(https://cdn.pixabay.com/photo/2016/05/17/21/24/newborn-1399193__340.jpg)
นมพร้อมดื่ม คือ การนำนมโคดิบมาผ่านความร้อนเพื่อฆ่าจุลินทรีย์และบรรจุกล่องเป็นนมสำหรับบุคคลทั่วไป แต่เพราะเด็กวัย 1-6 ปี มีการเจริญเติบโตแตกต่างจากผู้ใหญ่ จึงต้องเติมสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกายของเด็กลงไปในนม กลายเป็น ‘ นมกล่องสำหรับเด็ก (https://www.presstoday.news/2019/01/นมกล่องสำหรับเด็ก-พัฒนา-8-ทักษะ) ’ ความแตกต่างหลัก ๆ ของนมทั่วไปและนมสำหรับเด็กจึงอยู่ที่สารอาหาร
นมกล่องหรือนมพร้อมดื่มมีข้อดีคือ รับประทานง่าย พกพาสะดวก เพราะไม่ต้องใส่ตู้เย็นหากยังไม่เปิดกล่อง ด้วยเหตุนี้เมื่อลูกมีอายุครบ 1 ปี คุณแม่หลายท่านจึงหันมาให้ลูกดื่มนมกล่อง และควรที่จะเลือกนม uht ยี่ห้อไหนดี (https://www.presstoday.news/2019/01/นม-uht-ยี่ห้อไหนดี-ที่ตอบโจทย์ต่อการพัฒนาการของลูกในช่วง-1-3-ปี/) เพื่อให้ลูกน้อย ได้รับสารอาหารที่ครบถ้วน มาดูกันได้เลย
สารอาหารที่นมสำหรับเด็กควรมี
สารอาหารจำพวกเสริมสร้างการทำงานของระบบต่าง ๆ ในร่างกาย เช่น ฟอสฟอรัส ทองแดง เหล็ก และไอโอดีน สารอาหารเหล่านี้แทบไม่พบในนมทั่วไป มีเพียงฟอสฟอรัสที่พบในนมทั่วไปบางยี่ห้อเท่านั้น
สารอาหารกลุ่มเสริมสร้างระบบประสาทสมอง แม้ในนมทั่วไปจะมีโอเมก้า 3 และ 6 อยู่แล้ว แต่มีน้อยกว่าในนมสำหรับเด็ก เพราะกรดไขมันเหล่านี้จำเป็นอย่างยิ่งต่อการสร้างระบบประสาทสมองที่จะเกิดขึ้นในช่วง 1-6 ปีเท่านั้น โดยเฉพาะกรดไขมัน DHA ที่จำเป็นต่อการสร้างเซลล์สมอง จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องมีในนมเด็ก เพราะร่างกายของคนเราจะสร้างเซลล์สมองถึงอายุ 5 ขวบเท่านั้น
สารอาหารกลุ่มเสริมสร้างการเจริญเติบโต เช่น แคลเซียมและแมกนีเซียม ในนมกล่องทั่วไปมีแคลเซียม 15-25% ซึ่งเป็นปริมาณที่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย ส่วนแมกนีเซียม โดยปกติแล้วไม่พบในนมกล่องทั่วไป แต่ควรมีในนมสำหรับเด็กเพื่อให้ร่างกายนำแคลเซียมไปใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้นมสำหรับเด็กที่ดีควรมีโฟลิคที่ช่วยเพิ่มน้ำหนักและส่วนสูงของเด็ก ซึ่งโฟลิคนี้แทบไม่มีในนมทั่วไป
สุดท้ายถ้ายังคงสงสัยหรือเลือกหา นม uht ยี่ห้อไหนดี (http://www.tpa.or.th/writer/read_this_book_topic.php?bookID=3806&pageid=2&read=true&count=true) ทางเราขอแนะนำ นมยูเอชที เอนฟาโกร (https://th.theasianparent.com/นมยูเอชที-ยี่ห้อไหน-กินแล้วลูกฉลาด/) ที่มีแคลเซียม แมกนีเซียม โฟลิคสูง และที่อุดมไปด้วยแร่ธาตุที่ช่วยให้ระบบต่าง ๆ ภายในร่างกายของเด็กทำงานได้ตามปกติ ไม่ว่าจะเป็น ฟอสฟอรัส เหล็ก ทองแดง ไอโอดีน และอื่น ๆ ที่สำคัญต่อพัฒนาการของลูก ยิ่งไปกว่านั้นยังมีกรดไขมันโอเมก้า 3 , 6 และ 9 รวมถึง DHA ในปริมาณที่เหมาะสมต่อร่างกายของเด็ก เพื่อให้ลูกรักของคุณมีพัฒนาการทางด้านอารมณ์ ภาษา และการแก้ปัญหาที่ดี มีสติปัญญาเฉียบคม