สัญญาณเตือนภาวะ Burnout หาให้เจอก่อนพนักงานหมดไฟ

[mooky555]

ภาวการณ์ Burnout เป็นอย่างไร?
ศัพท์นี้เกิดขึ้นเป็นครั้งแรกในปี 1970 โดย Herbert Freudenberger นักจิตวิทยาสังคมชาวเยอรมันเป็นผู้เรียนการปรากฏนี้และก็พบว่า ในตอนที่เศรษฐกิจกำลังเจริญรุ่งเรืองมีบริษัทแล้วก็ร้านค้ากำเนิดใหม่เป็นจำนวนมากซึ่งอาจมีประธานประสบการณ์น้อยเป็นส่วนมาก ทำให้ดูแลงานและก็วางระบบการทำงานได้ไม่ดีพอเพียง ผลตอบแทนไม่คุ้ม ผลประโยชน์ไม่ตอบปัญหา บุคลากรพบเจอกับแรงกดดันสูง ส่งผลให้เกิดภาวการณ์ Burnout รวมทั้งพากันลาออกเยอะมากๆ

สิ่งที่ทำให้เกิดภาวการณ์ Burnout ภาวะหมดไฟในการทํางาน
1.แรงบันดาลใจ (Motivation)
สิ่งนี้เป็นแรงผลักดันสำคัญที่ทำให้คนสุขสบายกับชีวิตแล้วก็งาน ถ้าหากงานที่ทำอยู่มีแรงบันดาลใจที่มากพอเพียง อาทิเช่น ความท้าในงาน การบรรลุผลในงาน ช่องทางสำหรับการล้ำหน้า การได้รับการสรรเสริญ ทีมเวิร์กที่ดี แล้วก็ค่าของงานที่ทำ ฯลฯ

2.ต้นสายปลายเหตุค้ำชู (Hygiene)
เหตุค้ำชู คือ ปัจจัยภายนอกที่ทำให้พึงใจในงาน ตัวอย่างเช่น ผลประโยชน์ ค่าแรง ระบบการทำงาน อุปกรณ์สำหรับอำนวยความสะดวก สิ่งแวดล้อม ความเกี่ยวข้องกับคนภายในหน่วยงาน และก็การมี Work Life Balance ฯลฯ

5 สัญญาณเตือน Burnout Syndrome
1.สมรรถนะของงานลดน้อยลง
2.ดูหมองอยู่เสมอเวลา
3.ไม่กล้าเสนอข้อคิดเห็นอะไร
4.แยกตัวและก็มีความสัมพันธ์กับคนที่อยู่รอบข้างลดน้อยลง
5.มองปราศจากความสุขตลอดระยะเวลา

แก้ Burnout ก่อนสาย แก้ได้ด้วยตัวเอง
ไม่มีอะไรจะรังควานพวกเราได้พอๆกับพวกเราประพฤติตัวของพวกเราเอง อาการ Burnout เริ่มปรับปรุงแก้ไขได้ด้วยตัวเอง อย่างแรกที่จำต้องทำหมายถึงรู้เรื่องตัวเองก่อนว่าพวกเรากำลังอยู่ในภาวการณ์ Burnout จากเหตุผลใดบ้าง? หลังจากนั้นปรับ Mindset ทำความเข้าใจตนเองด้วยการมองว่า ความตึงเครียดจากงานไม่ใช่เรื่องผิดปกติ แม้กระนั้นก็ไม่เหมาะที่จะนำเอามาตั้งใจมากเกินความจำเป็น แล้วต่อจากนั้นเบาๆทดลองเปลี่ยนแปลงความประพฤติต่างๆในชีวิตเพื่อปรับสมดุลระหว่างชีวิตส่วนตัวแล้วก็การทำงาน

คุ้มครองป้องกันอาการ Burnout ด้วยการเปลี่ยนแปลงความประพฤติปฏิบัติของตนเอง
-นอนพักให้พอเพียง
-ลาพักร้อนเพื่อพักจากการทำงานบ้าง
-แปลงสภาพการณ์ห้อมล้อมในสถานที่ทำงานใหม่
-บริหารร่างกายลดความตึงเครียดและก็เพิ่มฮอร์โมนความสำราญ
-หากิจบาปที่ถูกใจมาทำเพื่อมีความคิดว่าชีวิตยังมีอะไรมากยิ่งกว่างาน
-ลดการใช้ Social Media เพื่อลดแรงกดดันตนเอง
-แยกเวลางานออกมาจากชีวิตส่วนตัว (ถ้าเกิดทำไม่ได้ ให้จัดเป็นตารางให้สมดุล)
-หาความสามารถใหม่ๆเพิ่มความภาคภูมิใจในตนเอง
-เสวนากับคนภายในหน่วยงานอย่างไม่อ้อมค้อม อย่างเช่น การบอกปัญหากับหัวหน้าหรือข้างบุคคล

สรุป
อาการ Burnout หรือ สภาวะหมดไฟ เป็นอาการที่เกิดสังกัดผู้คนจำนวนมากในปัจจุบัน จะมองเห็นได้ว่าอัตราการลาออกมากขึ้นอย่างสม่ำเสมอด้วยเหตุผลที่ว่ารู้สึกหมดไฟ ผู้ที่พบเจอกับภาวการณ์หมดไฟจะมีความรู้สึกที่เรียกว่า หมดแพชชั่น อิดหนาระอาใจ หมดไฟ ห่อเหี่ยว และไม่พอใจกับงานที่ทำ

ประเด็นนี้นับว่าเป็นหัวข้อหลักที่จำเป็นต้องช่วยเหลือกันปรับแก้ เนื่องจากแม้ปลดปล่อยให้เขาเหล่านั้นอยู่ในสถานการณ์หมดไฟเป็นระยะเวลานานบางทีอาจก่อให้เกิดการเป็นโรคกลัดกลุ้มแล้วก็ก่อให้เกิดผลกระทบต่อชีวิตประจำวันได้

ในฐานะหน่วยงานก็สามารถช่วยบุคลากรไม่ให้ไปถึงจุดที่หมดไฟได้ด้วยการหมั่นพิจารณาอาการและก็สนทนากันอย่างไม่อ้อมค้อม นอกเหนือจากการที่จะช่วยแก้ปัญหาระดับบุคคลภายในหน่วยงานได้แล้ว ยังช่วยปกป้องภาวการณ์หมดไฟได้ในระยะยาวอีกด้วย