแนวนอน หากบ้านของคุณมีรอยร้าวแบบนี้เกิดขึ้น แปลว่าบ้านของคุณกำลังมีปัญหาเกี่ยวกับฐานรากหนักมาก ซึ่งอาจจะส่งผลให้ผนังบ้านถล่มลงมาได้
         1.3 รอยร้าวแบบขั้นบันได ปัญหานี้อาจจะเกิดขึ้นอิฐ หากเป็นรอยร้าวขนาดเล็ก ก็ไม่น่ากังวลเท่าไร แต่หากมีขนาดใหญ่มากกว่าครึ่ง - 1 นิ้ว นั้นแปลว่าบ้านของคุณกำลังมีปัญหาที่ฐานราก จึงควรปรึกษาช่างที่มีความเชี่ยวชาญมาดูแล

    2. รอยร้าวบริเวณประตูหรือหน้าต่าง

    3. รอยร้าวที่เพดาน โดยจะแบ่งออกเป็น 3 แบบ ได้แก่

         3.1 รอยร้าวแนวดิ่ง
         3.2 รอยร้าวบริเวณกว้าง
         3.3 รอยร้าวจากสาเหตุการยุบตัวของเพดาน


    4. รอยร้าวที่เสา

    5. รอยร้าวที่คาน

    6. รอยแตกร้าวบนพื้น

    7. รอยร้าวบริเวณข้อปล้อง


    วิธีรักษาอาการบ้านร้าว

    หากรอยร้าวมีขนาดเล็ก คุณก็สามารถซ่อมเองได้ โดยการโบกปูนทับลงไปเท่านั้น
    หากแต่บางรอยร้าวอาจจะเป็นปัญหาทางด้านโครงสร้าง คุณจึงห้ามวางใจเด็ดขาด จึงควรจ้างช่างที่เชี่ยวชาญเฉพาะเกี่ยวกับการซ่อมบ้านทรุด เพราะหากจ้างช่างธรรมดาที่ไม่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง อาจจะทำให้เกิดเหตุที่เลวร้ายมากกว่านั้นได้

    14
    การเลือกสีสำหรับภายนอกบ้านไม่ใช่เรื่องง่าย แต่คุณก็สามมารถทำได้ โดยการ

    เลือกสีที่มีคุณสมบัติทนต่อสภาพอากาศ มีการเคลือบสารป้องกันความชื้น สามารถขัดหรือทำความสะอาดรอยเลอะออกได้ และ มีคุณสมบัติซึ่งสามารถสะท้อนความร้อนได้มาก

    เช่นเดียวกับการเลือกสีภายนอกบ้าน สีภายในก็มีความสำคัญเช่นกัน โดยจะเลือกโดยการ

    เลือกโทนสีแบบจับคู่สีให้บาลานซ์ : โดยเลือกสีโทนหลัก 1 สีและจับคู่สีเข้มหรือสีอ่อน

    บาลานซ์สมดุลสีเข้มและสีอ่อนภายในห้อง : โดยใช้หลัก 60:30:10 (พื้นที่ 60% คือ สีหลัก 30% คือ สีรองที่ไว้ตัดสีให้โดดเด่น และ 10% คือ สีที่สร้างจุดเด่นของห้องเล็กน้อย)


    สีทาบ้านราคาถูก ซื้อได้ที่ไหน?

    แนะนำให้ลอง ซื้อตามแหล่ง/ร้านค้าส่งอุปกรณ์ก่อสร้างดู เพราะ ร้านประเภทนี้จะคัดเลือกสินค้าเกรดคุณภาพ ส่งตรงจากโรงงานมาขาย

    15
    ก่อนเราจะไปรู้จักกับ "สิ่งที่ควรรู้ก่อนเลือกครีมกันแดด" เราจำเป็นต้องรู้จักประเภทของครีมกันแดดชนิดต่างๆ ซะก่อน ดังนี้

    1. ครีมกันแดดแบบเคมี โดยครีมชนิดนี้จะมีส่วนผสมของเคมี ที่จะดูดซับรังสียูวีเอและยูวีบีเอาไว้บนชั้นเคลือบ แต่จะไม่ค่อยติดกับผิว ต้องทาซ้ำบ่อยๆ

    2. ครีมกันแดดแบบกายภาพ โดยครีมชนิดนี้จะมีสารเคมีเป็นส่วนผสมเช่นกันจะทำหน้าที่เคลือบชั้นผิวและสะท้อนรังสียูวีเอกับรังสียูวีบีออกไปแทน มีลักษณะและเนื้อสัมผัสที่ข้น เหนอะหนะ

    3. ครีมกันแดดแบบผสม โดยครีมชนิดนี้โดยครีมชนิดนี้สามารถกันแดดได้ยาวนานขึ้นกว่า ครีมกันแดด 2 แบบข้างต้น


    วิธีเลือกครีมกันแดดที่ดี

    1. เลือกเนื้อสัมผัสของครีมกันแดดตามความชอบของตน

    2. ตรวจสอบว่าครีมชนิดนั้นๆ เหมาะกับผอวเราหรือไม่ เพื่อไม่ให้เกิดการแพ้ขึ้นได้ และไม่ควรเลือกครีมที่มีแอลกอฮอล์ผสม เพราะจำทำให้ผิวแห้งง่าย

    หากคุณกำลังคิดจะเริ่มทำธุระกิจในวงการครีม แต่ยังไม่รู้ว่าจะผลิตครีมอย่างไรล่ะก็ ทาง Beauty Cosmet ของเรามี โรงงานผลิตครีม ที่ได้คุณภาพและผ่านการรับรองมาแล้ว หากสนใจคลิกเข้าไปเพื่อศึกษาเพิ่มเติมได้เลยค่ะ

    16
    1. เลือกชนิดของดินที่จะถมที่ให้เหมาะสมเพื่อกันบ้านทรุด เช่น

                 1.1 ดินดาน : จะมีความแห้ง บดอัดได้ดี เมื่อถมแล้วสามารถสร้างบ้านได้เลย แต่ไม่เหมาะกับการนำไปปลูกต้นไม้
                 1.2 ดินถมทั่วไป : เนื้อดินมีความแน่น เมื่อถมไปแล้ว ต้องรอให้เนื้อดินทรุดตัวก่อน จึงค่อยตอกเสาเข็มลงไป และก็ยังไม่เหมาะกับการนำไปปลูกต้นไม้
                 1.3 ดินทราย : เป็นดินที่ไม่อุ้มน้ำ หากจะใช้ต้องบีบอัดให้ดี เมื่อถมที่และบีบอัดอย่างดีแล้ว สามารถสร้างบ้านได้เลย และก็ม่เหมาะกับการนำไปปลูกต้นไม้


    2. ความสัมพันธ์ของระดับการถมกับเวลาใช้ก่อสร้าง เข่น

                 1.1 ระดับการถมมากกว่า 200 ซม. : ควรถมดินไว้เตรียมไว้มากกว่า 1 ปี แต่หากต้องการสร้างด่วน ควรใช้ดินดานหรือดินลูกรังมาถม เพื่อให้เนื้อดินบีบแน่น
                 1.2 ระดับการถม 50 – 200 ซม. : ควรทิ้งไว้ประมาณ 1 หน้าฝน เพื่อให้ดินเซตตัว เพื่อให้โดนแดดโดนฝน จะได้บีบอัดแน่น
                 1.3 ระดับการถมไม่เกิน 50 ซม. : ก่อสร้างได้เลย เพราะ มีเสาเข็มน้อย

    3. สำรวจที่ดินและจัดการอุปสรรคการสร้างบนที่ดิน
    • หากเป็นที่ดินมีอาคาร หรือสิ่งปลูกสร้าง ต้องรื้อถอนให้หมด
    • หากที่ดินมีต้นไม้รากฝังลึก หรือชอนไช ควรนำออกไปปลูกที่ไกลๆจากบ้าน
    • หากมีเสาไฟฟ้า มีมิเตอร์น้ำประปาอยู่ในพื้นที่ดิน ควรย้ายออกไปจากพื้นที่
    • หากที่ดินเป็นบ่อ เป็นหนองน้ำ หรือมีระดับต่ำมาก่อน ควรถมดินให้ดี และปรับหน้าดินให้เรียบร้อยก่อนทำการสร้าง

    17
    หากคุณกำลังคิดจะเริ่มทำธุระกิจในวงการครีม แต่ยังไม่รู้ว่าจะผลิตครีมอย่างไรล่ะก็ ทาง Beauty Cosmet ของเรารับผลิตครีมต่างๆ อยู่นะคะ คลิกเข้าไปเพื่อศึกษาเพิ่มเติมได้เลย

    1. ขมิ้นชัน

    โดดเด่นเรื่องของการต่อต้านอนุมูลอิสระ ปรับสภาพผิวให้ดูดีกระจ่างใสมากขึ้นกว่าเดิม สร้างความเปล่งปลั่ง มีใบหน้าและผิวพรรณที่ดูดีมากขึ้น

    2. เปลือกมังคุด

    อัดแน่นไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระจึงช่วยขจัดแบคทีเรียต่าง ๆ ให้ออกไปจากผิวพรรณ รูขุมขนดูกระชับมากขึ้น สร้างความเปล่งปลั่ง ผิวดูสดใส

    3. มะเขือเทศ

    อุดมไปด้วยไลโคพีน และ วิตามินซี จึงช่วยเผยผิวให้ดูกระจ่างใสมากขึ้นกว่าเดิม เนียนนุ่มอมชมพู ลดปัญหาของการเกิดสิว

    4. ว่านหางจระเข้

    ช่วยทำให้แผลเป็น รอยแดง รอยดำต่าง ๆ แลดูจางลง ผิวพรรณมีน้ำมีนวลมากขึ้น เปล่งปลั่ง สร้างความชุ่มชื้นต่อผิว

    5. แตงกวา

    อุดมไปด้วยสารเบต้าแคโรทีน และวิตามินชนิดต่าง ๆ จึงช่วยฟื้นฟูความชุ่มชื้นให้กับผิวพรรณและใบหน้า และแก้ปัญหารอยแผลเป็น รอยแดง รอยดำต่าง ๆ ให้ดูจางลง

    18
    สำหรับผู้ที่ต้องการทำธุรกิจเกี่ยวกับการจำหน่ายครีม, เครื่องสำอาง และอาหารเสริม แต่ก็ยังไม่รู้ว่าควรจะเลือกโรงงานผลิตครีมที่ไหนดี ที่มีคุณภาพ สามารถผลิตครีม สร้างแบรนด์ครีมให้ได้มาตรฐาน ปลอดภัยได้ วันนี้เราจึงจะมาแนะนำ 6 อย่างในการช่วยเป็นอีกหนึ่งในการตัดสินใจ

    1. การขึ้นทะเบียนการค้า

    โรงงานที่ดีควรมีการขึ้นทะเบียนการค้าอย่างถูกต้อง หากมีปัญหาเกิดขึ้นจะได้ดำเนินการทางกฎหมายได้อย่างรวดเร็ว โดยทุกวันนี้สามารถเข้าไปเช็คโรงงานต่างๆได้ผ่านทางเว็บ DBD

    2. ใบรับรองที่ได้มาตรฐาน

    ใบรับรองจะช่วยยืนยันถึงความน่าเชื่อถือและความมีคุณภาพของโรงงานได้ ดังนั้นก่อนจะตัดสินใจใช้บริการจากที่ไหน ก็ลองตรวจสอบว่าโรงงานแห่งนั้นมีใบรับรองหรือไม่

    3. ผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์

    โรงงานควรจะมีทีมผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์โดยเฉพาะ เพราะครีมจะต้องนำมาใช้กับผิวพรรณโดยตรง จึงต้องมีการศึกษาวิจัยให้ดีเพื่อให้ครีมที่ผลิตออกมานั้น เพื่อไม่ให้เกิดผลเสียตามทีหลัง

    4. บริการรับจด อย.

