(https://i.imgur.com/eZpcFNC.jpg)
เอาใจสายรักสุขภาพโดยเฉพาะ สำหรับใครหลายๆ คนที่ให้ความสนใจเรื่องความสวยความงามก็คงจะคุ้นเคยกับคำว่า 'คอลลาเจน' อยู่บ้างแล้ว กับคุณประโยชน์สำคัญๆ คือการช่วยเสริมสร้างกระดูก ช่วยบำรุงกล้ามเนื้อ เส้นเอ็น ตลอดไปจนถึงการเสริมสร้างเนื้อเยื่อให้มีความแข็งแรง เนื่องจากคอลลาเจนจะมีส่วนช่วยทำให้เนื้อเยื่อส่วนต่างๆ เต่งตึง ไม่หย่อนคล้อย แต่ทั้งนี้เลือกรับประทานคอลลาเจนแบบไหนดีที่สุด (https://boomcollagenplus.in.th/blog/types-of-collagen-supplements/) บทความนี้มีข้อมูลดีๆ มาฝาก
คอลลาเจนไดเปปไทด์ (Collagen Dipeptide)
อีกหนึ่งประเภทของคอลลาเจน คุณสมบัติและความพิเศษของคอลลาเจนประเภทนี้ก็คือมีโครงสร้างเรียงต่อกันเพียงแค่ 2 ตัว จึงเป็นสาเหตุทำให้โมเลกุลเฉลี่ยแล้วมีเพียงแค่ 200 ดาลตันเพียงเท่านั้น ซึ่งมีโมเลกุลขนาดเล็กถ้าหากเปรียบเทียบกับคอลลาเจนประเภทอื่นๆ ดังนั้นจึงทำให้ร่างกายดูดซึมได้ดีและเร็วกว่า ลำเลียงผ่านลำไส้แล้วถ่ายเทเข้าสู่กระแสเลือด จากนั้นแผ่กระจายต่อไปยังเซลล์ส่วนต่างๆ ของร่างกาย ได้แก่เซลล์ผิวหนัง เซลล์กระดูกอ่อน ฯลฯ นับได้ว่าเป็นอีกหนึ่งประเภทของคอลลาเจนให้เลือก แบบไหนดีที่สุด
คอลลาเจนเปปไทด์ (Collagen Peptide)
เพื่อเป็นการประกอบการตัดสินใจว่าคอลลาเจนแบบไหนดีที่สุด อันดับแรกที่จะแนะนำให้สาวๆ หลายคนรู้จักเลยนั่นก็คือคอลลาเจนเปปไทด์ เป็นคอลลาเจนประเภทที่ผ่านกระบวนการต่างๆ จนสายคอลลาเจนมีความสั้นลง จากนั้นร่างกายก็จะสามารถดูดซึมได้ดีกว่าคอลลาเจนที่ทำมาจากธรรมชาติประเภทอื่นๆ อย่างไรก็ตามคอลลาเจนเปออไทด์ก็ยังจัดว่าเป็นคอลลาเจนที่มีโมเลกุลขนาดใหญ่ถึง 6,000 ดาลตัน ซึ่งก็อาจจะทำให้ร่างกายดูดซึมได้ช้าลงอยู่ดี
คอลลาเจนไตรเปปไทด์ (Collagen Tripeptide)
คอลลาเจนอีกหนึ่งประเภทที่มาแนะนำให้สาวๆ หลายคนรู้จักว่าคอลลาเจนแบบไหนดีที่สุด กับความพิเศษและคุณสมบัติของคอลลาเจนประเภทนี้คือมีกรดอะมิโนเรียงต่อกันถึง 3 ตัวด้วยกัน คิดเป็นค่าเฉลี่ยแล้วจะอยู่ที่ประมาณ 300 ดาลตัน เป็นโมเลกุลที่มีขนาดเล็ก แน่นอนว่าร่างกายสามารถดูดซึมได้ที่ความเร็วระดับปานกลาง ซึ่งจะเห็นได้ว่าคอลลาเจนนั้นนอกจากจะมีช่วยเสริมสร้างให้กับส่วนต่างๆ ในร่างกายแล้ว ยังมีส่วนช่วยสร้างความยืดหยุ่นให้กับผิวพรรณ ทำให้ผิวแลดูอ่อนกว่าวัยได้อีกด้วย
จากคุณสมบัติและประเภทต่างๆ ที่ได้ให้ข้อมูลไปในข้างต้นว่าคอลลาเจนแบบไหนดีที่สุด อย่างไรก็ตามร่างกายคนเรานั้นมีอัตราการสร้างคอลลาเจนลดลงปีละ 1-2% ไหนจะเป็นเรื่องของปัจจัยแวดล้อมต่างๆ เช่น การเลือกรับประทานอาหาร การดื่มแอลกอฮอล์ พฤติกรรมการสูบบุหรี่ ฯลฯ จึงทำให้ต้องหาอาหารเสริมจำพวกคอลลาเจนเข้ามาช่วยเติมเต็มส่วนต่างๆ ที่สึกหรอนั่นเอง