(https://img2.pic.in.th/pic/unnamed-89e46ad605f5996db.jpg)
การค้นหาด้วย Voice Search กำลังเป็นเทรนด์ใหม่ที่ช่วยเพิ่มความสะดวกในการค้นหาข้อมูล สำหรับธุรกิจ การทำ voice search optimization เป็นสิ่งสำคัญในการเข้าถึงลูกค้า มารู้จักเทคโนโลยีนี้และวิธีปรับให้เว็บไซต์ของคุณพร้อมสำหรับการค้นหาด้วยเสียงกันเถอะ
Voice Search คืออะไร
การค้นหาด้วยเสียง หรือ Voice Search คือเทคโนโลยีที่ให้ผู้ใช้งานสามารถค้นหาข้อมูลหรือแอปพลิเคชันบนอินเทอร์เน็ตด้วยการพูดแทนการพิมพ์ ซึ่งเกิดจากการพัฒนาของ AI และเทคโนโลยีการรู้จำเสียง (Speech Recognition) ที่มีความแม่นยำสูง การค้นหาด้วยเสียงมักจะใช้ในอุปกรณ์ที่รองรับ เช่น สมาร์ทโฟน, สมาร์ทโฮม, หรือผู้ช่วยเสียงอย่าง Siri, Google Assistant, หรือ Alexa
ในปัจจุบัน voice search (https://foretoday.asia/articles/voice-search-is-revolutionizing-seo/) กำลังเป็นที่นิยมเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เนื่องจากมันสะดวกและรวดเร็วสำหรับผู้ใช้งาน โดยเฉพาะในยุคที่ชีวิตเร่งรีบ และการใช้เสียงในการสั่งงานช่วยลดเวลาในการพิมพ์คำค้นหาบนคีย์บอร์ด เมื่อ voice search ได้รับความนิยมมากขึ้น ผู้ประกอบการธุรกิจจึงเริ่มหันมาศึกษาและปรับกลยุทธ์ทางการตลาดเพื่อใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีนี้ เช่นการทำ voice search optimization เพื่อให้เว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันสามารถแสดงผลได้ดีที่สุดเมื่อผู้ใช้งานค้นหาผ่านเสียง
วิธีการใช้ Voice search
การใช้ voice search เป็นเรื่องที่ง่ายและสะดวกสบาย โดยทั่วไปแล้ว ขั้นตอนการใช้งาน การค้นหาด้วยเสียง มีดังนี้
1.เลือกอุปกรณ์ที่รองรับ: ก่อนที่คุณจะใช้การค้นหาด้วยเสียง คุณต้องมีอุปกรณ์ที่รองรับ เช่น สมาร์ทโฟน, แท็บเล็ต, หรืออุปกรณ์สมาร์ทโฮมต่างๆ เช่น Google Home หรือ Amazon Echo
2.เปิดฟังก์ชัน Voice Search: ในสมาร์ทโฟนหรืออุปกรณ์ที่รองรับ เช่น Google Assistant หรือ Siri คุณเพียงแค่พูดคำสั่ง เช่น Ok Google หรือ Hey Siri เพื่อเปิดใช้งาน
3.พูดคำค้นหา: เมื่อฟังก์ชันถูกเปิดใช้งานแล้ว คุณสามารถพูดคำค้นหาหรือคำถาม เช่นร้านกาแฟใกล้ฉัน หรือสภาพอากาศวันนี้ ระบบจะทำการแปลงเสียงเป็นข้อความและแสดงผลลัพธ์ตามคำค้นหาที่กล่าวมา
การใช้ voice search นอกจากจะช่วยให้การค้นหาข้อมูลสะดวกขึ้นแล้ว ยังมีประโยชน์ในการค้นหาคำถามที่ซับซ้อนหรือยาว เพราะคุณสามารถพูดคำถามได้เหมือนกับการถามคนจริงๆ
ข้อดีและข้อจำกัดของ Voice search
1.ข้อดีของการค้นหาด้วยเสียง
-สะดวกและรวดเร็ว: การใช้ voice search ช่วยลดเวลาการพิมพ์คำค้นหาและทำให้ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงข้อมูลได้ทันที โดยไม่ต้องใช้มือ
-ใช้งานได้หลายสถานการณ์: เมื่อคุณไม่สามารถพิมพ์ได้ เช่น ในขณะขับรถ หรือทำกิจกรรมอื่นๆ การใช้เสียงในการค้นหาช่วยให้สะดวกในการใช้งานมากขึ้น
