ASD โรคผนังกั้นหัวใจรั่ว มีอาการแบบไหน รักษาได้ไหม ?
(https://img2.pic.in.th/pic/ASD53a7148565f88556.png)
โรคผนังกั้นหัวใจรั่ว ถือเป็นโรคที่สามารถเกิดขึ้นได้ในทั้งเด็ก และผู้ใหญ่ เป็นโรคที่ส่งผลให้ผู้ป่วยมีอาการใจสั่น รู้สึกเหนื่อย หอบ ได้ง่าย เป็นโรคที่ไม่ควรปล่อยเอาไว้นาน เพราะอาจส่งผลให้หัวใจเต้นผิดจังหวะ หรือหัวใจล้มเหลวได้ รู้จักกับโรคผนังหัวใจรั่ว หรือโรค ASD ให้มากขึ้น โรค ASD คืออะไร มีวิธีสังเกตอาการของโรคอย่างไร การรักษาโรค ASD (https://www.praram9.com/asd-atrial-septal-defect/) ทางการแพทย์มีวิธีการรักษาแบบไหน หาคำตอบทั้งหมดนี้ได้ในบทความนี้
ASD โรคผนังกั้นหัวใจรั่ว คืออะไร ?
โรค ASD (Atrial Septal Defect) หรือโรคผนังหัวใจรั่ว ASD คือโรคที่เกิดจากความผิดปกติของให้ใจตั้งแต่กำเนิด เกิดจากผนังกั้นระหว่างห้องหัวใจบนมีรูเปิด ทำให้เลือดจากหัวใจห้องซ้าย และหัวใจห้องขวาไหลเวียนผิดปกติ ส่งผลให้หัวใจต้องทำงานหนักมากขึ้น โดยอาการจะขึ้นอยู่แตกต่างกันไปในผู้ป่วยแต่ละคน ทำให้รู้สึกเหนื่อยง่าย หัวใจมีการเต้นผิดจังหวะ หรือในบางรายอาจมีภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ เป็นโรคที่ไม่ควรปล่อยไว้ ซึ่งในปัจจุบันโรค ASD สามารถรักษาได้ด้วยเทคนิคทางการแพทย์ โดยวิธีการรักษาจะขึ้นอยู่กับอาการของผู้ป่วยแต่ละคน
ASD แบ่งลักษณะเป็นกี่ประเภทอะไรบ้าง ?
(https://img2.pic.in.th/pic/atrial-septal-defect.png)
โรค ASD หรือโรคผนังหัวใจรั่ว เป็นภาวะที่เกิดจากรูรั่วในผนังหัวใจ ซึ่งจะสามารถแบ่งประเภทของโรคตามตำแหน่งที่เกิดรูรั่ว โดยจะสามารถแบ่งเป็น 4 ประเภท ดังนี้
Secundum ASD
โรค ASD ประเภทนี้ ถือเป็นประเภทที่พบได้บ่อยที่สุดในจำนวนผู้ป่วย โดยจะมีสาเหตุที่เกิดจากผนังหัวใจส่วนบน (Atrial Septum) ซึ่งถือเป็นส่วนที่บางที่สุด (Fossa ovalis ) ทำให้เลือด (เลือดแดง) จากห้องบนซ้าย ไหลไปยังส่วนของห้องบนขวา (เลือดดำ) ทำให้ปอดของผู้ป่วยทำงานหนักมากขึ้น
Primum ASD
รูรั่วของโรค ASD ประเภทนี้ จะเกิดขึ้นในบริเวณส่วนล่างของผนังหัวใจห้องบน ซึ่งจะอยู่ใกล้กับลิ้นหัวใจ ซึ่งมักจะพบร่วมกับความผิดปกติของลิ้นหัวใจอาการอื่น ๆ เช่น ลิ้นหัวใจไมตรัลรั่ว (Mitral Valve Cleft) ถือเป็นความผิดปกติที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาของโครงสร้างหัวใจส่วนกลาง
Sinus Venosus ASD
เป็นประเภทของโรค ASD ที่พบได้น้อยหากเทียบกับประเภท Secundum ASD โดยรูรั่วจะอยู่บริเวณส่วนบนของผนังกั้นหัวใจห้องบน อยู่ใกล้กับจุดที่หลอดเลือดดำปอดไหเข้าสู่หัวใจ ซึ่งมักจะพบร่วมกับความผิดปกติของการเชื่อมต่อหลอดเลือดดำปอด (Partial Anomalous Pulmonary Venous Return) ทำให้เลือดที่มาจากปอดบางส่วน ไหลกลับไปที่ห้องหัวใจด้านขวาแทนที่จะไปที่หัวใจห้องบนซ้าย
Coronary Sinus ASD
ประเภทของโรคผนังหัวใจรั่ว ASD ที่พบได้น้อยที่สุด โดยรูรั่วจะอยู่บริเวณหลอดเลือดดำที่ทำหน้าที่ระบายเลือดจากกล้ามเนื้อหัวใจกลับสู่หัวใจห้องบนขวา ซึ่งในบางกรณีอาจพบความผิดปกติร่วมกับภาวะไซนัสโคโรนารีที่ไม่มีหลังคา Unroofed Coronary Sinus ที่เป็นภาวะการเชื่อมต่อระหว่าง โครงสร้างหลอดเลือดดำ (Coronary sinus) กับหัวใจห้องบนซ้ายทำงานผิดปกติ
ASD มีอาการที่เป็นสัญญาณเตือนของโรคอะไรบ้าง ?
