(https://www.narinthong.com/wp-content/uploads/2024/03/%E0%B9%82%E0%B8%A3%E0%B8%87%E0%B8%9E%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%9A%E0%B8%B2%E0%B8%A5%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%A7%E0%B9%8C1-1024x538.jpg)
โรงพยาบาลสัตว์เสียภาษีอย่างไร ? (https://www.narinthong.com/taxation/%e0%b9%82%e0%b8%a3%e0%b8%87%e0%b8%9e%e0%b8%a2%e0%b8%b2%e0%b8%9a%e0%b8%b2%e0%b8%a5%e0%b8%aa%e0%b8%b1%e0%b8%95%e0%b8%a7%e0%b9%8c%e0%b9%80%e0%b8%aa%e0%b8%b5%e0%b8%a2%e0%b8%a0%e0%b8%b2%e0%b8%a9%e0%b8%b5/)
ในปัจจุบันคนไทยนิยมเลี้ยงสัตว์กันมากขึ้น สามารถเห็นกันได้ชัดเจนเลยว่า ตลาดธุรกิจสัตว์เลี้ยงในไทยเติบโต หากใครที่กำลังเริ่มต้นอยากเป็นเจ้าของธุรกิจประเภทนี้ คุณต้องรู้ก่อนว่า โรงพยาบาลสัตว์เสียภาษีอย่างไร และต้องวางแผนภาษีแบบไหน กับ นรินทร์ทอง (https://www.narinthong.com/)
โรงพยาบาลสัตว์เสียภาษีอย่างไร ?
ประกอบธุรกิจในรูปแบบบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคล
(https://www.narinthong.com/wp-content/uploads/2024/03/%E0%B9%82%E0%B8%A3%E0%B8%87%E0%B8%9E%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%9A%E0%B8%B2%E0%B8%A5%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%A7%E0%B9%8C2.jpg)
ธุรกิจแบบบุคคลธรรมดา ถือว่าเป็นเจ้าของเพียงคนเดียว ทำให้การคิดภาษีเป็นแบบ ‘ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา’ ที่มีการหักค่าใช้จ่ายตามความเป็นจริง โดยมีการชำระภาษี 2 ครั้งต่อปี คือ แบบ ภ.ง.ด.94 และ แบบ ภ.ง.ด.90
ธุรกิจแบบนิติบุคคล สามารถมาในรูปแบบของห้างหุ้นส่วนหรือบริษัท ที่มีผู้ถือหุ้นตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป ประกอบกิจการรักษาสัตว์ ต้องเสีย ‘ภาษีเงินได้นิติบุคคล’ จากกำไรสุทธิสูงสุด 20% คือ แบบ ภ.ง.ด.51 และ แบบ ภ.ง.ด.50
การเสียภาษีประเภทอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
(https://www.narinthong.com/wp-content/uploads/2024/03/%E0%B9%82%E0%B8%A3%E0%B8%87%E0%B8%9E%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%9A%E0%B8%B2%E0%B8%A5%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%A7%E0%B9%8C3.jpg)
ภาษีมูลค่าเพิ่ม เป็นการเรียกเก็บภาษีจากการขายสินค้าหรือบริการในอัตรา 7% และนำส่งให้กับทางกรมสรรพากร
ภาษีหัก ณ ที่จ่าย ทางโรงพยาบาลสัตว์หรือคลินิกรักษาสัตว์ จะต้องมีการหักภาษี ณ ที่จ่ายอยู่ด้วยกัน 2 อัตรา คือ ‘หักอัตรา 1%’ เป็นการจ่ายเงินค่ารักษาในนามรัฐบาล และ ‘หักอัตรา 3%’ กรณีที่ทางคลินิกมีการว่าจ้างพนักงานและจ้างบุคคลภายนอก
ภาษีป้าย การเปิดโรงพยาบาลสัตว์หรือคลินิกรักษาสัตว์ต้องมีป้าย เพื่อช่วยระบุว่าสถานประกอบการอยู่ตรงไหน และมีการเก็บภาษีป้ายกับทางผู้ประกอบการ
วิธีวางแผนภาษีกับการเปิดโรงพยาบาลสัตว์
(https://www.narinthong.com/wp-content/uploads/2024/03/%E0%B9%82%E0%B8%A3%E0%B8%87%E0%B8%9E%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%9A%E0%B8%B2%E0%B8%A5%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%A7%E0%B9%8C4.jpg)
- เตรียมความพร้อมก่อนเริ่มธุรกิจ จัดเตรียมระบบรับเงิน เช่น ติดต่อทำเรื่องเครื่อง EDC หรือ QR Code รับเงิน และเงินสดที่ต้องมีทอน
- การจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม แนะนำให้จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม เพราะธุรกิจโรงพยาบาลสัตว์ ทางสรรพากรมองว่าเป็นธุรกิจที่ฟุ่มเฟือย จากรายละเอียดการรักษา
- ทรัพย์สินในคลินิก ต้องนำอุปกรณ์ทั้งหมด มาจัดทำรายละเอียดของทรัพย์สิน โดยแบ่งว่ารายการนั้นคืออะไร, มีมูลค่าเท่าไหร่ และดูอายุการใช้งานร่วมด้วย
- ที่ดินและตัวอาคาร ในกรณีที่ผู้ประกอบการ เช่าที่ดินเปล่ามาทำธุรกิจ ต้องหัก ณ ที่จ่าย 5% เพื่อนำส่งกรมสรรพากรทุกเดือน และถ้าลงทุนปลูกสร้างอาคารเอง ต้องมีการทำสัญญางานก่อสร้างทั้งหมด
- เงินเดือนพนักงาน ควรตั้งระบบการจ่ายเงินเดือน เพื่อเป็นการแยกระหว่างพนักงานประจำที่มีประกันสังคม, นำส่ง ภ.ง.ด.1 ทุกเดือน และสรุป ภ.ง.ด.1ก เป็นต้น
- ค่าใช้จ่ายในด้านต่างๆ ในกรณีที่เปิดธุรกิจโรงพยาบาลสัตว์ในนามบริษัท ต้องตรวจสอบให้ดีว่าในใบเสร็จเป็นชื่อที่ถูกต้องของบริษัท
ใครที่เป็นผู้ประกอบการทำธุรกิจเปิดโรงพยาบาลสัตว์หรือคลินิกรักษาสัตว์ หลังจากที่ได้อ่านบทความนี้แล้ว จะช่วยให้คุณได้เข้าใจเกี่ยวกับภาษีมากขึ้น แต่ถ้าเจ้าของธุรกิจคนไหนไม่มั่นใจ ว่าตัวเองมีการเตรียมพร้อมที่ถูกต้องหรือไม่ ใช้บริการสำนักงานบัญชี นรินทร์ทอง เพื่อให้การดำเนินเรื่องของภาษีมีความถูกต้องตามกฎหมาย และหมดกับปัญหาที่ตามมาให้ปวดหัว
การเสียภาษีไม่ใช่เรื่องยุ่งยาก ที่นรินทร์ทอง!
บริษัท นรินทร์ทอง จำกัด (https://www.narinthong.com/) เป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านบัญชี และภาษี รวมไปถึงการจดทะเบียนนิติบุคคล ไม่ว่าจะเป็นในรูปแบบ บริษัท หรือห้างหุ้นส่วน ด้วยประสบการณ์ที่ให้บริการมากกว่า 20 ปี โดยมีบริการให้คุณได้เลือกใช้อย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น