    อย. เป็นเครื่องหมายที่จะช่วยสร้างความน่าเชื่อถือให้กับสินค้าได้ดี ดังนั้นหากทางโรงงานมีบริการรับจด อย. ด้วยก็จะดีมาก เพราะ คุณจะได้ไม่ต้องไปเสียเวลาขอจด อย. ด้วยตนเอง

    5. การทดสอบสินค้า

    แม้จะผลิตตรงตามสูตรที่ได้วิจัยออกมาแล้วว่ามีคุณภาพและปลอดภัย แต่ก็จำเป็นต้องทดสอบก่อนจะนำออกจำหน่ายจริงด้วย เพื่อความแน่ใจว่าจะไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้บริโภค จึงควรที่จะดูว่าโรงงานนั้นมีการทดสอบก่อนวางจำหน่ายจริงหรือไม่

    6. รีวิวจากลูกค้าจริง

    สุดท้ายที่คุณจะต้องดูก็คือรีวิวจากลูกค้าจริงนั่นเอง เพื่อดูความเห็นของลูกค้าที่เคยมาใช้บริการส่วนใหญ่ว่าเป็นไปในทิศทางใด ได้ผลลัพธ์ที่ดีจริงหรือไม่ ซึ่งก็เป็นข้อมูลสำคัญที่จะละเลยไม่ได้เลย

    19
    ท่อ PVC 4 หุน คืออะไร

    ท่อ PVC ½  หรือ ท่อ PVC 4 หุน เป็นท่อน้ำที่นิยมนำมาใช้ในงานอุตสหกรรม งานการเกษตร และงานพักอาศัย เพราะ ตัวท่อมีความแข็งแรง เนื้อเหนียว ทนต่อแรงดันภายใน, สภาพอากาศ และ ความเป็นกรด-ด่างได้ดี ทั้งยังมีน้ำหนักเบา

    ท่อ PVC 4 หุน เหมาะกับการใช้งานทำอะไร

    ท่อ PVC 4 หุนเป็นไซซ์ขนาดมาตรฐานที่ใช้กันทั่วไป ทั้งงานประปาอุปโภค-บริโภค งานเกษตร หรือประดิษฐ์เป็นงานฝีมืออื่นๆ โดยจะแบ่งออกเป็น 3 class ดังนี้

    • Class 5 : ไซซ์มาตรฐานที่ใช้ในบ้านและอาคารทั่วไป
    • Class 8.5 : เหมาะสำหรับใช้ในบ้านขนาดใหญ่ หรืออาคารที่มีความสูง 5 ชั้นขึ้นไป
    • Class 13.5 : เป็นขนาดที่หนาที่สุด สามารถใช้ในอาคารหรือตึกใหญ่ๆ ที่จำเป็นต้องใช้แรงดันน้ำเยอะๆ และจะนิยมฝังใต้ดิน เพราะ สามารถรับแรงกดจากภายนอกท่อได้ดี

    ราคาท่อ PVC 4 หุน ราคาเท่าไหร่

    ท่อฟ้าชั้นคุณภาพ8.5
    – ท่อน้ำไทย 44 บาท
    – ท่อตราช้าง 43 บาท
    – ท่อตราเสือ 40 บาท
    – ท่อDSAI 38 บาท

    ท่อฟ้าชั้นคุณภาพ13.5
    – ท่อน้ำไทย 55 บาท
    – ท่อตราช้าง 54 บาท
    – ท่อตราเสือ 51 บาท
    – ท่อDSAI 48 บาท

    ท่อเหลือง
    – ชั้น1 45.50บาท

    ท่อขาว JIS และ BS
    –  56.71 บาท /25 ท่อน

    ท่อเทา
    – 15.10 บาท

    20
    หากคุณกำลังตามหาท่อ PVC ชนิดต่างๆ ที่มีคุณภาพ และมีราคาท่อ PVC ที่ถูก อยู่ล่ะก็ คลิกเข้าไปเพื่อเข้าไปดูท่อ PVC ชนิดต่างๆที่คุณต้องการได้เลย

    ท่อ PVC 5 นิ้ว คืออะไร?

    คือ ท่อ PVC ที่มีขนาดค่อนข้างใหญ่ มีความแข็งแรง เนื้อเหนียว ทนต่อแรงดันภายในและสภาพอากาศและความเป็นกรด-ด่างได้ดี ไม่เป็นสนิม มีน้ำหนักเบา และเหมาะกับการใช้งานทุกรูปแบบ เช่น ใช้เป็นท่อกลางบ้าน โครงการบ้าน การเกษตร และท่อระบายน้ำ

    ท่อ PVC 5 นิ้ว หาซื้อได้ที่ไหน?

    หากซื้อตามร้านจำหน่ายอุปกรณ์การช่างทั่วไปก็ไม่ค่อยจะพบ หรือถ้าเป็นห้างที่จำหน่ายอุปกรณ์การช่างอาจจะพอหาได้บ้าง แต่จะมีของไม่ค่อยเยอะ เพราะส่วนใหญ่จะไม่นิยมสต๊อกสินค้า หากต้องการเยอะๆ ต้องสั่งจากโรงงานเท่านั้น


    21
    หากคุณกำลังมองหา ท่อเหล็กร้อยสายไฟ ที่มีคุณภาพ และราคาถูกอยู่ล่ะก็ เรามีบริการท่อเหล็กร้อยสายไฟที่มีคุณภาพ และราคาถูกรอคุณอยู่ คลิกเพื่อเข้าไปหาท่อเหล็กร้อยสายไฟที่คุณต้องการได้เลย


    1. ท่อร้อยสายไฟสีขาว

    มีความยาวมาตรฐานอยู่ที่ 2.92 เมตรต่อ 1 ท่อน (บางยี่ห่อก็ 3 เมตรต่อ 1 ท่อน) มีคุณสมบัติเป็นฉนวนไฟฟ้า สามารถดัดให้โค้งงอได้สูงสุด 90 องศา โดยไม่ต้องใช้ความร้อนช่วยในการดัด และยังทนทานต่อแรงกระแทกได้ดี เหมาะสำหรับประเภทเดินลอยภายในบ้านและอาคาร (จะเห็นตัวท่อลอยภายในตัวอาคาร/บ้าน) ทั้งยังทนแดดได้ดี เพราะมี TiO2 (Titanium dioxide) เป็นส่วนผสม

    *กรณีหากมีไฟไหม้ ตัวท่อจะไม่ทำให้ไฟลามไปที่อื่น*


    2. ท่อร้อยสายไฟสีเหลือง

    มีความยาวมาตรฐานอยู่ที่ 4 เมตรต่อ 1 ท่อน เหมาะกับการใช้เดินสายไฟในบ้าน (ลักษณะฝังในผนังบ้าน ซึ่งจะทำให้ไม่เห็นตัวท่อให้กวนสายตา) สามารถดัดให้โค้งได้จำกัด (น้อยกว่า 90 องศา) และ ราคาสูงกว่าสีขาว

    ทั้งนี้ทั้งนั้นหากจะเลือกซื้อท่อใดๆก็ตาม แนะนำให้เลือกร้านที่ได้มาตรฐาน มี มอก. บอก เพื่อความปลอดภัยต่อการใช้งานในอนาคต

    22
    ท่อพีวีซี 2 นิ้ว (PVC) 2" นิ้ว คืออะไร?

    ท่อพีวีซี 2 นิ้ว เป็นท่อน้ำชนิดหนึ่งที่นิยมนำมาใช้งานเกษตรเป้นส่วนใหญ่ เพราะ มีความคงทน แข็งแรง เนื้อเหนียว ทนต่อแรงดันภายในและสภาพอากาศและความเป็นกรด-ด่างได้ดี ไม่เป็นสนิมง่ายเหมือนกับท่อเหล็ก และมีน้ำหนักที่เบา

    อายุการของท่อพีวีซี

    ท่อพีวีซีทุกชนิดมีอายุใช้งานที่ยาวนานถึง 50 ปี เพราะมีความแข็งแรง คงทน ทนแดดทนฝน และไม่เกิดสนิมเหมือนกับท่อเหล็ก แต่ก็ต้องถูกผลิตมาอย่างมีคุณภาพ และต้องเลือกชนิดท่อให้ถูกกับการใช้งาน หากเลือกไม่ถูก ก็จะทำให้ท่อที่เราซื้อไปนั้นเสื่อมได้ง่าย

    การเลือกใช้ท่อพีวีซี มีความปลอดภัยหรือไม่?

    สามารถใช้งานได้สบาย หายห่วง แต่ต้องเลือกท่อพีวีซีที่มีการรับรองคุณภาพ ด้วยการสัฃเกตก่อนซื้อ จะต้องควรดูเครื่องหมาย มอก. ซึ่งเป็นมาตรฐานตามสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม หรือ สมอ. หรือ มอก. เสมอ เพราะหากเลือกใช้ท่อพีวีซีที่ไม่ได้รับที่มาตรฐาน มอก. อาจจะทำให้อายุการใช้งานของท่อเสี่อมสภาพเร็ว และเสี่ยงเป็นอันตรายได้

    ท่อ PVC 2 นิ้ว หาซื้อได้ที่ไหนบ้าง?

    ท่อพีวีซีขนาด 2 นิ้วยังถือว่าเป็น “ไซซ์ขนาดกลาง” ที่ไม่ค่อยพบในร้านอุปกรณ์การช่างทั่วไป ยิ่งถ้าต้องซื้อเป็นจำนวนมากๆ จำเป็นที่จะต้องติดต่อผ่านโรงงานเท่านั้น

    ราคาท่อ PVC 2 นิ้ว ราคาเท่าไหร่?

