ThaiFranchiseCenter Webboard
การให้บริการทางธุรกิจ | Business Service => การเงิน | Finance => ข้อความที่เริ่มโดย: nemophilanie ที่ ตุลาคม 28, 2022, 05:16:15 PM
-
ในการซื้อบ้านเป็นของตนเองหลาย ๆ คนอาจจะมองหนทางการ กู้ร่วมซื้อบ้าน ซึ่งก็คือ การลงนามสัญญากู้เงินซื้อบ้านร่วมกับผู้อื่น เพื่อให้สถาบันการเงินเห็นว่าผู้ขอ กู้ร่วม มีความสามารถทางการเงินในการชำระเงินต้นและดอกเบี้ยได้ตามสัญญา โดยที่ผู้กู้คนเดียวอาจมีฐานรายได้ไม่เพียงพอ ไม่มีหลักฐานทางการเงินครบถ้วน ไม่น่าเชื่อถือ หรือมีประวัติไม่ดี การกู้ร่วมจะช่วยเสริมเครดิตให้ผู้กู้มีโอกาสในการกู้ผ่านยิ่งขึ้น
ข้อดีของ การกู้ร่วม คือ
1. ช่วยให้สถาบันการเงินอนุมัติสินเชื่อได้ง่ายขึ้น
2. มีโอกาสได้รับวงเงินสินเชื่อที่มากขึ้น
3. มีผู้ร่วมรับผิดชอบการชำระหนี้
ทั้งนี้ผู้ร่วมกู้ต้องเกี่ยวข้องเป็นญาติที่มีนามสกุลเดียวกัน เช่น เป็นคู่สมรส พ่อ แม่ พี่ น้อง หรือลูก กรณีที่ผู้กู้ร่วมมีการเปลี่ยนนามสกุล ต้องแสดงหลักฐานที่พิสูจน์ได้ว่าเป็นครอบครัวเดียวกันเพิ่มเติม เช่น สูติบัตร หรือทะเบียนบ้าน เป็นต้น หรือกรณีที่คู่สมรสไม่ได้จดทะเบียน ก็สามารถแสดงหลักฐานการสมรส เช่น รูปภาพงานแต่งงาน หนังสือรับรองบุตรได้
นอกจากผู้ กู้ร่วม ต้องมีนามสกุลเดียวกันกับผู้กู้แล้ว ยังต้องมีคุณสมบัติดังต่อไปนี้ด้วย
1. เป็นบุคคลที่มีสัญชาติไทย
2. อายุ 20 ปีขึ้นไป
3. มีรายได้เพียงพอ
4. มีความสามารถในการชำระหนี้ ไม่มีหนี้สินล้นพ้นตัว ไม่เคยผิดนัดชำระหนี้
นอกจากข้อดีของ การกู้ร่วม KTB (https://krungthai.com/th/financial-partner/learn-financial/1170) ก็มีเรื่องที่ควรรู้ ก่อนตัดสินใจทำการกู้ร่วมซื้อบ้าน ดังนี้
1. การกู้ร่วมไม่ใช่การค้ำประกัน เนื่องจากบุคคลค้ำประกันจะเป็นผู้รับผิดชอบชำระหนี้เมื่อผู้กู้ไม่ชำระหนี้ และผู้ค้ำประกันไม่จำเป็นต้องเป็นญาติกับผู้กู้
2. การมีภาระหนี้ร่วมกัน หมายถึงการรับผิดชอบชำระหนี้ร่วมกัน ไม่ใช่การเป็นหนี้คนละครึ่ง ดังนั้นเมื่อมีการผิดนัดชำระหนี้ สถาบันการเงินสามารถเรียกชำระหนี้จากผู้กู้คนใดคนหนึ่งได้
3. การส่งผลต่อการกู้เงินครั้งต่อไป กรณีที่ผู้ร่วมกู้คนใดคนหนึ่งต้องการกู้เงินซื้อบ้านหลังใหม่ จะถือว่ายังมีภาระหนี้ของบ้านหลังเดิมอยู่ จะมีผลการกับพิจารณาสินเชื่อ
4. การเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ การกู้ร่วมสามารถระบุผู้รับกรรมสิทธิ์เป็นบุคคลเดียวได้ ไม่จำเป็นต้องเป็นชื่อของผู้ร่วมกู้ทุกคน
5. การส่งผลต่อการขายหรือการโอน กรณีที่ผู้กู้ร่วมเป็นผู้มีกรรมสิทธิ์ในบ้าน การขายหรือการโอนบ้านต้องได้รับความยินยอมจากทุกคน กรณีคนใดคนหนึ่งไม่ยินยอมก็ไม่สามารถทำธุรกรรมได้
6. สิทธิการลดหย่อนภาษี จะหารเฉลี่ยตามจำนวนผู้กู้ร่วม โดยไม่สนใจว่าผู้ร่วมกู้ชำระหนี้คนละเท่าไหร่
7. เมื่อผู้กู้ร่วมไม่สามารถกู้ร่วมต่อได้ กรณีที่ผู้กู้ร่วมเสียชีวิต ธนาคารจะพิจารณาให้ทายาทหรือผู้จัดการมรดกเป็นผู้ชำระหนี้ร่วมกัน แต่ในกรณีที่ผู้กู้ร่วมต้องการถอนการกู้ร่วม ธนาคารจะพิจารณาว่าผู้กู้ที่เหลือสามารถชำระหนี้ต่อได้หรือไม่ และอาจพิจารณารีไฟแนนซ์ หรือหากไม่สามารถชำระหนี้ได้จะอาจต้องขายบ้าน แล้วแต่ธนาคารจะพิจารณา
เมื่อตัดสินใจว่าจะทำการกู้ร่วมซื้อบ้าน ต้องเตรียมเอกสารดังต่อไปนี้
1. เอกสารส่วนบุคคล ได้แก่ บัตรประชาชน สำเนาทะเบียนบ้าน ทะเบียนสมรส ใบหย่า ใบมรณบัตร เอกสารเปลี่ยนชื่อนามสกุล และเอกสารอื่นเพื่อยืนยันสถานะทางครอบครัว
2. เอกสารทางการเงิน ได้แก่ หนังสือรับรองเงินเดือน สลิปเงินเดือน สมุดบัญชีธนาคาร รายการเดินบัญชีย้อนหลัง 6 เดือน หรือหนังสือรับรองการจดทะเบียนนิติบุคคล สำเนาทะเบียนการค้า บัญชีเงินฝาก รายการเดินบัญชีเงินฝากกระแสรายวันย้อนหลัง 6 -12 เดือน หลักฐานรายได้และสินทรัพย์ กรณีประกอบอาชีพอิสระหรือธุรกิจส่วนตัว
3. เอกสารหลักประกัน ได้แก่ สัญญาจะซื้อจะขาย สำเนาโฉนด หรือสำเนากรรมสิทธิ์ห้องชุด
เอกสารอาจมีการเปลี่ยนแปลง ดังนั้นจึงควรสอบถามธนาคารทุกครั้งเมื่อต้องการยื่นกู้ร่วม
การกู้ร่วมซื้อบ้าน (https://krungthai.com/th/financial-partner/learn-financial/1170) เป็นวิธีที่ช่วยให้ได้สินเชื่อง่ายขึ้นและสามารถซื้อบ้านในวงเงินที่สูงขึ้น แต่ทั้งนี้ควรไตร่ตรองให้รอบคอบ เนื่องจากเงื่อนไขของการกู้ร่วมที่ถือว่าเป็นภาระหนี้ร่วมกัน เมื่อผู้กู้ร่วมคนใดคนหนึ่งไม่สามารถชำระหนี้ได้ ก็เป็นหน้าที่ของคนที่เหลือที่ต้องรับภาระชำระหนี้เองต่อไป ซึ่งก่อนทำการกู้ร่วมต้องพิจารณาก่อนตัดสินใจ