ThaiFranchiseCenter Webboard

สุขภาพ ความสวยความงาม | Health & Beauty => สุขภาพ | Health => ข้อความที่เริ่มโดย: เดซี่ คิม ที่ ธันวาคม 15, 2021, 08:08:36 AM

หัวข้อ: การจัดฟันแบบใส Invisalign คืออะไร และเหมาะกับใครบ้าง
เริ่มหัวข้อโดย: เดซี่ คิม ที่ ธันวาคม 15, 2021, 08:08:36 AM
การจัดฟันแบบใส จัดฟันที่มาแรงในยุคนี้ ซึ่งเป็นนวัตกรรมการจัดฟันที่ไร้เหล็กแบบเดิมๆออกไป เป็นที่นิยมกันมากในตอนนี้โดยเฉพาะดารา เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ และแน่นอนว่าการจัดฟันแบบใสข้อเสียก็ยังมี นั่นคือจัดฟันแบบใสราคาจะค่อนข้างสูงกว่าจัดฟันแบบโลหะธรรมดา

(https://www.img.in.th/images/5609f577f7ce0dc77155e26512240303.jpg)


จัดฟันแบบใส คืออะไร ทำไมจึงเป็นที่นิยม
จัดฟัน Invisalign คือ การจัดฟันแบบใส (https://www.smileseasons.com/invisalign/) ด้วยนวัตกรรมใหม่แบบไร้เหล็ก มีลักษณะใส สามารถถอดออกได้ โดยจะออกแบบมาเฉพาะบุคคล ช่วยทำให้ฟันเรียงตัวสวยงามอย่างเป็นธรรมชาติ ซึ่งทำให้เป็นที่นิยมเพราะจุดเด่นของ Invisalign คือ ใสเป็นธรรมชาติ สามารถถอดออกได้ ประหยัดเวลา ดูแลรักษาความสะอาดภายในช่องปากได้ง่าย ไร้เหล็กทำให้เวลาจัดฟันแล้วไม่ทำให้รู้ว่ากำลังจัดฟัน


จัดฟันแบบใส Invisalign มีกี่แบบ
การจัดฟันแบบใส Invisalign แบ่งออกเป็น 4 แบบเพื่อให้เหมาะกับแต่ละบุคคล

1. จัดฟันแบบใส Invisalign Full
เป็นการจัดฟันแบบใสที่ครอบคลุมทุกลักษณะฟัน เช่น ฟันซ้อน ฟันเก ฟันห่าง ฟันยื่น หรือผู้ที่เคยจัดฟันมาก่อน หรือไม่เคยจัดฟัน โดยการจัดฟันแบบ Invisalign Full  จะมีจำนวนชุดเครื่องมือมากกว่า 14 ชุด โดยใช้ระยะเวลาในการทำ 1-2 ปี

2. จัดฟันแบบใส Invisalign Lite
เป็นการจัดฟันใสที่เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาฟันเก ฟันซ้อน ฟันห่าง ไม่มาก ซึ่งจะมีชุดเครื่องมือไม่เกิน 14 ชิ้น ใช้ระยะเวลาในการทำ 6 เดือน - 1 ปี

3. จัดฟันแบบใส Invisalign i7 (Invisalign Express)
เป็นการดัดฟันใสที่เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับการจัดเรียงฟันเล็กน้อย หรือผู้ที่จัดฟันแล้วฟันมีการคืนกลับเนื่องจากไม่ได้ใส่รีเทนเนอร์ จะใช้ชุดเครื่องมือ 7 ชุด ใช้ระยะเวลาในการทำประมาณ 6 เดือน

4. จัดฟันแบบใส Invisalign go
เป็นการจัดฟันที่เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาสภาพฟันปานกลางไปจนถึงปัญหาที่ซับซ้อน (ต้องจัดฟันหลายซี่) เพราะมีเครื่องมือจัดฟันถึง 20 ชิ้น  ใช้ระยะเวลาในการทำ 3- 6 เดือน



ข้อดี - ข้อเสียของการจัดฟันแบบใส

(https://www.img.in.th/images/3bbc5248da2030693cd47828ea03b4b9.jpg)

ข้อดีของการจัดฟันแบบใส Invisalign

ข้อเสียการจัดฟันแบบใส Invisalign


จัดฟันแบบใส เหมาะกับใคร


เปรียบเทียบจัดฟันแบบใสแต่ละยี่ห้อ

(https://www.img.in.th/images/31f3ecc340f172779646deef94c80066.jpg)

จัดฟันแบบใส ยี่ห้อ Invisalign
เป็นยี่ห้อที่ได้รับความนิยม ผลิตทำด้วยพลาสติกโพลีเมอร์ใส จากประเทศอเมริกา ออกแบบขึ้นเฉพาะบุคคล สามารถเปลี่ยนเครื่องมือได้ด้วยตัวเองตามคำแนะนำทันตแพทย์ โดยเปลี่ยนทุก2สัปดาห์ ระยะเวลาในการจัดฟัน ยี่ห้อ Invisalign ประมาณ 6 เดือน - 2 ปี