-เข้าใจคำค้นหาที่เป็นภาษาธรรมชาติ: Voice search สามารถรับรู้คำถามที่เป็นภาษาธรรมชาติหรือคำพูดที่ไม่เป็นทางการได้ดี เช่น การถาม "ร้านอาหารใกล้ๆ นี้" แทนที่จะเป็นแค่ "ร้านอาหาร"
-เพิ่มประสบการณ์ผู้ใช้งาน: สำหรับธุรกิจที่ต้องการให้บริการลูกค้า การใช้งาน voice search ทำให้ลูกค้าเข้าถึงบริการหรือข้อมูลได้ง่ายขึ้น เพิ่มความสะดวกในการใช้งาน
2.ข้อจำกัดของการค้นหาด้วยเสียง:
-ข้อจำกัดในภาษา: ถึงแม้ว่าจะมีการพัฒนาอย่างมาก แต่บางครั้ง voice search อาจจะยังไม่สามารถรับรู้คำหรือภาษาถิ่นได้อย่างแม่นยำ ทำให้เกิดปัญหาในการค้นหาข้อมูล
-อุปกรณ์และการเชื่อมต่อ: การใช้งาน voice search จำเป็นต้องมีอุปกรณ์ที่รองรับเทคโนโลยีนี้ รวมถึงการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตที่เสถียร หากมีการเชื่อมต่อที่ไม่ดีอาจทำให้การค้นหาไม่ได้ผล
-การค้นหาที่ซับซ้อน: ถึงแม้ว่า voice search จะดีสำหรับคำถามทั่วไปหรือคำค้นหาง่ายๆ แต่บางครั้งมันอาจจะไม่เหมาะสำหรับการค้นหาข้อมูลที่ซับซ้อนหรือมีหลายขั้นตอน เช่น การค้นหาแหล่งข้อมูลที่มีหลายตัวเลือก
เทคนิคการทำ Voice Search
Voice search optimization เป็นกระบวนการที่สำคัญในการทำให้ธุรกิจของคุณสามารถแสดงผลได้ดีที่สุดเมื่อมีการค้นหาด้วยเสียง เทคนิคที่ควรใช้ในการทำ voice search optimization ได้แก่
1.ใช้คำค้นหาที่เป็นภาษาธรรมชาติ: ผู้คนมักจะพูดคำถามในลักษณะภาษาธรรมชาติ เช่น "ร้านกาแฟที่ดีที่สุดในกรุงเทพฯ" หรือ "วิธีทำข้าวผัด" ดังนั้นในการทำ voice search optimization ควรใช้คำค้นหาที่สอดคล้องกับคำถามที่คนทั่วไปจะพูด
2.ทำให้เว็บไซต์ตอบคำถามได้ตรงประเด็น: Google Assistant และ Siri จะตอบคำถามที่ตรงไปตรงมา ดังนั้นธุรกิจควรปรับเนื้อหาเว็บไซต์ให้ตอบคำถามง่ายๆ ได้อย่างชัดเจน เช่น การใส่ FAQ หรือการใช้คำถามและคำตอบที่เป็นประโยชน์ในเนื้อหาของเว็บไซต์
3.เพิ่มความเร็วในการโหลดเว็บไซต์: ความเร็วในการโหลดเว็บไซต์ก็มีผลต่อ voice search optimization หากเว็บไซต์ของคุณโหลดช้า ผู้ใช้งานอาจไม่ได้รับผลลัพธ์จากการค้นหาด้วยเสียงทันที ซึ่งอาจทำให้เสียโอกาสในการดึงดูดลูกค้า
4.ใช้ข้อมูลในรูปแบบที่เหมาะสม: Voice search มักจะให้ผลลัพธ์ในรูปแบบที่เข้าใจง่าย เช่น ข้อมูลที่เป็นลิสต์ หรือข้อมูลที่สามารถตอบคำถามได้อย่างรวดเร็ว ดังนั้นการปรับข้อมูลบนเว็บไซต์ให้เป็นประโยชน์และตอบโจทย์ได้จะช่วยให้ voice search ให้ผลที่ดีขึ้น
สรุป
การค้นหาด้วยเสียง หรือ voice search (http://)กำลังกลายเป็นเทรนด์ใหม่ในโลกดิจิทัล ซึ่งการเข้าใจการใช้และการทำ voice search optimization ถือเป็นกุญแจสำคัญในการดึงดูดลูกค้าและเพิ่มโอกาสทางการตลาด หากคุณต้องการเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงลูกค้าผ่านเสียง อย่าลืมปรับกลยุทธ์การทำการตลาดให้เหมาะสมกับการค้นหาด้วยเสียงเพื่อให้ธุรกิจของคุณสามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืน