ThaiFranchiseCenter Webboard

ThaiFranchiseCenter Webboard - Info Center

* สมัครสมาชิกเว็บบอร์ด ไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ ฟรี! *
หน้าแรก | เปิดร้านค้าฟรี! | โปรโมชั่นแฟรนไชส์ | ร้านหนังสือออนไลน์ | สนใจลงโฆษณา

ทางเว็บไซต์ ThaiFranchiseCenter.com ไม่มีส่วนรับผิดชอบกับข้อความต่างๆในเว็บบอร์ดแต่อย่างใด
    ไม่ว่าจะเป็นการซื้อ-ขาย-เช่า-เซ้ง หรือ อื่นๆ (ผู้ซื้อ หรือ ผู้ขาย กรุณาใช้วิจารณญาณในการติดต่อทางธุรกิจ)


YES! Business School Alumni Interview : Fashion Marketing

YES! Business School Alumni Interview : Fashion Marketing
« เมื่อ: มกราคม 31, 2014, 03:54:23 AM »


1. ให้คุณจ๊ะเอ๋ยช่วยแนะนำตัวหน่อยค่ะ เรียนจบด้านไหน และตำแหน่งปัจจุบันคืออะไรคะ
- ชื่อ จ๊ะเอ๋ย ค่ะ นางสาว ธันย์ชนก คำคุณ เรียนจบปริญญาตรีจากธรรมศาสตร์ คณะ SIIT ( Sirindhorn Internation Institute of Technology) ภาควิชา Management Technology สาขา Supply Chain Management หลังจากจบปริญญาตรี ก็บินไปเรียนต่อ Diploma สาขา Fashion Design ที่ Istituto Marangoni Milan Italy เป็นเวลา 1 ปี ค่ะ ปัจจุบันทำงานอยู่ที่แบรนด์เสื้อผ้าสตรี KEM ISSARA ตำแหน่ง Studio Manager ค่ะ


2.Studio Manager มีหน้าที่อะไรบ้าง และมีความสำคัญต่อธุรกิจเสื้อผ้าและสินค้าแฟชั่นอย่างไร
- หน้าที่ของ Studio Manager ที่จ๊ะเอ๋ยทำอยู่ จะมีหน้าที่หลักคือ ดูแลความเรียบร้อยของกระบวนการการผลิตสินค้าและสต๊อคสินค้า รวมไปถึงหน้าที่ในการออกแบบดีไซน์, งาน creative ต่างๆ, โปรเจคดีไซน์พิเศษ และ ติดต่อกับต่างประเทศ เรียกได้ว่าทำงานภาพรวมทั้งหมด แต่เน้นหลักๆคือการผลิตและสต๊อคสินค้า
ความสำคัญของหน้าที่จริงๆแล้วทุกหน้าที่ในงานด้านธุรกิจแฟชั่นสำคัญทั้งหมด เพราะทุกหน้าที่ต้องติดต่อสื่อสารเชื่อมโยงกันตลอดจะขาดสิ่งใดสิ่งหนึ่งไม่ได้ ความสำคัญของหน้าที่ที่จ๊ะเอ๋ยทำเห็นจะเป็น การดูแลภาพรวมและแก้ปัญหาต่างๆให้งานและสินค้าออกมาดีที่สุด

3.สำหรับคนที่ต้องการทำงานสายแฟชั่น คิดว่าการเรียน Fashion Marketing จำเป็นหรือไม่ อย่างไร
-  สำหรับคนที่ต้องการทำงานด้านนี้ เรื่อง Fashion Marketing เป็นอีกเรื่องนึงที่สำคัญและคนมักมองข้ามไปเน้นเรื่องการดีไซน์เป็นหลัก แต่จริงๆแล้วนอกเหนือจากการดีไซน์ Fashion Marketing เป็นอีกหนึ่งสาขาวิชาที่ทำให้เจ้าของแบรนด์หรือตัวดีไซน์เนอร์เองรู้จักลูกค้าหรือผู้บริโภคมากขึ้น อีกทั้งยังจะทำให้การออกแบบหรือการทำงานมีระบบระเบียบมากขึ้น เพราะเราจะรู้ว่าเราทำอะไร เพื่อใคร และทำอย่างไร Fashion Marketing จึงเป็นอีกหนึ่งวิชาที่ตอบโจทย์งานด้านธุรกิจแฟชั่นได้เป็นอย่างดี