จัดฟันใส ยี่ห้อ GIKO
เป็นการจัดฟันแบบใสจากประเทศญี่ปุ่น ผลิตเครื่องมือจัดฟันแบบใสจากแล็ปในประเทศไทย โดยผลิตจากพลาสติกใส ไร้เหล็กไร้สี เหมาะกับคนที่มีปัญหาฟันเล็กน้อย

จัดฟันใส ยี่ห้อ Zenyum
บางคนอาจมีข้อสงสัยว่าการจัดฟันแบบZenyumดีไหม งั้นลองมาทำความรู้จักกัน Zenyum เป็นการจัดฟันใสจากประเทศสิงคโปร์ เน้นแก้ไขปัญหาเฉพาะฟันหน้าทั้งบนและล่าง

จัดฟันใส ยี่ห้อ Aline
Aline เป็นการจัดฟันแบบใสจากประเทศเกาหลี ซึ่งชื่อใหม่คือ Beforedent จุดเด่นคือราคาประหยัด สะดวกไม่ต้องพบทันตแพทย์บ่อยๆ และใช้เวลาจัดฟันค่อนข้างสั้นประมาณ 3-6 เดือน


อยากจัดฟันแบบใส มีค่าใช้จ่ายเท่าไหร่
จัดฟันแบบใสราคา แต่ละยี่ห้อจะแตกต่างกัน รวมถึงสภาพฟันแต่ละเคส โดยมีราคาเริ่มต้นดังนี้


ขั้นตอนของการจัดฟันแบบใส
ทั้งนี้การจัดฟันแบบใส เหมาะกับผู้ที่ต้องการจัดฟันแต่ไม่ต้องการถอนฟัน ซึ่งการจัดฟันแบบใสของแต่ละเคสจะใช้ระยะเวลาแตกต่างกัน ระยะเวลาโดยประมาณจะอยู่ที่ 3 เดือน - 2 ปี ขึ้นกับสภาพความซับซ้อนของฟัน


ข้อปฏิบัติระหว่างการจัดฟันแบบใส

(https://www.img.in.th/images/6d831cb664a4164429f257a0cb09756b.jpg)


ข้อสรุป การจัดฟันแบบใส
การจัดฟันแบบใสแต่ละแบบ สามารถช่วยแก้ปัญหาตามความซับซ้อนของฟันแต่ละบุคคลตามเคสอย่างเหมาะสม และมีหลากหลายยี่ห้อหลากหลายราคาให้เลือกตามความสนใจของแต่ละบุคคล
หัวข้อ: Re: การจัดฟันแบบใส Invisalign คืออะไร และเหมาะกับใครบ้าง
เริ่มหัวข้อโดย: ppcally25 ที่ มกราคม 16, 2025, 07:58:58 AM
สำหรับการหาเงินออนไลน์ในปี 2025 มีหลายวิธีที่คุณสามารถเริ่มต้นได้ทันที หนึ่งในนั้นคือการใช้แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ เช่น การเปิดร้านค้าออนไลน์บนเว็บไซต์ที่มีชื่อเสียงเพื่อขายสินค้า ไม่ว่าจะเป็นสินค้าที่คุณสร้างสรรค์เองหรือสินค้าที่คุณจัดหามา นอกจากนี้ยังมีการเป็นพาร์ทเนอร์กับบริษัทใหญ่ๆ เพื่อเป็นตัวแทนขายสินค้าหรือบริการ อีกวิธีหนึ่งที่น่าสนใจคือการเข้าร่วมโปรแกรมพันธมิตร (Affiliate Marketing) ซึ่งช่วยให้คุณสามารถทำรายได้จากการโฆษณาสินค้าหรือบริการให้กับผู้อื่นโดยได้รับค่าคอมมิชชั่น

สำหรับสายชอบความท้าทาย การเข้าสู่แพลตฟอร์มเกมออนไลน์หรือการเดิมพันก็เป็นอีกทางเลือกที่หลายคนให้ความสนใจ อย่างเช่น ole777 (https://gamevip.app/5-daily-deposit/) ที่ให้คุณสนุกสนานพร้อมกับมีโอกาสสร้างรายได้ แต่ต้องใช้อย่างมีความรับผิดชอบและตรวจสอบความน่าเชื่อถือของแพลตฟอร์มเสมอ

การเขียนเนื้อหาหรือสร้างบล็อกส่วนตัวก็ยังเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยสร้างรายได้ โดยการเขียนบทความที่มีคุณภาพและดึงดูดใจ จากนั้นใช้โฆษณาหรือสปอนเซอร์เพื่อเพิ่มรายได้ ในขณะเดียวกัน การขายภาพถ่ายหรือวิดีโอที่คุณถ่ายเองผ่านเว็บไซต์จัดจำหน่ายสื่อดิจิทัลก็เป็นทางเลือกที่น่าสนใจเช่นกัน

ไม่ว่าคุณจะเลือกวิธีใด ควรทำด้วยความตั้งใจและมีการวางแผนที่ดี เพื่อให้การหาเงินออนไลน์เป็นไปอย่างยั่งยืนและมีประสิทธิภาพ