ThaiFranchiseCenter Webboard

ThaiFranchiseCenter Webboard - Info Center

* สมัครสมาชิกเว็บบอร์ด ไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ ฟรี! *
หน้าแรก | เปิดร้านค้าฟรี! | โปรโมชั่นแฟรนไชส์ | ร้านหนังสือออนไลน์ | สนใจลงโฆษณา

ทางเว็บไซต์ ThaiFranchiseCenter.com ไม่มีส่วนรับผิดชอบกับข้อความต่างๆในเว็บบอร์ดแต่อย่างใด
    ไม่ว่าจะเป็นการซื้อ-ขาย-เช่า-เซ้ง หรือ อื่นๆ (ผู้ซื้อ หรือ ผู้ขาย กรุณาใช้วิจารณญาณในการติดต่อทางธุรกิจ)


เตือนนักลงทุนอสังหาฯ ผู้ซื้อบ้าน สถานการณ์ตลาดอสังหากำลังถดถอย สัญญาณอันตราย

 

เตือนนักลงทุนอสังหาฯ ผู้ซื้อบ้าน สถานการณ์ตลาดอสังหากำลังถดถอย สัญญาณอันตราย ในเดือนเมษายน 2559 จำนวนและมูลค่าของโครงการเปิดตัวใหม่ลดต่ำลงอย่างมาก ที่เป็นเช่นนี้เนื่องจากเป็นเดือนที่มีหยุดมาก อารมณ์การซื้อบ้านอาจจำกัด



          ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย (www.area.co.th) ขอสรุปสถานการณ์ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในเดือนเมษายน 2559 ว่ามีการเปิดตัวโครงการลดลงค่อนข้างมาก โดยในเดือนนี้ มีจำนวนโครงการเปิดขายใหม่ทั้งหมด 14 โครงการ ลดลงจากเดือนมีนาคม 2559 จำนวน 22 โครงการ ซึ่งมีจำนวนหน่วยขายและมูลค่าเพิ่มด้วย โดยลักษณะการพัฒนาเป็นการพัฒนาในกลุ่มที่อยู่อาศัยทั้ง 14 โครงการ ไม่มีอสังหาริมทรัพย์ประเภทอื่นเลย มีจำนวนหน่วยขายรวม 2,905 หน่วย และมีมูลค่าการพัฒนาโครงการรวม 7,798 ล้านบาท หรือลดลงประมาณ 67% จากเดือนก่อนเนื่องจากในเดือนเมษายนนี้มีวันหยุดยาวต่อเนื่องหลายวัน และบางโครงการได้ทยอยเปิดตัวไปในไตรมาสแรกที่มีงานแสดงบ้านแล้ว จึงทำให้มีการเปิดตัวโครงการน้อยลง และมีจำนวนหน่วยขายโดยรวมของเดือนนี้ลดลงตาม


          ประเภทที่มีจำนวนหน่วยเปิดขายใหม่มากที่สุดในเดือนนี้ยังคงเป็นอาคารชุดเช่นเดือนที่ผ่านมา โดยมีจำนวนหน่วยเปิดขาย 1,783 หน่วย (61.4%) รองลงมาคือ ทาวน์เฮ้าส์ 817 หน่วย (28.1%) ส่วนอันดับ 3 คือ บ้านเดี่ยว 104 หน่วย (3.6%) ของจำนวนหน่วยขายที่เปิดขายใหม่ทั้งหมด ซึ่งเมื่อเทียบจำนวนหน่วยขายกับเดือนที่ผ่านมา จะพบว่าจำนวนหน่วยขายของที่อยู่อาศัยหลัก ได้แก่ อาคารชุด ทาวน์เฮ้าส์ และบ้านเดี่ยว พบว่า จำนวนหน่วยขายของที่อยู่อาศัยทุกประเภทมีจำนวนลดลง











          เมื่อพิจารณามูลค่ารวมของการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่เกิดใหม่ในเดือนเมษายน 2559 นี้ลดลงประมาณ -79% ของเดือนมีนาคม ซึ่งในเดือนเมษายนนี้ลักษณะการพัฒนาที่อยู่อาศัยจะแตกต่างกับเดือนที่ผ่านมา โดยจะพบว่าสินค้าที่เข้าสู่ตลาดส่วนใหญ่เป็นอาคารชุด และมีราคาปานกลางถึงค่อนข้างต่ำเป็นสำคัญโดยมีระดับราคาไม่เกิน 2 ล้านบาท (62%) รองลงมา คือที่ราคา 2-3 ล้านบาท มีจำนวนประมาณ (21%) ของหน่วยขายที่เปิดใหม่ทั้งหมดในเดือนนี้

          เมื่อพิจารณาอัตราการขายได้ จะพบว่าในเดือนแรกของการเปิดขายมีอัตราการขายได้เฉลี่ยที่ 46% ซึ่งลดลงจากเดือนที่ผ่านมาที่มีอัตราการขายได้ที่ 26% ต่อเดือน โดยประเภทอสังหาริมทรัพย์ที่มีอัตราการได้สูงสุด และมีจำนวนหน่วยขายเป็นส่วนใหญ่ของตลาด อันดับ 1 คือ อาคารชุดราคา 0.5-1.0 ล้านบาท จำนวน 554 หน่วย ขายได้แล้ว 554 หน่วย (100%) รองลงคือ อาคารชุดระดับราคา 5-10 ล้านบาท จำนวน 99 หน่วย ขายได้แล้ว 84 หน่วย (85%) และอันดับ 3 คืออาคารชุดระดับราคา 1-2 ล้านบาท จำนวน 550 หน่วย ขายได้แล้ว 314 หน่วย (57%)

