ThaiFranchiseCenter Webboard

ThaiFranchiseCenter Webboard - Info Center

* สมัครสมาชิกเว็บบอร์ด ไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ ฟรี! *
หน้าแรก | เปิดร้านค้าฟรี! | โปรโมชั่นแฟรนไชส์ | ร้านหนังสือออนไลน์ | สนใจลงโฆษณา

ทางเว็บไซต์ ThaiFranchiseCenter.com ไม่มีส่วนรับผิดชอบกับข้อความต่างๆในเว็บบอร์ดแต่อย่างใด
    ไม่ว่าจะเป็นการซื้อ-ขาย-เช่า-เซ้ง หรือ อื่นๆ (ผู้ซื้อ หรือ ผู้ขาย กรุณาใช้วิจารณญาณในการติดต่อทางธุรกิจ)


แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - ploypola

หน้า: [1] 2 3 4 5 6 7
1


ซิลิโคนจมูก อยู่ได้กี่ปี ? นี่คงเป็นอีกหนึ่งข้อสงสัยที่หลายคนที่คิดจะทำจมูกอยากจะรู้ วันนี้ Bujeong Clinic จะมาไขข้อสงสัยเรื่อง อายุการใช้งานของซิลิโคนให้กับคุณ
 
มาทำความรู้จัก ซิลิโคนจมูกกันดีกว่า?


  • ซิลิโคนสำเร็จรูป เป็นซิลิโคนที่จะมีรูปทรงอยู่แล้ว มีหลากหลายทรง ซึ่งแต่ละทรงก็จะมีจุดเด่นไม่เหมือนกัน
  • ซิลิโคนแบบแท่ง เป็นซิลิโคนที่จะใช้การเหลา เพื่อให้ได้รูปทรง และมีความเป็นธรรมชาติ


ใครที่กำลัง ลังเลว่าจะเลือกซิลิโคนจมูกอย่างไรดี หรืออยากรู้ข้อมูลของซิลิโคนจมูกเพิ่มเติม สามารถอ่านเพิ่มเติมในบทความด้านล่างนี้ได้เลย


ซิลิโคนจมูก อยู่ได้กี่ปี มีอายุการใช้งานเท่าไหร่?


ซิลิโคนที่ใช้เสริมจมูก สามารถอยู่ได้นานตลอดไป และไม่มีวันหมดอายุ นั่นก็เพราะว่าซิลิโคนเป็นเกรดการแพทย์ ที่ความปลอดภัยต่อร่างกาย แต่ถ้าดูแลไม่ดีอาจทำให้ซิลิโคนเสื่อมสภาพเร็ว และอาจจะต้องเปลี่ยนซิลิโคนใหม่ทุก 5 - 10 ปีได้
 
เหตุผลที่ทำให้ต้องเปลี่ยนซิลิโคนจมูกใหม่?

สาเหตุจากตัวของเราเอง


  • อายุที่เพิ่มมากขึ้น
  • ซิลิโคนไม่เหมาะกับร่างกาย
  • เนื้อจมูกไม่เหมาะสมกับไซซ์ของซิลิโคน
  • พฤติกรรมการใช้ชีวิตไม่เหมาะสม

สำหรับใครที่เนื้อจมูกน้อย ก็ต้องมาประเมินก่อนว่า เนื้อจมูกของคุณสามารถเสริมจมูกได้หรือไม่ ซึ่งสามารถอ่านบทความเพิ่มเติมได้ที่ด้านล่าง

>> สามารถอ่านบทความ เนื้อจมูกน้อย ทําจมูกได้ไหม ได้ที่นี่ <<


  • ซิลิโคนจมูกทะลุ
  • ซิลิโคนจมูกลอย
  • จมูกเบี้ยว เอียง
  • แผลเสริมจมูกติดเชื้อ

ใครที่ไม่อยากมีปัญหาหลังเสริมจมูกตามมา สามารถอ่านวิธีดูแลตัวเองเพิ่มเติมได้ที่นี่


สาเหตุจากการผ่าตัด

  • ไม่ได้ตะไบ หรือเหลาฮัมพ์ ฮัมพ์ของจมูกคือบริเวณของส่วนที่นูนขึ้นมาตรงสันจมูก หากไม่ตะไบฮัมพ์อาจทำให้เกิดปัญหาซิลิโคนเคลื่อน หรือซิลิโคนลอยได้

ถึงซิลิโคนจะมีไม่วันหมดอายุ แต่การเลือกคลินิกเสริมจมูกให้ดีก็ค่อนข้างสำคัญมาก ที่ต้องเลือกให้ดีเหมือนที่ Bujeong Clinic คลินิกที่รวมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทั้งไทย และ เกาหลี ที่มากด้วยประสบการณ์ที่จะช่วยเนรมิตจมูกทรงสวยให้กับคุณ อยากมีจมูกสวยเลือกทำที่พูจอง!!
 
ซิลิโคนจมูก อยู่ได้กี่ปี อยากเสริมจมูกให้ปังเลือกที่ Bujeong Clinic
Bujeong Clinic (ศูนย์ศัลยกรรมพูจองคลินิก) เป็นคลินิกเสริมความงาม ที่ให้บริการศัลยกรรม และ หัตถการ ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย และ มาตรฐานความปลอดภัย โดยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ทั้งแพทย์ไทย และ แพทย์เกาหลี ที่มากด้วยประสบการณ์ ที่พร้อมจะเนรมิตให้คุณสวยแบบที่ต้องการ  นอกจากนั้นแล้วพูจองคลินิกยังมีสาขาให้เลือกมากมายถึง 10 สาขา ทั้งในกรุงเทพ และ ต่างจังหวัด เพราะความสวยไม่รอใคร อยากสวยเลือกทำที่ Bujeong Clinic สิคะ

มั่นใจ ปลอดภัย และ ได้มาตรฐาน พูจองคลินิกส่งตรงความงาม แบบฉบับเกาหลี

 
สามารถติดตาม Bujeong Clinic สำหรับเสริมความงาม ช่องทางต่างๆ เพิ่มเติมได้ที่นี่
Facebook : Bujeong Clinic - พูจอง คลินิก
Line : @Bujeong-Clinic
Tel : 088-050-1111
 
สามารถติดตาม Bujeong Clinic Surgery Center สำหรับศัลยกรรม ช่องทางต่างๆ เพิ่มเติมได้ที่นี่
Facebook : Bujeong surgery center
Line : @bujeongsurgery
Tel : 061-042-2999


2


อยากมีดวงตาดูกลมโต และสดใสมากยิ่งขึ้น รวมถึงคนที่มีปัญหาเรื่องหนังตาที่ตกเนื่องจากอายุที่มากขึ้น การทำตาสองชั้นสามารถช่วยคุณได้ วันนี้ Bujeong Clinic เลยจะมาแนะนำข้อควรรู้ก่อนที่จะทำตาสองชั้น ทั้งวิธีการเตรียมตัว และดูแลหลังศัลยกรรม สำหรับคนที่มีแพลนจะทำตาไม่ควรพลาดบทความนี้เลย!!
 
ทำตาสองชั้น เหมาะกับใคร?


  • คนที่มีชั้นตาหลบใน
  • คนที่หนังตาตก กล้ามเนื้อตาอ่อนแอ
  • คนที่ตาทั้งสองข้างไม่เท่ากัน
  • คนที่มีตาชั้นเดียว


การ ทำตาสองชั้น มีกี่วิธี

การเย็บหนังตา 3 จุด


จะใช้ในการยึดระหว่างจุดตามแนวพับของชั้นตาทั้ง 3 ตำแหน่ง ได้แก่บริเวณหัวตา กลางตา และหางตา เหมาะสำหรับคนที่มีหนังตาหลบใน คนที่มีตาชั้นเดียว แต่หนังตาจะต้องไม่มีไขมัน หรือชั้นหนังตาที่หนามากนัก

  • ไม่เห็นรอยแผล และไม่ทิ้งรอยแผลเป็น
  • ใช้เวลาในการพักฟื้นที่รวดเร็ว และมีอาการบวมน้อย
  • ไม่สามารถแก้ปัญหาตาได้ทุกรูปแบบ เช่น คนที่มีหนังตาเยอะ หนังตาชั้นใหญ่

การทำตาแบบแผลเล็ก


เป็นการกรีดหนังตาเล็กๆ แต่จะไม่ได้ทำการตัดไขมันบริเวณหนังตาส่วนเกินออก เหมาะสำหรับคนที่มีหนังตา หรือไขมันที่ชั้นตาไม่เยอะจนเกินไป

  • ไม่เห็นรอยแผลมากนัก ไม่ทิ้งรอยแผลเป็นให้เห็น
  • ให้ชั้นตาดูเป็นธรรมชาติ และมีอาการบวมน้อย
  • ใช้เวลาในการพักฟื้นไม่นาน
  • ไม่เหมาะกับคนที่หนังตาตก และชั้นตาหนามากนัก

การกรีดตาแบบยาว


เป็นกรีดตายาว และมีการตัดไขมันส่วนเกินออก เหมาะสำหรับแก้ปัญหาชั้นตาทั้ง คนที่มีตาหลบใน คนตาชั้นเดียว ชั้นตาเล็ก ชั้นตาตก ชั้นตาใหญ่ หรือมีไขมันที่ชั้นตาเยอะ

  • เป็นการเอาไขมันส่วนเกินออก สามารถแก้ปัญหาคนตาตกได้
  • ได้ชั้นตาที่ชัด และไม่หย่อนคล้อยได้ง่าย
  • ใช้เวลาในการพักฟื้นที่นานกว่า การทำตาด้วยวิธีอื่น และรอยแผลจะเห็นได้ชัดกว่า

การกรีดตาสามารถกรีดด้วยมีด หรือจะใช้เป็นเลเซอร์ก็ได้ ซึ่งในปัจจุบันการใช้เลเซอร์เป็นที่นิยมมากยิ่งขึ้น เพราะแผลที่ได้จะพักฟื้นน้อยกว่า แต่ก็ขึ้นอยู่กับแต่ละตัวบุคคลด้วย
 
การเตรียมตัว และการดูแลตัวเองก่อนที่จะทำตา


ควรที่จะดูแลตัวเองให้ดี งดพฤติกรรมเสี่ยงต่างๆ และเมื่อทำตาเสร็จเรียบร้อยการดูแลตัวเองหลังจากนี้ถือว่ามีความสำคัญมาก เพราะว่าหากดูแลตัวเองดีแผลก็จะหายได้ไว หลีกเลี่ยงการขยี้ตา หรือการสัมผัสบริเวณตาแรงๆ เพราะอาจทำให้เกิดการอักเสบขึ้นได้
 
ราคาในการทำตาสองชั้น

สำหรับการเย็บตา 3 จุด และการกรีดตาแผลเล็ก การกรีดตายาว ราคาก็จะเริ่มต้นประมาณ 20,000 - 30,000 บาท (เป็นเพียงราคาเบื้องต้นเท่านั้น ราคาจะขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย) และขึ้นอยู่กับเทคนิคเพิ่มเติมที่ใช้ เพราะแต่ละคนอาจจะมีปัญหาของชั้นตาที่แตกต่างกัน

 
การทำตาสองชั้นสามารถช่วยแก้ปัญหาเหล่านี้ได้ เพื่อที่จะได้สามารถแก้ไขปัญหาชั้นตาได้เหมาะกับตัวคุณ และถ้าใครที่กำลังมองหาคลินิกดีๆ สำหรับการทำตา Bujeong Clinic คลินิกที่รวมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทั้งไทย และ เกาหลี ที่มากด้วยประสบการณ์ที่จะช่วยให้เนรมิตตาสวยๆ ในแบบที่คุณต้องการ อยากมีตากลมสวย ชั้นตาชัด และปลอดภัย ต้องเลือกทำที่พูจอง!!!
 
 
ทำตาสองชั้น ให้ปังให้สวยเลือกทำที่ Bujeong Clinic

Bujeong Clinic (ศูนย์ศัลยกรรมพูจองคลินิก) เป็นคลินิกเสริมความงาม ที่ให้บริการศัลยกรรม และ หัตถการ ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย และ มาตรฐานความปลอดภัย โดยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ทั้งแพทย์ไทย และ แพทย์เกาหลี ที่มากด้วยประสบการณ์ ที่พร้อมจะเนรมิตให้คุณสวยแบบที่ต้องการ  นอกจากนั้นแล้วพูจองคลินิกยังมีสาขาให้เลือกมากมายถึง 10 สาขา ทั้งในกรุงเทพ และ ต่างจังหวัด เพราะความสวยไม่รอใคร อยากสวยเลือกทำที่ Bujeong Clinic สิคะ!!

มั่นใจ ปลอดภัย และ ได้มาตรฐาน พูจองคลินิกส่งตรงความงาม แบบฉบับเกาหลี

 
สามารถติดตาม Bujeong Clinic สำหรับเสริมความงาม ช่องทางต่างๆ เพิ่มเติมได้ที่นี่
Facebook : Bujeong Clinic - พูจอง คลินิก
Line : @Bujeong-Clinic
Tel : 088-050-1111
 
สามารถติดตาม Bujeong Clinic Surgery Center สำหรับศัลยกรรม ช่องทางต่างๆ เพิ่มเติมได้ที่นี่
Facebook : Bujeong surgery center
Line : @bujeongsurgery
Tel : 061-042-2999



3


โหนกแก้มใหญ่ ทำให้หลายคนหน้าดูใหญ่ขึ้นมา ทั้งๆ ที่หน้าก็ไม่ได้มีแก้ม หรือมีกรามเยอะ นั่นเป็นเพราะ โหนกแก้มที่ชัดจนเป็นกรอบเกินไป ทำให้หน้าดูเหลี่ยมขึ้น ดูใหญ่ขึ้น สำหรับใครที่กังวลเรื่องนี้อยู่ Bujeong Clinic จะมาบอกวิธีแก้ไขปัญหาโหนกแก้มให้กับคุณด้วยการ ศัลยกรรมโหนกแก้ม ที่จะทำให้ใบหน้าของคุณเล็ก และเรียวมากยิ่งขึ้น อย่ารอช้าไปอ่านกันเลย!!



การ ศัลยกรรมโหนกแก้ม คืออะไร?

โหนกแก้มเป็นอวัยวะส่วนหนึ่งของใบหน้า บางคนอาจจะมีใบหน้าเล็กแต่ว่ามีโหนกแก้มใหญ่ ดังนั้นการศัลยกรรมโหนกแก้มจึงเป็นวิธีในการลดขนาดของกระดูกโหนกแก้มลง และเป็นการปรับโครงสร้างโหนกแก้มที่อาจจะอยู่สูงจนเกินไป หรือยื่นออกมามากไปให้กลับมาอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม
 
มารู้จักกระดูกบริเวณโหนกแก้มกันดีกว่า

กระดูกโหนกแก้มจะแบ่งได้ 2 ส่วนหลักๆ คือ กระดูกส่วน Body และ Arch

  • กระดูกBody กระดูกที่จะอยู่บริเวณโหนกแก้มด้านหน้า มักจะใช้การเหลากระดูกเพื่อให้กระดูกส่วนนี้ดูเล็ก และบางลง
  • กระดูกArch เป็นกระดูกที่จะอยู่บริเวณด้านข้างแก้มยาวไปจนถึงบริเวณหน้าใบหู ส่วนใหญ่จะใช้การตัดกระดูกส่วนนี้ออก ร่วมกับวิธีการอื่นๆ เป็นส่วนที่ต้องระวังให้ดี เพราะเป็นส่วนที่มีเส้นประสาทอยู่ หากผ่าตัดผิดพลาดจะส่งผลทำให้ใบหน้าผิดรูป หรือเบี้ยวได้

การ ศัลยกรรมโหนกแก้ม มีกี่วิธี?

การเหลาโหนกแก้ม หรือ การกรอกระดูก


เป็นการผ่าตัดเปิดบริเวณกระพุ้งแก้ม เพื่อที่จะนำเครื่องมือเข้าไปใช้ในการกรอกระดูก ซึ่งจะเป็นการเหลากระดูกบริเวณโหนกแก้มส่วนที่เกินมาออก เพื่อปรับรูปหน้าให้เรียวเล็ก สำหรับใช้ในการผ่าตัดกระดูกส่วน Body

เป็นวิธีที่จะทำให้ไม่เห็นบาดแผลจากภายนอก แต่วิธีนี้ก็จะมีข้อจำกัดในเรื่องของการกรอกระดูกที่ทำได้ไม่เกิน 1 เซนติเมตรเท่านั้น และจะเป็นการทำให้กระดูกบางลงในส่วนด้านข้างเท่านั้น แต่ถ้าโหนกแก้มด้านหน้าใหญ่วิธีนี้อาจจะไม่ตอบโจทย์มากนัก
 
การเลื่อน หรือ ผ่าตัดยุบโหนกแก้ม


เป็นการผ่าตัดรูปแบบนี้จะมีความซับซ้อนกว่าแบบแรก โดยการผ่าตัดรูปแบบนี้จะสามารถเปิดบาดแผลเพื่อนำเครื่องมือเข้าไปปรับแต่งโหนกแก้มได้ 2 แบบ คือการเปิดแผลด้านในช่องปากบริเวณกระพุ้งแก้ม และการเปิดบาดแผลบริเวณจอนผมหน้าใบหู โดยแพทย์ก็จะทำการเลื่อนกระดูกโหนกแก้มให้มาอยู่ในจุดที่ควรจะเป็น และเมื่อจัดกระดูกโหนกแก้มเรียบร้อยแล้วก็จะทำการเลื่อนกระดูกเข้าหากัน โดยจะใช้เหล็กในการยึดกระดูกให้เข้าที่ เพื่อปรับรูปทรงของใบหน้า

เหมาะสำหรับคนที่มีโหนกแก้มสูง โหนกแก้มยื่นออกมาด้านข้างเยอะ รวมถึงคนที่โหนกแก้มผิดรูป หรือมีขนาดที่ใหญ่มาก
 
วิธีการเตรียมตัวก่อน และ หลังการผ่าตัด


  • การพักผ่อนให้เพียงพอก่อนการผ่าตัด
  • หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ และดื่มแอลกอฮอล์
  • หลีกเลี่ยงการทานยา วิตามิน และแจ้งประวัติแก่แพทย์ก่อนที่จะผ่าตัด
  • เมื่อถึงวันผ่าตัดควรที่จะงดน้ำ และอาหารก่อนที่จะผ่าตัด อย่างน้อย 8 ชั่วโมง

การดูแลตัวเองหลังผ่าตัด

  • ในช่วงหลังการผ่าตัดไม่ควรขยับตัวมาก
  • ดูแลความสะอาดบริเวณบาดแผลให้ดี

  • ประคบเย็นเพื่อลดอาการบวม

  • ใส่สายรัดหน้าเพื่อลดการเคลื่อนไหว
  • ควรหลีกเลี่ยงอาหารที่เคี้ยวยาก

สำหรับใครที่อยากให้แผลหายบวมไวๆ สามารถเข้าไปอ่านวิธีลดบวมอื่นๆ เพิ่มเติมได้ที่บทความด้านล่างนี้เลย
>> อ่านบทความ วิธีลดบวมหลังเสริมจมูก ได้ที่นี่ <<

การศัลยกรรมโหนกแก้มจะช่วยปรับโหนกแก้ม และรูปหน้าให้คุณมั่นใจมากยิ่งขึ้น การศัลยกรรมโหนกแก้มไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คุณคิดถ้าหากเลือกคลินิก และแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญ อย่างที่ Bujeong Clinic เราจะช่วยให้คำแนะนำการผ่าตัดที่เหมาะกับคุณ!!
 
"เพราะพูจองเป็นคลินิกที่รวมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทั้งไทย และ เกาหลี ที่มากด้วยประสบการณ์ที่จะช่วยแก้ปัญหาโหนกแก้มของคุณให้ออกมาสวย และปลอดภัย" อยากศัลยกรรมโหนกแก้มเลือกทำที่พูจอง!!

 
อยากหน้าเรียว เลือกศัลยกรรมโหนกแก้มกับ Bujeong Clinic !

Bujeong Clinic  (ศูนย์ศัลยกรรมพูจองคลินิก) เป็นคลินิกเสริมความงาม ที่ให้บริการศัลยกรรม และ หัตถการ ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย และ มาตรฐานความปลอดภัย โดยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ทั้งแพทย์ไทย และ แพทย์เกาหลี ที่มากด้วยประสบการณ์ ที่พร้อมจะเนรมิตให้คุณสวยแบบที่ต้องการ  นอกจากนั้นแล้วพูจองคลินิกยังมีสาขาให้เลือกมากมายถึง 10 สาขา ทั้งในกรุงเทพ และ ต่างจังหวัด เพราะความสวยไม่รอใคร อยากสวยเลือกทำที่ Bujeong Clinic สิคะ!

มั่นใจ ปลอดภัย และ ได้มาตรฐาน พูจองคลินิกส่งตรงความงาม แบบฉบับเกาหลี



สามารถติดตาม Bujeong Clinic สำหรับเสริมความงาม ช่องทางต่างๆ เพิ่มเติมได้ที่นี่

Facebook : Bujeong Clinic – พูจอง คลินิก
Line : @Bujeong-Clinic
Tel : 088-050-1111

สามารถติดตาม Bujeong Clinic Surgery Center สำหรับศัลยกรรม ช่องทางต่างๆ เพิ่มเติมได้ที่นี่
Facebook : Bujeong surgery center
Line : @bujeongsurgery
Tel : 061-042-2999



4


เป็นประจำเดือนเสริมจมูกได้ไหม ? เพราะหลายคนมักจะบอกว่าช่วงมีประจำเดือน ไม่ควรผ่าตัด หรือทำอะไรให้เสียเลือดมากๆ เพราะจะทำให้เกิดอันตราย ใครที่สงสัยว่าเรื่องนี้จริงหรือไม่ วันนี้ Bujeong Clinic จะมาตอบคำถามเรื่องนี้ให้คุณหายสงสัย ใครที่มีแพลนจะเสริมจมูก ถ้าพลาดบทความนี้รับรองจะเสียใจ อย่ารอช้าไปอ่านบทความกันเลย!

อ่านบทความเต็มๆ ได้ที่นี่ >> ไขข้อสงสัย? เป็นประจำเดือนเสริมจมูกได้ไหม <<


ขั้นตอนการเตรียมตัวก่อนทำจมูก


ในช่วงก่อนที่จะเสริมจมูกควรจะหลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่ส่งผลต่อการเสริมจมูก อย่างน้อย 1 สัปดาห์ รวมถึงพวกอาหารแสลงต่างๆ และพวกยาแก้ปวด ยาเกี่ยวกับโรคประจำตัว โดยเฉพาะยาที่เกี่ยวกับเลือด แล้วเมื่อถึงวันที่จะต้องทำการผ่าตัด ก็ควรจะต้องปฏิบัตัวดังต่อไปนี้

  • ใช้ยาสลบ ให้ทำการงดน้ำ และอาหารก่อนการผ่าตัดอย่างน้อย 8 ชม.
  • ไม่ต้องใช้ยาสลบ สามารถทานอาหารเบาๆ ก่อนที่จะผ่าตัดได้ประมาณ 4 - 6 ชม.

สรุปแล้ว เป็นประจำเดือนเสริมจมูกได้ไหม?


เลือดประจำเดือนเป็นเลือดคนละส่วนกับที่เราเสียไปจากการผ่าตัด กรณีเป็นประจำเดือนตอนที่จะผ่าตัดเสริมจมูกก็ยังสามารถผ่าตัดได้
แต่แนะนำให้เลื่อนวันผ่าตัดไปมากกว่า เพราะอาจจะทำให้แผลบวมนาน และมากกว่าปกติได้ และไม่ต้องกลัวว่าจะเป็นอันตราย หรือกลัวว่าจะเสียเลือดเยอะ เพราะการเสริมจมูกเป็นการผ่าตัดเล็ก ดังนั้นจึงไม่ต้องกังวลเรื่องนี้
 
วิธีเตรียมตัวก่อนทำจมูก ในช่วงมีประจำเดือน


  • การงดอาหารเสริม และยาแก้ปวด หากรู้สึกปวดท้องประจำเดือน อาจจะใช้การดื่มน้ำขิง หรือน้ำอุ่นเพื่อช่วยบรรเทาอาการปวดท้องแทน
  • งดการสูบบุหรี่ และดื่มแอลกอฮอล์ในช่วงเสริมจมูก

  • ดูแลสุขภาพให้แข็งแรง พักผ่อนให้เพียงพอ หลีกเลี่ยงการทานอาหารที่มีประโยชน์ และหลีกเลี่ยงการทานอาหารแสลงด้วย เช่น อาหารหมักดอง อาหารทะเล
  • การเตรียมตัวเองให้พร้อม

ใครที่อยากรู้วิธีการเตรียมตัวก่อนเสริมจมูกเต็มๆ สามารถเข้าไปอ่านได้ที่บทความด้านล่างนี้เลย เพื่อที่จะสามารถเตรียมตัวก่อนเสริมจมูกได้อย่างถูกต้อง


วิธีดูแลตัวเองหลังเสริมจมูกในช่วงที่มีประจำเดือน


  • การประคบเพื่อทำการลดบวม
  • อย่าให้แผลโดนน้ำ
  • นอนยกหัวสูง และใช้หมอนรองคอ
  • หลีกเลี่ยงการสัมผัสบริเวณบาดแผล
  • หลีกเลี่ยงอาหารที่ทำให้แผลหายช้า

ใครที่อยากรู้วิธีดูแลตัวเองหลังเสริมจมูกเพิ่มเติม สามารถไปอ่านบทความด้านล่างนี้ได้เลย

เป็นประจำเดือนสามารถเสริมจมูกได้แล้ว แต่แผลอาจจะหายช้า จึงควรจะต้องดูแลตัวเองให้ดี และเลือกคลินิกที่มีความปลอดภัย และแพทย์มีความเชี่ยวชาญอย่าง Bujeong Clinic คลินิกที่รวมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทั้งไทย และ เกาหลี ที่มากด้วยประสบการณ์ที่จะช่วยจมูกทรงสวยในแบบที่คุณต้องการ อยากได้จมูกของคุณออกมาสวย และปลอดภัย!!!
 


เป็นประจำเดือนเสริมจมูกได้ไหม เสริมได้ที่ Bujeong Clinic!
Bujeong Clinic (ศูนย์ศัลยกรรมพูจองคลินิก) เป็นคลินิกเสริมความงาม ที่ให้บริการศัลยกรรม และ หัตถการ ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย และ มาตรฐานความปลอดภัย โดยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ทั้งแพทย์ไทย และ แพทย์เกาหลี ที่มากด้วยประสบการณ์ ที่พร้อมจะเนรมิตให้คุณสวยแบบที่ต้องการ  นอกจากนั้นแล้วพูจองคลินิกยังมีสาขาให้เลือกมากมายถึง 10 สาขา ทั้งในกรุงเทพ และ ต่างจังหวัด เพราะความสวยไม่รอใคร อยากสวยเลือกทำที่ Bujeong Clinic สิคะ!

มั่นใจ ปลอดภัย และ ได้มาตรฐาน พูจองคลินิกส่งตรงความงาม แบบฉบับเกาหลี

 
สามารถติดตาม Bujeong Clinic สำหรับเสริมความงาม ช่องทางต่างๆ เพิ่มเติมได้ที่นี่

Facebook : Bujeong Clinic – พูจอง คลินิก
Line : @Bujeong-Clinic
Tel : 088-050-1111

สามารถติดตาม Bujeong Clinic Surgery Center สำหรับศัลยกรรม ช่องทางต่างๆ เพิ่มเติมได้ที่นี่
Facebook : Bujeong surgery center
Line : @bujeongsurgery
Tel : 061-042-2999

5


ใครที่มีแพลนจะทำนมแต่ไม่รู้ว่า ทำนมที่ไหนดี ? โดยปกติเวลาที่จะเลือกทำนม ก็อาจจะมีการดูรีวิวมาบ้างแล้ว แม้จะดูรีวิวแล้วแต่ก็อย่าพึ่งตัดสินใจ แต่ต้องดูด้วยว่าคลินิกที่เราเลือกมีมาตรฐานหรือไม่ เพราะถ้าเลือกคลินิกไม่ดีอาจทำให้เกิดอาการข้างเคียงหลังเสริมหน้าอกได้ วันนี้ Bujeong Clinic จะมาแนะนำวิธีเลือกคลินิก และวิธีในการตัดสินใจ ที่คุณเสริมหน้าอกไม่ควรพลาด!!
 

ทำนมที่ไหนดี อยากเสริมหน้าอกต้องเลือกคลินิกอย่างไร?

การเลือกคลินิกให้ดีจะต้องดูสิ่งเหล่านี้ เพื่อประกอบการตัดสินใจควบคู่ไปด้วย ไม่ว่าจะเป็น

คลินิกมีใบอนุญาตประกอบการหรือไม่


นี่เป็นสิ่งแรกที่ควรต้องดู เพราะ คลินิกเสริมความงามจะต้องขอใบอนุญาตในการจัดตั้งคลินิกตามที่กฎหมายกำหนด เพราะเป็นกิจการที่จะต้องได้รับการอนุญาตก่อนจึงจะดำเนินการได้ จึงจะทำให้สามารถขอใบอนุญาตประกอบกิจการได้

โดยปกติใบประกอบกิจการจะถูกติดเอาไว้ในที่ที่สามารถมองเห็นได้ง่าย เช่น บริเวณทางเข้า หรือเคาน์เตอร์ ซึ่งใบอนุญาตประกอบกิจการจะต้องมีการระบุชื่อของคลินิก ประเภทคลินิก และเลขที่ใบอนุญาตประกอบกิจการ 13 หลัก หากมีเลขใบประกอบกิจการแต่เมื่อนำไปค้นหาแล้วไม่เจอ ก็ถือว่าคลินิกนั้นไม่ได้ถูกต้องตามกฎหมาย

 
ศัลยแพทย์ต้องมีใบประกอบวิชาชีพ


นอกจากคลินิกแล้ว ศัลยแพทย์ หรือแพทย์ที่ศัลยกรรมยังจะต้องมีใบประกอบวิชาชีพด้วย เพราะว่าการศัลยกรรมเป็นการผ่าตัดที่หากทำผิดพลาด หรือขาดความรู้ทางด้านนี้ อาจทำให้เกิดอันตรายต่อคนไข้ได้

ใบประกอบวิชาชีพของแพทย์จะต้อง สามารถตรวจสอบเลขใบประกอบวิชาชีพได้ เพราะแพทย์ที่มีใบประกอบวิชาชีพจะถูกขึ้นทะเบียนผ่านแพทย์สภา ทำให้เราสามารถตรวจสอบได้ว่าเป็นแพทย์จริงหรือไม่ และเป็นแพทย์เฉพาะทางด้านไหน
 
ซิลิโคน หรือวัสดุที่ใช้ในการผ่าตัดจะต้องตรวจสอบได้


วัสดุที่ใช้ในการทำหน้าอก ควรจะตรวจสอบให้ดี ไม่เช่นนั้นอาจก่อให้เกิดอันตราย หรืออาการข้างเคียงต่อร่างกายได้ ดังนั้นควรจะสามารถตรวจสอบยี่ห้อ วัสดุที่ใช้ผลิต และอายุการใช้งานของซิลิโคนก่อนการใช้งาน
 
ราคาการผ่าตัดสมเหตุสมผล


ควรจะเลือกคลินิกที่ราคาสมเหตุสมผลกับวัสดุ หรือซิลิโคนที่เลือกใช้ หากคลินิกที่เราเลือกราคาอาจจะสูงขึ้นมาหน่อย แต่วัสดุที่เราได้มีคุณภาพ การที่จ่ายราคาสูงขึ้นแต่ได้หน้าอกทรงสวย ดีกว่าจ่ายราคาถูกๆ อย่างแน่นอน!
 
สถานที่ตั้ง และบริการของคลินิกตอบโจทย์การเสริมหน้าอก


การเดินทางไปคลินิกก็เป็นสิ่งสำคัญ รวมถึงความสะอาด ความปลอดภัยตามมาตรฐานคลินิกที่ดีด้วย นอกจากนั้นแล้วคลินิกที่ดีควรจะมีบริการครอบคลุม ทั้งการให้คำปรึกษา การประเมินจากแพทย์ การผ่าตัด และการติดตามผล การเลือกคลินิกที่เดินทางได้สะดวก ก็จะทำให้ง่ายต่อการเดินทางมากยิ่งขึ้น
 
แต่ถ้าใครไม่รู้จะเลือกทำนมที่ไหนดี Bujeong Clinic เป็นคลินิกที่รวมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทั้งไทย และ เกาหลี ที่มากด้วยประสบการณ์ที่จะช่วยให้หน้าอกของคุณได้ทรงสวยในแบบที่คุณต้องการ อยากได้หน้าอกสวย และปลอดภัยเลือกทำที่พูจองเลย!!!
 
 
ทำนมที่ไหนดี เลือกทำกับ Bujeong Clinic สิดี!

Bujeong Clinic (ศูนย์ศัลยกรรมพูจองคลินิก) เป็นคลินิกเสริมความงาม ที่ให้บริการศัลยกรรม และ หัตถการ ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย และ มาตรฐานความปลอดภัย โดยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ทั้งแพทย์ไทย และ แพทย์เกาหลี ที่มากด้วยประสบการณ์ ที่พร้อมจะเนรมิตให้คุณสวยแบบที่ต้องการ  นอกจากนั้นแล้วพูจองคลินิกยังมีสาขาให้เลือกมากมายถึง 10 สาขา ทั้งในกรุงเทพ และ ต่างจังหวัด เพราะความสวยไม่รอใคร อยากสวยเลือกทำที่ Bujeong Clinic สิคะ!

มั่นใจ ปลอดภัย และ ได้มาตรฐาน พูจองคลินิกส่งตรงความงาม แบบฉบับเกาหลี

 
 
สามารถติดตาม Bujeong Clinic สำหรับเสริมความงาม ช่องทางต่างๆ เพิ่มเติมได้ที่นี่
Facebook : Bujeong Clinic - พูจอง คลินิก
Line : @Bujeong-Clinic
Tel : 088-050-1111
 
สามารถติดตาม Bujeong Clinic Surgery Center สำหรับศัลยกรรม ช่องทางต่างๆ เพิ่มเติมได้ที่นี่
Facebook : Bujeong surgery center
Line : @bujeongsurgery
Tel : 061-042-2999


6


คางจะช่วยให้ใบหน้าดูเรียวขึ้นจริงหรือไม่? คางนับว่าเป็นส่วนที่ช่วยทำให้ใบหน้าของเราดูยาวขึ้น ตามกฎสัดส่วนทองคำของใบหน้า แต่พื้นฐานคนไทยไม่ได้เป็นคนที่มีคางยาว จึงทำให้ใบหน้าขาดความสมดุล แต่การศัลยกรรมคางสามารถช่วยแก้ปัญหานี้ได้ ทำคางแล้วหน้าจะเรียวขึ้น ยาวขึ้นจริงหรือเปล่า Bujeong Clinic มีคำตอบ!!



 
เสริมคางหน้าเปลี่ยนไหม แล้วทำไมถึงเปลี่ยน?


การเลือกทรงจมูกที่เข้ากับใบหน้าของคุณ จะคำนวณจากสัดส่วน Golden Ratio บนใบหน้าที่เป็นสัดส่วนที่จะทำให้ส่วนต่างๆ ของใบหน้าทั้งตา จมูก และคาง มีความสมดุลกัน ซึ่งคางจะวัดสัดส่วนจากบริเวณปลายจมูกมาจนถึงปลายคาง ตามสัดส่วน 1 : 1 : 1 (0.8 - 0.9) ยิ่งคางยาวตามสัดส่วนมากเท่าไหร่ ยิ่งทำให้ใบหน้าดูเรียวมากยิ่งขึ้น
 
คางลักษณะแบบไหน ที่ควรจะเสริมคาง?


  • คางสั้น เกิดจากพันธุกรรม และโครงสร้างของใบหน้า
  • คางตัด เกิดจากการที่กระดูกบริเวณคาง หรือกล้ามเนื้อผิดปกติ คางลักษณะนี้จะทำให้หน้าดูดุ
  • คางบุ๋ม เกิดจากโครงสร้างของกระดูก หรือกล้ามเนื้อที่ผิดปกติ คางลักษณะนี้อาจจะเสียความมั่นใจไปได้
  • คางถอย คางจะถอยเข้าไปในใบหน้า และจะไม่ยื่นออกมาเหมือนคางปกติ คางลักษณะนี้จะทำให้ใบหน้าขาดความสมดุล อีกทั้งยังอาจส่งผลต่อการทานอาหาร
  • คางยื่น คางรูปแบบนี้จะผิดรูปไปจากเดิม ซึ่งเกิดจากการที่กระดูกคาง จะส่งผลต่อการเคี้ยว และทานอาหาร

ประเภทของซิลิโคนเสริมคาง

ซิลิโคนขาสั้น


ซิลิโคนขาสั้น หรือซิลิโคนไม่มีขา เป็นซิลิโคนที่จะเน้นการตกแต่งเฉพาะบริเวณปลายคาง

  • เสริมบริเวณปลายคางเท่านั้น ทำให้ปลายคางดูเรียวมากยิ่งขึ้น
  • เป็นซิลิโคนที่มีขนาดเล็ก เลยทำให้ไม่สามารถปรับโครงสร้างใบหน้าได้มาก
  • เหมาะสำหรับคนที่มีคางอยู่แล้ว และอยากจะเพิ่มความยาวของคาง

ซิลิโคนขายาว


เป็นซิลิโคนที่จะมีลักษณะขาว และโค้ง ทำให้เมื่อใช้เสริมคางจะทำให้สามารถปรับรูปคางได้จนถึงแนวรอยต่อของกราม และกรอบหน้า ช่วยในการปรับโครงสร้างของใบหน้า ช่วยในการเก็บแก้ม

  • ซิลิโคนค่อนข้างจะเนียนไปกับใบหน้า ทำให้ไม่เห็นรอยต่อของคางมากนัก
  • ช่วยปรับโครงสร้างหน้าให้ดูเรียวยาวขึ้นอีกด้วย และก็ยังช่วยในการยึดฐานกระดูก

นอกจากนั้นแล้วในปัจจุบันก็ยังมีซิลิโคนคางอีกชนิดนั่นก็คือ ซิลิโคนขนาดกลาง ซึ่งเป็นซิลิโคนที่จะอยู่กึ่งกลางระหว่างซิลิโคนขาสั้น และซิลิโคนขายาว เนื้อซิลิโคนจะนิ่ม แต่ก็มีความยืดหยุ่นสูง
 
ทรงของซิลิโคนเสริมคาง


  • ทรงมน เป็นทรงที่ทำให้หน้าดูหวานขึ้น ดูเป็นธรรมชาติ เพราะคางที่ได้จะไม่แหลมจนเกินไป
  • ทรงวี เป็นทรงที่จะทำให้ใบหน้าดูเล็ก ดูมีมิติ ดูสวยขึ้น แต่ไม่ควรเลือกให้วีจนเกินไป

ก่อนจะทำคางต้องปรึกษาแพทย์ก่อน

บางคนอาจจะมีรูปคางที่ผิดรูป หรือมีผลต่อกล้ามเนื้อ และส่วนอื่นๆ จึงต้องมีการผ่าตัดส่วนอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น การผ่าตัดขากรรไกร จึงทำให้การเสริมคางไม่ใช่แค่การทำให้คางออกเรียวขึ้นเท่านั้น แต่ยังเป็นการปรับโครงสร้างของคาง และใบหน้าอีกด้วย จึงต้องเลือกคลินิกที่แพทย์มีความเชี่ยวชาญอย่างที่  Bujeong Clinic เป็นคลินิกที่รวมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทั้งไทย และ เกาหลี ที่มากด้วยประสบการณ์ที่จะช่วยแก้ปัญหาเรื่องคาง และพร้อมเนรมิตคางสวยๆ ให้กับคุณ เสริมคางให้สวย และปลอดภัยเลือกทำที่พูจองเลย!!!
 

เสริมคางหน้าเปลี่ยนไหม เสริมได้ที่ Bujeong Clinic!

Bujeong Clinic  (ศูนย์ศัลยกรรมพูจองคลินิก) เป็นคลินิกเสริมความงาม ที่ให้บริการศัลยกรรม และ หัตถการ ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย และ มาตรฐานความปลอดภัย โดยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ทั้งแพทย์ไทย และ แพทย์เกาหลี ที่มากด้วยประสบการณ์ ที่พร้อมจะเนรมิตให้คุณสวยแบบที่ต้องการ  นอกจากนั้นแล้วพูจองคลินิกยังมีสาขาให้เลือกมากมายถึง 10 สาขา ทั้งในกรุงเทพ และ ต่างจังหวัด เพราะความสวยไม่รอใคร อยากสวยเลือกทำที่ Bujeong Clinic สิคะ!

มั่นใจ ปลอดภัย และ ได้มาตรฐาน พูจองคลินิกส่งตรงความงาม แบบฉบับเกาหลี

 
สามารถติดตาม Bujeong Clinic สำหรับเสริมความงาม ช่องทางต่างๆ เพิ่มเติมได้ที่นี่
Facebook : Bujeong Clinic - พูจอง คลินิก
Line : @Bujeong-Clinic
Tel : 088-050-1111
 
สามารถติดตาม Bujeong Clinic Surgery Center สำหรับศัลยกรรม ช่องทางต่างๆ เพิ่มเติมได้ที่นี่
Facebook : Bujeong surgery center
Line : @bujeongsurgery
Tel : 061-042-2999




7


ปัญหาหน้าอกห่าง เป็นอีกปัญหาที่ทำให้สาวๆ หลายคนขาดความมั่นใจ แม้ว่าปัญหาหน้าอกห่างจะเป็นทรงหน้าอกธรรมชาติ สำหรับใครที่อยากจะเสริมความมั่นใจ ให้หน้าอกกลับมาชิดกันอีกครั้ง วันนี้ Bujeong Clinic จะมาบอกสาเหตุของปัญหา พร้อมวิธีแก้ไขที่จะช่วยทำให้หน้าอกของคุณกลับมาชิดกันอีกครั้ง ใครที่มีหน้าอกห่างไม่ควรพลาดบทความนี้เลย!


นมห่าง คืออะไร?


หน้าอกห่างสังเกตจาก ฐานเต้านมแยกออกจากกันจนเห็นพื้นที่กึ่งกลางหน้าอกอย่างชัดเจน หรือให้เอาฝ่ามือมาทาบตรงกลางหน้าอกดู ว่าสามารถวางมือได้หรือไม่ หากวางได้แสดงว่าคุณมีหน้าอกห่าง ทรงหน้าอกของคนที่หน้าอกห่างจะดูไม่เป็นทรงเท่าคนหน้าอกชิด

สาเหตุที่ทำให้ นมห่าง


  • โครงสร้างหน้าอกเดิมของเรา เนื่องจากกระดูกหน้าอกที่นูนออกมาจนทำให้เต้านมห่างออกจากกัน หรือคนที่มีหน้าอกใหญ่มากๆ จะให้หน้าอกหย่อนลงมาจนเห็นช่องกึ่งกลางหน้าอกได้
  • การใส่บรา หรือเสื้อในไม่ถูกวิธี
  • การใส่เสื้อในไม่ถูกวิธี
  • การนอนไม่ถูกท่า

วิธีแก้ปัญหานมห่าง ต้องทำอย่างไร?

ต้องดูแล และปฏิบัติตัวให้เหมาะสม ทั้งการนอน การนั่ง และหลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่ทำให้หน้าอกห่าง แต่สำหรับใครที่หน้าอกห่างมากๆ หรือหน้าอกห่างมานานแล้ว อาจจะใช้การศัลยกรรมหน้าอก ในการทำให้หน้าอกกลับมาชิดกันอีกครั้งแทน

>> อ่านบทความ ศัลยกรรมยกกระชับทรวงอก ได้ที่นี่ <<


ทำให้หน้าอกชิดด้วยซิลิโคน


การเสริมหน้าอกด้วยซิลิโคน จะทำให้หน้าอกมีขนาดใหญ่มากยิ่งขึ้น ซึ่งจะทำให้ฐานหน้าอกก็จะเป็นทรง และหน้าอกชิดติดกัน แต่ทรงซิลิโคนก็มีให้เลือกหลากหลายทั้ง

  • ทรงกลม - เป็นทรงที่จะเน้นส่วนของเนินอก ทำให้หน้าอกชิดกันมากขึ้น
  • ทรงหยดน้ำ - เป็นทรงจะเน้นที่บริเวณฐานหน้าอก ส่วนบริเวณเนินอกจะไม่นูนออกมาเป็นทรงกลม ทำให้หน้าอกชิดเป็นธรรมชาติ
  • ทรงกึ่งหยดน้ำ - เป็นทรงที่มีการผสมผสานระหว่างทรงกลมกับทรงหยดน้ำเข้าด้วยกัน เป็นทรงที่ทำให้หน้าอกชิดย


>> อ่านบทความ รู้ก่อนเลือกซิลิโคนนม ทำมาจากอะไร ได้ที่นี่ <<


ฉีดไขมันช่วยให้หน้าอกชิดได้

การฉีดไขมันจะทำให้หน้าอกฟูขึ้น เต็มขึ้น เมื่อหน้าอกฟูขึ้นก็จะทำให้หน้าอกกระชับขึ้น และชิดกันมากยิ่งขึ้นแต่วิธีนี้อาจจะทำให้หน้าอกที่ชิดกันอาจจะไม่ชิดเท่ากับการเสริมด้วยซิลิโคน

แก้ปัญหาหน้าอกห่างด้วยวิธีแบบไฮบริด


วิธีในการแก้ปัญหาหน้าอกห่าง ด้วยการผสมระหว่างการเสริมด้วยซิลิโคนเข้ากับการฉีดไขมัน ซึ่งจะใส่ซิลิโคนเข้าไป เพื่อให้หน้าอกได้รูปทรงสวยก่อน และฉีดไขมันเข้าไปเพื่อทำให้หน้าอกฟู เพื่อให้หน้าอกชิดกันมากยิ่งขึ้น
 การแก้ปัญหาหน้าอกห่างสามารถทำได้หลายวิธี แต่ถ้าหากใครที่หน้าอกห่างมากๆ แนะนำให้เลือก การศัลยกรรมเพื่อให้หน้าอกชิด เพราะจะทำให้หน้าอกกระชับ และเป็นทรงมากขึ้น แต่ก็ต้องเลือกคลินิกที่ดี และปลอดภัยอย่าง Bujeong Clinic คลินิกที่รวมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทั้งไทย และ เกาหลี ที่มากด้วยประสบการณ์ที่จะช่วยเนรมิตหน้าอกของคุณให้สวยในแบบที่คุณต้องการ !!!
 

