ก้านไม้กอล์ฟที่ดี เสริมประสิทธิภาพการตีทุกระยะ เลือกอย่างไรดี
(https://img5.pic.in.th/file/secure-sv1/golf-shaftf61c4671d8846bd2.png)
ก้านไม้กอล์ฟ อุปกรณ์ที่มีผลต่อระยะทาง ความแม่นยำ และวงสวิงของนักกอล์ฟตั้งแต่มือใหม่ไปจนถึงมืออาชีพ เลือกก้านไม้ที่เข้ากับคุณจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเล่นให้ดีขึ้น
เมื่อพูดถึงกีฬากอล์ฟ หนึ่งในอุปกรณ์สำคัญที่ขาดไม่ได้เลยก็คือ ก้านไม้กอล์ฟ (Golf Shaft) แม้ว่านักกอล์ฟหลายคนจะให้ความสำคัญกับหัวไม้ ถุงมือกอล์ฟ และลูกกอล์ฟ แต่ความจริงแล้วก้านไม้กอล์ฟ (https://www.leoniangolf.com/th/shop/golf-shaft/)ที่ดีหรือไม่นั้น ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ส่งผลต่อระยะทาง ความแม่นยำ และความรู้สึกในการตี การเลือกก้านไม้กอล์ฟไม่ใช่แค่ดูว่าก้านไม้กอล์ฟ ยี่ห้อไหนดี แต่ยังมีปัจจัยอื่น ๆ เพิ่มเติมอีกด้วย
บทความนี้จะพาเหล่านักกอล์ฟไปทำความรู้จักกับก้านไม้กอล์ฟ ว่าคืออะไร ก้านไม้กอล์ฟมีกี่แบบ พร้อมแนะนำการเลือกก้านไม้กอล์ฟให้ตอบโจทย์กับไลฟ์สไตล์การตีลูกของคุณ ไปดูกันเลย!
ก้านไม้กอล์ฟ มีประโยชน์อะไร ส่งผลต่อการสวิงอย่างไร
ก้านไม้กอล์ฟ มีหน้าที่ในการกำหนดลักษณะวงสวิงของนักกอล์ฟ หากสามารถเลือกก้านไม้กอล์ฟที่เหมาะสมกับสไตล์การเล่นของผู้เล่นแต่ละคนได้ ก็จะช่วยให้เกิดการถ่ายเทน้ำหนักจากแรงตีไปยังลูกกอล์ฟได้อย่างยอดเยี่ยม
ก้านไม้กอล์ฟที่มีความยืดหยุ่นสูง จะช่วยให้หน้าไม้กอล์ฟปะทะลูกในมุมที่พอดี ส่งผลให้ลูกพุ่งออกไปด้วยความเร็วและทิศทางที่ควบคุมได้ดีขึ้น ในขณะที่ก้านไม้กอล์ฟที่จนแข็งเกินไปอาจทำให้สูญเสียพลังและความแม่นยำ แต่ในทางกลับกัน ก้านไม้กอล์ฟที่อ่อนจนเกินไปอาจทำให้สูญเสียการควบคุมและสร้างสปินที่มากเกินความจำเป็น ดังนั้น ควรเลือกก้านไม้กอล์ฟที่เหมาะกับมือเรามากที่สุด เพราะจะช่วยให้วงสวิงเป็นไปอย่างธรรมชาติ และลดอาการเมื่อยล้าได้
วิธีเลือกก้านไม้กอล์ฟควรดูจากอะไรบ้าง
นอกจากก้านไม้กอล์ฟราคาที่ไม่ถูกจนเกินไปแล้ว ก่อนที่จะตัดสินใจเลือกซื้อก้านไม้กอล์ฟ มีสิ่งที่ควรพิจารณา ดังต่อไปนี้
1. เลือกจากความแข็งของก้าน (Flex)
นอกจากวัสดุที่ทำก้านไม้กอล์ฟแล้ว สิ่งที่นักกอล์ฟมือใหม่ไม่ควรมองข้ามก็คือ Flex หรือระดับความแข็งของก้านไม้กอล์ฟ ซึ่งมีผลต่อการดีดตัวของก้านและระยะทางของลูกกอล์ฟ โดยแบ่งออกเป็นประเภทต่าง ๆ เช่น
