ThaiFranchiseCenter Webboard

ThaiFranchiseCenter Webboard - Info Center

* สมัครสมาชิกเว็บบอร์ด ไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ ฟรี! *
หน้าแรก | เปิดร้านค้าฟรี! | โปรโมชั่นแฟรนไชส์ | ร้านหนังสือออนไลน์ | สนใจลงโฆษณา

ทางเว็บไซต์ ThaiFranchiseCenter.com ไม่มีส่วนรับผิดชอบกับข้อความต่างๆในเว็บบอร์ดแต่อย่างใด
    ไม่ว่าจะเป็นการซื้อ-ขาย-เช่า-เซ้ง หรือ อื่นๆ (ผู้ซื้อ หรือ ผู้ขาย กรุณาใช้วิจารณญาณในการติดต่อทางธุรกิจ)


ยกเลิกประกันระหว่าง ประกันอุบัติเหตุกับประกันโรคร้ายแรง แผนไหนส่งผลกับเราที่สุด


   
การทำประกันในปัจจุบันมีความสะดวกสบายกว่าแต่ก่อนมาก นอกจากจะสามารถซื้อกรมธรรม์ผ่านตัวแทนได้เหมือนเดิมแล้ว ยังสามารถซื้อผ่านทางออนไลน์และโทรศัพท์ได้อีกด้วย บางคนจึงมีประกันมากกว่าหนึ่งกรมธรรม์ ซึ่งเมื่อเวลาผ่านไปบางคนอาจตัดสินใจยกเลิกอย่างใดอย่างหนึ่งอย่าง ประกันโรคร้ายแรง และ ประกันอุบัติเหตุ โดยอาจจะมองว่าไม่ได้ประโยชน์จากการทำประกันและต้องเสียเงินเบี้ยประกันไปเปล่าๆ ทุกเดือน แต่อย่างนั้นก็ยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะยกเลิกประกันแผนไหนดี เพราะไม่รู้ว่าแผนไหนที่ส่งผลกระทบกับการใช้ชีวิตมากที่สุด

   ซึ่งหากอยาก ยกเลิกประกัน สิ่งที่ควรคำนึงเป็นอย่างแรก ก็คือ ‘ความเสี่ยง’ ถ้าในชีวิตประจำวันมีความเสี่ยงค่อนข้างมาก อย่างในระหว่างการเดินทางไปทำงานที่ หรือนิสัยส่วนตัวบางอย่างที่ทำให้มีความเสี่ยง เช่น เป็นคนขาดความระมัดระวัง  ประกันที่ไม่ควรยกเลิกเป็นอย่างยิ่งเลยก็คือ ประกันอุบัติเหตุ เพราะหากเกิดเหตุขึ้นสิ่งที่แบกรับ คือค่าใช้จ่ายเพื่อการรักษาพยาบาลที่นับวันก็ยิ่งมีอัตราค่าบริการสูงขึ้น ดังนั้นหากในชีวิตมีความเสี่ยง ประกันอุบัติเหตุจะช่วยทำให้อุ่นใจเรื่องค่าใช้จ่าย และนอกจากนั้นยังไม่ต้องกังวลว่าจะขาดรายได้เพราะประกันอย่าง Cigna ก็มีแผนที่จะจ่ายเงินค่าชดเชยรายได้ต่อวันหากต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลเนื่องจากเกิดอุบัติเหตุ เช่น ซิกน่า ประกันอุบัติเหตุ ส่วนบุคคล ชดเชยรายวัน บวกบวก ที่จะชดเชยรายได้สูงสุด 1,000 บาทต่อวัน และให้เงินชดเชยรายได้เพิ่มอีกสูงสุด 50,000 บาทกรณีที่ต้องนอนพักรักษาตัวติดต่อกันเกินกว่า 15 วัน

   แต่ในความจริงแล้ว ‘ความเสี่ยง’ ไม่ได้มีแค่การเกิดอุบัติเหตุเพียงอย่างเดียวเพราะโรคร้ายแรงก็ยังเป็นอีกปัจจัยที่เพิ่มความเสี่ยงในการเสียชีวิต โดยเฉพาะอย่างยิ่งโรคมะเร็ง ซึ่งเป็นสาเหตุการตายอันดับหนึ่งของคนไทย และที่รองลงมาคือ โรคหลอดเลือดในสมอง อีกทั้งยังมีโรคเรือรังอื่นๆ ที่ทำให้คุณภาพชีวิตต่ำแย่ลงและต้องเข้ารับการรักษาต่อเนื่อง เช่น โรคไตวาย และ โรคหัวใจ เพราะเหตุนี้ ประกันโรคร้ายแรง จึงมีความสำคัญมาก โดยเฉพาะคนกลุ่มเสี่ยงอย่างผู้สูงอายุ การมีประกันสุขภาพ ผู้สูงอายุ ก็จะช่วยป้องกันความเสี่ยงทางการเงินไว้ได้ ซึ่งประกันสุขภาพจะมีการทำงานคือเมื่อตรวจพบโรคร้ายแรงจะได้เงินค่าชดเชยก้อนใหญ่เพื่อนำไปรักษาตัว เช่น  ประกันโรคร้ายแรง ประกันมะเร็ง โรคหัวใจ โรคไต ที่ให้ความคุ้มครองสูงสุด 1,800,000 บาท เมื่อตรวจพบ 4 โรคร้าย ไตวาย โรคหัวใจ หลอดเลือดสมอง ภาวะโคม่า และยังหมดกังวลเรื่องค่าใช้จะมีค่าชดเชยรายได้ให้สูงสุดอีกวันละ 1,200 บาท และหากต้องนอนพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลและค่าชดเชยรายได้เพิ่มสูงสุด 12,000 บาทต่อเดือน กรณีเจ็บป่วยนอนพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลเกินกว่า 15 วันติดต่อกัน รวมถึงค่าห้อง ICU สูงสุด 1,200 บาทต่อคืน สูงสุด 15 วัน ด้วย

   เพราะอย่างนี้แล้ว ไม่ว่าตัดสินใจ ยกเลิกประกันแผนไหน ก็ส่งผลเสียพอๆ กัน เพราะในปัจจุบันค่าใช้จ่ายด้านการรักษาพยาบาลสูงกว่าแต่ก่อนมากและในบ้างกรณีก็ต้องรักษาต่อเนื่องเป็นเวลานานกว่าจะหายเป็นปกติ หากว่าประกันไม่ครอบคลุมพอ อาจจะทำให้ได้รับการรักษาไม่เต็มที่ ดังนั้นจึงควรมีประกันทั้ง 2 แผนนี้ไว้เพื่อรับมือทุกเหตุการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้นในชีวิต