โรคผนังหัวใจรั่ว หรือโรค ASD เป็นโรคที่สามารถพบได้โดยตั้งแต่กำเนิด ซึ่งในผู้ป่วยบางคน อาการอาจไม่ส่งผลในช่วงวัยเด็ก แต่จะมาส่งผลในช่วงที่มีอายุมากขึ้น โดยจะสามารถสังเกตอาการที่มีความเสี่ยงเป็นโรค ASD ดังต่อไปนี้
- เสียงฟู่ของหัวใจ (Heart Murmur) เป็นสัญญาณเตือนที่สามารถตรวจพบได้จากหูฟังทางการแพทย์ (Stethoscope) ซึ่งเกิดจากการไหลเวียนของเลือดที่ผิดปกติในผนังหัวใจ ทำให้เกิดเป็นเสียงฟู่เบา ๆ
- มีอาการหายใจติดขัด เหนื่อยง่าย (Shortness of Breath) เป็นอาการปกติที่มักพบในผู้ป่วย ASD ผู้ป่วยมักจะรู้สึกหายใจลำบาก รู้สึกแน่นหน้าอกได้ง่าย เนื่องจากเลือดมีการไหลเวียนที่ผิดปกติ อาจมีผนังกั้นหัวใจรั่ว ทำให้ปอดต้องทำงานหนักมากขึ้น
- ขาบวมผิดปกติ (Swelling in the Legs, Feet, or Abdomen) เป็นอาการที่มักพบได้ในผู้ป่วยโรค ASD ซึ่งการที่มีผนังหัวใจรั่ว จะทำให้ระบบการไหลเวียนเลือดมีความผิดปกติ อาจทำให้เส้นเลือดดำบริเวณขาเกิดการอุดตัน จนมีอาการขาบวมได้
- เส้นเลือดในสมองตีบ (Stroke or Blood Clots) สำหรับป่วยโรค ASD ที่มีผนังหัวใจรั่วมีรูรั่วขนาดใหญ่กว่าปกติ อาจทำให้เกิดภาวะเลือดไหลผ่านรูรั่วจากหัวใจห้องขวาไปยังหัวใจห้องซ้าย จนทำให้เกิดการอุดตันที่สมองได้
- ปอดติดเชื้อได้ง่าย (Frequent Lung Infections) เพราะการที่มีผนังกั้นหัวใจรั่ว จะทำให้มีเลือดไหลเวียนไปที่บริเวณปอดมากกว่าปกติ ส่งผลให้ปอดมีการสะสมของเหลวคั่งมากขึ้น จนอาจทำให้ปอดอักเสบ และติดเชื้อได้
ASD มีวิธีการรักษาแบบใดบ้าง ?
(https://img2.pic.in.th/pic/treatment-for-atrial-septal-defect.png)
การรักษาโรค ASD จะมีการรักษาหลายรูปแบบ โดยแพทย์จะต้องทำการตรวจ และวินิจฉัย ว่าผู้ป่วยมีภาวะผนังหัวใจรั่วที่อยู่ในระดับไหน ควรที่จะได้รับการรักษาแบบใดถึงจะมีความเหมาะสม โดยวิธีการรักษาจะมี 4 รูปแบบ ดังนี้
1. การเฝ้าระวัง และติดตามอาการอย่างสม่ำเสมอ สำหรับผู้ป่วยที่มีรูผนังหัวใจรั่วที่มีขนาดเล็กมาก และไม่มีภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ เพิ่มเติม
2. การรักษาด้วยยารักษา ASD ซึ่งจะใช้สำหรับผู้ป่วยที่มีอาการผนังกั้นหัวใจรั่วที่มีขนาดปานกลาง โดยยาจะเข้าไปช่วยควบคุมภาวะหัวใจล้มเหลว และช่วยปิดรูรั่วสำหรับผู้ป่วยที่มีรูรั่วไม่ใหญ่มากภายใน 1-2 ปีได้
3. การผ่าตัดปิดรูรั่ว จะเป็นวิธีที่ใช้สำหรับผู้ที่มีผนังกั้นหัวใจรั่วที่มีขนาดใหญ่กว่า 36 มิลลิเมตร หรือมีรูรั่วหลายจุด หรือผู้ป่วยที่ไม่สามารถรักษาได้ด้วยยา มีภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ ที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ
4. การปิดรูรั่วด้วยการใช้สายสวนหัวใจ เป็นทางเลือกสำหรับผู้ป่วยที่ไม่สามารถทำการผ่าตัดได้ โดยจะมีการใช้อุปกรณ์ชนิดพิเศษ โดยจะนำอุปกรณ์โลหะที่มีขนาดเล็ก เข้าไปปิดรูรั่วของผนังกั้นหัวใจรั่วผ่านทางสายสวนหัวใจจากทางหลอดเลือดดำที่หนีบขา
ASD โรคผนังกั้นหัวใจรั่ว โรคแผงที่มาตั้งแต่กำเนิด
โรค ASD คือโรคผนังกั้นหัวใจรั่ว เป็นภาวะหัวใจพิการแต่กำเนิด ซึ่งอาการของโรค ASD จะมีความแตกต่างกันไปตามลักษณะของผนังหัวใจรั่วของผู้ป่วย เป็นโรคที่ส่งผลกระทบโดยตรงกับระบบไหลเวียนเลือด รวมไปถึงระบบการหายใจ เป็นโรคที่ควรได้รับการรักษาไม่ควรปล่อยไว้นาน เนื่องจากจะทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนที่เป็นปัญหากับสุขภาพเรื้อรังได้