- Extra Stiff (X) หรือก้านไม้กอล์ฟ Flex X เหมาะสำหรับนักกอล์ฟที่มีความเร็วสวิงสูง (มากกว่า 105 ไมล์ต่อชั่วโมง)
- Stiff (S) หรือก้านไม้กอล์ฟ Flex S เหมาะกับนักกอล์ฟที่มีความเร็วสวิงปานกลางถึงสูง (ประมาณ 95-105 ไมล์ต่อชั่วโมง)
- Regular (R) หรือก้านไม้กอล์ฟ Flex R เหมาะสำหรับนักกอล์ฟทั่วไปที่มีความเร็วสวิงปานกลาง (ประมาณ 85-95 ไมล์ต่อชั่วโมง)
- Senior (A) หรือก้านไม้กอล์ฟ Flex A เหมาะสำหรับนักกอล์ฟที่มีความเร็วสวิงต่ำ (ต่ำกว่า 85 ไมล์ต่อชั่วโมง)
- Ladies (L) หรือก้านไม้กอล์ฟ Flex L เหมาะสำหรับนักกอล์ฟหญิงหรือผู้ที่มีแรงสวิงต่ำ
2. เลือกจากน้ำหนักของก้าน
น้ำหนักของก้านไม้กอล์ฟมีผลต่อความเร็วและความแม่นยำของสวิง โดยทั่วไปแล้วก้านไม้กอล์ฟที่เบาจะช่วยเพิ่มความเร็วในการสวิง เหมาะสำหรับนักกอล์ฟที่ต้องการเพิ่มระยะทาง ส่วนก้านไม้กอล์ฟที่หนักจะช่วยเพิ่มความแม่นยำและการควบคุม เหมาะสำหรับนักกอล์ฟที่ต้องการตีลูกได้ตรงขึ้นมากกว่า
3. เลือกจากจุดสมดุลของก้าน (Kick Point หรือ Bend Point)
Kick Point คือจุดที่ก้านไม้กอล์ฟโค้งงอมากที่สุด ซึ่งมีผลต่อวิถีการเคลื่อนที่ในระดับความสูงและทิศทางของลูกกอล์ฟ โดย Low Kick Point เป็นจุดที่ช่วยให้ลูกพุ่งสูงขึ้น เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเพิ่มระยะทาง ส่วน Mid Kick Point เป็นจุดที่ให้วิถีลูกปานกลาง เหมาะสำหรับนักกอล์ฟที่ต้องการสมดุลระหว่างระยะทางกับการควบคุมทิศทาง และ High Kick Point เป็นจุดที่ช่วยให้ลูกพุ่งต่ำลง เหมาะสำหรับนักกอล์ฟที่ต้องการควบคุมวิถีลูกให้แม่นยำขึ้น
4. เลือกจากวัสดุของก้าน
ก้านไม้กอล์ฟมีวัสดุที่แตกต่างกัน ซึ่งมีคุณสมบัติที่แตกต่างเหล่านี้ส่งผลต่อประสิทธิภาพของการเล่นได้ แล้วก้านไม้กอล์ฟมีกี่แบบ? ไปดูกัน
- ก้านไม้กอล์ฟชุดเหล็ก (Steel) เป็นวัสดุที่มีความแข็งแรง ทนทาน ให้การควบคุมที่ดี แต่มีน้ำหนักมากกว่า
- ก้านไม้กอล์ฟกราไฟต์ (Graphite) เป็นวัสดุที่มีน้ำหนักเบา ลดแรงสั่นสะเทือน เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเพิ่มระยะทาง
- ก้านไม้กอล์ฟวัสดุแบบผสม (Multi-Material) เป็นวัสดุที่รวมเอาข้อดีของทั้งเหล็กและกราไฟต์เข้าไว้ด้วยกัน คือ ให้ความแม่นยำและลดแรงสั่นสะเทือนได้ดี
การทดสอบ Flex ก้านไม้กอล์ฟ คืออะไร ดีอย่างไร
(https://img2.pic.in.th/pic/golf-shaft-flex.png)
