ThaiFranchiseCenter Webboard

ThaiFranchiseCenter Webboard - Info Center

* สมัครสมาชิกเว็บบอร์ด ไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ ฟรี! *
หน้าแรก | เปิดร้านค้าฟรี! | โปรโมชั่นแฟรนไชส์ | ร้านหนังสือออนไลน์ | สนใจลงโฆษณา

ทางเว็บไซต์ ThaiFranchiseCenter.com ไม่มีส่วนรับผิดชอบกับข้อความต่างๆในเว็บบอร์ดแต่อย่างใด
    ไม่ว่าจะเป็นการซื้อ-ขาย-เช่า-เซ้ง หรือ อื่นๆ (ผู้ซื้อ หรือ ผู้ขาย กรุณาใช้วิจารณญาณในการติดต่อทางธุรกิจ)


ทำความรู้จักกับกรดไหลย้อนโรคยอดฮิต

กรดไหลย้อน (Gerd)
 
โรคกรดไหลย้อน (Gastroesophageal Reflux Disease: GERD) มีปัจจัยสำคัญจากการไหลย้อนกลับของกรด หรือน้ำย่อยในกระเพาะ ทำให้อาหารย้อนไปขึ้นไปอยู่ในหลอดอาหารส่วนบนพบได้ทั้งยังในเด็กแล้วก็ผู้ใหญ่ สามารถเกิดขึ้นได้ทั้งในตอนกลางวันและช่วงเวลากลางคืน หรือแม้แต่เวลาที่ไม่ได้ทานอาหารก็ตาม
 
โรคกรดไหลย้อนแบ่งเป็น 2 ประเภท ได้แก่
 

* โรคกรดไหลย้อนธรรมดา คือ โรคที่กรดไหลย้อนขึ้นมาจะอยู่แค่ภายในหลอดอาหาร จะไม่ไหลย้อนขึ้นเกินหูรูดหลอดอาหารส่วนบน จำนวนมากจะมีลักษณะอาการเพียงแค่บริเวณหลอดอาหารเพียงแค่นั้น
* โรคกรดไหลย้อนขึ้นมาที่คอและกล่องเสียง เป็น โรคที่มีอาการทางคอรวมทั้งกล่องเสียง จากการไหลย้อนกลับของกรดขึ้นมาเหนือหูรูดหลอดอาหารส่วนบนอย่างแตกต่างจากปกติ ทําให้มีการเคืองของคอรวมทั้งกล่องเสียง

สาเหตุของกรดไหลย้อน
สาเหตุที่นำไปสู่โรคกรดไหลย้อน มี 3 สาเหตุหลักด้วยกัน แล้วก็สิ่งที่ก่อให้เกิดความเสี่ยงอื่นๆที่ทำให้มีการเกิดอาการกรดไหลย้อนได้ ดังต่อไปนี้
 

* หูรูดด้านล่างของหลอดอาหารแตกต่างจากปกติ

โดยมากเจอในคนวัยแก่ เพราะว่าหูรูดหมดสภาพไปตามช่วงวัยและก็อายุที่มากขึ้น ก็เลยทำให้อาหารรวมทั้งน้ำย่อยในกระเพาะถูกดันกลับขึ้นมาในหลอดอาหารได้ง่ายทำให้มีอาการกรดไหลย้อน อาการกลุ่มนี้สามารถเกิดขึ้นได้จากการดื่มแอลกอฮอล์ ดูดบุหรี่ หรือการรับประทานยาบางจำพวก
 

* กระเพาะอาหารบีบตัวต่ำลง

ทำให้อาหารรวมทั้งน้ำย่อยที่ย่อยแล้วคั่งอยู่ในกระเพาะอาหารเป็นเวลานาน เนื่องด้วยไม่อาจจะบีบตัวให้ลงสู่ไส้ได้หมดในทันที เป็นผลให้เกิดแรงกดดันในกระเพาะอาหารเยอะขึ้นทำให้หูรูดถูกดันเปิดออกและก็ดันเอาอาหารแล้วก็น้ำย่อยย้อนไปขึ้นไปในหลอดอาหารนั่นเอง
 

* ความผิดปกติสำหรับการบีบตัวของหลอดอาหาร

ทำให้อาหารที่รับประทานลงไป เคลื่อนเข้าสู่กระเพาะช้า หรือทำให้อาหารที่ไหลย้อนขึ้นมาจากกระเพาะอาหารค้างอยู่ในหลอดอาหารเป็นเวลายาวนานกว่าปกติ
 