แก้ปัญหา นมห่าง ให้กลับมาชิดและเป็นทรงสวยที่ Bujeong Clinic!

Bujeong Clinic (ศูนย์ศัลยกรรมพูจองคลินิก) เป็นคลินิกเสริมความงาม ที่ให้บริการศัลยกรรม และ หัตถการ ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย และ มาตรฐานความปลอดภัย โดยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ทั้งแพทย์ไทย และ แพทย์เกาหลี ที่มากด้วยประสบการณ์ ที่พร้อมจะเนรมิตให้คุณสวยแบบที่ต้องการ  นอกจากนั้นแล้วพูจองคลินิกยังมีสาขาให้เลือกมากมายถึง 10 สาขา ทั้งในกรุงเทพ และ ต่างจังหวัด เพราะความสวยไม่รอใคร อยากสวยเลือกทำที่ Bujeong Clinic สิคะ!!

มั่นใจ ปลอดภัย และ ได้มาตรฐาน พูจองคลินิกส่งตรงความงาม แบบฉบับเกาหลี

 
สามารถติดตาม Bujeong Clinic สำหรับเสริมความงาม ช่องทางต่างๆ เพิ่มเติมได้ที่นี่
Facebook : Bujeong Clinic - พูจอง คลินิก
Line : @Bujeong-Clinic
Tel : 088-050-1111
 
สามารถติดตาม Bujeong Clinic Surgery Center ช่องทางต่างๆ เพิ่มเติมได้ที่นี่
Facebook : Bujeong surgery center
Line : @bujeongsurgery
Tel : 061-042-2999




8


นวดนม หลังศัลยกรรม ซึ่งเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างมาก เพื่อช่วยแก้ปัญหาการเกิดพังผืดรอบซิลิโคน ซึ่งจะทำให้หน้าอกที่เสริมไม่เป็นธรรมชาติ และทำให้เกิดปัญหาอื่นๆ ร่วมด้วยได้
วันนี้ Bujeong Clinic จะมาแนะนำวิธีนวดนมที่ถูกต้อง เพื่อให้หน้าอกของคุณได้ทรงสวย ถ้าคุณเป็นคนที่เสริมหน้าอกไม่ควรพลาดบทความนี้เลย!!
 
การนวดนมหลังศัลยกรรม สำคัญอย่างไร?

หลังเสริมหน้าอก การดูแลตัวเองในช่วงหลังเสริมหน้าอกมาถือว่าเป็นสิ่งสำคัญ เช่น การนอนด้วยท่านอนหลังเสริมหน้าอกที่ถูกต้อง และการนวดนมหลังศัลยกรรม ก็นับว่ามีความสำคัญไม่แพ้กัน เพราะจะทำให้หน้าอกมีความเป็นธรรมชาติ ไม่ดูแข็งจนเกินไป


การนวดนม แม้จะศัลยกรรมเสร็จไปเรียบร้อยแล้ว เป็นการป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาที่จะตามมาหลังเสริมหน้าอก แม้ซิลิโคนที่ใส่เข้าไปในหน้าอกจะดีซักแค่ไหน ก็ต้องนวดหน้าอกเพื่อรักษารูปทรงหน้าอก


ใครที่เจอปัญหาซิลิโคนพลิกก็เป็นได้ ถ้าอยากรู้ข้อมูลเพิ่มเติมต้องไปอ่านเพิ่มเติมได้เลย
>> อ่านบทความ ซิลิโคนพลิกเป็นยังไง ได้ที่นี่<<


ทำไมต้อง นวดนม หลังศัลยกรรม


การนวดหน้าอกจะช่วยในการลดการเกิด พังผืดรอบซิลิโคน เพราะเมื่อพังผืดที่อยู่รอบซิลิโคน จะทำให้ซิลิโคนเริ่มแข็งตัว และเนื้อสัมผัสของซิลิโคนเปลี่ยนไป ดังนั้นจึงต้องนวดนม เพราะให้การเกิดพังผืดช้าลง

  • ป้องกันการหดรัดตัวของซิลิโคน
  • ทำให้หน้าอกขยายตัวได้มากขึ้น
  • ช่วยไม่ให้ซิลิโคนเป็นริ้ว
  • ทำให้หน้าอกที่เสริมมาดูเป็นธรรมชาติ


ต้องนวดหน้าอกบ่อยแค่ไหน?


การนวดหน้าอกสามารถทำได้ตั้งแต่ เมื่อแผลเสริมหน้าอกของเราหายสนิทแล้ว ควรนวดหน้าอกในช่วง 6 เดือนแรก เพื่อรักษารูปทรงของหน้าอก และช่วงหลังเสริมหน้าอกไปแล้วประมาณ 1 - 2 ปี การนวดหน้าอกควรจะนวดหน้าอกวันละ 2 - 3 ครั้ง โดยเฉพาะในช่วงแรกๆ และในช่วงหลังจาก 6 เดือนไปแล้ว ให้นวด 2 - 3 ครั้ง / สัปดาห์ แต่ไม่ควรทิ้งเวลาให้นานจนเกินไป

วิธีการนวดหน้าอกที่ถูกต้อง


นวดหน้าอกโดยใช้มือดันหน้าอกเข้าหากัน และ ดันหน้าอกให้ออกห่างจากกัน ค้างไว้ประมาณ 10 วินาที ครั้งละ 3 เซต สลับกันไป

  • ใช้มือดันหน้าอกจากบนลงล่าง และจากล่างขึ้นบน ค้างไว้ประมาณ 10 วินาทีต่อเซต และทำอย่าง 3 เซต
  • เอามือดันบริเวณฐานหน้าอก แล้วดันหน้าอกขึ้นไปด้านบน ทำค้างไว้ประมาณข้างละ 10 วินาที ทำข้างละ 3 เซต
  • นวดคลึงหน้าอกเป็นวงกลม ประมาณ 10 วินาที โดยให้ทำประมาณ 3 เซต


การนวดหน้าอกที่ถูกต้อง ไม่จำเป็นจะต้องนวด หรือกดแรงๆ แต่ควรนวดให้ถูกวิธี เพื่อให้อายุการใช้งานของซิลิโคนยาวนานมากขึ้น ใครที่อยากเสริมหน้าอกให้ได้ทรงสวย และปลอดภัย เลือกเสริมหน้าอกที่ Bujeong Clinic คลินิกที่รวมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทั้งไทย และ เกาหลี ที่มากด้วยประสบการณ์ที่จะช่วยเนรมิตหน้าอกของคุณให้สวยในแบบที่คุณต้องการ อยากมีหน้าอกทรงสวยเลือกพูจองเลย!!!


ใครที่กลัวว่าจะเกิดปัญหาหลังเสริมหน้าอก เพื่อเตรียมรับมือกับปัญหาที่จะเกิดขึ้นได้ก่อน รู้ก่อนจะได้เตรียมรับมือได้ทัน
>> อ่านบทความ วิธีรับมือกับ ปัญหาหลังเสริมอก ได้ที่นี่ <<


 
เสริมหน้าอกให้สวยปังเลือกเสริมกับ Bujeong Clinic

Bujeong Clinic (ศูนย์ศัลยกรรมพูจองคลินิก) เป็นคลินิกเสริมความงาม ที่ให้บริการศัลยกรรม และ หัตถการ ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย และ มาตรฐานความปลอดภัย โดยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ทั้งแพทย์ไทย และ แพทย์เกาหลี ที่มากด้วยประสบการณ์ ที่พร้อมจะเนรมิตให้คุณสวยแบบที่ต้องการ  นอกจากนั้นแล้วพูจองคลินิกยังมีสาขาให้เลือกมากมายถึง 10 สาขา ทั้งในกรุงเทพ และ ต่างจังหวัด เพราะความสวยไม่รอใคร อยากสวยเลือกทำที่ Bujeong Clinic สิคะ!

มั่นใจ ปลอดภัย และ ได้มาตรฐาน พูจองคลินิกส่งตรงความงาม แบบฉบับเกาหลี

 

สามารถติดตาม Bujeong Clinic สำหรับเสริมความงาม ช่องทางต่างๆ เพิ่มเติมได้ที่นี่
Facebook : Bujeong Clinic - พูจอง คลินิก
Line : @Bujeong-Clinic
Tel : 088-050-1111
 
สามารถติดตาม Bujeong Clinic Surgery Center สำหรับศัลยกรรม ช่องทางต่างๆ เพิ่มเติมได้ที่นี่
Facebook : Bujeong surgery center
Line : @bujeongsurgery
Tel : 061-042-2999



9


ปัญหาซิลิโคนพลิก เป็นอีกหนึ่งปัญหาที่อาจเกิดหลังจากเสริมหน้าอกไปแล้ว ซึ่งจะส่งผลต่อรูปทรงซิลิโคน ซิลิโคนพลิกเกิดจากอะไร Bujeong Clinic จะพาคุณมาหาคำตอบ ใครที่สงสัยเรื่องนี้อยู่ต้องไม่พลาดบทความนี้เลย!!
 
ซิลิโคนพลิกเป็นยังไง จะรู้ได้อย่างไร?
ซิลิโคนพลิก จะทำให้ซิลิโคนอยู่สลับด้านจากด้านปกติ ทำให้ทรงหน้าอกผิดรูปไป จากเดิมที่ซิลิโคนส่วนขอบซิลิโคนจะต้องอยู่ด้านใน และส่วนนูนจะต้องหันออกข้างนอก แต่ซิลิโคนที่พลิกจะทำให้ส่วนทั้งสองกลับด้านกัน

ช่องใส่ซิลิโคนใหญ่เกินไป


ช่องซิลิโคนที่ใหญ่จะทำให้ซิลิโคนพลิกได้ เนื่องจากการพลิกตัว หรือบิดตัว ดังนั้นตั้งวางช่องซิลิโคนให้พอดี  เพื่อป้องกันปัญหาซิลิโคนพลิก
 
ใส่ซิลิโคนเหนือกล้ามเนื้อหน้าอก


การใส่ซิลิโคนเหนือกล้ามเนื้อ อาจทำให้ซิลิโคนพลิกตัวได้ และทำให้เห็นขอบซิลิโคนได้ชัด ดังนั้นอาจเลือกวางซิลิโคนไว้ใต้กล้ามเนื้อจะดีกว่า เพราะว่าจะทำหน้าอกกระชับ เข้าทรงสวย และไม่ค่อยมีอาการข้างเคียงจากการเสริมหน้าอก

ใครที่ไม่รู้จะเลือกตำแหน่งไหนใส่ซิลิโคน หากไม่อยากตัดสินใจพลาดก่อนทำนม ต้องไปอ่านบทความข้างล่างนี้เลย
>> อ่านบทความ เรื่องต้องรู้ก่อนตัดสินใจทำนม ได้ที่นี่ <<

นวดหน้าอกไม่ถูกวิธี


การนวดหน้าอกเป็นอะไรที่สำคัญมากหลังการเสริมหน้าอก แต่การนวดหน้าอกให้ดีจะต้องนวดให้ถูกต้องด้วย ไม่เช่นนั้นอาจทำให้ซิลิโคนพลิกได้ โดยเฉพาะคนที่นวดแรงๆ หรือทำการขย้ำซิลิโคน
 
ซิลิโคนพลิกเป็นยังไง อันตรายไหม?

ปัญหาซิลิโคนพลิกไม่ได้ส่งผลอันตรายต่อร่างกาย แต่จะทำใหเรู้สึกเจ็บๆ ได้ นอกจากนั้นยังทำให้เห็นขอบซิลิโคนนูนขึ้นมาได้ชัด และเวลาที่จับจะสัมผัสโดนขอบซิลิโคนอย่างชัดเจน


วิธีในการป้องกันซิลิโคนพลิก

  • ห้ามยกของหนัก
  • ไม่ใส่เสื้อผ้ารัดจนเกินไป

  • นอนในท่าที่เหมาะสม
  • ไม่เคลื่อนไหวมากเกินไป
  • นวดหน้าอกอย่างถูกวิธี และสม่ำเสมอ


  • ดันบริเวณด้านข้างของหน้าอกให้เข้าหากันให้ชิด ประมาณ 10 วินาที
  • ใช้มือคลึงไปรอบหน้าอก ข้างละประมาณ 10 วินาที แล้วจึงสลับฝั่ง
  • ใช้มือดันที่ฐานหน้าอก แล้วดันหน้าอกขึ้น ประมาณ 10 วินาที


นอกจากปัญหาซิลิโคนพลิกแล้ว เราก็อาจจะเจอกับปัญหาอื่นๆได้ ใครที่ไม่อยากเจอปัญหาหลังทำนม อ่านบทความด้านล่างเลย


ซิลิโคนพลิกสามารถแก้ได้ไหม?

การแก้ปัญหาซิลิโคนพลิก ทำได้โดยการผ่าตัดเพื่อจัดทรงซิลิโคนให้กลับมาอยู่ในด้านที่ถูกต้อง หรือเปลี่ยนตำแหน่งมาใส่ใต้กล้ามเนื้อแทน รวมถึงจะต้องปฏิบัติตัวให้เหมาะสม

 
สาเหตุส่วนใหญ่ของปัญหาซิลิโคนพลิกมาจากการผ่าตัด ร่วมกับการปฏิบัติตนที่ไม่ถูกต้อง ดังนั้นจึงต้องเลือกแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญอย่าง Bujeong Clinic คลินิกที่รวมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทั้งไทย และ เกาหลี ที่มากด้วยประสบการณ์ที่จะช่วยให้หน้าอกของคุณออกมาดูดี และ ปลอดภัย!!!
 

ใครกำลังตัดสินใจจะทำนม แต่ยังลังเลเรื่องค่าใช้จ่ายอื่นๆ อยู่สามารถอ่านบทความข้างล่างนี้ได้เลย

 
หมดปัญหาซิลิโคนพลิก ถ้าเลือก Bujeong Clinic Surgery Center
Bujeong Clinic (ศูนย์ศัลยกรรมพูจองคลินิก) เป็นคลินิกเสริมความงาม ที่ให้บริการศัลยกรรม และ หัตถการ ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย และ มาตรฐานความปลอดภัย โดยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ทั้งแพทย์ไทย และ แพทย์เกาหลี ที่มากด้วยประสบการณ์ ที่พร้อมจะเนรมิตให้คุณสวยแบบที่ต้องการ  นอกจากนั้นแล้วพูจองคลินิกยังมีสาขาให้เลือกมากมายถึง 10 สาขา ทั้งในกรุงเทพ และ ต่างจังหวัด เพราะความสวยไม่รอใคร อยากสวยเลือกทำที่ Bujeong Clinic สิคะ!!!

มั่นใจ ปลอดภัย และ ได้มาตรฐาน พูจองคลินิกส่งตรงความงาม แบบฉบับเกาหลี

 
สามารถติดตาม Bujeong Clinic สำหรับเสริมความงาม ช่องทางต่างๆ เพิ่มเติมได้ที่นี่
Facebook : Bujeong Clinic - พูจอง คลินิก
Line : @Bujeong-Clinic
Tel : 088-050-1111
 
สามารถติดตาม Bujeong Clinic Surgery Center สำหรับศัลยกรรม ช่องทางต่างๆ เพิ่มเติมได้ที่นี่
Facebook : Bujeong surgery center
Line : @bujeongsurgery
Tel : 061-042-2999


10


หน้าอกที่ใหญ่จนเกินไปอาจทำให้ใครหลายๆ คนใช้ชีวิตลำบาก และยังเสียบุคลิกภาพอีกด้วย อีกทั้งยังมีผลเสียที่ตามมา วันนี้ Bujeong Clinic จะมาแนะนำให้รู้จักกับการศัลยกรรม ลดขนาดหน้าอก อีกหนึ่งตัวช่วยที่ทำให้หน้าอกของคุณกลับมามีขนาดที่พอดีกับตัว!
 
ประเภทของการลดขนาดหน้าอก

โดยหลักๆ การลดขนาดหน้าอกจะสามารถแบ่งออกได้เป็น 3 วิธี ดังต่อไปนี้

  • การผ่าตัดลดขนาดหน้าอก
  • การย้ายหัวนม หรือ ปานนม
  • การดูดไขมัน

วิธีการ ลดขนาดหน้าอก แต่ละแบบ

1.การผ่าตัดลดขนาดหน้าอก

เทคนิค Crescent


เป็นการผ่าตัดลดขนาดหน้าอกรูปพระจันทร์เสี้ยว โดยจะกรีดแผลใต้เต้านม เพื่อนำเนื้อหน้าอกส่วนเกินออก   และย้ายหัวนมขึ้นไปในตำแหน่งที่เหมาะสม

ข้อดีของเทคนิคนี้ - เหมาะสำหรับซ่อนบาดแผล และฟื้นตัวได้ไว

เทคนิค Donut


เทคนิคนี้จะลดขนาดหน้าอกรูปโดนัท โดยจะกรีดบริเวณรอบปานนมเป็นทรงกลมเพื่อนำเนื้อส่วนเกินออก และเย็บบาดแผลบริเวณฐานนม

ข้อดีของเทคนิคนี้ - เป็นการผ่าตัดเล็ก และไม่เห็นบาดแผลมากนัก

เทคนิค Lolipop


เป็นการผ่าตัดลดขนาดหน้าอกสำหรับคนที่มีเนื้อหน้าอกเยอะ โดยจะกรีดจากบริเวณปานนมเป็นเส้นตรงเพื่อเอาเนื้อหน้าอกส่วนเกินออก และเย็บปิดบาดแผล

ข้อดีของเทคนิคนี้ - ใช้เวลาผ่าตัดไว และฟื้นตัวได้ไว

เทคนิค Anchor


เทคนิคนี้จะกรีดแผลใต้ราวนมเป็นแผลสั้นๆ และย้ายเต้านมไปในตำแหน่งที่เหมาะสม เป็นเทคนิคที่เหมาะสำหรับการลดขนาดหน้าอกของคนที่หน้าอกใหญ่มากๆ

ข้อดีของเทคนิคนี้ - ช่วยลดขนาดหน้าอก และปานนม ทำให้หน้าอกกระชับมากที่สุด

2.การย้ายหัวนม


การย้ายหัวนมมาอยู่ในตำแหน่งใหม่ จะคล้ายกับเทคนิคการผ่าตัดแบบโดนัท แต่จะตัดเนื้อหน้าอกเพียงบางส่วนด้วย ซึ่งเหมาะสำหรับคนที่หน้าอกใหญ่แต่ไม่ยานมาก

3.การดูดไขมัน


วิธีนี้จะเห็นผลทันทีเมื่อดูดไขมันเรียบร้อยแล้ว ซึ่งลดขนาดหน้าอก และไม่ทำให้เกิดรอยแผลเป็น เหมือนกับการผ่าตัด


ใครที่มีหน้าอกหย่อนคล้อยหย่อนยานไม่เป็นทรง การยกกระชับทรวงอก สามารถอ่านบทความเพิ่มเติมนี้ได้เลย

 
วิธีการดูแลหลังผ่าตัด ลดขนาดหน้าอก
ในช่วงแรกๆ หลังจากการผ่าตัดประมาณ 1 เดือน ควรจะใส่เสื้อกระชับหน้าอกอยู่ตลอด เพื่อเป็นการรักษารูปทรงของหน้าอก  นอกจากนั้นก็ควรจะปฏิบัติตัวให้เหมาะสมด้วย เช่น

  • ไม่ควรให้แผลโดนน้ำในช่วง 1 อาทิตย์แรก
  • ไม่ควรยกของหนักอย่างเด็ดขาด
  • การนอนควรจะนอนยกหัวให้สูง และไม่นอนคว่ำ
  • ต้องปฏิบัติตนให้เหมาะสมจนกว่าแผลจะหาย และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัดอีกด้วย


ใครที่มีปัญหาหน้าอกใหญ่จนเกินไป การศัลยกรรมลดขนาดหน้าอกเป็นอีกวิธีที่เหมาะกับคุณ แต่การลดขนาดให้ดีควรเลือกคลินิกให้เหมาะสม อย่าง Bujeong Clinic Surgery Center คลินิกที่รวมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทั้งไทย และ เกาหลี ที่มากด้วยประสบการณ์ที่จะช่วยให้หน้าอกของคุณออกมาดูดี ด้วยเทคนิคที่ทันสมัย และ ปลอดภัย พูจองจะช่วยแก้ปัญหาขนาดหน้าอกให้แก่คุณเอง!!!
 
 
อยาก ลดขนาดหน้าอก เลือกทำที่ Bujeong Clinic Surgery Center!!

Bujeong Clinic Surgery Center  (ศูนย์ศัลยกรรมพูจองคลินิก) เป็นคลินิกเสริมความงาม ที่ให้บริการศัลยกรรม และ หัตถการ ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย และ มาตรฐานความปลอดภัย โดยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ทั้งแพทย์ไทย และ แพทย์เกาหลี ที่มากด้วยประสบการณ์ ที่พร้อมจะเนรมิตให้คุณสวยแบบที่ต้องการ  นอกจากนั้นแล้วพูจองคลินิกยังมีสาขาให้เลือกมากมายถึง 10 สาขา ทั้งในกรุงเทพ และ ต่างจังหวัด เพราะความสวยไม่รอใคร อยากสวยเลือกทำที่ Bujeong Clinic Surgery Center สิคะ!!

มั่นใจ ปลอดภัย และ ได้มาตรฐาน พูจองคลินิกส่งตรงความงาม แบบฉบับเกาหลี

 
สามารถติดตาม Bujeong Clinic สำหรับเสริมความงาม ช่องทางต่างๆ เพิ่มเติมได้ที่นี่
Facebook : Bujeong Clinic - พูจอง คลินิก
Line : @Bujeong-Clinic
Tel : 088-050-1111
 
สามารถติดตาม Bujeong Clinic Surgery Center สำหรับศัลยกรรม ช่องทางต่างๆ เพิ่มเติมได้ที่นี่
Facebook : Bujeong surgery center
Line : @bujeongsurgery
Tel : 061-042-2999



11


ในปัจจุบันนี้แอร์ถูกพัฒนาจนสามารถมีระบบล้างตัวเองได้ และมีฟังก์ชันการใช้งานเสริมอื่นๆ อีกมากมาย วันนี้ โกลบอลเฮ้าส์ จะพามารู้จัก แอร์ล้างตัวเอง แอร์รูปแบบใหม่ที่คนยุคใหม่ควรมี เพื่อช่วยให้คุณตัดสินใจเลือกซื้อได้ง่ายมากขึ้นอีกด้วย!!!
 
แอร์ล้างตัวเอง คือ?


แต่ละแบรนด์จะมีการเรียกชื่อฟังก์ชันนี้แตกต่างกันออกไป ซึ่งตัวเครื่องจะมีการบันทึกชั่วโมงที่ถูกใช้งาน และเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม ซึ่งแอร์จะมีการทำความสะอาด 2 ส่วนหลักๆ ดังนี้

  • ลดกลิ่นเหม็นอับ ระบบจะสั่งให้แอร์เปิดทำงาน เพื่อไล่ความชื้นออกจากคอยล์เย็น เพื่อลดเชื้อรา และกลิ่นอับ
  • ดักจับสิ่งสกปรก ระบบจะเริ่มทำความเย็นต่ำเพื่อฟรีซฝุ่นละออง และทำการละลาย โดยการล้างละอองที่ดักจับไว้ออกไปตามท่อระบายน้ำทิ้ง

 
แอร์ล้างตัวเอง ที่อยากจะแนะนำ

HAIER รุ่น HSU-15VNS03T(H)


  • มีเทคโนโลยี Turbo Cool ที่ช่วยให้ห้องเย็นเร็วขึ้นถึง 47%
  • 3D Airflow ช่วยให้ลมกระจายได้ทั่วถึง
  • Blue Fin ลดการกัดกร่อนจากความชื้น และความเค็มจากไอเกลือของน้ำทะเล
  • Self cleaning ด้วยระบบ Evaporator Self cleaning Function


TOSHIBA รุ่น RAS-18U2KCV2G-T


  • Swing & Fix Louver ช่วยปรับทิศทาง ได้ถึง 10 ระดับ
  • ช่วยเร่งทำความเย็นได้อย่างรวดเร็ว รักษาอุณหภูมิด้วยระบบ Inverter
  • Aqua Resin Coated ลดการสะสมของคราบสกปรก และฝุ่นละออง
  • Automatic Self-Cleaning ช่วยเป่าลมเป็นระยะเวลาต่อเนื่อง 20 นาทีเพื่อไล่ความชื้นที่หลงเหลืออยู่ในคอยล์เย็น


HAIER รุ่น HSU-18VTRA03T


  • PID DC Inverter ช่วยประหยัดพลังงาน ประหยัดไฟ
  • Turbo Cool ช่วยเร่งความเย็นได้ถึง 47%
  • Comfortable Sleep ระบบรักษาระดับอุณหภูมิ
  • Multi-layers Filter ช่วยยับยั้งแบคทีเรีย และกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์
  • Self Cleaning ที่เป็นระบบทำความสะอาดอัตโนมัติ ที่ใช้เวลาในการทำความสะอาดเพียง 20 นาที

MITSUBISHI HEAVY DUTY รุ่น SRK24YVS-W1


  • ระบบ Real Inverter และระบบ Heavy Duty ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการประหยัดไฟ
  • Jet Flow เย็นเร็วขึ้น และส่งความเย็นไปได้ไกล
  • Self Cleaning เช่วยลดอัตราการเติบโตของเชื้อรา ทำให้ไม่มีกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ออกมา


ทำไมต้องซื้อแอร์ล้างตัวเอง?

แอร์ล้างตัวเองถือว่าเป็นแอร์รุ่นใหม่ ที่ตอบโจทย์สำหรับคนไม่มีเวลาในการทำความสะอาด นอกจากนั้นก็ยังช่วยในเรื่องของการ ลดการเกิดแบคทีเรีย และเชื้อรา ที่ส่งผลให้มีกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ออกมา แต่ด้วยฟังก์ชันนี้จะช่วยให้แอร์ของคุณสะอาด แต่ก็ควรให้ช่างมาล้างแอร์อย่างน้อยทุกๆ  6 เดือน เพื่อเป็นการยืดอายุการใช้งานของแอร์ให้ยาวนานมากยิ่งขึ้น
 


หากมีข้อสงสัยเพิ่มเติมเกี่ยวกับแอร์ หรือเครื่องปรับอากาศ โกลบอลเฮ้าส์ ช่วยคุณได้

ใครที่รู้แล้วว่า แอร์ล้างตัวเอง มีหน้าที่การทำงานอย่างไร ช่วยลดปัญหาในด้านไหน และอยากจะได้ เครื่องปรับอากาศ ตัวใหม่ที่มีฟังก์ชันนี้ แต่ไม่รู้ว่าจะต้องเลือกยังไง สามารถไปดูสินค้าจริงได้เลยที่ Global House ทุกสาขาทั่วประเทศ โดยมีพนักงานที่พร้อมให้บริการตอบคำถาม และมี บริการติดตั้งเครื่องทำน้ำอุ่น สุดพิเศษจากช่างดี บริการครบ จบเรื่องบ้าน หรือจะช้อปออนไลน์ก็ง่าย สบายกระเป๋า ผ่อนก็คุ้มกับโกลบอลเฮ้าส์ ที่ให้ สิทธิพิเศษในการผ่อนชำระ 0% นานสูงสุด 10 เดือน (เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด) นอกจากเครื่องทำน้ำอุ่นแล้ว ทาง Global House เอง ยังให้บริการจัดจำหน่ายสินค้าวัสดุก่อสร้าง และสินค้าตกแต่งบ้านที่ดีด้วย A Better Choice for A Better Home
 
เพื่อไม่ให้พลาดทุกโปรโมชันใหม่ ๆ ทั้งสินค้าวัสดุก่อสร้าง หรือสินค้าตกแต่งบ้าน สามารถติดตามและสั่งซื้อสินค้า Global House ได้หลากหลายช่องทางที่
Facebook: Global House โกลบอลเฮ้าส์
Line@: @globalhouse
Instagram: globalhouse_official
YouTube: Global House โกลบอลเฮ้าส์
TikTok: globalhouseofficial
Twitter: @globalhouseth



12


ใครที่กำลังเจอกับปัญหาเครื่องทำน้ำอุ่นน้ำไม่แรง วันนี้ โกลบอลเฮ้าส์ จะมาบอกถึงสาเหตุ และแนะนำวิธีการแก้ไข เครื่องทำน้ำอุ่นไม่แรง แบบเบื้องต้น เพื่อให้สามารถแก้ไขได้ตรงจุด!!!
 
สาเหตุที่ เครื่องทำน้ำอุ่นน้ำไม่แรง มาจากอะไร?

1 - มีสิ่งสกปรกติดอยู่ในวาล์วจ่ายน้ำ


คราบสิ่งสกปรกจะทำให้ น้ำที่ไหลผ่านเข้าตัวเครื่องจะมีพวกเศษทราย เศษหินปะปนเข้าไป ทำให้เกิดการอุดตันบริเวณวาล์วจ่ายน้ำ ทำให้น้ำที่ไหลออกมาไม่แรง

วิธีในการทำความสะอาดวาล์วจ่ายน้ำ

  • ปิดเบรกเกอร์ของเครื่องทำน้ำอุ่น และถอดหน้ากากของเครื่องทำน้ำอุ่นออกมา
  • ถอดวาล์วออกมาทั้งอัน และนำไปแยกชิ้นส่วน เพื่อล้างทำความสะอาด
  • เมื่อล้างแล้วให้ประกอบกลับคืนเหมือนเดิม
  • ทดสอบเปิดใช้งานเครื่องทำน้ำอุ่น ว่าน้ำแรงขึ้นหรือไม่

2 - แรงดันน้ำไม่เพียงพอ


บางครั้งแรงดันน้ำอาจจะเป็นสาเหตุที่ทำให้เครื่องทำน้ำอุ่นน้ำไม่แรง วิธีในการแก้ไขคือ ติดตั้ง เครื่องปั๊มน้ำ โดยควรจะให้ผู้เชี่ยวชาญมาประเมินเบื้องต้น ว่าควรใช้ปั๊มน้ำขนาดเท่าไหร่ จึงจะเหมาะกับการใช้งาน
 
3 - แรงดันไฟฟ้าไม่เหมาะกับเครื่องทำน้ำอุ่น


  • ให้ลองตรวจมิเตอร์ไฟฟ้าว่ารองรับแรงดันไฟฟ้าจากเครื่องทำน้ำอุ่นได้หรือไม่
  • มิเตอร์ขนาด 5 (15) A สามารถทนกับกระแสเกินได้ 18 A เหมาะกับเครื่องทำน้ำอุ่นที่ไม่เกิน 3,500 วัตต์
  • มิเตอร์ขนาด 15 (45) A สามารถทนกับกระแสเกินได้ 54 A เหมาะกับเครื่องทำน้ำอุ่นที่ไม่เกิน 4,500 – 6,000 วัตต์

 
4 - ปัญหาของฝักบัว


หากลองวิธีอื่นแล้ว ให้ลองดูว่าที่ฝักบัวมีสิ่งสกปรก หรือตะกอนไปอุดตันที่รูจ่ายน้ำของฝักบัวหรือไม่ ซึ่งจะเกิดกับเครื่องทำน้ำอุ่นที่ใช้งานมานาน

วิธีทำความสะอาดฝักบัว

  • ถอดฝักบัวออกมา แล้วล้างทำความสะอาด แต่ถ้ามีหินปูนเกาะอยู่ ให้ผสมน้ำส้มสายชูกับน้ำ และนำฝักบัวไปแช่ก่อนประมาณ 30 นาทีแล้วเอาแปรงมาขัด
  • ถ้าฝักบัวใครไม่ได้มาตรฐาน แนะนำให้ซื้อหัวฝักบัวมาเปลี่ยนใหม่ โดยเลือก ฝักบัว ที่มีคุณภาพสูง และ ได้มาตรฐาน

5 - ฟิลเตอร์อุดตัน


สำหรับใครที่เครื่องทำน้ำอุ่นทำงานปกติ แต่น้ำที่ไหลออกมากลับไหลน้อย ให้สังเกตสายจ่ายน้ำเข้าเครื่อง ที่ฟิลเตอร์ของเครื่องทำน้ำอุ่น ซึ่งในบางครั้งจะมีพวกเศษสิ่งสกปรกเข้าไปอุดตันอยู่ในนั้น ทำให้น้ำไหลผ่านเครื่องไม่ได้ เป็นผลทำให้น้ำไหลไม่แรงนั่นเอง

วิธีในการทำความสะอาดฟิลเตอร์

  • หมุนฟิลเตอร์ทวนเข็มนาฬิกา และดึงฟิลเตอร์ออกมา
  • ทำความสะอาดออกไปให้หมด จากนั้นก็นำฟิลเตอร์ใส่กลับไปที่เดิม


เมื่อคุณรู้สาเหตุของปัญหาแล้ว ก็จะต้องแก้ไขให้ตรงจุด และอย่าลืมเลือกเครื่องทำน้ำอุ่นให้เหมาะสมกับขนาดมิเตอร์ไฟฟ้าที่บ้านของคุณด้วย เพียงเท่านี้เครื่องทำน้ำอุ่นของคุณก็จะกลับมาใช้งานได้ดีดังเดิม!!

 
หากมีข้อสงสัยเพิ่มเติมเกี่ยวกับเครื่องทำน้ำอุ่น โกลบอลเฮ้าส์ ช่วยคุณได้

หากใครที่ลองแก้ไขตามวิธีเหล่านี้ และเครื่องทำน้ำอุ่นกลับมาใช้งานได้เหมือนเดิม น้ำไหลแรง หรือลองทำแล้วยังไม่หาย จะต้องซื้อ เครื่องทำน้ำอุ่น ใหม่ มาเปลี่ยนแทนเครื่องเก่า และอยากจะเปลี่ยนไปใช้ ฝักบัว ที่มีฟังก์ชันใหม่ๆ ที่ช่วยให้น้ำไหลแรงมากกว่าเดิม สามารถไปดูสินค้าจริงได้เลยที่ Global House ทุกสาขาทั่วประเทศ โดยมีพนักงานที่พร้อมให้บริการตอบคำถาม และมี บริการติดตั้งเครื่องทำน้ำอุ่น สุดพิเศษจากช่างดี บริการครบ จบเรื่องบ้าน หรือจะช้อปออนไลน์ก็ง่าย สบายกระเป๋า ผ่อนก็คุ้มกับโกลบอลเฮ้าส์ ที่ให้ สิทธิพิเศษในการผ่อนชำระ 0% นานสูงสุด 10 เดือน (เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด) นอกจากเครื่องทำน้ำอุ่นแล้ว ทาง Global House เอง ยังให้บริการจัดจำหน่ายสินค้าวัสดุก่อสร้าง และสินค้าตกแต่งบ้านที่ดีด้วย A Better Choice for A Better Home
 
เพื่อไม่ให้พลาดทุกโปรโมชันใหม่ ๆ ทั้งสินค้าวัสดุก่อสร้าง หรือสินค้าตกแต่งบ้าน สามารถติดตามและสั่งซื้อสินค้า Global House ได้หลากหลายช่องทางที่
Facebook: Global House โกลบอลเฮ้าส์
Line@: @globalhouse
Instagram: globalhouse_official
YouTube: Global House โกลบอลเฮ้าส์
TikTok: globalhouseofficial
Twitter: @globalhouseth



13


ใครที่ต้องซักผ้าในปริมาณมากลองเปลี่ยนมาใช้ เครื่องซักผ้า 2 ถัง ดูสิ!! เพราะเป็นเครื่องซักผ้าที่มีขนาดของตัวถังขนาดใหญ่ เป็นเครื่องซักผ้าที่จะช่วยประหยัดเวลาในการซัก และยังราคาถูกกว่าแบบถังเดี่ยวอีกด้วย ใครที่ลังเลเพราะไม่รู้ว่าจะเลือกเครื่องซักผ้า 2 ถัง ยี่ห้อไหนดี หรือไม่รู้ว่าเครื่องซักผ้ารุ่นไหนมีฟังก์ชันอะไรบ้าง วันนี้ โกลบอลเฮ้าส์ ขอแนะนำวิธีการเลือกเครื่องซักผ้า 2 ถัง เพื่อช่วยให้คุณตัดสินใจเลือกซื้อได้ง่ายขึ้น

วิธีในการเลือก เครื่องซักผ้า 2 ถัง


จะต้องคำนึงถึงปัจจัยต่างๆ ร่วมด้วย เพื่อช่วยประกอบการตัดสินใจในการเลือกซื้อ โดยมีหลักการง่ายๆ คือ

  • วัดขนาดพื้นที่ติดตั้ง และพื้นที่ของราวตากผ้า
  • ดูขนาดของถังซัก และรอบในการปั่นแห้ง
  • กำหนดงบประมาณในการซื้อ
  • ตรวจสอบการรับประกัน

เครื่องซักผ้า 2 ถัง ยี่ห้อไหนดี?



เครื่องซักผ้าความจุ 12 กิโลกรัม และถังปั่นแห้งขนาด 9 กิโลกรัม ที่มาพร้อมระบบแช่สลับซัก พร้อมถังซักที่สามารถปรับระดับการซักได้ 2 ระดับ และระบบ Air Jet Dry  ที่ช่วยระบายอากาศภายในถังปั่นแห้ง ทำให้ผ้าแห้งไวมากยิ่งขึ้น และไม่มีกลิ่นเหม็นอับ




เครื่องซักผ้าความจุ 13 กิโลกรัม และถังปั่นแห้งขนาด 10 กิโลกรัม มีโปรแกรม Soak Master ที่ช่วยกำจัดคราบที่ฝังลึก ที่มาพร้อมฟิลเตอร์ที่ช่วยกรองสิ่งสกปรก และมีระบบ Shower Rinse ที่จะช่วยล้างทำความสะอาดทั้งผ้า และถังปั่นแห้ง รวมถึงมีฝาถังที่ใสช่วยให้มองเห็นการทำงานได้อย่างชัดเจน




เครื่องซักผ้าความจุ 16 กิโลกรัม ที่มาพร้อมกับระบบ  Power Storm ที่ช่วยส่งน้ำไปได้หลายทิศทาง และมีโปรแกรมการซักถึง 2 รูปแบบ แถมยังมีระบบ Air Turbo Drying ที่ช่วยย่นระยะเวลาทำให้ผ้าแห้งไวมากยิ่งขึ้น



เครื่องซักผ้าความจุ 16 กิโลกรัม และถังปั่นแห้งขนาด 10 กิโลกรัม ที่มาพร้อมจานซักผ้าแบบ Roller Jet ที่ช่วยส่งกระแสน้ำไปได้หลายจุด และยังถนอมเนื้อผ้า นอกจากนั้นยังมีโปรแกรมการซักให้เลือกถึง 3 ระดับ ตามชนิดของเสื้อผ้า และมีระบบ Wind Jet Dry ที่ช่วยกำจัดความชื้นของผ้าตอนที่ปั่นแห้ง ทำให้ผ้าแห้งไวขึ้น

อุปกรณ์ที่ใช้กับเครื่องซักผ้า


นอกจากเครื่องซักผ้าที่ดีแล้ว อุปกรณ์ที่ใช้ในการซักผ้าก็ยังเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ผ้าที่ซักออกมาสะอาด และยังช่วยในการถนอมผ้าอีกด้วย ถ้าอยากให้ผ้าสะอาดควรใช้ น้ำยาซักผ้า น้ำยาปรับผ้านุ่ม ลูกบอลซักผ้า ถุงซักผ้า ในการซักผ้า และใช้น้ำยาทำความสะอาดเครื่องซักผ้า ในการทำความสะอาดถังซักผ้า ที่สามารถช่วยยืดอายุการใช้งานของเครื่องซักผ้าได้

หากมีข้อสงสัยเพิ่มเติมเกี่ยวกับเครื่องซักผ้า โกลบอลเฮ้าส์ ช่วยคุณได้

ใครที่กำลังสนใจ เครื่องซักผ้า 2 ถัง กำลังมองหา ราวตากผ้า คุณภาพดี และอยากจะได้ ถุงใส่ผ้าซัก มาแทนตะกร้าผ้าตัวเก่า แต่ไม่รู้ว่าลักษณะของการใช้งานจะตอบโจทย์และเหมาะสมหรือเปล่า สามารถไปดูสินค้าจริงได้เลยที่ Global House ทุกสาขาทั่วประเทศ โดยมีพนักงานที่พร้อมให้บริการตอบคำถาม และมี บริการติดตั้งเครื่องซักผ้า และล้างเครื่องซักผ้า สุดพิเศษจากช่างดี บริการครบ จบเรื่องบ้าน หรือจะช้อปออนไลน์ก็ง่าย สบายกระเป๋า ผ่อนก็คุ้มกับโกลบอลเฮ้าส์ ที่ให้ สิทธิพิเศษในการผ่อนชำระ 0% นานสูงสุด 10 เดือน (เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯกำหนด) นอกจากเครื่องซักผ้าแล้ว ทาง Global House เอง ยังให้บริการจัดจำหน่ายสินค้าวัสดุก่อสร้าง และสินค้าตกแต่งบ้านที่ดีด้วย A Better Choice for A Better Home


เพื่อไม่ให้พลาดทุกโปรโมชันใหม่ ๆ ทั้งสินค้าวัสดุก่อสร้าง หรือสินค้าตกแต่งบ้าน สามารถติดตามและสั่งซื้อสินค้า Global House ได้หลากหลายช่องทางที่
Facebook: Global House โกลบอลเฮ้าส์
Line@: @globalhouse
Instagram: globalhouse_official
YouTube: Global House โกลบอลเฮ้าส์
TikTok: globalhouseofficial
Twitter: @globalhouseth

14


ไซซ์หน้าอกไม่ใช่ว่าเลือกให้ใหญ่ๆ ไว้ก่อนถึงจะคุ้ม เพราะแต่ละคนก็มีลักษณะทางกายภาพที่แตกต่างกันออกไป จึงจำเป็นจะเลือกขนาดซิลิโคนให้เหมาะสม วันนี้ Bujeong Clinic Surgery Center จะมาแนะนำวิธีในการเลือกขนาดการอัพขนาดหน้าอกให้ปัง อย่ารอช้าไปอ่านบทความกันเลย!!!
 
วิธีการเลือกไซซ์ ทำนมกี่  CC ให้เหมาะสมกับตัวเอง

ก่อนที่เราจะไปอัพไซซ์หน้าอก เราจะต้องมาดูลักษณะของร่างกายตัวเองเสียก่อนว่าเป็นแบบไหน ซึ่งจะใช้ในการเลือกไซซ์หน้าอกให้เหมาะสม

เราเป็นคนหน้าอกคัพไหนกันนะ?


การวัดขนาดหน้าอกเป็นการวัดขนาดรอบอก และ ใต้อกในการบอกคัพของหน้าอก แล้วนำผลของทั้งสองอย่างมาลบกัน (รอบหน้าอก - รอบใต้หน้าอก) ก็จะได้ขนาดของคัพหน้าอกออกมา

เทียบเลยผลต่างขนาดหน้าอกของเราอยู่ในคัพไหน

  • 9 - 11 เซนติเมตร จะเป็นหน้าอก คัพA
  • 11.5 - 13.5 เซนติเมตร จะเป็นหน้าอก คัพB
  • 14 - 16 เซนติเมตร จะเป็นหน้าอก คัพC
  • 16.5 - 18.5 เซนติเมตร จะเป็นหน้าอก คัพD

 
เราอยากอัพไซซ์หน้าอกแบบไหน ไซซ์ไหนใช่คุณ

หน้าอกกี่ cc ช่วยเรื่องอะไรบ้าง


  • 200cc ทำไซซ์นี้หน้าอกจะอัพไซซ์ขึ้น 1 ไซซ์
  • 250cc ทำไซซ์นี้หน้าอกจะอัพไซซ์ขึ้น 1 - 1.5 ไซซ์ ขึ้นอยู่กับขนาดหน้าอกเดิม
  • 275 cc ทำไซซ์นี้หน้าอกจะอัพไซซ์ขึ้น 1 - 2 ไซซ์ ขึ้นอยู่กับขนาดหน้าอกเดิม


  • 300cc ทำไซซ์นี้หน้าอกจะอัพไซซ์ขึ้น 2 ไซซ์
  • 350cc 2 - 3 ไซซ์ ขึ้นอยู่กับขนาดหน้าอกเดิม
  • 400cc ขึ้นไป ทำไซซ์นี้หน้าอกจะอัพไซซ์ขึ้น 3 ไซซ์อัพ

ไซซ์ไหนเหมาะกับเรา - การเลือกขนาด cc สำหรับเสริมหน้าอกของแต่ละคนอาจจะไม่เหมือนกัน เพราะรูปร่างของเราแตกต่างกัน ดังนั้นให้เลือกขนาดที่เหมาะสม
 
เลือกไซซ์ผิดชีวิตเปลี่ยน!!!


การเลือกขนาดหน้าอกไม่เหมาะสม อาจทำให้เกิดปัญหาตามมาได้หลายอย่าง อีกทั้งยังทำให้เกิดปัญหาเหล่านี้ตามมาด้วย

  • หน้าอกเป็นคลื่น หน้าอกแตกลาย
  • หน้าอกจะดูเป็นบล็อก คลำเจอขอบซิลิโคน
  • หน้าอกดูติดกันจนเป็นก้อนเดียว
  • เสี่ยงต่อกล้ามเนื้อฉีก

การเสริมหน้าอกหากเราเลือกให้พอดี และเลือกอัพไซซ์ให้เหมาะกับตัวเอง และเลือกซิลิโคนที่เหมาะกับตัวเอง รวมถึงเรื่องที่ต้องรู้ก่อนตัดสินใจทำนม ก่อนเสริมหน้าอกควรจะทำการศึกษาให้ดีก่อน สำหรับใครที่อยากจะปรึกษากับคุณหมอ Bujeong Clinic Surgery Center เป็นคลินิกที่รวมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทั้งไทย และ เกาหลี ที่มากด้วยประสบการณ์ที่จะช่วยเนรมิตหน้าอกของคุณให้สวยในแบบที่คุณต้องการ!!!
 
 
ทำนมกี่ cc Bujeong Clinic Surgery Center มีคำตอบ!!!

