ปัจจุบันนี้หลายคนเร่ิมให้ความสำคัญกับอาหารการกินในแม่และเด็กมากขึ้น และคอยหาสิ่งที่ดีที่สุดอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็น วิตามินบํารุงสมอง (https://www.meadjohnsonni.com/th/Nutrition-innovation/MFGM/article/baby-brain-nutrition) อาหารบํารุงครรภ์ (https://www.meadjohnsonni.com/th/โภชนาการลูก/คุณแม่ตั้งครรภ์/โภชนาการคุณแม่ตั้งครรภ์) สำหรับคุณแม่ หรือ อาหารทารก (https://www.meadjohnsonni.com/th/บทความ/6เดือนได้เวลาอาหารเสริม) และ วิตามินสำหรับเด็ก (https://www.meadjohnsonni.com/th/บทความ/โภชนาการเด็กวัย3-6ปี) ซึ่งก็เป็นเรื่องที่ดีที่จะคอยหาสิ่งที่ดีและเหมาะสมต่อตนเองและลูกน้อย อย่างไรก็ตามสำหรับเด็ก ๆ นั้น สิ่งที่ดีกับคนอื่นอาจไม่ใช่สิ่งที่เหมาะสมกับร่างกายลูกน้อยของคุณเสมอไป อย่างเรื่องของการดื่มนมที่เด็กส่วนใหญ่จะสามารถดื่มนมวัวได้ปกติแต่ก็ยังมีเด็กส่วนหนึ่งที่มีอาการแพ้ ดังนั้น คุณแม่จึงควรให้ความสำคัญในการสังเกตอาการของลูกน้อยอยู่เสมอ
(https://img.freepik.com/free-photo/boy-drinking-milk-bottle-with-straw_23-2148356833.jpg?size=626&ext=jpg)
ภาวะของอาการแพ้นมวัวในเด็กทารก อาจจะไม่ใช่เรื่องร้ายแรงแต่ว่าถ้าปล่อยเอาไว้ให้เกิดอาการเรื้อรัง สามารถมีผลกระทบต่อไปในอนาคตได้เช่นกัน แต่เชื่อว่าถึงอย่างไร คุณพ่อคุณแม่ก็ย่อมต้องเกิดความกังวลใจอย่างแน่นอนและต้องหาวิธีแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นนี้ด้วยวิธีที่ดีที่สุดสำหรับตัวลูกน้อย ในส่วนของการสังเกตอาการว่าใช่การแพ้หรือไม่ แล้วจะเลือก นมสำหรับเด็กแพ้นมวัว (https://www.meadjohnsonni.com/th/บทความ/คุณค่าของน้ำนมแม่) อย่างไรดี เด็กกลุ่มนี้จะมีอาการ ร้องไห้โยเย ร้องนาน ร้องเสียงแหลม ไม่ยอมกินนมหรือว่าอาเจียน ซึ่งทางการแพทย์เรียกว่า ภาวะ โคลิค ให้สันนิษฐานเบื้องต้นว่าอาจเกิดจากอาการแพ้นมวัว
การเลือก นมสำหรับเด็กแพ้นมวัว (https://www.meadjohnsonni.com/th/บทความ/คุณค่าของน้ำนมแม่) เพื่อช่วยบรรเทาอาการและยังได้คุณค่าครบถ้วน นอกจากนมแม่แล้วแล้วควรเลือกอะไรดี เพราะอาการของการแพ้นมวัวเป็นภาวะแพ้โปรตีน ซึ่งเกิดจากร่างกายคิดว่าโปรตีนที่มีอยู่ในนมวัว เป็นสิ่งแปลกปลอม จะต้องทำให้โปรตีนในนมวัวมีขนาดเล็กลง จนร่างกายไม่รับรู้ว่าเป็นโปรตีนนมวัว อาการแพ้ก็จะไม่ปรากฏ
เด็กแรกเกิด ถึง 6 เดือน เลือกดื่มนมแม่เพียงอย่างเดียว เพราะในน้ำนมแม่นั้นไม่ทำให้เกิดอาการแพ้ใด ๆ และยังไม่มีความจำเป็นที่ต้องให้อาหารอื่นเสริมอีกด้วย แม้แต่น้ำเปล่า น้ำนมแม่ เปรียบเหมือนภูมิต้านทานชั้นเลิศทั้งกับร่างกายและจิตใจ
