ThaiFranchiseCenter Webboard

ThaiFranchiseCenter Webboard - Info Center

* สมัครสมาชิกเว็บบอร์ด ไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ ฟรี! *
หน้าแรก | เปิดร้านค้าฟรี! | โปรโมชั่นแฟรนไชส์ | ร้านหนังสือออนไลน์ | สนใจลงโฆษณา

ทางเว็บไซต์ ThaiFranchiseCenter.com ไม่มีส่วนรับผิดชอบกับข้อความต่างๆในเว็บบอร์ดแต่อย่างใด
    ไม่ว่าจะเป็นการซื้อ-ขาย-เช่า-เซ้ง หรือ อื่นๆ (ผู้ซื้อ หรือ ผู้ขาย กรุณาใช้วิจารณญาณในการติดต่อทางธุรกิจ)


อุปกรณ์ที่ใช้ในการชงค็อกเทลมีอะไรบ้าง มาทำความรู้จักกัน

อุปกรณ์ที่ใช้ในการชงค็อกเทลมีอะไรบ้าง มาทำความรู้จักกัน

หลายๆ คนอาจทราบกันดีอยู่แล้วว่า กว่าจะได้เครื่องดื่มค็อกเทลมาแต่ละแก้วนั้นไม่ใช่เรื่องที่ง่ายเลย เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ชนิดนี้เต็มไปด้วยศิลปะในการชง ทั้งนี้ก็เพราะว่าเครื่องดื่มค็อกเทลนั้นเป็นเครื่องดื่มที่เกิดจากนำส่วนผสมหลายๆ อย่างมาชงรวมเข้าด้วยกันจนเกิดเป็นรสชาติที่แปลกใหม่ขึ้น ซึ่ง สูตรค็อกเทล ต่างๆ ที่เกิดขึ้นมานั้นจะมีส่วนประกอบที่เป็นเหล้าอยู่ 1 ชนิด หรือมากกว่า 1 ชนิด ผสมกับวัตถุดิบอื่นๆ อย่างเช่น น้ำผลไม้ ไซรัป วอดก้า หรือโซดา เป็นต้น โดยจะผสมในอัตราส่วนเท่าใดนั้นก็ขึ้นอยู่กับการเลือกว่าจะใช้ สูตรค็อกเทล ใดนั่นเอง และเมื่อพูดถึงค็อกเทลแล้วนั้นในวันนี้เราจะมาแนะนำอุปกรณ์ต่างๆ ที่ใช้ในการชงเครื่องดื่มชนิดนี้กัน

1. Shaker (เชคเกอร์) แน่นอนว่าเชคเกอร์นี้คือชื่อที่เราได้ยินกันเป็นประจำและคุ้นเคยกับมันเป็นอย่างดี แต่ก็ยังมีหลายคนที่ไม่รู้ว่ามันคืออะไรแล้วเกี่ยวข้องอย่างไรกับการชงเครื่องดื่มตาม สูตรค็อกเทล ที่มี ฉะนั้นไปทำความรู้จักกับมันกัน จริงๆ แล้วเชคเกอร์นั้นมันเป็นอุปกรณ์ที่ไว้เพื่อทำให้ส่วนผสมทั้งหมดเข้ากันด้วยการเขย่าตามความหมายของชื่อ ซึ่ง สูตรค็อกเทล โดยส่วนใหญ่แล้วใช้รูปแบบการชงด้วยการเขย่า และการเขย่านี้จะทำให้เครื่องดื่มค็อกเทลมีความเย็นในระยะเวลาอันรวดเร็ว ซึ่งเชคเกอร์นี้จะประกอบไปด้วย 3 ส่วนด้วยกัน ได้แก่ ส่วนที่เป็นกระบอก, ส่วนที่เป็นฝากรอง และส่วนที่เป็นฝาปิดนั่นเอง และการเลือกซื้อเชคเกอร์นั้นควรเลือกที่เป็นสแตนเลสสตีลเพราะจะสามารถทำให้เครื่องดื่มเย็นได้ไวและมีความแข็งแรงทนทานมากกว่า