4.คุณจ๊ะเอ๋ยเรียนด้าน  Fashion Design มาและเรียน Fashion Marketing เพิ่มเติมกับสถาบันฯเรา สองศาสตร์นี้ความต่างและความเหมือน ยังไงบ้างคะ
- การดีไซน์จะเน้นหลักที่ความคิดสร้างสรรค์ ความคิดริเริ่มใหม่ๆ การสื่อสารตัวตนของเราออกมาผ่านทางเสื้อผ้า คือเน้นหลักในด้านของศิลปะการออกแบบสร้างสรรค์ แต่ Fashion Marketing จะเน้นที่ความคิด ความเข้าใจ ขั้นตอน กระบวนการการทำงาน และการสื่อสารของเสื้อผ้าสู่ตลาดผู้บริโภค แต่ทั้งนี้ก็ต้องอิงจากงานดีไซน์เป็นหลักด้วย สองสิ่งนี้ต้องไปควบคู่กัน

5.อะไรทำให้คุณจ๊ะเอ๋ยตัดสินใจเลือกเรียนกับเราคะ
- เห็นว่าที่นี่เปิดคอร์สเรียนวิชาที่น่าสนใจ และไม่ต้องใช้ระยะเวลาเรียนนาน ส่วนมากคอร์สพวกนี้จะไม่ค่อยมีเอาออกมาสอนเดี่ยวๆ มักอยู่ในหลักสูตรที่ต้องใช้เวลาเรียนนานและเรียนรวมกับวิชาอื่นๆอีก

6.ประทับใจบรรยากาศการเรียนการสอนของเราหรือไม่ อย่างไรคะ เม้าส์ได้เลยเต็มที่ ^ ^
- ประทับใจค่ะ เพราะคอร์สที่เรียนมีจำนวนนักเรียนเรียนไม่มาก ทำให้สื่อสารกับครูได้อย่างเต็มที่ เพื่อนร่วมห้องเป็นกันเองแชร์ประสบการณ์และความคิดกันเต็มที่ เนื่องด้วยเป็นคลาสเล็กๆแต่อบอุ่น และครูผู้สอนก็เป็นกันเองมาก ให้คำปรึกษาและคอยสอนคอยดูแลแบบใกล้ชิดตลอด ยิ้ม

7.การเรียน Fashion Marketing ช่วยให้เราเข้าใจกลุ่มลูกค้า หรือสื่อสารกับเจ้าของแบรนด์สินค้าแฟชั่นได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น หรือไม่ อย่างไรคะ
- เรียกได้ว่ามากค่ะ เพราะ ก่อนหน้านี้เราคิดว่าเราเข้าใจกลุ่มลูกค้าอยู่แล้ว แต่พอมาเรียนเพิ่ม เราจะได้สิ่งที่ลึกลงไปอีก มีสิ่งที่เรายังลืมยังไม่รู้อยู่ก็มาก ทริคและเทคนิคต่างๆก็มีมากมาย ยิ่งรู้มากเท่าไหร่เราก็จะเข้าใจลูกค้ามากเท่านั้น อีกทั้งทำให้การสื่อสารของเรากับเจ้าของแบรนด์เข้าใจและเห็นภาพตรงกันมากขึ้นอีกด้วยค่ะ

8.การที่ต้องดูแลทั้งเรื่องดีไซน์ และ เรื่องการหมุนเวียนสินค้า ซึ่งน่าจะเป็นเรื่องที่ใช้คนละทักษะ สำหรับคุณจ๊ะเอ๋ยมันยากง่ายยังไงบ้างคะ
- จริงๆการทำงานสองอย่างนี้พร้อมๆกันไม่ง่ายและก็ไม่ยาก พูดได้ว่าเราต้องแยกสมองเราให้ออก เพราะอย่างที่บอกสองสิ่งนี้มันใช้ทักษะคนละอย่างกัน เราต้องมีสติ สมาธิและความตั้งใจ งานสองอย่างนี้มันจะมีกระบวนการเป็นขั้นตอน ถ้าเราเข้าใจกระบวนการและจัดระเบียบตัวเองได้แล้ว งานสองอย่างนี้ทำพร้อมๆกันก็จะไม่ใช่เรื่องยากเลยค่ะ

9.เมื่อเข้ามาทำงานในสายแฟชั่น คุณจ๊ะเอ๋ยต้องปรับทัศนคติมากมั้ยค่ะ เพราะเราเรียนสายวิทย์มาก่อน
- ไม่มากเลยค่ะ เพราะส่วนตัวเป็นคนศึกษาและชอบเรื่องแฟชั่นอยู่แล้ว ทำให้มีความคุ้นเคยกับมันมาพอสมควร ส่วนเรื่องการเรียนสายวิทย์ก็ไม่ใช่วิทย์จ๋า เพราะคณะที่เรียนจะเน้นหลักที่การบริหารการจัดการเลยทำให้เอามาประยุกต์กับงานธุรกิจสายแฟชั่นได้ด้วยค่ะ