    ท่อฟ้าชั้นคุณภาพ 5
    - ท่อน้ำไทย 125 บาท
    - ท่อตราช้าง 122 บาท
    - ท่อตราเสือ 115 บาท
    - ท่อDSAI 108 บาท

    ท่อฟ้าชั้นคุณภาพ8.5
    - ท่อน้ำไทย 188 บาท
    - ท่อตราช้าง 184 บาท
    - ท่อตราเสือ 173 บาท
    - ท่อTK 162 บาท

    ท่อฟ้าชั้นคุณภาพ13.5
    - ท่อน้ำไทย 271 บาท
    - ท่อตราช้าง 265 บาท
    - ท่อตราเสือ 250 บาท
    - ท่อDSAI 234 บาท

    ท่อเหลือง ชั้น 1 : 276 บาท

    ท่อเทา : 101.15 บาท

    23
    ก่อนจะไปรู้ว่าชั้นคุณภาพ 5, 8.5 และ 13.5 ต่างกันอย่างไร เราก็ต้องมารู้จักคำว่า "ชั้นคุณภาพ" กันก่อน ว่าคืออะไรกัน

    ชั้นคุณภาพท่อ PVC คือ อะไร?


                 ชั้นคุณภาพ (Class) คือ ความหนาของท่อ PVC และตัวเลข 5, 8.5, 13.5 ก็หมายถึงความดันน้ำที่ท่อแต่ละคลาสสามารถรับแรงดันได้ โดยมีหน่วยเป็นบาร์ เช่น ชั้นคุณภาพ 5 ก็จะรับได้ 5 บาร์ ยิ่งชั้นคุณภาพสูง ก็จะมีความหนามากขึ้น ทำให้รับแรงดันน้ำได้มากขึ้น และแน่นอนว่าราคาท่อ PVC ก็ต้องแพงขึ้นด้วย จากต้นทุนการผลิตที่ต้องใช้เม็ดพลาสติกในการผลิตมากขึ้น ซึ่งจะสังเกตุจากรูปได้ง่าท่อซ้ายสุดจะมีความหนาน้อยที่สุด และค่อยๆไล่ความหนาไปจนถึงตัวที่หนาที่สุดซึ่งอยู่ทางขวาสุด โดยไล่ลำดับชั้นคุณภาพจะได้ 5, 8.5 และ 13.5 จากซ้ายไปขวาตามลำดับ

    ชั้นคุณภาพแต่ล่ะชั้น ก็จะมีหน้าที่ที่แตกต่างกันในการใช้
    • ชั้นคุณภาพ 5 : ใช้ระบายน้ำ เพราะ ตัวท่อมีความหนาที่ไม่มาก
    • ชั้นคุณภาพ 8.5 : ใช้สำหรับงานประปาทั่วไป
    • ชั้นคุณภาพ 13.5 : ใช้สำหรับงานอุตสาหกรรม หรือระบบประปาในส่วนที่อยู่ใกล้กับปั๊มน้ำ

    วิธีการสังเกตชั้นคุณภาพของท่อ PVC

    จะมีการเขียนไว้บนท่ออย่างชัดเจน ดังเช่นในรูปตัวอย่าง


    24
    ก่อนที่เราจะไปหาคำตอบกันว่า "อะไรคือความแตกต่างระหว่างท่อ PE กับท่อ PVC ?" เราจำเป็นจะต้องรู้จักท่อทั้ง 2 ชนิดนี้ก่อน ฉะนั้น เราไปทำความรู้จักกันเลย!

    ท่อ PVC คืออะไร?


    ท่อ PVC เป็นท่อที่ผลิตจากโพลิไวนิลคลอไรด์  จะไม่มีส่วนผสมของพลาสติกไซเซอร์ ซึ่งชื่อที่เรียกกันอย่าง คุณสมบัติที่โดดเด่นของท่อ PVC คือจะมีความแข็งแรงทนทาน พื้นผิว มีลักษณะเรียบลื่น สามารถส่งน้ำได้ดี ทนต่อกรดด่างได้ดี ผิวท่อจึงไม่มีสารเคมีเจือปน อย่างไรก็ดี ข้อเสียของท่อ PVC คือ ท่อลักษณะนี้จะไม่ทนต่อความร้อนและอาจแตกหักได้ง่าย ทำให้ราคาท่อ PVC นั้นถูกกว่าท่อ PE

    ท่อ PE คืออะไร?


    ท่อ PE เป็นท่อพลาสติกสีดำ ที่ผลิตจากพอลิเอทิลีน เป็นท่อที่มีน้ำหนักเบา มีความเหนียวดีและทนต่ออุณหภูมิต่ำ รองรับต่อแรงกระแทกได้สูง แต่แรงอัดความต้านทานแรงดึงค่อนข้างต่ำ มีราคาถูก และยังเป็นท่อป้องกันการกัดกร่อนได้ดี ท่อ PE แบ่งออกเป็น 2 ประเภทตามการใช้งาน คือ

    • ท่อ PE ที่ทนความต่อความหนาแน่นได้สูง
    • ท่อ PE ที่ทนต่อความหนาแน่นได้ต่ำ

    ความแตกต่างระหว่างท่อ PE และท่อ PVC

    แม้ว่าท่อทั้ง 2 ลักษณะนี้จะนำไปใช้ประโยชน์คล้ายกัน แต่รูปแบบที่นำไปใช้แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ท่อ PVC จะเหมาะกับงานเดินประปาและไฟฟ้าภายในบ้าน หรืออาคารขนาดกลาง อาคารสูงความยาวประมาณ 4  เมตร ขณะที่ท่อ PE เป็นท่อที่สามารถโค้งได้จำกัดและมีความยาวจำกัด เป็นท่อที่มีขนาดเล็กจึงนิยมใช้กับงานวางท่อขนาดเล็กเช่น งานสวน งานเกษตรและไม่เหมาะกับงานที่อยู่อาศัย นอกจากนี้ ด้านความทนทาน ท่อ PE จะเป็นท่อที่มีอายุการใช้งานนานกว่า ขณะที่ท่อ PVC จะทนทานต่อแสงแดดได้น้อยกว่าและแตกรั่วได้ง่ายกว่า ท่อ PE   สิ่งสำคัญในการวางท่อน้ำประปาได้อย่างถูกต้องและมีคุณภาพ ขึ้นอยู่กับคุณภาพของท่อน้ำและการเลือกใช้ประเภทท่อแต่ละแบบอย่างเหมาะสม

    25
    ท่อ HDPE (High Density Polyethylene) ผลิตมาจากตัวเรซินพอลิเอทิลีนที่มีความหนาแน่นสูง ทำให้เนื้อท่อมีคุณสมบัติที่เหนียวและแข็ง ไม่เปราะหรือแตกหักง่าย อีกทั้งตัวท่อมีการผสมสารป้องกันยูวี ทำให้สามารถทนต่อแดดได้อย่างดี รวมถึงยังทนทานต่อสารเคมี กรด ด่าง เกลือ อีกด้วย ทำให้สามารถนำไปใช้งานได้อย่างยาวนานโดยไม่ต้องกังวลว่าจะต้องซ่อมแซมในระยะสั้น ซึ่งท่อ HDPE จะต่างกับท่อ PVC และท่อประเภทอื่นๆ ตรงที่ท่อ HDPE จะมีความแข็งแรงและทนทานมากกว่าเมื่อต้องเผชิญกับสภาพอากาศที่รุนแรง มีต้นทุนที่ต่ำกว่า และสามารถทนต่อความร้อนได้มากกว่าท่อ PVC นอกจากนี้ท่อ HDPE ยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอีกด้วย

    คุณสมบัติสำคัญของท่อ HDPE

    • สามารถดัดให้โค้งงอได้ตามรูปทรงที่ต้องการโดยไม่ต้องใช้กาวต่อท่อ
    • ไม่เปราะหรือแตกหักง่าย ทำให้สามารถใช้งานได้อย่างยาวนาน
    • ตัวน้ำหนักของท่อ HDPE นั้นมีน้ำหนักเบา ทำให้สะดวกต่อการติดตั้งและขนส่ง
    • ผิวมีลักษณะที่เรียบมัน ทำให้ของเหลวสามารถไหลภายในท่อได้อย่างสะดวก เหมาะที่จะใช้เป็นท่อสำหรับจ่ายน้ำดื่มและของเหลวที่เป็นอาหาร

    ท่อ HDPE เหมาะกับการใช้งานประเภทใด

    โดยมากแล้ว ท่อ HDPE จะได้รับความนิยมในงานอุตสาหกรรม ระบบประปา งานเกษตรกรรม ท่อร้อยสายไฟฟ้าและสายเคเบิ้ล ท่อระบายน้ำทิ้งภายนอกอาคาร ไปจนถึงงานก่อสร้างต่างๆ ด้วยคุณสมบัติที่โดดเด่นทำให้ผู้รับเหมาและเจ้าของอุตสาหกรรมขนาดเล็กและขนาดใหญ่ต่างเลือกใช้งานท่อประเภทนี้เป็นหลัก

    วิธีเลือกใช้ท่อ HDPE ให้ได้คุณภาพ

    สำหรับท่อ HDPE จะมีเส้นคาดอยู่ 2 ประเภทด้วยกัน นั่นคือประเภทที่มีเส้นคาดสีฟ้า จะเป็นท่อสำหรับการใช้งานประปา และเส้นคาดสีส้ม เป็นท่อสำหรับการใช้งานไฟฟ้า ซึ่งความยาวของท่อนั้นจะมีให้เลือกทั้งแบบท่อนและแบบม้วน ทั้งความยาว 6 เมตร สำหรับแบบท่อน หรือแบบม้วนที่มีความยาว 50 เมตร 100 เมตร หรือ 200 เมตร ขึ้นอยู่ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางของท่อ และ ท่อ HDPE ที่ดีและได้มาตรฐาน ควรมีเครื่องหมาย มอก.982-2556 ควบคุมเอาไว้

    26
    วิธีดูท่อพีวีซีนั้น สำหรับมือใหม่หัดซื้ออาจจะงงว่า ต้องดูตรงไหน อะไร ยังไง เราขอแนะนำให้ยึดหลัก 4 ข้อดังนี้

    1.ขนาด หรือ ไซส์ (นิ้ว/หุน)

    ท่อพีวีซีทุกขนาดและทุกยี่ห้อ จะมีขนาดของท่อสกรีนไว้อย่างชัดเจนบนท่อ ซึ่งหน่วยที่เรียกบนท่อก็คือ นิ้ว (หรือศัพท์ช่างจะเรียกว่า “หุน”) ทำให้หลายคนมักเข้าใจผิดว่า เป็นหน่วยเดียวกันการใช้วัดแบบปกติ จึงนำไม้บรรทัดมาวัดกัน แต่ความจริงแล้วหน่วยนิ้วที่ใช้เรียกนั้นเป็นเพียงคำเรียกเฉยๆ เท่านั้น วิธีดูที่ถูกต้องก็คือ ให้ดูตัวเลขที่สกรีนบนท่อเลย


