ThaiFranchiseCenter Webboard

ThaiFranchiseCenter Webboard - Info Center

* สมัครสมาชิกเว็บบอร์ด ไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ ฟรี! *
หน้าแรก | เปิดร้านค้าฟรี! | โปรโมชั่นแฟรนไชส์ | ร้านหนังสือออนไลน์ | สนใจลงโฆษณา

ทางเว็บไซต์ ThaiFranchiseCenter.com ไม่มีส่วนรับผิดชอบกับข้อความต่างๆในเว็บบอร์ดแต่อย่างใด
    ไม่ว่าจะเป็นการซื้อ-ขาย-เช่า-เซ้ง หรือ อื่นๆ (ผู้ซื้อ หรือ ผู้ขาย กรุณาใช้วิจารณญาณในการติดต่อทางธุรกิจ)


แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - กมลพรรณ บุญล้อม

หน้า: [1]
1
วีดีโอ ถือเป็นหนึ่งในการสร้าง Content Marketing ที่มาแรงในยุคดิจิทัลที่นักธุรกิจ ร้านค้าออนไลน์ หรือแม้แบรนด์ต่าง ๆ ก็ให้ความสำคัญในการผลิตคอนเทนต์ในรูปแบบวีดีโอ เนื่องจากสร้างการรับรู้ได้ครบ ทั้งภาพเคลื่อนไหว เสียงที่ช่วยอธิบายเรื่องราวให้กับสินค้าและบริการได้อย่างรวดเร็ว อีกทั้งเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายและคนทั่วไปได้กว้าง เกิดกระแสไวรัลได้ง่ายในช่องทางโซเชียลมีเดียอีกด้วย และเทคนิคดี ๆ สำหรับการตัดต่อวีดีโอที่เรารวบรวมมาให้ทุกคนได้สามารถลองไปปรับใช้กันจะมีอะไรบ้างนั้นไปดูกันเลย


1.สร้างเรื่องราวให้กับกลุ่มเป้าหมาย

อันดับแรกต้องรู้จักกลุ่มเป้าหมายให้ดีก่อนว่าเป็นกลุ่มเป้าหมายหรือผู้ชมเป็นใคร เพศ อายุ อยู่ในช่วงวัยใด มีบุคลิก ไลฟสไตล์ยังไง เพื่อที่จะได้สื่อสารสร้างเรื่องราวในรูปแบบวีดีโอให้เกิดความสนใจได้ตรงกลุ่มเป้าหมายกระตุ้นให้เกิดความรู้สึก สุข สนุกสนาน ดราม่า ดึงอารมณ์ให้ผู้ชมรู้สึกว่าเป็นส่วนหนึ่งของเรื่องราวที่จะเล่าผ่านการตัดต่อวีดีโอให้เหมาะสม ช่วยนำไปสู่ความสนใจและเกิดพฤติกรรมบางอย่างได้จากการรับชมวีดีโอ เช่น แบรนด์ขายเสื้อผ้า สร้างเรื่องราว Summer Lookbook จับเสื้อมา Mix and Match ผ่านวีดีโอ ซึ่งกระตุ้นให้กลุ่มเป้าหมายคือวัยรุ่นเพศหญิงที่สนใจแฟชั่นมาซื้อสินค้า

2. เลือกตั้งชื่อคลิปวีดีโอ

ชื่อคลิปวีดีโอเป็นสิ่งแรกที่ผู้พบเห็นอ่านแล้วทำความเข้าใจเป็นอันดับแรก ไม่ว่าจะตัดต่อวีดีโอมาดีแค่ไหน แต่ถ้าการตั้งชื่อไม่น่าสนใจมากพอ อ่านแล้วไม่ชวนให้เข้ามาดู คลิปนั้นก็จะไม่ได้ผลเท่าที่ควร การตั้งชื่อคลิปวีดีโอนั้น ควรตั้งให้กระชับ อ่านแล้วทำให้คนอ่านรู้สึกอยากรู้ต่อ จนกดเข้าไปดูเพื่อรับชมวีดีโอว่าเราต้องการจะสื่อสารอะไร อาจจะใช้คำที่กำลังฮิตเป็นกระแสในช่วงเวลานั้น เพื่อให้คนสามารถเข้าถึงได้ง่ายขึ้นก็ได้