10.ในมุมมองของคุณจ๊ะเอ๋ย นอกจากความสามารถในการดีไซน์แล้ว ความรู้เรื่อง Fashion marketing สำคัญต่อการการสร้างแบรนด์หรือไม่ อย่างไรคะ
- สำคัญนะคะ เพราะการที่เราจะสร้องแบรนด์ขึ้นมาแบรนด์นึงเราไม่สามารถที่จะใช้ความรู้เรื่องการดีไซน์อย่างเดียวได้ ผลงานสินค้าของเราต้องคำนึงถึงผู้บริโภคและตลาดด้วย สองสิ่งจะต้องไปพร้อมๆกัน เพื่อที่จะหนุนซึ่งกันและกันให้ธุรกิจออกมาได้ดีทั้งในด้านผลงาน การทำงาน การเติบโต และรายได้

11.เทรนด์หรือกระแสสังคม มีผลต่อแบรนด์สินค้าแฟชั่นที่คุณจ๊ะเอ๋ยรับผิดชอบอยู่ยังไงบ้างคะ
- ถ้าเรื่องเทรนด์คงจะไม่ค่อยมีผลมากนัก เพราะแบรนด์ที่จ๊ะเอ๋ยทำอยู่ไม่ได้ติดอยู่กับเทรนด์หรือต้องตามเทรนด์ แต่เราทำในสิ่งที่เป็นตัวตนของแบรนด์จริงๆ ส่วนเรื่องกระแสสังคมก็ไม่ได้มีผลมากนักแต่ก็อาจจะหยิบจับบางกระแสสังคมมาสร้างการตลาดให้แบรนด์บ้าง แต่พูดได้ว่าน้อยมากกกก เพราะเราเน้นที่ตัวตนแบรนด์เป็นหลักค่ะ

12.คิดว่าปัจจัยในการทำแบรนด์แฟชั่น นอกจากความสามารถในการดีไซน์แล้ว มีอะไรอีกบ้างคะ
- คิดว่าการบริหาร ( Management ) และการตลาด ( Marketing ) เป็นอีกสองปัจจัยสำคัญในการทำแบรนด์แฟชั่นค่ะ

13.คุณจ๊ะเอ๋ยคิดว่าธุรกิจแฟชั่นของไทย ยังสามารถเติบโตได้อีกมากน้อยแค่ไหนคะ
- จ๊ะเอ๋ยคิดว่าเรายังสามารถเติบโตได้อีกมากนะคะ เพราะ จากการที่ไปใช้เวลาคลุกคลีกับการเรียนแฟชั่นที่เมืองนอก ทำให้เห็นว่ายังมีอีกหลายสิ่งที่ธุรกิจแฟชั่นไทยยังไม่มี แต่กำลังจะเรียนรู้และซึมซับสิ่งใหม่ๆเพิ่มมากขึ้น บุคคลากรที่มีความรุ้และเปิดโลกทัศน์ใหม่ๆก็เกิดขึ้นมากในวงการเช่นเดียวกัน

14.ในอนาคตคุณจ๊ะเอ๋ยวางแผนจะมีกิจการหรือแบรนด์เป็นของตัวเองหรือไม่ หรืออาจหันเหไปทำแผนกอื่นๆในสายงานแฟชั่น?
- ในอนาคตวางแผนจะมีแบรนด์เป็นของตัวเองค่ะ แต่ยังเป็นเรื่องของอนาคตที่ค่อยๆวางแผนและศึกษาสิ่งใหม่ๆเรื่อยๆค่ะ

15.คุณจ๊ะเอ๋ยมองภาพตัวเองในอนาคตอีก 5 ปีข้างหน้าเป็นอย่างไรบ้าง
- ในอนาคอีก 5 ปี จ๊ะเอ๋ยอยากจะมีแบรนด์เล็กๆเป็นของตัวเอง ได้ทำธุรกิจที่เป็นของตัวเอง เป็นแบรนด์เล็กๆที่ได้ทำในสิ่งที่เรารักเราชอบทุกๆวัน และถ้ามีโอกาสก็อยากจะไปให้ถึงเมืองนอกแบบเปิดตัวเล็กๆ หรือเป็นเว็บที่รับลูกค้าจากเมืองนอกด้วยค่ะ ( ความฝันหน่ะค่ะ 555555 )

16. ขอให้คุณจ๊ะเอ๋ยช่วยฝากอะไรถึงคนที่สนใจเปลี่ยนสายงานมาทำด้านแฟชั่นแต่ยังลังเลอยู่
- อยากฝากให้ถามใจตัวเอง ถ้าเรารักเราชอบมันจริงๆก็อย่างลังเลค่ะ ทุกงานทุกอาชีพมีอุปสรรคทั้งนั้น ถ้าเราตั้งใจทำมันเราจะทำได้ค่ะ เราได้ทำในสิ่งที่เรารักเราชอบ จ๊ะเอ๋ยว่าเราจะทำมันออกมาได้ดีค่ะ ที่สำคัญไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นห้ามท้อค่ะ อะไรที่ผิดพลาดก็เอามาเป็นความรู้ อะไรที่เราไม่รู้ก็หมั่นศึกษาต่อไป ตั้งใจและเราจะทำได้ค่ะ
------------------------------------------------------------------