2. Jigger (จิ๊กเกอร์) หรือที่บางคนเรียกมันว่า "ที่ตวงเหล้า"  ถือเป็นว่าเป็นเครื่องมือสำคัญอันดับแรกๆ ของการทำค็อกเทลเลยก็ว่าได้ ทั้งนี้ก็เพราะว่าจิ๊กเกอร์นั้นเป็นที่ใช้สำหรับตวงปริมาณของเหลวที่จะใช้ผสมเป็นค็อกเทล ซึ่ง สูตรค็อกเทล แต่ละสูตรนั้นจะใช้ปริมาณส่วนผสมที่มากน้อยแตกต่างกันไป ฉะนั้นบาร์เทรนเดอร์โดยส่วนใหญ่แล้วใช้กันทุกคนเลย เพราะว่าส่วนผสมที่ผิดพลาดจาก สูตรค็อกเทล เพียงเล็กน้อยนั้นจะทำให้รสชาติของเครื่องดื่มค็อกเทลเพี้ยนไปในทันที ฉะนั้นในการเลือกซื้อจิ๊กเกอร์ควรดูความแข็งแรงและความสะดวกในการทำความสะอาดด้วย และโดยหลักสากลแล้ว 1 jigger จะเท่ากับ 1.5 Oz. (ออนซ์) หรือประมาณ 45 ml. และไม่ว่าจะเป็น jigger ขนาดใดนั้น ส่วนที่เป็นด้านเล็กจะมีค่าเท่ากับครึ่งหนึ่งของด้านใหญ่เสมอ

3. Barspoon (บาร์สปูน) สูตรค็อกเทล บางสูตรนั้นจะใช้วิธีกาชงด้วยการเทรินแล้วคน ฉะนั้นการที่เรานำส่วนผสมของค็อกเทลแก้วเทรินใส่ในแก้วผสมแล้วก็ต้องมีการใช้ช้อนคน ซึ่งช้อนนี้ก็คือ ช้อนบาร์นี่เอง ซึ่งช้อนบาร์นี้จะมีลักษณะแตกต่างกับช้อนทั่วไปตรงที่จะมีก้านยาวกว่านั่นเอง ทั้งนี้ก็เพื่อความสะดวกในการคนให้ถึงก้นแก้ว นอกจากนี้น้ำหนักและความหนาของช้อนบาร์ก็สำคัญเช่นกัน เพราะไม่ควรบางจนเกินไป เนื่องจากบางครั้งเราต้องใช้มันตีก้อนน้ำแข็ง อีกทั้งควรเลือกใช้ช้อนบาร์ที่จับถนัดมือจะดีที่สุด

4. Mixing Glass (แก้วผสม) อย่างเรารู้แล้วว่า สูตรค็อกเทล บางสูตรนั้นก็ต้องมีการผสมวัตถุดิบต่างๆ แยกต่างหากไว้ก่อนที่ใส่แก้วเพื่อเสิร์ฟ ฉะนั้นแก้วผสมนี้จึงมีหน้าที่ในการการผสมส่วนต่างๆ ของค็อกเทลให้ลงตัวเสียก่อน ซึ่งแก้วผสมนี้ควรเลือกใช้วัสดุที่เป็นเนื้อแก้วหรือโลหะสแตนเลส อีกทั้งต้องมีความแข็งแรงและมีความหนาพอสมควรที่ใช้ช้อนบาร์คนผสมด้วยวิธีการคนแบบหมุนหรือแบบกระทุ้งได้ และบาร์เทรนเดอร์บางคนนั้นก็ใช้ส่วนที่เป็นแก้วของบอสตันเชคเกอร์ในการเป็นแก้วผสม

5. Strainer (สเตรนเนอร์ ) ใครหลายๆ คนอาจจะเรียกมันว่า ที่กรองหรือฝากรองก็ได้ โดยอุปกรณ์ชิ้นนี้จะใช้คู่กับแก้ว Boston Shaker เสมอ เพราะมันเป็นส่วนที่เอาไว้กรองน้ำแข็งออกจากเครื่องดื่มที่เราผสม ซึ่งในปัจจุบันนั้นไม่ค่อยจะเป็นที่นิยมนำมาใช้เท่าไหร่นัก

6. อุปกรณ์อื่น ๆ ยกตัวอย่างเช่น เครื่องปั่น, ที่คั้นน้ำผลไม้ กล่องตกแต่งขอบแก้ว หรือที่รินเหล้า เป็นต้น ทั้งนี้เราจะใช้อุปกรณ์อะไรเพิ่มเติมก็ขึ้นอยู่กับว่า สูตรค็อกเทล นั้นเป็นอย่างไรต้องชงแบบไหนนั่นเอง