ThaiFranchiseCenter Webboard

ThaiFranchiseCenter Webboard - Info Center

* สมัครสมาชิกเว็บบอร์ด ไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ ฟรี! *
หน้าแรก | เปิดร้านค้าฟรี! | โปรโมชั่นแฟรนไชส์ | ร้านหนังสือออนไลน์ | สนใจลงโฆษณา

ทางเว็บไซต์ ThaiFranchiseCenter.com ไม่มีส่วนรับผิดชอบกับข้อความต่างๆในเว็บบอร์ดแต่อย่างใด
    ไม่ว่าจะเป็นการซื้อ-ขาย-เช่า-เซ้ง หรือ อื่นๆ (ผู้ซื้อ หรือ ผู้ขาย กรุณาใช้วิจารณญาณในการติดต่อทางธุรกิจ)


กรดไหลย้อน 3 ระยะ การรักษาและอาหารที่เหมาะกับผู้ป่วย


อาการจุกลิ้นปี่ แน่นกลางอก เรอบ่อย และแสบร้อนท้อง เป็นอาการของกรดไหลย้อน โรคที่ไม่รุนแรงแต่สร้างความทุกข์ทรมานและส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิต และหากไม่ได้ดูแลรักษาอย่างถูกวิธีอาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ ที่พบได้คือโรคคอและกล่องเสียงอักเสบเรื้อรัง โรคไซนัสอักเสบเรื้อรัง เรื้อรัง โรคหืด และฟันผุง่ายจากช่องปากเป็นกรด ซึ่งอาการแทรกซ้อนเหล่านี้อาจทำให้เซลล์ที่อักเสบเรื้อรังกลายเป็นเซลล์มะเร็งได้

อาการกรดไหลย้อน 3 ระยะ และการรักษา
การเกิดโรคกรดไหลย้อน แม้จะเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น การมีอายุที่มากขึ้นทำให้เซลล์เนื้อเยื่อทุกชนิดของร่างกายจะเสื่อมลง เกิดจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตของผู้ป่วย แต่สาเหตุที่พบได้มาก ได้แก่พฤติกรรมการบริโภค กรดไหลย้อน สาเหตุหนึ่งเกิดจากกระบวนการย่อยอาหารที่ไม่สมบูรณ์จนเกิดปัญหาขึ้น โดยแบ่งระยะความรุนแรงของโรคออกเป็น 3 ระยะ ดังนี้ 

กรดไหลย้อน ระยะที่ 1
กรดไหลย้อนระยะแรก เกิดจากกระเพาะอาหารอ่อนแรงหรือมีปัญหาสุขภาพ เช่น เป็นโรคกระเพาะอาหาร ซึ่งเกิดจากการรับประทานอาหารให้ตรงเวลา รับประทานอาหารรสจัด หรือไม่ชอบทานผัก ลักษณะอาการของกรดไหลย้อนระยะที่ 1 ได้แก่

ท้องอืดบ่อย เนื่องจากเกิดลมในท้องได้ง่าย
 หลังจากกินอาหารแล้ว มักทำให้จุกแน่น อึดอัดเหมือนมีอะไรมาจุกที่ลำคอ หรือ ลิ้นปี่ 
มีอาการปวดเมื่อยตามร่างกาย โดยเฉพาะบริเวณบ่า เพราะมีลมมากในลำไส้
หน้าตา ผิวพรรณ ไม่สดใส
มีอาการแสบร้อนบริเวณลิ้นปี่หรือทรวงอก เพราะอาจมีแผลในกระเพาะอาหาร 
กรดไหลย้อน ระยะที่ 2
ระยะนี้เกิดจากกระบวนการย่อยอาหารไม่สมบูรณ์เป็นเวลานาน ทำให้เกิดแก๊สในกระเพาะเนื่องจากอาหารที่ย่อยได้ไม่หมดตกค้างอยู่ในลำไส้ปริมาณมาก ผู้ป่วยจะมีอาการจุกแน่น  เริ่มมีกลิ่นปาก ผายลมเหม็น มีลมในท้องได้ตลอดเวลา ขับถ่ายไม่ตรงเวลา หรืออาจจะมีอาการท้องผูกเรื้อรังร่วมด้วย ความรุนแรงของโรคที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพ ได้แก่

กระเพาะอาหารและม้ามจะเย็นชื้น และอ่อนแรงทำให้ลมดันขึ้นได้ง่าย
ลำไส้มีอุจจาระตกค้างมาก ทำให้มีจุลินทรีย์ที่ไม่ดีที่สร้างแก๊สอยู่ตลอดเวลา
หากมีแก๊สมากลำไส้จะเคลื่อนไหวได้น้อยลง ทำให้มีโอกาสท้องผูกร่วมด้วย
กรดไหลย้อน ระยะที่ 3
ระยะนี้ เนื่องจากกระบวนการย่อยอาหารไม่สมบูรณ์เป็นเวลานาน ทำให้สารอาหารในเลือดเหลือน้อยลงมาก ภาวะที่รุนแรงแรงของโรคส่งผลกระทบต่อสุขภาพ ดังนี้

