ThaiFranchiseCenter Webboard

ยานยนต์ | Vehicles => รถยนต์ | Car => ข้อความที่เริ่มโดย: สวัสัดี ที่ เมษายน 16, 2020, 03:13:50 AM

หัวข้อ: มือใหม่ หัดซื้อรถมือสองต้องรู้ ว่ารถมือสองต้องดูอะไรบ้าง ?
เริ่มหัวข้อโดย: สวัสัดี ที่ เมษายน 16, 2020, 03:13:50 AM
(https://www.masterusedcar.com/upload/image/branch/bmw_used_car_rama4_1521113494.jpg)

งบประมาณในการซื้อ

ก่อนที่คุณจะตัดสินใจซื้อรถมือสองนั้น คุณจะต้องทราบก่อนว่างบประมาณในการซื้อรถยนต์ของคุณอยู่ที่เท่าไหร่ และตกราคาผ่อนต่อเดือนแล้วคุณไหวหรือไม่ รวมถึงระยะเวลาในการผ่อนเป็นอย่างไรด้วย ทั้งนี้ เพื่อให้คุณสามารถบริหารเงินได้ ไม่ต้องหยิบยืมใครจนเป็นหนี้สินนะคะ

สภาพของรถยนต์

คุณจะต้องดูเป็นและรู้ว่ารถยนต์มือสองที่คุณกำลังหมายปองอยู่นั้น เป็นรถยนต์ที่มีอายุมาแล้วกี่ปี สภาพตัวถัง สี ยาง และเครื่องยนต์ยังคงใช้งานดีหรือไม่ หากคุณดูไม่เป็น รับรองว่า คุณจะได้รถที่เก่าแก่ ย้อมแมวมาขายแน่ๆ

ขอทดลองขับก่อนซื้อ

ส่วนใหญ่แล้ว คนที่จะตัดสินใจซื้อรถยนต์มือสองสักคัน มักจะเรียกร้องขอทดลองขับรถยนต์ก่อนกันทั้งนั้น เพื่อเป็นการทดลองเครื่องยนต์ในขณะขับขี่ รวมไปถึงทดสองระบบไฟต่างๆ ภายในรถอีกด้วย

รถยนต์มือสองที่เป็นรถบ้าน

รถประเภทนี้จะเป็นรถยนต์ที่เจ้าของที่ใช้นั้นปิดประกาศขายเอง ซึ่งช่องทางที่จะประกาศขายนั้นก็จะมีการประกาศขายผ่านหน้าเว็บไซต์ต่างๆ ปิดประกาศขายอยู่ท้ายรถ หรือบอกกล่าวกับคนรู้จักให้ได้ทราบกัน ซึ่งข้อดีนั้น
คุณสามารถเจรจาต่อรองกับเจ้าของรถยนต์ได้โดยไม่ต้องกังวลเรื่องค่านายหน้า แต่ข้อเสียนั้น คุณอาจจะดูสภาพรถยนต์ไม่เป็น พอคุณเห็นราคาโดนใจ คุณก็ตัดสินใจเซ็นสัญญาซื้อขายทันที ซึ่งตรงนี้หากสนใจรถบ้านจริงๆ แนะนำให้พาคุณรู้จักที่มีความรู้และดูรถยนต์เป็นไปด้วยนะคะจะได้ไม่ถูกหลอกเอา
 
ซื้อผ่านดีลเลอร์หรือเต็นท์รถมือสองดี ?

ที่มาของรถตามเต็นท์นั้นส่วนใหญ่ก็มาจากรถบ้านนี่ละค่ะ ที่เจ้าของอาจจะไม่อยากเสียเวลาไปประกาศขายเอง หรืออยากที่จะใช้เงินด่วน ยอมขาดทุนนิดหน่อยแต่ได้เงินเลย ซึ่งข้อดีของการซื้อขายผ่านเต็นท์รถนั้น ก็คือ คุณมีตัวเลือกเยอะ มีรถหลายรุ่น หลากหลายปี หลายสี หลายราคาให้คุณเลือกสรร แถมมีโปรโมชั่นต่างๆ ให้คุณได้เลือกอีกด้วย แต่ข้อเสียก็คือ อาจจะมีราคาแพงกว่ารถที่คุณซื้อกับเจ้าของโดยตรงนั่นเอง

อย่างไรก็ตาม เมื่อคุณได้รถคันโปรดมาแล้ว ในกรณีรถมือสอง เราแนะนำให้ทำ roojai ประกันรถยนต์ ให้ความคุ้มครองมากกว่า (https://www.roojai.com/car-insurance/) ชั้น 2+ ก็พอค่ะ เพราะประกันภัยรถยนต์ 2+ ก็มีความคุ้มครองแทบจะเหมือนชั้น 1 แล้ว อีกทั้งประกันภัยรถยนต์ 2+ ยังมีราคาถูกกว่าชั้น 1 อีกด้วย