1. ให้คุณหนาวแนะนำตัวหน่อยนะคะ ปัจจุบันทำอะไรอยู่เอ่ย
- ปัจจุบันกำลังศึกษาอยู่ชั้นปีที่ 3 มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตบางเขน คณะเศรษฐศาสตร์ สาขาการประกอบการหลักสูตรนานาชาติคะ (EEBA; Entrepreneur Economics of Bachelor of Art)

2. คุณหนาวเรียนด้านเศรษฐศาสตร์มาอยู่แล้ว ทำไมถึงความสนใจที่เรียน Fashion Marketing เพิ่มเติมจากการเรียนในมหาวิทยาลัยคะ
- คือต้องบอกก่อนเลยว่า หนาวไม่ได้มีความชอบด้านเศรษฐศาสตร์เลยแม้แต่น้อยค่ะ แต่หนาวมองว่า เศรษฐศาสตร์มันสามารถนำไปใช้ได้หลายด้านค่ะ ทั้งด้านการงาน ด้านการวางแผนชีวิตก็ได้ เราจะได้วางแผนด้านการเงินเล็กๆน้อยๆของเรา มันจึงเป็นเหมือนพื้นฐานในการเริ่มทำงานและใช้ชีวิตค่ะ จริงๆแล้วหนาวอยากเรียนด้านศิลป์มากกว่าค่ะ เพราะตอนม.ปลายหนาวจบสายศิลป์ฝรั่งเศสมา และหนาวเองก็ชอบภาษาฝรั่งเศสมากๆค่ะ หนาวว่าเวลาพูดมันฟังแล้วเพราะดี ดูมีเอกลักษณ์ ถึงจะเรียนยากแต่หนาวก็ชอบมากค่ะ และหนาวเป็นคนชอบดูหนังสือที่ไม่ใช่การอ่าน เพราะฉะนั้นนิตยสารตอบเลยเป็นอะไรที่ตอบโจทย์หนาวมากค่ะ หนาวชอบอ่านนิตยสารมาตั้งแต่เด็กแล้ว มันซึมซับมาเรื่อยๆ ทำให้เราเริ่มชอบและสนใจแฟชั่นมากขึ้นจนถึงวันนี้ค่ะ ตอนนี้หนาวเรียนอยู่มหาวิทยาลัย หนาวจึงมองว่า ไหนๆเราไม่ได้เรียนในสิ่งที่เราชอบ แต่เราก็ทำเต็มที่ เราจะเรียนให้จบ หนาวจึงเลือกที่จะเรียนเสริมในสิ่งที่หนาวชอบมาตั้งแต่เด็กๆก็คือ แฟชั่น การแต่งตัว แต่งหน้า ทำผม ดีไซน์เนอร์ที่เราชอบ รายการทีวีที่เราชอบ มันเป็น inspiration เป็นทุกอย่างที่ทำให้หนาวอยากทำงานในสายแฟชั่น แต่ในเมื่อหนาวมีพื้นฐานด้านเศรษฐศาสตร์ เราก็ไม่อยากทิ้งมันไปโดยเปล่าประโยชน์ หนาวเลยอยากนำสองอย่างมารวมกัน ก็เลยมองหาสายงานที่พอจะเป็นไปได้ อย่างเช่น Marketing เพราะฉะนั้น คอร์ส Fashion Marketing จึงตอบโจทย์หนาวมากที่สุดค่ะ ยิ้ม

3.  ถ้าเลือกได้ คุณหนาวอยากทำอาชีพอะไรในสายแฟชั่น และทำไม
- ถ้าเป็นไปได้นะคะ หนาวอยากทำ Fashion Marketing เลย อย่างที่บอกว่ามันเป็น Combination ในสิ่งที่หนาวเรียนมาอย่างตรงที่สุดค่ะ แต่ถามว่ามีอะไรในใจสำรองมั้ย จริงๆอยากทำงานสาย Magazine แต่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามีตำแหน่งไหนที่พอจะเป็นไปได้ไหมที่จะคล้ายหรือใกล้เคียงกับสิ่งที่หนาวเรียนมาที่มหาวิทยาลัย และที่สถาบันค่ะ

