ThaiFranchiseCenter Webboard

ThaiFranchiseCenter Webboard - Info Center

* สมัครสมาชิกเว็บบอร์ด ไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ ฟรี! *
หน้าแรก | เปิดร้านค้าฟรี! | โปรโมชั่นแฟรนไชส์ | ร้านหนังสือออนไลน์ | สนใจลงโฆษณา

ทางเว็บไซต์ ThaiFranchiseCenter.com ไม่มีส่วนรับผิดชอบกับข้อความต่างๆในเว็บบอร์ดแต่อย่างใด
    ไม่ว่าจะเป็นการซื้อ-ขาย-เช่า-เซ้ง หรือ อื่นๆ (ผู้ซื้อ หรือ ผู้ขาย กรุณาใช้วิจารณญาณในการติดต่อทางธุรกิจ)


อย่าปล่อยให้หลุมสิวกลายมาเป็นปัญหาที่ทำให้หน้าพัง


สาวๆหนุ่มๆที่มีปัญหาเรื่องสิวมาตั้งแต่วัยรุ่น และรักษาดูแลตามสภาพผิว ปรึกษาปัญหาเหล่านี้กับเพื่อนในวัยเดียวกันบ้าง เพื่อหาผลิตภัณฑ์ที่ตรงกับปัญหาที่กำลังเผชิญ ซึ่งไม่ใช่แนวทางแก้ปัญหาที่ถูกต้องมากนัก อีกทั้งในวัยรุ่น ที่มีความผันผวนของฮอร์โมนต่างๆก็มีผลกับการเกิดสิวได้ สิ่งที่เราควรจะต้องทำคือ การเข้าพบแพทย์ผิวหนังโดยเฉพาะเพื่อวิเคราะห์สภาพผิว อีกทั้งเราอาจจะต้องตรวจลงรายละเอียดถึงเกี่ยวกับสิ่งใดที่เป็นสาเหตุของการเกิดสิว อาจจะเป็นการแพ้อาหารหรือแม้กระทั่งอาหารจำพวกนม ไข่และถั่วต่างๆ

การรักษาความสะอาดนั้น แทบจะเป็นความสำคัญต้นๆของการดูแลผิวไม่ให้เกิดสิว เพราะความสกปรกที่ตกค้างจากการที่เราล้างหน้าไม่สะอาดนั้น เป็นต้นเหตุสำคัญในการเกิดสิว และถ้าปล่อยไว้นาน สิวจะลุกลามไปทั่วหน้าและถ้าเรายิ่งไปแกะไปบีบสิว โดยที่นิ้วมือเราก็สกปรก อาจจะยิ่งทำให้มีเชื้อโรคเข้าไปได้ ปัญหาที่ร้ายแรงอย่างหลุมสิวจะตามมาได้ และการรักษาหลุมสิวนั้นจะต้องทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น อย่างไรก็ตามการศึกษาเรื่องวิตามินที่ดีและให้โทษต่อผิวก็เป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งเว็บไซต์ supremeilasik ได้แชร์บทความเกี่ยวกับโทษของวิตามินเอไว้ว่า สำหรับหญิงที่ตั้งครรภ์ ควรได้รับในปริมาณที่แพทย์สั่ง หรือแนะนำเท่านั้น เพราะถ้าได้รับวิตามินเอมาเกินไป อาจทำให้เกิดภาวะแท้งลูกได้ง่าย หรือเสี่ยงต่อทารกพิการ และมีอาการกระดูกผิดรูปอีกด้วย เกิดอาการเจ็บกระดูก และข้อต่อ ง่วง ซึม นอนไม่หลับ ผมร่วง กระวนกระวาย ปวดศีรษะอย่างรุนแรง ท้องผูก ทั้งหมดเป็นโทษในระยะยาว จากการได้รับวิตามินเอ ที่มากจนเกินไป ผิวหนังลอก ผัวหนังแห้งแตก และคันตามตัว มีอาการกระดูกผิดรูป ตับโต ม้ามโตกว่าคนปกติ ทั้งนี้วิตามินเอ ที่เป็นรูปแบบสารสังเคราะห์ แบบเม็ดนั้น ถ้ารับประทานเข้าไปมาก จะเกิดการสะสม เพราะวิตามินเอเป็นวิตามินที่มีรูปแบบ ในการสะสมอยู่ในร่างกาย ซึ่งปริมาณที่แนะนำในการรับประทานนั้น อยู่ที่ไม่เกิน 50,000 IU ต่อวัน และถ้ามีการรับประทานยาคุม ก็ไม่ควรทานวิตามินเอร่วมด้วย ส่วนประโยชน์นั้นก็มีทั้ง ป้องกันผิวหนังแห้งหยาบ และเป็นแผลอักเสบ พุพอง ซึ่งคนที่ขาดวิตามินเอมาก ๆ จะมีปัญหาเรื่องของผิวหนังที่เกิดตุ่ม สาก และอักเสบไปในที่สุด จะเกิดมากโดยเฉพาะบริเวณ แขน ขา หลัง หน้าอก และหน้าท้อง รักษาสิวได้ดี ลดอาการอักเสบของสิว ไม่ว่าจะสิวหัวช้าง สิวเสี้ยน สิวหนอง ก็สามารถทำให้ยุบได้อย่างรวดเร็ว และไม่ลุกลาม แถมยังป้องกันผิวแห้งแตกลายงา หรือแตกเป็นเกล็ดคล้ายคนขาดไขมัน เพราะในวิตามินเอ เป็นไขมันที่ละลายได้ง่ายในร่างกาย ป้องกันเซลล์เยื่อบุต่าง ๆ ของร่างกายทำงานผิดปกติ เพราะถ้าเยื่อบุต่าง ๆ เกิดการผิดปกติ อวัยวะภายในร่างกาย ก็จะเกิดอาการอักเสบ เช่น ระบบทางเดินอาหารอักเสบ เยื่อบุจมูกอักเสบ เป็นต้น เป็นผลให้ร่างกายทำงานผิดเพี้ยน และก่อให้เกิดโรคได้ง่าย ช่วยให้ร่างกายเจริญเติบโตตามปกติ ไม่หยุดชะงัก หรือเกิดความผิดปกติในการเจริญเติบโต