          บริษัทในตลาดหลักทรัพย์ (มหาชน) เปิดตัวมากที่สุด มีจำนวน 5 บริษัท คือ บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) บริษัท อารียา พรอพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) บริษัท อีเอ็มซี จำกัด (มหาชน) นอกจากนี้ก็ยังมีบริษัททั่วไปอีกจำนวนหนึ่ง หากเปรียบเทียบการพัฒนาระหว่างบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ บริษัทในเครือ และบริษัททั่วไป

          ในด้านทำเลที่ตั้ง จะพบว่าในเดือนนี้มีโครงการที่เปิดตัวใหม่และตั้งอยู่ในเขตกรุงเทพชั้นในจำนวน 2 โครงการ ตั้งอยู่ในเขตเมืองชั้นกลางและส่วนต่อขยายของเมือง (intermediate area) จำนวน 9 โครงการ เช่น ถนนประชาอุทิศ ถนนพุทธบูชา ถนนแจ้งวัฒนะ ถนนจรัญสนิทวงศ์ ถนนรัตนาธิเบศร์ และถนนกาญจนาภิเษก เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีอีก 3 โครงการที่อยู่ในพื้นที่รอบนอกซึ่งเป็นย่านชุมชนที่อยู่อาศัยในย่านนั้น เช่น บางบัวทอง - สุพรรณบุรี (340) เป็นต้น





ด่วน! ตามที่มีข่าวว่าจากสำนักข้อมูลกนึ่งแถลงว่าจำนวนที่อยู่อาศัยยังเพิ่มขึ้นในกรุงเทพมหานครนั้น ความนี้เป็นความเข้าใจผิดและเป็นการนำเสนอที่บิดเบือน เตือนนักลงทุน ผู้ซื้อบ้าน สถาบันการเงิน และนักพัฒนาที่ดิน โปรดอย่าหลงเชื่อเพราะหากยิ่งเพิ่มการพัฒนาโครงการยิ่งจะพากันลงเหว

        ผลการสำรวจตลาดที่อยู่อาศัยที่กว้างขวางและเจาะลึกที่สุดรวมทั้งดำเนินการมายาวนานที่สุดในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลว่า

จำนวนที่อยู่อาศัยในปี 2558 มีจำนวน 107,000 หน่วยที่เปิดขายใหม่ ลดลงกว่าจำนวนเปิดใหม่ปี 2557 ประมาณ 8% เพียงแต่มูลค่าโครงการเพิ่มขึ้นเพราะเน้นเปิดที่อยู่อาศัยในระดับราคาสูงเป็นสำคัญ เพราะผู้มีรายได้สูงยังไม่รับผลกระทบจากปัญหาเศรษฐกิจต่ำจากผู้มีรายได้ปานกลางถึงรายได้น้อยที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาเศรษฐกิจโดยตรง
ในปี 2559 จากการประมวลผลยังพบว่าจำนวนที่อยู่อาศัยรวมทั้งมูลค่าของการพัฒนาที่อยู่อาศัยเปิดใหม่จะลดลงกว่าปี 2558 อย่างชัดเจน ดร.โสภณ คาดว่าในปี 2559 จะมีโครงการเปิดใหม่ 96,600 หน่วย รวมมูลค่า 358,800 หรือลดลงกว่าปี 2558 ประมาณ 11% ในแง่จำนวนหน่วย และ 18% ในแง่ของมูลค่านั่นเอง
ตัวเลขเดียวที่อาจเพิ่มขึ้นและได้เพิ่มขึ้นอยู่ตลอดเวลาก็คือจำนวนหน่วยรอการขายหรือเหลือขายอยู่ในขณะนี้ซึ่ง ณ สิ้นปี 2558 พบว่ามีจำนวนเหลือขายถึง 177,000 หน่วย การที่หน่วยเหลือขายเพิ่มมากขึ้นนี้เป็นสัญญาณอันตราย แสดงว่าการดูดซับอุปทานในตลาดทำได้น้อยลง
        โดยสรุปแล้วทั้งภาครัฐและภาคเอกชนควรศึกษาข้อมูลให้รอบด้าน โดยเฉพาะรัฐบาลอย่าพึ่งแต่เชื่อข้อมูลของทางราชการเอง ที่พยายามนำเสนอว่าสถานการณ์ต่างๆอย่างดีอยู่ทั้งที่ในความเป็นจริงกำลังถดถอยลงอย่างต่อเนื่อง มีแต่ว่าถ้ารัฐบาลฟังความให้รอบข้างและมีข้อมูลที่เชื่อถือได้จริง ก็จะหาทางออกที่ถูกต้องเพื่อประโยชน์ของผู้บริโภคนักพัฒนาที่ดินสถาบันการเงินและสังคมโดยรวม

อ่านต่อได้ที่ : http://www.trebs.ac.th/Thai/news/index.php?nid=58