4.  คิดว่าประสบการณ์และหลักที่ได้จากการเรียนFashion Marketing จะสามารถนำมาปรับใช้ในการทำงานในอนาคตได้ยังไงบ้างคะ
- Course Fashion Marketingที่หนาวเรียนมา ก็คงเป็นพื้นฐานในระดับหนึ่งให้หนาวได้สำหรับการเริ่มต้นชีวิตทำงานค่ะ หนาวแพลนว่าจะลองหาหนังสือมาอ่านเพิ่มเติม และชีทเอกสารที่ได้จากสถาบันหนาวเก็บแยกไว้เลยค่ะ เพื่อเตรียมไว้สำหรับอ่านทบทวนตอนจะเริ่มงานถ้าเราได้งานสาย Fashion Marketing จริงๆอย่างใจหวัง และอีกอย่าง เราได้เพื่อนเพิ่ม ได้คนรู้จักในสายแฟชั่นเพิ่มมากขึ้นเยอะเลยค่ะ ทำให้เรารู้สึก สบายใจและมั่นใจมากขึ้นในการที่จะเข้าไปสมัครงานในสายนี้ เพราะหนาวคงไม่เก่งเท่าคนที่จบสายแฟชั่นมาโดยตรงอยู่แล้วแต่การที่เรามีคนให้ปรึกษา และมีความรู้ด้านนี้มากกว่าเรา ก็ถือว่าเป็น benefits อย่างหนึ่งที่เราได้จากสถาบันคะ

5.  ในความคิดคุณหนาว พฤติกรรมผู้บริโภคสินค้าแฟชั่นมีความแตกต่างกับผู้บริโภคสินค้าอุปโภคทั่วไปอย่างไร
- ในความคิดหนาว คนที่เสพแฟชั่น บริโภคแฟชั่นอย่างจริงจัง ต้องเป็นคนที่มีความชอบเป็นจุดหลัก หลงใหลในแฟชั่น ไม่ใช่เฉพาะเสื้อ กางเกง หรือ accessories ต่างๆนะคะ แต่มันน่าจะเป็น inspiration และ factors ต่างๆเช่น history designer haute-couture เป็นต้นค่ะ เพราะมันเป็นองค์ประกอบรวมที่ทำให้สินค้าแฟชั่นมีมูลค่ามากขึ้น อย่างเช่น หนาวชอบอ่านประวัติของดีไซน์เนอร์และแบรนด์ เพราะมันทำให้เห็นความเป็นมาของสินค้าแฟชั่นว่ากว่าจะได้เสื้อตัวนึงของ Chanel มันยากขนาดไหน งาน Haute Couture ทำไมถึงแพงนักแพงหนา  สิ่งเหล่านี้สำหรับหนาวมันเหมือนมีเวทมนต์ สำหรับข้อแตกต่างระหว่างสินค้าทั่วไป หนาวว่าอาจจะเป็นที่การใช้งานมั้งคะ หนาวว่าทุกอย่างมันก็มีองค์ประกอบของตัวสินค้าแต่ละอย่างแตกต่างกันออกไป เช่นโทรศัพท์เราก็ซื้อ เพราะมันจำเป็นต้องใช้ในการติดต่อ แต่ว่าสำหรับแฟชั่น เสื้อผ้า กระเป๋า หนาวรู้สึกมันเป็นการเสริมบุคลิกภาพของเราด้วยค่ะ ไม่จำเป็นว่าต้องดูแพง แต่หนาวชอบหลักของแฟชั่นที่ว่า "กลบจุดด้อย ดึงจุดเด่น"  เพราะในร่างกายคนเรามันมีทั้งจุดเด่น และจุดด้อย เสื้อผ้ามันมหัศจรรย์นะคะ คนรูปร่างแบบนี้เหมาะกับเสื้อแบบนี้ คนอ้วนไม่ควรใส่ลายขวาง ควรใส่สีดำจะทำให้ดูผอม คนผอมใส่คออย่ากว้างมากเพราะจะยิ่งทำให้ดูผอมไปกันใหญ่ มันเป็นการปรับรูปร่างเราให้ดูดี ทำให้เราน่ามอง นี่อาจจะเป็นจุดต่างแหละมั้งคะในความคิดหนาว

6.  หลังจากเรียน Fashion Marketing แล้ว คุณหนาวมีความคิดที่เปลี่ยนไปต่อสินค้าแฟชั่นยังไงบ้าง
- เปลี่ยนค่ะ เปลี่ยนไปในด้านบวก เรารู้สึกว่าแฟชั่นไม่ใช่สินค้าฟุ้มเฟือยขนาดนั้น โอเค ถ้าพูดถึงความจำเป็นของสินค้าแฟชั่น สำหรับคนทั่วๆไป มันไม่ได้มีความจำเป็นขนาดนั้น แต่ทุกๆอย่าง รวมทั้งสินค้าแฟชั่นมันมี value ของมัน มันเป็น inspiration ให้หนาวศึกษาแฟชั่นมากขึ้น เลือกซื้อเสื้อผ้าแต่ละที เราก็ได้ trick ในการเลือกอะไรใหม่ๆมากขึ้น เวลาเดินช้อปปิ้ง หนาวก็จะนึกถึงสิ่งที่เรียนมา อย่างเช่น ไปร้านนี้ เขาจัดร้านแบบไหน เขามี window display ยังไง inspiration ของคอลเลคชั่นนี้ที่ต้องการส่งให้ผู้บริโภครับรู้คืออะไร ตัวไหนน่าจะขายได้ ตัวไหนน่าจะขายไม่ออก มันทำให้หนาวรู้สึก enjoy มากขึ้นในการศึกษาแฟชั่นค่ะ และบางเรื่องที่เราไม่เคยรู้มาก่อน ก็ทำให้เรา wow ได้เหมือนกันนะคะ ฮ่าๆ

