ThaiFranchiseCenter Webboard

ThaiFranchiseCenter Webboard - Info Center

* สมัครสมาชิกเว็บบอร์ด ไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ ฟรี! *
หน้าแรก | เปิดร้านค้าฟรี! | โปรโมชั่นแฟรนไชส์ | ร้านหนังสือออนไลน์ | สนใจลงโฆษณา

ทางเว็บไซต์ ThaiFranchiseCenter.com ไม่มีส่วนรับผิดชอบกับข้อความต่างๆในเว็บบอร์ดแต่อย่างใด
    ไม่ว่าจะเป็นการซื้อ-ขาย-เช่า-เซ้ง หรือ อื่นๆ (ผู้ซื้อ หรือ ผู้ขาย กรุณาใช้วิจารณญาณในการติดต่อทางธุรกิจ)


ประโยชน์นมแม่ หลัง 6 เดือน ไม่มีจริงหรือ???!!!



เป็นเรื่องที่รู้กันดีอยู่แล้วว่าน้ำนมแม่คือ แหล่งของสารอาหารตามธรรมชาติที่สำคัญที่สุดสำหรับลูกน้อย ซึ่งคุณแม่หลังคลอดสามารถให้ลูกทานได้ตั้งแต่ช่วงแรกเกิด โดย mfgm คือ สารอาหารสำคัญตัวล่าสุดที่มีการค้นพบว่าอยู่ในน้ำนมแม่ที่ช่วยส่งเสริมพัฒนาการด้านสมองและอารมณ์ให้แก่ลูกน้อย แต่รู้หรือไม่ว่ามีคุณแม่จำนวนไม่น้อยที่เชื่อว่า ‘น้ำนมแม่หลัง 6 เดือนไม่มีประโยชน์’ ด้วยเหตุนี้จึงทำให้หลายคนหยุดให้นมลูกหลังจาก 6 เดือน เนื่องจากความเข้าใจผิดเกี่ยวกับเรื่อง
ประโยชน์นมแม่ และให้ลูกทานอาหารเสริมสำหรับทารกเพียงอย่างเดียวเท่านั้น อย่างไรก็ตามจากคำแนะนำขององค์การอนามัยโลกและยูนิเซฟว่าคุณแม่ควรให้ลูกกินนมแม่จนถึงอายุครบ 2 ปี หรือมากกว่านั้นเพื่อเสริมสร้าง พัฒนาการเด็ก ตามวัย

จากผลการศึกษาพบว่าน้ำนมแม่หลัง 6 เดือนปริมาณ 15 ออนซ์ หรือปริมาณ 443 ซีซี ยังคงมีสารอาหารดังนี้ พลังงาน 29% โปรตีน 43% แคลเซียม 36% วิตามินเอ 75% โฟเลต 76% วิตามินบี12 94% และวิตามินซี 60% ตามสัดส่วนของสารอาหารที่ลูกต้องการต่อวัน นอกจากนั้นเมื่อเปรียบเทียบตามระยะเวลาแล้วจะพบว่าสารอาหารต่าง ๆ นั้นไม่ได้ลดลงเลยแม้แต่น้อย เช่น ในน้ำนมแม่ 1-24 เดือน จะมีโปรตีน 1.27 กรัมในน้ำนม 100 มิลลิลิตร แต่ตั้งแต่เดือนที่ 25-36 จะมีโปรตีนเพิ่มมากขึ้นเป็น 1.4 กรัม ส่วนวิตามินเอนั้นในน้ำนมแม่อายุ 1-12 เดือนจะพบทั้งสิ้น 12.46 กรัมต่อน้ำนมแม่ 100 มิลลิลิตร และเมื่อมีอายุ 13-24 เดือนพบเพิ่มขึ้น 16.32 กรัม ในขณะที่น้ำตาลแลคโตสนั้นจะพบในปริมาณคงที่ประมาณ 6.93 meg ในน้ำนมแม่ 100 มิลลิลิตร

นอกจากนี้ ประโยชน์นมแม่ ยังช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทานและลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ รวมถึงช่วยให้ลูกฟื้นตัวจากอาการเจ็บป่วยได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งจากข้อมูลของ Iowa State University Extension Service พบว่าในน้ำนมแม่ 1 ช้อนชา จะฆ่าเชื้อโรคได้มากถึง 3,000,000 เซลล์ โดยพบว่าน้ำนมแม่ในช่วง 2-3 วันแรกหลังจากคลอด เรียกน้ำนมแม่ในระยะนี้ว่า นมน้ำเหลือง หรือ Colostrum เป็นระยะที่มีปริมาณภูมิคุ้มกันสูงที่สุดและเด็กทารกที่เพิ่งคลอดออกมาทุกคนจำเป็นต้องได้รับน้ำนมแม่ในระยะนี้ แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้หมายความว่าหลังจากนี้ภูมิคุ้มกันจะหายไป เพราะในความเป็นจริงแล้วในน้ำนมแม่ยังคงมีภูมิคุ้มกัน แม้ว่าจะมีปริมาณเปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้นหรือลดลงบ้างก็ตาม

จากข้อมูลของสารอาหารในน้ำนมแม่ที่กล่าวมาข้างต้น จะเห็นได้ว่า ความเชื่อที่ว่าน้ำนมแม่หลังจาก 6 เดือนไปแล้วนั้นไม่มีประโยชน์ จึงเป็นความเชื่อที่ผิด และสรุปได้ว่าไม่ว่าน้ำนมแม่ระยะไหนก็ล้วนแล้วแต่มีประโยชน์ต่อ พัฒนาการเด็ก ด้านต่าง ๆ ของลูกน้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง DHA ทอรีน และ mfgm คือ ตัวช่วยสำคัญในการส่งเสริมพัฒนาการด้านสมอง ให้เป็นไปอย่างสมวัยพร้อมเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ ได้มากยิ่งขึ้น