3. ออกแบบภาพปกคลิปวีดีโอ

 การทำภาพวอลเปเปอร์ หรือปกคลิปนั้น  เป็นสิ่งที่นักตัดต่อวีดีโอให้ความสำคัญไม่แพ้กับการตั้งชื่อคลิปวีดีโอเลยก็ว่าได้ เพราะว่าเป็นจุดแรกที่จะดูดดึงสายตา ชวนให้ผู้พบเห็นนั้นกดเข้ามาชมได้อย่างรวดเร็ว จึงจำเป็นต้องออกแบบภาพปกคลิปเพื่อสร้างความโดดเด่นให้กับวีดีโอ เช่น หากกำลังตัดต่อวีดีโอเกี่ยวกับร้านอาหารของคุณ ก็อาจใช้ภาพบรรยากาศภายในร้านหรือหน้าร้าน และตัดต่อปรับแต่งใส่รูปอาหารเมนูฮิตของร้านลงไป ชวนให้น่าติดตามมากขึ้นและอย่าลืมที่จะใส่ข้อความหัวข้อเรื่องสั้น ๆ ลงไปด้วย เช่น 8 เมนูสุดฮิตจากร้านอาหารย่านทองหล่อ เพื่อช่วยอธิบายคลิปวีดีโอให้ผู้พบเห็นให้เข้าใจได้คร่าว ๆ จากภาพหน้าปกวีดีโอ


4. ความยาวของคลิปในการตัดต่อวีดีโอ

บางครั้งคลิปวีดีโออาจมีความยาวเกินไป ทำให้คนดูเกิดความรู้สึกเบื่อหน่ายจนกดเลื่อนผ่านได้แน่นอน คลิปวีดีโอที่ดีก็ควรจะอยู่ในระยะเวลาที่ดีด้วยเช่นกัน ระยะเวลาที่เหมาะสมในการตัดต่อวีดีโอนั้น เริ่มต้นอยู่ประมาณ  2 - 7 นาทีต่อหนึ่งคลิป (ขึ้นอยู่กับแพลตฟอร์ม) และเทคนิคสำคัญคือ ควรตัดต่อวีดีโอให้น่าสนใจภายใน 10 วินาทีแรกเพื่อดึงความสนใจ หากเป็นหนัง เรื่องสั้น  Vlog ที่ใช้ระยะเวลานานในการดำเนินเรื่อง ก็สามารถตัดต่อวีดีโอเป็นคลิปย่อย ๆ แยกเป็นหลาย ๆ ตอนเพื่อให้ผู้ชมรู้สึกอยากติดตามต่อมากขึ้น ไม่จำเป็นต้องใส่ทุกอย่างลงไป หรืออาจจะตัดต่อวีดีโอบางส่วน คัดเฉพาะใจความสำคัญที่ต้องการสื่อสาร


5. ใส่ Effect ในการตัดต่อวีดีโอ

การใส่ Effect หรือ Transition ต่างๆเข้าไปช่วยในการตัดต่อวีดีโอจะช่วยเพิ่ม Emotion ให้กับคลิปวีดีโอได้น่าสนใจมากขึ้น เพราะผู้ชมจะเห็นเนื้อหาภายในวีดีโอสีแบบออริจินัลของกล้องตลอดการรับชม โดยไม่มีลูกเล่นสีสันอะไร อาจทำให้รู้สึกน่าเบื่อได้หากเราเพิ่ม Effect ต่าง ๆ เข้าไประหว่างคลิปวีดีโอ ไม่ว่าจะเป็นตัดต่อวีดีโอโดยใส่ Sound Effect, ภาพ, Emoji หรือ Transition ต่างๆ จะช่วยให้ผู้ชมรู้สึกผ่อนคลาย หรือสร้างความตื่นเต้น เพลิดเพลิน ชวนให้ดูต่อไปเรื่อย ๆได้มากขึ้น 