    2.ชั้นความดันท่อ PVC

    หลายท่านคงจะต้องเคยเจอคำถามเวาลที่ต้องไปซื้อท่อพีวีซีที่ร้าน ที่พนักงานมักจะสอบถามว่า “เอาแบบความดันท่อเท่าไร? หรือ Class อะไร? ” และต้องมีบางคนสงสัยว่า ความดันท่อพีวีซีคืออะไร และมีความสำคัญหรือไม่? วันนี้เฮียเชษฐจะมาคลายข้อสงสัยพร้อมทั้งสอนเทคนิคการเลือกใช้ท่อตาม Class และดูราคาท่อ PVCแบบฉบับของมืออาชีพให้ฟังกันครับ

    ชั้นความดันท่อ คือ มาตราฐานคุณภาพที่ถูกกำหนดไว้ เพื่อเป็นหน่วยวัดคุณภาพของท่อพีวีซีที่ได้มาตรฐาน และทำให้สามารถแบ่งประเภทการใช้งานได้อย่างเหมาะสม เพราะยิ่งท่ออยู่ Class ที่สูงขึ้น เนื้อท่อก็จะมีความหนามากยิ่งขึ้น ทำให้สามารถรับแรงดันน้ำได้มากยิ่งขึ้น

    class 13.5 ไซซ์นี้จะเป็นขนาดที่หนาที่สุด สามารถใช้ในอาคารหรือตึกใหญ่ๆ หรือ งานเกษตรที่ต้องใช้ท่อกลางแจ้ง ต้องตากแดดตากลมตลอดเวลา ควรจะเลือกใช้ท่อ Class นี้พราะจะทำให้ยืดอายุการใช้งานได้ดียิ่งขึ้น ไม่ต้องเปลี่ยนบ่อยๆ ครับ
    class 8.5 ไซซ์นี้เหมาะสำหรับใช้ในบ้านขนาดใหญ่ หรือ อาคารที่มีความสูง 5 ชั้นขึ้นไป
    class 5 เป็นไซซ์มาตรฐานที่ใช้ในบ้านและอาคารทั่วไป 




    3.สีของท่อ

    โดยปกติแล้วสีของท่อพีวีซีนั้น ไม่ได้สร้างขึ้นมาเพราะความสวยงาม แต่เป็นการแยกประเภทการใช้งานของท่อพีวีซีประเภทต่างๆ ให้ง่ายต่อเลือกใช้งาน และหากเลือกประเภทที่ถูกต้องก้จะช่วยให้ยืดอายุการใช้งานได้ยาวนาน ไม่ต้องเปลี่ยนบ่อยๆ ด้วยครับ หลักๆ จะแบ่งออกเป็นสีทั้งหมด 4 สี คือ

    ท่อพีวีซีสีฟ้า : มักจะนิยมนำมาใช้ในงานประปาสำหรับบริโภค อุปโภค และระบบปั้มน้ำ มีคุณสมบัติพิเศษคือ สามารถทนต่อสภาพอากาศได้ดี ป้องกันแสงยูวี และจะมีการแบ่งระดับการใช้งานไว้ 3 ระดับ เกณฐ์การแบ่งจะยึดตามความดันมาตรฐานของท่อ คือ Class 5 , 8.5 และ 13.5
    ท่อพีวีซีสีขาว : "ท่อขาว" นิยมนำมาใช้ในงานร้อยสายไฟและสายโทรศัพท์ เดินลอยบนผนังภายในตัวอาคารหรือตัวบ้านที่ต้องการเน้นความเป้นระเบียบและความสวยงามเป็นหลัก เนื่องจากสีของตัวท่อมีความกลมกลืนกับสีของผนังบ้าน และยังง่ายต่อการทาสีทับลงไป มีความทนทานต่อแสงยูวีสูง โดยท่อพีวีซีชนิดนี้จะมีการแบ่งออกเป็น 2 มาตรฐาน คือ JIS (มาตรฐานญี่ปุ่น) และ BS (มาตรฐานยุโรป)
    ท่อพีวีซีสีเทา : ท่อพีวีซี สีนี้มักจะนิยมใช้ในงานเกษตร งานท่อน้ำ หรือท่อระบายน้ำ ระบายน้ำสิ่งปฏิกูล สามารถรับแรงดันของน้ำได้น้อย ไม่มีคุณสมบัติป้องกันการลามไฟ ทำให้ราคาท่อค่อนข้างถูกกว่าชนิดอื่นๆ หากนำไปใช้ในโรงงานอุตสาหกรรมจะต้องคำนึงถึงความปลอดภัยด้านสิ่งแวดล้อมเป็นพิเศษซึ่งโดยปกติจะบังคับใช้ท่อตามมาตรฐาน มอก. 999-2533 เท่านั้น
    ท่อพีวีซีสีเหลือง : มักจะนิยมใช้ในงานประเภทร้อยสายไฟฟ้าและสายโทรศัพท์เหมือนกับท่อพีวีซีสีขาว แต่ท่อพีวีซีสีเหลืองจะมีความหนากว่าจึงมีความโดดเด่นเรื่องของการกันฉนวนไฟฟ้าได้ดี


    4.สัญลักษณ์คุณภาพ

    ท่อที่มีคุณภาพและได้รับการผลิตที่ได้มาตรฐานจะได้รับเครื่องหมาย มอก. ซึ่งเป็นมาตรฐานตามสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม เพราะหากเลือกใช้ท่อพีวีซีที่ไม่ได้รับที่มาตรฐาน มอก อาจจะทำให้อายุการใช้งานของท่อเสี่อมสภาพเร็ว ตัวท่ออาจจะแตกหรือเปราะง่าย เสี่ยงต่อสารเคมีตกค้าง และไม่สามารถกันชนวนไฟฟ้าได้ ทำให้เสี่ยงอันตรายถึงชีวิต

    27
    คุณอาจคิดว่าโลหะทั่วไปนั้นจะต้องมีลักษณะที่หนักหรือมีความหนาแน่นสูง ซึ่งนับว่าเป็นความคิดที่ถูกต้องสำหรับโลหะโดยส่วนใหญ่ แต่ยังมีโลหะบางชนิดที่เบากว่าน้ำและบางชนิดก็เบาเกือบเท่ากับอากาศ โลหะเหล่านี้ถูกเรียกว่า โลหะเบา (Light metal) ลักษณะพิเศษที่สำคัญของโลหะประเภทนี้คือ เป็นโลหะที่มีน้ำหนักอะตอมต่ำ อัตราส่วนความแข็งแรงต่อน้ำหนักสูง มีความหนาแน่นต่ำ โดยตํ่ากว่า 4 กรัมต่อลูกบาศก์กเซนติเมตร(g/cm3) และมีความเป็นพิษต่ำเมื่อเทียบกับโลหะหนัก ด้วยคุณสมบัติที่เบา โลหะชนิดนี้จึงมักถูกใช้เป็นวัสดุในอุตสาหกรรมการเดินเรือ การบินและอวกาศ การใช้งานทางการแพทย์ อุตสาหกรรมทางการทหาร ชิ้นส่วนเครื่องจักกล ตลอดจนภาคอุตสาหกรรมการผลิตอื่นๆ จึงนับได้ว่าโลหะเบามีประโยชน์ที่หลากหลายและได้เข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันของเราเป็นอย่างมาก

    หากสนใจเกี่ยวกับการ ปั๊มโลหะ อยู่ล่ะก็ ทาง Pisit metal work ของเรามี โรงงานปั๊มโลหะ คอยให้บริการนะครับ หากสนใจ สามารถคลิกเข้าไปเพื่อศึกษาเพิ่มเติมได้เลย

    ประเภทของโลหะเบา (Light metal)

           1. อะลูมีเนียม (Aluminium, Ai)


                            อะลูมิเนียมเป็นโลหะที่ไม่ใช่เหล็ก มีน้ำหนักเบา( หนัก 1 ใน 3 ของเหล็ก ) ได้มาจากการถลุงแร่บอกไซต์ (Bauxite) โดดเด่นในเรื่องของความแข็งแรง ความเหนียวและมีความต้านทานการกัดกร่อนที่ยอดเยี่ยม อะลูมิเนียมมีคุณสมบัติเป็นตัวนำความร้อนและไฟฟ้าที่ดี มีอุณหภูมิหลอมเหลวตํ่า(658 ° C) มีความเหนียวมาก สามารถขึ้นรูปด้วยกรรมวิธีต่างๆได้ง่าย สามารถรีดเป็นแผ่นได้ เคลือบผิวโลหะอื่นได้ดี เชื่อมและบัดกรีได้ นอกจากนี้อะลูมิเนียมไม่เป็นพิษกับร่างกายจึงมักถูกนำมาใช้เป็นวัสดุในการผลิตจำพวกภาชนะหุงต้มอาหาร กระป๋องใส่อาหาร แม้กระทั่งหลอดยาสีฟัน นอกจากนี้เรายังพบเห็นการใช้งานอะลูมิเนียมในชีวิตประจำวันทั่วไปได้แก่ ท่อเดินสายไฟ มุ้งลวด กรอบวงกบประตูขหน้าต่าง แผ่นสะท้อนความร้อน โคมไฟฟ้าหน้ารถยนต์ เป็นต้น

           2. แมกนีเซียม (Magnesium, Mg)


                            โลหะแมกนีเซียมได้จากการกระบวนการถลุงแมกนีเซียมออกไซด์ ที่ได้จากการเตรียมแมกนีเซียมไฮดอกไซด์ของน้ำทะเลและแมกนีเซียมคาร์บอเนตในแร่หินปูโดโลไมต์ เมื่อผ่านกระบวนการทางเคมีแล้วจะถูกแยกด้วยไฟฟ้าอีกครั้ง จนได้ผลผลิตสุดท้ายคือแมกนีเซียม คุณสมบัติโดยทั่วไปของแมกนีเซียมบริสุทธิ์คือ มีความแข็งแรงน้อย สามารถชุบแข็งได้ มีความเหนียวต่ำ ทนต่อแรงกัดกร่อนได้น้อย ดังนั้นการจะนำแมกนีเซียมไปใช้งานจึงมักจะนำไปผสมกับโลหะชนิดอื่นๆ จำพวก อะลูมิเนียม ตะกั่ว และสังกะสี ก่อนที่จะนำไปใช้ ส่วนใหญ่พบการนำแมกนีเซียมไปใช้งานในด้านอุตสาหกรรมยานยนต์ อุตสาหกรรมหล่อโลหะ และอุตสาหกรรมเคมี โดยเฉพาะใช้เป็นวัสดุผสม เพื่อป้องกันการเกิดออกซิเดชั่นในโลหะต่างๆ นอกจากนี้แมกนีเซียมยังสามารถรวมตัวกับออกซิเจนเกิดเป็นเปลวไฟอุณหภูมิสูงได้ง่าย จึงมักนำไปเป็นส่วนผสมของพลุและดอกไม้ไฟ

           3. ไทเทเนียม (Titanium, Ti)