* สิ่งที่ก่อให้เกิดความเสี่ยงอื่นๆ


* โรคอ้วน คนอ้วนจะมีความดันในท้องสูงขึ้นมากยิ่งกว่าคนธรรมดาทั่วไปทำให้ความดันในกระเพาะอาหารสูงมากขึ้นตามไปด้วย ก็เลยเสี่ยงเป็นโรคกรดไหลย้อนได้มากกว่าปกติ
* การมีครรภ์ สภาวะครรภ์ที่ใหญ่ขึ้นทำให้มีการเกิดความดันในกระเพาะเพิ่มขึ้นไปด้วย โดยเหตุนี้หญิงตั้งครรภ์จึงเสี่ยงสำหรับลักษณะของกรดไหลย้อนได้สูง
* การสูบยาสูบ เป็นผลให้กรดในกระเพาะอาหารหลั่งออกมาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆและทำให้กระเพาะอาหารบีบตัวลดลง ก็เลยได้โอกาสที่กรดจะไหลย้อนไปขึ้นมาในหลอดอาหารได้ง่าย
* ความตึงเครียด นำมาซึ่งการทำให้กระเพาะอาหารมีการหลั่งกรดออกมาเยอะขึ้นเรื่อยๆ ก็เลยทำให้มีการเสี่ยงสูงต่อโรคกระเพาะและโรคกรดไหลย้อน
* การรับประทานอาหารแล้วก็เครื่องดื่มที่ทำให้หูรูดระหว่างหลอดอาหารแล้วก็กระเพาะอาหารคลายตัว อาทิเช่น ของทอด อาหารที่มีไขมันสูง ช็อกโกแลต กาแฟ เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ เปปเปอร์มินต์
* การทานอาหารและเครื่องดื่มที่นำมาซึ่งการระคายเคืองบริเวณหูรูด อย่างเช่น อาหารรสจัด อาหารที่มีความเป็นกรดสูง น้ำส้ม น้ำมะนาว น้ำมะเขือเทศ พริกไทย

 
ลักษณะของกรดไหลย้อน
ลักษณะของกรดไหลย้อนมีนานัปการอาการขึ้นกับอวัยวะที่ถูกระคายเคืองจากกรด
 

* แสบร้อนรอบๆทรวงอกและลิ้นปี่ (heartburn) อาจมีเจ็บปวดรวดร้าวไปที่รอบๆคอ รู้สึกเหมือนมีก้อนจุกอยู่ที่คอ กลืนลําบาก กลืนเจ็บ เจ็บคอ แสบคอ เรอบ่อยครั้ง อ้วก รู้สึกเหมือนมีน้ำรสเปรี้ยว หรือรสขมไหลย้อนขึ้นมาที่คอ หรือปาก
* จุกแน่นหน้าอกเสมือนอาหารไม่ย่อย มีกลิ่นปาก เสียวฟัน หรือฟันผุร่วมด้วยได้
* ท้องเฟ้อ แน่นท้อง อ้วก คลื่นไส้หลังรับประทานอาหาร
* เสียงแหบเรื้อรัง หรือแหบเฉพาะตอนรุ่งเช้า อาจมีเสียงไม่ปกติไปจากเดิม มีเหตุที่เกิดจากกรดที่ไหลย้อนขึ้นมารอบๆกล่องเสียง กระตุ้นแล้วส่งผลให้มีการเกิดกล่องเสียงอักเสบ
* ไอแห้งๆกระแอมบ่อยครั้ง มีลักษณะอาการไอเรื้อรัง โดยยิ่งไปกว่านั้นหลังรับประทานอาหาร หรือขณะนอน รู้สึกสำลักน้ำลาย หรือหายใจไม่ออกในยามค่ำคืน
* บางคนอาจมีอาการคัดจมูก น้ำมูกไหล มีน้ำมูกไหลลงคอ หูอื้อ หรือปวดหูได้

 
อาการแสบร้อนกึ่งกลางหน้าอกเป็นสภาวะที่ร้ายแรงหรือไม่ ?
สำหรับผู้ที่มีอาการไม่ร้ายแรงมากมายรวมทั้งอาการกำเริบไม่บ่อย บางทีอาจรู้สึกหงุดหงิดราวกับถูกก่อกวนการใช้ชีวิต แต่ในผู้ที่เป็นเรื้อรัง หรือมีอาการบ่อยมากในหนึ่งวัน หรือในหนึ่งอาทิตย์ อาจจะทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนได้ ดังเช่นว่า หลอดอาหารตีบแคบลงจนทำให้เกิดอาการกลืนลำบาก บางทีอาจทำให้เกิดโรค Barrett’s esophagus ซึ่งเป็นภาวะที่มีเซลล์ลักษณะราวกับเยื่อบุกระเพาะอาหารมารุ่งโรจน์ที่หลอดอาหารส่วนปลาย หรือเกิดการทำลายหลอดอาหารอย่างหนักจนทำให้เพิ่มการเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งหลอดอาหารได้