7.  การวางแผนทางการตลาดให้กับสินค้าแฟชั่น ยากหรือง่ายกว่าสินค้าทั่วไปคะ ตามความเห็นของคุณหนาว
- นี่เป็นอีกหนึ่งอย่างที่ทำให้หนาวรู้สึกว่า การตลาดของแฟชั่นเป็นสิ่งที่น่าทำและน่าเรียนรู้มากๆค่ะ มันดูไม่ยากในตอนแรก แต่พอได้มาเรียน มันมีเรื่องยิบย่อยเต็มไปหมด การ promote แบรนด์หนึ่งแบรนด์ให้เป็นที่ต้องการนี่มันไม่ง่ายเลยค่ะ  แต่หนาวก็มองว่า แฟชั่นเป็นอีกหนึ่ง business หนาวว่ามันก็มีความง่ายและความยากปนกันไปพอๆกับสินค้าประเภทอื่นค่ะ เพราะหนาวมองว่า target group ของ fashion consumer อาจจะมีกลุ่มบุคคลกลุ่มนึงที่เป็น fashion loyalty ทำให้ไม่ว่ากาลเวลาจะเปลี่ยนไปยังไง เขาก็ยัง consumer เราอยู่ แต่เราจะดึงคนเข้ามาเพิ่มให้เขาหันมาสนใจในแฟชั่นมากขึ้นได้ยังไงนี่สิ ท้าทายกว่าค่ะ หนาวถึงอยากเรียนรู้ถึงการตลาดของแฟชั่นให้มากกว่านี้ หนาวว่ามันน่าสนุกดี ถึงจะเป็นงานเบื้องหลัง แต่มันก็เป็น process หลักในวงการแฟชั่นที่ทำให้มันขับเคลื่อนได้และประสบความสำเร็จค่ะ

8.  หลังจากเริ่มเรียน Fashion Marketing คุณหนาวคิดยังไงกับแบรนด์สินค้าแฟชั่นไทย (อาจให้ยกตัวอย่าง case study ที่เคยเรียน)
-สำหรับสินค้าแบรนด์ไทย หนาวมองว่ามันดูเหมือนเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีนะคะในช่วงนี้ แต่มันไม่ค่อย unique สำหรับแต่ละแบรนด์ค่ะ เสื้อcrop top , กางเกงเอวสูง มาแรงและมานานมาก มีขายทุกที่ตั้งแต่ แบรนด์ไฮสตรีทในห้างจนถึงประตูน้ำ คือสำหรับหนาว ของก๊อปบ้านเรามันยังเกลื่อนซะขนาดนี้ก็สงสารดีไซน์เนอร์ค่ะ และอื่นๆอีกเยอะ มันเลยทำให้ดูเกลื่อนตาไปหมด อยากให้มีดีไซน์เนอร์หน้าใหม่ คิดอะไรออกมาใหม่ๆ แล้ว ล้ำ สวย แพทเทิร์นดี ตอบโจทย์ต่างๆได้ และที่สำคัญควรใส่ได้ในชีวิตจริงด้วยค่ะ

9.  คุณหนาวรู้สึกอย่างไรที่เพื่อนร่วมคลาสมีช่วงอายุที่หลากหลาย เป็นอุปสรรคในการเรียนของคุณหรือไม่
- ไม่เป็นอุปสรรคในการเรียนเลยค่ะ ดีด้วยซ้ำ เจอคนหลายแบบ อายุต่างกัน ได้แชร์ประสบการณ์กัน แชร์ความรู้ในแต่มุมมองกัน หนาวโอเคมากๆค่ะ สนุกดีด้วย