Bujeong Clinic Surgery Center  (ศูนย์ศัลยกรรมพูจองคลินิก) เป็นคลินิกเสริมความงาม ที่ให้บริการศัลยกรรม และ หัตถการ ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย และ มาตรฐานความปลอดภัย โดยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ทั้งแพทย์ไทย และ แพทย์เกาหลี ที่มากด้วยประสบการณ์ ที่พร้อมจะเนรมิตให้คุณสวยแบบที่ต้องการ  นอกจากนั้นแล้วพูจองคลินิกยังมีสาขาให้เลือกมากมายถึง 10 สาขา ทั้งในกรุงเทพ และ ต่างจังหวัด เพราะความสวยไม่รอใคร อยากสวยเลือกทำที่ Bujeong Clinic Surgery Center สิคะ!!!

มั่นใจ ปลอดภัย และ ได้มาตรฐาน พูจองคลินิกส่งตรงความงาม แบบฉบับเกาหลี

 
 
สามารถติดตาม Bujeong Clinic สำหรับเสริมความงาม ช่องทางต่างๆ เพิ่มเติมได้ที่นี่
Facebook : Bujeong Clinic - พูจอง คลินิก
Line : @Bujeong-Clinic
Tel : 088-050-1111
 
สามารถติดตาม Bujeong Clinic Surgery Center สำหรับศัลยกรรม ช่องทางต่างๆ เพิ่มเติมได้ที่นี่
Facebook : Bujeong surgery center
Line : @bujeongsurgery
Tel : 061-042-2999

15


เสริมหน้าอกต้องใช้เงินกี่บาท? การเสริมหน้าอกในปัจจุบันมีรูปแบบ และรูปทรงให้เลือกหลากหลายแบบ นั่นจึงทำให้หลายๆ คนอยากจะเสริมหน้าอก จะ ทำนมราคา กี่บาท? วันนี้ Bujeong Clinic Surgery Center เลยจะมาตอบข้อสงสัยเรื่องการเสริมหน้าอกที่จะทำให้คุณสามารถเตรียมเงิน พร้อมบอกค่าใช้จ่ายในการเสริมหน้าอก ใครที่มีแพลนจะเสริมหน้าอกไม่ควรพลาด!!!
 
ทำไมราคาเสริมหน้าอกของแต่ละคนถึงต่างกัน ?

การเสริมหน้าอกแต่ละแบบ รวมถึงหน้าอกของแต่ละคนก็มีรูปทรงที่แตกต่างกันออกไป การเสริมหน้าอกจะต้องดูว่ามีรายละเอียดอย่างไรบ้าง ส่วนใหญ่ราคาในการเสริมหน้าอกจะขึ้นอยู่กับชนิด และ ขนาดของซิลิโคนที่เราเลือกด้วย ทำให้ราคาในการเสริมหน้าอกของแต่ละคนจึงแตกต่างกันออกไป
 
ทำนมราคา เท่าไหร่? ปัจจัยที่ทำให้ค่าใช้จ่ายต่างกัน

วิธีการในการเสริมหน้าอก


การเสริมหน้าอกมีด้วยกันหลายวิธี ทั้งการฉีดไขมัน เพื่อให้หน้าอกมีขนาดใหญ่ขึ้น เต่งตึง และ ดูฟูขึ้น และการเสริมด้วยซิลิโคน ซึ่งเป็นการใส่ซิลิโคนเข้าไปในหน้าอก ซึ่งราคาของการเสริมหน้าอกแต่ละแบบก็จะแตกต่างกัน ตามความยาก หรือทรงของซิลิโคน
 
ตำแหน่งการใส่ซิลิโคน


การเสริมหน้าอกสามารถทำได้หลายตำแหน่ง ส่วนใหญ่จะนิยมใส่ซิลิโคนนมเหนือกล้ามเนื้อ และใต้กล้ามเนื้อ

  • เหนือกล้ามเนื้อ สามารถพักฟื้นได้รวดเร็ว และหน้าอกเป็นทรงสวยงาม แต่ก็สามารถเกิดพังผืด หรือ เห็นขอบซิลิโคนได้ง่าย
  • ใต้กล้ามเนื้อ การผ่าตัดค่อนข้างยาก และซิลิโคนเคลื่อนที่ได้น้อย แต่จะใช้ระยะเวลาในการฟื้นยาวนานกว่า

ส่วนตำแหน่งในการผ่าตัด แต่ละจุดก็จะมีความแตกต่างกันไปอีกด้วย เช่น

  • รักแร้ แผลบริเวณนี้จะเจ็บที่แผลมากกว่าบริเวณอื่น แต่ตำแหน่งนี้มักจะไม่เห็นรอยแผลผ่าตัด
  • ใต้ราวนม เป็นตำแหน่งที่ง่ายต่อการผ่าตัด แต่สามารถเห็นแผลผ่าตัดได้ง่าย
  • ปานนม เหมาะสำหรับซ่อนแผลผ่าตัด แต่จะต้องมีความกว้างของปานนมพอสมควร และถ้าซิลิโคนมีขนาดใหญ่เกินไปจะเสริมตำแหน่งนี้ไม่ได้

ค่าซิลิโคน


ซิลิโคนขึ้นอยู่กับรูปทรง ยี่ห้อ รุ่น เนื้อสัมผัส และ ขนาดของซิลิโคนที่เราเลือก

  • ผิวของซิลิโคน มีให้เลือกทั้งแบบผิวเรียบ ผิวทราย และ ผิวนาโน ยิ่งเลือกซิลิโคนที่ช่วยลดการเกิดพังผืดอย่างแบบนาโน แต่ราคาก็อาจจะสูงกว่าแบบอื่นๆ
  • ทรงของซิลิโคน เช่นทรงหยดน้ำ ทรงกลม และ ทรงกึ่งหยดน้ำ
  • ขนาด cc ยิ่งซิลิโคนขนาดใหญ่ก็จะยิ่งแพงกว่าขนาดปกติ เช่น ซิลิโคน 350 cc ขึ้นไป
  • ยี่ห้อซิลิโคน เช่น อเมริกา ฝรั่งเศส เพราะยิ่งยี่ห้อซิลิโคนมีมาตรฐานที่ดีก็จช่วยลดปัญหาการเกิดพังผืด ซิลิโคนรั่วได้ดี ราคาก็จะยิ่งอัพขึ้นไปอีก

ยิ่งเราเลือกซิลิโคนที่มีความเป็นธรรมชาติมากๆ เนื้อสัมผัสมีความใกล้เคียงกับหน้าอกจริงๆ ราคาซิลิโคนก็จะยิ่งสูงขึ้น นอกจากนั้นก็ควรเลือกซิลิโคนที่เหมาะสมกับตัวของเราเอง ซึ่งคุณสามารถเข้าไปอ่านได้ที่ด้านล่างนี้


ค่าแพทย์ และ ค่าบริการอื่นๆ


ซึ่งราคาการเสริมหน้าอกของแพทย์ไทย และแพทย์ต่างชาติ โดยเฉพาะยิ่งถ้าเป็นอาจารย์แพทย์ หรือ แพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านราคาก็อาจจะอัพขึ้นไป นอกจากนี้แล้วก็อาจจะมีค่าใช้จ่ายอื่นๆ เช่น

  • ค่ายาสลบ
  • ค่ายาอื่นๆ เช่น ค่ายา
  • ค่าที่พักฟื้น

จะเห็นได้ว่าในการเสริมหน้าอกมีปัจจัยหลายอย่างมาก ซึ่งแต่ละปัจจัยก็ล้วนส่งผลต่อราคาในการเสริมหน้าอกด้วยกันทั้งสิ้น ทางที่ดีเราควรเลือกซิลิโคน และวิธีการที่เหมาะสม เพราะให้หน้าอกออกมาสวย  ส่วนใครที่อยากได้หน้าอกทรงสวย  Bujeong Clinic Surgery Center  เป็นอีกหนึ่งคลินิกที่รวมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทั้งไทย และ เกาหลี ที่มากด้วยประสบการณ์ที่จะช่วยให้หน้าอกของคุณออกมาดี และ ปลอดภัย!!!
 
สำหรับใครที่เสริมหน้าอกแล้วก็อย่าพึ่งชะล่าใจ เพราะอาจจะเกิดปัญหาตามมาได้
>>อ่านบทความ วิธีรับมือกับปัญหาหลังเสริมอกที่สาวๆต้องรู้ เพิ่มเติมได้ที่นี่<<

 
ทำนมราคา เท่าไหร่ปรึกษาได้ที่ Bujeong Clinic Surgery Center !!!

Bujeong Clinic Surgery Center  (ศูนย์ศัลยกรรมพูจองคลินิก) เป็นคลินิกเสริมความงาม ที่ให้บริการศัลยกรรม และ หัตถการ ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย และ มาตรฐานความปลอดภัย โดยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ทั้งแพทย์ไทย และ แพทย์เกาหลี ที่มากด้วยประสบการณ์ ที่พร้อมจะเนรมิตให้คุณสวยแบบที่ต้องการ  นอกจากนั้นแล้วพูจองคลินิกยังมีสาขาให้เลือกมากมายถึง 10 สาขา ทั้งในกรุงเทพ และ ต่างจังหวัด เพราะความสวยไม่รอใคร อยากสวยเลือกทำที่ Bujeong Clinic Surgery Center สิคะ!!!

มั่นใจ ปลอดภัย และ ได้มาตรฐาน พูจองคลินิกส่งตรงความงาม แบบฉบับเกาหลี

 
สามารถติดตาม Bujeong Clinic สำหรับเสริมความงาม ช่องทางต่างๆ เพิ่มเติมได้ที่นี่
Facebook : Bujeong Clinic - พูจอง คลินิก
Line : @Bujeong-Clinic
Tel : 088-050-1111
 
สามารถติดตาม Bujeong Clinic Surgery Center สำหรับศัลยกรรม ช่องทางต่างๆ เพิ่มเติมได้ที่นี่
Facebook : Bujeong surgery center
Line : @bujeongsurgery
Tel : 061-042-2999


16


อยากได้ตู้เย็นประหยัดไฟ ต้องตู้เย็นอินเวอร์เตอร์!! เพราะตู้เย็นเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่เราเปิดใช้งานอยู่บ่อยครั้ง ทำให้ค่าไฟพุ่งขึ้น และเมื่อใช้งานไปนานๆ ตู้เย็นก็เสื่อมสภาพได้ ตู้เย็น Inverter จะมีชิป CPU ที่คอยควบคุมการทำงานของมอเตอร์ เมื่อคอมเพรสเซอร์ทำรอบจนความเย็นไปถึงจุดที่กำหนด มอเตอร์จะลดรอบการทำงานลง ทำให้ไม่เกิดการกระชากไฟ และช่วยให้ประหยัดไฟมากยิ่งขึ้น นอกจากนั้นยังทำให้อายุการใช้งานยาวนานขึ้นอีกด้วย โกลบอลเฮ้าส์ จะมาแนะนำรุ่นของตู้เย็นอินเวอร์เตอร์ที่น่าใช้งาน

ตู้เย็น Inverter คือ

ระบบอินเวอร์เตอร์ จะมีชิป CPU ที่คอยควบคุมการทำงานของมอเตอร์ ซึ่งจะมีอยู่ในเครื่องใช้ไฟฟ้าเกือบทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็น ตู้เย็น, เครื่องปรับอากาศ, เครื่องซักผ้า, เครื่องดูดฝุ่น, ไมโครเวฟ รวมไปถึงเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีมอเตอร์อยู่ภายในตัว

แนะนำตู้เย็นระบบ Inverter



ตู้เย็นขนาด 14 คิว แบบ 2 ประตู ที่สามารถจุของได้ถึง 415 ลิตร มีระบบ ProSmart Inverter Compressor ที่ช่วยปรับความเย็นให้เร็วยิ่งขึ้น ประหยัดไฟ และช่วยลดเสียงรบกวนกว่าปกติถึง 4 เท่า มาพร้อมระบบ Neo Frost ที่ช่วยรักษาการไหลเวียนของอากาศ และอุณหภูมิ ทำให้อาหารจะสดนานขึ้น



ตู้เย็นขนาด 14 คิว แบบ 2 ประตู มีระบบการทำงานแบบ ProSmart Inverter Compressor ที่ช่วยปรับความเย็นให้เย็นได้เร็วขึ้น และยังช่วยลดเสียงรบกวนได้ดีอีกด้วย



ตู้เย็นขนาด 21 คิว แบบ 2 ประตูหน้า สามารถจุของได้ถึง  595 ลิตร มาพร้อมกับระบบ Inverter x Dual Fan Cooling ที่ทำงานด้วยพัดลมคู่ ทำให้ประหยัดพลังงาน และสามารถกระจายความเย็นได้อย่างทั่วถึง นอกจากนั้นยังมีแผ่นกรอง Triple Power Filter ที่ช่วยขจัดกลิ่นรบกวนภายในตู้เย็นอีกด้วย



เป็นตู้เย็นขนาด 13.6 คิว สามารถจุของได้ 337 ลิตร และมาพร้อมกับประตูเปิดปิดผิวกระจกถึง 4 ประตู นอกจากนั้นยังสามารถดู และปรับอุณหภูมิได้จากปุ่มปรับแบบดิจิตอลที่หน้าประตู นอกจากนั้นยังมีระบบ IC Inverter ที่ช่วยให้ประหยัดพลังงาน และทำให้อาหารสดนานมากยิ่งขึ้น และยังช่วยลดพลังงาน ช่วยประหยัดค่าไฟอีกด้วย


หากมีข้อสงสัยเพิ่มเติมเกี่ยวกับตู้เย็น โกลบอลเฮ้าส์ ช่วยคุณได้

สำหรับใครที่อ่านมาถึงตรงนี้ก็คงจะได้คำตอบแล้วว่า ตู้เย็น Inverter ทำไมถึงมีประสิทธิภาพในการทำความเย็น และลดอัตราการกินไฟที่มากกว่า แต่ก็อย่าลืมคำนึงถึงสิ่งที่สำคัญที่สุดอีกอย่าง คือ ตู้เย็น ที่คุณกำลังสนใจอยู่นั้น เหมาะสมกับการใช้งานจริงหรือไม่ หากคุณเกิดข้อสงสัยในส่วนนี้ สามารถไปดูสินค้าจริงได้เลยที่ Global House ทุกสาขาทั่วประเทศ โดยมีพนักงานที่พร้อมให้บริการตอบคำถาม หรือจะช้อปออนไลน์ก็ง่าย สบายกระเป๋า ผ่อนก็คุ้มกับโกลบอลเฮ้าส์ ที่ให้ สิทธิพิเศษในการผ่อนชำระ 0% นานสูงสุด 10 เดือน (เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด) นอกจากตู้เย็น ทาง Global House เอง ยังให้บริการจัดจำหน่ายสินค้าวัสดุก่อสร้าง และสินค้าตกแต่งบ้านที่ดีด้วย A Better Choice for A Better Home



เพื่อไม่ให้พลาดทุกโปรโมชันใหม่ๆ ทั้งสินค้าวัสดุก่อสร้าง หรือสินค้าตกแต่งบ้าน สามารถติดตามและสั่งซื้อสินค้า Global House ได้หลากหลายช่องทางที่

Facebook: Global House โกลบอลเฮ้าส์
Line@: @globalhouse
Instagram: globalhouse_official
YouTube: Global House โกลบอลเฮ้าส์
TikTok: globalhouseofficial
Twitter: @globalhouseth



17


ใครอยากเป็นเกมเมอร์ต้องมี!! จะมาสายเกมเมอร์ทั้งที มีแค่อุปกรณ์อย่างเดียวคงไม่พอ สำหรับเกมเมอร์การแต่งห้องให้สวย จะช่วยปรับให้บรรยากาศภายในห้อง และ Mood & Tone ในการเล่นเกมเปลี่ยนไป ทำให้คุณ และคนที่มาดูสตรีมเกมสนุกกับเกมมากยิ่งขึ้น วันนี้ โกลบอลเฮ้าส์ จะมาแนะนำไอเทมที่ควรมี เพื่อเปลี่ยนห้องของคุณให้เป็นห้องเล่นเกมสุดเจ๋ง!!

ไอเทมแต่ง ห้องเกมเมอร์ ที่แนะนำ

โต๊ะเกมมิ่ง


บางรุ่นจะมีไฟ RGB ที่ช่วยเพิ่มบรรยากาศในการเล่นเกม บางรุ่นก็ทำมาจากไฟเบอร์ที่มีความแข็งแรง ทำให้สามารถนำเคส มาวางบนโต๊ะได้ ควรเลือกขนาดของโต๊ะให้เหมาะกับขนาดคอมพิวเตอร์ดังต่อไปนี้

  • ขนาดจอไม่เกิน 24 นิ้ว ควรเลือกโต๊ะขนาด 100 x 60 เซนติเมตร ทำให้เหลือพื้นที่สำหรับวาง คีย์บอร์ด เมาส์ ลำโพง และอุปกรณ์เสริมอื่นๆ
  • ขนาดจอมากกว่า 27 นิ้ว ควรเลือกโต๊ะขนาด 120 x 60 เซนติเมตร
  • วาง 2 จอไว้บนโต๊ะ (หน้าจอขนาด 24 – 27 นิ้ว) ควรเลือกขนาด 150 x 60 เซนติเมตรขึ้นไป

นอกจากนั้นยังสามารถหา ไฟเส้น LED RGB มาตกแต่งที่โต๊ะเพิ่มได้อีกด้วย ก็จะทำให้ช่วยสร้างอารมณ์ตอนเล่นเกมส์ให้รู้สึกสนุกมากยิ่งขึ้น

เก้าอี้เกมมิ่ง


เก้าอี้เกมมิ่ง เป็นเก้าอี้ที่ถูกออกแบบมาพิเศษ เพื่อรองรับสรีระเวลาที่นั่งเล่นเกมนานๆ สามารถปรับที่วางแขน ความสูง และปรับให้เก้าอี้เอนนอนได้ นอกจากนั้นดีไซน์ก็ยังทันสมัย และบางรุ่นก็จะเป็น เก้าอี้มีไฟ RGB ติดด้วย ทำให้ดูน่านั่งมากยิ่งขึ้น

ไฟแต่งห้อง LED


สีสันของห้องจะช่วยทำให้ความสุขของการเล่นเกมเพิ่มมากขึ้น สำหรับใครที่เป็นสายเกมเมอร์ ไฟแต่งห้อง ไฟแท่ง ไฟเส้น LED เป็นของที่ต้องมี นอกจากสีสันที่สวยแล้วยังช่วยในการปรับอารมณ์ในขณะที่เล่นเกมได้อีกด้วย เช่น ถ้าเล่นเกมที่ดุเดือดอาจจะใช้ไฟสีส้ม สีแดง เพื่อเพิ่มอารมณ์ให้มันส์ตามเกม แต่ถ้าเล่นเกมแนวสบายๆ ก็อาจจะใช้สีเหลือง สีฟ้าที่ทำให้เรารู้สึกสดใส เบาๆไปกับเกม


หน้าจอคอมพิวเตอร์


ควรเลือกหน้าจอที่ใหญ่ แต่ถ้าใครมีหน้าจออยู่แล้วแต่ยังมีขนาดที่เล็กอยู่ แนะนำให้อัปเกรดขนาดของหน้าจอเพิ่ม ให้ใหญ่ขึ้น อาจจะเลือกหน้าจอที่มีความโค้ง หรือมีความชัดมากกว่า 144Hz จะทำให้เวลาเล่นเกม ภาพที่เห็นมีความสมจริง มีรายละเอียดคมชัดมากยิ่งขึ้น


อุปกรณ์เกมมิ่ง


สำหรับใครที่อยากเล่นเกมได้เต็มประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นควรจะต้องมี


ใครที่อยากเพิ่มสีสันให้อุปกรณ์ อาจจะเลือกแบบที่มีไฟ หรือถ้าอยากแต่งให้น่ารักอาจจะใช้ที่มีดีไซน์น่ารักๆ อย่างเช่น หูฟังหูแมว หรือพวกอุปกรณ์สีชมพู อุปกรณ์เกมมิ่งสามารถบ่งบอกตัวตนของคุณได้ ชอบแบบไหนก็เลือกแบบนั้นมาแต่งห้องเลย!!


หากมีข้อสงสัยเพิ่มเติมเกี่ยวกับเก้าอี้เกมมิ่ง โกลบอลเฮ้าส์ ช่วยคุณได้

สำหรับใครที่อ่านมาถึงตรงนี้ก็คงจะได้ไอเดียที่จะเอาไปปรับแต่งห้องให้กลายเป็น ห้องเกมเมอร์ ที่จะช่วยเสริมสร้างประสบการณ์ในการเล่นเกม ให้มีความสนุกสนานมากยิ่งขึ้น ดังนั้นอย่าลืมคำนึงถึงสิ่งที่สำคัญที่สุดอีกสิ่งหนึ่ง คือ เก้าอี้เล่นเกม หรือ โต๊ะเกมมิ่ง แบบไหนจะเหมาะสำหรับคุณ

สามารถไปดูสินค้าจริงได้เลยที่ Global House ทุกสาขาทั่วประเทศ โดยมีพนักงานที่พร้อมให้บริการตอบคำถาม หรือจะช้อปออนไลน์ก็ง่าย สบายกระเป๋า ผ่อนก็คุ้มกับโกลบอลเฮ้าส์ ที่ให้ สิทธิพิเศษในการผ่อนชำระ 0% นานสูงสุด 10 เดือน (เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯกำหนด) นอกจากเก้าอี้เกมมิ่ง แล้วทาง Global House เอง ยังให้บริการจัดจำหน่ายสินค้าวัสดุก่อสร้าง และสินค้าตกแต่งบ้านที่ดีด้วย A Better Choice for A Better Home



เพื่อไม่ให้พลาดทุกโปรโมชันใหม่ๆ ทั้งสินค้าวัสดุก่อสร้าง หรือสินค้าตกแต่งบ้าน สามารถติดตาม และสั่งซื้อสินค้า Global House ได้หลากหลายช่องทางที่

Facebook: Global House โกลบอลเฮ้าส์
Line@: @globalhouse
Instagram: globalhouse_official
YouTube: Global House โกลบอลเฮ้าส์
TikTok: globalhouseofficial
Twitter: @globalhouseth



18


ทำอย่างไรดีถ้าเกิดปัญหาหลังโปรแกรมศัลยกรรมเสริมจมูก จนทำให้ต้องแก้จมูก!! แม้ว่าเราจะดูแลตัวเองดีแค่ไหน แต่ก็อาจเกิดเหตุการณ์ที่ทำให้จมูกเสียทรงจนต้องแก้จมูกได้ ยิ่งใครที่เจอปัญหาทรงจมูกเบี้ยว หรือเสียรูปหนักๆ การแก้จมูกจะช่วยให้ทรงจมูกของคุณกลับมาดูดีเช่นเดิม Bujeong Clinic Surgery Center จะมาแนะนำเคสที่ควรแก้จมูก เพื่อดึงความมั่นใจของคุณให้กลับมาอีกครั้ง


สาเหตุที่เราต้องแก้จมูก

เกิดปัญหาหลังโปรแกรมศัลยกรรมเสริมจมูก เช่น จมูกเบี้ยว จมูกบวม จมูกติดเชื้อ ซึ่งส่งผลต่อรูปจมูก ทำให้การแก้จมูกใหม่สามารถช่วยแก้ปัญหาเรื่องทรงจมูกที่ผิดรูปไปได้ ถ้าจมูกเสียทรงไปการแก้จมูกใหม่ตอบโจทย์ที่สุด

ปัญหาที่ทำให้เราจะต้อง แก้จมูก

จมูกเบี้ยว


เป็นปัญหาจมูกที่เกิดจากการที่จมูกผิดรูปไป เนื่องจากหลายสาเหตุ รวมถึงการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง หากจมูกเบี้ยวมากๆ อาจจะทำให้เกิดปัญหาจมูกทะลุได้ ซึ่งจะส่งผลให้เกิดอันตรายได้ ดังนั้นจึงต้องแก้จมูกด้วยการปรับโครงสร้างจมูกใหม่ ทำการตอกฮัมพ์ และเอาพังผืดออก จากนั้นก็ใส่ซิลิโคนเข้าไป เพื่อทำให้ทรงจมูกกลับมาสมมาตรเช่นเดิม

จมูกทะลุ


เกิดจากการที่ซิลิโคนเคลื่อนไปกองที่บริเวณปลายจมูก ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดปัญหาจมูกทะลุ จนทำให้ปลายจมูกสะท้อนแสง , สีของปลายจมูกเปลี่ยนไป , ปลายจมูกแดงเหมือนเสิว หรือเจ็บบริเวณปลายจมูก วิธีแก้ไขจะต้องเอาซิลิโคนเก่าออกก่อน จากนั้นดูว่าเกิดการติดเชื้อภายในหรือไม่ ถ้าไม่ติดเชื้อก็สามารถซิลิโคนใหม่เข้าไปได้เลย และอาจจะมีการปรับโครงสร้างจมูกให้เหมาะสมกับซิลิโคนมากยิ่งขึ้น

จมูกผิดรูป


เกิดจากการที่รูปทรงของจมูกเปลี่ยนไป อาจจะมาจากการหดตัว รั้งตัวของซิลิโคน หรือเกิดจากพังผืดรอบซิลิโคน จนทำให้จมูกเสียรูปทรง วิธีแก้จมูกควรจะต้องเอาซิลิโคนเก่าออกก่อน จากนั้นจะทำการปรับโครงสร้างของจมูก และเลาะพังผืดออก จากนั้นจะทำการใส่ซิลิโคนใหม่เข้าไป


กี่เดือนถึงจะแก้จมูกได้?

หากเป็นกรณีที่จมูกเกิดการติดเชื้อ หรืออักเสบหลังการเสริมจมูก เมื่อถอดซิลิโคนเก่าออกแล้วจะไม่สามารถแก้จมูกได้เลย แต่ต้องพักฟื้นจมูกอย่างน้อย 3 เดือน แล้แพทย์ประเมินว่าสามารถแก้ไขจมูกได้หรือไม่ ถ้าได้แล้วจึงจะสามารถผ่าตัดเสริมจมูกใหม่ได้

การแก้จมูกก็ถือว่าเป็นเคสที่ยากกว่าการเสริมจมูกในครั้งแรก ซึ่งจะต้องอาศัยแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญสูง ใครที่คิดว่าแก้จมูกทั้งทีก็อยากได้ทรงจมูกทรงสวย ทรงเกาหลี หรือ ทรงสายฝอปังๆ การเลือกคลินิกที่ดีก็จะช่วยให้ได้ทรงจมูกที่สวย แถมยังเสริมจมูกออกมาปลอดภัยอีกด้วย อย่างที่ Bujeong Clinic Surgery Center ที่ไม่ว่าจะเป็นเคสแก้ หรือ เสริมจมูกครั้งแรกก็จะช่วยเนรมิตจมูกของคุณให้ออกมาดูดี!!!


แก้จมูกให้ปลอดภัยและดูดีที่ Bujeong Clinic Surgery Center


Bujeong Clinic Surgery Center  (ศูนย์ศัลยกรรมพูจองคลินิก) เป็นคลินิกเสริมความงาม ที่ให้บริการศัลยกรรม และ หัตถการ ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย และ มาตรฐานความปลอดภัย โดยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ทั้งแพทย์ไทย และ แพทย์เกาหลี ที่มากด้วยประสบการณ์ ที่พร้อมจะเนรมิตให้คุณสวยแบบที่ต้องการ  นอกจากนั้นแล้วพูจองคลินิกยังมีสาขาให้เลือกมากมายถึง 10 สาขา ทั้งในกรุงเทพ และ ต่างจังหวัด เพราะความสวยไม่รอใคร อยากสวยเลือกทำที่ Bujeong Clinic Surgery Center สิคะ!!!

มั่นใจ ปลอดภัย และ ได้มาตรฐาน พูจองคลินิกส่งตรงความงาม แบบฉบับเกาหลี


สามารถติดตาม Bujeong Clinic สำหรับเสริมความงาม ช่องทางต่างๆ เพิ่มเติมได้ที่นี่

Facebook : Bujeong Clinic – พูจอง คลินิก
Line : @Bujeong-Clinic
Tel : 088-050-1111

สามารถติดตาม Bujeong Clinic Surgery Center สำหรับศัลยกรรม ช่องทางต่างๆ เพิ่มเติมได้ที่นี่
Facebook : Bujeong surgery center
Line : @bujeongsurgery
Tel : 061-042-2999


19


ปัญหาจมูกเบี้ยว จมูกเอียง เป็นหนึ่งในปัญหาที่คนทำโปรแกรมศัลยกรรมเสริมจมูกสามารถเจอได้ และต้องระวังให้ดี เพราะเมื่อจมูกเบี้ยว จะทำให้ทรงจมูกผิดรูปไป การที่จมูกเบี้ยวเกิดจาก การที่จมูกเคลื่อนตัวออกจากแกนจมูก ทำให้จมูกไม่มีความสมมาตร และอาจจะส่งผลให้เกิดอันตรายได้ ใครที่จะทำโปรแกรมศัลยกรรมเสริมจมูกควรปฏิบัติตัวให้ดี ถ้าไม่อยากเจอกับปัญหานี้ วันนี้ Bujeong Clinic Surgery Center เลยอยากจะมาแชร์ความรู้เกี่ยวกับปัญหาจมูกเบี้ยวจมูกเอียง พร้อมกับวิธีการแก้ไข ที่บอกเลยว่าใครทำจมูก หรือ มีแพลนจะทำจมูกแล้วไม่อ่านบอกเลยว่าพลาดมาก!!!

จมูกเบี้ยว คืออะไร?


ลักษณะของจมูกที่เบี้ยวจะมีด้วยกัน 3 ลักษณะเด่นๆ ได้แก่
  • โคนจมูกเอียง
  • แท่งซิลิโคนเอียง
  • ปลายจมูกเอียง

ซึ่งเป็นลักษณะของจมูกที่ผิดรูปไป เนื่องจากการเคลื่อนตัวออกจากแกนของจมูก หรือจมูกทั้งสองข้างไม่สมมาตรกัน ทำให้เห็นทรงจมูกที่เบี้ยวไปจากเดิม

สาเหตุที่ทำให้ จมูกเบี้ยว

สาเหตุที่ทำให้จมูกเบี้ยวจากการกระทำของตัวเรา


หลังโปรแกรมเสริมจมูกจะต้องปฏิบัติตัวตามคำแนะนำของแพทย์ และหลีกเลี่ยงพฤติกรรมบางอย่าง เพราะอาจทำให้จมูกของเราเสียทรงไป หรือเบี้ยวได้ นั่นคือ

  • พฤติกรรมบางอย่างที่ส่งผลต่อการเสริมจมูก
  • การสั่งน้ำมูกแรงๆ
  • การขมวดคิ้วบ่อยๆ
  • การนอนตะแคง
  • การลดบวมที่ไม่ถูกวิธี
  • เกิดการกระแทกแรงๆ รวมถึงอุบัติเหตุที่ทำให้เกิดการกระทบกระเทือน

>> อ่านบทความ วิธีดูแลตัวเองหลังเสริมจมูก ได้ที่นี่ <<

สาเหตุที่มาจากการผ่าตัดเสริมจมูก


  • การเลือกซิลิโคนไม่เหมาะสม
  • วางซิลิโคนไม่ตรง หรือวางผิดตำแหน่ง
  • ฐานจมูกเบี้ยว

หากใครที่ไม่อยากเจอกับปัญหานี้ ควรเลือกคลินิกที่ดี และมีมาตรฐาน เพื่อเลี่ยงโอกาสที่จะเกิดปัญหาจมูกเบี้ยว

ตำแหน่งของจมูกที่มักจะเบี้ยวได้บ่อย

  • ฐานจมูก หรือ แกนจมูก
  • สันจมูก
  • ปลายจมูก หรือ รูจมูก



วิธีเช็คจมูกเบี้ยวเอียงด้วยตัวเอง


หากอยากลองเช็คให้ทำการหาจุดกึ่งกลางใบหน้าทั้ง 3 จุด ได้แก่ ระหว่างคิ้ว , ระหว่างหัวตา และกึ่งกลางปลายจมูก จากนั้นให้ทำการแบ่งครึ่งระหว่างแกนจมูก แล้วดูว่าเส้นที่ลากผ่านทั้งสามจุดอยู่ระหว่างกึ่งแกนจมูกหรือไม่ ถ้าไม่ใช่แสดงว่าจมูกของคุณเบี้ยวนั่นเอง!!

ส่วนใครที่จมูกเบี้ยวจนเสียรูปทรงไปแล้ว สามารถทำการผ่าตัดเสริมจมูกใหม่ หรือ ปรับแก้ไขจุดที่เบี้ยวได้ เพื่อป้องกันจมูกเอียง ต้องเลือกคลินิกที่ดี มีมาตรฐาน ใครที่อยากเสริมจมูกให้ออกมาดี เป๊ะ ปัง Bujeong Clinic Surgery Center  เป็นอีกหนึ่งคลินิกที่รวมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทั้งไทย และ เกาหลี ที่มากด้วยประสบการณ์ที่จะช่วยให้จมูกของคุณออกมาดี!!!



อยากได้จมูกสวยไม่เบี้ยว Bujeong Clinic Surgery Center จัดให้

Bujeong Clinic Surgery Center  (ศูนย์ศัลยกรรมพูจองคลินิก) เป็นคลินิกเสริมความงาม ที่ให้บริการศัลยกรรม และ หัตถการ ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย และ มาตรฐานความปลอดภัย โดยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ทั้งแพทย์ไทย และ แพทย์เกาหลี ที่มากด้วยประสบการณ์ ที่พร้อมจะเนรมิตให้คุณสวยแบบที่ต้องการ  นอกจากนั้นแล้วพูจองคลินิกยังมีสาขาให้เลือกมากมายถึง 10 สาขา ทั้งในกรุงเทพ และ ต่างจังหวัด เพราะความสวยไม่รอใคร อยากสวยเลือกทำที่ Bujeong Clinic Surgery Center สิคะ!!!

มั่นใจ ปลอดภัย และ ได้มาตรฐาน พูจองคลินิกส่งตรงความงาม แบบฉบับเกาหลี



สามารถติดตาม Bujeong Clinic สำหรับเสริมความงาม ช่องทางต่างๆ เพิ่มเติมได้ที่นี่
Facebook : Bujeong Clinic – พูจอง คลินิก
Line : @Bujeong-Clinic
Tel : 088-050-1111


สามารถติดตาม Bujeong Clinic Surgery Center สำหรับศัลยกรรม ช่องทางต่างๆ เพิ่มเติมได้ที่นี่
Facebook : Bujeong surgery center
Line : @bujeongsurgery
Tel : 061-042-2999



20


แม้จะเสริมหน้าอกเสร็จไปแล้ว แต่อย่าพึ่งชะล่าใจไป เพราะ ปัญหาหลังเสริมอก นับว่าเป็นปัญหาที่คนเสริมหน้าอกทุกคนจะต้องเจอ!!! วันนี้ Bujeong Clinic Surgery Center เลยจะมาแนะนำวิธีรับมือ ที่จะช่วยป้องกันไม่ให้คุณเจอกับปัญหาหลังเสริมหน้าอก ใครเสริมหน้าอกต้องไปอ่านในบทความเลย!!!

>> อ่านบทความ เรื่องควรรู้ก่อนตัดสินใจทำนม ได้ที่นี่<<



ปัญหาหลังเสริมอก ที่คนทำนมมักจะพบ!!!

อาการหลังเสริมอก 1 สัปดาห์

จะมีอาการบวม และปวดบริเวณแผล ในช่วงนี้ไม่ควรเคลื่อนไหว หรือ ออกแรงหนักๆ เพราะจะทำให้เกิดปัญหา เลือกคั่งหลังผ่าตัด และ การอักเสบติดเชื้อ ขึ้นมาได้ หากดูแลแผลให้สะอาด และปฏิบัติตัวให้ถูกวิธี ปัญหาเหล่านี้ก็จะเกิดขึ้นได้น้อย
 
อาการหลังเสริมอก 1 เดือน

ในช่วง 1 - 2 เดือน ที่บาดแผลจะใกล้หายแล้ว หากดูแล และปฏิบัติตัวไม่เหมาะสม ก็จะทำให้เกิดปัญหาที่เกี่ยวกับทรงของหน้าอกที่ผิดปกติไปจากเดิม ตามมาได้ เช่น
 
1.คลำเจอขอบซิลิโคน


การที่คลำหน้าอกแล้วเจอขอบซิลิโคน มักจะพบในคนที่มีเนื้อหน้าอกน้อย ทำให้เนื้อหน้าอกไม่มากพอที่จะบังขอบซิลิโคนได้มิด จึงทำให้เห็นขอบซิลิโคนได้นั่นเอง

2.ซิลิโคนเคลื่อน


การที่เคลื่อนของซิลิโคนเกิดได้ ทั้งการวางซิลิโคนไม่เท่ากัน หรือการที่ซิลิโคนลอย รวมถึงการหดตัวของซิลิโคนด้วย นอกจากนั้นยังมักจะเกิดกับคนที่มีกล้ามเนื้อบริเวณหน้าอกน้อย ถ้าหากซิลิโคนเคลื่อน ทรงหน้าอกข้างใดข้างหนึ่งหย่อนมากกว่าอีกข้าง

3.นม 2 ลอน


สามารถเกิดจากการที่ใส่ซิลิโคนใหญ่เกิน หรือการวางซิลิโคนบริเวณใต้กล้ามเนื้อ ทำให้เต้านมเกิดขอบ 2 ชั้นแยกออกจากกันอย่างชัดเจน และเนื้อนมหย่อนคล้อยลงจนเหมือนมีก้อนเนื้อ 2 ก้อนในเต้านมเดียว

 
อาการหลังเสริมอก 1 - 2 ปี

1.พังผืดรอบซิลิโคน


เกิดจากการที่ไม่ได้ทำการนวดหน้าอก ทำให้เกิดพังผืดรอบหน้าอกได้เร็ว เป็นผลให้ซิลิโคนแข็งตัว และเมื่อเกิดพังผืดมากขึ้นจะส่งผลให้ซิลิโคนผิดรูปไปจากเดิม อาจทำให้ซิลิโคนเบี้ยว หรือไม่เท่ากันได้

2.ซิลิโคนรั่ว


การที่ซิลิโคนรั่วจะทำให้ซิลิโคนข้างที่รั่วหดเล็กกว่าอีกข้าง และอาจจะทำให้เกิดก้อนแข็งที่หน้าอก จนรู้สึกชา หรือเจ็บบริเวณเต้านม ส่วนใหญ่จะเกิดจากซิลิโคนที่ไม่ได้มาตรฐาน และอาจจะเกิดจากพังผืดบริเวณรอบซิลิโคนก็ได้ ขึ้นอยู่กับการปฏิบัติตน

3.นมห่าง


ในช่วงแรกหลังเสริมหน้าอก หน้าอกที่ได้จะชิดติดกัน แต่พอเวลาผ่านไปหน้าอกห่างกันมากขึ้นจนเห็นได้ชัดเจน ซึ่งเกิดจากพังผืดรอบซิลิโคน หรือเกิดจากความผิดพลาดในการเสริมหน้าอก ซึ่งเป็นผลทำให้หน้าอกห่างนั่นเอง
 

วิธีการดูแลตัวเองเพื่อป้องกัน ปัญหาหลังเสริมอก

  • การพันผ้ารัดหน้าอก ในช่วง 7 วันแรกควรจะพันเอาไว้ เพื่อเป็นการป้องกันเลือดออกจากการเสริมหน้าอก
  • การทานอาหารที่ดีมีประโยชน์
  • ไม่ควรออกแรง หรือ เคลื่อนไหวมากเกินไป
  • การดูแลความสะอาด ในช่วง 7 วันแรก ควรดูให้ดีอย่าให้แผลเปียกน้ำ
  • นวดหน้าอก เพื่อป้องกันการเกิดพังผืดรอบซิลิโคน
  • ทานยา และ ทาครีมอย่างสม่ำเสมอ
  • สวมใส่เสื้อผ้าที่ไม่รัด และ สวมเสื้อในแบบไม่มีโครง
  • งดพฤติกรรมเสี่ยง เช่น การดื่มแอลกอฮอล์ และ สูบบุหรี่ ที่อาจทำให้แผลเสริมหน้าอกมีปัญหาได้

เจอปัญหาแบบไหนควรพบแพทย์

  • มีอาการแสบร้อนบริเวณเต้านม
  • หน้าอกบวมไม่หาย อาการบวมไม่ดีขึ้น
  • มีตุ่มแข็งขึ้นบริเวณหน้าอก ใต้รักแร้ หรือ ซิลิโคน
  • ซิลิโคนเคลื่อน หรือ ผิดรูป
  • เกิดพังผืดจนทำให้หน้าอกแข็งผิดปกติ
  • มีอาการหายใจลำบาก หายใจถี่ หรือ แน่นหน้าอก

หลังจากเสริมหน้าอกไปแล้วด้วย ควรจะปฏิบัติตัวให้เหมาะสมตามที่แพทย์แนะนำ ส่วนใหญ่ปัญหาหลังผ่าตัดมักจะเกิดจากการดูแลตัวเองไม่เหมาะสม รวมถึงการเสริมหน้าอกที่ไม่ได้มาตรฐาน หรือ ผิดพลาด ใครที่อยากได้หน้าอกสวย และ ปลอดภัย ต้องที่ Bujeong Clinic Surgery Center คลินิกเสริมความงามที่มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทั้งไทย และ เกาหลี ที่จะช่วยเสริมหน้าอกของคุณให้ออกมาแบบที่คุณต้องการบนมาตรฐานความปลอดภัย!!!
 
เสริมหน้าอกทั้งที่ต้องสวย และ ปลอดภัยที่ Bujeong Clinic Surgery Center

Bujeong Clinic Surgery Center  (ศูนย์ศัลยกรรมพูจองคลินิก) เป็นคลินิกเสริมความงาม ที่ให้บริการศัลยกรรม และ หัตถการ ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย และ มาตรฐานความปลอดภัย โดยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ทั้งแพทย์ไทย และ แพทย์เกาหลี ที่มากด้วยประสบการณ์ ที่พร้อมจะเนรมิตให้คุณสวยแบบที่ต้องการ  นอกจากนั้นแล้วพูจองคลินิกยังมีสาขาให้เลือกมากมายถึง 10 สาขา ทั้งในกรุงเทพ และ ต่างจังหวัด เพราะความสวยไม่รอใคร อยากสวยเลือกทำที่ Bujeong Clinic Surgery Center สิคะ!!!

มั่นใจ ปลอดภัย และ ได้มาตรฐาน พูจองคลินิกส่งตรงความงาม แบบฉบับเกาหลี

 
 
 
สามารถติดตาม Bujeong Clinic สำหรับเสริมความงาม ช่องทางต่างๆ เพิ่มเติมได้ที่นี่
Facebook : Bujeong Clinic - พูจอง คลินิก
Line : @Bujeong-Clinic
Tel : 088-050-1111
 
สามารถติดตาม Bujeong Clinic Surgery Center สำหรับศัลยกรรม ช่องทางต่างๆ เพิ่มเติมได้ที่นี่
Facebook : Bujeong surgery center
Line : @bujeongsurgery
Tel : 061-042-2999


21


การที่จะเสริมหน้าอก หรือ ทำนม มีรายละเอียดที่ซับซ้อนกว่าที่คุณคาดคิด ถ้าหากไม่ศึกษาข้อมูลมาให้ดีๆ อาจจะทำให้ตัดสินใจผิดพลาดได้ ซึ่งหากตัดสินใจพลาดอาจทำให้คุณต้องเสียเงินแก้หน้าอก หรือมีปัญหาหลังการเสริมหน้าอกตามมาได้ ดังนั้นวันนี้ Bujeong Clinic Surgery Center จะมาบอกสิ่งที่คนจะทำนมควรต้องรู้ อย่ารอช้าไปอ่านบทความกันเลย!!!
 
ก่อนจะ ทำนม ต้องดูก่อนว่าหน้าอกของเราเป็นแบบไหน

โดยที่จะดูลักษณะหน้าอกของเราว่าเป็นแบบไหน ทั้งจากการดูภายนอก และเอามือไปคลำที่หน้าอกเพื่อสำรวจร่างกาย จะทำให้รู้ว่าหน้าอกของเรามีปัญหาตรงไหน และมีลักษณะเป็นอย่างไรกันแน่

รูปทรงหน้าอกเป็นแบบไหน?


  • ทรงเชอร์รี่ หน้าอกเล็กจะเล็กๆ และฐานเต้านมไม่ค่อยชัดเจน ไม่เป็นทรงมากนัก รวมถึงมีความชันของหน้าอกน้อย
  • ทรงเลม่อน หน้าอกจะมีฐานเต้านมค่อนข้างกว้าง และมีเนื้อหน้าอกน้อย รวมถึงมีความพุ่งของหน้าอกค่อนข้างน้อย
  • ทรงแอปเปิล หน้าอกจะมีรูปทรงค่อนข้างกลม และมีฐานเต้านมเป็นทรงครึ่งวงกลม ทรงหน้าอกจะมีความพุ่งของหน้าอกค่อนข้างมาก

  • ทรงสับปะรด หน้าอกจะมีฐานเต้านมเล็ก แต่มีเนื้อหน้าอกค่อนข้างมาก และมีเนินอกที่ใหญ่ รวมถึงมักจะมีเนื้อหน้าอกบริเวณส่วนข้างๆ เยอะ
  • ทรงสตรอว์เบอร์รี่ หน้าอกมีฐานหน้าอกกว้าง แต่หน้าอกเล็ก รวมถึงมีความกว้างของหน้าอกมากกว่า แต่ไม่ค่อยได้ทรงมากนัก
  • ทรงลูกแพร์ ฐานหน้าอกมีความกว้าง และมีความหย่อนคล้อย แต่จะไม่ค่อยมีเนินออกมากนัก


การเสริมหน้าอก การทำนม มีกี่ประเภท?

