ThaiFranchiseCenter Webboard
สุขภาพ ความสวยความงาม | Health & Beauty => แม่และเด็ก | Child => ข้อความที่เริ่มโดย: อัญณา ที่ กรกฎาคม 14, 2019, 07:54:52 AM
-
คุณพ่อคุณแม่ทราบกันหรือไม่ว่า อาหารเสริมเด็ก (https://www.meadjohnsonni.com/th/บทความ/เพิ่มน้ำนมง่ายๆด้วยอาหารเพิ่มน้ำนมสำหรับคุณแม่)ไม่มีความจำเป็นสำหรับเด็กที่มีสุขภาพแข็งแรง และได้รับสารอาหารครบถ้วนจากการรับประทานอาหารสำหรับเด็ก (https://www.meadjohnsonni.com/th/บทความ/โภชนาการอาหารเด็ก1-3ปี)ตามวัย แต่การให้อาหารเสริมสำหรับเด็กก็มีความจำเป็นสำหรับเด็กบางกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นเด็กแพ้นมวัว (https://www.meadjohnsonni.com/th/ลูกแพ้โปรตีนนมวัว/อาการแพ้โปรตีนนมวัวคืออะไร) เด็กแพ้อาหารทะเลหรือแพ้โปรตีนถั่วเหลือง ซึ่งอาการแพ้อาหารต่างๆ ก็ส่งผลทำให้ทารกท้องเสีย (https://www.meadjohnsonni.com/th/บทความ/อาการไม่สบายท้อง-ท้องอืด-ท้องเสีย-ร้องกวน-และแหวะนม-เกิดจากอะไร)ได้ ดังนั้น เราจะขอนำเทคนิควิธีสังเกตอาการเมื่อลูกท้องเสีย (https://www.meadjohnsonni.com/th/บทความ/ทำอย่างไรเมื่อลูกท้องเสียจากการดื่มนม) มาบอกกัน
คุณพ่อคุณแม่ควรหมั่นสังเกตว่าในช่วงเวลาปกตินั้น อุจจาระของเจ้าตัวน้อยมีสี กลิ่น และมีลักษณะอย่างไร ซึ่งโดยปกติแล้วทารกแรกเกิดมักขับถ่ายหลังดื่มนมแม่และอุจจาระจะมีลักษณะค่อนข้างนิ่ม หากทารกสามารถรับประทานอาหารอื่น ๆ นอกจากนมแม่ได้แล้ว ส่วนบนของอุจจาระอาจมีลักษณะต่างกันไปตามอาหารที่รับประทาน และอุจจาระมักมีลักษณะเป็นก้อนมากขึ้น
ส่วนอาการท้องเสียของทารกอาจสังเกตได้ยาก แต่หากพบว่าลูกน้อยขับถ่ายมากกว่าปกติและอุจจาระมีลักษณะเหลวผิดปกติ นั่นอาจเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าทารกมีอาการท้องเสีย สาเหตุที่ทำให้ทารกท้องเสียอาจเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ดังนี้
1. การติดเชื้อไวรัส ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการท้องเสีย คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง มีไข้ หนาวสั่น และปวดเมื่อยตามร่างกายได้
2. การติดเชื้อแบคทีเรีย อาจเป็นเหตุให้ทารกท้องเสียอย่างรุนแรง และอาจทำให้มีอาการปวดท้อง ถ่ายเป็นเลือด อาเจียน และมีไข้ร่วมด้วย
3. การติดเชื้อที่หู อาจเกิดขึ้นได้จากทั้งเชื้อไวรัสหรือเชื้อแบคทีเรีย ส่งผลให้ทารกมีอาการท้องเสียร่วมกับคลื่นไส้ เบื่ออาหาร เป็นหวัด และอาจสังเกตเห็นว่าทารกจับหรือดึงหูของตนเองบ่อยครั้ง
4. การติดเชื้อปรสิต เชื้อไกอาเดียที่อาศัยอยู่ในลำไส้อาจทำให้ทารกท้องเสีย อุจจาระเป็นไข ท้องอืด หรือมีแก๊สในกระเพาะอาหาร
5. การใช้ยาปฏิชีวนะ เกิดขึ้นได้ทั้งในกรณีที่ทารกต้องรับประทานยาเองหรือคุณแม่ต้องรับประทานยาปฏิชีวนะในช่วงให้นมบุตร ซึ่งอาจส่งผลให้ทารกมีอาการท้องเสียในช่วงระหว่างที่รับประทานยาหรือหลังจากใช้ยาจนครบตามที่แพทย์กำหนดแล้ว
6. การดื่มน้ำผลไม้ปริมาณมาก รวมทั้งเครื่องดื่มที่มีรสหวานมากเกินไป เพราะอาจทำให้เกิดการระคายเคืองต่อกระเพาะอาหารและอาจมีอาการท้องเสียตามมาได้
7. การแพ้โปรตีนจากนมวัว ทารกที่มีอายุไม่ถึง 1 ปี ไม่ควรดื่มนมวัว นมผง หรืออาหารเด็กที่ทำจากนมวัว โดยอาจส่งผลให้ทารกท้องเสีย ถ่ายเป็นมูกเลือด อาเจียน หรือมีผื่นขึ้นตามร่างกาย
8. การแพ้อาหาร เช่น ไข่ ถั่ว ถั่วเหลือง ธัญพืช ปลา หอย อาหารทะเล เป็นต้น โดยอาจมีอาการแพ้เกิดขึ้นในทันทีหรือหลังจากรับประทานอาหารที่แพ้เข้าไปสักพักแล้ว เป็นเหตุให้มีอาการท้องเสีย อุจจาระเป็นเลือด ปวดท้อง และมีแก๊สในกระเพาะ
9. การได้รับสารพิษ รวมถึงสารเคมี สารจากพืช ยา หรือของเล่นต่าง ๆ ที่ไม่ควรนำเข้าปาก ซึ่งอาจทำให้ทารกท้องเสีย คลื่นไส้ หายใจไม่ออก ชัก หรือหมดสติได้
เมื่อลูกน้อยมีอาการท้องเสีย คุณพ่อคุณแม่ไม่ควรใช้ยาแก้ท้องเสีย เพราะอาการท้องเสียเป็นกลไกหนึ่งที่ช่วยขับเชื้อโรคที่เป็นภัยออกจากร่างกาย ดังนั้น คุณพ่อคุณแม่อาจให้ลูกน้อยดื่มผงเกลือแร่ เพราะอาการท้องเสียจะทำให้สูญเสียของเหลวและเกลือแร่ในร่างกายไปเป็นจำนวนมาก แต่หากทารกอาเจียนและไม่สามารถดื่มนมได้ ก็ควรนำไปพบแพทย์จะดีที่สุด Mead Johnson ni ขออยู่เคียงข้างคุณพ่อคุณแม่ในการดูแลลูกน้อยของคุณ