ThaiFranchiseCenter Webboard

พูดคุยทั่วไป สบายๆ | General Talk => ตลาดกลาง COVID-19 ฝากร้าน ฟรี! => ข้อความที่เริ่มโดย: ploypola ที่ มีนาคม 05, 2021, 02:01:54 PM

หัวข้อ: ประเภทของ Keyword โฆษณาบน Google ที่ควรรู้
เริ่มหัวข้อโดย: ploypola ที่ มีนาคม 05, 2021, 02:01:54 PM
(https://bemyfriend.agency/wp-content/uploads/2021/02/google-keyword-type.jpg)
ประเภทของ Keyword โฆษณาบน Google ที่ควรรู้ (https://bemyfriend.agency/%e0%b8%9b%e0%b8%a3%e0%b8%b0%e0%b9%80%e0%b8%a0%e0%b8%97%e0%b8%82%e0%b8%ad%e0%b8%87-keyword-%e0%b9%82%e0%b8%86%e0%b8%a9%e0%b8%93%e0%b8%b2%e0%b8%9a%e0%b8%99-google-%e0%b8%97%e0%b8%b5%e0%b9%88%e0%b8%84/)
เคยสังเกตหรือไม่ว่า ทำไมโฆษณาบางตัวบน Google ถึงไม่ดีเท่าที่ควร หรือ เมื่อเทียบกันแล้วทำไมโฆษณาของอีกที่หนึ่งถึงดีกว่า ทั้งๆที่สินค้า โปรโมชั่นของเรา ไม่ได้ด้อยไปกว่าเขาเลย อย่างที่เรารู้ๆกันดีว่า สิ่งสำคัญในการทำการโฆษณาบน Google ก็คือ Keyword ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งที่จะทำให้คนค้นหามาเจอเรา แต่สิ่งสำคัญไม่แพ้กันนั้นก็คือ ประเภทของ Keyword ที่เป็นหนึ่งในปัจจัยที่ช่วยเสริมให้การทำโฆษณาของเราปังกว่าเจ้าอื่น ไม่ใช่คำไหนก็ได้ แต่ควรจะคำนึงให้เหมาะสมกับประเภทของธุรกิจ และ บัคเจคของเรา มารู้จักประเภทของคีย์เวิร์ดที่จะทำให้ โฆษณาของคุณกันเลย!!!
 
 
Highlight Keyword match type ที่ต้องรู้!!!
-Keyword match type คืออะไร?
-ประเภทของKeyword match type
 
Keyword match type คืออะไร?
รูปแบบของคีย์เวิร์ดที่ทำหน้าที่ต่างกันบน Google AdWord ในการโฆษณาบน Google หรือ ที่เรามักจะเรียกกันว่าการทำ SEM เพื่อใช้ในการควบคุมการค้นหาคีย์เวิร์ดนั้นๆ ซึ่งก็มีรูปแบบที่แตกต่างกันออกไปตามประเภทของคีย์วิร์ดนั้นๆ อีกทั้งถ้าเลือกใช้ได้ถูกต้องยังส่งผลทำให้ค่าคลิก ที่เราต้องจ่ายในการทำโฆษณานั้นถูกลงอีกด้วย
สามารถอ่าน บทความ SEM คือ? (https://bemyfriend.agency/sem-%e0%b8%84%e0%b8%b7%e0%b8%ad-%e0%b8%9e%e0%b8%a3%e0%b9%89%e0%b8%ad%e0%b8%a1%e0%b8%aa%e0%b8%b4%e0%b9%88%e0%b8%87%e0%b8%97%e0%b8%b5%e0%b9%88%e0%b8%84%e0%b8%b8%e0%b8%93%e0%b8%84%e0%b8%a7%e0%b8%a3/) เพิ่มเติมได้ที่นี่