10.  อาชีพนักการตลาดมีส่วนขับเคลื่อนแบรนด์สินค้าแฟชั่นอย่างไร ในความคิดของคุณหนาว
- มันเป็นการสร้าง attractive ต่อผู้บริโภคค่ะ ว่าเราจะสร้าง promotion ยังไง, เลือกสินค้ายังไงให้ attract ต่อ demand ของผู้บริโภค, วาง layout ร้านยังไงให้ลูกค้าอยู่ในร้านได้นานที่สุด มันเป็นทั้ง logic และ ทฤษฎีที่บางอย่างเราก็ไม่เคยรู้มาก่อนว่ามันสามารถทำให้คนเข้ามาซื้อสินค้าเรามากขึ้น หรือบางอย่างที่เราคิดว่าดีแน่ๆ แต่กลับทำให้ลูกค้าน้อยลง และหนาวคิดว่า Marketing เป็นอีกหนึ่งปัจจัยหลักที่ทำให้แบรนด์ประสบความสำเร็จได้ด้วย ถ้าแบรนด์ขาด Marketing ที่ดี  สินค้าจะไม่สะดุดตา แล้วแบรนด์จะเป็นที่น่าสนใจและมีชื่อเสียงได้อย่างไร นี่คือสิ่งสำคัญและเป็นหลักของการมี Marketing ในมุมมองของหนาวเลยแหละค่ะ

11.  ถ้าไม่มีแผนกFashion Marketingบนโลกใบนี้ คุณคิดว่าจะเกิดอะไรขึ้น
- ก็อาจจะไม่มีการ promote, สร้าง event ที่เป็นการเชิญชวนให้ลูกค้ามาสนใจในตัวสินค้า, ไม่มีคนไปเลือกสินค้าที่อยู่ในหน้าที่ buyer และอื่นๆอีกมากมายมั้งคะ นี่ก็คิดไม่ออกนะ ว่าไม่มีแล้วใครจะทำแทน? ก็คงมีตำแหน่งอื่นที่ต้องทำควบคู่ไปด้วย หรือไม่ก็อาจจะมีวิธีการทำ promote แบบอื่นแทนละมั้งคะ แต่หนาวว่ายังไงซะมันก็คงต้องมีทางออกแน่นอน

12.  ในเชิงเศรษฐศาสตร์ คุณหนาวคิดว่า พฤติกรรมผู้บริโภคสินค้าแฟชั่นในประเทศไทย จะมีพัฒนาการหรือไม่ อย่างไร ในปี 2014 นี้
- หนาวว่าถ้ามองในปีนี้ ดูเทรนด์ที่จะฉีก แหวกแนว และเป็นที่ยอมรับ อาจจะมีเปอร์เซนต์น้อยนะคะ เพราะหนึ่งถ้าดูโดยภาพรวมของเศรษฐกิจไทยในตอนนี้ หนาวว่าอยู่ในช่วง recession คือเป็นช่วงที่ถดถอย เนื่องจากเหตุการณ์ความไม่สงบในประเทศด้วย แต่ว่าปลายปีหน้าอาจจะมีแนวโน้มที่เศรษฐกิจอาจจะกลับมาฟื้นตัวดีขึ้น และเป็นแรงผลักดันให้ดีไซน์เนอร์ไทย และอุตสาหกรรมแฟชั่นกลับมาดีขึ้นก็ได้ค่ะ เนื่องจากสินค้าแฟชั่นในบ้านเราหรืองานศิลป์โดยทั่วไป ถ้าพูดกันตามหลักความเป็นจริง มันไม่ค่อย effective ต่อการดำรงชีวิตของคนไทยสักเท่าไหร่แฟชั่นในบ้านเราจึงถูกจัดอยู่ลำดับท้ายๆ ของการตัดสินใจที่จะบริโภคค่ะ และยิ่งถ้าเศรษฐกิจบ้านเมืองยังไม่ฟื้นตัวอย่างนี้ โอกาสที่จะมีการพัฒนาในด้านนี้ก็อาจจะน้อย แต่หนาวก็หวังว่าเราจะได้เห็นแฟชั่นเสื้อผ้าใหม่ๆเกิดขึ้นในบ้านเรามากขึ้นกว่านี้ เพราะปัจจุบันมันเริ่มดูน่าเบื่อและเกลื่อนมากเลยค่ะ