Flex หรือความแข็งของก้านไม้กอล์ฟ มีผลต่อการควบคุมและระยะทางของการตีลูก หากเลือก Flex ไม่เหมาะสม อาจทำให้ลูกกอล์ฟพุ่งออกจากเป้าหมายหรือลดประสิทธิภาพของการตีลูกกอล์ฟได้ เช่น หากใช้ก้านที่แข็งเกินไป อาจทำให้ลูกออกตัวต่ำและไม่สามารถส่งแรงไปได้ไกล แต่หากใช้ก้านที่อ่อนเกินไป อาจทำให้ลูกกอล์ฟลอยสูงเกินไปและสูญเสียความแม่นยำได้ วิธีทดสอบ Flex ของก้านไม้กอล์ฟ ได้แก่
- ทดสอบกับเครื่องวัดความเร็วสวิง โดยใช้เครื่อง TrackMan หรือ Launch Monitor เพื่อวัดความเร็วและเลือก Flex ที่เหมาะสม
- ทดลองสวิงด้วยก้านไม้กอล์ฟหลายระดับ Flex ที่ต่างกัน เพื่อดูว่า Flex ไหนให้ความรู้สึกดีที่สุด
- ลองตีลูกแล้วดูว่าก้าน Flex ใดให้วิถีลูกและระยะทางที่เหมาะสมที่สุด
- ไปที่ร้านกอล์ฟหรือฟิตติ้งเซ็นเตอร์เพื่อให้ผู้เชี่ยวชาญช่วยวิเคราะห์และแนะนำก้านไม้กอล์ฟที่เหมาะกับเราที่สุด
การดูแลรักษาก้านไม้กอล์ฟเพื่อยืดอายุใช้งาน ทำได้อย่างไร
เพื่อให้ก้านไม้กอล์ฟอยู่ในสภาพดีและมีอายุใช้งานได้ยาวนาน เราควรหมั่นดูแลรักษาด้วยวิธีที่เหมาะสม โดยสามารถทำได้ดังนี้
- ใช้ผ้าชุบน้ำหมาด ๆ เช็ดสิ่งสกปรกหรือคราบเหงื่อออกจากก้านไม้กอล์ฟหลังจากใช้งานเสร็จ
- หลีกเลี่ยงการเก็บไม้กอล์ฟในที่ที่มีความชื้นและอุณหภูมิสูง เช่น ในรถที่จอดกลางแดด เพราะอาจทำให้ก้านเสียรูป
- ตรวจสอบรอยร้าวหรือความเสียหายหลังการใช้งาน หากพบรอยแตกร้าว ควรเปลี่ยนก้านใหม่เพื่อป้องกันการแตกหักระหว่างสวิง
- ใช้ถุงมือกอล์ฟที่ดี เพื่อช่วยลดแรงกระแทกและป้องกันความชื้นสะสมที่ก้านไม้กอล์ฟ
- เก็บไม้กอล์ฟในถุงกอล์ฟที่มีตัวแบ่งช่อง เพื่อช่วยป้องกันการกระแทกกันของก้านไม้กอล์ฟ ลดความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นได้
ก้านไม้กอล์ฟ อุปกรณ์ที่มีผลต่อวงสวิงของคุณ
ก้านไม้กอล์ฟ คือส่วนที่เชื่อมต่อระหว่างกริป (Grip) และหัวไม้กอล์ฟ โดยมีหน้าที่ถ่ายทอดพลังจากวงสวิงของผู้เล่นไปยังลูกกอล์ฟ ซึ่งก้านไม้กอล์ฟมีหลากหลายประเภท ทั้งในเรื่องของวัสดุ ความแข็ง (Flex) น้ำหนัก และการออกแบบ ซึ่งแต่ละปัจจัยล้วนมีผลต่อประสิทธิภาพของการตีทั้งสิ้น ดังนั้น ควรทดลองสวิงแล้วจึงเลือกก้านไม้กอล์ฟที่คุณรู้สึกว่าสามารถควบคุมการเล่นได้ดีที่สุด เพื่อพัฒนาเกมกอล์ฟให้ดีขึ้นไปอีก เพราะการเลือกก้านไม้ให้เหมาะสมกับตนเองเป็นสิ่งที่นักกอล์ฟทุกระดับควรคำนึงถึงก่อนที่จะนำไปลงสนามจริง