ประเภทของ Keyword match type
(https://bemyfriend.agency/wp-content/uploads/2021/02/%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%A0%E0%B8%97%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87key1-2.jpg)
สามารถแบ่งประเภทของคีย์เวิร์ดออกมาได้เป็น 5 ประเภทหลักๆ ได้แก่ Broad Match , Broad Match Modifier , Phrase Match , Exact Match และ Negative Match ซึ่งในแต่ละประเภทของคีย์เวิร์ด ก็มีความแตกต่างกันออกไป ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของราคา และ ความเหมาะสมที่จะนำไปใช้ มารู้จักแต่ละประเภทให้ดีมากขึ้นกันดีกว่า
สามารถเรียงลำดับความกว้างของคีย์เวิร์ดจากมากไปน้อย และ เรียงลำดับราคาของคีย์เวิร์ดจากถูกที่สุดไปมากที่สุด ได้ดังต่อไปนี้
-Broad Match
-Broad Match Modifier
-Phrase Match
-Exact Match
-Negative Match
(https://bemyfriend.agency/wp-content/uploads/2021/02/%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%A0%E0%B8%97%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87key2-2.jpg)
Broad Match
เป็นคีย์เวิร์ดที่กว้างมากที่สุด โดยโฆษณาจะแสดงก็ต่อเมื่อ มีคนค้นหา Keyword ที่คุณเลือกไว้ หรือ มีความใกล้เคียงกับ Keyword ของคุณมากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นคำที่สะกดผิด หรือ มีความหมายคล้ายกัน โฆษณาของคุณก็จะแสดงขึ้นมานั้นเอง

ตัวอย่างของ Broad Match เช่น Keyword ของเราคือคำว่า การตลาดออนไลน์ แต่ดันมีคนที่ค้นหาคำว่า เทรนด์การตลาดออนไลน์ การตลาดดิจิทัล ก็จะแสดงโฆษณาของคุณขึ้นมาด้วย
ข้อดี : ช่วยเพิ่มคนที่เห็นโฆษณาของคุณเป็นวงกว้าง และ มีคนคลิกเข้าสู่เว็บไซต์มากยิ่งขึ้น
ข้อเสีย : อาจทำให้เสียเงินไปโดยเปล่าๆ เพราะการแสดงโฆษณาที่มากเกินไป
เหมาะสำหรับทำอะไร : โฆษณาของคุณเป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น
ราคา : ถูกที่สุด เพราะเป็นคำค้นหาที่กว้างที่สุด
 
Broad Match Modifier
เป็นคีย์เวิร์ดที่กว้างรองลงมาจาก Broad Match เป็นประเภทของคีย์เวิร์ดที่สามารถแทรกคำอื่นๆลงใน Keyword หลักได้ ทั้งหน้า , กลาง และ หลังคำหลัก โดยลักษณะของ Broad Match Modifier จะอาศัยเครื่องหมาย (+) ระหว่างคำเพื่อใช้ในการแทรกคำต่างๆนั้นเอง เพื่อทำให้ตรงกับกลุ่มเป้าหมายมากยิ่งขึ้น โดยโฆษณาของเราจะแสดงก็ต่อเมื่อ มีคำที่เป็นคีย์เวิร์ดของเราอยู่ในประโยคๆนั้น

ตัวอย่าง Broad Match Modifier เช่น +การตลาด + ออนไลน์ คนอาจจะค้นหามาด้วยคำว่า การตลาดบนโลกออนไลน์ ก็จะทำให้เจอโฆษณาของเราได้
ข้อดี : Keyword มีความตรงกว่า Broad เนื่องจากสโคปในการใช้งานแคปกว่า และ สามารถจับ Keyword ที่เกี่ยวข้องกับ Target ของเราได้มากขึ้น
ข้อเสีย : มีโอกาสที่มีคำแปลกๆหลุดมา อาจเป็นคำที่ไม่เกี่ยวกับ Keyword
เหมาะสำหรับทำอะไร : ธุรกิจที่ไม่อยากได้ Keyword กว้างเกินไป เหมือน Board Match และยังทำให้เกิดไอเดีย Keyword ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของเราได้มากยิ่งขึ้น
ราคา : แพงขึ้นกว่าแบบ Broad Match เล็กน้อย แต่ยังไม่แพงเท่ากับแบบอื่นๆ
 