วิธีรักษากรดไหลย้อน
การดูแลรักษาโรคกรดไหลย้อนอย่างถูกทางจะช่วยป้องกันไม่ให้มีอาการแทรกซ้อนอื่นๆลดความทุกข์ทรมานสาหัสที่ทำให้ท่านภาพชีวิตห่วยลง การดูแลและรักษาโรคกรดไหลย้อน สามารถรักษาได้หลายวิธี ดังต่อไปนี้
 

* กินยาลดกรด

เพื่อลดการหลั่งกรดในกระเพาะ ช่วยรักษาแล้วก็กันการเกิดแผลในกระเพาะอาหาร ควรจะรับประทานตามแพทย์สั่ง หรือขอคำแนะนำเภสัชกรที่ร้านขายยาทั่วไป ไม่ควรซื้อยามารับประทานเอง สามารถจัดหมวดหมู่ยาลดกรดได้ ดังต่อไปนี้
 

* ยาลดกรดที่มีส่วนประกอบของอะลูมิเนียมไฮดรอกไซด์ (aluminium hydroxide) และแมกนีเซียมไฮดรอกไซด์ (magnesium hydroxide) ยานี้จะลดความเป็นกรดอย่างรวดเร็ว อาการแสบร้อนกลางอกจะดียิ่งขึ้น ส่งผลต่อระบบขับถ่ายได้น้อย แม้กระนั้นไม่สมควรใช้ในผู้ป่วย|คนเจ็บ|คนไข้|คนป่วย|ผู้เจ็บป่วยโรคไต เพราะอลูมินัมไฮดรอกไซด์สามารถลดจำนวนฟอสเฟตในเลือดในผู้ป่วย|คนเจ็บ|คนไข้|คนป่วย|ผู้เจ็บป่วยโรคไตได้
* ยาที่ออกฤทธิ์ลดการผลิตกรดในกระเพาะอาหาร เป็นยาที่ออกฤทธิ์ช้า แม้กระนั้นสามารถลดกรดได้นานนานถึง 12 ชั่วโมง อาทิเช่น ไซเมทิดีน (cimetidine) ฟาโมทิดีน (famotidine) นิซาทิดีน (nizatidine) รวมทั้งรานิทิดีน (ranitidine) ซึ่งปัจจุบันนี้ถูกขอคืนชั่วครั้งชั่วคราวเพื่อตรวจทาน อ่านเพิ่มเติมอีก: ยา Ranitidine เป็นอย่างไร เพราะเหตุใดถึงเลิกใช้?
* ยาที่ป้องกันการสร้างกรดและก็รักษาหลอดอาหาร เป็นยาที่ออกฤทธิ์ยั้งการหลั่งกรดได้ช้านานทำให้เนื้อเยื่อที่เสียหายของหลอดอาหารมีเวลาฟื้นฟูกลับมาปกติได้เหมือนเดิม ดังเช่น แลนโซพราโซล (lansoprazole) และก็โอมีพราโซล (omeprazole)


* เปลี่ยนแปลงความประพฤติ

การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการดำเนินชีวิตเป็นวิธีที่ยอดเยี่ยมที่สุดที่จะช่วยลดอาการต่างๆของกรดไหลย้อน รวมทั้งช่วยกันการกลับมาเป็นซ้ำได้ โดยการปรับแต่งที่ตรงจุดที่สุดคือ การแก้ที่ต้นสายปลายเหตุควรจะดูแลตนเองอยู่เป็นประจำแม้ว่าอาการจะดีขึ้น หรือหายดีแล้วก็ตาม
 