                            ไทเทเนียมเป็นโลหะที่มีลักษณะเป็นของแข็ง มีสีเทาเงิน มันวาว เป็นตัวนำความร้อนและไฟฟ้าที่ดี ทนการกัดกร่อน มีจุดหลอมเหลวสูง (ประมาณ1,700 °C) มีคุณสมบัติทางกลคือทนต่อการผุพังสูง และมีน้ำหนักเบา เมื่อนําไทเทเนียมไปผสมในโลหะชนิดอื่นจึงทำให้โลหะนั้นมีคุณสมบัติความแข็งแรงสูง รัดขึ้นรูปง่าย มักพบการนำโลหะไทเทเนียมไปใช้ในอุตสาหกรรมทางทหารที่เกี่ยวข้องกับยุทโธปกรณ์หรือทางด้านวิศกรรมอากาศยาน โดยนำไปเป็นส่วนประกอบที่สำคัญของโครงสร้างจรวดและยานอวกาศ

    28
    สายไฟ vct คืออะไร

                VCT คือ สายไฟฟ้าประเภทนึงที่ช่างไฟฟ้านิยมเลือกใช้ติดตามอาคาร (สายมอก. : Building Wire) ฉนวนและเปลือกมีส่วนประกอบจากพีวีซี มีตัวนำไฟฟ้ามาจากแกนทองแดง มีทั้งแบบ 1 แกน 2 แกน 3 แกน และ 4 แกน สามารถทนต่อรับแรงดันไฟฟ้าได้ 450/750V ทนอุณหภูมิได้ประมาณ 70 องศา

    หากคุณกำลังสงสัยว่า สายไฟ แต่ละชนิด แต่ละยี่ห้อ มีราคาเท่าไหร่อยู่ล่ะก็ คลิกเข้าไปเพื่อศึกษาเพิ่มเติมต่อได้เลย

    โครงสร้างของสายไฟ VCT

                สายไฟ VCT จะมีตัวนำที่มีหน้าที่ส่งกระแสไฟฟ้ามีขนาดตั้งแต่ 4-35 sq.mm) เป็นทองแดงสายฝอย ส่วนฉนวนจะมีหน้าที่คือ ป้องกันไฟฟ้าลัดวงจร ซึ่งตัวสาย VCT จะอ้างอิงมตราฐาน มอก. 17-2553 เล่มที่ 101

    ข้อดีของสายไฟ VCT

                สามารถใช้งานได้นาน มีความอ่อนตัว ทนต่อสภาพการสั่นสะเทือนได้ดี "แต่สายไฟ VCT ธรรมดาไม่ควรนำไปฝังดินเพราะอาจก่อให้เกิดอันตรายได้" หากต้องการนำไปฝังดิน ควรใช้สายไฟ VCT-G ซึ่งเป็นสายไฟ VCT อีกประเภทที่มีการรวมสายดินลงไปด้วย ทำให้สามารถใช้งานฝังดินได้อย่างปลอดภัย

    ประเภทของสายVCT


    ** สาย VCT จะถูกผลิดขนาดเดียวคือ ขนาดตั้งแต่ 4-35 sq.mm เท่านั้น ส่วนสีจะถูกแบ่งตามมาตรฐานสีตาม มอก. 11-2553 ดังนี้ 

    สาย VCT แบบ 1 แกน : ไม่กำหนดสีฉนวน


    สาย VCT แบบ 2 แกน : กำหนดสีฟ้าและสีน้ำตาล


    สาย VCT แบบ 3 แกน : กำหนดสีน้ำตาล สำดำ และ สีเทา


    สาย VCT แบบ 4 แกน : กำหนดสีฟ้า สีน้ำตาล สีดำ และสีเทา


    สาย VCT แบบสายดิน 2 แกน : กำหนดสีเขียวแถบเหลือง สีฟ้า และสีน้ำตาล


    สาย VCT แบบสายดิน 3 แกน : กำหนดสีเขียวแถบเหลือง สีน้ำตาล สีดำ และสีเทา


    สายไฟ VCT ใช้เหมาะกับการใช้งานประเภทไหน?

                ส่วนใหญ่จะนิยมนำไปเดินบนรางเคเบิล ร้อยท่อฝังดิน ฝังดินโดยตรงก็ได้ ร้อยท่อฝังผนังคอนกรีต ร้อยท่อเดินใต้ฝ้า เดินร้อนท่อเกาะฝ้า เดินในช่องเดินสาย เดินลอยในอากาศ เดินตีกิ๊บ เดินบนฉนวนลูกถ้วย เดินบนราง Cable Tray ม Catle Ladder (ถ้าเป็นสายใช้สายแกนเดี่ยวที่มีเปลือกต้องมีขนาดไม่ต่ำกว่า  25 sq.mm ขึ้นไปเท่านั้น แต่หากเป็นสายหลานแกนสามารถวางได้ทุกขนาด) เดินในราง Wireway

    สายไฟฟ้าสามารถหมดอายุได้ หรือไม่

                สำหรับใครที่ค่อนข้างเป็นกังวลกับอายุการใช้งานสายไฟว่า จะสามารถใช้งานได้นานหรือไม่? ต้องเปลี่ยนสายบ่อยๆ หรืแเปล่า? ต้องบอกว่า ไม้ต้องเป็นกังวลเลยครับ เพราะสายไฟ VCT มีความแข้งแรงทนทนสูง เพราะฉนวนเปลือกชั้นนอกที่ใช้หุ้มสายไฟฟ้ามีส่วนประกอบของพีวีซีซึ่งเป็นพลาสติกชนิดหนึ่งที่มีความแข็งแรงทนทาน เนื้อเหนียว ทนต่อสภาพอากาศได้ดีมากๆ ส่งผลให้อายุการใช้งานยาวนาน ไม่น้อยกว่า 15-20 ปี ยิ่งหากเป็นสายไฟแบบร้อยท่อด้วยแล้วอายุการใช้งานไม่ต่ำกว่า 30 ปีเลยทีเดียว

                แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นการเลือกสายไฟก็มีความสำคัญมาก เพราะหากเลือกใช้งานไม่ถูกประเภท ไม่เหมาะกับการใช้งาน เช่น นำสายไฟไปตากแดดตากลม ถูกฝนบ่อยๆ หรือสายถูกกระแทก หรือขนาดไม่เหมาะสมต่อการใช้งาน สายไฟก็อาจจะมีอายุการใช้งานที่ต่ำไม่เกิน 10 ปี

    สายไฟอ่อนต่างกับสายไฟแข็งอย่างไร?

                สายอ่อน เป็นสายไฟที่มีแรงดันต่ำ มีความสามารถในการทนต่อแรงดันได้ไม่เกิน 750 โวลท์ ทนอุณหภูมิไม่เกิน 75 องศา ด้านในเป็นทองแดงฝอย มีหลายแบบทั้งแบบสายเดี่ยว, 2 แกน, 3 แกน และ 4 แกน ข้อดีคือ มีความยืดหยุ่นอ่อนตัวโค้งงอได้ดี สามารถนำไปใช้งานได้หลากหลาย

                สายแข็ง เป็นสายไฟที่มีแรงดันต่ำเช่นกัน  มีความสามารถในการทนแรงดันได้ไม่เกิน 750 โวลท์ ทนอุณหภูมิได้ 75 องศาเซล ภายในเป็นทองแดงเส้นใหญ่และฉนวนชั้นเดียวเป็น PVC โดยรวมแล้วสายไฟชนิดนี้จะค่อนข้างแข็ง ไม่มีความอ่อนตัว โค้งงอได้ยาก จึงไม่เหมาะกับงานที่ต้องใช้การปรับแต่งหรือโค้งงอบ่อยๆ เพราะอาจะเสี่ยงต่อกระแสไฟฟ้ารั่ว เป็นอันตรายต่อชีวิต เหมาะกับงานไฟที่ติดอยู่กับที่และต้องเป็นสถานที่แห้ง ไม่เปียกและไม่มีความชื้น


    29
    สายไฟฟ้า NYY คืออะไร?

    สายไฟฟ้า NYY เป็นสายไฟที่ถูกนำมาใช้งานกันอย่างแพร่หลาย เหมาะสมกับงานเดินท่อ ร้อยเป็นสายเมนไฟฟ้าของอาคารเพื่อใช้สำหรับวางฝังในดินโดยตรง โครงสร้างของสายไฟ NYY เป็นสายไฟที่มีฉนวน 2 ชั้น มีฉนวนภายในเป็นพีวีซีทำหน้าที่เป็นฉนวนหุ้มตัวนำเพื่อป้องกันกระแสไฟฟ้ารั่วก่อให้เกิดความเสียหาย ภายในเป็นทองแดงบริสุทธิ์นำไฟฟ้าได้ดี สามารถทนความชื้นได้สูง สามารถใช้ฝังดินได้โดยตรงแบบสายเปล่าๆ เลย หรือจะร้อยท่อฝังดินก็ได้เพราะว่าสายไฟ NYY มีการหุ้มเปลือกกันฉนวนถึง 2 ชั้นและมีชั้นที่หนากว่าสายไฟชนิดอื่นๆ ทนความร้อนได้สูงสุดถึง 70 องศา ทนแรงดันไฟฟ้าได้สูงสุด 450/750V มีทั้งแบบแกนเดียวแบบหลายแกน แบบหลายแกนมีสายดิน

    หากคุณกำลังสงสัยว่า สายไฟ แต่ละชนิด แต่ละยี่ห้อ มีราคาเท่าไหร่อยู่ล่ะก็ คลิกเข้าไปเพื่อศึกษาเพิ่มเติมต่อได้เลย

    ประเภทของสายไฟฟ้า NYY
     
              1.สายไฟฟ้า NYY แบบมีแกนเดียว

                             สายไฟฟ้า NYYแกนเดียว หรือ Single Core มาตราฐาน มอก.11 เล่ม 101-2553 เป็นสายไฟประเภทตัวนำทองแดงแกนเดียวหุ้มสายไฟด้วยฉนวนและเปลือกด้วยพีวีซีที่มีชั้นและความหาชนาพิเศษ สามารถใช้งานในแรงดันไฟฟ้าไม่เกิน 450/750V และทนอุณหภูมิได้ไม่เกิน 70 องศาเซลเซียส มีขนาด 1-500 sq.mm

              2.สายไฟฟ้า NYY แบบมีหลายแกน

                             สายไฟฟ้า NYY มาตราฐาน มอก.11 เล่ม 4 - 2553 มีให้เลือกแบบ 2 แกน 3  และ 4 แกน สายไฟ  60227 IEC10 NYY มีตัวนำทองแดงหลายแกนหุ้มด้วยฉนวนและเปลือกนอกด้วยพีวีซีสองชั้น ทนแรงดันไฟฟ้าได้ไม่เกิน 300/500V ทนอุณหภูมิได้ไม่เกิน 70 องศาเซลเซียส มีขนาด 50-300 sq.mm

              3.สายไฟฟ้า NYY หลายแกนแบบมีสายดิน (NYY-G)