ทั้งหมดนี้ก็เป็นเทคนิคดี ๆ สำหรับการตัดต่อวีดีโอ ในการทำคอนเทนต์เพื่อดึงดูดความสนใจให้กลุ่มเป้าหมายได้เห็นกดเข้ามารับชมคลิปวีดีโอของคุณที่ลงในช่องทางออนไลน์ต่าง ๆ ได้ หากใครหลายคนอาจจะไม่ถนัด ไม่มีเวลาในการตัดต่อวีดีโอหรือมองหาผู้เชี่ยวชาญมาช่วย ก็สามารถหาได้ไม่ก็ยาก เพราะที่ Fastwork  แหล่งรวมฟรีแลนซ์ผู้เชี่ยวชาญมากประสบการณ์ในเรื่องตัดต่อวีดีโอให้คุณสามารถเลือกใช้บริการได้ง่าย ๆ สามารถเข้ามาเลือกดูก่อนได้ที่ https://fastwork.co/videography



ที่มา
Website: Tueetor, VDOCON



2
ปัจจุบันการค้าขายในช่องทางออนไลน์นั้นจำเป็นต้องจดทะเบียนการค้า หรือจดทะเบียนพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์  (ตามประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง ให้ผู้ประกอบพาณิชย์ต้องจดทะเบียนพาณิชย์ (ฉบับที่ 11) พ.ศ. 2553 ลงในวันที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553)  *ต้องจดทะเบียนการค้าภายใน 30 วัน นับตั้งแต่เริ่มประกอบพาณิชยกิจ*เพื่อช่วยยืนยันตัวตนและสร้างความความน่าเชื่อถือให้ลูกค้ามั่นใจและตรวจสอบที่ตั้งธุรกิจร้านค้าออนไลน์ของคุณได้ด้วยเครื่องหมาย  DBD Registered ที่ได้รับรองผ่านการจดทะเบียนพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์อย่างถูกต้องตามกฎหมาย 
   เริ่มต้นเตรียมความพร้อมจดทะเบียนการค้าให้ธุรกิจร้านค้าออนไลน์ของคุณด้วย


1. เช็ครูปแบบกิจการที่ต้องการจดทะเบียนการค้า

   1. บริการซื้อขายสินค้าบนช่องทางออนไลน์ผ่านอินเทอร์เน็ต (ร้านค้าออนไลน์โซเชียลมีเดีย,เว็บไซต์)
   2.ให้บริการอินเทอร์เน็ต(ISP)
   3.ให้บริการ Web hosting
   4.ให้บริการตลาดกลางในการซื้อขายสินค้า (e-Marketplace)


2. วิธีจดทะเบียนการค้าหรือจดทะเบียนพาณิชอิเล็กทรอนิกส์


1. สร้างแพลตฟอร์มร้านค้าออนไลน์ของธุรกิจของคุณให้เรียบร้อย เช่น เว็บไซต์
2. เตรียมเอกสารเพื่อขอจดทะเบียนการค้า ได้แก่
- สำเนาบัตรประชาชนและสำเนาทะเบียนบ้าน (ของผู้ประกอบการธุรกิจ)
- แบบคำขอจดทะเบียนพาณิชย์ ตั้งใหม่
- หนังสือรับรองการจดทะเบียนการค้าของห้างหุ้นส่วนหรือบริษัท (สำหรับนิติบุคคล)
รายละเอียดเกี่ยวกับเว็บไซต์ หรือเอกสารแนบ แบบ ทพ.
- เอกสารประกอบการจดทะเบียนโดเมนเนม (สำหรับเว็บไซต์ชื่อผู้จดทะเบียนโดเมนเนมต้องตรงกับชื่อผู้ประกอบการธุรกิจ)
หนังสือมอบอำนาจ และสำเนาบัตรประชาชนของผู้รับมอบอำนาจ(กรณีมอบอำนาจให้บุคคลอื่น)
- ปริ้นท์หน้าแรกของแฟลตฟอร์มร้านค้าออนไลน์, เว็บไซต์ รวมถึงวิธีการสั่งซื้อ  ช่องทางการชำระเงิน วิธีจัดส่งสินค้าและบริการ และวาดแผนที่สถานที่ตั้งของธุรกิจของคุณ