* หลีกเลี่ยงอาหารที่เพิ่มการหลั่งกรดในกระเพาะ เป็นต้นว่า อาหารรสเผ็ดจัด เปรี้ยวจัด แอลกอฮอล์ เครื่องดื่มคาเฟอีน น้ำอัดลม กระเทียม หัวหอม ฯลฯ
* เครียดน้อยลง อาทิเช่น นอนพักให้พอเพียง ออกกกำลังกาย นั่งสมาธิ สวดมนต์ หรือทำกิจกรรมต่างๆที่ถูกใจ ก็จะช่วยลดการหลั่งกรดในกระเพาะได้อย่างดีเยี่ยม
* ควบคุมน้ำหนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในคนอ้วน หรือคนที่น้ำหนักเกินมาตรฐานมาตรฐาน หมั่นออกกำลังกายรวมทั้งควบคุมอาหารที่กิน เมื่อน้ำหนักลด ความดันในกระเพาะอาหารก็จะลดลง ทำให้กรดรวมทั้งอาหารในกระเพาะดันหูรูดหลอดอาหารลดลง ลักษณะของกรดไหลย้อนก็จะต่ำลงตามด้วย ยิ่งกว่านั้นยังมีผลดีต่อร่างกายด้านอื่นๆและทำให้มีสุขภาพที่สมบูรณ์แข็งแรง
* หลีกเลี่ยงการนอนราบ หรือการก้มจับของในทันทีหลังจากรับประทานอาหารเสร็จ ควรรอให้อาหารย่อยก่อน 2-3 ชั่วโมง และไม่ควรจะบริหารร่างกายหลังรับประทานอาหารเสร็จทันทีเช่นเดียวกัน เพราะว่าจะทำให้เกิดกรดไหลย้อนได้ง่าย
* ควรรับประทานอาหารทีละน้อยๆแต่ว่าบ่อย ดังนี้เพื่อเป็นการป้องกันและไม่ให้กระเพาะอาหารหลั่งกรดออกมามากจนเกินไป


* ผ่าตัด
* บรรเทาลักษณะของกรดไหลย้อนด้วยสมุนไพร


* เหมาะกับผู้ที่รักษาด้วยยาเป็นระยะเวลานานแล้ว ไม่สามารถควบคุมอาการ หรือหยุดยาได้
* เหมาะกับผู้ที่ไม่สามารถกินยาได้เป็นระยะเวลานานๆแล้วก็ได้รับผลกระทบจากยา


* ขมิ้นชัน จากงานศึกษาเรียนรู้วิจัยมหาวิทยาลัยมหิดลพบว่า ขมิ้นชันมีฤทธิ์ช่วยกระตุ้นการหลั่งมูกในกระเพาะ ช่วยรักษาแผล ต้านแบคทีเรีย แล้วก็ป้องกันการเกิดแผลในกระเพาะได้ ด้วยเหตุนี้ขมิ้นชันก็เลยสามารถช่วยลดอาการต่างๆที่เกิดขึ้นจากกรดไหลย้อนได้ แม้กระนั้นมีข้อกำหนดและข้อควรพิจารณาที่จะต้องศึกษาก่อนรับประทาน ทางที่ดีควรจะปรึกษาแพทย์ หรือเภสัชกรก่อนใช้
* ขิง มีฤทธิ์ช่วยขับลม ลดอาการท้องอืด ท้องอืดจากอาหารไม่ย่อย ทำให้อาการต่างๆที่เกิดขึ้นจากกรดไหลย้อนลดลงได้ มีหลายแบบอย่างให้เลือกรับประทาน ยกตัวอย่างเช่น ยาชง ยาผง ยาแคปซูล ฯลฯ
* กะเพรา มีฤทธิ์ช่วยบรรเทาอาการกรดไหลย้อนได้ โดยให้นำกะเพรา 1 กำ มาต้มกับน้ำโดยประมาณ 2-3 ลิตร ด้วยไฟปานกลาง 20 นาที ดื่มครั้งละ 1 แก้ว (250 ml) หลังรับประทานอาหาร 3 มื้อ แล้วก็ควรดื่มหลังรับประทานอาหารแล้ว 10-15 นาที

 
ถึงโรคกรดไหลย้อนมิได้มีความรุนแรงถึงขั้นทำให้เสียชีวิต แต่กระตุ้นให้เกิดความทรมาทรกรรม รบกวนการใช้ชีวิตในทุกวัน และทำให้มีคุณภาพชีวิตแย่ลง จุดหมายสำคัญในการรักษาโรคนี้เป็น ลดจำนวนกรดในกระเพาะและก็ป้องการไม่ให้กรดไหลย้อนกลับไปขึ้นไป การเปลี่ยนแปลงความประพฤติก็เลยเป็นแนวทางที่ถูกจุดที่สุดที่จะช่วยลดอาการต่างๆป้องกันไม่ให้เกิดอาการ และช่วยลดการกลับมาเป็นซ้ำของโรคได้ โดยเหตุนี้ควรจะดูแลตัวเองอยู่เป็นประจำ เลี่ยงปัจจัยต่างๆที่ส่งเสริมให้เกิดอาการ แล้วก็กระทำตามข้อแนะนำที่ถูกวิธีก็สามารถที่จะช่วยให้คุณไกลห่างจากกรดไหลย้อนได้อย่างยั่งยืน
 
https://www.honestdocs.co/gerd