ThaiFranchiseCenter Webboard
การให้บริการทางธุรกิจ | Business Service => การเงิน | Finance => ข้อความที่เริ่มโดย: อัญณา ที่ กรกฎาคม 06, 2019, 03:24:40 PM
-
แน่นอนว่าในเรื่องของการเงินนั้นเราก็คงจะไม่มีใครที่อยากจะมีปัญหาฝืดเคืองติดขัดขึ้นมาอย่างแน่นอน เพราะว่าในปัจจุบันนั้นใครๆ ต่างก็ต้องใช้เงินในการใช้ชีวิตเพื่อความสะดวกสบายของตัวเอง แต่ทั้งนี้ถ้าหากว่าเราเริ่มจะทำงานแล้วเกิดมีเรื่องที่ต้องการ กู้เงิน (https://www.scb.co.th/th/personal-banking/loans.html) มานั้นก็อาจจะเป็นปัญหาได้ เพราะเรานั้นยังไม่มีเงินเก็บที่มากพอนั่นเอง ฉะนั้นถ้าหากว่าใครมีปัญหาแบบนี้นั้นเราก็อยากที่จะแนะนำให้ลองไป สมัครสินเชื่อ (https://www.scb.co.th/th/personal-banking/loans/personal-loans.html)เงินสด ส่วนบุคคลหรือขอสินเชื่อ (https://www.scb.co.th/th/personal-banking/loans/personal-loans/speedy-loan.html)ในรูปแบบต่างๆ ก็ได้
เพราะถ้าหากว่าเราเลือกที่จะไปกู้หนี้ยืมสินนอกระบบนั้นก็อาจจะทำให้เรามีหนี้สินเพิ่มพูนมากขึ้นไปอีก และแน่นอนว่าถ้าหากเราต้องมาสมัครสินเชื่อต่างๆ นั้นเราก็จำเป็นที่จะต้องเสียดอกเบี้ยให้กับทางธนาคารหรือสถาบันการเงินเพื่อเป็นการตอบแทนนั่นเอง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นนอัตราดอกเบี้ยของแต่ละสถาบันการเงินนั้นก็อาจจะแตกต่างกันไปตามเงื่อนไขของแต่ละธนาคาร ซึ่งเราก็ไม่ต้องห่วงว่าจะมีการเรียกเก็บดอกเบี้ยที่มหาโหด เพราะว่าในแต่ละธนาคารหรือสถาบันการเงินที่ไม่ใช่ธนาคารนั้นจะต้องงอยู่ภายใต้กฎเกณฑ์ของธนาคารแห่งประเทศไทยนั่นเอง
และเมื่อเรารู้แล้วว่าจะต้องมีการเสียดอกเบี้ยนั้น ฉะนั้นในวันนี้เราก็อบากที่จะให้ทุกๆ คนนั้นลองมาทำความรู้จักกับวิธีการคิดดอกเบี้ยสินเชื่อเพิ่มเติมกันให้มากขึ้นกว่าเดิมดีกว่าว่า ในการคิดอัตราดอกเบี้ยแต่ละวิธีนั้นสามารถเอาไปใช้สำหรับเงินกู้ประเภทใดบ้าง และสามารถใช้งานได้อย่างไร ซึ่งโดยทั่วไปนัินการคิดดอกเบี้ยเงินกู้จะมีอยู่ด้วยกัน 2 วิธี ซึ่งก็คือ
1. การคิด ดอกเบี้ยสินเชื่อ เงินกู้ แบบเงินต้นคงที่ (Flat Rate) ซึ่งโดยส่วนมากแล้วก็จะนิยมใช้กับ สินเชื่อรถคือเงิน (https://www.scb.co.th/th/personal-banking/loans/car-loans/my-car-my-cash.html) หรือรถจักรยานยนต์ โดยเริ่มคิดดอกเบี้ยจากเงินต้นทั้งจำนวน และก็ระยะเวลาในการผ่อนชำระทั้งหมด หลังจากนั้นผู้ให้สินเชื่อก็จะนำดอกเบี้ยที่คำนวณได้มารวมกับเงินต้น แล้วก็หารด้วยจำนวนงวดที่เราจะผ่อนชำระ ฉะนั้นจำนวนเงินที่เราผ่อนในแต่ละงวดจะเท่ากัน เหมือนกันกับจำนวนเงินต้นและดอกเบี้ยที่จะคงที่ทุกๆ งวดด้วย ซึ่งอัตรา ดอกเบี้ยสินเชื่อ หรือ เงินกู้ แบบเงินต้นคงที่นั้นก็จะมีข้อดี คือ สามารถคิดคำนวณและเข้าใจได้ง่าย แต่ทั้งนี้ก็จะต้องจ่ายดอกเบี้ยมากกว่าการคิดแบบลดต้นลดดอกถ้าหากนำมาเทียบอัตราดอกเบี้ย เงินต้น และระยะเวลาที่เท่ากัน เพราะจำนวนเงินที่เราจะต้องจ่ายเป็นดอกเบี้ยจะไม่ลดลงแม้ว่าเรานั้นจะเหลือเงินต้นน้อยลงไปเรื่อยๆ ก็ตาม
2. การคิดดอกเบี้ยเงินกู้แบบลดต้นลดดอก (Effective Rate) ซึ่งก็จะเป็นการคำนวณดอกเบี้ยในสินเชื่อเกือบทุกประเภท อย่างเช่น การ สินเชื่อส่วนบุคคล (https://www.scb.co.th/th/personal-banking/loans/personal-loans/speedy-loan.html)และการคิดดอกเบี้ยวิธีนี้ก็จะคิดทีละงวดจากฐานเงินต้นที่คงเหลืออยู่ตามการชำระหนี้ ซึ่งถ้าหากเราชำระหนี้ในแต่ละงวดเท่าๆ กันในอัตราดอกเบี้ยเท่าเดิมนั้น เราก็จะพบว่าเงินที่จ่ายไปในงวดแรกๆ ส่วนใหญ่จะถูกจ่ายเป็นค่าดอกเบี้ย ทั้งนี้ก็เนื่องจากจำนวนเงินต้นยังคงสูงอยู่นั่นเอง แต่ทว่าเมื่อเราผ่อนไปสักระยะหนึ่งแล้วดอกเบี้ยก็จะค่อยๆ ลดลงตามจำนวนเงินต้นที่ค่อยๆ ลดลงนั่นเอง