3. ยื่นเรื่องขอจดทะเบียนการค้า

ในเขตกรุงเทพ
สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กรุงเทพมหานคร
สำนักงานเขตทุกเขต ที่มีสำนักงาานใหญ่รับจดทะเบียนการค้า

ในเขตภูมิภาค
เทศบาล องค์การบริหารส่วนตำบล หรือเมืองพัทยา ที่มีสำหนักงานใหญ่รับจดทะเบียนการค้า


4. หลังจากจดทะเบียนการค้าผ่านแล้ว จึงดำเนินเรื่องขอใช้เครื่องหมาย DBD Registered

ต้องแสดงหลักฐานจดทะเบียนการค้าประกอบธุรกิจโดยเตรียมเอกสารเพื่อสแกนแนบไฟล์ ได้แก่
 
- สำเนาใบทะเบียนพาณิชย์ (แบบ พค.0403) ที่ได้จากการยื่นจดทะเบียนพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์
- สำเนารายละเอียดเกี่ยวกับเว็บไซต์ (เอกสารแนบ แบบ ทพ.)
- สำเนาเอกสารประกอบการจดทะเบียนโดเมนเนม
ส่งในช่องทางออนไลน์ เข้าไปดูได้ในเว็บของ dbd.go.th



5.รอเจ้าหน้าที่ตรวจสอบพร้อมรอรับเครื่องหมายจดทะเบียนการค้า DBD Registered

ในช่องทางที่ส่งไปพร้อมนำเครื่องหมายจดทะเบียนการค้า DBD Registered ไปใช้บนแฟลตฟอร์มธุรกิจร้านค้าออนไลน์ของคุณได้เลย



   หากคุณสนใจเริ่มวางแผนทำธุรกิจร้านค้าออนไลน์และกำลังมองหาผู้เชี่ยวชาญมากประสบการณ์พร้อมให้คำปรึกษาและแนะนำในการจดทะเบียนการค้า ให้ Fastwork เป็นผู้ช่วยต่อยอดพัฒนาธุรกิจของคุณให้เป็นจริงได้ สามารถเลือกชมก่อนได้ที่https://fastwork.co/commercial-registration


ที่มา
Website: dbd,trustmarkthai,page365


3
     บ้านสไตล์ Modern ถือเป็นสไตล์ที่ใคร ๆ หลายคนคงรู้จักและได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในออกแบบบ้าน และอีกหนึ่งสไตล์ที่หลายคนเคยได้ยินชื่อ Post Modern  ซึ่งมีลักษณะคล้ายกับ Modern ทำให้เกิดความสับสน แยกไม่ออกว่าเป็นการออกแบบบ้านสไตล์ในรูปแบบใด เราจะพาไปรู้จักหลักการสไตล์ออกแบบบ้านทั้งสองแบบที่จะช่วยให้เข้าใจดูออกได้ง่ายมากขึ้น 


การออกแบบบ้านสไตล์ Modern

เกิดขึ้นในยุคปฏิวัติอุตสาหกรรมของชาติตะวันตกในศตวรรษที่ 18 เป็นสไตล์การออกแบบบ้าน มีหลักการ  แบบ Functionalism เป็นแนวคิดการออกแบบ รูปทรง โครงสร้างที่ถูกกำหนดโดยหน้าที่ลักษณะการใช้งานของสิ่งนั้นเป็นสำคัญ ตัดทอนรูปแบบองค์ประกอบสัญลักษณ์เชิงประวัติศาสตร์ที่ไม่จำเป็นในการออกแบบ ให้มองทุกอย่างดูเรียบง่าย มีความเป็นระเบียบ ให้ความรู้สึกโปร่งโล่งสัมผัสบรรยากาศได้ทันทีแต่ในขณะเดียวกันก็ให้ความรู้สึกหรูหรา ดูดีได้ในแบบ Classic  โดยใช้รูปทรงเลขาคณิตมาออกแบบบ้าน ลักษณะหลังคาเพิงหมาแหงน หน้าต่างกระจกบานขนาดใหญ่ เลือกใช้สีพื้นผิวของวัสดุแบบเปิดเผยไม่ปกปิด หรือแบบผนังปูนเปือย เลือกสีพื้น ๆ สีขาว ดำ เทา คงเอกลักษณ์โชว์รูปแบบโครงสร้างของวัสดุให้เป็นธรรมชาติมากที่สุด ไม่ค่อยเน้นการตกแต่งให้สิ้นเปลือง เน้นพื้นที่การใช้สอยของตัวบ้าน เพื่อความสะดวกสบายในการพักอาศัยให้ได้มากที่สุด

การออกแบบบ้านสไตล์ Post modern

เกิดขึ้นหลังจากยุค Modern ปลายยุคทศวรรษที่ 80 เป็นสไตล์การออกแบบบ้าน มีหลักการออกแบบในรูปแบบอิสระทางความคิด ขึ้นอยู่กับความพึงพอใจของแต่ละบุคคล เป็นความแปลกใหม่ที่ไม่มีรูปแบบตายตัว สามารถสร้างลูกเล่นเข้ามาประกอบในการออกแบบบ้านที่ผสมผสานระหว่าง Modern สมัยใหม่  และ Classic สามารถเน้นไปที่ความเรียบแต่หรู หรือไม่เน้นความเป็นระเบียบ ใส่สัญลักษณ์เชิงประวัติศาสตร์ให้ดูเก๋ก็ได้  ให้ความสำคัญเน้นไปที่เรื่องของ Space การใช้รูปทรงเลขาคณิต  รูปทรงที่ดูซับซ้อน การจัดวางให้ดูขัดแย้ง วัสดุที่สร้างความแปลกใหม่ในการออกแบบบ้านเพื่อเพิ่มมิติ การตกแต่งพื้นที่เพิ่มเติมเกิดความรู้สึกสัมผัสบรรยากาศที่เปลี่ยนไปและใช้สีสันสดใสหรือสีพื้น ๆ  เลือกใช้ลายเส้น ให้ความรู้สึกไม่เรียบง่ายจนน่าเบื่อ เกินไปแบบ Modern สร้างความโดดเด่น มีเสน่ห์ ทำให้เกิดโครงสร้างออกแบบบ้านที่ดูน่าแปลกตา มีเอกลักษณ์และดึงดูดสายตาแบบชัดเจน


หากคุณมีความสนใจวางแผนในการสร้างบ้านและกำลังมองหานักออกแบบบ้านที่พร้อมให้คำปรึกษาและแนะนำสไตล์ออกแบบบ้านอย่างมืออาชีพ ให้อินทีเรียผู้เชี่ยวชาญมากประสบการณ์ใน  Fastwork  เป็นผู้ช่วยออกแบบบ้านของคุณให้สวยและตรงใจ สามารถเลือกชมก่อนได้ที่ https://fastwork.co/architect-and-interior/home-design

ที่มา
Website : kanyaratpunpain.blogspot,jorakay
 ขอบคุณรูปจาก archdaily






หน้า: [1]