13.  ใครเป็นแรงบันดาลใจสำคัญ ในการเรียนด้านธุรกิจแฟชั่นของคุณหนาวคะ
- ไม่มีค่ะ ไม่ใช่ว่าเรามั่นหรืออะไรนะคะ แต่เท่าที่จำความได้ก็คือไม่มีค่ะ ประเภทที่เจอไอดอลแล้วก็เริ่มหันมาสนใจแฟชั่นเพราะเขา ไม่มีจริงๆค่ะ มันเริ่มมาจากความชอบของหนาวเองที่ว่าหนาวไม่ชอบอ่านหนังสือที่มีตัวหนังสือ หนาวชอบดูภาพ หนาวเลยเลือกอ่านนิตยสารและทำตัวตามเทรนด์มาเรื่อยๆ ชอบแต่งตัว เทรนด์เป็นยังไง เคยพลาด เคยพังมาหมดแล้วค่ะ เราเรียนรู้เองมาเรื่อยๆว่า เราเหมาะกับแนวไหน อันไหนรอดเราก็จะจำไว้และคีพลุคไว้ว่านี่คือเรา เช่นหนาวจะใส่อะไรสีเข้มจัดๆไม่ได้ เพราะจะดูมืด เพราะเราผิวแทนอยู่แล้ว มันจะดูหมองๆ หนาวจะชอบใส่อะไรที่เป็นประกาย ครีม ขาว เบจ สว่างๆ ไว้ค่ะ ทำให้เราดูผ่องดี  อันไหนพังประหนึ่งเดินตกเวทีรันเวย์ ก็จะจำไว้เหมือนกันค่ะ เช่นหนาวเคยพังเพราะพังค์ (punk) เราเคยเป็นเด็กที่กรีดตาตกร่องทั้งบนและล่าง และเซ็ตผม ไม่มีคิ้ว แต่ทาปาก และใส่กางเกงสายห้อยระโยงระยางไร้ทักษะสิ้นดี แต่งดำทั้งตัว ใส่คอนแทคเลนส์ 3-tone ฟอกหัวสีเงิน นี่คือพังที่สุดแล้วค่ะ ฮ่าๆ มันเกิดจากประสบการณ์โดยตรงจากตัวหนาวเองทั้งหมด ถ้าอยากได้คำตอบจริงๆ ก็คงเป็นตัวเองมั้งคะ เพราะหนาวชอบแฟชั่น หนาวถึงอยากเรียนรู้แฟชั่นมากขึ้นเพื่อนำกลับมาปรับกับตัวเอง และถ่ายทอดให้คนอื่นได้ด้วยค่ะ

14.  หลังจากเรียนจบแล้วคุณหนาวตั้งเป้าหมายสำหรับการทำงานในสายแฟชั่นอย่างไรบ้าง
- ตอนนี้หนาวเรียนปี 3 เทอม 2 อยู่ค่ะ ก็กำลังคิดว่าจะเริ่มอ่าน IELTS สอบ IELTS ให้เสร็จก่อนเพราะมันต้องใช้สำหรับตอนจบ แล้วก็ช่วง summer นี้ที่จะรอขึ้นปี 4เทอม 1 หนาวก็จะไปฝึกงานค่ะ ได้คุยกับพี่ที่รู้จักกันไว้ เขาก็แนะนำให้ลองไปฝึกงานเป็น Stylist ที่ Grammy อยู่ ใจจริงหนาวอยากฝึกงานในสายนิตยสารมากกว่าค่ะ แต่ไม่รู้จะมีโอกาสไหม ฮ่าๆ พอซัมเมอร์จบ หนาวก็จะขึ้นปี4 เทอมเดียวก็เรียนจบแล้วค่ะ เพราะหนาวเรียน 3 ปีครึ่งจบ เวลาที่เหลือระหว่างรอรับปริญญาก็คงไม่อยู่เฉยๆ คงหาที่ฝึกงาน หาที่เรียนภาษาฝรั่งเศส หรือไม่ก็ติดต่อที่ที่จะทำงานเลยค่ะ

15.  สำหรับเพื่อนๆที่กำลังตัดสินใจอยู่ว่าจะเรียน Fashion Marketing เพิ่มเติม คุณหนาวจะมีคำแนะนำอะไรบ้าง เช่นเริ่มต้นจากอะไรก่อนดี
- ถ้าคุณมีความสนใจด้านแฟชั่น แต่ไม่ได้ต้องการเป็นเจ้าของธุรกิจ เจ้าของแบรนด์เอง หรือจะเป็นดีไซน์เนอร์ หนาวก็แนะนำนะคะ Fashion Marketing เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจมากเลยทีเดียว ไม่เพียงแต่คุณจะได้ทำงานในสายแฟชั่นที่คุณสนใจและชื่นชอบ แต่เราจะได้เรียนรู้ในอีกสายงานเบื้องหลังที่เป็นแรงขับเคลื่อนหลักให้แก่วงการแฟชั่นนี้ค่ะ ใครที่มีความคิดเหมือนหนาวเช่น คุณเรียนสาย Business มา หรือ สาย Marketing มาโดยตรง แต่ใจจริงๆแล้ว เราชอบด้านศิลปะ แฟชั่น แล้วไม่อยากให้ที่เรียนมาเสียประโยชน์ Fashion Marketing คือคำตอบค่ะ
-----------------------------------------

สนใจคอร์สเรียน อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม www.yesbuschool.com
หรือโทรสอบถามเจ้าหน้าที่ได้ที่เบอร์ 085.555.1781 , 086.610.4744 ,083.800.5885