1.เสริมหน้าอกด้วยซิลิโคน


เป็นการเสริมหน้าอกที่จะใส่ซิลิโคนเข้าไปในหน้าอก โดยจะมีการผ่าตัดที่ทำให้เิกดบาดแผลใต้ฐานนม วิธีนี้เหมาะสำหรับคนที่ต้องการอัพไซส์ให้ใหญ่ขึ้น และเสริมหน้าอกให้เป็นทรงตามที่ต้องการ

  • ทรงกลม เป็นทรงที่จะทำให้นมดูกลม เป็นรูปทรงมากขึ้น เหมาะสำหรับคนที่อยากให้หน้าอกดูใหญ่
  • ทรงหยดน้ำ ทรงนี้จะเป็นทรงที่ไล่ระดับ เหมาะสำหรับคนที่อยากให้นมชิด และทำให้หน้าอกไม่ดูใหญ่จนเกินไป
  • ทรงกึ่งหยดน้ำ เป็นทรงที่ผสมระหว่างทรงกลม และ หยดน้ำ เหมาะสำหรับคนที่อยากให้หน้าอกเป็นธรรมชาติ และไม่เป็นบล็อค ไม่ดูเป็นทรงชัดจนเกินไป

นอกจากนั้นยังมีผิวของซิลิโคนให้เลือกอีกด้วย ทั้งแบบผิวเรียบ ผิวทราย และ ผิวนาโน ซึ่งแต่ละผิวสัมผัสก็ยังมีข้อดีที่แตกต่างกันอีกด้วย

2.เสริมหน้าอกด้วยไขมัน


การเสริมด้วยไขมันจะใช้ไขมันของเราเอง โดยจะทำการดูดไขมันของเราออกมา และย้ายไปใส่ในส่วนของหน้าอก เป็นวิธีที่เหมาะสำหรับคนที่มีปัญหาแพ้ซิลิโคน หรือคนที่ตัวใหญ่แต่อกไม่ฟู วิธีนี้เมื่อผ่านไปนานๆ อาจจะทำให้หน้าอกแฟบลง หรือหย่อนคล้อยได้

ตำแหน่งการผ่าตัดเสริมหน้าอก


  • ใต้รักแร้ ตำแหน่งนี้จะใช้เวลาในการพักฟื้นที่ค่อนข้างนาน และทำใหเแผลหายช้า เพราะเมื่อแขนสัมผัสกับรักแร้ก็จะรู้สึกเจ็บ
  • ใต้ราวนม หรือ รอบปานนม ตำแหน่งนี้ง่ายต่อการผ่าตัด และเป็นตำแหน่งที่แผลหายได้ไว และทำให้ไม่เห็นบาดแผลมากนัก


ตำแหน่งในการใส่ซิลิโคน


  • ใส่เหนือกล้ามเนื้อ หมาะสำหรับคนที่ค่อนข้างมีเนื้อหน้าอก และใช้เวลาในการพักฟื้นไม่นานมาก แผลหายไว คนที่เนื้อนมน้อยไม่แนะนำมากนัก เพราะจะทำให้ซิลิโคนลอย หรือเห็นขอบซิลิโคนได้
  • ใส่ใต้กล้ามเนื้อ คนเนื้อนมน้อยสามารถเสริมตำแหน่งนี้ได้ ทำให้หน้าอกกระชับ มีความเป็นธรรมชาติ แต่จะใช้เวลาในการพักฟื้นนานกว่า

ใครที่อยากรู้ว่าจะเสริมหน้าอกกี่ cc ดี? สามารถอ่านบทความข้างล่างนี้ได้เลย

>> อ่านบทความ รู้ก่อนเลือกซิลิโคนนมทำมาจากอะไร ได้ที่นี่ <<



ข้อควรปฏิบัติหลังเสริมหน้าอก

ควรจะปฏิบัติตนให้ดี เพื่อป้องกันไม่ให้แผลเกิดการอักเสบ หรือติดเชื้อ รวมถึงการเกิดพังผืดรอบซิลิโคนในระยะยาว ดังนั้นจึงจะต้องปฏิบัติตัวให้เหมาะสม ไม่ว่าจะเป็น

  • การทำความสะอาด การทำความสะอาดต่างๆ ในช่วงสัปดาห์แรกไม่ควรจะให้แผลโดนน้ำ
  • การทานอาหาร ไม่ควรทานอาหารที่แสลง และควรจะทานอาหารที่ดีมีประโยชน์
  • การดูแลตัวเอง ไม่ควรใส่บราที่มีโครง เพราะจะทำให้เกิดแผลกดทับได้ และต้องหมั่นนวด รวมถึง ต้องหมั่นตรวจเช็คสภาพซิลิโคนทุก 3 ปี


การเสริมหน้าอกสามารถจะช่วยให้เรามีความมั่นใจในรูปร่างกันมากขึ้น แต่ก็ต้องปฏิบัติให้ถูกต้องเพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อน และ ปัญหาที่จะตามมาหลังจากเสริมหน้าอก อยากเสริมหน้าอกให้ปัง และปลอดภัยเลือกที่ Bujeong Clinic Surgery Center คลินิกที่รวมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทั้งไทย และ เกาหลี ที่มากด้วยประสบการณ์ ใครอยากมีนมทรงสวยต้องที่นี่เลย!!!


 
ทำนม ให้ปังทำที่ Bujeong Clinic Surgery Center

Bujeong Clinic Surgery Center  (ศูนย์ศัลยกรรมพูจองคลินิก) เป็นคลินิกเสริมความงาม ที่ให้บริการศัลยกรรม และ หัตถการ ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย และ มาตรฐานความปลอดภัย โดยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ทั้งแพทย์ไทย และ แพทย์เกาหลี ที่มากด้วยประสบการณ์ ที่พร้อมจะเนรมิตให้คุณสวยแบบที่ต้องการ  นอกจากนั้นแล้วพูจองคลินิกยังมีสาขาให้เลือกมากมายถึง 10 สาขา ทั้งในกรุงเทพ และ ต่างจังหวัด เพราะความสวยไม่รอใคร อยากสวยเลือกทำที่ Bujeong Clinic Surgery Center สิคะ!!!

มั่นใจ ปลอดภัย และ ได้มาตรฐาน พูจองคลินิกส่งตรงความงาม แบบฉบับเกาหลี

 
สามารถติดตาม Bujeong Clinic สำหรับเสริมความงาม ช่องทางต่างๆ เพิ่มเติมได้ที่นี่
Facebook : Bujeong Clinic - พูจอง คลินิก
Line : @Bujeong-Clinic
Tel : 088-050-1111
 
สามารถติดตาม Bujeong Clinic Surgery Center สำหรับศัลยกรรม ช่องทางต่างๆ เพิ่มเติมได้ที่นี่
Facebook : Bujeong surgery center
Line : @bujeongsurgery
Tel : 061-042-2999


22


การเสริมหน้าอก หรือ อัพไซส์หน้าอก เป็นอีกหนึ่งการศัลยกรรมที่ช่วยทำให้สาวๆ มีความมั่นใจมากยิ่งขึ้น ทำให้มีเสน่ห์มากยิ่งขึ้น การเสริมหน้าอกควรจะต้องศึกษารายละเอียดให้ดี เพราะถือว่าเป็นการผ่าตัดใหญ่ โดยเฉพาะการเลือก ซิลิโคนนม ถ้าเลือกดีก็จะทำให้เราได้ทรงหน้าอกที่สวย แต่ถ้าเลือกไม่ดีอาจทำให้เสริมออกมาแล้วไม่เข้ากับเรา วันนี้ Bujeong Clinic Surgery Center จะมาแนะนำทรงหน้าอกว่าแบบไหนเหมาะกับคุณ อย่ารอช้าไปอ่านบทความกันเลย!!!
 
ซิลิโคนนม ทำมาจากอะไร?


ซิลิโคนเสริมหน้าอกทำมาจากซิลิโคนเกรดการแพทย์ ซึ่งมีด้วยกัน 2 ส่วนหลักๆ นั่นก็คือ

  • ภายนอกของซิลิโคน หรือ เปลือกของซิลิโคน ใช้สำหรับป้องกันของข้างในซิลิโคนไม่ให้รั่วซึมออกมา
  • ส่วนข้างในซิลิโคน หรือ ของเหลวภายใน มักจะเป็นน้ำเกลือ หรือ ซิลิโคนเหลวที่มีความยืดหยุ่นสูง

ซิลิโคนนม มีกี่ประเภท?


ประเภทผิวของซิลิโคนเสริมหน้าอกมีให้เลือกด้วยกันถึง 3 แบบ ได้แก่

  • ซิลิโคนผิวเรียบ เป็นซิลิโคนที่จะมีผิวเรียบเนียน ด้วยผิวที่เรียบ และ ใสทำให้ง่ายต่อการเสริมหน้าอก แต่ก็ต้องระวังเรื่องของการเกิดพังผืด เพราะมีโอกาสที่จะทำให้ซิลิโคนแข็งขึ้นมา และ ดูไม่เป็นธรรมชาติ
  • ซิลิโคนผิวทราย มีความหยาบของเนื้อทราย ผิวจะค่อนข้างขรุขระ มีความหนืดสูง ซิลิโคนผิวทรายก็จะช่วยในเรื่องการลดการเกิดพังผืดรอบซิลิโคน และ มีอายุการใช้งานของซิลิโคนที่ยาวนานกว่า
  • ซิลิโคนนาโน ผิวสัมผัสของเนื้อซิลิโคนจะมีความคล้ายคลึงระหว่างผิวเรียบ และ ผิวทราย ผิวของซิลิโคนนาโนจะเหมือนกับผิวกำมะหยี่ ทำให้ระยะเวลาในการเสริม และ บวมค่อนข้างน้อย อีกทั้งยังช่วยทำให้การเกิดพังผืดรอบๆ ซิลิโคนน้อยลง และ อายุการใช้งานของซิลิโคนมีเพิ่มขึ้น

ซิลิโคนมีกี่ทรง?


ทรงของซิลิโคนจะมีด้วยกัน 3 ทรง ได้แก่

  • ทรงกลม ทรงนี้มีความยืดหยุ่นที่ดี และ ดูเป็นธรรมชาติ เป็นทรงที่เหมาะกับในการเติมส่วนของทรงนมให้เต็ม หรือ คนที่ต้องการเน้นส่วนของเนินอกให้ชัด
  • ทรงหยดน้ำ ซิลิโคนทรงนี้จะมีลักษณะเหมือนกับหยดน้ำ ที่ด้านบนจะแบน และ ส่วนของด้านล่างจะป่องออกมามีความธรรมชาติ ทำให้อกชิดไม่เป็นบล็อคจนเกินไป
  • ทรงกึ่งหยดน้ำ เป็นทรงที่รวมเอาซิลิโคนทรงกลม และ ทรงหยดน้ำเข้าด้วยกัน ใครที่อยากได้หน้าอกทรงที่ดูเป็นธรรมชาติทั้งทรง และ สัมผัส ทรงกึ่งหยดน้ำถือว่าเหมาะกับคุณ

ควรเสริมหน้าอกกี่ cc กันนะ?

  • 200 cc การเสริมแบบนี้เป็นการอัพไซส์ขนาดหน้าอกขึ้นประมาณ 1 คัพ เหมาะสำหรับคนที่มีหน้าอกอยู่แล้วประมาณหนึ่ง
  • 250 cc เป็นขนาดที่กำลังพอดี เหมาะสำหรับคนที่อยากเสริมให้หน้าอกใหญ่ขึ้นแต่ไม่มากจนเกินไป
  • 300 cc ไซส์นี้สามารถเพิ่มขนาดของหน้าอกได้ถึง 2 ไซส์ เป็นไซส์ที่เหมาะสำหรับคนที่หน้าอกน้อยทรงนี้จบ
  • 350 cc ไซส์นี้สามารถอัพได้หลายไซส์ เป็นขนาดที่ดารา พริตตี้ นางแบบหลายคนเลือกทำ
  • 400 cc ขึ้นไป สำหรับไซส์นี้ถือว่ามีความใหญ่มาก จะทำให้ดูอึ๋มขึ้นอย่างมาก ทำให้อกชิด

ซิลิโคนนมมียี่ห้อไหนแนะนำบ้าง?


เราเลยจะมาแนะนำยี่ห้อซิลิโคนยอดฮิตที่นิยมใช้ในการเสริมหน้าอก เช่น

  • Motiva เป็นซิลิโคนของอเมริกา ที่จะมีการฝังชิปเข้าไปในซิลิโคน เพื่อช่วยในการตรวจเช็คซิลิโคน เป็นอีกหนึ่งยี่ห้อที่ซิลิโคนมีความเป็นธรรมชาติ ไม่แข็งจนเกินไป
  • Sebbin ซิลิโคนจากประเทศฝรั่งเศส มีความยืดหยุ่นของเนื้อซิลิโคน ให้สัมผัสที่นิ่ม และ ช่วยป้องกันการเกิดพังผืดได้ดี
  • Mentor เป็นอีกยี่ห้อหนึ่งของอเมริกา ซิลิโคนมีความหนา และ ก็นิ่ม ทำให้ซิลิโคนสามารถคงรูปทรงอยู่ได้นาน มีความเป็นธรรมชาติ

อย่างที่เราได้บอกเอาไว้แล้วว่าการเสริมหน้าอกถือว่าเป็นการศัลยกรรมที่ต้องศึกษาให้ดี โดยเฉพาะในเรื่องของไซส์ที่จะต้องเลือกให้เหมาะสมกับตัวเอง ใครที่อยากจะเสริมหน้าอกอย่างปลอดภัย และ ได้ทรงสวย Bujeong Clinic Surgery Center  มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่พร้อมจะช่วยให้คุณได้หน้าอกที่สวยอย่างที่คุณต้องการ!!!
 
 
เลือกเสริมหน้าอก เลือกที่ Bujeong Clinic Surgery Center

Bujeong Clinic Surgery Center  (ศูนย์ศัลยกรรมพูจองคลินิก) เป็นคลินิกเสริมความงาม ที่ให้บริการศัลยกรรม และ หัตถการ ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย และ มาตรฐานความปลอดภัย โดยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ทั้งแพทย์ไทย และ แพทย์เกาหลี ที่มากด้วยประสบการณ์ ที่พร้อมจะเนรมิตให้คุณสวยแบบที่ต้องการ  นอกจากนั้นแล้วพูจองคลินิกยังมีสาขาให้เลือกมากมายถึง 10 สาขา ทั้งในกรุงเทพ และ ต่างจังหวัด เพราะความสวยไม่รอใคร อยากสวยเลือกทำที่ Bujeong Clinic Surgery Center สิคะ!!!

มั่นใจ ปลอดภัย และ ได้มาตรฐาน พูจองคลินิกส่งตรงความงาม แบบฉบับเกาหลี

 
สามารถติดตาม Bujeong Clinic สำหรับเสริมความงาม ช่องทางต่างๆ เพิ่มเติมได้ที่นี่
Facebook : Bujeong Clinic - พูจอง คลินิก
Line : @Bujeong-Clinic
Tel : 088-050-1111
 
สามารถติดตาม Bujeong Clinic Surgery Center สำหรับศัลยกรรม ช่องทางต่างๆ เพิ่มเติมได้ที่นี่
Facebook : Bujeong surgery center
Line : @bujeongsurgery
Tel : 061-042-2999


23


อีกหนึ่งสิ่งที่สายฝออยากจะทำมากที่สุดก็คงจะเป็นจมูก เพราะจมูกสายฝอจะมีเอกลักษณ์ และ โดดเด่น ช่วยเสริมเสน่ห์ให้เราดูฝอ ดูแซ่บมากยิ่งขึ้น วันนี้ทาง Bujeong Clinic Surgery Center เลยได้รวบรวม จมูกทรงสายฝอ แซ่บๆ ปังๆ ที่จะช่วยเสริมความมั่นใจให้คุณมากยิ่งขึ้น ใครเป็นสายฝอไม่ควรพลาดบทความนี้เลย!!!

>> อ่านบทความ รวมทรงจมูกเกาหลียอดนิยม เพิ่มเติมได้ที่นี่<<

จมูกทรงสายฝอ ทรงไหนปัง ทรงไหนแซ่บ!!!

จมูกสายฝอก็มีให้เลือกหลากหลายทรง ส่วนใหญ่จมูกสายฝอจะมีความโด่ง สันคมชัดเจน ปลายเชิด ส่วนใหญ่จะเน้นบริเวณสันจมูก จึงเหมาะกับคนที่จมูกโด่งประมาณหนึ่ง และ  มีเนื้อจมูกพอสมควร ใครที่มีเนื้อจมูกน้อยมากไม่แนะนำมากนัก หากอยากทำอาจจะได้จมูกที่ไม่โด่งมาก
 
ใครที่เนื้อจมูกน้อยแล้วไม่รู้ว่าจะเสริมจมูกได้หรือไม่ อ่านเพิ่มเติมได้ที่บทความนี้
>> อ่านบทความ เนื้อจมูกน้อยทำจมูกได้ไหม ได้ที่นี่ <<

ทรงสันจมูกโด่ง ปลายจมูกเรียวเล็ก


จมูกทรงพื้นฐานที่ทำให้เราดูฝอดูคมขึ้น บริเวณสันจมูกให้จมูกดูโด่งขึ้น ส่วนปลายจมูกจะเน้นปลายเรียว ทำให้จมูกดูยาวขึ้น เรียวขึ้น เพื่อทำให้หน้าดูคม ทรงนี้ถือว่าเป็นทรงที่เข้ากับทุกคน ส่วนความโด่งของสันจมูกก็ขึ้นอยู่กับเนื้อจมูก

ทรงสันจมูกโด่ง ปลายจมูกเรียวเล็กเหมาะสำหรับ - ทุกคน ทุกทรงจมูก ใครอยากจะทำให้สันจมูกโด่งมากๆ ก็ต้องพิจารณาว่ามีเนื้อจมูกบริเวณสันพอที่จะทำหรือไม่

ทรงหยดน้ำ ปลายเชิด


จมูกทรงหยดน้ำจะทำให้หน้าดูละมุนขึ้น ไม่ดูคมจนเกินไป บริเวณสันจมูกจะเป็นทรงตรง หรือ ทรงสโลปก็ได้ ใครอยากให้เป็นธรรมชาติหน่อยก็อาจจะทำทรงสโลป ส่วนปลายจมูกจะทำเป็นทรงหยดน้ำแบบเกาหลี แต่จะให้ปลายจมูกเชิดขึ้นเล็กน้อย เพื่อที่ยังจะเป็นทรงสายฝออยู่

ทรงหยดน้ำ ปลายเชิดเหมาะสำหรับ - ทรงนี้อาจจะต้องใช้เนื้อจมูกบริเวณปลาย ใครที่มีเนื้อจมูกน้อยไม่แนะนำมากนัก

ทรงสันจมูกปานกลาง แต่ปลายพุ่ง


เป็นทรงที่สันจมูกไม่โด่งมากจนเกินไป แต่จะไปเน้นที่บริเวณปลายจมูกแทน จะเน้นความพุ่งของจมูก เป็นทรงที่จะทำให้หน้าดูมีเสน่ห์มากขึ้น

ทรงสันจมูกปานกลาง แต่ปลายพุ่งเหมาะสำหรับ - คนที่มีเนื้อบริเวณปลายจมูกพอสมควร คนที่มีเนื้อจมูกน้อยก็สามารถทำได้

ทรงสันจมูกโด่ง ปลายจมูกสโลป


เป็นทรงที่บริเวณสันจมูกจะเสริมให้ดูโด่ง แต่ว่าบริเวณปลายจมูกจะมีความสโลปลงมา ทำให้ดูเป็นธรรมชาติ ความสโลปบริเวณปลายจมูก จะทำให้จมูกดูยาวมากยิ่งขึ้น กำลังพอดีเหมือนกับโครงหน้าของคนไทย

ทรงสันจมูกโด่ง ปลายจมูกสโลปเหมาะสำหรับ - ทรงนี้สามารถทำได้ทุกทรงจมูก แต่อาจจะต้องเน้นเนื้อจมูกบริเวณสันจมูก แม้เนื้อจมูกจะน้อยก็สามารถทำได้

ทรงเน้นความโด่ง


สำหรับใครที่อยากเน้นแค่ความโด่งของจมูก ใครมีเนื้อจมูกเยอะก็สามารถทำให้โด่งได้เยอะ ส่วนของปลายจมูกก็จะเน้นความเป็นธรรมชาติ ไม่ควรเน้นปลายจมูกที่พุ่ง หรือ เชิดจนเกินไป เพราะทำให้จมูกดูไม่เป็นธรรมชาติ

ทรงเน้นความโด่งเหมาะสำหรับ - เหมาะกับคนที่มีเนื้อจมูกบริเวณสันจมูกพอประมาณ
 
ใครที่เหมาะจะเสริมจมูกทรงสายฝอ?

  • คนที่มีจมูกโด่งประมาณหนึ่งเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว
  • มีเนื้อจมูกพอประมาณ หากเน้นปลายพุ่ง หรือ ปลายเชิดก็จะใช้เนื้อบริเวณปลายจมูกด้วย
  • ใครที่มีเนื้อจมูกน้อย จมูกบางไม่ควรเสริมจมูกทรงฝอ แต่ควรจะเลือกทรงจมูกที่เหมาะกับตัวเอง

จะรู้ได้ยังไงว่าจมูกทรงไหนใช่คุณ?

  • การดูว่าจมูกทรงไหนเหมาะกับเรา จะต้องดูว่าเรามีบุคลิกเป็นอย่างไร การแต่งตัวเป็นแบบไหน
  • ลองเทียบซิลิโคนกับจมูกของเรา ว่าทรงที่เราเลือกเหมาะกับใบหน้าของเราหรือไม่
  • ดูว่าจมูกของเราสามารถทำทรงจมูกที่เราต้องการได้หรือไม่ โดยดูว่าสัดส่วนบนหน้าของเราสามารถทำได้หรือเปล่า

การเสริมจมูกเพื่อเพิ่มความโด่ง หรือ ทำให้จมูกเป็นทรงฝรั่ง เพื่อเพิ่มความมั่นใจของเรา แต่ก็ต้องพิจารณาพื้นฐานโครงสร้างจมูกของเราเองด้วยว่าเหมาะกับทรงนั้นหรือเปล่า หากไม่ระวังอาจทำให้เกิดผลตามมาได้ ไม่ว่าจะเป็นแผลเสริมจมูกติดเชื้อ หรือ ปัญหาจมูกทะลุ ที่พบมากในคนที่เนื้อจมูกน้อยแต่เลือกเสริมจมูกที่ไม่เหมาะกับพื้นฐานโครงจมูกของตัวเอง เสริมจมูกให้สวย และ ปลอดภัย เลือกที่ Bujeong Clinic Surgery Center !!!
 

อยากได้ จมูกทรงสายฝอ Bujeong Clinic Surgery Center

Bujeong Clinic Surgery Center  (ศูนย์ศัลยกรรมพูจองคลินิก) เป็นคลินิกเสริมความงาม ที่ให้บริการศัลยกรรม และ หัตถการ ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย และ มาตรฐานความปลอดภัย โดยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ทั้งแพทย์ไทย และ แพทย์เกาหลี ที่มากด้วยประสบการณ์ ที่พร้อมจะเนรมิตให้คุณสวยแบบที่ต้องการ  นอกจากนั้นแล้วพูจองคลินิกยังมีสาขาให้เลือกมากมายถึง 10 สาขา ทั้งในกรุงเทพ และ ต่างจังหวัด เพราะความสวยไม่รอใคร อยากสวยเลือกทำที่ Bujeong Clinic Surgery Center สิคะ!!!

มั่นใจ ปลอดภัย และ ได้มาตรฐาน พูจองคลินิกส่งตรงความงาม แบบฉบับเกาหลี

 
สามารถติดตาม Bujeong Clinic สำหรับเสริมความงาม ช่องทางต่างๆ เพิ่มเติมได้ที่นี่
Facebook : Bujeong Clinic - พูจอง คลินิก
Line : @Bujeong-Clinic
Tel : 088-050-1111
 
สามารถติดตาม Bujeong Clinic Surgery Center สำหรับศัลยกรรม ช่องทางต่างๆ เพิ่มเติมได้ที่นี่
Facebook : Bujeong surgery center
Line : @bujeongsurgery
Tel : 061-042-2999



24


ไม่ใช่ทุกคนที่จะมีผิวสวยสุขภาพดีมาตั้งแต่แรก ยิ่งถ้าเรายังขาดการบำรุงผิวด้วยแล้ว ยิ่งทำให้ผิวเสียหายอย่างหนัก สำหรับใครที่อยากมีผิวสวยวันนี้ ResiSKIN จะมาแนะนำ อาหารผิว ที่ควรทานเพื่อทำให้ผิวของเรากลับมาแข็งแรง พร้อมลุยแม้สภาพแวดล้อมจะไม่เป็นใจ ใครอยากมีผิวสวยต้องอ่าน!!!

ResiSKIN อาหารเพื่อผิวสุขภาพดีและแข็งแรง คลิก

ทำไมเราถึงต้องการอาหารผิว?

ในทุกๆ วัน อายุผิวของเราก็จะมากยิ่งขึ้น อีกทั้งการขาดการดูแล และ มลภาวะต่างๆ ที่เราต้องเจอก็ทำให้ผิวของเราอ่อนแอลง นอกจากนั้นมลภาวะที่เราเจอในทุกๆ วันก็ยังทำร้ายผิวอีกด้วย นี่เองจึงทำให้เราต้องเสริมความแข็งแรงให้ผิวด้วยการทานอาหารผิว และ ดูแลผิวอย่างถูกวิธี
 
รวม อาหารผิว ที่ควรทานถ้าอยากมีผิวดี!!!

ปลา


ในปลาจะมีกรดไขมันโอเมก้า - 3 ที่จะช่วยลดการอักเสบของ ช่วยทำให้ผิวชุ่มชื้น ลดการระคายเคืองของผิว อีกทั้งยังมีวิตามินอี และ แร่ธาตุอย่างสังกะสี ที่ช่วยในการต้านอนุมูลอิสระ ช่วยลดรอยสิว รอยแดงต่างๆ ใครที่มีผิวแห้ง ควรทานปลาบ่อยๆ ก็จะดีนะ

มะเขือเทศ


มะเขือเทศมีทั้งวิตามินซี บี1 บี2 วิตามินเอ และ อื่นๆ ที่ช่วยในเรื่องของการป้องกันสิว ฝ้า กระ จุดด่างดำต่างๆ อีกทั้งยังมี ไลโคปีนที่ช่วยทำให้ผิวกระจ่างใส ขาวขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ ใครที่อยากหน้าใส หน้าเด็ก ควรทานมะเขือเทศอย่างสม่ำเสมอ หรือ ทานน้ำมะเขือเทศแทนได้

เบอร์รี่


ผลไม้ตระกลูเบอร์รี่มีประโยชน์อย่างมากต่อผิว เพราะมีวิตามินซีสูง ช่วยในการทำให้ผิวปร่งปลั่ง ช่วยลดเลือนริ้วรอย และ พวกรอยสิว จุดด่างดำต่างๆ ทำให้ผิวดูสุขภาพดี ช่วยในการสร้างคอลลาเจนในผิว ทำให้ผิวเราดูอ่อนเยาว์ ดูสดใสขึ้นมา

ธัญพืช


ธัญพืชอุดมไปด้วยกรดไขมันโอเมก้า - 3 , โอเมก้า - 6 ที่ช่วยในการทำให้ผิวชุ่มชื้น ช่วยสร้างคอลลาเจนในผิว นอกจากนั้นก็ยังมีพวกวิตามินอี และ แร่ธาตุต่างๆ อย่างไอโซฟลาโวน และ ซีลีเนีย ทำให้ผิวดูอ่อนเยาว์ ช่วยในการซ่อมแซมเซลล์ผิวที่สึกหรอ ช่วยให้ผิวกระจ่างใสมากขึ้น
นอกจากอาหารผิวที่เราแนะนำแล้ว น้ำเปล่า ก็นับว่าเป็นอีกหนึ่งอาหารผิวที่จำเป็นต่อร่างกายอย่างมาก จะช่วยให้ผิวจะดูนุ่ม ผิวมีออร่า ผิวดูอิ่มน้ำ สุขภาพดี
 
เคล็ดลับช่วยให้ผิวแข็งแรงจากภายใน


การดูแลผิวจากภายในนับว่าเป็นอะไรที่สำคัญมาก ดังนั้นเราจึงต้องหาตัวช่วยที่ช่วยให้ผิวของเราแข็งแรง ช่วยเสริมเกราะป้องกันผิวอีกชั้นหนึ่ง ขอแนะนำผลิตภัณฑ์ของ ResiSKIN ครีมเวชสำอางที่จะช่วยทำให้ผิวของคุณแข็งแรง และ มีสุขภาพดี ด้วยการฟื้นฟู บำรุง และ ป้องกันผิวจากมลภาวะที่จะมาทำร้ายผิวของเรา

  • ครีมเวชสำอางมีส่วนผสมของ Extremolytes 7% สารสกัดลิขสิทธิ์เฉพาะจากประเทศเยอรมัน ช่วยจบปัญหาผิวแห้ง แดง ผื่น คัน
  • ช่วยสร้างเกราะความชุ่มชื้นให้ผิว ปกป้องผิวจากมลภาวะที่ไม่เป็นมิตรต่อผิว
  • ผิวแข็งแรง และ ชุ่มชื้นขึ้นอย่างสังเกตเห็นได้ ภายใน 7 วัน
  • ปราศจากสารสเตียรอยด์ น้ำหอม และสารกันเสีย สามารถใช้ต่อเนื่องในระยะยาว หมดกังวลสำหรับคนผิวแพ้ง่าย

ใครที่อยากให้ผิวสวยทั้งจากภายใน และ ภายนอก ลอง ResiSKIN ดูสิคะแล้วคุณจะเห็นว่าผิวของคุณมีสุขภาพดีขึ้น เอาชนะปัญหาผิวแห้ง แดง ผื่น คันง่ายๆ เพียงแค่ลองใช้ ผิวสวยไม่มีขายอยากได้ต้องบำรุงเลย!!!
 
 
ใครที่สนใจสั่งซื้อ ResiSKIN สามารถกดที่ link ด้านล่างนี้ได้เลย
Facebook : ResiSKIN รีซิสกิน
Line : @resiskin
Shopee : ResiSKIN by QUALISK
Lazada : Qualimed
 


25


บ้านเป็นอีกหนึ่งความฝันขอหลายๆคน แต่ต้องตัดสินใจไม่ได้ว่าระหว่าง ซื้อบ้านกับสร้างบ้าน ว่าแบบไหนดีกว่ากัน ใครที่กำลังลังเลเรื่องนี้อยู่วันนี้ VKB จะมาเปรียบเทียบให้ดูเลยว่าแบบไหนมีข้อดี ข้อเสียอย่างไรบ้าง และ แบบไหนเหมาะกับใคร ใครอยากจะมีบ้านต้องอ่านบทความนี้เลย!!!
 
ระหว่าง ซื้อบ้านกับสร้างบ้าน อันไหนดีกว่า?

ซื้อบ้านดีไหม?


การซื้อบ้านส่วนใหญ่มักจะเป็นบ้านโครงการ ซึ่งบ้านจะมีรูปแบบหน้าตาคล้ายกัน เมื่อซื้อบ้านเรียบร้อยแล้วจะต้องทำการโอนบ้านให้เป็นชื่อของเราเองก่อน จึงจะถือว่าเราเป็นเจ้าบ้านที่แท้จริง ส่วนใหญ่บ้านแบบโครงการมักจะอยู่ใกล้กับสถานที่สำคัญต่างๆ ทำให้สามารถเดินทางได้สะดวก

ข้อดีของการซื้อบ้าน

  • สามารถควบคุมค่าใช้จ่ายได้มากกว่า เพราะส่วนมากบ้านจะถูกตั้งราคาเอาไว้แล้ว จึงทำให้เราสามารถเลือกซื้อบ้านที่เหมาะสมกับงบประมาณของเราได้
  • พร้อมเข้าอยู่ได้เลย เพียงแค่ทำการเซ็นสัญญา และ โอนบ้านให้เรียบร้อยก็สามารถเข้าอยู่ได้เลย
    มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบ และ มีความปลอดภัย มีสิ่งอำนวยความสะดวกทั้ง ฟิตเนส สวนสาธารณะ ร้านค้า ร.ป.ภ

ข้อเสียของการซื้อบ้าน

  • ไม่สามารถเลือกรูปแบบบ้านได้มากนัก รูปแบบของบ้านมีให้เลือกอย่างจำกัด จะต่างกันที่พื้นที่ใช้สอย และ มุมของบ้าน
  • ไม่สามารถขยับขยายพื้นที่ได้มากนัก เนื่องจากพื้นที่ของบ้านจะถูกกำหนดไว้แล้ว
  • เสียค่าใช้จ่ายส่วนกลาง อาจจะต้องเสียเงินในส่วนของค่าใช้จ่ายส่วนกลาง ที่ทางโครงการเรียกเก็บต่างๆ

การซื้อบ้านเหมาะกับใคร : การซื้อบ้านเหมาะสำหรับคนที่ต้องการบ้านที่พร้อมเข้าอยู่ได้เลย มีงบประมาณที่จำกัด และ คนที่ต้องการสิ่งอำนวยความสะดวกครบๆ
 
สร้างบ้านดีไหม?

การสร้างบ้านจะมีความแตกต่างจากการซื้อบ้าน การสร้างบ้านเราสามารถสร้างที่ไหนก็ได้ที่เราเป็นเจ้าของที่ดิน ใครที่ต้องการรื้อถอนบ้านหลังเก่า เพื่อรีโนเวทเป็นบ้านหลังใหม่ที่ดีขึ้น มีพื้นที่มากขึ้นก็สามารถทำได้เช่นกัน การสร้างบ้านสำคัญที่ผู้รับเหมา หากเราเลือกผู้รับเหมาที่เหมาะสมก็จะช่วยให้การสร้างบ้านเป็นเรื่องง่ายขึ้น ตั้งแต่การให้คำปรึกษา การออกแบบ งานก่อสร้าง รวมไปถึงงานวางระบบต่างๆ ด้วย


ข้อดีของการสร้างบ้าน

  • ได้บ้านแบบที่เราต้องการ ทั้งดีไซน์บ้าน วัสดุที่ใช้ หรือ การตกแต่งต่างๆ
  • ได้ทำเลที่เราอยากได้ สามารถเลือกที่ดินที่เราต้องการสร้างบ้านได้
  • เราสามารถควบคุมการก่อสร้างได้ สามารถควบคุมให้การก่อสร้างดำเนินไปตามที่เราต้องการได้ ทั้งวัสดุที่ใช้ รูปแบบ และ ระยะเวลาก่อสร้าง

ข้อเสียของการสร้างบ้าน

  • ต้องเลือกผู้รับเหมาให้ดี ควรเลือกผู้รับเหมาที่เป็นแบบบริษัท ที่ให้บริการครบวงจร เพื่อทำให้บ้านสร้างเสร็จได้ไว แต่ถ้าเลือกผู้รับเหมาไม่ดีก็อาจจะ เกิดกรณีการทิ้งงานกลางคันได้
  • งบประมาณอาจจะบานปลายได้ ตั้งแต่ออกแบบ เลือกวัสดุ การตกแต่งต่างๆ ตลอดจนการเลือกเฟอร์นิเจอร์ให้เข้ากับบ้าน อาจจะทำให้งบประมาณที่ใช้ค่อนข้างสูง
  • ต้องระวังเรื่องความปลอดภัย การสร้างบ้านเองแม้เราจะได้ทำเลที่เราอยากได้ แต่ก็อาจจะไม่ได้มีความปลอดภัยมากนัก

การสร้างบ้านเหมาะกับใคร : เหมาะสำหรับคนที่ต้องการรูปแบบบ้านเฉพาะ หรือ อยากได้บ้านในแบบที่เราต้องการ


จะเห็นได้ว่าผู้รับเหมานับว่ามีความสำคัญมากทั้งกับการซื้อบ้าน และ การสร้างบ้าน ซึ่งเราจะติดต่อผู้รับเหมาในกรณีที่เราต้องการปรับปรุงบ้าน ส่วนการสร้างบ้านผู้รับเหมายิ่งจะสำคัญเป็นพิเศษ เพราะว่าบ้านจะเสร็จไม่เสร็จอยู่ที่ผู้รับเหมา ควรเลือกผู้รับเหมาที่ให้บริการครบวงจร ที่มีทีมออกแบบ ทีมรื้อถอนอยู่แล้ว เราก็ไม่ต้องไปเสียเงินจ้างแต่ละส่วนแยกเอง ถ้าอยากได้ผู้รับเหมาที่ดีไม่ทิ้งงาน เลือก V.K.B contracting บริษัทรับเหมาก่อสร้างที่พร้อมให้บริการครบจบทุกเรื่องก่อสร้าง ด้วยมาตรฐานงานที่ผ่านการให้บริการมามากกว่า 30 ปี ทำให้เชื่อใจได้เลยว่าคุณจะได้บ้านที่ดีอย่างแน่นอน !!!


 
ซื้อบ้านกับสร้างบ้าน อันไหนดีกว่า จะแบบไหน V.K.B ก็จัดให้ได้

เลือกผู้รับเหมาดีมีชัยไปกว่าครึ่ง ทั้งได้บ้านที่มีมาตรฐาน ได้บ้านที่ตรงสเปค ได้บ้านที่เสร็จตามระยะเวลาที่กำหนด อยากได้บ้านที่ดีเลือกสร้างกับ V.K.B contracting เพราะเราเป็นบริษัทรับเหมาก่อสร้างที่ให้บริการออกแบบ และ ก่อสร้าง รวมถึงให้คำแนะนำ บริหารโครงการ ที่ให้บริการมายาวนานกว่า 30 ปี ด้วยทีมที่เชี่ยวชาญ และ มีประสบการณ์ ทำให้คุณมั่นใจได้เลยว่างานที่ออกมาจะเป็นไปอย่างที่คุณต้องการ และ มีคุณภาพ
  • งานก่อสร้าง รับเหมาก่อสร้างด้วยทีมงาน บุคลากร และ Outsourch คุณภาพที่พร้อมบริการอย่างเต็มที่
  • งานออกแบบ มีผู้เชี่ยวชาญที่มากประสบการณ์ รวมทั้งนักออกแบบรุ่นใหม่ ที่พร้อมออกแบบเพื่อให้ตอบโจทย์ตามสไตล์ของคุณ
  • ให้คำปรึกษา และ บริหารโครงการ นอกจากการก่อสร้างแล้ว เรายังให้คำแนะนำ ปรึกษา และ ช่วยเหลือปัญหาที่เกิดจากการก่อสร้างทุกรูปแบบ

บริการอย่างเต็มที่ และ เต็มเปี่ยมไปด้วยคุณภาพ

 
สามารถสอบถาม V.K.B และ ดูข้อมูลเพิ่มเติมช่องทางอื่นๆ
Facebook : VKB Contracting
Line : @vkbth
Tel : 02-377-6591 , 02-735-1636 , 02-735-1637
Email : vkb.cont@gmail.com


26


การขยายบ้าน หรือ การจะรีโนเวทบ้านก่อนอื่นจะต้องทำการ รื้อถอน บ้านเพื่อสร้างบ้านใหม่ เสียก่อน เพื่อทำให้บ้านมีขนาดใหญ่ขึ้น มีพื้นที่ใช้สอยมากขึ้น และ สวยงามมากยิ่งขึ้น แต่การรื้อถอนก็จะต้องคำนึงถึง ขั้นตอน และ กฎหมาย ให้ดีไม่เช่นนั้นจะถือว่าทำผิดกฎหมายควบคุมอาคาร อีกทั้งยังอาจจะโดนดำเนินคดีตามหลังมาก็ได้ ดังนั้นวันนี้ VKB จะมาให้ความรู้เกี่ยวกับรื้อถอนบ้านแบบเป็นขั้นตอน ที่คนจะรื้อถอนบ้านต้องอ่าน!!!
 
กฎหมายการ รื้อถอน อาคารมีอะไรบ้าง?


1.การรื้อถอนอาคารสูง

  • อาคารที่มีส่วนสูงเกิน 15 เมตร ซึ่งอยู่ห่างจากอาคารอื่นๆ หรือ ที่สาธารณะน้อยกว่าความสูงของอาคาร และ มีพื้นที่โดยรอบอยู่ใกล้สถานที่สาธารณะ
  • อาคารที่อยู่ห่างจากอาคารอื่น หรือ ที่สาธารณะน้อยกว่า 2 เมตร

*การรื้อถอนอาคาร ในที่นี้รวมถึง ตึก บ้านเรือน ร้านค้า คลังสินค้า สำนักงาน และ สิ่งปลูกสร้างอื่นๆ ที่เราใช้ในการอยู่อาศัย หรือ ใช้พื้นที่นั้นในการใช้สอยต่างๆ

2.การแก้ไข ปรับปรุงอาคาร ที่จะต้องดำเนินการขอใบอนุญาตในการรื้อถอน จะมีกรณีดังต่อไปนี้

  • กรณีการลด หรือ เพิ่มขนาด ของพื้นชั้นใดชั้นหนึ่ง หรือ เนื้อที่หลังคารวมกันเกินกว่า 5 ตารางเมตร โดยไม่ได้เป็นการลด หรือ เพิ่มจำนวนเสา หรือ คานภายในอาคาร
  • กรณีที่มีการเปลี่ยนส่วนใดส่วนหนึ่งภายในอาคาร ด้วยการใช้วัสดุเดิม หรือ วัสดุอื่นๆ ที่เป็นการเพิ่มน้ำหนักให้ตัวบ้านเกินกว่า 10%
  • กรณีที่มีการเปลี่ยนแปลง วัสดุ ขนาด และ จำนวนที่แตกต่างไปจากของเดิม เว้นแต่การเปลี่ยนโครงสร้างอาคารที่เป็นคอนกรีตเสริมเหล็ก คอนกรีตแรงอัด หรือ เหล็กรูปพรรณ
  • กรณีที่เปลี่ยนแปลง ต่อเติม เพิ่ม ลด หรือ ขยายขอบเขต แบบ สัดส่วน รูปทรง น้ำหนัก หรือ เนื้อที่ของส่วนต่างๆ ของอาคาร ที่เป็นการเพิ่มน้ำหนักให้แก่โครงสร้างอาคารเดิมเกินกว่า 10%

>> สามารถเข้าไปอ่าน กฎหมายควบคุมอาคารเต็มๆ ได้ที่นี่ <<

ถ้าไม่ขออนุญาตรื้อถอนจะโดนอะไรบ้าง?

  • จำคุกไม่เกิน 3 เดือน หรือ ปรับไม่เกิน 60,000 บาท ( หรือไม่อาจจะโดนทั้งจำทั้งปรับ )
  • อาจจะต้องโทษปรับเป็นรายวัน วันละไม่เกิน 10,000 บาท จนกว่าจะดำเนินการขออนุญาตให้ถูกต้องตามที่กฎหมายกำหนด และ จะต้องแจ้งการรื้อถอนที่นายทะเบียนภายใน 15 วัน กรณีที่ไม่แจ้ง นายทะเบียนสามารถสั่งจำหน่ายทะเบียนบ้านได้

สำหรับใครที่เมื่อรื้อถอนเสร็จจะสร้างบ้านใหม่ต่อ สามารถเข้าไปอ่านบทความที่เกี่ยวข้องได้เลย
>> บทความ สร้างบ้านไม่ขออนุญาตได้ไหม ได้ที่นี่ <<

 
การขออนุญาตรื้อถอนต้องทำอย่างไร?

เจ้าบ้าน หรือ ผู้รับเหมาสามารถเข้าไปติดต่อกับเจ้าหน้าที่สำนักงานเขต หรือ เทศบาลท้องถิ่นที่รับผิดชอบเขตพื้นที่นั้นๆ โดยจะใช้ระยะเวลาในการรอใบขออนุญาตประมาณ 45 วันทำการ โดยผู้ที่มายื่นคำร้องเพื่อขอใบอนุญาตรื้อถอนจะต้องเตรียมเอกสารดังต่อไปนี้


  • แบบแปลนบ้าน
  • ใบคำร้อง ข.1
  • สำเนาบัตรประชาชน
  • ทะเบียนบ้าน และ สำเนาทะเบียนบ้านของผู้ที่ยื่นคำร้อง
  • สำเนา หรือ ภาพถ่ายโฉนดที่ดิน
  • เอกสารที่เกี่ยวข้องอื่นๆ ซึ่งจะขึ้นอยู่กับว่าอาคารเป็นอาคารประเภทไหน

เมื่อได้รับใบอนุญาตรื้อถอนแล้ว ก็สามารถดำเนินการรื้อถอนอาคารได้ 

ขั้นตอนการรื้อถอนอาคารที่ได้มาตรฐานของ VKB


  • ผู้รับเหมาจะเข้าไปสำรวจพื้นที่ และ อาคารโดยรอบก่อน เพื่อประเมินการรื้อถอนอาคาร รวมถึงดำเนินการเคลียร์พื้นที่สำหรับรอการรื้อถอน
  • ในวันที่กำหนดรื้อถอน จะต้องมีการวางแนวป้องกัน ป้ายอย่างชัดเจน จากนั้นทำการรื้อถอนวัสดุที่สามารถนำเอากลับมาใช้ใหม่
  • ทำการรื้อถอนส่วนของโครงสร้างหลัก และ เคลียร์พื้นที่บริเวณที่รื้อถอนให้เรียบร้อย
  • ทำการถม และ ปรับหน้าดินให้เรียบร้อย เพื่อให้ง่ายต่อการก่อสร้างบ้าน หรือ อาคารใหม่


ผู้รับเหมาควรจะดำเนินการรื้อถอนในถูกต้องตามที่กฎหมาย และ สำหรับฝครที่จะสร้างบ้านใหม่ ควรเลือกผู้รับเหมาให้ดี เพื่อให้งานออกมาดี และ ปลอดภัย อย่าง V.K.B contracting บริษัทรับเหมาก่อสร้างที่พร้อมให้บริการครบจบทุกเรื่องก่อสร้าง !!!


 
รื้อถอน หรือ ก่อสร้างเลือก V.K.B

อยากได้งานรื้อถอน ก่อสร้างที่ดี และ มีความปลอดภัย เลือก V.K.B contracting เราเป็นบริษัทรับเหมาก่อสร้างที่ให้บริการออกแบบ และ ก่อสร้าง รวมถึงให้คำแนะนำ บริหารโครงการ ที่ให้บริการมายาวนานกว่า 30 ปี ด้วยทีมที่เชี่ยวชาญ และ มีประสบการณ์ ทำให้คุณมั่นใจได้เลยว่างานที่ออกมาจะเป็นไปอย่างที่คุณต้องการ และ มีคุณภาพ

  • งานก่อสร้าง รับเหมาก่อสร้างด้วยทีมงาน บุคลากร และ Outsourch คุณภาพที่พร้อมบริการอย่างเต็มที่
  • งานออกแบบ มีผู้เชี่ยวชาญที่มากประสบการณ์ รวมทั้งนักออกแบบรุ่นใหม่ ที่พร้อมออกแบบเพื่อให้ตอบโจทย์ตามสไตล์ของคุณ
  • ให้คำปรึกษา และ บริหารโครงการ นอกจากการก่อสร้างแล้ว เรายังให้คำแนะนำ ปรึกษา และ ช่วยเหลือปัญหาที่เกิดจากการก่อสร้างทุกรูปแบบ

บริการอย่างเต็มที่ และ เต็มเปี่ยมไปด้วยคุณภาพ

 
สามารถสอบถาม V.K.B และ ดูข้อมูลเพิ่มเติมช่องทางอื่นๆ
Facebook : VKB Contracting
Line : @vkbth
Tel : 02-377-6591 , 02-735-1636 , 02-735-1637
Email : vkb.cont@gmail.com


27


ใครที่คิดจะศัลยกรรมจมูกทรงเกาหลีหยุดอ่านก่อน!!! ทรงจมูกแบบเกาหลี เป็นที่นิยมมากในบ้านเรา จมูกที่สวยจะช่วยเสริมให้ใบหน้าดูมีมิติ ทรงจมูกเกาหลีมีให้เลือกหลากหลายทรง แต่จะมีทรงไหนบ้างวันนี้ Bujeong Clinic Surgery Center ได้รวบรวมทรงจมูกยอดฮิตไว้ให้คุณแล้ว อย่ารอช้าไปอ่านบทความกันเลย!!!

>> อ่านบทความ เลือกซิลิโคนจมูกมีกี่ประเภท ได้ที่นี่<<

ทรงจมูกเกาหลี ทรงไหนปัง!!!

ทรงหยดน้ำ


จมูกทรงนี้ถือว่าเป็นทรงยอดนิยม เป็นทรงที่ทำให้จมูกของเราดูยาวขึ้น มีมิติมากยิ่งขึ้น บริเวณสันดั้งจะมีความสโลปทำให้จมูกดูละมุน ไม่แข็งจนเกินไป อีกทั้งตรงปลายจมูกที่งุ้มเข้าเป็นรูปหยดน้ำ ยังทำให้ใบหน้าดูหวานขึ้นมาอีกด้วย

ทรงหยดน้ำเหมาะสำหรับ - คนที่มีจมูกสั้น ปีกจมูกกว้าง แต่ควรจะเป็นคนที่มีเนื้อจมูกพอสมควร โดยเฉพาะตรงปลายจมูก แต่ถ้าใครเนื้อจมูกน้อยอาจจะต้องระวัง

ใครที่มีเนื้อจมูกน้อย แล้วกังวลว่าจะทำจมูกได้ไหมอยากรู้อ่านเลย
>> อ่านบทความ เนื้อจมูกน้อยทำจมูกได้ไหม ได้ที่นี่<<

ทรงตรงปลายเชิด


จมูกทรงนี้นับว่าเป็นอีกหนึ่งทรงยอดฮิตที่ดาราเกาหลีนิยมทำกัน เพราะมีความธรรมชาติ บริเวณสันจมูกจะเป็นทรงตรง และ ปลายจมูกอาจจะเชิดขึ้นมาเล็กน้อย ไม่งุ้มลงมา เป็นทรงที่เหมาะกับสาวไทยมากๆ อีกทั้งยังทำให้ถ่ายรูปออกมาปังอีกด้วย

ทรงตรงปลายเชิดเหมาะสำหรับ - คนที่มีปัญหาจมูกงุ้มลงมา และ คนที่จมูกบาน คนเนื้อจมูกน้อยก็สามารถทำได้
 
ทรงสโลปปลายพุ่ง


จมูกทรงนี้จะช่วยทำให้หน้าของคุณน่าหลงใหล  ให้ความรู้สึกคนละฟิลกับทรงหยดน้ำที่จะดูน่ารัก บริเวณสันจมูกจะมีความสโลปไล่ระดับไป และ ปลายจมูกที่พุ่งก็ทำให้ใบหน้าดูเรียวขึ้น ยาวขึ้นอีกด้วย

ทรงสโลปปลายพุ่งเหมาะสำหรับ - ทุกคนสามารถทำทรงนี้ได้ เป็นทรงที่เข้ากับทุกรูปหน้า
 
ทรงบาร์บี้ไลน์


ทรงนี้เป็นอีกทรงยอดฮิตมากในเกาหลี ในหมู่ดารา ไอดอล บริเวณสันจมูกจะยกสูงนิดๆ สันจมูกจะดูเรียวยาว และ แคบยาวลงมา ทำให้ดูเป็นคนตัวเล็กตัวน้อยน่ารัก

ทรงบาร์บี้ไลน์เหมาะสำหรับ - คนที่มีใบหน้าเล็ก หน้าไม่กลม เพราะจมูกทรงนี้ค่อนข้างจะแคบ และ ดูเล็ก หากใครที่มีแก้ม หรือ หน้ากลมอาจจะทำให้ส่วนอื่นยิ่งดูเด่น ดูใหญ่มากยิ่งขึ้น
 
ทรงฮันบก


เป็นจมูกทรงที่เหมาะกับสาวเอเชีย บริเวณสันจมูกกับหน้าผากจะมีความพอดีกัน สันจมูกมีความสโลป ปลายจมูกจะมีความเชิดเล็กน้อย มีความคล้ายกับทรงบาร์บี้ไลน์ แต่จะดูเป็นธรรมชาติกว่า เป็นทรงที่ช่วยทำให้หน้ามีความสมดุลมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะกับคนที่มีหน้าผากนูน เพราะสันจมูกกับหน้าผากจะรับกันพอดี

ทรงฮันบกเหมาะสำหรับ - สามารถเสริมได้ทุกทรงจมูก เป็นทรงที่เหมาะกับสาวไทย สาวเอเชีย
 

เป็นไงกันบ้างคะถูกใจทรงไหนกันบ้างคะ การเสริมจมูกก็เหมือนกันใส่เครื่องประดับให้ร่างกาย ทำให้เรามีความมั่นใจมากยิ่งขึ้น หากเลือกทรงจมูกหากเลือกดีก็จะช่วยขับให้หน้าดูปังขึ้น แต่ว่าแต่ละทรงก็จะมีข้อจำกัดของทรงนั้นๆ ดังนั้นต้องเลือกทรงที่จมูกของคุณสามารถทำได้โดยไม่เกิดอันตราย ส่วนใครที่อยากเสริมจมูกแบบเกาหลี ให้ออกมาสวยปัง และ ปลอดภัย เลือกเสริมที่ Bujeong Clinic Surgery Center

ใครที่มีแพลนจะเสริมจมูก ต้องมีการเตรียมตัวก่อนที่จะศัลยกรรมให้ดี สามารถเตรียมตัวได้เพียงอ่านบทความข้างล่างนี้เลย
>> อ่านบทความ เตรียมตัวก่อนทําจมูก ได้ที่นี่ <<

 
อยากได้ ทรงจมูกเกาหลี ต้องที่ Bujeong Clinic Surgery Center

Bujeong Clinic Surgery Center  (ศูนย์ศัลยกรรมพูจองคลินิก) เป็นคลินิกเสริมความงาม ที่ให้บริการศัลยกรรม และ หัตถการ ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย และ มาตรฐานความปลอดภัย โดยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ทั้งแพทย์ไทย และ แพทย์เกาหลี ที่มากด้วยประสบการณ์ ที่พร้อมจะเนรมิตให้คุณสวยแบบที่ต้องการ  นอกจากนั้นแล้วพูจองคลินิกยังมีสาขาให้เลือกมากมายถึง 10 สาขา ทั้งในกรุงเทพ และ ต่างจังหวัด เพราะความสวยไม่รอใคร อยากสวยเลือกทำที่ Bujeong Clinic Surgery Center สิคะ!!!

มั่นใจ ปลอดภัย และ ได้มาตรฐาน พูจองคลินิกส่งตรงความงาม แบบฉบับเกาหลี

 
 
สามารถติดตาม Bujeong Clinic สำหรับเสริมความงาม ช่องทางต่างๆ เพิ่มเติมได้ที่นี่
Facebook : Bujeong Clinic - พูจอง คลินิก
Line : @Bujeong-Clinic
Tel : 088-050-1111
 
สามารถติดตาม Bujeong Clinic Surgery Center สำหรับศัลยกรรม ช่องทางต่างๆ เพิ่มเติมได้ที่นี่
Facebook : Bujeong surgery center
Line : @bujeongsurgery
Tel : 061-042-2999


28


เนื้อจมูกน้อย เสริมจมูกได้ไหม? คนที่เนื้อจมูกน้อยอาจทำให้ใส่ซิลิโคนเพิ่มความโด่ง หรือ ทำปลายให้พุ่งได้น้อย หากดึงดันจะเสริมให้โด่งมากๆ อาจทำให้เกิดปัญหาจมูกทะลุได้ ใครที่มีปัญหาเนื้อจมูกน้อยแต่อยากเสริมจมูกต้องห้ามพลาดบทความนี้เลย เพราะวันนี้ Bujeong Clinic Surgery Center จะมาตอบคำถามให้คุณกระจ่าง อย่ารอช้าไปอ่านบทความกันเลยค่ะ!!!
 
เนื้อจมูกน้อย คืออะไร?


เนื้อจมูกน้อยคือเนื้อบริเวณสันจมูก หรือ บริเวณหัวตา ที่เมื่อทำการดึงออกมา ดึงออกมาได้น้อยมาก หรือ แทบไม่ได้เลย คนที่เนื้อจมูกน้อยแล้วทำการเสริมจมูกอาจก่อให้เกิดปัญหาเนื้อจมูกบาง และ เสี่ยงต่อการทะลุได้ง่าย แต่ก็ต้องพิจารณาเนื้อจมูกในส่วนอื่นๆ ด้วยโดยจะต้อง

  • เนื้อจมูกมีลักษณะเป็นอย่างไร ดูว่าเนื้อจมูกของเราบางหรือไม่ เพราะบางคนเนื้อจมูกบางก็อาจก่อให้เกิดกรณีจมูกทะลุได้ง่าย
  • เนื้อจมูกมีความยืดหยุ่นหรือไม่ ดูว่าเนื้อจมูกของเรามีความยืดหยุ่นได้หรือไม่


  • ระดับที่1 คนที่มีเนื้อจมูกน้อย แต่ก็ยังสามารถดึงเนื้อขึ้นมาได้อยู่ ระดับนี้เป็นระดับที่สามารถเสริมจมูกได้ แต่อาจจะทำทรงที่จมูกพุ่งมากๆ ไม่ได้
  • ระดับที่2 เป็นระดับที่ยังสามารถดึงขึ้นมาได้บ้าง ในระดับนี้ก็ยังสามารถเสริมจมูกได้อยู่ แต่อาจจะไม่สามารถเสริมให้โด่งมากๆ ได้
  • ระดับที่3 เป็นคนที่มีเนื้อจมูกน้อยมาก แทบจะดึงไม่ขึ้น ระดับนี้ไม่แนะนำให้เสริมจมูก เพราะอาจทำให้จมูกทะลุได้

ทำไมคนเนื้อจมูกน้อยจะต้องระวังเมื่อจะเสริมจมูก?


  • ซิลิโคนทะลุ
  • เสริมออกมาไม่เป็นธรรมชาติ
  • จมูกตึง จนแผลหายช้า

ใครที่ไม่อยากให้แผลหายช้า ไม่อยากให้แผลบวมนาน อ่านบทความด้านล่างเลย

เนื้อจมูกน้อย ทําจมูกได้ไหม?

หากไม่ได้มีเนื้อน้อยถึงระดับที่ดึงเนื้อจมูกไม่ขึ้นเลย ก็สามารถเสริมจมูกได้ แต่ทรง ความโด่ง อาจจะไม่ได้อย่างที่ต้องการ เพราะต้องคำนึงถึงเนื้อจมูกเป็นหลัก ไม่เช่นนั้นอาจเกิดปัญหาตามมาได้

เนื้อจมูกน้อยควรเสริมจมูกแบบไหน


  • ส่วนมากคนเนื้อจมูกน้อยคุณหมอจะทำการเสริมจมูกแบบ Open เพื่อเป็นการปรับโครงสร้างจมูก

  • เสริมจมูกแบบไม่ใช่ซิลิโคนแทน เพื่อทำให้ปลายจมูกแข็งแรง และ ไม่ทะลุได้ง่าย
  • เสริมจมูกด้วยการรองบริเวณปลายจมูก

  • การเย็บอินเตอร์โดม เพื่อทำให้จมูกเรียวเล็กขึ้น และ ไม่เกิดปัญหาซิลิโคนทะลุอีกด้วย
  • การยืดผนังกั้นจมูก เพื่อยืดผนังกั้นจมูกให้ยาวขึ้น

เคล็ดลับเสริมจมูกสำหรับคนเนื้อจมูกน้อย


  • เลือกจมูกให้เข้ากับตัวเอง
  • เสริมปลายจมูกให้แข็งแรง
  • ลดความตึงของจมูก
  • ใช้วัสดุอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น กระดูกอ่อน เนื้อเยื่อ รวมถึงวัสดุเทียม
  • ดูแลใส่ใจแผลให้ดี

ใครที่เนื้อจมูกน้อยไม่ต้องน้อยใจไปนะคะ ถึงแม้จะไม่ได้ทรงแบบที่อยากได้ แต่เราก็จะได้ทรงจมูกที่เหมาะกับใบหน้าของเรา อีกทั้งจมูกที่เสริมมายังดูเป็นธรรมชาติ ไม่โป๊ะจนเกินไป ใครที่เนื้อจมูกน้อยแต่อยากได้จมูกทรงสวย Bujeong Clinic Surgery Center เป็นคลินิกที่มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในการเสริมจมูก ทั้งแพทย์ไทย แพทย์เกาหลี ที่จะช่วยเสริมจมูกของคุณให้ออกมาดูดี และ ปลอดภัย แม้จะมีเนื้อจมูกน้อยก็ตาม!!!

ใครที่ไม่รู้จะเลือกทรงจมูกแบบไหน อ่านได้ที่ข้างล่างนี้เลย

 
เนื้อจมูกน้อย ทําจมูกได้ไหม ... ทำได้ที่ Bujeong Clinic Surgery Center

Bujeong Clinic Surgery Center  (ศูนย์ศัลยกรรมพูจองคลินิก) เป็นคลินิกเสริมความงาม ที่ให้บริการศัลยกรรม และ หัตถการ ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย และ มาตรฐานความปลอดภัย โดยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ทั้งแพทย์ไทย และ แพทย์เกาหลี ที่มากด้วยประสบการณ์ ที่พร้อมจะเนรมิตให้คุณสวยแบบที่ต้องการ  นอกจากนั้นแล้วพูจองคลินิกยังมีสาขาให้เลือกมากมายถึง 10 สาขา ทั้งในกรุงเทพ และ ต่างจังหวัด เพราะความสวยไม่รอใคร อยากสวยเลือกทำที่ Bujeong Clinic Surgery Center สิคะ!!!

มั่นใจ ปลอดภัย และ ได้มาตรฐาน พูจองคลินิกส่งตรงความงาม แบบฉบับเกาหลี

 
 
สามารถติดตาม Bujeong Clinic สำหรับเสริมความงาม ช่องทางต่างๆ เพิ่มเติมได้ที่นี่
Facebook : Bujeong Clinic - พูจอง คลินิก
Line : @Bujeong-Clinic
Tel : 088-050-1111
 
สามารถติดตาม Bujeong Clinic Surgery Center สำหรับศัลยกรรม ช่องทางต่างๆ เพิ่มเติมได้ที่นี่
Facebook : Bujeong surgery center
Line : @bujeongsurgery
Tel : 061-042-2999



29


โรคผิวหนังเป็นโรคที่สามารถเป็นได้ง่าย ยิ่งในคนที่ภูมิคุ้มกันของร่างกายไม่แข็งแรงมากนัก จะทำให้คุณมีปัญหาเกี่ยวกับผิวหนังได้ง่ายกว่าคนทั่วไป หรือ ที่เรียกกันว่า ภูมิแพ้ผิวหนัง ทำให้เราจะต้องดูแลผิวเป็นพิเศษ วันนี้ ResiSKIN จะพาคุณมารู้จักโรคภูมิแพ้ผิวหนัง โรคใกล้ที่ไม่ควรมองข้าม อย่ารอช้าไปอ่านบทความกันเลย!!!

ชนะภูมิแพ้ผิวหนังด้วย ResiSKIN คลิก

 
ทำความรู้จัก ภูมิแพ้ผิวหนัง คืออะไร?


โรคภูมิแพ้ผิวหนัง หรือ Atopic dermatitis เกิดจากการที่ภูมิคุ้มกันภายในทำงานผิดปกติ ทำให้เมื่อสัมผัสกับสิ่งที่กระตุ้นบางอย่าง จะเกิดอาการแพ้ขึ้นอยู่บ่อยครั้ง และ มักจะเป็นๆ หายๆ จะเป็นผื่นแดง ผิวหนังแห้ง ตุ่มน้ำ หรือ มีการอักเสบร่วมด้วย อาการเหล่านี้ก็จะแตกต่างกันไปตามช่วงวัยต่างๆ ด้วย

  • วัยทารก - จะเป็นตุ่มน้ำเม็ดเล็กๆ หรือ พวกตุ่มแดงๆ หากตุ่มเล็กๆ แตกออกก็จะมีน้ำเหลืองออกมา
  • วัยเด็กจนถึงช่วงวัยรุ่น - จะเป็นผื่น และ มีผิวหนังแห้ง
  • วัยผู้ใหญ่ - จะเป็นผื่น มีผิวหนังแห้งหนา อาจจะหลุดลอกเป็นขุย เป็นสะเก็ดได้

สาเหตุที่ทำให้เป็นโรคภูมิแพ้ผิวหนัง?


เกิดจากปัจจัยภายในซะเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งมาจากการที่ภูมิคุ้มกันของร่างกายอ่อนแอ ซึ่งประเภทของระยะที่เกิดโรคจะมีด้วยกัน 3 ระยะ ได้แก่

  • ระยะเฉียบพลัน - ในระยะนี้มักจะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว เมื่อมีอะไรมากระตุ้นผิวหนัง มักจะมีอาการบวมแดง และ มีอาการคันร่วมด้วย
  • ระยะกึ่งเฉียบพลัน - จะมีตุ่มแดงๆ และ ผื่น นอกจากนั้นหากใครที่มีอาการรุนแรง อาจจะลอกเป็นขุยได้
  • ระยะเรื้อรัง - เป็นระยะที่จะไม่ค่อยมีอาการมากนัก แต่ถ้ามีอาการมักจะเป็นยาวนาน มักจะมีอาการคัน ผิวลอกเป็นผื่นสีแดง หรือ น้ำตาล

คนส่วนใหญ่มักจะมีแค่อาการเล็กๆ น้อยๆ แต่ในคนที่มีอาการรุนแรงแนะนำให้คุณควรรีบไปพบแพทย์ อย่าปล่อยทิ้งไว้เพราะคิดว่าเดี๋ยวก็หาย เพราะอาจจะทำให้คุณเป็นโรคผิวหนังเรื้อรังได้
 
การดูแลรักษาโรคภูมิแพ้ผิวหนัง

ระยะเวลาในการรักษาโรคนี้จะขึ้นอยู่กับความรุนแรงของโรค และ ระยะเวลาที่เกิดอาการ การดูแลจะขึ้นอยู่กับประเภทของความรุนแรงต่างๆ

  • อาการรุนแรงน้อย - จะใช้การทายา และ ไม่ไปเกาบริเวณนั้น หากตุ่มน้ำแตกออกมาควรจะใช้ผ้าชุบน้ำประคบเพื่อให้ผ้าแห้ง ทางที่ดีควรจะใช้น้ำเกลือ หรือ ใช้ยาทาเพื่อลดอาการคัน
  • อาการในระยะเรื้อรัง - จะอาศัยการทายา และ ทานยาแก้แพ้ร่วมด้วยหากมีอาการคันมากๆ
  • อาการรุนแรงมาก - หากใครที่มีอาการอักเสบของผิวหนัง หรือ คันมากๆ แพทย์อาจจะใช้ยาสเตรียรอยด์ในการรักษา (ต้องให้แพทย์เป็นผู้สั่ง เพราะหากใช้ไปนานๆ จะมีผลข้างเคียง) หรือ ใช้วิธีในการฉายแสง

วิธีการดูแลตัวเองจากภูมิแพ้ผิวหนัง


  • ให้พยายามหลีกเลี่ยงปัจจัยที่จะทำให้เกิดอาการขึ้นมา
  • หากมีอาการคัน ไม่ควรที่จะไปเกา หรือ สัมผัสจุดที่มีอาการ
  • ต้องหมั่นทำความสะอาด อย่าปล่อยให้ผิวหนังสกปรก และ ควรจะใช้พวกผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยน
  • สำหรับใครที่มีผิวแห้งลอก ควรจะบำรุงผิวให้ชุ่มชื้นอยู่สม่ำเสมอ เพื่อไม่ให้ผิวระคายเคือง หรือ คันเพิ่มขึ้น ด้วยผลิตภัณฑ์ที่ให้ความชุ่มชื้นที่ยาวนาน

อย่างผลิตภัณฑ์ของ ResiSKIN ครีมเวชสำอางที่ช่วยจบปัญหาผิวแห้ง แดง ผื่น คัน ช่วยบรรเทาอาการจากโรคภูมิแพ้ผิวหนัง ด้วยคุณสมบัติของครีมที่ไม่ว่าคุณจะมีปัญหาผิวแบบไหนก็เอาอยู่

  • มีส่วนผสมของ Extremolytes 7% สารสกัดลิขสิทธิ์เฉพาะจากประเทศเยอรมัน ช่วยจบปัญหาผิวแห้ง แดง ผื่น คัน
  • ช่วยสร้างเกราะความชุ่มชื้นให้ผิว ปกป้องผิวจากมลภาวะที่ไม่เป็นมิตรต่อผิว
  • ผิวแข็งแรง และ ชุ่มชื้นขึ้นอย่างสังเกตเห็นได้ ภายใน 7 วัน
  • ปราศจากสารสเตียรอยด์ น้ำหอม และสารกันเสีย สามารถใช้ต่อเนื่องในระยะยาว หมดกังวลสำหรับคนผิวแพ้ง่าย

จะคัน หรือ มีผื่น ก็เอาอยู่ด้วยผลิตภัณฑ์จาก ResiSKIN ลองดูแล้วคุณจะหลงรัก

ใครที่สนใจสั่งซื้อ ResiSKIN สามารถกดที่ link ด้านล่างนี้ได้เลย
Facebook : ResiSKIN รีซิสกิน
Line : @resiskin
Shopee : ResiSKIN by QUALISK
Lazada : Qualimed
 


30


เมื่อเราผ่าตัดเสร็จก็จะต้องดูว่าจมูกของเราเข้ารูปหรือยัง เพราะถ้ายังอาจจะทำให้เกิดปัญหา ซิลิโคนจมูกลอย ได้ อีกทั้งยังอาจทำให้เกิดปัญหาที่จะตามมาได้ ใครที่เสริมจมูกมา ลองเอามือไปจับบริเวณสันจมูกดูสิ ถ้าสามารถโยกไปโยกมาได้อาจจะเข้าข่ายซิลิโคนลอย วันนี้ Bujeong Clinic Surgery Center จะพาคุณมารู้จักปัญหาซิลิโคนลอยว่าคืออะไร พร้อมวิธีแก้ไข ใครที่ไม่อยากพลาดต้องไปอ่านบทความ!!!
 

ทำความรู้จัก ซิลิโคนจมูกลอย คืออะไร?

โดยปกติซิลิโคนจะต้องติดอยู่กับชั้นโครงสร้างของจมูก และ ไม่สามารถขยับได้ แต่ถ้าซิลิโคนไม่ติดก็จะทำให้สามารถขยับได้ การที่ซิลิโคนขยับได้ อาจจะเกิดจากการที่ซิลิโคนลอย ซึ่งสามารถเกิดได้จากการผ่าตัด และ จากตัวเราเอง

ปกติแล้วหากใช้ซิลิโคนที่เป็นชนิดนิ่มก็จะสามารถขยับได้ ซิลิโคนจะต้องขยับไปตามทิศทางที่เราบิด แต่ซิลิโคนบริเวณช่วงหัวตาจะไม่สามารถขยับได้ แต่ถ้าหากคุณลองบิดปลายจมูกแล้วซิลิโคนช่วงบนบิดไปด้วยแสดงว่า "ซิลิโคนลอย" นั่นเอง


ซิลิโคนลอยจากการผ่าตัด


  • วางซิลิโคนผิดตำแหน่ง โดยปกติซิลิโคนจะต้องวางไว้ที่ใต้เยื่อหุ้มกระดูก ถ้าหากวางซิลิโคนผิดตำแหน่ง จะทำให้ซิลิโคนสามารถเคลื่อนขยับได้นั่นเอง
  • ช่องที่ใส่ซิลิโคนมีขนาดไม่เหมาะสม อาจจะแคบเกินไป กว้างจนเกินไป หรือ ไม่ครอบแกนจมูก ทำให้เมื่อใส่ซิลิโคนไปแล้วซิลิโคนเคลื่อน

ซิลิโคนลอยจากตัวเราเอง


  • เกิดจากการกระทบกระเทือน อุบัติเหตุ การสัมผัสบ่อยๆ จนทำให้ซิลิโคนเคลื่อน
  • เนื้อหุ้มกระดูกบาง อาจจะเกิดจากพื้นฐานเป็นคนที่เนื้อจมูกบางอยู่แล้ว ก็อาจทำให้เกิดปัญหาซิลิโคนลอยได้

ซิลิโคนลอยอันตรายไหม?


ถือว่าอันตราย เพราะอาจส่งผลทำให้จมูกเบี้ยว จมูกเอียงไม่ได้รูปทรงได้ รวมถึงการที่ซิลิโคนจมูกไม่พอดีกับจมูก อาจทำให้ซิลิโคนไหลลงมาข้างล่าง และ ดันเนื้อบริเวณปลายจมูก จนทำให้เนื้อบริเวณนั้นบาง และ อาจส่งผลทำให้ปลายจมูกทะลุได้ วิธีสังเกตอาการซิลิโคนลอย

  • ปลายจมูกบาง ที่ปลายจมูกจะเห็นได้ว่าที่ปลายจมูกมีสีขาวๆ ใสๆ ซึ่งเป็นสีของซิลิโคนนั่นเอง
  • ปลายจมูกมีสีที่เปลี่ยนไป ปลายจมูกจะแดง หรือ สีคล้ำขึ้นจากปกติ
  • มีสิวขึ้นบริเวณปลายจมูก อาจจะเกิดจาการติดเชื้อ หรือ การอักเสบ สิวที่ขึ้นมักจะเป็นสิวเม็ดใหญ่ซึ่งมักจะรักษาไม่หาย


สำหรับใครที่จมูกบวม และ อยากให้จมูกหลายไว พร้อมเคล็ดลับการดูแลต่างๆ สามารถอ่านบทความข้างล่างนี้ได้เลย


ซิลิโคนจมูกลอย ต้องแก้อย่างไร?


  • ทำการผ่าตัดเพื่อเอาซิลิโคนเก่าออก แล้วถึงใส่ซิลิโคนใหม่เข้าไปที่บริเวณใต้เยื่อหุ้มจมูก เพื่อป้องกันซิลิโคนเคลื่อน
  • ตะไบฮัมพ์บางส่วนออก รวมทั้งการใช้ซิลิโคนครอบที่บริเวณฐานจมูก  และ เสริมบริเวณหัวตา เพื่อแก้ไขโครงสร้างจมูก
  • ศัลยกรรมฮัมพ์อีกด้วย เพราะยิ่งมีฮัมพ์มากก็อาจทำให้เกิดปัญหาซิลิโคนลอยได้มาก
  • ใครที่มีเนื้อสันจมูกน้อย อาจจะต้องใช้เนื้อเยื่อ หรือ กระดูกอ่อนแทนการใช้ซิลิโคน
  • ควรเลี่ยงการทำให้จมูกกระทบกระเทือน โดยเฉพาะในช่วง 3 - 6 เดือนหลังจากการผ่าตัดเสริมจมูก

ใครที่มีปัญหาไม่สามารถเสริมจมูกด้วยซิลิโคนได้ สามารถเข้าไปอ่านว่าจะใช้อะไรแทนในบทความข้างล่างนี้ได้เลย
>> อ่านบทความ เสริมจมูกไม่ใช้ซิลิโคน ดีอย่างไร? ได้ที่นี่ <<


สำหรับเคสที่กลับมาแก้จมูก ส่วนใหญ่จะต้องทำการตะไบฮัมพ์ และ ครอบฐานจมูก เพื่อปรับรูปจมูกให้เหมาะสมในการใส่ซิลิโคนเข้าไป และ ต้องมีการดูแลตัวเองหลังเสริมจมูกให้ดีด้วย ไม่ว่าจะเป็น

  • การลดอาการบวมหลังเสริมจมูก เพื่อทำให้แผล และ การบวมหายไวขึ้น
  • การทานอาหารที่เหมาะสม และ หลีกเลี่ยงอาหารที่อาจทำให้เกิดการบวม การอักเสบ
  • การหลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่ส่งผลต่อการเสริมจมูก

นอกจากวิธีพื้นฐานที่เราแนะนำแล้ว คุณสามารถเข้าไปอ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่บทความข้างล่างนี้เลย
>> อ่านบทความ วิธีดูแลตัวเองหลังเสริมจมูก ได้ที่นี่ <<


จะเห็นได้ว่าการที่ซิลิโคนลอยแม้จะดูไม่เป็นอันตรายมากนัก แต่เมื่อปล่อยไว้อาจทำให้เสี่ยงต่อการที่จมูกทะลุได้ ดังนั้นเพื่อเลี่ยงปัญหาซิลิโคนจมูกลอย ต้องเลือกคลินิกที่มีความปลอดภัย แพทย์มีความเชี่ยวชาญเพื่อเลี่ยงปัญหาการวางซิลิโคนผิดตำแหน่ง ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งทำให้ซิลิโคนลอย อย่างที่ Bujeong Clinic Surgery Center คลินิกที่คุณมั่นใจได้เลยว่าจะได้จมูกที่ดี ปลอดภัย และ ทรงสวยแน่นอน ใครกลัวปัญหาซิลิโคนลอยต้องที่ Bujeong Clinic Surgery Center !!!


 
ไม่อยากมีปัญหาซิลิโคนจมูกต้องที่ Bujeong Clinic Surgery Center

Bujeong Clinic Surgery Center (ศูนย์ศัลยกรรมพูจองคลินิก) เป็นคลินิกเสริมความงาม ที่ให้บริการศัลยกรรม และ หัตถการ ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย และ มาตรฐานความปลอดภัย โดยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ทั้งแพทย์ไทย และ แพทย์เกาหลี ที่มากด้วยประสบการณ์ ที่พร้อมจะเนรมิตให้คุณสวยแบบที่ต้องการ  นอกจากนั้นแล้วพูจองคลินิกยังมีสาขาให้เลือกมากมายถึง 10 สาขา ทั้งในกรุงเทพ และ ต่างจังหวัด เพราะความสวยไม่รอใคร อยากสวยเลือกทำที่ Bujeong Clinic Surgery Center สิคะ!!!

มั่นใจ ปลอดภัย และ ได้มาตรฐาน พูจองคลินิกส่งตรงความงาม แบบฉบับเกาหลี

 
สามารถติดตาม Bujeong Clinic สำหรับเสริมความงาม ช่องทางต่างๆ เพิ่มเติมได้ที่นี่
Facebook : Bujeong Clinic - พูจอง คลินิก
Line : @Bujeong-Clinic
Tel : 088-050-1111
 
สามารถติดตาม Bujeong Clinic Surgery Center สำหรับศัลยกรรม ช่องทางต่างๆ เพิ่มเติมได้ที่นี่
Facebook : Bujeong surgery center
Line : @bujeongsurgery
Tel : 061-042-2999



31


ใครที่ทำจมูกมากว่าจมูกจะเข้าที่ก็จะต้องเจอกับ "ปัญหาจมูกบวม" หลังการผ่าตัด ซึ่งเป็นสิ่งที่คนเสริมจมูกจะต้องเจอ สำหรับใครที่ไม่มีเวลาพักฟื้นมากนัก การที่จมูกบวมนานอาจทำให้การใช้ชีวิตประจำวันลำบากมากยิ่งขึ้น วันนี้ Bujeong Clinic Surgery Center เลยจะมาแนะนำ วิธีลดบวมหลังทําจมูก ที่จะช่วยให้อาการบวมของคุณหายไวยิ่งขึ้น คนเสริมจมูกไม่ควรพลาด!!!
 
จมูกหลังผ่าตัดจะบวมนานหรือไม่?

ในช่วงสัปดาห์แรกจมูกจะค่อนข้างบวมมาก ถ้าหากดูแลการบวมในช่วงนี้ดีจะทำให้จมูกบวมน้อยลงมาก แต่ก็ยังจะต้องดูแลอาการบวมให้ดี  ประมาณ 3 เดือนจมูกก็จะเข้ารูป และ ไม่มีอาการบวมให้เห็น หรือ อาจจะมีอาการบวมน้อยลงมากแล้ว

>> อ่านบทความ วิธีดูแลตัวเองหลังเสริมจมูก ได้ที่นี่<<

รวม วิธีลดบวมหลังทําจมูก?

ประคบเย็น ประคบร้อนเพื่อลดบวม


การประคบเย็นเป็นวิธีลดบวมที่ทำได้ง่าย จะทำให้เลือดหดตัว หยุดไหลได้เร็ว การประคบเย็นยิ่งทำไวยิ่งดี ให้รีบประคบเย็นหลังจากการผ่าตัดไปจนถึงช่วง 3 วันแรก ประคบเย็นประมาณ 15 นาทีแล้วอาจจะพักสักแล้วจึงประคบใหม่

วิธีคบที่ดีควรประคบด้านข้างของจมูกโดยการแตะเบาๆ ไม่กดลงไป และ ให้ประคบส่วนที่บวม แต่พยายามเลี่ยงการประคบบนซิลิโคนโดยตรง
หลังจากเสริมจมูกไปประมาณ 1 สัปดาห์ ไม่ต้องประคบเย็นแล้วแต่ให้เปลี่ยนมาใช้เป็นการประคบอุ่นแทน เพื่อทำให้เส้นเลือดขยายตัว เพื่อช่วยในการสลายลิ่มเลือด และ ช่วยลดการเกิดพังผืดหลังจากการผ่าตัด ทำให้การบวมหายได้ไวขึ้น

นอนยกหัวให้สูง และ ไม่นอนตะแคง


ในช่วงวันแรกๆ ประมาณ 1 สัปดาห์ ควรจะนอนยกหัวให้สูง เพื่อลดอาการบวมที่เกิดจากเลือดที่คั่งอยู่ ทำให้การไหลเวียนของเลือดดีขึ้น และ ไม่ควรนอนตะแคงในช่วงวันแรกๆ ประมาณ 1 สัปดาห์ เพื่อจมูกยังไม่เข้าที่มาก หากนอนตะแคงอาจทำให้จมูกเคลื่อนได้

การดูแลความสะอาดบริเวณแผล


ในช่วงหลังผ่าตัดเสริมจมูกมาใหม่ๆ อย่าให้แผลโดนน้ำ เพราะอาจทำให้เกิดการอักเสบ และ ติดเชื้อขึ้นมาได้ แต่เมื่อผ่านไปหลัง 24 ชั่วโมงหลังจากการผ่าตัดแล้ว สามารถทำความสะอาดแผลได้ โดยให้ใช้น้ำเกลือในการทำความสะอาด จากนั้นให้ใช้เบตาดีนทาไปที่แผล เพื่อให้ยาไปช่วยในการทำให้แผลหายไวมากยิ่งขึ้น และ ไม่ควรจะเอาผ้าก๊อซ หรือ พลาสเตอร์ไปแปะที่แผล เพราะจะทำให้แผลแห้งช้าลง


เคล็ดลับเพิ่มเติม วิธีลดบวมหลังทําจมูก


อาหารการกินก็นับว่ามีความสำคัญไม่ใช่น้อย อาหารบางชนิดก็จะช่วยทำให้แผลที่อักเสบ หรือ บวมดีขึ้นได้อย่างรวดเร็ว ได้แก่

  • ใบบัวบก
  • วิตามินซี
  • น้ำ
  • ธาตุเหล็ก

ข้อห้ามที่ทำให้จมูกบวม

  • หลีกเลี่ยงการทานไข่ เพราะโปรตีนในไข่จะไปทำให้แผลที่ผ่าตัดออกมาไม่สวย
  • ไม่ควรทานอาหารหมักดอง เพราะอาจจะทำให้แผลอักเสบ และ ติดเชื้อได้
  • งดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพราะจะทำให้แผลเกิดการติดเชื้อขึ้นได้
  • ไม่ควรแต่งหน้าในช่วง 1 สัปดาห์ เพราะแผลยังแห้งไม่สนิท และ อาจทำให้แผลเกิดการติดเชื้อขึ้นมาได้

ใครที่ไม่อยากให้จมูกบวมนานๆ ควรต้องดูแล และ ปฏิบัติตัวให้ดี อีกทั้งควรที่จะฟังคำแนะนำของแพทย์ อันไหนที่แพทย์ห้ามก็ต้องปฏิบัติตาม ส่วนใครที่อยากเสริมจมูกให้ออกมาสวย และ ปลอดภัย Bujeong Clinic Surgery Center นับว่าเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ดี ที่มีทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในการผ่าตัด ที่จะช่วยให้จมูกของคุณออกมาดี!!!
 
 
เลือกเสริมจมูกเลือกที่ Bujeong Clinic Surgery Center

Bujeong Clinic Surgery Center (ศูนย์ศัลยกรรมพูจองคลินิก) เป็นคลินิกเสริมความงาม ที่ให้บริการศัลยกรรม และ หัตถการ ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย และ มาตรฐานความปลอดภัย โดยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ทั้งแพทย์ไทย และ แพทย์เกาหลี ที่มากด้วยประสบการณ์ ที่พร้อมจะเนรมิตให้คุณสวยแบบที่ต้องการ  นอกจากนั้นแล้วพูจองคลินิกยังมีสาขาให้เลือกมากมายถึง 10 สาขา ทั้งในกรุงเทพ และ ต่างจังหวัด เพราะความสวยไม่รอใคร อยากสวยเลือกทำที่ Bujeong Clinic Surgery Center สิคะ!!!

มั่นใจ ปลอดภัย และ ได้มาตรฐาน พูจองคลินิกส่งตรงความงาม แบบฉบับเกาหลี

 
สามารถติดตาม Bujeong Clinic สำหรับเสริมความงาม ช่องทางต่างๆ เพิ่มเติมได้ที่นี่
Facebook : Bujeong Clinic - พูจอง คลินิก
Line : @Bujeong-Clinic
Tel : 088-050-1111
 
สามารถติดตาม Bujeong Clinic Surgery Center สำหรับศัลยกรรม ช่องทางต่างๆ เพิ่มเติมได้ที่นี่
Facebook : Bujeong surgery center
Line : @bujeongsurgery
Tel : 061-042-2999



32


หลังการผ่าตัดเสริมจมูก ถ้าไม่ดูแลแผลให้ดีอาจทำให้ แผลเสริมจมูกติดเชื้อ ได้จนอาจทำให้เกิดการอักเสบจนถึงขั้นต้องผ่าตัดเอาซิลิโคนออก วันนี้ Bujeong Clinic Surgery Center จะมาบอกวิธีสังเกตอาการจมูกติดเชื้อ พร้อมกับวิธีการป้องกัน เพียงเท่านี้คุณก็จะได้รู้วิธีในการดูแลอย่างถูกต้อง ไม่ต้องกลัวว่าแผลจะติดเชื้ออีกต่อไป!!
 
แผลเสริมจมูกติดเชื้อ ได้อย่างไร?


  • ดื่มแอลกอฮอล์

  • มักจะเอามือไปจับแผลเป็นประจำ
  • รีบแกะเฝือกจมูกก่อนครบกำหนด
  • เกิดการกระแทก หรือสั่นสะเทือนที่รุนแรง

จะรู้ได้อย่างไรว่าจมูกติดเชื้อ?


  • ไม่สามารถหายใจด้วยจมูกได้ ด้านนอกจะเห็นได้ชัดว่าจมูกดูแดง และบวม จะรู้สึกหายใจไม่สะดวก อาการนี้เป็นอาการเริ่มต้น ที่บอกว่าจมูกเกิดการอักเสบ
  • จับที่จมูกเบาๆ จะรู้สึกปวด จะต้องรีบนัดแพทย์เพื่อทำการรักษาก่อนที่จมูกจะเกิดการติดเชื้อ
  • มีน้ำเหลืองผสมปนกับเลือดออกมาจากจมูก เป็นแผลที่เกิดการอักเสบจนติดเชื้อแล้ว ไม่ควรปล่อยเอาไว้นานเพราะอาจเกิดอาการแทรกซ้อนขึ้นได้
    วิธีการป้องกันไม่ให้แผลเกิดการติดเชื้อ


    • พยายามประคบเย็นให้ต่อเนื่อง 3 วันติดหลังผ่าตัด เพราะเป็นการช่วยให้เลือดแข็งตัว แผลแห้งไวขึ้น
    • พยายามอย่าเอามือจับบริเวณแผล ยิ่งช่วงที่แผลใกล้หายจะคัน ต้องอดทนเอาไว้ เพราะอาจทำให้แผลเกิดการติดเชื้อได้
    • สัปดาห์แรกหลังผ่าตัด แนะนำให้นอนหมอนสูง จะช่วยให้เลือดไหลเวียนได้ดี แผลหายไว และ ไม่ควรนอนตะแคงข้าง เพราะจะทำให้จมูกเอียงได้
    • อย่าให้แผลโดนน้ำ ทางที่ดีจะต้องงดการล้างหน้าจนกว่าจะถึงคิวนัดให้ไปตัดไหม
    • หยุดทำกิจกรรมทุกประเภทที่มีผลกระทบกับแผล

    วิธีการรักษาเมื่อแผลติดเชื้อแล้ว


    แนะนำให้รีบไปพบแพทย์ให้เร็วที่สุด  นอกจากอาการบวม แต่ถ้าหากมีน้ำเหลืองปนกับเลือดไหลออกมา แสดงว่าจมูกของคุณเกิดการอักเสบติดเชื้อแล้ว แพทย์จะให้ยาฆ่าเชื้อมา พอจมูกเริ่มหายดีก็จะผ่าตัดนำซิลิโคนออกมา เพื่อช่วยฟื้นฟูบาดแผล และยังเป็นการป้องกันในกรณีที่มีการติดเชื้ออย่างรุนแรง เพราะอาจทำให้จมูกผิดรูปได้

    ควรลดอาการบวมหลังผ่าตัดยังไงดี?

    จะใช้เวลาประมาณถึง 3 เดือนแผลถึงจะหายบวมสนิท โดยให้เริ่มจากการประคบเย็นประมาณ 3 วันแรก หลังที่ผ่าตัดเสร็จ และถ้าครบ 1 สัปดาห์ ที่ผ่าให้สลับมาเป็นการประคบร้อน และ นอนหมอนสูง ไม่นอนตะแคง รวมถึงหมั่นทำความสะอาดบริเวณแผล นอกจากนั้นอาจจะทานอาหารที่ช่วยลดบวมอย่าง ใบบัวบก, วิตามินซี, น้ำ และธาตุเหล็ก ก็จะช่วยในการสมานแผลได้

    >>อ่านบทความ วิธีลดบวมหลังทําจมูก ได้ที่นี่<<

    แผลเสริมจมูกติดเชื้อไม่ได้เป็นอะไรที่น่ากลัวอย่างที่คิด ถ้าทำตามที่แพทย์แนะนำทุกขั้นตอนก็จะช่วยให้โอกาสที่จะเกิดแผลติดเชื้อน้อยลง แต่ถ้าใครเริ่มมีอาการปวดบวมที่แผลจะต้องรีบไปพบแพทย์โดยด่วนที่สุด จะได้เป็นการป้องกันไม่ให้เกิดอาการที่รุนแรงจนทำให้จมูกของคุณเสียโฉมได้
     

    เสริมจมูกให้สวย และปลอดภัยต้องที่ Bujeong Clinic Surgery Center!!!

    Bujeong Clinic Surgery Center (ศูนย์ศัลยกรรมพูจองคลีนิก) เป็นคลินิกเสริมความงาม ที่ให้บริการศัลยกรรม และ หัตถการ ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย และ มาตรฐานความปลอดภัย โดยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ทั้งแพทย์ไทย และ แพทย์เกาหลี ที่มากด้วยประสบการณ์ ที่พร้อมจะเนรมิตให้คุณสวยแบบที่ต้องการ  นอกจากนั้นแล้วพูจองคลินิกยังมีสาขาให้เลือกมากมายถึง 10 สาขา ทั้งในกรุงเทพ และ ต่างจังหวัด เพราะความสวยไม่รอใคร อยากสวยเลือกทำที่ Bujeong Clinic Surgery Center สิคะ!!!

    มั่นใจ ปลอดภัย และ ได้มาตรฐาน พูจองคลินิกส่งตรงความงาม แบบฉบับเกาหลี

     
    สามารถติดตาม Bujeong Clinic สำหรับเสริมความงาม ช่องทางต่างๆ เพิ่มเติมได้ที่นี่
    Facebook : Bujeong Clinic - พูจอง คลินิก
    Line : @Bujeong-Clinic
    Tel : 088-050-1111
     
    สามารถติดตาม Bujeong Clinic Surgery Center สำหรับศัลยกรรม ช่องทางต่างๆ เพิ่มเติมได้ที่นี่
    Facebook : Bujeong surgery center
    Line : @bujeongsurgery
    Tel : 061-042-2999

    [/list]

    33


    การดูแลตัวเองให้ดีหลังเสริมจมูกเป็นอะไรที่สำคัญมาก เพราะเป็นการลดความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นอย่าง หลังเสริมจมูก เช่น มีอาการอักเสบติดเชื้อ ทำให้ต้องแก้จมูกใหม่ และอาจทำให้ทรงจมูกเบี้ยว หรือมีรูปทรงแปลกๆ วันนี้ Bujeong Clinic Surgery Center จะมาแนะนำวิธีดูแลตัวเอง หลังเสริมจมูก เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้จมูกเสียรูป และได้รูปทรงจมูกตรงตามที่คุณต้องการ!!