มีอาการจุกแน่นท้อง และมีอาการจุกแน่นถึงคอ
มีอาการท้องอืดเป็นประจำ
เมื่อรับประทานอาหารไม่ตรงเวลาจะรู้สึกแสบท้อง
อ่อนเพลีย และเวียนศีรษะง่าย เพราะสารอาหารในเลือดน้อยลงมากจนอวัยวะภายในทำงานได้น้อย บางคนอาจมีอาการบ้านหมุน
อาหารตกค้างในลำไส้เป็นเวลานานทำให้สมดุลจุลินทรีย์ในลำไส้แย่ลง


การวินิจฉัยโรคของแพทย์และขั้นตอนการรักษา
แพทย์จะทำการตรวจวินิจฉัยอาการและภาวะความรุนแรงของกรดไหลย้อน เพื่อหาแนวทางการรักษา เริ่มจากการซักประวัติสอบถามอาการและตรวจวินิจฉัยตามขั้นตอน ต่อไปนี้

การส่องกล้องทางเดินอาหาร
การเอกซเรย์กลืนสารทึบแสง
การตรวจทางเวชศาสตร์นิวเคลียร์
ตรวจการบีบตัวของหลอดอาหาร
ตรวจวัดความเป็นกรด-ด่างในหลอดอาหาร
เมื่อตรวจวินัยอาการของโรคแล้ว แพทย์จะทำการรักษาภาวะกรดไหลย้อนตามอาการซึ่งสามารถทำได้หลายวิธี เช่น รักษาตามอาการโดยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภค  รักษาด้วยการทานยาเคลือบกระเพาะอาหาร การผ่าตัด และรักษาด้วยสมุนไพรหรือหลาย ๆ วิธีร่วมกัน

วิธีการดูแลตัวเองสำหรับผู้ป่วยโรคกรดไหลย้อน
การดูแลตัวเองของผู้ป่วยกรดไหลย้อน นอกจากทานยาหรือปฏิบัติตัวตามคำแนะนำของแพทย์แล้ว ผู้ป่วยสามารถดูแลตัวเองเพื่อป้องกันอาการกำเริบของโรค ดังนี้

หมั่นสังเกตอาหารและเครื่องดื่มที่ทำให้อาการของโรคกำเริบ เพื่อหลีกเลี่ยงหรือจำกัดการบริโภคได้
เรียนรู้และทำความเข้าใจกับอาหารที่เป็นปัจจัยเสี่ยงทำให้อาการกำเริบ 
จำกัดอาหารในแต่ละมื้อให้น้อยลง ทานอาหารอิ่มใหม่ ๆไม่ควรนอนทันที ควรรอให้อาหารย่อยผ่านกระเพาะอย่างน้อย 3-4 ชั่วโมง
ผู้ป่วยโรคกรดไหลย้อนควรนอนในท่าเอนตัวเสมอ ไม่นอนราบ
ควรควบคุมหรือลดน้ำหนักเมื่อมีน้ำหนักตัวเกินมาตรฐาน
เมื่อมีอาการกำเริบตอนเข้านอน ควรหนุนศีรษะให้สูง 6-10 นิ้ว โดยการหนุนขาเตียงด้านศีรษะให้สูง ไม่ควรหนุนหมอนให้สูงขึ้นเพราะอาจจะทำให้ท้องโค้งงอ และความดันในช่องท้องเพิ่มมากขึ้นได้
ควรออกกำลังกายที่เหมาะสมกับสุขภาพอย่างสม่ำเสมอ 
พักผ่อนให้เพียงพอ และผ่อนคลายอย่าปล่อยให้เกิดความเครียด
ไม่ควรสวมใส่เสื้อผ้าหรือรัดเข็มขัดจนแน่น เพราะเป็นการเพิ่มความดันต่อกระเพาะอาหาร
ทานสมุนไพรที่มีสรรพคุณบรรเทาโรคกรดไหลย้อนได้ เช่น กะเพรา กระเจี๊ยบเขียว ขมิ้นชัน ขึ้นฉ่าย ย่านาง และสมุนไพรชนิดอื่น ๆ
กรดไหลย้อน เป็นโรคที่มีสาเหตุสำคัญมาจากพฤติกรรมการบริโภคและการใช้ชีวิตของผู้ป่วย การรู้ทันหรือศึกษาอาการ สาเหตุ และภาวะความรุนแรงของโรค ปฏิบัติตัวตามคำแนะนำของแพทย์ ทานยาตามแพทย์สั่งและไปพบแพทย์ตามนัดอย่างสม่ำเสมอ ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่เป็นปัจจัยเสี่ยงทำให้อาการของโรคกำเริบ เพียงเท่านี้ก็สามารถป้องกันตนเองให้ปลอดภัยจากอาการกรดไหลย้อน และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้แล้ว


ขอบคุณบทความจาก https://aufarm.shop/3-stages-of-gerd/
ขอบคุณเนื้อหา และสามารถติดตามเพิ่มเติมได้ที่: https://aufarm.shop/