Phrase Match
เป็นประเภทคีย์เวิร์ดที่แคบกว่าแบบ Broad Match และ Broad Match Modifier สามารถแทรกคำอื่นๆ ในด้านหน้า และ ด้านหลังของคำหลักได้ ซึ่งจะมีความจำเพาะเจาะจงมากยิ่งขึ้น โดยจะอาศัยเครื่องหมาย (" ")   เพื่อให้คำค้นหาตรงกับกลุ่มเป้าหมายมากยิ่งขึ้น

ตัวอย่าง Phrase Match เช่น คีย์เวิร์ดหลักคือ "การตลาดออนไลน์" ก็อาจจะแทรกคำเป็น การตลาดออนไลน์ ใกล้ฉัน หรือ สอนการตลาดออนไลน์ เป็นต้น
ข้อดี : โฆษณาจะแสดงตรงกับความต้องการของกลุ่มเป้าหมายได้มากกว่าแบบ Broad
ข้อเสีย : อาจจะมีคำที่ไม่เกี่ยวข้องติดมาบ้าง อาจทำให้ต้องเสียเวลาในการ Negative Keyword
เหมาะสำหรับทำอะไร : Keyword เป็นคำที่ไม่แคบและไม่กว้างจนเกินไป เหมาะสำหรับการใช้งานทั่วไป ตรงกลุ่มเป้าหมายมากกว่า
ราคา : แพงกว่าแบบ Broad แต่ยังไม่แพงเท่าแบบ Exact เพราะคำค่อนข้างมีความจำเพาะมากยิ่งขึ้น
 
Exact Match
เป็นคีย์เวิร์ดที่แคบที่สุด ตรงกับกลุ่มเป้าหมายมากที่สุด เป็นคีย์เวิร์ดที่จะแสดงโฆษณาก็ต่อเมื่อ คำค้นหาตรงกับคีย์เวิร์ดเราเท่านั้น หากเป็นคำคล้ายๆเราจะไม่ทำให้ โฆษณาแสดง

ตัวอย่าง Exact Match เช่น [การตลาดออนไลน์] ก็จะแสดงโฆษณาให้เห็นเฉพาะคำๆนี้ ถ้าเป็นคำใกล้เคียง หรือ มีความหมายเหมือน โฆษณาจะไม่แสดงออกมา
ข้อดี : โฆษณาจะแสดงเฉพาะคำที่ตรง และ ช่วยทำให้คะแนนของคุณสูงขึ้นอีกด้วย เพราะคำค้นหาของเราตรงกับ Target
ข้อเสีย : จำนวนคนที่เข้าถึงโฆษณาน้อย เพราะถ้าลูกค้าค้นหาคำที่ไม่ตรงกับที่เราตั้งคีย์เวิร์ดไว้โฆษณาก็จะไม่แสดง
เหมาะสำหรับทำอะไร : เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่ค้นหาคำนั้นจริงๆ
ราคา : แพงที่สุดในทุก Keyword เพราะมีความจำเพาะเจาะจง
 
คะแนนของ Ads จะถูกคิดจาก CTR , Landing page , Ad Relevance Score
-CTR คือ จำนวนคนที่คลิกโฆษณาหารด้วยจำนวนครั้งที่แสดงโฆษณา
-Landing page คือ หน้าต่างๆบนเว็บไซต์ เป็นการเพิ่ม Quality Score ของเว็บไซต์
-Ad Relevance Score คือ คะแนนความเกี่ยวข้องของโฆษณา ซึ่งวัดจากกลุ่มเป้าหมาย
 
