ThaiFranchiseCenter Webboard
พูดคุยทั่วไป สบายๆ | General Talk => ตลาดกลาง COVID-19 ฝากร้าน ฟรี! => ข้อความที่เริ่มโดย: กมลชนก ที่ มิถุนายน 23, 2025, 07:55:43 AM
-
ในช่วงวัย 30 ปีขึ้นไป หลายคนเริ่มสังเกตถึงการเปลี่ยนแปลงเล็ก ๆ บนใบหน้า เช่น ความเหนื่อยล้าแม้จะพักผ่อนเพียงพอ หรือใบหน้าที่ดูเศร้าแม้จะไม่ได้รู้สึกเช่นนั้น หนึ่งในปัจจัยสำคัญคือคิ้วตก ซึ่งส่งผลให้ภาพรวมของใบหน้าดูหม่นหมองลงโดยไม่ตั้งใจ (https://drbeamfacialplastic.com/news-amp-blog/eyebrow-ptosis/) และอาจทำให้ความมั่นใจลดลงโดยไม่รู้ตัว
สัญญาณแรกของการเปลี่ยนแปลงบริเวณหน้าผากและคิ้ว
(https://i.postimg.cc/W4cx6QTN/4.jpg)
เมื่ออายุเพิ่มขึ้น กล้ามเนื้อที่ช่วยยกคิ้วเริ่มอ่อนแรง ขณะเดียวกันคอลลาเจนและอีลาสตินที่ทำหน้าที่พยุงผิวก็ลดลงตามธรรมชาติ ส่งผลให้คิ้วค่อย ๆ ลดระดับลง หรือที่เรียกว่าปัญหา คิ้วตก ซึ่งอาจสังเกตได้จากการแต่งหน้าที่ยากขึ้น หนังตาเริ่มบดบังเปลือกตา หรือคิ้วไม่อยู่ในระดับเดิมเมื่อเทียบกับภาพในอดีต
พฤติกรรมในชีวิตประจำวันที่ส่งผลต่อการหย่อนคล้อย
การขมวดคิ้วเป็นประจำ การจ้องหน้าจอนาน ๆ และการนอนในท่าที่กดใบหน้า ล้วนเป็นปัจจัยที่เร่งให้เกิด คิ้วตก ได้เร็วขึ้น แม้จะไม่รู้สึกในทันที แต่ผลสะสมในระยะยาวอาจส่งผลต่อความยืดหยุ่นของผิวและโครงสร้างกล้ามเนื้อใบหน้าโดยรวม
คำแนะนำจากแพทย์ด้านผิวหนังและศัลยกรรมตกแต่ง
แพทย์แนะนำให้เริ่มใส่ใจตั้งแต่ช่วงวัย 30 ปี เพราะเป็นจุดเริ่มต้นที่สามารถชะลอความหย่อนคล้อยได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยการดูแลผิวรอบหน้าผากอย่างต่อเนื่อง หลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่เพิ่มแรงกดบนใบหน้า และหากมีสัญญาณของ คิ้วตก อย่างชัดเจน ควรเข้ารับคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญเพื่อประเมินแนวทางการดูแลอย่างเหมาะสม
การเลือกหัตถการตามช่วงวัย
- วัย 30–40 ปี: หัตถการที่ได้รับความนิยม ได้แก่ การฉีดโบท็อกซ์ยกคิ้ว การร้อยไหม หรือการใช้คลื่นความถี่เพื่อกระตุ้นคอลลาเจน เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาคิ้วตกเพียงเล็กน้อย และยังไม่ต้องการผ่าตัด
- วัย 40 ปีขึ้นไป: หากมีปัญหาหย่อนคล้อยมากขึ้น การผ่าตัดยกคิ้วหรือใช้วัสดุช่วยยึดผิว เช่น endotine อาจให้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนและยาวนานกว่า