    อาการที่พบบ่อยหลังทำจมูก


    • อาการจมูกบวม ประมาณช่วง 3 วันแรกจะเห็นได้ชัดว่ามีอาการบวมหลังผ่า แต่จะยุบเร็วหรือช้าก็ขึ้นอยู่กับบุคคล ยิ่งดูแลแผลดีอาการบวมหลังทำจมูกก็จะยิ่งยุบไวมากขึ้น
    • รู้สึกตึงจมูก โดยเฉพาะตรงปลายจมูก อาการตึงจะหายเอง หากผิวหนังของคุณเริ่มปรับสภาพกับซิลิโคนแล้ว
    • น้ำใสๆ ไหลออกจากจมูก ต้องดูให้ดีว่าน้ำที่ไหลออกมาเป็นสีอะไร ถ้าเป็นน้ำใสๆ ไม่มีสีให้รีบทานยาลดน้ำมูก ส่วนใครที่เป็นน้ำใส แต่สีเหลืองปนเลือด อาจเกิดการอักเสบติดเชื้อแบบอ่อนๆ จะต้องรีบเข้ารับการรักษาทันที
    • เกิดอาการคันจากแผลตกสะเก็ด หลังจากการผ่าตัดไปได้สักพัก แผลเป็นจะเริ่มตกสะเก็ด ช่วงที่คันคุณจะต้องอดทนไม่ไปเกา เพราะอาจทำให้แผลหายช้า

    ระยะเวลาที่ใช้ในการพักฟื้น


    หลังจากการผ่าตัดในช่วง 2 - 3 วันแรก จะมีอาการบวมค่อนข้างมาก แต่ถ้าผ่านไปประมาณ 1 สัปดาห์แล้วแผลดีขึ้น หมอก็จะทำการตัดไหม แต่ถ้าแผลใครยังไม่ดีขึ้นอาจจะต้องรอประมาณ 2 สัปดาห์ก่อนแล้วจึงนัดตัดไหม อาการจะค่อยๆ ดีขึ้น และจมูกจะเริ่มเข้าที่โดยจะใช้เวลาประมาณ

    • 1 เดือน อาการบวมจะลดลงอย่างเห็นได้ชัด และแผลจะเริ่มแห้ง
    • 3 เดือน แผลดีมากขึ้นจนแทบจะไม่อาการบวมหลงเหลืออยู่แล้ว แต่จมูกยังไม่เข้าที่ 100 %
    • 6 - 12 เดือน แผลจะเริ่มหายสนิท และจมูกเข้าที่มากขึ้น แต่จะขึ้นอยู่กับคุณว่ามีสภาพผิวแบบไหน และได้ดูแลรักษาแผลดีหรือเปล่า


    หลังเสริมจมูก จะต้องดูแลอย่างไร?

    พยายามลดอาการบวม


    เริ่มจากการประคบเย็นก่อน โดยสามารถใช้ผ้าชุบน้ำเย็น หรือเจลเย็นมาประคบ เพื่อช่วยบรรเทาอาการระบมบวมแดง หลังจากนั้นค่อยใช้ผ้าชุบน้ำอุ่นประคบ และ ในตอนที่นอนควรใช้หมอนรองคอ เพื่อช่วยให้นอนอยู่ในท่าที่หงาย และไม่เผลอนอนตะแคงข้าง อีกทั้งควรจะนอนยกศีรษะให้สูงขึ้นกว่าลำตัว ก็จะช่วยทำให้เลือดไหลเวียนได้ดีมากขึ้น

    >> อ่านบทความ วิธีลดบวมหลังทำจมูก เพิ่มเติมได้ที่นี่<<

    ปรับเปลี่ยนการกิน


    • ดื่มน้ำให้เยอะมากขึ้น
    • โปรตีนช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ
    • สมานแผลด้วยธาตุเหล็ก หรือสังกะสี
    • เลือกกินไขมันไม่อิ่มตัว หรือไขมันดี
    • วิตามินซีดีต่อระบบภูมิคุ้มกัน

    พฤติกรรมที่ควรงด


    • นอนเล่นโทรศัพท์
    • แต่งหน้า
    • ทานอาหารรสจัด

    ความสำคัญของการดูแลตัวเองอย่างถูกวิธี

    สำหรับคนเสริมจมูกการดูแลตัวเองให้ดีหลังเสริมจมูกเป็นอะไรที่สำคัญมาก ควรที่จะปฏิบัติตนให้เหมาะสม และปฏิบัติตามที่แพทย์แนะนำ เพื่อช่วยป้องกันไม่ให้แผลของคุณเกิดการอักเสบ และพยายามงดพฤติกรรมที่เสี่ยงเป็นปัญหากับจมูก เพียงเท่านี้คุณก็จะได้รูปทรงของจมูกที่ถูกใจ ไม่ต้องกังวลแล้วว่าจะเกิดเหตุการณ์จมูกอักเสบทะลุ หรือจมูกเบี้ยวทำให้ต้องมีการปรับแก้กันบ่อยๆ แน่นอนค่ะ!!
     
    จมูกสวยและปลอดภัยเลือกเสริมที่ Bujeong Clinic Surgery Center!!!

    Bujeong Clinic Surgery Center (ศูนย์ศัลยกรรมพูจองคลีนิก) เป็นคลินิกเสริมความงาม ที่ให้บริการศัลยกรรม และ หัตถการ ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย และ มาตรฐานความปลอดภัย โดยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ทั้งแพทย์ไทย และ แพทย์เกาหลี ที่มากด้วยประสบการณ์ ที่พร้อมจะเนรมิตให้คุณสวยแบบที่ต้องการ  นอกจากนั้นแล้วพูจองคลินิกยังมีสาขาให้เลือกมากมายถึง 10 สาขา ทั้งในกรุงเทพ และ ต่างจังหวัด เพราะความสวยไม่รอใคร อยากสวยเลือกทำที่ Bujeong Clinic Surgery Center สิคะ!!!

    มั่นใจ ปลอดภัย และ ได้มาตรฐาน พูจองคลินิกส่งตรงความงาม แบบฉบับเกาหลี

     
    สามารถติดตาม Bujeong Clinic สำหรับเสริมความงาม ช่องทางต่างๆ เพิ่มเติมได้ที่นี่
    Facebook : Bujeong Clinic - พูจอง คลินิก
    Line : @Bujeong-Clinic
    Tel : 088-050-1111
     
    สามารถติดตาม Bujeong Clinic Surgery Center สำหรับศัลยกรรม ช่องทางต่างๆ เพิ่มเติมได้ที่นี่
    Facebook : Bujeong surgery center
    Line : @bujeongsurgery
    Tel : 061-042-2999


    34


    ผู้หญิงกับสกินแคร์เป็นของคู่กัน บางคนเมื่อใช้สกินแคร์ไปอาจจะเกิดอาการผิดปกติขึ้นกับใบหน้า จริงๆ แล้วอาการที่เกิดขึ้นอาจจะไม่ใช่อาการแพ้ แต่เป็นอาการที่เกิดจาก ผิวระคายเคือง ก็ได้วันนี้ ResiSKIN จะมาบอกข้อแตกต่างให้คุณได้รู้ก่อนที่คุณจะทิ้งสกินแคร์ไปเปล่าๆ!!!

    ResiSKIN กู้ผิวได้ คลิก

    ผิวระคายเคือง คืออะไร?

    ผิวระคายเคืองง่าย เป็นลักษณะของผิวที่เกิดอาการระคายเคืองเมื่อทำการใช้สกินแคร์ หรือ มีสิ่งมากระตุ้น บางครั้งอาจจะเกิดจากการที่สกินแคร์มีส่วนผสมบางอย่างที่ทำให้เกิดการระคายเคือง ทำให้ผิวจะมีอาการแสบ คัน ผิวแห้งลอก แต่เมื่อทำการล้างสกินแคร์ที่ใช้ออกผิวก็มีอาการดีขึ้น แต่ก็ไม่ได้มีอาการระคายเคืองทุกส่วนของร่างกาย
     

    ผิวแพ้ง่ายกับผิวระคายเคือง ต่างกันอย่างไร?

    ความเสียหายของผิวที่เกิดขึ้น


    ผิวระคายเคืองจะไม่ได้เป็นการทำร้ายผิวมากนัก เพราะหากล้างสกินแคร์ออกผิวก็จะกลับมาเป็นแบบเดิม ถ้าเป็นผิวแพ้ง่าย จะทำให้ผิวเกิดความเสียหายจากภายในลึกลงไปในชั้นผิว ส่วนใหญ่ถ้าผิวแพ้สกินแคร์จะใช้เวลาในการรักษา และ ฟื้นฟูผิวมากกว่าผิวระคายเคือง เพราะมีความเสียหายลึกลงไปในชั้นผิว

    เมื่อล้างสกินแคร์แล้วอาการระคายเคืองหายหรือไม่


    ผิวการระคายเคืองทั่วไป เมื่อล้างสกินแคร์ออก อาการระคายเคืองก็จะค่อยๆ หายไปเอง ซึ่งต่างจากผิวแพ้ง่าย ที่ถึงแม้จะล้างสกินแคร์ออกไป แต่อาการแพ้ก็ยังปรากฏให้เห็น

    อาการระคายเคืองเกิดบริเวณไหนบ้าง


    ผิวระคายเคือง อาการจะแสดงบนผิวหนังบางส่วน บางจุดก็ไม่ได้ระคายเคือง แต่ถ้าเป็นผิวแพ้ง่าย เมื่อใช้กับส่วนใดของผิวก็จะมีอาการระคายเคืองอย่างเห็นได้ชัด
     
    จะรู้ได้อย่างไรว่าเรามีผิวแพ้ง่าย หรือ ระคายเคืองกันแน่?


    สามารถทำการทดสอบการแพ้ได้ถึง 2 วิธี

    • วิธีที่1 - สามารถทดสอบได้โดยให้ทำการทาสกินแคร์ บริเวณท้องแขนทั้งสองข้าง เป็นเวลาเช้า และ เย็น ให้ทาติดต่อกันเป็นเวลา 7 วัน ถ้าหากผิวยังปกติอยู่ก็สามารถใช้ได้
    • วิธีที่2 - เป็นการใช้แผ่นทดสอบการแพ้ ที่ได้ผลค่อนข้างแน่นอน โดยจะทาสกินแคร์ที่ต้องการทดสอบใส่ลงในแผ่นทดสอบ จากนั้นก็จะติดเข้าที่แผ่นหลังของเรา ทิ้งเอาไว้เป็นเวลาประมาณ 3 - 4 วันจากนั้นก็จะมาดูว่ามีการแพ้ การระคายเคืองเกิดขึ้นหรือไม่

    ทำให้ผิวกลับมาแข็งแรงจากการระคายเคือง


    • หากมีการระคายเคืองเกิดขึ้นอย่างแรกเลย ควรจะต้องหยุดใช้สกินแคร์ตัวนั้น
    • เลี่ยงการแต่งหน้า
    • พยายามอย่าไปสัมผัสบริเวณผิวหน้าบ่อยมากนัก
    • เสริมความแข็งแรงด้วยการทานอาหารที่มีประโยชน์
    • ทาครีมกันแดดสม่ำเสมอ
    • ต้องหมั่นบำรุงผิว ไม่ให้ผิวแห้ง

    เราจะต้องดูแลฟื้นฟูผิวให้กลับมาแข็งแรงดังเดิมก่อน และ เสริมการบำรุงเข้าไปด้วยผลิตภัณฑ์ ResiSKIN ครีมเวชสำอางที่ช่วยจบปัญหาผิวแห้ง แดง ผื่น คัน พร้อมทั้งเสริมความแข็งแรงให้ผิวจากภายใน ให้ผิวนุ่ม ชุ่มชื้น สตรองได้ทุกสถานการณ์ แถมยังช่วยในการล็อคความชุ่มชื้นในผิว และ ฟื้นฟูผิวจากปัญหาผิวระคายเคือง อีกทั้งยังเป็นเวชสำอางที่อ่อนโยน คนผิวบอบบางสามารถใช้ได้

    • มีส่วนผสมของ Extremolytes 7% สารสกัดลิขสิทธิ์เฉพาะจากประเทศเยอรมัน ช่วยจบปัญหาผิวแห้ง แดง ผื่น คัน
    • ช่วยสร้างเกราะความชุ่มชื้นให้ผิว ปกป้องผิวจากมลภาวะที่ไม่เป็นมิตรต่อผิว
    • ผิวแข็งแรงและชุ่มชื้นขึ้นอย่างสังเกตเห็นได้ ภายใน 7 วัน
    • ปราศจากสารสเตียรอยด์ น้ำหอม และสารกันเสีย สามารถใช้ต่อเนื่องในระยะยาว หมดกังวลสำหรับคนผิวแพ้ง่าย

    จะเห็นได้ว่าผิวระคายเคืองง่ายแม้จะมีความคล้ายกับผิวแพ้ง่ายแต่ก็แตกต่างกัน ดังนั้นหากใครที่ซื้อสกินแคร์มาใหม่ พอลองใช้ไปแล้วแพ้ขึ้นมาอย่าพึ่งตกใจ  หากลองแล้วไม่มีการระคายเคืองเกิดขึ้น ก็อาจเป็นเพราะผิวของเราในช่วงนั้นอ่อนแอ จึงต้องเสริมการบำรุงให้ผิวกลับมาแข็งแรงอีกครั้งด้วย ResiSKIN เพียงเท่านี้ปัญหาผิวระคายเคือง หรือ ผิวแพ้ง่ายก็มาทำอะไรคุณไม่ได้แล้ว!!!
     
     
     
    ใครที่สนใจสั่งซื้อ ResiSKIN สามารถกดที่ link ด้านล่างนี้ได้เลย
    Facebook : ResiSKIN รีซิสกิน
    Line : @resiskin
    Shopee : ResiSKIN by QUALISK
    Lazada : Qualimed
     


    35


    ใครประจำเดือนมาไม่ปกติยกมือขึ้น!!! ประจำเดือนนับว่าเป็นสิ่งที่ผู้หญิงอย่างเราต้องเจอ อีกทั้งยังอาจจะเจอกับอาการปวดท้อง ปวดตัว หรือ อาการPMS แต่ก็อาจจะทำให้เกิดอาการ เมนส์มาไม่ปกติ แล้วประจำเดือนแบบไหน ถึงเรียกว่าเมนส์มาไม่ปกติ วันนี้ Sistalk จะมาตอบข้อสงสัยเรื่องประจำเดือนที่สาวๆ ไม่ควรพลาด ไปอ่านบทความนี้กันเลย!!!
     
    แบบไหนที่เรียกว่าเมนส์มาปกติ หรือ ผิดปกติ


    ปกติประจำเดือนจะมาทุกๆ 28 - 30 วัน โดยเมื่อประจำเดือนมาก็จะมาประมาณ 3 - 5 วัน ต่อหนึ่งรอบเดือน อาการ"เมนส์มาไม่ปกติ" ซึ่งในแต่ละคนอาการก็จะแตกต่างกันออกไป บางคนประจำเดือนมาน้อยเกินไป การที่ประจำเดือนต่างไปจากเดิมจะถือว่าเป็นประจำเดือนผิดปกติด้วยกันทั้งสิ้น
     
    สาเหตุที่ทำให้ประจำเดือนผิดปกติ?

    • ความเครียด และ สมดุลฮอร์โมนที่เปลี่ยนไป
    • น้ำหนักที่มาก หรือ น้อยจนเกินไป
    • ความผิดปกติของฮอร์โมน
    • การใช้ยาบางชนิด
    • มีปัญหาเกี่ยวกับมดลูก

    >> อ่านบทความ ปัญหาที่สาวๆไม่ควรมองข้ามเครียดเมนส์ไม่มา เพิ่มเติมได้ที่นี่ <<

    เมนส์มาไม่ปกติ มีแบบไหนบ้าง?

    ประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอ


    ปกติเมนส์จะมาทุก 28 - 30 วัน แต่ถ้าเกิดว่าประจำเดือนของสาวๆ ดันมาเร็วกว่าปกติ หรือ ประจำเดือนขาดหายไปไม่มาตามรอบเดือน การที่ประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอ อย่าเห็นว่าประจำเดือนไม่มาเป็นเรื่องเล็กน้อยนะคะ เพราะอาจจะส่งผลกระทบต่อความผิดปกติหลายอย่าง เช่น ระดับฮอร์โมนผิดปกติ ความผิดปกติของมดลูก ความผิดปกติของถุงน้ำรังไข่
    ประจำเดือนมามากเกินไป

    การที่ประจำเดือนมามากหมายถึงคนที่มีประจำเดือนมามากกว่า 7 วัน ซึ่งผิดไปจากรอบเดือนปกติที่จะมาประมาณ 3 - 5 วัน ปกติประจำเดือนออกมาไม่เกิน 80 cc ต่อวัน ถ้าเทียบเป็นผ้าอนามัยจะใช้ประมาณ 3 - 4 แผ่นต่อวัน  การที่ประจำเดือนมามากเกินไปอาจส่งผลต่อสุขภาพได้ ไม่ว่าจะเป็น

    • ระดับของฮอร์โมนผิดปกติ
    • เกิดการอักเสบ หรือ ติดเชื้อภายใน
    • เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ รวมถึงการมีเนื้องอกภายใน

    ประจำเดือนมาน้อยเกินไป


    การประจำเดือนมาน้อย ประจำเดือนมักจะมาประมาณ 1 - 2 วัน ซึ่งจะสั้นกว่ารอบเดือนปกติ ประจำเดือนจะออกมาแบบกะปริบกะปรอย การที่ประจำเดือนมาน้อยแม้จะดูไม่น่ากลัวมากนัก แต่ก็ทำให้ส่งผลกระทบต่อสุขภาพได้ไม่ว่าจะเป็น

    • ทำให้เกิดความเครียด
    • มีน้ำหนักตัวน้อยลง
    • ภาวะถุงน้ำรังไข่หลายใบ หรือ PCOS
    • เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่
    • โรคไทรอยด์

    ต้องดูแลตัวเองเมื่อ เมนส์มาไม่ปกติ

    • การพักผ่อนให้เพียงพอ และ ไม่เครียด
    • ทานอาหารที่ดีมีประโยชน์ โดยเฉพาะการทานอาหารที่ช่วยเสริมธาตุเหล็ก เช่น ตับ เครื่องใน ผักใบเขียว
    • ควบคุมน้ำหนักตัวให้ดี เพราะว่าน้ำหนักก็ส่งผลกับประจำเดือนโดยตรง
    • ให้หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ หรือ เครื่องดื่มมีคาเฟอีน
    • ยาคุมกำเนิดช่วยได้ เพราะยาคุมกำเนิดจะช่วยในการปรับฮอร์โมนในร่างกาย เป็นผลทำให้ประจำเดือนมาตรง และ มาสม่ำเสมอมากยิ่งขึ้น

    การที่ประจำเดือนแปลกไปจากเดิมเป็นเรื่องไม่สำคัญเด็ดขาด อย่าชะล่าใจควรรีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจให้ละเอียดอีกที นอกจากนั้นก็ยังต้องเปลี่ยนพฤติกรรมของตัวเอง เพื่อทำให้ประจำเดือนมาตรงมากยิ่งขึ้น ใครที่มีปัญหาเกี่ยวกับประจำเดือนบ่อยๆ ต้องห้ามพลาดบทความต่างๆ ที่ Sistalk ขนเอามาฝากกันนะคะซิส แล้วเจอกันใหม่บทความหน้าค่ะ!!!



    Sistalk ใส่ใจทุกเรื่องสุขภาพของสาวๆ

    เรื่องของสาวๆ ก็ต้องให้ผู้หญิงคุยกันสิคะ หากคุณเป็นหนึ่งในคนที่มีปัญหา มีข้อสงสัยไม่ว่าจะเรื่องของ สุขภาพ , การดูแลรูปร่าง , เรื่องลับๆ ของสาวๆ นอกจากนั้นยังมีเรื่องของความรัก และ เทรนด์อื่นๆ ไม่อยากพลาด ต้องเข้ามาอ่าน มาติดตามบทความที่เรา Sistalk ได้รวบรวมมาให้ รับรองได้ว่าคุณจะได้ทั้งประโยชน์ สาระความรู้ และ อัปเดตเทรนด์ก่อนใคร เพราะเราเข้าใจผู้หญิงดี!!!
    ใครไม่ Talk Sistalk นะคะซิส!!!
     
     
     
    สามารถติดต่อสอบถามข้อมูล Sistalk ตามช่องทางอื่นๆได้ที่
    Facebook : sistalk.in.th
    Instagram : sistalk.in.th
    Twitter : @SistalkTH
     
    ข้อมูลอ้างอิงเรื่องประจำเดือนจาก


    36


    รู้หรือไม่ว่าการเสริมจมูกไม่จำเป็นต้องใช้เฉพาะซิลิโคนเท่านั้น แต่เปลี่ยนไปใช้อย่างอื่นแทนได้ วันนี้ Bujeong Clinic Surgery Center เลยจะมาแนะนำการเสริมจมูกด้วยอย่างอื่นแทน ที่จะช่วยให้จมูกของคุณออกมาสวยไม่แพ้การใช้ซิลิโคนเลย สามารถใช้อะไรแทนได้ต้องไปอ่านในบทความเลยค่ะ!!!

    >> อ่านบทความ รู้ก่อนทำกับการ เสริมจมูกมีกี่แบบ ได้ที่นี่ <<

     
    เสริมจมูกไม่ใช้ซิลิโคน คืออะไร?

    อีกหนึ่งสิ่งที่นิยมนำมาใช้แทนซิลิโคนนั่นก็คือ เนื้อเยื่อ และ กระดูกอ่อน ซึ่งเป็นสิ่งที่อยู่ในร่างกายของเรา ทำให้มีความปลอดภัย และ ลดอาการแทรกซ้อนที่เกิดจากการผ่าตัดได้ดีกว่าซิลิโคน อีกทั้งยังมีอายุการใช้งานที่ยาวนานอีกด้วย
     
    กระดูกอ่อนในโพรงจมูก หรือ กระดูกอ่อนที่ผนังกั้นจมูก


    กระดูกอ่อนในโพรงจมูก หรือ ที่ผนังกั้นจมูก เป็นกระดูกอ่อนที่มีเนื้อเยื่อเดียวกันกับกระดูกกลางจมูก ทำให้เมื่อใช้กระดูกส่วนนี้จะไม่ค่อยมีอาการแทรกซ้อนจากการผ่าตัดมากนัก กระดูกส่วนนี้เหมาะมากในการนำไปเสริมที่บริเวณปลายจมูก นิยมใช้กับคนที่เสริมจมูกครั้งแรก และ งานแก้จมูก

    กระดูกอ่อนหลังใบหู


    กระดูกอ่อนหลังใบหู จะช่วยทำให้ปลายจมูกดูหนาขึ้น เพื่อป้องกันการทะลุ เหมาะสำหรับคนที่ต้องการเสริมความพุ่งของจมูก ส่วนใหญ่หากเสริมจมูกด้วยกระดูกหลังใบหูอาจจะใช้ร่วมกับซิลิโคนในช่วงบริเวณสันจมูก

    กระดูกอ่อนซี่โครง


    กระดูกซี่โครง จะมีความแข็งแรงมาก และ หนามาก นิยมใช้กับเคสแก้จมูกหลายๆ รอบ หรือ เคสหนักๆ การใช้กระดูกซี่โครงจะถือว่าเป็นการผ่าตัดใหญ่ เหมาะสำหรับคนจมูกสั้น ที่ต้องการช่วยเสริมจมูกให้ดูยาวขึ้น ดูเชิดขึ้น

    เนื้อเยื่อไขมัน


    เนื้อเยื่อไขมันใต้หนังศีรษะ นิยมนำมาใช้ในการเสริมบริเวณสันจมูก มีการยุบตัวของเนื้อเยื่อค่อนข้างน้อย ทำให้สามารถใช้งานได้ยาวนาน
    เนื้อเยื่อไขมันบริเวณก้นกก เป็นอีกหนึ่งเนื้อเยื่อที่ใช้ในการเสริมบริเวณสันจมูก จะยุบตัวได้มากกว่าเมื่อใช้งานไปนานๆ

    เนื้อเยื่อเทียม

    เนื้อเยื่อเทียมสามารถใช้แทนกระดูกอ่อนส่วนอื่นๆ ได้ ทำให้จมูกดูมีมิติมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังช่วยลดปัญหาการเบี้ยว การเกิดพังผืด และ การที่จมูกจะทุได้ดีกว่าการใช้ซิลิโคน โดยเฉพาะบริเวณปลายจมูก แถมยังช่วยเลี่ยงปัญหาการแพ้ได้อีกด้วย
     

    เสริมจมูกไม่ใช้ซิลิโคน VS ใช้ซิลิโคน


    การเสริมจมูกแบบซิลิโคน ที่ใช้เป็นซิลิโคนเกรดการแพทย์ สามารถเลือกรูปแบบได้ทั้งซิลิโคนสำเร็จรูป ที่ช่วยให้ประหยัดเวลาในการทำ แถมยังมีทรงจมูกให้เลือกหลากหลาย แม้ซิลิโคนจะทำให้จมูกได้รูปทรง เป็นแท่งอย่างชัดเจน แต่ก็มีคนที่ร่างกายไม่เข้ากับซิลิโคน และ ยังอาจทำให้เกิดอาการแทรกซ้อนหลังจากเสริมจมูกได้ แต่สำหรับการ เสริมจมูกแบบไม่ใช้ซิลิโคน โดยการเปลี่ยนมาใช้เนื้อเยื่อ หรือ กระดูกอ่อนแทน จะทำให้ได้จมูกที่ดูเป็นธรรมชาติ สามารถปรับโครงสร้างของจมูกได้ดีกว่า

    • การเพิ่มความสูงให้กับจมูก โดยจะใช้เนื้อเยื่อ และ กระดูกอ่อนในการทำให้จมูกยาวขึ้น
    • การแก้บริเวณสันจมูก เป็นการตัดฮัมพ์ หรือ ตอกฐานจมูก เพื่อเป็นการเพิ่มความโด่งให้กับจมูก

    นอกจากนั้นการเสริมจมูกแบบไม่ใช้ซิลิโคน ต้องดูว่าพื้นฐานจมูกของเราเป็นอย่างไร

    • คนที่มีสันจมูกอยู่แล้ว อาจจะใช้การตะไบฮัมพ์ เพื่อแต่งปลายให้เป็นรูปทรง
    • คนที่ไม่ค่อยมีสันจมูก อาจจะต้องใช้เนื้อเยื่อ และ กระดูกอ่อนมาช่วยในการเสริมความโด่งให้กับสันจมูก
    • การเสริมปลายจมูก จะเป็นการเสริม และ ตัดแต่งรูปทรงให้จมูกยาวขึ้น และ พุ่งขึ้น

     
    การเสริมจมูกไม่ใช่ซิลิโคน เหมาะกับใคร?

    • เหมาะสำหรับคนที่อยากได้จมูกเป็นธรรมชาติ
    • เหมาะกับคนที่กลัวจมูกทะลุ สำหรับใครที่มีเนื้อจมูกบาง หรือ น้อย จนเป็นเหตุให้จมูกทะลุได้
    • เหมาะกับคนที่กลัวอาการแทรกซ้อน
    • เหมาะสำหรับคนที่แก้จมูกมาหลายครั้ง

    การไม่ใช้ซิลิโคนก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ดีสำหรับคนที่มีแพลนจะเสริมจมูก หรือ คนที่มีปัญหาเนื้อจมูกน้อย การเสริมรูปแบบนี้ถือว่าตอบโจทย์ ส่วนใครที่มีปัญหาเรื่องจมูกมาก ก็ต้องเลือกคลินิคที่มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ Bujeong Clinic Surgery Center พร้อมจะช่วยให้จมูกของคุณออกมาสวย เป๊ะ ปัง และ ปลอดภัย จะเคสเสริมจมูก หรือ เคสแก้ก็จะไม่ปัญหา เพราะจมูกสวยรอไม่ได้ อยากได้ต้องมา Bujeong Clinic Surgery Center !!!

    จะเสริมจมูกต้องเตรียมตัวอย่างไร ใครที่อยากรู้สามารถอ่านบทความด้านล่างได้เลย

    >> อ่านบทความ เตรียมตัวก่อนทําจมูก ได้ที่นี่<<

     
    เสริมจมูกให้ปลอดภัย และ สวยที่ Bujeong Clinic Surgery Center!!!

    Bujeong Clinic Surgery Center (ศูนย์ศัลยกรรมพูจองคลีนิก) เป็นคลินิกเสริมความงาม ที่ให้บริการศัลยกรรม และ หัตถการ ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย และ มาตรฐานความปลอดภัย โดยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ทั้งแพทย์ไทย และ แพทย์เกาหลี ที่มากด้วยประสบการณ์ ที่พร้อมจะเนรมิตให้คุณสวยแบบที่ต้องการ  นอกจากนั้นแล้วพูจองคลินิกยังมีสาขาให้เลือกมากมายถึง 10 สาขา ทั้งในกรุงเทพ และ ต่างจังหวัด เพราะความสวยไม่รอใคร อยากสวยเลือกทำที่ Bujeong Clinic Surgery Center สิคะ!!!

    มั่นใจ ปลอดภัย และ ได้มาตรฐาน พูจองคลินิกส่งตรงความงาม แบบฉบับเกาหลี

     
     
    สามารถติดตาม Bujeong Clinic สำหรับเสริมความงาม ช่องทางต่างๆ เพิ่มเติมได้ที่นี่
    Facebook : Bujeong Clinic - พูจอง คลินิก
    Line : @Bujeong-Clinic
    Tel : 088-050-1111
     
    สามารถติดตาม Bujeong Clinic Surgery Center สำหรับศัลยกรรม ช่องทางต่างๆ เพิ่มเติมได้ที่นี่
    Facebook : Bujeong surgery center
    Line : @bujeongsurgery
    Tel : 061-042-2999


    37


    ใครๆ ก็อยากมีดั้งโด่ง จมูกเป็นสันกันทั้งนั้นแต่ถ้าหากทำโด่งจนเกินไปอาจจะทำให้เกิดปัญหา จมูกทะลุ ได้ซึ่งเป็นปัญหารุนแรงจนอาจจะทำให้เสียโฉมได้ วันนี้ Bujeong Clinic Surgery Center จะมาให้ข้อมูลเกี่ยวกับสาเหตุที่จมูกทะลุ และวิธีในการป้องกันจมูกทะลุ อยากรู้ไปอ่านเลย!!
     
    สาเหตุที่จมูกทะลุ คืออะไร?


    • เลือกใช้ขนาดของซิลิโคนไม่เหมาะสมกับเนื้อจมูก
    • วัสดุของซิลิโคนไม่ได้มาตรฐาน
    • ใจร้อนอยากจะรีบแก้จมูก
    • เกิดการติดเชื้อหลังจากที่ทำจมูก

    อาการของจมูกทะลุ


    • ปลายจมูกบาง จะทำให้ผิวที่ปลายดูมันวาวผิดปกติ หรือ จมูกสะท้อนแสง
    • โดนจมูกจะมีอาการเจ็บที่ปลายจมูก
    • ปลายจมูกเปลี่ยนสี หรือว่าเกิดหนองในชั้นผิว
    • มีอาการเสียวที่ปลายจมูกทุกครั้งที่ลูบ
    • รูปทรงจมูกเปลี่ยนไป เหมือนกับว่าซิลิโคนเคลื่อน
    • มีที่ปลายมีจุดเล็กๆ เหมือนกับเป็นสิวขนาดใหญ่

    หากปล่อยให้จมูกทะลุจะอันตรายมากแค่ไหน?

    ใครที่จมูกทะลุจะต้องรีบไปทำการรักษาโดยเร็วที่สุด เพราะถ้าเกิดว่าปล่อยเอาไว้ อาจเกิดการอักเสบจนติดเชื้อที่จมูก และอาการแทรกซ้อนอื่นๆ ได้ อาจจะเกิดอาการช็อก และอวัยวะล้มเหลวเป็นอันตรายที่มีผลต่อชีวิตได้

    สามารถแก้ไขอย่างไรได้บ้าง?


    ต้องกินยาแก้อักเสบให้ลดอาการบวมที่จมูกก่อน ระยะเวลาในการรักษาของแต่ละคนจะไม่เหมือนกัน ขึ้นอยู่กับว่าคนนั้นมีอาการอักเสบระดับไหน พอหายเป็นปกติ ถึงจะสามารถใส่ซิลิโคนตัวใหม่ที่มีขนาดกำลังพอเหมาะกับเนื้อจมูกเข้าไปได้

    ทำยังไงไม่ให้จมูกทะลุ?


    • ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับคลินิกที่สนใจว่า
    • เลือกใช้ซิลิโคนที่เหมาะกับเนื้อจมูก
    • ตรวจสอบคลินิกให้ดีว่าได้มาตรฐานแค่ไหน
    • หลังจากการผ่าตัดจะต้องคอยดูแลตัวเองให้ดี หมั่นทำความสะอาดแผลตามที่แพทย์แนะนำทุกขั้นตอน เพื่อไม่เกิดการอักเสบ

    >>อ่านบทความ วิธีดูแลตัวเองหลังเสริมจมูก ได้ที่นี่<<

    หากคุณเป็นคนที่มีเนื้อจมูกมีน้อยแล้วอยากทำทรงโด่ง หรือยาวกว่าจมูกจนเกินไป อาจทำให้จมูกของคุณบางจนทะลุออกมาได้ และถ้ายิ่งปล่อยเอาไว้นาน อาจจะกลายเป็นปัญหาใหญ่ได้ ใครที่อยากจะทำจมูกจริงๆ เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้จมูกทะลุ ควรจะเลือกสถานที่ให้บริการศัลยกรรมที่มีมาตรฐานความปลอดภัย เลือกใช้วัสดุที่มีคุณภาพ และมีบริการที่คอยติดตามอาการหลังผ่าตัดอยู่ตลอด เพียงเท่านี้คุณก็จะสามารถทำจมูกได้ตามที่ต้องการ ได้รูปทรงที่ถูกใจ เข้ากับใบหน้า แถมยังปลอดภัยอีกด้วย!!
     


    เสริมจมูกให้ปลอดภัยกับ Bujeong Clinic Surgery Center!!!

    Bujeong Clinic Surgery Center (ศูนย์ศัลยกรรมพูจองคลีนิก) เป็นคลินิกเสริมความงาม ที่ให้บริการศัลยกรรม และ หัตถการ ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย และ มาตรฐานความปลอดภัย โดยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ทั้งแพทย์ไทย และ แพทย์เกาหลี ที่มากด้วยประสบการณ์ ที่พร้อมจะเนรมิตให้คุณสวยแบบที่ต้องการ  นอกจากนั้นแล้วพูจองคลินิกยังมีสาขาให้เลือกมากมายถึง 10 สาขา ทั้งในกรุงเทพ และ ต่างจังหวัด เพราะความสวยไม่รอใคร อยากสวยเลือกทำที่ Bujeong Clinic Surgery Center สิคะ!!!

    มั่นใจ ปลอดภัย และ ได้มาตรฐาน พูจองคลินิกส่งตรงความงาม แบบฉบับเกาหลี

     
    สามารถติดตาม Bujeong Clinic สำหรับเสริมความงาม ช่องทางต่างๆ เพิ่มเติมได้ที่นี่
    Facebook : Bujeong Clinic - พูจอง คลินิก
    Line : @Bujeong-Clinic
    Tel : 088-050-1111
     
    สามารถติดตาม Bujeong Clinic Surgery Center สำหรับศัลยกรรม ช่องทางต่างๆ เพิ่มเติมได้ที่นี่
    Facebook : Bujeong surgery center
    Line : @bujeongsurgery
    Tel : 061-042-2999



    38


    รู้ก่อนเลือก ซิลิโคนจมูก มีกี่ประเภท เลือกอย่างไรให้เหมาะกับเรา
    อย่าพึ่งเสริมจมูกถ้ายังไม่อ่าน!!! การเลือกซิลิโคนถือว่ามีความสำคัญมากในการทำให้จมูกออกมาทรงสวย และ เข้ากับรูปหน้าของคุณ Bujeong Clinic Surgery Center เลยจะมาให้ข้อมูลเรื่องการเลือก ซิลิโคนจมูก เพื่อให้จมูกของคุณออกมาปังไปอ่านบทความเลย!!!
     
    ซิลิโคนเสริมจมูก คืออะไร?

    ซิลิโคนสำหรับการทำจมูก ก็คือพลาสติกสังเคราะห์ชนิดหนึ่ง ที่สามารถนำมาใช้กับร่างกายของเราได้ไม่เป็นอันตราย ตัวซิลิโคนก็จะมีทั้งแบบที่เป็นซิลิโคนแข็ง และ อ่อน นอกจากนั้นก็ยังมีการผลิตจากหลายประเภทชั้นนำด้วย เพื่อให้ซิลิโคนออกมาเหมาะในการนำมาเสริมจมูก
     
    ซิลิโคนจมูก มีกี่ประเภท?

    ซิลิโคนสำเร็จรูป


    เป็นซิลิโคนที่สะดวกต่อการใช้งาน สามารถใช้งานได้ง่าย ถึงแม้จะเป็นซิลิโคนสำเร็จรูป แต่ก็สามารถทำการเหลาซิลิโคน เพื่อปรับแต่งทรงให้เหมาะกับเราได้ มีทรงจมูกให้เลือกหลากหลายแบบทั้ง

    • ทรงแมนทิส (Mantis Silicone) เป็นทรงที่มีลักษณะตรงกลางจะเล็กๆ และ ตรงปลายจะโด่งขึ้นมา มีความเป็นทรงหยดน้ำ เหมาะกับสาวเอเชีย และ เป็นทรงที่นิยมทำคนมากในสาวไทย
    • ทรงบาร์บี้ (Barbie Silicone) เป็นทรงที่คล้ายกับแมนทิส แต่ตรงสันจมูกมีความสโลป แต่ก็ไม่โด่งจนเกินไป ปลายจมูกจะเชิดขึ้นเหมือนทรงตุ๊กตาบาร์บี้ เหมาะสำหรับคนที่ปีกจมูก ฐานจมูกกว้าง และ มีจมูกงุ้ม
    • ทรงบราว (Brown Silicone) เป็นทรงที่จะทำให้จมูกโด่งขึ้นเล็กน้อย สันจมูกมีความสโลป เหมาะสำหรับคนที่เนื้อจมูกน้อย
    • ทรงซินเดอเรลล่า (Cinderella Silicone) เป็นทรงที่ฐานของซิลิโคนค่อนข้างจะหนา ทำให้จมูกดูโด่งขึ้นมามาก เหมาะสำหรับคนที่จมูกทรงสวยอยู่แล้ว แต่ดั้งไม่ค่อยโด่ง

    ซิลิโคนแบบแท่ง


    ซิลิโคนแบบนี้แพทย์จะเป็นคนทำการเหลาซิลิโคน เพื่อให้เข้ากับรูปหน้าของเราจะมีทั้งแบบ ชนิดแข็ง และ ชนิดนุ่ม

    • Hard เป็นซิลิโคนที่สามารถดึงเนื้อจมูกขึ้นได้เยอะ เหมาะสำหรับคนที่มีเนื้อจมูก และ อยากได้ดั่งโด่งๆ ไม่ยุบตัว แต่ต้องระวังเรื่องจมูกทะลุ สำหรับบางคนที่เสริมจมูกโด่งเกินไป
    • Medium เป็นซิลิโคนที่จะนิ่มขึ้นมาจากแบบแรก แต่ก็ไม่นิ่มเกินไป ทำให้ซิลิโคนไม่ยุบตัวได้ง่าย
    • Soft เป็นซิลิโคนที่ไม่ดูเป็นแท่งมากเกินไปมีความธรรมชาติ สามารถเสริมความโด่งได้พอประมาณ
    • Ultra Soft เป็นอีกหนึ่งซิลิโคนที่มีความละมุน เหมาะสำหรับคนที่เนื้อจมูกน้อย

    >> อ่านบทความ รู้ก่อนทำกับการเสริมจมูกมีกี่แบบ ได้ที่นี่<<

    ซิลิโคนจมูกแต่ละประเทศต่างกันหรือไม่?

    ซิลิโคนเกาหลี


    ซิลิโคนของเกาหลีจะเน้นการเสริมโคนจมูก และ ปลายจมูก เป็นซิลิโคนสีเหลือง หรือ น้ำตาลแดง ที่ให้ความเป็นธรรมชาติ นิ่ม และ มีความยืดหยุ่นค่อนข้างสูง ไม่ได้เน้นให้โด่งมากนัก แต่จะเน้นให้โด่งแบบเป็นธรรมชาติ

    ซิลิโคนญี่ปุ่น


    ซิลิโคนญี่ปุ่นเป็นซิลิโคนที่มีความแข็งปานกลาง เนื้อซิลิโคนมีสีเหลือง ไม่สามารถบิดงอได้เหมือนซิลิโคนเกาหลี สามารถเสริมความโด่งได้ดี แต่อาจจะเสี่ยงต่อการทะลุได้ และ ไม่ค่อยเป็นธรรมชาติมากนัก

    ซิลิโคนอเมริกา


    ซิลิโคนจะมีสีขาว มีความนิ่มแต่ก็ไม่มากจนเกินไป แต่ก็มีความยืดหยุ่นสูง เนื้อซิลิโคนละเอียด สามารถเสริมให้โด่งได้ดี ยิ่งกับคนที่มีเนื้อจมูกค่อนข้างมาก ไม่ยุบตัวง่าย

    >> อ่านบทความ จมูกทะลุพร้อมวิธีป้องกัน ได้ที่นี่<<

    จะเลือกซิลิโคนแบบไหนดี ถึงจะเข้ากับใบหน้าของเรา?

    การเลือกซิลิโคนจมูกของแต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน นอกจากจะต้องเลือกรูปแบบที่ต้องการแล้ว ก็ยังต้องดูองค์ประกอบอื่นๆ อีกด้วย เช่น ใครที่มีเนื้อจมูกน้อยการเสริมซิลิโคนที่แข็ง เพราะอาจจะทำให้เสี่ยงต่อการทะลุได้ การเลือกว่าจะใช้ซิลิโคนประเทศไหนดี ไม่มียี่ห้อไหน หรือ ซิลิโคนจากประเทศไหนดีเป็นพิเศษ เพราะทุกอย่างขึ้นอยู่กับความชอบ และ ความเข้ากันได้ของซิลิโคน ส่วนใครที่อยากเสริมจมูกให้ปัง และ มีคุณภาพอย่าง Bujeong Clinic Surgery Center คลินิกที่ให้บริการเสริมจมูกด้วยทีมแพทย์ผู้ชำนาญเฉพาะด้าน ที่จะช่วยเนรมิตจมูกของคุณให้ออกมาดีที่สุด!!!

    >> อ่านบทความ เตรียมตัวก่อนทําจมูก ได้ที่นี่ <<

     
    เสริมจมูกให้ดี และ ปลอดภัยเลือกเสริมกับ Bujeong Clinic Surgery Center

    Bujeong Clinic Surgery Center (ศูนย์ศัลยกรรมพูจองคลีนิก) เป็นคลินิกเสริมความงาม ที่ให้บริการศัลยกรรม และ หัตถการ ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย และ มาตรฐานความปลอดภัย โดยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ทั้งแพทย์ไทย และ แพทย์เกาหลี ที่มากด้วยประสบการณ์ ที่พร้อมจะเนรมิตให้คุณสวยแบบที่ต้องการ  นอกจากนั้นแล้วพูจองคลินิกยังมีสาขาให้เลือกมากมายถึง 10 สาขา ทั้งในกรุงเทพ และ ต่างจังหวัด เพราะความสวยไม่รอใคร อยากสวยเลือกทำที่ Bujeong Clinic Surgery Center สิคะ!!!

    มั่นใจ ปลอดภัย และ ได้มาตรฐาน พูจองคลินิกส่งตรงความงาม แบบฉบับเกาหลี

     
     
    สามารถติดตาม Bujeong Clinic สำหรับเสริมความงาม ช่องทางต่างๆ เพิ่มเติมได้ที่นี่
    Facebook : Bujeong Clinic - พูจอง คลินิก
    Line : @Bujeong-Clinic
    Tel : 088-050-1111
     
    สามารถติดตาม Bujeong Clinic Surgery Center สำหรับศัลยกรรม ช่องทางต่างๆ เพิ่มเติมได้ที่นี่
    Facebook : Bujeong surgery center
    Line : @bujeongsurgery
    Tel : 061-042-2999



    39


    จมูกนับว่าเป็นอีกหนึ่งอวัยวะที่ถือว่าเป็นจุดสำคัญบนใบหน้า หากจมูกสวยก็จะทำให้ใบหน้าดูโดดเด่นขึ้นมา ทำให้การเสริมจมูกเป็นที่นิยมมากในปัจจุบัน จมูกทรงไหนดี ทรงไหนปัง วันนี้ Bujeong Clinic Surgery Center ได้รวบรวมทรงจมูกยอดนิยมมาให้ทุกคนแล้ว อย่ารอช้าไปอ่านบทความกันเลย!!!
     
    เลือกทรงจมูกให้เหมาะกับหน้า


    การจะเสริมจมูกควรจะต้องดูว่าจมูกทรงที่เราต้องการสมดุลกับสัดส่วนบนใบหน้าหรือไม่ ที่เรียกว่า Golden Ratio เนื่องจากใบหน้าของแต่ละคนจะมีความแตกต่างกัน หากเสริมจมูกโดยไม่ได้คำนึงถึงส่วนต่างๆ ก็อาจจะทำให้เมื่อเสริมออกมาแล้วไม่สวย ไม่เข้ากับรูปหน้า

    • ความยาวจมูก ความยาวของจมูกที่ดีควรจะอยู่ประมาณ 1 / 3 ของใบหน้า ถ้าจะพูดให้เข้าใจง่ายๆ ให้ทำการแบ่งใบหน้าเป็น 3 ส่วนเท่าๆ กันตามแนวนอน จมูกควรจะมีความยาวประมาณช่วงตรงกลางของใบหน้า ไม่ควรยาวเกินไปกว่านี้

    • ความกว้างจมูก ความกว้างของจมูกที่ดีควรอยู่ประมาณ 1 / 5 ของใบหน้า โดยให้เราทำการแบ่งใบหน้าเป็น 5 ส่วนเท่าๆ กันตามแนวตั้ง ส่วนของปีกจมูกควรมีระยะตรงกับหัวตา
    • ความโด่งของจมูก บริเวณสันจมูกทำมุมเฉียงประมาณ 36 - 40 องศา เมื่อมองจากด้านข้างจะถือว่าเป็นความโด่งของจมูกที่พอดี และ มุมระหว่างจมูกกับหน้าผากก็ควรจะทำมุมประมาณ 135 - 140 องศา
    • ความเชิดของปลายจมูก ส่วนของมุมของปลายจมูกกับร่องเหนือริมฝีปาก สำหรับผู้หญิงควรจะทำมุมประมาณ 95 - 100 องศา และ ผู้ชายควรทำมุมประมาณ 90 - 95 องศา ส่วนของรูจมูกควรมีความกว้างประมาณ 4 / 6 ของความสูงปลายจมูก

    ทรงจมูก ยอดนิยมทำทรงไหนดี?

