|
|
27 สิงหาคม 2554 |
เมจิ ดันมิลค์ เบอร์รี เป็นแฟรนไชส์!
ซีพี-เมจิ เล็งยื่นกรมการค้าภายในปรับขึ้นราคานมพาสเจอร์ไรส์12.50 บาท พร้อมกางแผน 5 ปีทุ่ม2พันล.บาทเพิ่มกำลังการผลิตเท่าตัวบุกตลาดอาเซียน ดันยอดขายแตะ8พันล.บาท
นายประสิทธิ์ บุญดวงประเสิฐ กรรมการผู้จัดการ บริษัทซี-พี เมจิ ผู้ผลิตและทำตลาดนมพาสเจอร์ไรส์พร้อมดื่มแบรนด์“เมจิ”และ“เมจิ ไพเกน” เปิดเผยว่าบริษัทเตรียมยื่นขอปรับขึ้นราคานมพร้อมดื่มซีพี-เมจิ ขนาดบรรจุ 200 ซีซี เป็น 12.50 บาท ไปยังกรมการค้าภายใน(คน.)ในเดือนก.ย.นี้ จากปัจจุบันจำหน่ายในราคา ที่ 12.25 บาท ซึ่งเป็นอัตราการคำนวนตามสูตรของคน.ที่ค่อนข้างยุ่งยากในการจัดการระบบทางการค้าระหว่างเจ้าของผลิตภัณฑ์ ร้านค้าที่จำหน่าย และผู้บริโภค
ขณะที่แผนธุรกิจบริษัทภายใน 5ปีนับจากนี้ เตรียมงบลงทุนกว่า 2,000 ล้านบาท แบ่งทยอยการลงทุนภายใน3 ปี(2554-2556) เพื่อขยายกำลังการผลิตนมพร้อมดื่มพาสเจอร์ไรส์เพิ่มขึ้นอีก1 เท่าตัว จากปัจจุบันมีกำลังการผลิต80% และใช้ปริมาณน้ำนมดิบอยู่ที่ 220 ตันต่อวัน เพื่อรองรับภายใน5 ปีข้างหน้าจะขยายการผลิตสินค้าจากปริมาณน้ำนมเพิ่มขึ้นเป็น 400 ตันต่อวัน เพื่อขยายการทำตลาดในภูมิภาคเอาเซียน อาทิ ในฮ่องกง และ มาเลเซีย รวมถึงศึกษาความเป็นไปได้ในตลาดประเทศเวียดนาม จากโอกาสการเปิดเสรีการค้าอาเซียน ภายใต้เศรษฐกิจประชาคมอาเซียน(เออีซี)ในปี2558นี้
จากปัจจุบันบริษัทส่งออกผลิตภัณฑ์นมซีพี เมจิ ไปยังประเทศสิงคโปร์ และมียอดขายเป็นอันดับ 1 จากพฤติกรรมการบริโภคนมของคนสิงคโปร์อยู่ที่ 40-50 ลิตรต่อคนต่อปี และเป็นตลาดที่มีอัตราเติบโตสูงต่อเนื่อง เช่นเดียวกับญี่ปุ่นมีอัตราบริโภคนมอยู่ที่ประมาณ 60 ลิตรต่อคนต่อปี ส่วนประเทศไทยอยู่ที่ประมาณ 14 ลิตรต่อคนต่อปี ซึ่งบริษัทยังเห็นโอกาสในการทำตลาดนมพาสเจอร์ไรส์พร้อมให้ความรู้ควบคู่กันไป โดยปีนี้บริษัทเตรียมงบทำตลาดไม่ต่ำกว่า 200 ล้านบาท ล่าสุดเปิดตัวแคมเปญ “นมสดเมจิ อร่อยเข้มข้น นมเต็มๆ” เพื่อขยายฐานกลุ่มเป้าหมายวัยรุ่นและวัยทำงานมากขึ้น
พร้อมกันนี้ บริษัทยังได้ขยายธุรกิจใหม่ ภายใต้แนวคิด “มิลค์ เบอร์รี” ให้บริการเครื่องดื่มและไอศกรีมภายใต้สูตรต่างๆ ที่พัฒนาขึ้นจากผลิตภัณฑ์นมสดเมจิโดยเฉพาะ ในรูแปบบจุดจำหน่าย(คิออสค์) โดยเปิดให้บริการสาขาแรกที่ อาคารซีพี ทาวเวอร์ 3 ในเดือนต.ค.นี้ และสาขา 2 ที่ฟอร์จูน ทาวเวอร์ ก่อนทยอยเปิดให้บริการในทำเลอื่นๆต่อไป เบื้องต้นใช้งบลงทุนต่อจุดราว 1.2 ล้านบาท และในอนาคตอาจมีแผนพิจารณาพัฒนาไปสู่ธุรกิจแฟรนไชส์ในอนาคต
จากแผนธุรกิจดังกล่าว สอดรับกับตลาดนมพาสเจอร์ไรส์ในประเทศไทยในปัจจุบันที่มีมูลค่ารวมกว่า 4,000 ล้านบาท เติบโต8-9% ต่อปี และโตกว่าตลาดนมพร้อมดื่มยูเอชที ที่เติบโตช้าลงต่อเนื่อง มีอัตราอยู่ที่ 2-3% ต่อปี จากปัจจุบันตลาดนมพร้อมดื่มโดยรวมทุกประเภทมีมูลค่ากว่า 2หมื่น-3หมื่นล้านบาท โดยแบรนด์ ซีพี-เมจิ ครองส่วนแบ่งตลาดอันดับ 1 สัดส่วนกว่า 50% ในกลุ่มนมพาสเจอร์ไรส์ และมียอดขายจากตลาดต่างประเทศสัดส่วน 20% ภายในประเทศ 80% และคาดว่าในอีก 5 ปีข้างหน้าตลาดต่างประเทศจะมีรายได้เพิ่มเป็น 25-30% และมียอดขาย เติบโตแบบเท่าตัว หรือกว่า 8,000 ล้านบาท จากสิ้นปีนี้อยู่ที่ 4,100 ล้านบาท เติบโต 15% จากปีก่อนมีรายได้ราว 2,700 ล้านบาท
อ้างอิงจาก โพสต์ทูเดย์
|
|
|
|