เด็กในวัยที่ต้องทานอาหารอื่น หรือวัยหย่านมแม่แล้วซึ่งอาการแบบ โคลิค จะปรากฏช่วงนี้ให้เห็นได้ชัดเจน ต้องใช้นมสูตรที่ทำให้โปรตีนมีขนาดเล็กลง อย่าง meadjohnson แนะนำ คือ
นมสูตรโปรตีนผ่านการย่อยบางส่วน (Partially Hydrolyzed Protein) ทำให้มีอนุภาคเล็กลงเหมาะสำหรับเด็กที่อาจจะมีประวัติครอบครัวเป็นภูมิแพ้มาก่อนและเด็กไม่มีอาการแพ้ที่รุนแรงมากนัก
นมสูตรโปรตีนย่อยอย่างละเอียด (Extensively Hydrolyzed Protein) โปรตีนในนมจะถูกย่อยจนได้เป็นโมเลกุลขนาดเล็ก และบางส่วนถูกย่อยจนเป็นกรดอะมิโน ไม่เกิดการกระตุ้นอาการแพ้ ซึ่งสูตรนี้เป็นสูตรที่องค์กรนานาชาติแนะนำให้ใช้สำหรับเด็กที่มีอาการแพ้นมวัว จึงเป็นสูตรที่นิยมนำมาให้เด็กดื่มแทนนมวัวทั่วไป
นมสูตรกรดอะมิโน (Amino Acid Based Formula) ซึ่งเหมาะสำหรับเด็กแพ้นมวัวชนิดรุนแรง หรือมีระบบย่อยอาหารผิดปกติ เป็นทางเลือกเมื่อใช้ 2 สูตรแรกแล้วอาการไม่ดีขึ้น
อย่าปล่อยให้อาการ โคลิค เกิดกับลูกน้อยบ่อย ควรสังเกตและรีบปรึกษาแพทย์ เพื่อหาวิธีแก้ไข แต่ในเด็กที่ได้ดื่มนมแม่ แทบจะไม่มีอาการเหล่านี้เกิดขึ้นเลย แม้แต่ meadjohnson ซึ่งมีผู้เชี่ยวชาญด้านแม่และเด็กโดยเฉพาะยังแนะนำให้ลูกได้ดื่มนมแม่ อย่างเพียงพอ อย่างน้อยใน 6 เดือนแรก – 1 ปี เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันที่ดีและมีการเจริญเติบโตสมวัย ปัจจุบันนี้หลายคนเร่ิมให้ความสำคัญกับอาหารการกินในแม่และเด็กมากขึ้น และคอยหาสิ่งที่ดีที่สุดอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็น วิตามินบํารุงสมอง (https://www.meadjohnsonni.com/th/Nutrition-innovation/MFGM/article/baby-brain-nutrition) อาหารบํารุงครรภ์ (https://www.meadjohnsonni.com/th/โภชนาการลูก/คุณแม่ตั้งครรภ์/โภชนาการคุณแม่ตั้งครรภ์) สำหรับคุณแม่ หรือ อาหารทารก (https://www.meadjohnsonni.com/th/บทความ/6เดือนได้เวลาอาหารเสริม) และ วิตามินสำหรับเด็ก (https://www.meadjohnsonni.com/th/บทความ/โภชนาการเด็กวัย3-6ปี) ซึ่งก็เป็นเรื่องที่ดีที่จะคอยหาสิ่งที่ดีและเหมาะสมต่อตนเองและลูกน้อย อย่างไรก็ตามสำหรับเด็ก ๆ นั้น สิ่งที่ดีกับคนอื่นอาจไม่ใช่สิ่งที่เหมาะสมกับร่างกายลูกน้อยของคุณเสมอไป อย่างเรื่องของการดื่มนมที่เด็กส่วนใหญ่จะสามารถดื่มนมวัวได้ปกติแต่ก็ยังมีเด็กส่วนหนึ่งที่มีอาการแพ้ ดังนั้น คุณแม่จึงควรให้ความสำคัญในการสังเกตอาการของลูกน้อยอยู่เสมอ