    ทรงสโลปปลายหยดน้ำ


    ทรงสโลปปลายหยดน้ำถือว่าเป็นอีกหนึ่งทรงยอดนิยม การเสริมจมูกแบบนี้ เหมาะสำหรับคนที่มีจมูกค่อนข้างยาว และ มีเนื้อที่ปลายจมูกพอประมาณ ส่วนปีกจมูกไม่ควรกว้างมาก ทรงที่ไม่แนะนำสำหรับคนที่เนื้อจมูกตรงปลายน้อย เพราะเสี่ยงต่อการทะลุได้อีกด้วย

    ทรงสโลปปลายจมูกพุ่ง


    ใครที่อยากให้จมูกดูโด่ง ทรงปลายพุ่งถือว่าเป็นอีกทรงยอดนิยม เพราะปลายจะจมูกจะยกสูงขึ้นทำให้ดูเป๊ะ จมูกเป็นสันเป็นคมมาก จมูกทรงนี้เหมาะสำหรับคนที่มีเนื้อจมูกโดยเฉพาะตรงปลายจมูก ความพุ่งก็ขึ้นอยู่กับเนื้อจมูกของแต่ละคน

    ทรงสันจมูกตรงปลายเชิด


    นี่เป็นทรงฮอตฮิตสำหรับสายฝอ ช่วยทำให้จมูกไม่บานออกปลายจมูกจะงุ้มเข้าไป เหมาะสำหรับคนที่ปลายจมูกงุ้ม จมูกบาน และ มีเนื้อที่จมูกค่อนข้างเยอะ ทั้งในการเสริมที่บริเวณสันจมูก และ ปลายจมูก

    ทรงบาร์บี้ไลน์


    ทรงบาร์บี้ เป็นทรงที่จะเน้นสันจมูกให้สูง และ ปลายจมูกเล็ก ทำออกมาแล้วจะจมูกจะดูเป็นทรงชัดเจน เป็นทรงจมูกที่เหมาะสำหรับคนที่มีจมูกเล็ก มีเนื้อจมูกพอสมควร โดยเฉพาะบริเวณสันจมูก แต่ไม่เหมาะกับคนที่มีจมูกบาน จมูกใหญ่มากนัก

    จะเห็นว่าทรงจมูกก็มีให้เลือกหลายทรง ดังนั้นจะเสริมจมูกทั้งที ต้องมีศึกษาข้อมูลให้ดีก่อนและต้อง เลือกซิลิโคนเสริมจมูกให้เหมาะสม รวมทั้งการเข้าไปปรึกษากับคุณหมอ เพราะคุณหมอแต่ละท่านก็เชี่ยวชาญรูปทรงที่แตกต่างกันออกไป แต่ถ้าใครอยากได้ทรงที่เกาหลีสวยๆ และ ผ่าตัดด้วยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ Bujeong Clinic Surgery Center เป็นอีกหนึ่งที่ ที่จะช่วยเนรมิตจมูกสวยๆ ให้แก่คุณ จมูกสวยต้องที่นี่เลย!!!

    สำหรับใครที่ตัดสินใจได้แล้ว และ มีแพลนจะเสริมจมูกก็จะต้องเตรียมตัวให้พร้อมตามบทความข้างล่างนี้เลย

     
    ทรงจมูก เป๊ะปังต้องที่ Bujeong Clinic Surgery Center

    Bujeong Clinic Surgery Center (ศูนย์ศัลยกรรมพูจองคลีนิก) เป็นคลินิกเสริมความงาม ที่ให้บริการศัลยกรรม และ หัตถการ ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย และ มาตรฐานความปลอดภัย โดยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ทั้งแพทย์ไทย และ แพทย์เกาหลี ที่มากด้วยประสบการณ์ ที่พร้อมจะเนรมิตให้คุณสวยแบบที่ต้องการ  นอกจากนั้นแล้วพูจองคลินิกยังมีสาขาให้เลือกมากมายถึง 10 สาขา ทั้งในกรุงเทพ และ ต่างจังหวัด เพราะความสวยไม่รอใคร อยากสวยเลือกทำที่ Bujeong Clinic Surgery Center สิคะ!!!

    มั่นใจ ปลอดภัย และ ได้มาตรฐาน พูจองคลินิกส่งตรงความงาม แบบฉบับเกาหลี

     
    สามารถติดตาม Bujeong Clinic สำหรับเสริมความงาม ช่องทางต่างๆ เพิ่มเติมได้ที่นี่
    Facebook : Bujeong Clinic - พูจอง คลินิก
    Line : @Bujeong-Clinic
    Tel : 088-050-1111
     
    สามารถติดตาม Bujeong Clinic Surgery Center สำหรับศัลยกรรม ช่องทางต่างๆ เพิ่มเติมได้ที่นี่
    Facebook : Bujeong surgery center
    Line : @bujeongsurgery
    Tel : 061-042-2999



    40


    ใครอยากเสริมจมูกต้องอ่าน!!! การเสริมจมูกมีรูปแบบที่หลากหลาย ซึ่งแต่ละรูปแบบก็มีข้อดี ข้อเสียที่แตกต่างกันออกไป วันนี้ Bujeong Clinic Surgery Center จะพาคุณมารู้จักว่าการ เสริมจมูกมีกี่แบบ ใครที่มีแพลนจะเสริมจมูกไม่ควรพลาด จะเสริมจมูกทั้งทีต้องเสริมให้มันปังไปเลยค่ะ!!!
     
    เสริมจมูกมีกี่แบบ แบบไหนปัง!!!
    การเสริมจมูกมีด้วยกัน 2 รูปแบบหลักๆ นั่นก็คือ การเสริมจมูกแบบปิด (Close Rhinoplasty) และ การเสริมจมูกแบบเปิด (Open Rhinoplasty) แต่ละแบบก็จะมีข้อดี และ ข้อเสียที่แตกต่างกันออกไป
     
    การเสริมจมูกแบบปิด


    การเสริมจมูกรูปแบบนี้จะผ่าตัดจากด้านใน ทำให้รอยแผลที่ได้มีขนาดเล็ก มองภายนอกจะไม่เห็นบาดแผล เป็นการเสริมจมูกที่ใช้เวลาในการทำไม่นานมาก เพราะไม่ได้ไปเปลี่ยนโครงสร้างจมูก เหมาะสำหรับคนที่ทรงจมูกดีอยู่แล้ว ไม่ได้มีปัญหาเรื่องทรงจมูกมากนัก หรือ คนที่มีจมูกทรงสั้น เนื้อจมูกไม่น้อยจนเกินไป

    ข้อดีของการเสริมจมูกแบบปิด

    • ใช้เวลาในการทำน้อย เหมาะสำหรับคนที่มีเวลาในการทำที่จำกัด
    • แผลเล็ก พักฟื้นได้ไว และ บวมช้ำน้อย
    • ได้ทรงจมูกที่สวยดูเป็นธรรมชาติ
    • ราคาไม่แพงมาก ถ้าเทียบกับราคาเสริมจมูกแบบเปิด

    ข้อเสียของการเสริมจมูกแบบปิด

    • หากใช้งานไปนานๆ อาจทำให้จมูกทะลุ หรือ จมูกเบี้ยวได้

    >> อ่านบทความ จมูกทะลุคืออะไร พร้อมวิธีป้องกัน ได้ที่นี่<<

    การเสริมจมูกแบบเปิด


    การเสริมจมูกแบบนี้เป็นการผ่าตัดเสริมจมูกที่จะช่วยในการปรับโครงสร้างของจมูกโดยตรง จะแตกต่างจากการเสริมจมูกแบบปิดที่จะใช้ซิลิโคนในการเสริม มาเป็นการใช้กระดูกหลังหู หรือ กระดูกบริเวณซี่โครงแทนทำให้สามารถแก้ปัญหาทรงจมูกได้ตรงจุดมากยิ่งขึ้น เหมาะสำหรับคนที่มีปัญหาเรื่องจมูก เช่น จมูกแบน จมูกสั้น จมูกเบี้ยว

    ข้อดีของการเสริมจมูกแบบเปิด

    • ช่วยปรับโครงสร้างสำหรับคนที่มีปัญหาจมูกมากๆ
    • ได้ทรงจมูกที่สวย สามารถทำจมูกได้หลายทรง
    • มีความปลอดภัย ทำให้โครงสร้างจมูกมีความแข็งแรง

    ข้อเสียของการเสริมจมูกแบบเปิด

    • การผ่าตัดค่อนข้างยาก ใช้เวลานาน
    • ต้องระวังภาวะแทรกซ้อนจากการทำจมูก
    • มีแผลให้เห็นที่ใต้จมูกชัดเจน
    • ราคาแพงกว่าการเสริมจมูกแบบปิด
    • จะต้องดูแลรักษาให้ดีเป็นพิเศษ มีข้อห้ามในการพักฟื้นค่อนข้างเยอะ

    เสริมจมูกแบบปิด และ แบบเปิดต่างกันอย่างไร?


    การเสริมจมูกแบบปิด เป็นการเสริมจมูกขนาดเล็ก อาจจะใช้แค่ยาชาระหว่างการผ่าตัด ใช้เวลาประมาณ 60 - 90 นาที แต่ถ้าเป็นการเสริมจมูกแบบเปิด จะเป็นการผ่าตัดใหญ่ ส่วนใหญ่จะใช้ยานอนหลับระหว่างทำการผ่าตัด จะใช้เวลาประมาณ 3 - 4 ชั่วโมง ก่อนที่จะเสริมจมูก จะต้องทำการปรับโครงสร้างของจมูกให้ได้รูปทรงก่อน เมื่อปรับโครงสร้างเสร็จแล้วจึงจะใส่กระดูกอ่อนเข้าไปเพื่อเสริมให้จมูกได้รูปทรง ให้จมูกโด่งขึ้น

    >> อ่านบทความ ซิลิโคนจมูก มีกี่ประเภท ได้ที่นี่ <<

    เสริมจมูกแบบไหนเหมาะกับใครบ้าง?


    วิธีเช็ดเนื้อจมูกของแต่ละคน ให้ใช้หัวแม่มือ และ นิ้วชี้ ไปดึงบริเวณสันจมูกดูว่า เมื่อดึงแล้วเนื้อจมูกขึ้นมาเยอะหรือไม่ หากดึงได้น้อยแสดงว่าเนื้อจมูกเราน้อย หากเรารู้แล้วว่าเนื้อจมูกน้อย ก็ต้องมาดูก่อนว่าเนื้อจมูกของเราน้อยแค่ไหน ถ้ายังพอมีเนื้อก็สามารถเสริมจมูกทรงที่เข้ากับใบหน้าได้

    • การเสริมจมูกแบบปิด - คนที่จะเสริมจมูกรูปแบบนี้ ควรจะเป็นคนที่มีโครงสร้างจมูกดีอยู่แล้ว ในส่วนของปลายจมูกมีเนื้อจมูกไม่น้อยจนเกินไป
    • การเสริมจมูกแบบเปิด - คนที่มีปัญหาโครงสร้างจมูก ไม่ว่าจะเป็นเนื้อจมูกน้อย จมูกสั้น จมูกเบี้ยว เสียรูป รวมทั้งคนที่เคยผ่าตัดเสริมจมูกมาแล้วมีปัญหา

    ส่วนใครที่ไม่แน่ใจเรื่องทรงจมูก ขอแนะนำให้เข้าไปปรึกษากับทางคลินิก เพื่อให้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญเป็นคนประเมินการเสริมจมูกให้ พร้อมกับดีไซน์ทรงจมูกที่เหมาะกับใบหน้าของคุณ การเสริมจมูกให้ออกมาปังควรจะคำนึงถึงโครงสร้างจมูกของตัวเองให้ดีก่อน นอกจากนั้นก็ควรจะเลือกคลินิกที่มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ที่ชำนาญการในการผ่าตัดเสริมจมูกอย่าง Bujeong Clinic Surgery Center ที่ให้บริการเสริมจมูกด้วยทีมแพทย์ผู้ชำนาญเฉพาะด้าน ที่จะช่วยเนรมิตจมูกที่เข้ากับคุณ ให้คุณสวยปังแบบสาวเกาหลี!!!

    >> อ่านบทความ วิธีดูแลตัวเองหลังเสริมจมูก ได้ที่นี่ <<

     
    อยากมีจมูกปังๆ เลือก Bujeong Clinic Surgery Center

    Bujeong Clinic Surgery Center (ศูนย์ศัลยกรรมพูจองคลีนิก) เป็นคลินิกเสริมความงาม ที่ให้บริการศัลยกรรม และ หัตถการ ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย และ มาตรฐานความปลอดภัย โดยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ทั้งแพทย์ไทย และ แพทย์เกาหลี ที่มากด้วยประสบการณ์ ที่พร้อมจะเนรมิตให้คุณสวยแบบที่ต้องการ  นอกจากนั้นแล้วพูจองคลินิกยังมีสาขาให้เลือกมากมายถึง 10 สาขา ทั้งในกรุงเทพ และ ต่างจังหวัด เพราะความสวยไม่รอใคร อยากสวยเลือกทำที่ Bujeong Clinic Surgery Center สิคะ!!!

    มั่นใจ ปลอดภัย และ ได้มาตรฐาน พูจองคลินิกส่งตรงความงาม แบบฉบับเกาหลี

     
    สามารถติดตาม Bujeong Clinic สำหรับเสริมความงาม ช่องทางต่างๆ เพิ่มเติมได้ที่นี่
    Facebook : Bujeong Clinic - พูจอง คลินิก
    Line : @Bujeong-Clinic
    Tel : 088-050-1111
     
    สามารถติดตาม Bujeong Clinic Surgery Center สำหรับศัลยกรรม ช่องทางต่างๆ เพิ่มเติมได้ที่นี่
    Facebook : Bujeong surgery center
    Line : @bujeongsurgery
    Tel : 061-042-2999


    41


    ใครที่มีแพลนจะทำจมูกต้องอ่าน!!! ใครอยากจะเสริมจมูกให้สวยปัง แต่ก็ไม่ใช่ว่าอยากจะเสริมก็เดินเข้าไปเสริมได้เลย เพราะการจะเสริมจมูกจะต้องทำการ เตรียมตัวก่อนทําจมูก วันนี้ Bujeong Clinic Surgery Center จะมาบอกวิธีการเตรียมตัวที่คุณไม่ควรพลาด!!!
     
    การตัดสินใจก่อนทำจมูก

    • ก่อนอื่นเราจะต้องรู้ก่อนว่าจมูกของเรามีปัญหาด้านไหน ทรงที่เราอยากได้เป็นแบบไหน แบบไหนเหมาะกับเรา
    • เข้าไปปรึกษาแพทย์ หรือ คลินิกที่ต้องการจะเข้าไปเสริมจมูก เพราะแพทย์จะสามารถให้คำปรึกษา แนะนำได้ตรงจุดว่าเราควรทำแบบไหน


    ขั้นตอนการ เตรียมตัวก่อนทําจมูก!!!

    ดูแลสุขภาพตัวเองให้แข็งแรง


    ใครที่มีโรคประจำตัวให้ทำการแจ้งโรคประจำตัว หรือ ยาที่ทานอยู่ประจำ เพราะยาบางชนิดหากทานแล้วอาจจะมีผลต่อการผ่าตัด ทำให้แผลบวม หรือ หายช้าได้

    ระวังการทานของแสลง


    อาหารบางชนิดถือว่าเป็นของแสลงต่อคนที่ผ่าตัดเสริมจมูก เช่นของหมักดอง และ พวกอาหารทะเลต่างๆควรเลี่ยงการทานในช่วงประมาณ 1 เดือน ก่อนที่จะผ่าตัดเสริมจมูก เพราะทำให้เกิดการอักเสบของแผล และ มีอาการคันร่วมด้วยได้

    เลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ และ สูบบุหรี่


    เว้นการดื่มแอลกอฮอล์ ในช่วง 1 อาทิตย์ก่อนการผ่าตัด เพราะแอลกอฮอล์จะมีสารที่ไปทำลายเซลล์ที่มีหน้าที่ในการซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอในร่างกาย เป็นผลให้แผลผ่าตัดหายได้ช้า รวมถึงการสูบบุหรี่ด้วย เพราะจะทำให้เกิดเสมหะ และ การไอจนเป็นผลทำให้เจ็บแผลได้

    อาหารเสริม และ ยาแก้ปวดต้องงด


    ควรเลี่ยงการทานอาหารเสริมทุกชนิด และ พวกวิตามินต่างๆ เพราะจะทำให้เลือดหยุดไหลช้า หรือ เลือกออกมากว่าปกติ นอกจากนั้นยาแก้ปวด แก้อักเสบก็เป็นของต้องห้ามที่ไม่ควรทาน เพราะยาในกลุ่มนี้จะไปทำให้เลือดแข็งตัวช้า
     
    ก่อนวันผ่าตัดต้องเตรียมตัวอย่างไร?


    • วันก่อนผ่าตัดควรทำการงดทานน้ำ และ อาหารอย่างน้อย 8 ชั่วโมง
    • ควรที่จะนอนพักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อให้ร่างกายสมบูรณ์
    • ไม่ควรแต่งหน้าก่อนมาเสริมจมูก เพราะอาจทำให้เกิดการติดเชื้อ
    • เล็บควรทำการล้างเล็บก่อน และ ควรตัดเล็บให้สั้น
    • หากใส่เครื่องประดับก็ควรถอดออกให้เรียบร้อย

    หลังผ่าตัดเสริมจมูกแล้วต้องทำอย่างไร?

    หลังจากการผ่าตัดเสริมจมูกเสร็จแล้ว เราจะได้ทำการพักฟื้นประมาณ 15 - 30 นาที เพื่อให้ร่างกายปรับตัว หลังจากนั้นเมื่อเรากลับมาพักฟื้นที่บ้าน
    • ทานยาให้ครบตามที่แพทย์สั่ง เพราะจะช่วยลดอาการปวด บวม อักเสบของแผล
    • ควรจะหมั่นประคบเย็นในช่วง 4 - 5 วัน เพื่อช่วยให้เลือดแข็งตัว
    • ทำความสะอาดบริเวณรอบๆ แต่อย่าพึ่งให้แผลโดนน้ำในช่วง 7 วันแรกหลังผ่าตัด
    • ควรใช้หมอนรองคอ และ ไม่ควรนอนตะแคงเพราะอาจจะทำให้จมูกเสียทรงได้
    • เลี่ยงอาหารที่แสลง เพราะจะทำให้เกิดอาการแพ้ บวมได้
    • เลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ และ สูบบุหรี่
    • ไม่ควรทำให้จมูกกระทบกระเทือน เพราะอาจทำให้จมูกเบี้ยว หรือ ผิดรูปได้
    • ควรเลี่ยงการแกะ เกา และ เลี่ยงบาดแผลโดนน้ำ

    การเตรียมตัวแต่ละขั้นตอน ข้อห้ามต่างๆ ก็เป็นสิ่งที่คุณจะต้องทำเพื่อให้การผ่าตัดออกมาดีที่สุด ส่วนใครที่อยากเสริมจมูกกับทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทั้งแพทย์ไทย และ แพทย์เกาหลี ต้องที่ Bujeong Clinic Surgery Center เลยมีทั้งทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และ เทคโนโลยีที่ทันสมัยที่จะช่วยเนรมิตจมูกทรงสวยให้แก่คุณ
     
    >> อ่านบทความ วิธีดูแลตัวเองหลังเสริมจมูก ได้ที่นี่ <<


    จมูกทรงสวยเลือกที่ Bujeong Clinic Surgery Center

    Bujeong Clinic Surgery Center เป็นคลินิกเสริมความงาม ที่ให้บริการศัลยกรรม และ หัตถการ ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย และ มาตรฐานความปลอดภัย โดยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ทั้งแพทย์ไทย และ แพทย์เกาหลี ที่มากด้วยประสบการณ์ ที่พร้อมจะเนรมิตให้คุณสวยแบบที่ต้องการ  นอกจากนั้นแล้วพูจองคลินิกยังมีสาขาให้เลือกมากมายถึง 10 สาขา ทั้งในกรุงเทพ และ ต่างจังหวัด เพราะความสวยไม่รอใคร อยากสวยเลือกทำที่ Bujeong Clinic Surgery Center สิคะ!!!

    มั่นใจ ปลอดภัย และ ได้มาตรฐาน พูจองคลินิกส่งตรงความงาม แบบฉบับเกาหลี

     
     
    สามารถติดตาม Bujeong Clinic สำหรับเสริมความงาม ช่องทางต่างๆ เพิ่มเติมได้ที่นี่
    Facebook : Bujeong Clinic - พูจอง คลินิก
    Line : @Bujeong-Clinic
    Tel : 088-050-1111
     
    สามารถติดตาม Bujeong Clinic Surgery Center ช่องทางต่างๆ เพิ่มเติมได้ที่นี่
    Facebook : Bujeong surgery center
    Line : @bujeongsurgery
    Tel : 061-042-2999



    42


    หลายคนเลือกที่จะใช้การทานยาคุมเพื่อให้มีหน้าอกขึ้นมา เพราะเชื่อว่ายาคุมช่วยได้ ยาคุมช่วยได้จริงหรือไม่ ใครที่อยากมีหน้าอกไม่ควรพลาด เพราะวันนี้ Sistalk จะมาไขข้อสงสัยเรื่องเกี่ยวกับ ยาคุมหน้าใส อกโต ไม่อ้วน จริงหรือไม่ ยาคุมมีประโยชน์สารพัดตามที่ใครๆ พูดไว้จริงหรือเปล่า อย่ารอช้าไปอ่านบทความกันเลย!!!
     
    จริงหรือไม่ทาน ยาคุมหน้าใส อกโต ไม่อ้วน!!!

    ยาคุมช่วยทำให้หน้าอกใหญ่จริงไหม?


    ในยาคุมกำเนิดจะมีฮอร์โมนเอสโตรเจน ทำให้ลักษณะเด่นของผู้หญิงเด่นชัดออกมา เมื่อระดับฮอร์โมนเพศหญิงเพิ่มสูงขึ้น เลยทำให้ร่างกาย และ สรีระต่างๆ ขยายออก ไม่ว่าจะเป็นเอว สะโพก รวมทั้งหน้าอกด้วย ยาคุมบางตัวก็ยังทำให้มีอาการบวมน้ำ สัดส่วนดูใหญ่ขึ้น ในบางคนขนาดหน้าอกจะโตขึ้นอย่างมาก จึงทำให้เราเข้าใจว่าทานยาคุมแล้วหน้าอกจะโต นอกจากนั้นในการเพิ่มขนาดหน้าอกของกลุ่ม LGBT ยาคุม จะไปกดฮอร์โมนเพศชายในร่างกาย เพื่อเพิ่มลักษณะของเพศหญิงให้เพิ่มมากขึ้น  ทำให้รูปร่าง สรีระต่างๆ เหมือนผู้หญิงมากยิ่งขึ้นนั่นเอง

    "อีกทั้งยังไม่มีผลวิจัยที่รองรับว่ายาคุมทำให้หน้าอกใหญ่ขึ้นจริง สิ่งที่ใหญ่ขึ้นไม่ได้คือหน้าอกแต่เป็นลักษณะเพศหญิงที่เด่นชัดขึ้นเมื่อฮอร์โมนมากขึ้น รวมไปถึงลักษณะเด่นอื่นๆ ที่เพิ่มขึ้น เช่น ผิวพรรณอีกด้วย"

    ยาคุมช่วยให้หน้าใส ไม่อ้วนได้จริงไหม?


    นอกจากยาคุมจะช่วยทำให้อกโตแล้ว ยาคุมยังช่วยให้หน้าใสขึ้นอีกด้วย ฮอร์โมนในยาคุมจะไปช่วยกดฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน ที่เป็นฮอร์โมนเพศชายในร่างกาย ที่เป็นสาเหตุให้เกิดสิวฮอร์โมนขึ้น ส่วนเรื่องของการบวมน้ำหากเลือกทานยาคุมที่มีตัวยาเป็น ดรอสไพรีโนน จะช่วยในการลดการบวมน้ำ ใครที่ไม่อยากบวมน้ำให้สังเกตตัวยาให้ดีว่ามีตัวยานี้หรือไม่ก่อนใช้ หากไม่มีจะไม่ช่วยลดการบวมน้ำ และ อาจทำให้น้ำหนักขึ้นได้

     
    วิธีกินยาคุมให้ปลอดภัย!!!


    • ยาคุมแบบ 21 เม็ด - ทานยาคุมวันละเม็ดให้ครบ 21 เม็ดตามลูกศรบนแผงยาคุม เมื่อทานจนหมดแผง จากนั้นให้หยุดทานยา 7 วันแล้วจึงเริ่มทานแผงใหม่ต่อได้
    • ยาคุมแบบ 28 เม็ด - ให้ทานยาวันละเม็ดจนครบ 28 เม็ดตามลูกศร เมื่อทานจนครบแล้ว ให้เริ่มทานแผงใหม่ต่อได้เลยโดยไม่ต้องหยุดทานยา

    สำหรับยาคุมแบบ 28 เม็ด จะมีแบบที่เป็น 21 + 7 (เม็ดฮอร์โมน 21 เม็ด และ เม็ดแป้ง 7 เม็ด) กับแบบ 24 + 4 (เม็ดฮอร์โมน 24 เม็ด และ เม็ดแป้ง 4 เม็ด) มีความแตกต่างกันที่จำนวนเม็ดแป้ง และ ห้ามทานยาคุมย้อนศรเด็ดขาด!!! มีหลายคนเข้าใจผิดว่าการทานยาคุมย้อนศรจะทำให้นมโตขึ้นอย่างรวดเร็ว ไม่จริงเลยนะคะ!!! ไม่เพียงแค่จะไม่ทำให้หน้าอกโตขึ้นแล้ว แต่ยังทำให้การความกำเนิดไม่เป็นผลด้วย ดังนั้นจึงไม่ควรกินยาคุมย้อนศรนะคะ!!!
     
    ข้อควรระวังในการทานยาคุม


    • รู้สึกคลื่นไส้ เวียนหัว อารมณ์แปรปรวน ที่เป็นผลมาจากยาคุมกำเนิด
    • คนที่มีโรคเกี่ยวกับหัวใจ เส้นเลือดในสมอง และ เลือดคั่ง ควรปรึกษาแพทย์ หรือ เภสัชก่อนทานยาคุม
    • สำหรับใครที่เป็นกลุ่มเสี่ยง อาทิ ผู้ที่มีน้ำหนักตัวมาก สูบบุหรี่ เป็นโรคความดันโลหิตสูง เป็นไมเกรน เป็นโรคเลือดคั่ง หรือ มีอายุมากกว่า 35 ปี ไม่แนะนำให้กินยาคุม แต่ให้ใช้วิธีคุมกำเนิดอย่างอื่นแทน

    อ่านบทความ >> ลืมกินยาคุม ต้องทำยังไง << ได้ที่นี่


    Sistalk เข้าใจทุกปัญหาผู้หญิง

    เรื่องของสาวๆ ก็ต้องให้สาวๆ คุยกันสิคะ หากคุณเป็นหนึ่งในคนที่มีปัญหา มีข้อสงสัยไม่ว่าจะเรื่องของ สุขภาพ , การดูแลรูปร่าง , เรื่องลับๆ ของสาวๆ นอกจากนั้นยังมีเรื่องของความรัก และ เทรนด์อื่นๆ ไม่อยากพลาด ต้องเข้ามาอ่าน มาติดตามบทความที่เรา Sistalk ได้รวบรวมมาให้ รับรองได้ว่าคุณจะได้ทั้งประโยชน์ สาระความรู้ และ อัปเดตเทรนด์ก่อนใคร เพราะเราเข้าใจผู้หญิงดี!!!

    ใครไม่ Talk Sistalk นะคะซิส!!!

     
    สามารถติดต่อสอบถามข้อมูล Sistalk ตามช่องทางอื่นๆได้ที่
    Facebook : sistalk.in.th
    Instagram : sistalk.in.th
    Twitter : @SistalkTH



    43


    ลืมทานยาคุมอีกแล้วทำไงดี!!! ยาคุมเป็นที่นิยมมากในบรรดาสาวๆ ผู้ที่ต้องการคุมกำเนิด ลดสิว หรือ คนที่อยากมีทรวดทรงองเอว โดยปกติแผงยาคุมกำเนิดจะมีวัน และ ลูกศรในการบอกลำดับการทาน เพื่อให้ทานได้ครบแผง แต่ก็มีบางครั้งที่เราเผลอจนทำให้ ลืมกินยาคุม ไปซะได้ แล้วแบบนี้จะต้องทำอย่างไร Sistalk จะมาไขคำตอบเรื่องยาคุมกำเนิดให้!!!

    >> อ่าน ยาคุมลดสิว เพิ่มเติมได้ที่นี่ <<

    ลืมกินยาคุมมีโอกาสท้องไหม?

    หากเราลืมทานยาคุม ก็อาจจะทำให้โอกาสที่เราจะตั้งครรภ์สูงขึ้นได้ เราต้องดูว่าเราลืมกินในช่วงเวลาไหน เช่น อยู่ในช่วงที่ไข่ตกหรือไม่ ซึ่งหากอยู่ในช่วงเวลาที่ตกไข่ก็อาจจะเสี่ยงต่อการท้องได้ หากมีการใช้ยาผิดวิธีอีกก็อาจจะทำให้ประสิทธิภาพของยาลดลง จนทำให้เกิดการตั้งครรภ์ขึ้นมาได้
     
    ลืมกินยาคุม ต้องทำยังไง ? ยาคุมมีรูปแบบไหนบ้าง


    ยาคุมจะมีด้วยกันทั้งแบบ 21 เม็ด และ 28 เม็ด ซึ่งจะมีรูปแบบการทานที่แตกต่างกันออกไป
    • 21 เม็ด - ให้ทานเม็ดแรกในวันที่ประจำเดือนมาในครั้งต่อไป และ ทานจนหมดแผง จากนั้นให้ทำการหยุดทานยาเป็นเวลา 7 วัน ซึ่งประจำเดือนจะมาในช่วงนี้ จากนั้นค่อยเริ่มทานแผงต่อไป
    • 28 เม็ด แบบ 21 + 7 - เมื่อทานยาคุมจนหมดแผงแล้ว ให้ทำการทานแผงใหม่ได้เลยโดยที่ไม่ต้องหยุดทานยา ประจำเดือนจะมาในช่วงที่ทานเม็ดแป้ง
    • 28 เม็ด แบบ 24 + 4  - จะมีลักษณะการทานเหมือนแบบ 21 + 7เลย เมื่อทำการทานครบแผงให้ทานแผงใหม่ต่อได้เลย และ ประจำเดือนจะมาในช่วงที่ทานเม็ดแป้ง


    ลืมทานยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวมต้องทำอย่างไร?


    • ลืมกินยาคุม 1 เม็ด เมื่อนึกขึ้นได้ให้รีบกินให้เร็วที่สุด ไม่ควรทานเกินกว่า 12 ชั่วโมง ถ้าลืมกินยาจนข้ามมาถึงตอนเย็นของอีกวันแล้ว ให้กินยาควบเป็น 2 เม็ดได้เลย ส่วนวันต่อไปก็ให้กินยาตามปกติ แต่ถ้าลืมกินยาเกินกว่า 12 ชั่วโมง ให้รีบกินยาทันทีหากข้ามวันไปแล้วอาจจะทานควบ 2 เม็ดไปเลยก็ได้ และ ให้ทานยาจนหมดแผง
    • ลืมกินยาคุม 2 เม็ด ติดต่อกัน หากลืมกินยาคุมในช่วง 2 สัปดาห์แรก ให้กินยาวันละ 2 เม็ดใน 2 วันถัดไป จากนั้นก็ให้ทานยาตามปกติ แต่ถ้าลืมกินยาคุมในช่วงสัปดาห์ที่ 3 ให้หยุดทานยาคุมแผงนี้ไปเลย และ เริ่มทานแผงใหม่ในวันที่ลืมได้เลย
    • ลืมกินยาคุมมากว่า 2 เม็ด ติดต่อกัน หากเป็นในกรณีนี้ให้ทำการหยุดทานยาคุมแผงปัจจุบันไปก่อน แล้วให้รอจนกว่าประจำเดือนจะมา เมื่อประจำเดือนมาแล้วให้เริ่มกินยาคุมแผงใหม่ได้เลย

    หากลืมทานยาคุม ควรสวมถุงยางอนามัยขณะมีเพศสัมพันธ์ ใครที่เป็นคนขี้ลืมควรจะจดใส่ปฏิทิน หรือ ตั้งแจ้งเตือนในโทรศัพท์เอาไว้เลยจะได้ไม่ลืมทานยา ส่วนถ้าคุณเป็นคนที่มีปัญหาเหวี่ยงวีน ปวดตัว หิวง่าย ก่อนที่ประจำเดือนจะมาก็ให้เลือกยาคุมแบบ 24 + 4 เพราะสามารถช่วยเรื่องอาการ PMS ได้ ส่วนถ้าใครไม่ได้ป้องกันแล้วพลาด!!!

    >> อ่านบทความ รู้ก่อนใช้กับยาคุมฉุกเฉิน ได้ที่นี่ <<

     
    ไขปัญหาเรื่องสาวๆ กับ Sistalk

    เรื่องของสาวๆ ก็ต้องให้สาวๆ คุยกันสิคะ หากคุณเป็นหนึ่งในคนที่มีปัญหา มีข้อสงสัยไม่ว่าจะเรื่องของ สุขภาพ , การดูแลรูปร่าง , เรื่องลับๆ ของสาวๆ นอกจากนั้นยังมีเรื่องของความรัก และ เทรนด์อื่นๆ ไม่อยากพลาด ต้องเข้ามาอ่าน มาติดตามบทความที่เรา Sistalk ได้รวบรวมมาให้ รับรองได้ว่าคุณจะได้ทั้งประโยชน์ สาระความรู้ และ อัปเดตเทรนด์ก่อนใคร เพราะเราเข้าใจผู้หญิงดี!!!

    ใครไม่ Talk Sistalk นะคะซิส!!!

     
    สามารถติดต่อสอบถามข้อมูล Sistalk ตามช่องทางอื่นๆได้ที่
    Facebook : sistalk.in.th
    Instagram : sistalk.in.th
    Twitter : @SistalkTH
     
    ข้อมูลอ้างอิงการลืมกินยาคุมจาก
    • หนังสือคู่มือประกอบการฝึกปฏิบัติงานเภสัชกรรมชุมชน โดย เภสัชกรสมเฮง นรเศรษฐีกุล, 2560



    44


    ไม่อยากไอต้องลองสมุนไพรไทย และ ผลไม้แก้ไอ แต่สำหรับใครที่เบื่อวิธีแก้ไอแบบเดิมๆ วันนี้ Sistalk เลยได้รวบรวมสมุนไพรแก้ไอจากทั่วโลกมาให้คุณ ใครที่อยากหายจากอาการไอ เจ็บคอ ต้องห้ามพลาดบทความนี้เลย มาดูกันดีกว่าว่าจะมีสมุนไพรตัวไหนกันบ้างที่เรารวบรวมมาฝาก!!!
     
    การไอมีกี่แบบ?


    การไอถ้าแบ่งตาม ระยะเวลาที่เกิดการไอ จะสามารถแบ่งได้เป็น 2 แบบ ได้แก่

    • ไอแบบเฉียบพลัน การไอแบบนี้เป็นการไอที่เกิดขึ้นแบบทันทีทันใด  ระยะเวลาในการไอจะไม่นานมากนัก โดนจะมีอาการน้อยกว่า 3 สัปดาห์

    • ไอแบบเรื้อรัง เป็นการไอที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง และ มีระยะเวลาในการไอมากกว่า 3 สัปดาห์ขึ้นไป

    ประเภทของการไอหลักๆ จะมีด้วยกัน 2 รูปแบบ ดังต่อไปนี้

    • ไอแห้ง การไอแห้งเป็นการไอแบบที่ไม่มีเสมหะ ทำให้รู้สึกระคายเคืองคอ คอแห้ง เสียงแหบ และ กลืนน้ำลายได้ลำบาก
    • ไอมีเสมหะ เป็นการไอแบบที่จะมีเสมหะอยู่ภายในลำคอ เป็นการไอที่เกิดจากการติดเชื้อภายในลำคอ โดยที่ร่างกายจะทำการสร้างเสมหะขึ้นมาเพื่อดักจับสิ่งแปลกปลอม

    สมุนไพรแก้ไอมีกี่แบบ?

    สมุนไพรที่ใช้ในการแก้ไอมีด้วยกัน 2 ประเภทนั่นก็คือ

    • สมุนไพรแก้การคันคอ เป็นสมุนไพรที่ช่วยในการขับเสมหะ ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ลำคอ อีกทั้งยังช่วยลดการระคายเคืองอีกด้วย
    • สมุนไพรลดอาการเจ็บคอ จะช่วยในการลดการอักเสบ แก้เจ็บคอ ที่ทำให้ภายในคอเกิดการระคายเคืองขึ้น

    รวม สมุนไพรแก้ไอ ตัวเด็ดจากทั่วทุกมุมโลก

    1.คาโมมายล์


    คาโมมายล์เป็นสมุนไพรที่มีรูปร่างเป็นดอกไม้ มีสรรพคุณที่ช่วยในการลดการระคายเคืองในระบบทางเดินอาหาร ช่วยในการลดการไอ การเจ็บคอ อีกทั้งยังช่วยในการลดการอักเสบจากแบคทีเรีย การระคายเคืองต่างๆ
    วิธีในการทานคาโมมายล์ - คาโมมายล์ไม่นิยมกินสด แต่จะนิยมนำมาแปรรูปเป็นผง ใช้สำหรับชงเป็นชาดื่ม หรือ เป็นเม็ดแคปซูล

    2.ดอกอิชินาเซีย


    ดอกอิชินาเซียเป็นอีกหนึ่งสมุนไพรที่ช่วยเสริมภูมิคุ้มกัน ช่วยลดการเป็นหวัด และ การติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจจากแบคทีเรียต่างๆ ช่วยลดการอักเสบได้ดี บรรเทาอาการเจ็บคอ ระคายเคืองคอ
    วิธีในการทานดอกอิชินาเซีย - ส่วนใหญ่จะนิยมนำมาแปรรูปเป็นผงชาสำหรับดื่ม หรือ พวกยาแคปซูลต่างๆ

    3.เปปเปอร์มินท์ ออยล์


    เปปเปอร์มินท์มีประโยชน์อย่างมากในการฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ลดอาการไอ เจ็บคอได้ดี ทำให้รู้สึกชุ่มคอ อีกทั้งกลิ่นของเปปเปอร์มินท์ยังทำให้รู้สึกผ่อนคลาย
    วิธีในการทานเปปเปอร์มินท์ ออยล์ - สามารถทานได้ทั้งแบบสด และ แบบแห้ง โดยนำมาใส่อาหาร เครื่องดื่มก็ได้

    4.น้ำมันระกำ


    เป็นไม้พุ้มประเภทหนึ่งที่มีสารสกัด "เมทิลซาลิไซเลท"ที่จะช่วยในเรื่องของการฆ่าเชื้อ ลดการอักเสบ ช่วยฟื้นฟูร่างกาย อีกทั้งยังช่วยในการลดอาการปวดได้อีกด้วย
    วิธีในการทานน้ำมันระกำ - ส่วนใหญ่จะนำไปสกัดเพื่อเอาน้ำมัน ไม่นิยมทานส่วนอื่นๆ

    5.สมอไทย สมอพิเภก


    หลายคนอาจจะไม่คุ้นชื่อนี้มากนัก แต่สมอไทย และ สมอพิเภกเป็นอีกหนึ่งสมุนไพรที่อยู่ในตำรายา "พิกัดตรีผลา" ที่ช่วยในการแก้ไอ และ ขับเสมหะ มีวิตามิน แร่ธาตุหลากหลายเลยทำให้นิยมนำมาทานเพื่อบำรุงร่างกายอีกด้วย
    วิธีในการทานชะเอมเทศ - นิยมนำมาต้มผสมกับน้ำดื่ม อาจจะใส่เกลือเล็กน้อยเพื่อเพิ่มรสชาติ นอกจากนั้นก็สามารถทานผลอ่อนได้เช่นกัน หรือ จะนำมาบดเป็นผงต้มดื่มก็ได้

    6.มะขามป้อม


    มะขามป้อมเหมาะสำหรับคนที่ไอแห้ง ช่วยลดการระคายเคืองคอได้ดี ช่วยบำรุงเสียงด้วย ใครที่เสียงแหบ เสียงหายทานแล้วจะรู้สึกชุ่มคอขึ้น  แถมยังช่วยในการขับเสมหะ ใครที่ไอมีเสมหะก็สามารถทานได้เหมือนกัน
    วิธีในการทานมะขามป้อม - สามารถทานแบบสดได้ โดยอาจจะจิ้มกับเกลือทาน หรือ สามารถนำไปคั้นดื่มได้ หรือ จะทานเป็นแบบแปรรูปเป็นยาน้ำ ยาแคปซูลก็ได้

    7.น้ำมันก้านพลู


    น้ำมันก้านพลูเป็นหนึ่งในน้ำมันหอมระเหยที่สกัดจากต้นกานพลู ซึ่งสกัดได้จากทั้งดอก ใบ และ เปลือกของต้นไม้ ซึ่งมีคุณสมบัติที่หลากหลาย ช่วยในการแก้ไอได้ดี และ ยังฆ่าเชื้อได้อีกด้วย
    วิธีในการทานน้ำมันก้านพลู - นิยมนำทั้งส่วนดอก ใบ และ เปลือกมาสกัดเพื่อเอาน้ำมันมาใช้
     
     
    ตัวช่วยสำหรับคนที่มีอาการไอ ระคายเคืองคอ


    ขอแนะนำ BIOFresh mouth spray สเปรย์พ่นคอ ที่มีส่วนผสมขอสารสกัดจากธรรมชาติ ช่วยในการลดการอักเสบ ไอ เจ็บคอ และ ระคายเคืองคอ ด้วยสารสกัดจากดอกคาโมมายล์ และ ส่วนผสมจากน้ำมันหอมระเหยรวม 11 ชนิด นอกจากนั้นยังมีสารสกัดจากดอกอิชินาเซีย ที่จะช่วยเสริมภูมิคุ้มกันให้กับคุณ ทำให้ป้องกันหวัดที่เป็นสาเหตุของอาการไอ สามารถใช้ได้ง่ายแค่ฉีดพ่นเวลาที่ไอ หรือ ระคายเคืองคอ วันละ 3 ครั้ง  ครั้งละ 2 - 3 สเปรย์ แถมยังสามารถพกพาได้ง่าย ไอเมื่อไหร่ก็แค่หยิบขึ้นมาใช้ ส่วนใครที่ไอบ่อยก็พกติดกระเป๋าไว้เลยค่ะ อย่าปล่อยให้การไอมาขัดจังหวะชีวิต ลองเลยแล้วคุณจะรัก!!!
     
     
    สามารถติดต่อสอบถามข้อมูล Sistalk ตามช่องทางอื่นๆได้ที่
    Facebook : sistalk.in.th
    Instagram : sistalk.in.th
    Twitter : @SistalkTH


    45


    ปัญหาผื่นขึ้นหน้าหนึ่งในปัญหาผิวที่เราสามารถเป็นได้ง่าย เนื่องจากสภาพอากาศ รวมทั้งมลภาวะในปัจจุบันที่เราจะต้องเจอแบบหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทำให้ใบหน้าของเราเกิดการระคายเคือง เป็นผื่นแดง ผื่นคัน พอปล่อยไปเพราะนึกว่าจะหายเองก็กลับลุกลามขึ้นอีก ใครที่กำลังเจอกับปัญหาผื่นกวนใจ ResiSKIN จะมาบอกแนวทางการจัดการ และ รับมือกับปัญหาผื่นขึ้นหน้าที่จะช่วยให้ผิวของคุณกับมาดูดี และ สตรอง
     
    หน้าเป็นผื่น เกิดจากอะไร?

    เกิดจากการระคายเคืองของผิวหนัง ทำให้ผิวบริเวณนั้นเกิดรอยแดง มีอาการบวมเกิดขึ้น อาจจะคัน หรือ ไม่คันก็ได้ ใครที่มีผื่นมานานแล้ว ผื่นจะค่อนข้างหนา แข็ง และ ลอกเป็นขุยได้ง่าย รวมทั้งอาจจะเกิดตุ่มใสเม็ดเล็กๆ คล้ายกับผดเป็นปื้นๆ ผื่นแดงจะพบมากได้ที่ใบหน้า เพราะเป็นบริเวณที่เกิดการสัมผัสได้ง่าย และ ผิวค่อนข้างอ่อนโยน

    อะไรคือสาเหตุที่ทำให้หน้าเป็นผื่น

    • ผื่นจากสิ่งแวดล้อม มลภาวะทางอากาศ อย่าง ฝุ่นละออง ควัน เกสรดอกไม้ ขนสัตว์ อาจจะเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดผื่นได้ง่าย รวมไปถึงสภาพอากาศที่ไม่เป็นใจ
    • ผื่นจากการสัมผัส เกิดจากการที่เราเอามือไปสัมผัสใบหน้า ทั้งการจับ การลูบ รวมไปถึงการแต่งหน้า การเอาเครื่องสำอาง หรือ ที่แต่งหน้าไปสัมผัสใบหน้า
    • ผื่นจากเชื้อโรคต่างๆ บางครั้งผิวของเราอาจเกิดการติดเชื้อได้ ไม่ว่าจะเป็น เชื้อรา แบคทีเรีย ยิ่งคนที่มีผิวหนังอักเสบอยู่แล้วอาจทำให้เกิดผื่นได้ง่าย

    วิธีการป้องกัน และ ฟื้นฟูผิวให้กลับมาดูดี

    การหยุดใช้ครีม เครื่องสำอาง หรือ ผลิตภัณฑ์ที่ก่อให้เกิดการแพ้ทันที


    หากใช้ผลิตภัณฑ์เหล่านี้แล้วเกิดอาการแพ้ ผื่นขึ้นควรรีบหยุดใช้ทันที ก่อนจะใช้งานให้ตรวจผลิตภัณฑ์เสียก่อนว่ามีส่วนผสมของสารที่ก่อให้เกิดการระคายเคือง โดยทำการสังเกตที่ฉลากผลิตภัณฑ์ หากใครที่อยากรู้ว่าพาราเบน คืออะไร อันตรายอย่างไร สามารถไปอ่านบทความได้ที่ลิ้งค์ด้านล่างเลย


    หลีกเลี่ยงการสัมผัสบริเวณใบหน้า


    ใครที่ชอบไปลูบหน้า แกะ เกา บริเวณผื่น ยิ่งใครที่เป็นผื่นคันยิ่งต้องระวัง รวมถึงการพอกหน้า สครับหน้า เพราะอาจทำให้เกิดการอักเสบขึ้นทางที่ดีควรทำการพักหน้า หากเว้นการแต่งหน้าได้ก็จะดีมาก
     
    เลือกผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยน และ ช่วยลดผื่นที่ใบหน้า


    เลือกผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีสารระคายเคือง อ่อนโยนต่อผิว ไม่หนักหน้า เพราะใครที่เป็นผื่นหากยิ่งใช้ผลิตภัณฑ์ที่หนักๆ อาจยิ่งทำให้ผื่นลุกลามได้ ควรใช้ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในการเสริมเกราะป้องกันผิวจากมลภาวะต่างๆ อย่างผลิตภัณฑ์ของ ResiSKIN ครีมเวชสำอางที่ช่วยจบปัญหาผิวแห้ง แดง ผื่น คัน พร้อมทั้งเสริมความแข็งแรงให้ผิวจากภายใน ให้ผิวนุ่ม ชุ่มชื้น สตรองได้ทุกสถานการณ์ ด้วย 4 คุณสมบัติ ที่ทำให้ คุณต้องลืมไปเลยว่าเคยมีปัญหาผิว

    • มีส่วนผสมของ Extremolytes 7% สารสกัดลิขสิทธิ์เฉพาะจากประเทศเยอรมัน ช่วยจบปัญหาผิวแห้ง แดง ผื่น คัน
    • ช่วยสร้างเกราะความชุ่มชื้นให้ผิว ปกป้องผิวจากมลภาวะที่ไม่เป็นมิตรต่อผิว
    • ผิวแข็งแรงและชุ่มชื้นขึ้นอย่างสังเกตเห็นได้ ภายใน 7 วัน
    • ปราศจากสารสเตียรอยด์ น้ำหอม และสารกันเสีย สามารถใช้ต่อเนื่องในระบะยาว หมดกังวลสำหรับคนผิวแพ้ง่าย

    หลีกเลี่ยงสิ่งที่ทำให้ระคายเคือง กระตุ้นให้เกิดผื่น รวมถึงการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสม ช่วยในการดูแลผิวให้กลับมาดูดี และ สตรองอีกครั้งอย่างผลิตภัณฑ์ของ ResiSKIN ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับปัญหาหน้าเป็นผื่น เมื่อใช้งานอย่างต่อเนื่องก็จะช่วยในการแก้ปัญหาผื่นที่หน้า ต่อไปก็มั่นใจได้ไม่ต้องกลัวปัญหาผื่นอีกต่อไป!!!
     