Negative Match
เป็นคีย์เวิร์ดที่เราใช้สำหรับคำที่เราไม่ต้องการให้โฆษณาของเราแสดง เป็นเหมือนกันปิดคำค้นหาคำนั้นๆ ไม่ให้โฆษณาของเราเด้งออกมานั้นเอง คำพวกคำที่ดูไร้ประโยชน์ คำที่ไม่เกี่ยวข้องกับบทความแต่มีคำที่คล้ายกับที่เราใช้ ในการ Negative Keyword ควรจะเลือกใช้ให้เหมาะสม ไม่อย่างนั้นอาจทำให้เกิดปัญหาแทนที่จะเป็นผลดีแทนได้

-Broad Match Negative : ไม่ควรทำการ Negative เพราะ จะทำให้ทั้งแคมเปญไม่แสดงโฆษณาของคุณ
-Broad Match Modifier Negative : สามารถทำการ Negative ได้อาจจะไม่แสดงโฆษณาในบางครั้ง
-Phrase Match Negative : สามารถทำการ Negative ได้ดีกว่าแบบ Broad Match Modifier
-Exact Match Negative : สามารถ Negative ได้ดีที่สุด ปลอดภัยที่สุด จะทำให้โฆษณาไม่แสดงต่อคำนั้นๆ

ตัวอย่าง Negative Match เช่น เราต้องการทำคีย์เวิร์ดเกี่ยวกับ การตลาดออนไลน์ แต่ไม่ต้องการให้พวกคำที่ไม่เกี่ยวข้องแสดงผลต่อโฆษณาของเรา เราก็ทำการnegativeคำนั้นไป เช่น ตลาดนัด ซึ่งเราไม่ได้อยากให้คำนี้แสดงโฆษณาของเรานั้นเอง
ข้อดี : ทำให้คำที่ไม่เกี่ยวข้อง ไม่แสดงโฆษณาของเราออกมา ทำให้เราไม่เสียเงินไปโดยเปล่าประโยชน์
ข้อเสีย :  ถ้าเรา Negative คำไม่ถูกต้องอาจจะเจอปัญหาที่คำโฆษณาไม่แสดงทั้งแคมเปญ
เหมาะสำหรับทำอะไร : การสโคปคีย์เวิร์ดที่เราไม่ต้องการให้หรือ Keyword แปลก ๆ ตรงกับธุรกิจและความต้องต้องการของ Target เรามากขึ้น
ราคา : สำหรับ Negative Match ไม่เสียค่าใช้จ่าย เพราะเป็นการ negative คำเท่านั้น
 
การเลือกประเภท Keyword ก็ล้วนแต่มีประโยชน์ มีความเหมาะสมที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งเราควรจะเลือกให้เหมาะสมกับธุรกิจ สินค้าและบริการของคุณ เพราะแต่ละธุรกิจก็จะมีความเหมาะสมกับคีย์เวิร์ดที่แตกต่างกัน ดังนั้นจึงควรจะทำการแพลน Keyword ให้ดีก่อนที่จะทำการการโฆษณา เลือกคีย์เวิร์ดให้ดีธุรกิจก็ปัง !!!
สามารถอ่าน บทความ Google Ads  (https://bemyfriend.agency/google-ads-%e0%b8%84%e0%b8%b7%e0%b8%ad-%e0%b8%a7%e0%b8%b1%e0%b8%99%e0%b8%99%e0%b8%b5%e0%b9%89%e0%b8%84%e0%b8%b8%e0%b8%93%e0%b8%a3%e0%b8%b9%e0%b9%89%e0%b8%88%e0%b8%b1%e0%b8%81%e0%b8%a1%e0%b8%b1/)เพิ่มเติมได้ที่นี่

"เราพร้อมดูแลใส่ใจธุรกิจของคุณ ให้เหมือนกับว่าเป็นธุรกิจของเราเอง"

 
สามารถติดต่อ สอบถาม bemyfriend (https://bemyfriend.agency/) ช่องทางอื่นๆ ได้ที่
Facebook : Bemyfriend.agency (https://www.facebook.com/Bemyfriendagency-103686618109354)