                             มีให้เลือกแบบ 2 แกน 3  และ 4 แกน มีขนาด 25-300 sq.mm โดยสายดินจะมีขนาดเพียงครึ่งนึงของสายเฟส

    ** ซึ่งในสายไฟฟ้า NYY แบบ 2 แกน 3 แกน และ 4 แกนนั้นจะไม่มีเบอร์ 1 - 35 sq.mm  จะไม่มีผลิต ดังนั้นหากต้องการใช้ขนาดนี้ สามาถใช้สาย NYY แบบ 1 แกนแต่เพิ่มจำนวนเส้นแทน หรือ ใช้สาย VCT หรือ สาย CV (0.6-1 KV) แทนได้

    สีของสายไฟ NYY

              สำหรับสีของสายไฟ NYY นั้นสามารถใช้อ้างอิงตาม มอก.11-2553 ได้ดังนี้          
         
    • เฟส 1 กำหนดให้ใช้สีน้ำตาล
    • เฟส 2 กำหนดให้ใช้สีดำ
    • เฟส 3 กำหนดให้ใช้เทา
    • นัวทรัส กำหนดให้ใช้สีฟ้า
    • สายดิน กำหนดให้ใช้สีเขียวแถบเหลือง

    การใช้งานสายไฟฟ้า NYY

                 สายไฟฟ้า NYY สามารถใช้งานได้ทั้งภายในและภายนอกอาคาร เดินบนราง Cable และ wirewey ได้ สามารถฝังดินได้โดยตรง หรือหากจะนำไปร้อยสายท่อ ก็ควรเลือกใช้ท่อ PVC ท่อ uPVC หรือ ท่อ HDPE จะดีกว่าการร้อยด้วยท่อเหล็ก เพราะว่าเสี่ยงต่อการเกิดการชำรุดจากการเกิดสลิ่มที่ตัวท่อ

    ข้อควรระวังการใช้สายไฟฟ้า NYY

                 สายไฟฟ้า NYY  ไม่เหมาะที่จะนำไปดัด หรือโค้งงอมากนัก เนื่องจากเสี่ยงต่อการหักสูง ที่ถึงแม้ว่า จะไม่ใช่สายแข็งอย่างสาย THW แต่ภายในสายไฟฟ้า NYY ก็ทำมาจากแกนทองแดงตีเกลียว ดังนั้นจึงสามารถหักงอได้บ้าง แต่ได้ไม่มากครับ และควรระมัดระวังการวางสายในบริเวณนั้นอาจจะมีแรงกระทกที่สั่นสะเทือนสูง เพราะอาจก่อให้เกิดการชำรุดของสายได้

    สายไฟฟ้า IEC10 กับสาย NYY แตกต่างอย่างไร ??


    นอกจากนี้ยังการกำหนดข้อกำหนดของการใช้งานตัวนำไฟฟ้าทองแดง หุ้มฉนวนพีวีซีตามที่ระบุไว้ใน มอก.11-2553 ก็คือ สายไฟฟ้า NYY นั้นสามารถใช้งานได้ทั้งการเดินในอากาศ เดินบนราง Cable และ wirewey เดินท่อภายในและภายนอกอาคารได้เหมือนกัน แต่ที่แตกต่างกันก็คือ สายไฟฟ้า IEC10 จะไม่สามารถนำไปฝังดินโดยตรงหรือร้อยฝังในท่อได้ เนื่องจากการทนต่อแรงดันไฟฟ้าและแรงสั่นสะเทือนนั้น สายไฟฟ้า NYY สามารถทนได้ดีมากกว่า (450/750V) สายไฟฟ้า IEC10 ที่ทนได้เพียง 300/500V เท่านั้น และนอกจากนี้ฉนวนหุ้มสายไฟฟ้า IEC10 ยังไม่ได้ถูกออกแบบให้สามารถฝังดินหรือร้อยท่อฝังดินได้

    ซึ่งตรงนี้ผู้ที่กำลังหาซื้อ หรือมือใหม่อาจจะเข้าใจผิดได้ง่าย ดังนั้นจุดสังเกตก็คือ ให้สังเกตที่อักษรกำกับบนสายไฟครับ ว่า ระบุแรงดันไฟฟ้าไว้ที่เท่าไร หากต้องการทำไปฝังดิน ควรเลือกใช้สายที่ระบุแรงดันไฟฟ้าที่ไม่ต่ำกว่า 450/750V เท่านั้น

    30
    อย่างที่รู้ดีกันอยู่แล้วว่า ผลิตภัณฑ์โดยส่วนใหญ่ ที่อยู่รอบ ๆ ตัวเรานี้ จะถูกผลิตขึ้นทีละจำนวนมาก ๆ และด้วยกรรมวิธีนี้นี่เอง จึงทำให้เราได้ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีราคาถูก ด้วยการใช้งานปั๊มขึ้นรูป นั่นเอง ถือเป็นอีกหนึ่งวิธี ที่จะช่วยให้ผลิตสินค้าขึ้นได้เป็นจำนวนมาก ๆ

    หากสนใจเกี่ยวกับการ ปั๊มโลหะ อยู่ล่ะก็ ทาง Pisit metal work ของเรามี โรงงานปั๊มโลหะ คอยให้บริการนะครับ หากสนใจ สามารถคลิกเข้าไปเพื่อศึกษาเพิ่มเติมได้เลย

    งานปั๊มขึ้นรูป คืออะไร

                   สำหรับงานปั๊มขึ้นรูป คือ การขึ้นรูปโดยการงอ หรือตัด แผ่นโลหะบาง ๆ ให้ได้รูปทรงตามที่ต้องการ แต่สิ่งจำเป็นที่ต้องมีในงานปั๊มขึ้นรูป มีรายละเอียดดังต่อไป

                         1.ต้องเป็นงานที่มีคุณภาพดี รวดเร็ว ที่สำคัญ ต้องมีต้นทุนที่ราคาไม่แพงมากนัก
                         2.ต้องง่ายต่อการเตรียมเครื่องมือ ไม่ว่าจะเป็นวัตถุดิบที่ต้องใช้ในการทำผลิตภัณฑ์ หรือ ง่ายต่อเครื่องจักรที่ต้องใช้ปั๊มขึ้นรูป
                         3.ต้องเป็นรูปทรงที่สามารถปั๊มขึ้นรูป ด้วยการงอ หรือการตัด และต้องสร้างรูปทรงขึ้นได้


                   เมื่อได้รายละเอียดดัง 3 ข้อนี้แล้ว จะช่วยให้การออกแบบ หรือผลิตสินค้าได้ง่ายยิ่งขึ้น อีกทั้งยังมีประสิทธิภาพที่ดีอีกด้วย แต่สิ่งหนึ่งที่ลืมไม่ได้เลยก็คือ สภาพแวดล้อมในการผลิตปั๊มขึ้นรูป ถือเป็นเรื่องสำคัญอีกหนึ่งเรื่อง ที่เราควรต้องพิจารณา

    องค์ประกอบของงานปั๊มขึ้นรูป มีอะไรบ้าง

                   สำหรับองค์ประกอบสำคัญในงานปั๊มขึ้นรูปคือ เครื่องปั๊ม, วัสดุงาน (หรือที่เรียกกันว่า วัตถุดิบ ที่ต้องนำมาใช้ในการขึ้นรูปผลิตภัณฑ์) และแม่พิมพ์ ซึ่งถ้าให้อธิบายงานปั๊มขึ้นรูปในเชิงเทคนิคแล้วนั้น คือการวางวัสดุงาน ระหว่างเครื่องที่เป็นคู่ หรืออาจมากกว่านั้น แต่เมื่อเครื่องมือเพิ่มแรงลงไปที่วัสดุงานมาก อาจทำให้วัสดุงานชิ้นนั้น ไม่สามารถกลับมาเป็นรูปทรงเดิมได้อีก แต่ในความเป็นจริงแล้วนั้น การปั๊มขึ้นรูป จะมีความปราณีตในตัวสินค้ามากกว่า เพื่อให้ชิ้นงานออกมามีประสิทธิภาพ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ต้องอาศัยองค์ประกอบทั้ง 3 ประการ คือ เครื่องปั๊ม แม่พิมพ์ และวัสดุงาน เพื่อให้งานที่ออกมานั้น มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

    ขั้นตอนวิธีงานปั๊มขึ้นรูป

                   สำหรับขั้นตอนการปั๊มขึ้นรูป แม่พิมพ์ที่ติดอยู่กับเครื่องปั๊มนั้น จะเคลื่อนไหวขึ้นลง โดยการใช้เวลาปั๊มลงที่วัสดุงาน เพียงแค่ 2 – 3 วินาทีเท่านั้น ซึ่งหากดูเผิน ๆ แล้วนั้น อาจดูเหมือนว่าเป็นเรื่องง่าย แต่ในความเป็นจริงแล้วนั้น การที่งานปั๊มขึ้นรูปจะสำเร็จไปได้ด้วยดีนั้น อย่างที่เราได้กล่าวไปข้างต้นแล้วว่า ต้องอาศัย 3 องค์ประกอบที่ดี นั่นคือ เครื่องปั๊ม แม่พิมพ์ และวัสดุงาน ดังนั้นแล้ว จึงสรุปได้ว่า งานปั๊มขึ้นรูปจะดีได้ ต้องใส่ใจกับภาพรวมของกระบวนการปั๊มขึ้นรูปทั้งหมด นั่นเอง



    31
    หากคุณกำลังจะสั่งผลิตชิ้นส่วนเครื่องจักรโลหะ เครื่องพิมพ์โลหะ ตลอดจนแม่พิมพ์โลหะสักชิ้น แต่ยังไม่รู้จักการผลิตแม่พิมพ์โลหะที่ดีพอ วันนี้ Pisit Metal Work จะพาทุกคนมาทำความรู้จัก กระบวนการผลิตแม่พิมพ์โลหะกันมากขึ้น

    หากสนใจเกี่ยวกับการ ปั๊มโลหะ อยู่ล่ะก็ ทาง Pisit metal work ของเรามี โรงงานปั๊มโลหะ คอยให้บริการนะครับ หากสนใจ สามารถคลิกเข้าไปเพื่อศึกษาเพิ่มเติมได้เลย

    มาทำความรู้จัก การขึ้นรูปโลหะ

    การขึ้นรูปโลหะ (Metal Forming Process) เป็นกระบวนการที่เปลี่ยนแปลงรูปร่าง วัตถุดิบประเภทโลหะ ให้ได้รูปร่างตามต้องการ โดยใช้แม่พิมพ์หรือเครื่องมือเฉพาะ เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ ชิ้นส่วนโลหะ แม่พิมพ์โลหะสำหรับใช้ในโรงงานอุตสาหกรรม โดยเหล็กทุกชิ้นจะต้องผ่านกระบวนการแปรรูปมาก่อน เช่น  แม่พิมพ์ตัวตอก  แม่พิมพ์ซิงเกิ้ลดาย (Single Die) แม่พิมพ์ซิงเกิ้ลดาย (Single Die) แม่พิมพ์ตัดเฉือน (Shaearing Die) ตลอดจนเหล็กกล่องที่ใช้สำหรับทำตู้