ภาวะของอาการแพ้นมวัวในเด็กทารก อาจจะไม่ใช่เรื่องร้ายแรงแต่ว่าถ้าปล่อยเอาไว้ให้เกิดอาการเรื้อรัง สามารถมีผลกระทบต่อไปในอนาคตได้เช่นกัน แต่เชื่อว่าถึงอย่างไร คุณพ่อคุณแม่ก็ย่อมต้องเกิดความกังวลใจอย่างแน่นอนและต้องหาวิธีแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นนี้ด้วยวิธีที่ดีที่สุดสำหรับตัวลูกน้อย ในส่วนของการสังเกตอาการว่าใช่การแพ้หรือไม่ แล้วจะเลือก นมสำหรับเด็กแพ้นมวัว (https://www.meadjohnsonni.com/th/บทความ/คุณค่าของน้ำนมแม่) อย่างไรดี เด็กกลุ่มนี้จะมีอาการ ร้องไห้โยเย ร้องนาน ร้องเสียงแหลม ไม่ยอมกินนมหรือว่าอาเจียน ซึ่งทางการแพทย์เรียกว่า ภาวะ โคลิค ให้สันนิษฐานเบื้องต้นว่าอาจเกิดจากอาการแพ้นมวัว
การเลือก นมสำหรับเด็กแพ้นมวัว (https://www.meadjohnsonni.com/th/บทความ/คุณค่าของน้ำนมแม่) เพื่อช่วยบรรเทาอาการและยังได้คุณค่าครบถ้วน นอกจากนมแม่แล้วแล้วควรเลือกอะไรดี เพราะอาการของการแพ้นมวัวเป็นภาวะแพ้โปรตีน ซึ่งเกิดจากร่างกายคิดว่าโปรตีนที่มีอยู่ในนมวัว เป็นสิ่งแปลกปลอม จะต้องทำให้โปรตีนในนมวัวมีขนาดเล็กลง จนร่างกายไม่รับรู้ว่าเป็นโปรตีนนมวัว อาการแพ้ก็จะไม่ปรากฏ
เด็กแรกเกิด ถึง 6 เดือน เลือกดื่มนมแม่เพียงอย่างเดียว เพราะในน้ำนมแม่นั้นไม่ทำให้เกิดอาการแพ้ใด ๆ และยังไม่มีความจำเป็นที่ต้องให้อาหารอื่นเสริมอีกด้วย แม้แต่น้ำเปล่า น้ำนมแม่ เปรียบเหมือนภูมิต้านทานชั้นเลิศทั้งกับร่างกายและจิตใจ
เด็กในวัยที่ต้องทานอาหารอื่น หรือวัยหย่านมแม่แล้วซึ่งอาการแบบ โคลิค จะปรากฏช่วงนี้ให้เห็นได้ชัดเจน ต้องใช้นมสูตรที่ทำให้โปรตีนมีขนาดเล็กลง อย่าง meadjohnson แนะนำ คือ
นมสูตรโปรตีนผ่านการย่อยบางส่วน (Partially Hydrolyzed Protein) ทำให้มีอนุภาคเล็กลงเหมาะสำหรับเด็กที่อาจจะมีประวัติครอบครัวเป็นภูมิแพ้มาก่อนและเด็กไม่มีอาการแพ้ที่รุนแรงมากนัก
นมสูตรโปรตีนย่อยอย่างละเอียด (Extensively Hydrolyzed Protein) โปรตีนในนมจะถูกย่อยจนได้เป็นโมเลกุลขนาดเล็ก และบางส่วนถูกย่อยจนเป็นกรดอะมิโน ไม่เกิดการกระตุ้นอาการแพ้ ซึ่งสูตรนี้เป็นสูตรที่องค์กรนานาชาติแนะนำให้ใช้สำหรับเด็กที่มีอาการแพ้นมวัว จึงเป็นสูตรที่นิยมนำมาให้เด็กดื่มแทนนมวัวทั่วไป
นมสูตรกรดอะมิโน (Amino Acid Based Formula) ซึ่งเหมาะสำหรับเด็กแพ้นมวัวชนิดรุนแรง หรือมีระบบย่อยอาหารผิดปกติ เป็นทางเลือกเมื่อใช้ 2 สูตรแรกแล้วอาการไม่ดีขึ้น
อย่าปล่อยให้อาการ โคลิค เกิดกับลูกน้อยบ่อย ควรสังเกตและรีบปรึกษาแพทย์ เพื่อหาวิธีแก้ไข แต่ในเด็กที่ได้ดื่มนมแม่ แทบจะไม่มีอาการเหล่านี้เกิดขึ้นเลย แม้แต่ meadjohnson ซึ่งมีผู้เชี่ยวชาญด้านแม่และเด็กโดยเฉพาะยังแนะนำให้ลูกได้ดื่มนมแม่ อย่างเพียงพอ อย่างน้อยใน 6 เดือนแรก – 1 ปี เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันที่ดีและมีการเจริญเติบโตสมวัย