    ลอง ResiSKIN ดูสิแล้วปัญหาผื่นขึ้นหน้าจะมากวนใจคุณอีก!!!

     
     
    ใครที่สนใจสั่งซื้อ ResiSKIN สามารถกดที่ link ด้านล่างนี้ได้เลย
    Facebook : ResiSKIN รีซิสกิน
    Line : @resiskin
    Shopee : ResiSKIN by QUALISK
    Lazada : Qualimed



    46


    ใครไอยกมือขึ้น!!! เพราะการแพร่ระบาดของ Covid - 19 ที่กำลังมาแรงแซงโค้งในช่วงนี้ ไอแห้งเป็นหนึ่งในอาการของโรคโควิด จะใช่โควิดหรือไม่ หรือ เป็นอาการของโรคอะไร Sistalk จะมาบอกสาเหตุ และ วิธีการดูแลตัวเองจากการไอแห้ง ที่จะช่วยให้สุขภาพของคุณดีขึ้น อย่ามองข้ามเพราะเห็นว่าแค่ไอ เพราะการไออาจทำร้ายคุณได้กว่าที่คิด!!!
     

    ไอแห้ง คือ อะไรกันแน่?

    การไอแห้งจะเป็นการไอแบบที่ไม่มีเสมหะ เหมือนการไอปกติ เป็นการไอที่เกิดจากการระคายเคืองภายในคอ หรือ อาจจะมาจากการติดเชื้อ บางคนก็อาจจะมีการคันคอ กลืนน้ำลายลำบาก หรือ เสียงแหบร่วมด้วย จะเห็นได้ว่าไอแห้งค่อนข้างแตกต่างจากการไอแบบทั่วไปที่มีเสมหะในลำคอ


    สาเหตุที่ทำให้เราไอแห้ง?

    การไอแห้งมักจะมาจากการที่มี สิ่งระคายเคืองเข้าสู่ลำคอ ทำให้ระบบทางเดินหายใจต้องตอบสนองต่อสิ่งระคายเคืองเหล่านั้นด้วยกันไอแห้งๆ ออกมา นอกจากนั้นแล้วก็ยังมีสาเหตุอื่นๆ ที่ทำให้เราไอแห้งด้วยหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็น

    ภูมิแพ้


    อาการภูมิแพ้เป็นอาการที่มากระตุ้นทำให้ร่างกายมีการตอบสนองต่อสิ่งนั้น เช่น น้ำมูกไหล น้ำตาไหล คัน และ การไอแห้ง การคันคอ อาการแพ้จะยิ่งรุนแรงขึ้นในช่วงกลางคืน เพราะความชื้นในอากาศสูงเลยทำให้อาการแพ้รุนแรงมากยิ่งขึ้น
    เกี่ยวข้องกับโรคอะไรได้บ้าง - โรคภูมิแพ้อากาศ โรคหวัด

    ไข้หวัด


    หวัดมักจะเกิดจากการติดเชื้อ การอักเสบภายในลำคอ จนทำให้เกิดการไอแห้ง และ การไอแบบมีเสมหะ อีกทั้งยังอาจทำให้มีไข้ได้ หวัดจะหายเองภายในประมาณ 1 - 2 สัปดาห์ บางรายก็อาจจะมีอาการระคายเคืองคอร่วมด้วยได้ ถือว่าเป็นโรคที่ทำให้เกิดการไอได้บ่อยครั้ง
    เกี่ยวข้องกับโรคอะไรได้บ้าง - การติดเชื้อต่างๆ โรคหลอดลมอักเสบ และ โรคโควิด - 19

    หอบหืด


    รู้หรือไม่ว่าภูมิแพ้เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดอาการหอบหืด โรคหอบหืดเกิดจากความผิดปกติจากการติดเชื้อภายในทางเดินหายใจ เป็นผลทำให้กล้ามเนื้อบริเวณหลอดลมหดตัวลงกว่าปกติ เป็นผลทำให้เราหายใจไม่สะดวก หายใจเหนื่อยหอบ หายใจมีเสียงหวีด แน่นหน้าอก และ ไอแห้งได้
    เกี่ยวข้องกับโรคอะไรได้บ้าง - โรคทางเดินหายใจ ไอเรื้อรัง

    กรดไหลย้อน


    เกิดจากการที่เกิดจากอาหารไม่ย่อย การระคายเคืองของระบบทางเดินอาหาร แบคทีเรีย รวมทั้งพฤติกรรมการทานอาหาร ทำให้น้ำย่อยไหลย้อนกลับ เป็นผลทำให้เกิดอาการแสบร้อนกลางอก จุกเสียด แน่นหน้าอกได้ และ มักจะไอบ่อยๆ ในช่วงกลางคืนเป็นพิเศษ
    เกี่ยวข้องกับโรคอะไรได้บ้าง - ไอเรื้อรัง อาการทางช่องปาก (ฟันผุ มีกลิ่นปาก)

    Covid - 19


    การไอแห้งเป็นหนึ่งในอาการของโรคโควิด ที่เป็นโรคติดต่อที่เกิดจากเชื้อไวรัสโคโรนา การไอจะพบได้บ่อยในผู้ที่ป่วย แต่นอกจากอาการนี้แล้วก็อาจจะมีอาการอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น มีไข้สูงติดต่อกันนานกว่า 48 ชั่วโมง เหนื่อยหอบ ปวดหัว แน่นหน้าอก จมูกไม่ได้กลิ่น และ ลิ้นไม่รับรส
    เกี่ยวข้องกับโรคอะไรได้บ้าง - Covid - 19

     
    วิธีในการดูแลตัวเองไม่ให้ไอแห้ง


    • พักผ่อนให้เพียงพอ

    • ดื่มน้ำเพื่อลดการระคายเคือง
    • ล้างคอด้วยน้ำเกลือ
    • ใช้ยา ลูกอม หรือ สเปรย์พ่นคอ ที่ช่วยบรรเทาอาการเจ็บคอ ไอแห้ง หรือ ระคายเคืองคอ แนะนำผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมจากธรรมชาติจะปลอดภัย และ ใช้ได้นานกว่า แต่ถ้าใครไม่ชอบทานยา หรือ ใช้ยาอม เราแนะนำให้ใช้เป็นสเปรย์พ่นแก้เจ็บคอแทน เพราะใช้ง่าย แถมพกพาสะดวก ทำให้ชุ่มคอได้ยาวนาน


    BIOFresh mouth spray สเปรย์พ่นคอ ที่มีส่วนผสมขอสารสกัดจากธรรมชาติรวม 11 ชนิด ที่ช่วยลดอาการอักเสบ ไอ เจ็บคอ และ ระคายเคืองคอได้ นอกจากสารสกัดจากดอกคาโมมายล์แล้วยังมีส่วนผสมของน้ำมันหอมระเหยมากกว่า 7 ชนิด ช่วยในการลดการระคายคอจากแบคทีเรีย การอักเสบ แก้ไอ เจ็บคอ ฆ่าเชื้อโรคในช่องปาก แถมยังช่วยในการลดกลิ่นปากที่ไม่พึงประสงค์จากการใส่แมสก์ได้อีกด้วยนะคะสาวๆ ความพิเศษของสูตรนี้ก็คือ มีสารสกัดจากดอกอิชินาเซีย ที่ช่วยในการเพิ่มภูมิคุ้มกัน ป้องกันหวัดที่จะเป็นสาเหตุทำให้ไอแห้ง แถมยังปราศจากน้ำตาล ไม่ทำให้ฟันผุ รสชาติดีไม่เหมือนใคร ทำให้ใช้ได้กับทุกเพศทุกวัยอีกตั้งหาก เพียงแค่ฉีดพ่นเวลาที่รู้สึกระคายคอวันละ 3 ครั้ง  ครั้งละ 2 - 3 สเปรย์ ก็จะช่วยลดอาการไอให้หายเป็นปลิดทิ้งแล้ว ใช้ได้บ่อยเท่าที่ต้องการ และ ใช้ได้นานเลยค่ะ เพราะเขาเป็นสารสกัดจากธรรมชาติ ใครที่ไม่อยากไอลองใช้ดูนะคะ แล้วจะติดใจ!!!
     

    ไม่อยากมองข้ามเรื่องสุขภาพ ติดตาม Sistalk เลย!!!

    เรื่องของสาวๆ ก็ต้องให้สาวๆ คุยกันสิคะ หากคุณเป็นหนึ่งในคนที่มีปัญหา มีข้อสงสัยไม่ว่าจะเรื่องของ สุขภาพ , การดูแลรูปร่าง , เรื่องลับๆ ของสาวๆ นอกจากนั้นยังมีเรื่องของความรัก และ เทรนด์อื่นๆ ไม่อยากพลาด ต้องเข้ามาอ่าน มาติดตามบทความที่เรา Sistalk ได้รวบรวมมาให้ รับรองได้ว่าคุณจะได้ทั้งประโยชน์ สาระความรู้ และ อัปเดตเทรนด์ก่อนใคร เพราะเราเข้าใจผู้หญิงดี!!!

    ใครไม่ Talk Sistalk นะคะซิส!!!!


    สามารถติดต่อสอบถามข้อมูล Sistalk ตามช่องทางอื่นๆได้ที่
    Facebook : sistalk.in.th
    Instagram : sistalk.in.th
    Twitter : @SistalkTH


    47


    ทำไมเราถึงมีปัญหาผิว ทำไมผิวของเราถึงแห้งเสียไม่สวย? ทาครีมก็แล้ว บำรุงก็แล้ว แต่ทำไมปัญหาผิวยังมากวนใจไม่หายไปสักที จริงๆ แล้วผิวของทุกคนมีโครงสร้างที่เหมือนกันทั้งชั้นผิว และ ไขมันในชั้นผิวรวมถึง Skin barrier คือ ส่วนสำคัญของผิวที่ช่วยในการป้องกันผิว ที่เราทุกคนมีเหมือนกัน แต่แตกต่างกันที่ความแข็งแรง ใครที่อยากมีผิวสุขภาพดีไม่ควรพลาดบทความนี้เลย!!!
     
    ทำความรู้จัก Skin barrier คือ อะไร?

    Skin barrier หรือ เกราะป้องกันผิว เป็นส่วนที่ใช้ในการปกป้องเซลล์ผิวที่ช่วยในการป้องกันสิ่งแปลกปลอมที่จะเข้าสู่ร่างกาย เป็นชั้นของที่ผิวหนังสร้างขึ้นมาจากไขมัน และ มอยส์เจอร์ไรเซอร์ในชั้นผิว ทำหน้าที่เหมือนตัวยึดให้ชั้นผิวแข็งแรง และ เพื่อล็อคความชุ่มชื้นในชั้นผิวไม่ให้หายไป หากว่าไม่มีเกราะป้องกันผิว หรือ เกราะป้องกันผิวอ่อนแอก็จะทำให้เกิดช่องว่างจนสิ่งสกปรกเข้าสู่ผิว ทำให้เกิดปัญหาผิวตามมาหลายๆ อย่าง
     
    Skin barrier อยู่ตรงไหนของผิว?


    เกราะป้องกันผิว หรือ Skin barrier จะอยู่ในส่วนของผิวชั้นนอกสุด (stratum corneum) ประกอบไปด้วยเซลล์ที่เรียงตัวกันเป็นชั้นๆ แบบ bricks and mortar  และ ในแต่ละชั้นจะมีไขมันทำหน้าที่ในการเชื่อมเซลล์ต่างๆ เข้าด้วยกัน โดยจะมีไขมันที่อยู่ในชั้นบนสุดของผิวนั่นก็คือ Skin Barrier นั่นเอง

    เกราะป้องกันผิวสำคัญอย่างไร?


    • เป็นเสมือนด่านคัดกรองสิ่งสกปรก และ สารต่างๆ ที่จะเข้ามาในชั้นผิว กำจัดสิ่งแปลกปลอมบนผิว เนื่องจากความเป็นกรดอ่อนๆ ของชั้นผิวเลยทำให้พวกสิ่งแปลกปลอมต่างๆ อยู่บนผิวไม่ได้
    • ช่วยในการกักเก็บความชุ่มชื้นในผิว ทำให้ผิวอิ่มน้ำ ไม่แห้งขาดน้ำ และ ทำให้ผิวแข็งแรงไม่แพ้ง่าย

    ถ้าเกิด Skin barrier อ่อนแอจะเป็นอย่างไร?


    ถ้าหากเกราะป้องกันผิวอ่อนแอจะทำให้ผิวไม่เต่งตึง และ อาจเกิดริ้วรอยได้ง่าย ยิ่งถ้าเกราะป้องกันมีรอยรั่วก็จะทำให้ผิวเกิดการระคายเคืองได้ง่าย แพ้ได้ง่าย ผิวแห้ง และ มันจนเกินไป อีกทั้งยังอาจทำให้เกิดปัญหาผิวเรื้อรังไม่หายได้อีกด้วย ส่วนสาเหตุที่ทำให้ Skin barrier อ่อนแอลง นั่นก็คือ

    • อายุที่เพิ่มมากขึ้น
    • สภาพอากาศที่ทำให้เกิดการสูญเสียน้ำในผิว
    • การล้างหน้า
    • การขาดความชุ่มชื้นจากการดื่มน้ำน้อยเกินไป
    • การละเลยการทาครีมกันแดด

     
    วิธีในการดูแลผิวให้แข็งแรง!!!


    การดูแลตัวเองเป็นสิ่งสำคัญ ต้องพักผ่อนให้เพียงพอ หมั่นเติมความชุ่มชื้นให้แก่ผิว และ ต้องเติมความชุ่มชื้นให้ผิวด้วยสกินแคร์อย่างผลิตภัณฑ์อย่าง ResiSKIN ครีมเวชสำอางที่ช่วยจบปัญหาผิวแห้ง แดง ผื่น คัน พร้อมทั้งเสริมความแข็งแรงให้ผิวจากภายใน ให้ผิวนุ่ม ชุ่มชื้น สตรองได้ทุกสถานการณ์ ด้วย 4 คุณสมบัติ ที่ทำให้ คุณต้องลืมไปเลยว่าเคยมีปัญหาผิว

    • มีส่วนผสมของ Extremolytes 7% สารสกัดลิขสิทธิ์เฉพาะจากประเทศเยอรมัน ช่วยจบปัญหาผิวแห้ง แดง ผื่น คัน
    • ช่วยสร้างเกราะความชุ่มชื้นให้ผิว ปกป้องผิวจากมลภาวะที่ไม่เป็นมิตรต่อผิว
    • ผิวแข็งแรงและชุ่มชื้นขึ้นอย่างสังเกตเห็นได้ ภายใน 7 วัน
    • ปราศจากสารสเตียรอยด์ น้ำหอม และสารกันเสีย สามารถใช้ต่อเนื่องในระยะยาว หมดกังวลสำหรับคนผิวแพ้ง่าย

    นอกจากนั้นยังพยายามเลี่ยงการโดนแสงแดดแรงๆ การอยู่สภาพอากาศที่หนาวเย็น แห้ง หรือ ปัจจัยที่ส่งผลทำให้ผิวของเราอ่อนแอลง นอกจากการดูแลตัวเองจากการใช้ชีวิตประจำวันแล้ว ต้องอย่าลืมเติมความชุ่มชื้นให้แก่ผิวด้วยผลิตภัณฑ์ที่ให้ความชุ่มชื้นยาวนานอย่าง ResiSKIN ที่ช่วยบำรุงให้ Skin barrier ของเราแข็งแรงจะอากาศแบบไหน มลภาวะอย่างไรก็ไม่มีหวั่น อีกทั้งยังช่วยเอาชนะทุกปัญหาผิว อักเสบ แพ้ แห้ง แดง ผื่นคัน ลองใช้ ResiSKIN ดูสิคะแล้วผิวของคุณจะมีสุขภาพดีขึ้น ลองเลย!!!
     
    >>บทความ ผิวแข็งแรง คืออะไร? ได้ที่นี่<<

     
    อยากมีผิวที่ดูดีและสตรองลอง ResiSKIN ดูสิแล้วคุณจะหลงรักผิวตัวเอง

     
     
    ใครที่สนใจสั่งซื้อ ResiSKIN สามารถกดที่ link ด้านล่างนี้ได้เลย
    Facebook : ResiSKIN รีซิสกิน
    Line : @resiskin
    Shopee : ResiSKIN by QUALISK
    Lazada : Qualimed


    48


    สำหรับใครที่มีการซื้อบ้าน หรือ สร้างบ้านจนเสร็จเรียบร้อยแล้ว อย่าพึ่งรีบหากคุณยังไม่ได้ทำการ ตรวจบ้านก่อนโอน หากเราทำการโอนบ้านแล้ว ทางโครงการที่ก่อสร้างจะถือว่าคุณได้ทำการตรวจสอบบ้านแล้ว และ ยืนยันการรับบ้านเรียบร้อย หากจะมาแก้ไข ปรับปรุงจุดต่างๆ ทีหลังอาจจะทำการแก้ไขได้ยาก แล้วเราสามารถทำการตรวจเช็กบ้านก่อนโอนด้วยตัวเองได้ V.K.B เลยจะมาบอกเช็กลิสต์ในการตรวจบ้านก่อนโอนให้กับคุณ ที่คุณสามารถทำเองได้ง่ายๆ จะมีอะไรบ้างต้องไปอ่านในบทความเลย!!!
     
    ก่อนโอนบ้านต้องเตรียมอะไรบ้าง?

    ก่อนที่เราจะทำการโอนบ้าน จะต้องเตรียมเอกสารในการโอน จากนั้นก็ให้นัดหมายโครงการเพื่อที่จะเข้าไปตรวจสอบบ้าน โดยให้เราลิสต์รายการต่างๆ ที่ต้องตรวจเช็ค เพื่อให้ง่ายต่อการตรวจดู และ เพื่อไม่ให้พลาดจุดสำคัญต่างๆ

    • โฉนดที่ดิน ฉบับจริง
    • สำเนาบัตรประชาชน
    • สำเนาทะเบียนบ้าน
    • หนังสือมอบอำนาจ (ทด.21)


    เช็คลิสต์ ตรวจบ้านก่อนโอน ตรงไหนต้องเช็คบ้าง?

    1.โครงสร้างบ้าน


    • เสา และ คาน ต้องไม่มีการแตกหัก โค้ง แอ่น
    • โครงสร้างหลังคา ต้องมีความแข็งแรง ไม่มีรอยแตก รวมทั้งต้องมีการเคลือบเพื่อกันสนิม
    • ฝ้าเพดาน ต้องไม่มีรอยผุ รอยแตก และ มีการลงน้ำยากันปลวก
    • เสาวงกบประตู และ หน้าต่าง ต้องไม่มีรอยแตก
    • พื้นบ้าน ต้องดูว่าพื้นมีความเรียบเสมอกัน ไม่มีรอยแตก รอยร้าว

    2.หลังคาบ้าน


    • กระเบื้องมุงหลังคา ต้องดูว่ามุงดีหรือไม่ ไม่มีรอยแตก และ สีเรียบเสมอกัน
    • ชายคาบ้าน ดูรอยต่อต่างๆ รวมทั้งดูว่ามีการแตก หรือ รอยรั่วหรือไม่
    • ฝ้าเพดานใต้ชายคา ดูว่ามีรอยรั่ว และ ทาสีทั่วกันหรือไม่ รวมถึงต้องเช็คช่องระบายอากาศด้วย

    Tip : แนะนำให้เข้าไปตรวจสอบอาคารในวันที่ฝนตก เพื่อดูว่ามีน้ำรั่วหยดลงมาหรือไม่

    3.ฝ้าเพดาน และ พื้นบ้าน


    • ฝ้าเพดาน ต้องดูว่าภายในห้องฝ้ามีระดับเท่ากันทุกแผ่นหรือไม่ ไม่มีรอยแตกหัก เรียบเสมอกันทั่วทุกแผ่น
    • พื้นในบ้าน จะต้องดูว่าพื้นเรียบเสมอกันหรือไม่ ไม่มีส่วนที่นูน หรือ ยุบตัว
    • พื้นนอกบ้าน ต้องไม่มีรอยแตก พื้นเรียบเสมอกัน หากเป็นพื้นที่เปียกน้ำ
    • บันไดบ้าน พื้นบันไดทุกขั้นเรียบเสมอกัน เวลาที่เดินขึ้นเดินลงต้องไม่มีเสียง และ ราวกันตกต้องมีความแข็งแรง

    4.ผนังบ้าน และ ช่องเปิดต่างๆ


    • ผิวของผนังบ้าน มีความเรียบเนียนเสมอกัน สีที่ทาเท่ากันทุกด้าน ไม่มีจุดด่าง หรือ รอยแตก
    • ผนังนอกบ้าน ต้องไม่มีรอยแตก รอยร้าว สีต้องเรียบเสมอกัน และ ไม่บวมเมื่อโดนน้ำ
    • ช่องเปิด กลอน และ ลูกบิดต่างๆ ต้องวางได้แนวระดับ ส่วนที่เป็นกระจกต้องไม่มีรอยแตก รอยขีดข่วน และ ขอบกระจกกับวงกบต้องเชื่อมกันสนิท

    5.ระบบต่างๆ ภายในบ้าน


    • ระบบไฟฟ้า  ต้องดูให้ทั่วทุกจุดหลักๆ ต้องดูว่าสวิตซ์สามารถเปิดปิดได้ปกติ , บริเวณปลั๊กไฟต้องมีฝาครอบทุกจุด , การเดินสายไฟต้องไม่เกะกะ ดูมีระเบียบ มีการติดตั้งสายดินเรียบร้อยเพื่อป้องกันไฟรั่ว รวมทั้งควรจะทำการทดสอบอุปกรณ์ไฟฟ้าต่างๆ ว่าสามารถใช้งานได้หมดทุกจุดหรือไม่
    • ระบบน้ำ และ สุขาภิบาล ต้องดูว่าน้ำไหลปกติหรือไม่  ในส่วนที่เป็นก๊อกน้ำ และ อุปกรณ์สุขภัณฑ์ เช่น โถส้วม สายฉีด อ่างล้างหน้า ให้เปิดน้ำเช็คเลยว่าบริเวณท่อน้ำมีรอยรั่วหรือไม่ รวมทั้งจุดระบายน้ำ และ ดูว่ามิเตอร์น้ำยังอยู่หมุนหรือไม่เมื่อทำการปิดมิเตอร์ทั้งหมดแล้ว

    >> ส่วนใครที่อยากได้บ้านดี ไม่มีปัญหา VKB เป็นบริษัทรับเหมาก่อสร้างที่เปิดให้บริการมายาวนานกว่า 30 ปี พร้อมทีมงานมืออาชีพ ที่พร้อมจะสร้างบ้านให้คุณอย่างมีมาตรฐาน รวมทั้งยังมีบริการออกแบบ และ ให้คำปรึกษาสำหรับคนที่ต้องการมีบ้าน เพราะเราใส่ใจทุกรายละเอียด และ อยากให้คุณได้สิ่งที่ดีที่สุด เลือกจะสร้างบ้าน เลือก VKB!!!  <<

     
    บ้านที่ดีสร้างได้ที่ V.K.B contracting

    ผู้ประกอบการที่ต้องการจัดสร้างบ้าน โกดัง หรือ โรงงาน บริษัท V.K.B contracting ของเราเป็นบริษัทรับเหมาก่อสร้างที่ให้บริการออกแบบ และ ก่อสร้าง รวมถึงให้คำแนะนำ บริหารโครงการ ที่ให้บริการมายาวนานกว่า 30 ปี ด้วยทีมที่เชี่ยวชาญ และ มีประสบการณ์ ทำให้คุณมั่นใจได้เลยว่างานที่ออกมาจะเป็นไปอย่างที่คุณต้องการ และ มีคุณภาพ

    • งานก่อสร้าง รับเหมาก่อสร้างด้วยทีมงาน บุคลากร และ Outsourch คุณภาพที่พร้อมบริการอย่างเต็มที่
    • งานออกแบบ มีผู้เชี่ยวชาญที่มากประสบการณ์ รวมทั้งนักออกแบบรุ่นใหม่ ที่พร้อมออกแบบเพื่อให้ตอบโจทย์ตามสไตล์ของคุณ
    • ให้คำปรึกษา และ บริหารโครงการ นอกจากการก่อสร้างแล้ว เรายังให้คำแนะนำ ปรึกษา และ ช่วยเหลือปัญหาที่เกิดจากการก่อสร้างทุกรูปแบบ

    บริการอย่างเต็มที่ และ เต็มเปี่ยมไปด้วยคุณภาพ

    สามารถสอบถาม V.K.B และ ดูข้อมูลเพิ่มเติมช่องทางอื่นๆ
    Facebook : VKB Contracting
    Line : @vkbth
    Tel : 02-377-6591 , 02-735-1636 , 02-735-1637
    Email : vkb.cont@gmail.com


    49


    เฟอร์นิเจอร์ไม้ เป็นเฟอร์นิเจอร์ที่คนรักการตกแต่งบ้านนิยมนำมาใช้งาน เนื่องจากส่วนใหญ่บ้านในปัจจุบันจะนิยมตกแต่งแนวมินิมอล แนวโมเดิร์น ที่เน้นการตกแต่งด้วยอิฐ และ ปูน จนทำบ้านขาดความเป็นธรรมชาติ เพื่อให้บ้านดูสบายขึ้นมาด้วยการนำเอาเฟอร์นิเจอร์ไม้อย่าง เฟอร์นิเจอร์ไม้เบญจพรรณ นำเอามาตกแต่งบ้านเพื่อเพิ่มกิมมิคให้กับตัวบ้าน แล้วจะเอาไปตกแต่งมุมไหนดี หรือ จะนำเอาไปทำเฟอร์นิเจอร์อะไรดี ใครที่เป็นสายรักเฟอร์นิเจอร์ไม้ไม่ควรพลาด!!!
     
    ไม้เบญจพรรณ คือไม้แบบไหน?

    ไม้เบญจพรรณเป็นไม้ที่ถือได้ว่ามีความแข็งแรง ทนทานสูง สีจะออกโทนขาว แดงอมชมพู เมื่อนำมาทำเฟอร์นิเจอร์ไม้ก็จะให้ความรู้สึกที่ค่อนข้างมีความเป็นธรรมชาติ มีหลายโทนสีเนื่องจากไม้เบญจพรรณเป็นไม้ที่เป็นการรวมเอาไม้เนื้อแข็ง และ เนื้ออ่อนมารวมกันเลยทำให้สีสันของไม้เบญจพรรณแตกต่างจากไม้ปกติ
     

    รวมไอเดียแต่งบ้านด้วย เฟอร์นิเจอร์ไม้เบญจพรรณ?

    ห้องรับแขก


    ห้องรับแขก หรือ ห้องนั่งเล่น นับว่าเป็นห้องที่เป็นใจกลางของบ้าน หลายคนเลือกนำเฟอร์นิเจอร์ไม้มาตกแต่ง และ จัดวางในห้องนี้ การตกแต่งด้วยโต๊ะสีน้ำตาลที่ทำจากไม้เบญจพรรณสักตัว จะช่วยให้ห้องดูโดดเด่นมากขึ้น อาจจะเพิ่มเฟอร์นิเจอร์ไม้เบญจพรรณในส่วนอื่นๆ ด้วย เช่น โต๊ะวางTV โซฟารับแขก แต่เพื่อไม่ให้ห้องดูเป็นไม้จนเกินไปอาจจะหาผ้าสวยๆ มาปูรอง

    • โต๊ะรับแขก
    • โซฟารับแขก
    • ชั้นวางของ

    ห้องครัว


    นำเอาไม้เบญจพรรณมาทำโซนทานอาหาร ทั้งบาร์สำหรับวางของ โต๊ะวางของ ชั้นลอยต่างๆ เนื่องจากไม้มีน้ำหนักไม่หนักจนเกินไปทำให้สามารถนำไปทำชั้นลอย เพื่อเพิ่มพื้นที่การใช้งานให้กับห้องครัวได้ ใครที่เบื่อรูปทรงโต๊ะเหลี่ยมก็อาจจะทำเป็นโต๊ะทรงกลม เป็นการเปลี่ยนรูปลักษณ์ของเฟอร์นิเจอร์เพื่อทำให้ความรู้สึกของห้องดูเปลี่ยนไป

    • โต๊ะทานข้าว
    • บาร์วางของ
    • ชั้นลอย ชั้นวางของ
    • ชั้นวางแก้ว ที่แขวนแก้ว และ อุปกรณ์ทำครัวต่างๆ

    ห้องทำงาน


    การจัดห้องทำงานให้ดูสบายตาก็นับว่าเป็นอะไร ที่ช่วยทำให้จุดประกายความคิด และ มีไฟในการทำงาน สามารถเพิ่มความมีระเบียบให้แก่ห้องทำงาน ด้วยโต๊ะทำงานไม้เบญจพรรณขนาดพอดีกับการวางของสักตัว เช่น มีคอมพิวเตอร์ก็ต้องเลือกขนาดของโต๊ะให้เหมาะสม นอกจากนั้นยังสามารถนำไปทำชั้นหนังสือ เพื่อเพิ่มพื้นที่วางของ อีกทั้งยังทำให้ห้องมีระเบียบมากยิ่งขึ้นอีกด้วย ห้องทำงานควรเป็นห้องที่ดูสบายตา แค่เพิ่มเฟอร์นิเจอร์ไม้ก็ทำให้มีไฟในการทำงานมากขึ้นแล้ว

    • โต๊ะทำงาน
    • ชั้นวางของ ชั้นลอย
    • ตู้หนังสือ

    ห้องนอน


    ห้องนอนเป็นอีกห้องสำคัญของบ้านที่เราจะต้องใช้ในการพักผ่อน นอนหลับ สามารถทำได้ทั้งเตียงนอน หรือ จะนำมาทำพาเลทไม้วางเตียงแบบเก๋ๆ หากทำเตียงอาจจะใช้ช่องวางข้างเตียงทำลิ้นชักใส่ของ เพื่อเพิ่มประโยชน์ใช้สอย รวมทั้งราวแขวนผ้า ตู้เสื้อผ้า ชั้นวางของ ตู้เก็บของ แต่ถ้าหากใครที่ไม่ชอบให้ดูไม้จนเกินไปก็อาจจะทาสี หรือ หาผ้าคลุม พรมสวยๆ มาวางเพื่อให้ตัดก็ได้ ยิ่งถ้าห้องนอนของคุณเป็นสีโทนอ่อนก็จะทำให้ห้องดูมีความธรรมชาติขึ้น และ อาจจะเปิดม่านเพื่อให้แสงผ่าน ก็จะยิ่งทำให้ห้องดูน่าอยู่มากขึ้น

    • เตียงนอน
    • ชั้นวางของ
    • ตู้เสื้อผ้า ตู้ใส่ของ

    เฟอร์นิเจอร์อย่างอื่น

    • เอาไม้มาทำพาเลทไม้ สำหรับทำโต๊ะนั่งปิกนิกในสวน
    • ทำที่แขวน และ จัดการอุปกรณ์ทำสวน เช่น เอาไว้แขวนอุปกรณ์ต่างๆ
    • ตัวช่วยในการจัดสวน ชั้นแขวนต้นไม้ไว้กับกำแพง
    • ใช้ทำที่เก็บของ เพื่อเพิ่มพื้นที่ใช้สอยในบ้าน
    • ทำชิงช้าไว้นั่งเล่น

    นี่เป็นเพียงไอเดียที่เราเอามาแนะนำคุณเท่านั้น คุณสามารถครีเอทไอเดียทำเฟอร์นิเจอร์ได้ตามสไตล์ของคุณ ถ้าหากคุณเป็นคนที่ชอบเฟอร์นิเจอร์ Built - in ก็สามารถนำไปประยุกต์ทำไม้จ๊อย ไม้โครงได้ เห็นไหมละคะว่าไม้เบญจพรรณสามารถทำเฟอร์นิเจอร์ได้หลากหลาย ทั้งการนำมาทำเฟอร์นิเจอร์สำหรับใช้งาน สำหรับเพิ่มพื้นที่ใช้สอย และ สำหรับตกแต่งบ้าน ให้บ้านน่าอยู่มากยิ่งขึ้น ส่วนใครที่อยากได้ไอเดียการนำไม้พาเลทมาทำเฟอร์นิเจอร์ เช่น แบบโต๊ะไม้พาเลท ก็สามารถคลิ๊กอ่านได้เลย
     
     
     
    คิดจะซื้อไม้คิดถึงโรงไม้ MTK WOOD

    ได้ไม้ดีมีมาตรฐาน ไม้ของเราผ่านการรับรองมาตรฐาน IPPC จากกรมวิชาการเกษตรแล้วเรียบร้อย
    ได้ไม้ตามสเปค และ การนำไปใช้งาน  เราใช้เครื่องจักรต่างๆคุณภาพดี  สามารถผลิตไม้ได้หลายรูปแบบตามมาตรฐานแน่นอน
    มีไม้ให้เลือกหลากหลาย สำหรับใครที่ต้องการนำไปใช้ในงานก่อสร้าง งานอุตสาหกรรม งานเฟอร์นิเจอร์ โรงงานของเราก็มีไม้ยอดนิยมหลายตัวที่ให้คุณได้เลือก ไม่ว่าจะเป็น

    • ไม้ยางพารา ไม้ยอดนิยมที่มีความแข็งแรง ทนทาน ใช้งานได้หลากหลาย ง่ายต่อการตัดแต่ง สามารถย้อมสีได้ง่าย
    • ไม้เบญจพรรณ ไม้ที่มีความแข็งแรง ทนทาน เหมาะสำหรับงานที่ต้องการความแข็งแรงสูง รองรับน้ำหนักได้ดี
    • ไม้ทุเรียน ไม้เนื้อแน่น เหมาะสำหรับนำไปใช้ในการตัด เจาะ ทำไม้โครง ไม้จ๊อย ให้ความแข็งแรง ทนทานที่ดี
    • ไม้พาเลท ไม้สำหรับรองรับสินค้า มีรูปแบบคานที่หลากหลาย ที่ช่วยทำให้ง่ายต่อการขนย้าย
    • ไม้จ๊อย ไม้รอยต่อฟันปลาที่ช่วยให้งาน built-in เป็นเรื่องง่ายขึ้น
    • ไม้โครง ไม้สำหรับใช้ด้าม ยึดเป็นแกนหลัก มีความแข็งแรง ทนทานสูง

    ได้บริการครบจบในที่เดียว มีบริการตั้งแต่  รับผลิตและจำหน่ายไม้ยางพาราแปรรูป , บริการรับเลื่อย-ไสไม้ ตัดแต่งไม้   ,   บริการอัดน้ำยา-อบไม้ จนถึงบริการขนส่งไม้ทั่วประเทศไทย
    ส่งตรงถึงที่ โรงงานของเรามีหน้าโรงงานจริงอยู่ที่ จังหวัดระยอง ที่เปิดให้บริการมากกว่า 25
     
     
    สนใจสั่งซื้อ และ ดูข้อมูลเพิ่มเติม MTK ได้หลากหลายช่องทางที่
    Facebook  : MTK เอ็มทีเค
    Line  :   @mtkwood
    Tel :  095-654-6551
    Email :    marketing@mtkwood.com


    50


    หากพูดถึงอากาศเมืองไทย หน้าร้อนก็คงเป็นสิ่งที่เราต้องเจอกันอยู่เสมอ ทำเอาไม่สบายตัว หน้าเย้ม เหงื่อท่วมตัว นอกจากนั้นยังทำให้เจอกับปัญหาผิวได้ง่ายอีกด้วย ปัญหาผิวหน้าร้อน เป็นสิ่งที่เราหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่เราสามารถรับมือกับมันได้ วันนี้ ResiSKIN เลยจะมาแนะนำวิธีรับมือกับปัญหาผิวที่จะมาในช่วงหน้าร้อน ให้คุณพร้อมเผชิญแบบไม่มีหวั่น จะปัญหาไหนก็หมดกังวล เข้าหน้าร้อนแบบแฮปปี้ !!!

     
    รวม 4 ปัญหาผิวหน้าร้อน ที่ต้องเจอ!!!

    เมื่อเข้าสู่หน้าร้อนที่อุณหภูมิสูงขึ้น ยิ่งเราต้องสวมใส่แมสอยู่ตลอดเวลา อีกทั้งยังสภาพอากาศที่ไม่เป็นใจอาจทำให้เกิดปัญหาผิวที่ไม่คาดคิดได้ เช่น แพ้แมส ในช่วงที่อากาศร้อนต่อมไขมันจะยิ่งทำการผลิตไขมันออกมามากขึ้น ทำให้หน้าของเราจะมันง่าย และ ปัญหาแพ้เหงื่อตัวเอง นอกจากปัญหาผิวมันแล้ว ยังมีปัญหาผิวที่เราต้องเจอช่วงหน้าร้อนอะไรอีกบ้างไปดูกันเลย
     

    หน้าไหม้แดด


    ผิวไม่แดดเกิดจากการที่เราโดนแดดแรงๆ เป็นเวลานานกว่า 15 นาที โดยไม่ได้หาอะไรป้องกัน ไม่ว่าจะไม่ทาครีมกันแดด ใส่เสื้อผ้าที่ป้องกัน เมื่อผิวหนังโดนแดดนานเกินไปก็จะทำให้เกิดอาการคัน แสบร้อน ระคายเคืองบริเวณผิวหนัง หากรุนแรงอาจเกิดตุ่มน้ำใสๆ ขึ้นได้ ซึ่งอาการหน้าไหม้แดดมีด้วยกัน 3 ระดับ ตามระดับความรุนแรงของแสงแดดที่ทำร้ายผิว

    วิธีฟื้นฟูผิวหน้าไหม้แดด
    • ประคบผิวด้วยน้ำเย็น
    • เติมความชุ่มชื้นให้แก่ผิว ด้วยการทาครีมบำรุง เจลว่านหางจระเข้
    • ทาครีมกันแดดอย่างสม่ำเสมอ

    ผิวคล้ำแดด


    ผิวคล้ำแดด ทำให้ผิวหมองคล้ำ ไม่กระจ่างใส เนื่องจากคลื่นแสง UV ในแดดที่มีความเข้มข้นมากจะไปทำให้เกิดอนุมูลอิสระภายในผิว  และ เซลล์เม็ดสีทำการผลิตเม็ดสีออกมามากขึ้น เป็นผลทำให้บริเวณที่โดนแดดมีสีที่เข้มมากขึ้น จะไม่ได้เกิดเร็วเหมือนหน้าไหม้แดด แต่ผิวจะค่อยๆ เปลี่ยนสีไปหากโดนแดดแรงเป็นเวลานาน

    วิธีฟื้นฟูผิวคล้ำแดด
    • ทาครีมกันแดดก่อนออกจากบ้านเป็นประจำ
    • หลีกเลี่ยงการโดนแดดนานๆ ควรจะหาอะไรมาป้องกัน พวกเสื้อคลุม หรือ เดินเข้าร่ม
    • ใช้ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยฟื้นฟูผิวจากแดด และ ทำให้ผิวกลับมาสดชื่นอีกครั้ง

    ผิวแห้งขาดน้ำ


    ปัญหาผิวขาดน้ำ ความร้อนก็อาจทำให้ผิวแห้งได้ เนื่องจากน้ำในร่างกายที่สูญเสียไปจากการเสียเหงื่อ แสงแดดจะไปกระตุ้นให้ผิวเกิดการระคายเคืองจนทำให้ผิวแห้งกร้าน หรือ ลอกเป็นขุยได้ นอกจากนั้นเพราะว่าอยู่ในช่วงหน้าร้อนที่ผิวมันได้ง่าย มิหนำซ้ำหากผิวเราขาดน้ำก็จะทำให้ผิวจะเร่งการผิวน้ำมันในผิวขึ้นมาเพื่อชดเชยความชุ่มชื้นที่เสียไป

    วิธีฟื้นฟูผิวขาดน้ำ
    • เติมความชุ่มชื้นให้แก่ผิวอย่างสม่ำเสมอ ควรจะเลือกทามอยเจอร์ไรเซอร์ที่เหมาะกับสภาพผิว
    • ดื่มน้ำเป็นประจำ หมั่นเติมความชุ่มชื้นภายใน เพื่อให้ผิวสดชื่นจากภายในด้วย
    • สครับผิวเพื่อผลัดเซลล์ผิวเสียให้ออกไป และ ต้องหมั่นทาครีมกันแดด

    รูขุมขนกว้าง


    รูขุมขนของเรากว้างขึ้น เนื่องจากต่อมไขมันในชั้นใต้ผิวจะขับน้ำมันออกมามากเกินไป รูขุมขนต้องขยายตัวเพื่อขับน้ำมันเหล่านั้นออก ส่วนมากบริเวณที่รูขุมขนกว้างจะอยู่ในช่วง T-Zone เป็นสาเหตุทำให้เกิดสิวได้มากขึ้น เช่น สิวอุดตัน สิวผด ผิวอักเสบ แถมยังทำให้แต่งหน้าไม่ค่อยติด แต่งหน้าตกร่อง แถมยังมีผดร้อนที่มาจากการอุดตันของเหงื่อตามผิวหนัง ดังนั้นในช่วงหน้าร้อนต้องระวังเรื่องสิว และ ผดผื่นเป็นพิเศษ

    วิธีฟื้นฟูรูขุมขนกว้าง
    • ดูแลความมันบนใบหน้า
    • ล้างหน้าเพื่อลดความมัน และ เพื่อไม่ให้ผิวเกิดการอุดตันได้ง่ายจนทำให้เกิดสิว
    • เลี่ยงการจับใบหน้า

     
    พร้อมรับมือกับปัญหาผิวหน้าช่วงร้อนให้อยู่หมัด!!!


    • ควรจะดื่มน้ำให้เพียงพอต่อวัน เพื่อชดเชยน้ำที่สูญเสียไป
    • หากต้องออกไปข้างนอกก็ต้องหมั่นทาครีมกันแดดเป็นประจำ
    • ส่วนที่สำคัญที่สุดคือ ต้องดูแล ฟื้นฟูผิวด้วยผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยน ช่วยเติมความชุ่มชื้น และ ช่วยป้องกันแสงแดดอย่างผลิตภัณฑ์ของ ResiSKIN ครีมเวชสำอางที่เหมาะมากกับหน้าร้อน

    ResiSKIN ครีมเวชสำอางที่ช่วยจบปัญหาผิวแห้ง แดง ผื่น คัน พร้อมทั้งเสริมความแข็งแรงให้ผิวจากภายใน ให้ผิวนุ่ม ชุ่มชื้น สตรองได้ทุกสถานการณ์ ด้วย 4 คุณสมบัติ ที่ทำให้ คุณต้องลืมไปเลยว่าเคยมีปัญหาผิว

    • มีส่วนผสมของ Extremolytes 7% สารสกัดลิขสิทธิ์เฉพาะจากประเทศเยอรมัน ช่วยจบปัญหาผิวแห้ง แดง ผื่น คัน
    • ช่วยสร้างเกราะความชุ่มชื้นให้ผิว ปกป้องผิวจากมลภาวะที่ไม่เป็นมิตรต่อผิว
    • ผิวแข็งแรงและชุ่มชื้นขึ้นอย่างสังเกตเห็นได้ ภายใน 7 วัน
    • ปราศจากสารสเตียรอยด์ น้ำหอม และสารกันเสีย สามารถใช้ต่อเนื่องในระยะยาว หมดกังวลสำหรับคนผิวแพ้ง่าย

    หลอดเดียวพร้อมเอาชนะทุกปัญหาผิว อักเสบ แพ้ แห้ง แดง ผื่นคัน ให้ผิวกลับมาดูดี และ สตรองอีกครั้ง หน้าร้อนนี้แฮปปี้ได้สุด จะปัญหาผิวแบบไหนก็เอาอยู่!!!

    อยากมีผิวที่ดูดีและสตรองลอง ResiSKIN ดูสิแล้วคุณจะหลงรัก!!!

     
     
    ใครที่สนใจสั่งซื้อ ResiSKIN สามารถกดที่ link ด้านล่างนี้ได้เลย
    Facebook : ResiSKIN รีซิสกิน
    Line : @resiskin
    Shopee : ResiSKIN by QUALISK
    Lazada : Qualimed


    หน้า: [1] 2 3 4 5 6 7