    วิธีการขึ้นรูปโลหะ (Metal Forming Process)

                    การขึ้นรูปโลหะ (Metal Forming Process) เป็นกระบวนการที่เปลี่ยนแปลงรูปร่าง วัตถุดิบประเภทโลหะ ให้ได้รูปร่างตามต้องการ โดยใช้แม่พิมพ์หรือเครื่องมือเฉพาะ เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ ชิ้นส่วนโลหะ แม่พิมพ์โลหะสำหรับใช้ในโรงงานอุตสาหกรรม โดยเหล็กทุกชิ้นจะต้องผ่านกระบวนการแปรรูปมาก่อน เช่น  แม่พิมพ์ตัวตอก  แม่พิมพ์ซิงเกิ้ลดาย (Single Die) แม่พิมพ์ซิงเกิ้ลดาย (Single Die) แม่พิมพ์ตัดเฉือน (Shaearing Die) ตลอดจนเหล็กกล่องที่ใช้สำหรับทำตู้

    สั่งผลิตแม่พิมพ์โลหะ เลือกเจ้าไหนดี   

                    การเลือกสั่งผลิตเครื่องเครื่องจักรโลหะ แม่พิมพ์โลหะสำหรับโรงงาน มักเป็นเรื่องยากหากคุณไม่มีความรู้เรื่องนี้มาก่อน วันนี้พิศิษฐ์ โลหะกิจ มีเทคนิคเลือกบริษัทรับผลิตแม่พิมพ์โลหะมาบอกกัน

                                       1. เช็ควัสดุที่เลือกใช้ในการผลิต  เพราะวัสดุแต่ละชนิดมีคุณสมบัติ และกลไกการเปลี่ยนรูปไม่เหมือนกัน การเลือกโลหะที่มีคุณภาพดีจะทำให้แม่พิมพ์โลหะมีความทนทาน และเกิดความเสียหายหลังผลิตได้น้อย

                                       2. เช็ควัสดุหลังการขึ้นรูป บ่อยครั้งลูกค้ารู้เพียงว่า เป็นวัสดุเหล็กคุณภาพ แต่หลังจากขึ้นงานแล้วผิวสัมผัสของชิ้นงานเกิดมีตำหนิขึ้น แนะนำว่า ก่อนการผลิตให้สอบถามเรื่องลักษณะพื้นผิวสัมผัสและการรับประกันชิ้นงาน หลังผลิตด้วยทุกครั้ง

                                       3. ทำความเข้าใจกระบวนการผลิตแม่พิมพ์ หากคุณรู้กระบวนผลิตแม่พิมพ์เบื้องต้น จะช่วยให้คุณเข้าใจวิธีการขึ้นรูปโลหะ และการเลือกวัสดุที่ใช้ในการผลิตที่มีคุณภาพได้ด้วยตัวเอง
     
                                       4. ขอข้อมูลเรื่องเครื่องปั้มแม่พิมพ์ เหตุผลหนึ่งที่ช่วยให้คุณได้งานแม่พิมพ์โลหะที่มีคุณภาพตามต้องการ มาจาก เครื่องปั้มแม่พิมพ์ที่เหมาะสม และสามารถขึ้นรูปโลหะได้อย่างถูกต้อง แนะนำว่าให้คุณลองปรึกษา สอบถามทีมช่างเกี่ยวกับเครื่องปั้มแม่พิมพ์ด้วยทุกครั้ง เพื่อให้คุณเข้าใจกระบวนการผลิตแม่พิมพ์ที่ถูกค้องในครั้งต่อไป
                             

    32
    ค.ศ. 1778 โดยนักเคมีชาวสวีเดนชื่อ Karl W. Scheel เป็นคนแรกที่ค้นพบแร่โมลิบดีไลต์ (Molybdenite) โดยปรกติแล้วนั้นเราจะไม่พบธาตุโมลิบดินัมในรูปแบบของธาตุอิสระในธรรมชาติ แต่จะพบในรูปของสารประกอบที่เรียกกันว่าแร่โมลิบดีไลต์ (MoS2) ซึ่งแร่ชนิดนี้ถือได้ว่าเป็นแหล่งที่มาหลักของโมลิบดินัม

    หากสนใจเกี่ยวกับการ ปั๊มโลหะ อยู่ล่ะก็ ทาง Pisit metal work ของเรามี โรงงานปั๊มโลหะ คอยให้บริการนะครับ หากสนใจ สามารถคลิกเข้าไปเพื่อศึกษาเพิ่มเติมได้เลย

                นอกจากนี้เรายังพบโมลิบดินัมในแร่ เพาเวลไลต์ (Powellite, Ca(Mo)O4) และแร่วุลฟีไนต์ (Wulfenite, PbMoO4) อีกด้วยเช่นกัน ต่อมาในปี ค.ศ.1782  นักวิทยาศาสตร์ชื่อ P.J.Hjelm คือคนแรกที่สามารถสกัดเอาโมลิบดินัมอิสระออกมาได้ด้วยการนำคาร์บอนไปทำปฏิกิริยาออกไซด์กับธาตุชนิดนี้ในบรรยากาศที่ไร้ออกซิเจน ทำให้ได้ผลผลิตสุดท้ายออกมาเป็นผงโลหะสีเข้ม ซึ่งก็คือโมลิบดีนัมนั่นเอง

                โมลิบดีนัมเป็นธาตุที่มีคุณสมบัติโดดเด่น ในเรื่องของความแข็งแรง มีความเหนียว ทนต่อการกัดกร่อน มีจุดหลอมเหลวที่สูงถึง 2996 องศาเซลเซียส มีค่าสัมประสิทธิ์การขยายตัวต่ำ นำความร้อนและนำไฟฟ้าได้ดีจึงมักถูกนำไปใช้งานในเชิงพาณิชย์ไม่ว่าจะเป็น การเตรียมสารเคมี อุตสาหกรรมสี อุตสาหกรรมเซรามิกส์ และอุตสาหกรรมเหล็ก เป็นต้น โดยแหล่งผลิตโมลิบดินัมรายใหญ่มีแหล่งการผลิตมาจาก จีน ชิลี และสหรัฐอเมริกา

                โมลิบดินัมเริ่มใช้กันอย่างแพร่หลายตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่ 1 ปัจจุบันมีการใช้กันอย่างกว้างขวาง กว่า 85% ของโมลิบดินัมที่ผลิตได้จะถูกใช้ในอุตสาหกรรมโลหะผสมที่มีเหล็กเป็นฐาน เช่น การผลิตเหล็กปลอดสนิม เหล็กกล้า และเหล็กหล่อ เมื่อผสมโมลิบดินัมลงในเหล็กแล้ว จะช่วยเพิ่มคุณสมบัติให้เหล็กดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็น การเพิ่มความแข็งแกร่งและความเหนียวสามารถทำให้เหล็กทนต่อแรงกดได้ถึง 300,000 ปอนด์ต่อตารางนิ้ว เพิ่มความต้านทานแรงดึงและความต้านทานการคืบ ส่งเสริมความสามารถในการชุบแข็ง ทนทานต่อการกัดกร่อนและการเกิดสนิมซึ่งเป็นประโยชน์สำหรับเหล็กที่ใช้ในท่อหรือสภาพแวดล้อมทางทะเล ทำให้การหล่อขึ้นรูปง่ายขึ้น การใช้โมลิบดีนัมในปริมาณเล็กน้อย (เพียง1 เปอร์เซ็นต์หรือน้อยกว่า) ก็สามารถเพิ่มคุณสมบัติความทนทานต่อการขัดถูให้สูงขึ้นได้อีกด้วย

                นอกจากนี้ยังพบการผสมโมลิบดีนัม ในโลหะผสมประเภทเหล็กกล้าไร้สนิม(Stainless Steel Alloy) เพื่อใช้ผลิตอุปกรณ์และโครงสร้างสำหรับโรงงานผลิตยาและเคมี รวมไปถึงเป็นส่วนประกอบของรถบรรทุกน้ำมัน โมลิบดีนัมยังผสมกับเหล็กเพื่อผลิต สว่าน, เลื่อย, เครื่องยนต์เจ็ทและกังหันผลิตไฟฟ้า แผ่นเหล็กโลหะผสมโครเมียมและโมลิบดีนัมมักถูกใช้ในท่อไอเสียและชิ้นส่วนยานยนต์อื่น ๆ นอกจากนี้โมลิบดีนัมยังถูกผสมกับเหล็กหล่อ (Cast Iron)  เพื่อผลิตหัวกระบอกสูบมอเตอร์และท่อไอเสียซึ่งช่วยให้เครื่องยนต์ของยานพาหนะทำงานได้ร้อนขึ้นและลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนได้ดี

    33
    เมื่อพูดถึงโลหะเราสามารถอธิบายได้หลากหลายรูปแบบ โลหะบางชนิดอาจเหนียว บางชนิดอาจเปราะ โลหะอื่น ๆ อาจเป็นแม่เหล็กและบางชนิดไม่มีแม่เหล็กเลย สิ่งที่กล่าวมาล้วนเป็นความแตกต่างที่สำคัญ แต่อย่างไรก็ตามเมื่อจัดประเภทโลหะแล้ว ความแตกต่างที่สำคัญที่สุดประการหนึ่งที่ควรสังเกตคือโลหะนั้นเป็นโลหะเหล็กหรือโลหะที่ไม่ใช่เหล็ก

    หากสนใจเกี่ยวกับการ ปั๊มโลหะ อยู่ล่ะก็ ทาง Pisit metal work ของเรามี โรงงานปั๊มโลหะ คอยให้บริการนะครับ หากสนใจ สามารถคลิกเข้าไปเพื่อศึกษาเพิ่มเติมได้เลย

    เมื่อพูดถึงคำว่า “โลหะเหล็ก (Ferrous Metal)” มักมีความหมายว่าโลหะนั้นๆ มีเหล็กเป็นองค์ประกอบที่มีสัดส่วนมาก ถือเป็นโลหะพื้นฐาน (base metal) นอกเหนือจากส่วนผสมอื่นๆที่มักจะมีปริมาณน้อยกว่า เหล็กเป็นธาตุโลหะที่มีประมาณ 4.5% ในเปลือกโลกโดยส่วนใหญ่จะอยู่ในรูปของออกไซด์ (Oxide, Fe2O3), คาร์บอนเนต, ซิลิเกตและซัลไฟด์ แร่เหล็กที่มีความสำคัญต่ออุตสาหกรรมการผลิตเหล็กมีอยู่ 5 ชนิด ได้แก่ แร่เหล็กแมกเนไทท์ (Magnetite) แร่เหล็กเฮมาไทท์ (Hematite) แร่เหล็กลิโมไนท์ (Limonite) แร่เหล็กซิเดอไรท์ (Siderite) และแร่เหล็กไพไรท์ (Pyrite) แร่เหล็กบริสุทธิ์ที่ได้จากการถลุงนั้นไม่มีความแข็งแรง อ่อนตัว และมีคุณสมบัติเชิงกลที่ไม่ดีนัก จึงต้องนำไปผสมกับส่วนประกอบอื่นๆ เพื่อเพิ่มคุณภาพให้กลายเป็นโลหะเหล็กที่มีคุณสมบัติเหมาะกับการนำไปใช้งานในด้านต่าง ๆ

