ThaiFranchiseCenter Webboard

ThaiFranchiseCenter Webboard - Info Center

* สมัครสมาชิกเว็บบอร์ด ไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ ฟรี! *
หน้าแรก | เปิดร้านค้าฟรี! | โปรโมชั่นแฟรนไชส์ | ร้านหนังสือออนไลน์ | สนใจลงโฆษณา

ทางเว็บไซต์ ThaiFranchiseCenter.com ไม่มีส่วนรับผิดชอบกับข้อความต่างๆในเว็บบอร์ดแต่อย่างใด
    ไม่ว่าจะเป็นการซื้อ-ขาย-เช่า-เซ้ง หรือ อื่นๆ (ผู้ซื้อ หรือ ผู้ขาย กรุณาใช้วิจารณญาณในการติดต่อทางธุรกิจ)


เพราะการลงทุนนั้นไร้ขอบเขต ทำได้ทั่วทุกมุมโลก


ในยุคที่เราได้เห็นสิ่งที่ไม่คาดคิดว่าจะได้เห็น ไม่ว่าจะเป็นหุ่นยนต์มนุษย์ที่มีลักษณะคล้ายมนุษย์มากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการแสดงสีหน้า ท่าทางต่างๆ หรือแม้กระทั่งการคิดที่ซับซ้อนขึ้น รวมไปถึงวิวัฒนาการทางการแพทย์ การรักษา ที่แม้ว่าเราจะอยู่ในช่วงวิกฤติโรคระบาดที่อันตราย แต่เราก็สามารถทดลองวัคซีนที่นำมาใช้กับมนุษย์ได้อย่างรวดเร็ว ต่างจากสมัยก่อนที่กว่าเราจะได้วัคซีนหรือยามาเพื่อป้องกันรักษาโรคอุบัติใหม่ที่ต้องใช้เวลาอย่างต่ำไม่นานกว่าสามปีหรืออาจจะยาวนานถึงสิบปีเลยทีเดียว

การทำธุรกิจหรือลงทุนในด้านต่างๆเอง นักลงทุนหน้าใหม่ๆ และอายุที่ยังน้อยก็สามารถทำได้อย่างไม่มีขีดจำกัด เพราะโลกที่ไร้พรมแดนด้วยการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพอย่างการใช้อินเตอร์เนท ที่ไม่ว่าอยู่ที่ใดของมุมโลก Time Zone ของเวลาจะแตกต่างกันสักเท่าใด แต่เราก็ยังคงสามารถ follow up ได้ทุกการลงทุน ยิ่งถ้าเราได้มีการ register business Hong Kong หรือจะเป็นประเทศอื่นๆที่เราสนใจ เราก็สามารถทำได้ และการลงทุนในยุคใหม่นั้น ทางเว็บไซต์ kasikorn research ได้แชร์ไว้อย่างน่าสนใจว่า การเหวี่ยงตัวขึ้นของราคาสินทรัพย์ หลังจากร่วงลงไปแตะจุดต่ำสุดของปีในช่วงการระบาดของโควิด-19 สะท้อนให้เห็นถึงความผันผวนหรือความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นกับผลตอบแทนจากการลงทุน โดยยิ่งสินทรัพย์มีความผันผวนมาก การจับจังหวะเข้าซื้อ หรือขายสินทรัพย์ (timing) ก็จะยิ่งมีความสำคัญ สมมติว่า เราใช้วิธีการทางสถิติมาช่วยคำนวนค่าความผันผวนของราคาสินทรัพย์แต่ละประเภท จะพบว่า ในปีนี้ บิทคอยน์ หุ้น และทองคำล้วนมีความผันผวนสูงขึ้นกว่าปี 2562 ที่ผ่านมา และหากเปรียบเทียบระหว่างสินทรัพย์แล้ว บิทคอยน์จะมีความผันผวนมากกว่าหุ้นและทองคำ สำหรับนักลงทุนมือใหม่ การกระจายเงินลงทุนจากมิติผลตอบแทน-ความเสี่ยงอาจไม่เพียงพอ เพราะในโลกการเงินสมัยใหม่มีสินทรัพย์ทางเลือกที่หลากหลาย ซึ่งบิทคอยน์เป็นเพียงตัวอย่างหนึ่งที่สะท้อนว่า นอกจากนักลงทุนจะต้องมีความเข้าใจในคุณสมบัติของบิทคอยน์แล้ว ยังต้องพิจารณาปัจจัยอื่นๆ ร่วมด้วย  โดยเฉพาะการกำกับดูแลและประเด็นทางกฎหมายที่ยังมีความแตกต่างกันในหลายประเทศ ซึ่งหมายถึงระดับการยอมรับและการดูแลนักลงทุนที่ลงทุนในสินทรัพย์แต่ละประเภทในขอบเขตที่ต่างกัน ตลอดจนความน่าเชื่อถือของแพลตฟอร์ม ค่าธรรมเนียมและเงื่อนไขของการลงทุน รวมถึงสภาพคล่องที่ยังน้อยกว่าสินทรัพย์ประเภทอื่นๆ และเหนือสิ่งอื่นใด นักลงทุนจะต้องรู้จักต้นทุนและลิมิตการแบกรับความเสี่ยงของตนเอง และต้องระลึกเสมอว่า ไม่มีทางลัดสำหรับการทำกำไรจากการลงทุน และอย่าให้ความโลภและอารมณ์เข้ามามีอิทธิพลต่อการตัดสินใจลงทุน