    ตัวอย่างของโลหะเหล็ก (Ferrous Metal)
         
           เหล็กกล้าคาร์บอน (Carbon Steel)
                 เหล็กกล้าคาร์บอนส่วนใหญ่ประกอบด้วยเหล็กมากกว่า 90% และมีคาร์บอนผสมอยู่ไม่เกิน 1.7 % และอาจมีธาตุอื่นๆ จำพวกแมงกานีส ฟอสฟอรัส กำมะถัน ผสมอยู่ด้วยในปริมาณเล็กน้อย เหล็กกล้าคาร์บอนมีการใช้งานกันอย่างแพร่หลายเนื่องจากราคาถูก สามารถขึ้นรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆได้ง่าย มักพบการใช้งานในรูปของโครงสร้างเฟอร์นิเจอร์และส่วนประกอบยานยนต์

           เหล็กกล้าไร้สนิม (Stainless Steel)
                 เหล็กกล้าไร้สนิมเป็นโลหะเหล็กอีกกลุ่มหนึ่งที่นิยมใช้กันโดยทั่วไป เหล็กกล้าไร้สนิมมีการเติมโครเมียม (chromium) ลงไปในปริมาณที่สูง ซึ่งช่วยให้ต้านทานการกัดกร่อนได้ดีกว่าเหล็กกล้าคาร์บอน เหล็กกล้าไร้สนิมสามารถแยกออกเป็นกลุ่มย่อยได้อีกคือ เหล็กกล้าไร้สนิมออสเทนนิติก(Austenitic) มีความต้านทานการกัดกร่อนมากที่สุดโดยมีนิกเกิล (Ni) และโครเมียม (Cr) ในปริมาณสูง นอกจากนี้ยังมีเหล็กกล้าไร้สนิมเฟอร์ริติก(Ferritic), มาร์เทนซิติก(Martensitic) และดูเพล็กซ์ (Duplex) เหล็กกล้าไร้สนิมแต่ละชนิดต่างก็มีข้อดีและข้อเสียของตัวเองขึ้นอยู่กับการใช้งาน ส่วนใหญ่มักนำไปใช้ในงานที่มีความเกี่ยวข้องกับอุปกรณ์ยาและการแพทย์ เครื่องจักรแปรรูปอาหาร รวมไปถึงอุปกรณ์เกรดอาหาร

          เหล็กหล่อ (Cast Iron)
                 เหล็กหล่อเป็นโลหะเหล็กชนิดหนึ่งที่มีคาร์บอนมากกว่าชนิดอื่น ๆ โดยมีคาร์บอนผสมตั้งแต่ 2% ขึ้นไป สิ่งนี้ทำให้เหล็กหล่อมีความแข็งแรงสูง แต่ถึงแม้ว่าจะมีความแข็งแรงดีแต่ก็ค่อนข้างเปราะ นอกจากนี้ยังเป็นโลหะเหล็กที่มีจุดหลอมเหลวต่ำกว่าเหล็กบริสุทธิ์มากทำให้เหมาะแก่การนำมาหล่อขึ้นรูป การใช้งานทั่วไปของเหล็กหล่อ ได้แก่ เครื่องครัวส่วนประกอบขนาดเล็ก เช่นเฟืองแท่ง หมุด และอุปกรณ์ขุดต่างๆ

          เหล็กกล้าผสม (Alloy Steel)
                 เป็นโลหะเหล็กชนิดหนึ่งที่มีการเติมธาตุอื่นๆที่ไม่ใช่คาร์บอนลงไปในเหล็ก โดยธาตุต่างๆเหล่านั้นได้แก่ โคบอลต์ ไทเทเนียม นิกเกิล ซิลิกอน วาเนเดียม โมลิบดินัม ทองแดง เป็นต้น ทำให้เหล็กกล้าผสมมีคุณสมบัติอื่นๆที่สูงขึ้น ไม่ว่าจะเป็น ความแข็งแรงทนทาน ความเหนียว ทนต่อการกัดกร่อน มีคุณสมบัติทางไฟฟ้าที่พิเศษ รวมไปถึงทนต่ออุณหภูมิที่สูงมากๆ ด้วยคุณสมบัติเหล่านี้ทำให้เหล็กกล้าผสมมีราคาแพงกว่าเหล็กกล้าคาร์บอน มักนำมาใช้งานในเครื่องมือแม่พิมพ์และอุปกรณ์เครื่องจักรกล

    34
    หากคุณเป็นมือใหม่ ที่กำลังหัดซื้อท่อพีวีซีอยู่ เชื่อว่าหลายๆ ท่านจะต้องรู้จักงุนงง ไม่มากก็น้อยว่า ควรเลือกท่อพีวีซีแบบไหน ชนิดไหนดีกว่ากัน เพราะท่อพีวีซีนั้นมีหลากหลายแบบ หลายหลายขนาด และมีมากกว่า 1 สี ซึ่งวันนี้เฮียเชษฐจะมาช่วยให้คุณมีความรู้ ความเข้าใจ และช่วยไขข้อสงสัยได้ว่า วิธีเลือกท่อพีวีซีอย่างถูกต้อง เหมือนมือโปรนั่นต้องทำอย่างไร

    หากคุณสนใจ ท่อ PVC แล้วล่ะก็ ทางเรามีบริการอยู่นะครับ หากสนใจ คลิกเลย

    ท่อ PVC คืออะไร?

    ก่อนที่จะพูดถึงวิธีเลือกท่อพีวีซี เฮียเชษฐจะขออนุญาตอธิบายให้ผู้ที่ยังไม่ค่อยมีความเข้าใจเกี่ยวกับท่อพีวีซีฟังให้เข้าใจซะก่อน เพราะหลายท่านเข้าใจว่า ท่อพีวีซีคือท่อพลาสติกธรรมดาๆ ซึ่งเป็นความเชื่อที่ถูกเพียงครึ่งเดียวเท่านั้น เพราะจริงๆ แล้วท่อ PVC คือ ท่อที่ผลิตจากสารพอลิไวนิลคลอไรด์ (Polyvinylchloride) ซึ่งเป็นพลาสติกชนิดหนึ่งที่ใช้ในงานอุตสาหกรรม มีความแข็งแรงทนทานมากกวาพลาสติกทั่วไป มีคุณสมบุติทนความร้อนและความเป็นกรด-ด่าง ทนต่อความชื้นได้ดี เป็นชนวนกันความร้อน อดทนต่อแรงดันและแรงกดได้ดี สามารถใช้งานได้อย่างยาวนาน ป้องกันรังสียูวี มีน้ำหนักเบาและราคาถูก

    ด้วยเหตุผลข้างต้นจึงทำให้ปัจจุบันนิยมนำท่อพีวีซีมาใช้กันอย่างแพร่หลาย ทั้งในงานการก่อสร้าง งานประปา งานระบบไฟฟ้า งานปศุสัตว์และงานเกษตร แต่ว่าท่อพีวีซีแต่ละชนิด ขนาดของท่อ ชั้น (Class) ก็ถูกแบ่งแยกออกมาตามวัตถุประสงค์ในการใช้ ซึ่งผู้ใช้หรือผู้รับเหมาจึงจำเป็นต้องมีความรู้และเลือกใช้ให้ถูกต้องเพื่อประโยชน์ในการใช้งานสูงสุด

    ประโยชน์ของท่อ PVC

    1.แข็งแรง ทนทาน เพราะผลิตจากเม็ดพลาสติก จึงมีความเหนียว ยืดหยุ่นได้ดี ไม่เปราะง่าย ยากต่อการแตกหัก และรับแรงดันจากน้ำได้เป็นอย่างดี
    2.สะอาด ปราศจากสารพิษ เนื่องจากวัสดุที่ใช้ในการผลิตเป็นแบบปลอดสารพิษทั้งหมด
    3.ไม่ก่อให้เกิดสารปนเปื้อน เช่น สนิม ทำให้ปลอดภัยกว่าท่อเหล็ก
    4.สะดวกในการขนส่ง และติดตั้งง่าย เพราะน้ำหนักเบากว่าท่อเหล็กถึง 5 เท่า
    5.ไม่ลามไฟ และเป็นตัวนำไฟฟ้าเหมือนท่อเหล็ก เนื่องจากผลิตจากพีวีซี
    6.ไม่เป็นสนิม ไม่รั่ว ด้วยคุณสมบัติพิเศษของพีวีซี
    7.ทนต่อแสง UV ทำให้ท่อไม่กรอบหรือแตกหักง่าย เพราะมีส่วนผสมของไทเทเนี่ยมไดออกไซด์

    อายุการของท่อพีวีซี

    ท่อพีวีซีทุกชนิดมักมีอายุใช้งานที่ยาวนานถึง 50 ปี เพราะมีความแข็งแรง คงทน ทนแดดทนฝน และไม่เกิดสนิมเหมือนกับท่อเหล็ก แต่อย่างไรก็ตามก็ขึ้นอยู่กับหลายๆ ปัจจัย เช่น ต้องผลิตอย่างมีคุณภาพ ชั้นความหนาของท่อ และการนำไปใช้งาน เพราะหากเลือกใช้ท่อผิดประเภท ไม่เหมาะแก้การใช้งานน้้ันๆ ก็อาจจะทำให้ท่อเสี่อมง่ายและต้องเปลี่ยนท่อบ่อยๆ ครับ

    การเลือกใช้ท่อพีวีซี มีความปลอดภัยหรือไม่?

    ท่อพีวีซีนั้น สามารถใช้งานได้สบาย หายห่วงแน่นอนครับ แต่ต้องเลือกท่อพีวีซีที่มีการรับรองคุณภาพ ก็คือก่อนซื้อจะต้องควรดูเครื่องหมาย มอก. ซึ่งเป็นมาตรฐานตามสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม หรือ สมอ หรือ มอก เสมอ เพราะหากเลือกใช้ท่อพีวีซีที่ไม่ได้รับที่มาตรฐาน มอก อาจจะทำให้อายุการใช้งานของท่อเสี่อมสภาพเร็ว ตัวท่ออาจจะแตกหรือเปราะง่าย เสี่ยงต่อสารเคมีตกค้าง และไม่สามารถกันชนวนไฟฟ้าได้ ทำให้เสี่ยงอันตรายถึงชีวิต

    หน้า: [1]