ThaiFranchiseCenter Webboard

ThaiFranchiseCenter Webboard - Info Center

* สมัครสมาชิกเว็บบอร์ด ไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ ฟรี! *
หน้าแรก | เปิดร้านค้าฟรี! | โปรโมชั่นแฟรนไชส์ | ร้านหนังสือออนไลน์ | สนใจลงโฆษณา

ทางเว็บไซต์ ThaiFranchiseCenter.com ไม่มีส่วนรับผิดชอบกับข้อความต่างๆในเว็บบอร์ดแต่อย่างใด
    ไม่ว่าจะเป็นการซื้อ-ขาย-เช่า-เซ้ง หรือ อื่นๆ (ผู้ซื้อ หรือ ผู้ขาย กรุณาใช้วิจารณญาณในการติดต่อทางธุรกิจ)


แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - เตชินท์ ทะวะลัย

หน้า: [1]
1
การขึ้นรูปโลหะ คืออะไร มีกี่ประเภท มีขั้นตอนอย่างไร

การขึ้นรูปโลหะ (Metal Forming) เป็นกระบวนการผลิตประเภทหนึ่งที่เปลี่ยนรูปร่างของโลหะในขณะที่อยู่ในสภาวะของแข็ง ให้กลายเป็นชิ้นงานที่มีรูปแบบตามความต้องการ โดยใช้แม่พิมพ์หรือเครื่องมือเฉพาะ (Die หรือ Forming Tool) ชิ้นงานจะถูกเปลี่ยนรูปร่างโดยไม่มีการเพิ่มหรือหายไปของเนื้อโลหะ กล่าวได้ง่ายๆว่ากระบวนการขึ้นรูปโลหะชนิดใดก็ตาม หลังจากเสร็จสิ้นกระบวนการแล้วจะต้องไม่มีการเปลี่ยนแปลงองค์ประกอบมวลภายในของวัสดุ(โลหะ)นั้น ๆ การขึ้นรูปโลหะนี้ถือเป็นขั้นตอนที่เกิดขึ้นหลังจากกระบวนการขั้นต้นจำพวกการสกัด การหล่อและการบดอัดผงโลหะ และเมื่อผ่านการขึ้นรูปโลหะแล้ว จึงจะเข้าสู่กระบวนการเจียร การขัด การทาสี และการประกอบเป็นลำดับถัดไป กระบวนการขึ้นรูปโลหะถูกใช้ในการผลิตชิ้นส่วนโครงสร้างและส่วนประกอบที่มีการใช้งานอย่างแพร่หลายในหลายอุตสาหกรรมเช่น รถยนต์ อากาศยาน เครื่องใช้ไฟฟ้า และอื่นๆ

หากสนใจทาง PisitMetal ของเรามีบริการ ปั้มโลหะ ขึ้นรูปโหละ ด้วยนะครับ

ประเภทของการขึ้นรูปโลหะ แบ่งได้ตามลักษณะวัสดุตั้งต้นซึ่งมี 2 ประเภท ได้แก่

โลหะแผ่น (Sheet Metal Forming Process)

1.กระบวนการตัด เฉือน (Shearing Process)
เป็นวิธีการตัดแผ่นโลหะด้วยพั้นซ์ (punch)หรือใบมีด และดาย (die) ให้ได้รูปร่างตามที่ต้องการเพื่อนำไปใช้งานในกระบวนการต่อไป

2.กระบวนการพับขึ้นรูป (Bending Process)
เป็นประบวนการขึ้นรูปโลหะด้วยการพับโลหะขึ้นจากแกนเส้นตรงหนึ่งๆจนโลหะมีลักษณะโค้งงอ ซึ่งทำให้โลหะมีการแปรรูปไปอย่างถาวร

3.กระบวนการลากขึ้นรูปลึก (Deep Drawing Process)
กระบวนการนี้เป็นการเปลี่ยนแปลงแผ่นโลหะด้วยเครื่องมือสำคัญสามอย่างได้แก่ พั้นช์ (punch) ดาย (die) และแผ่นจับชิ้นงาน (Blank Holder) เป็นการทำให้แผ่นโลหะมีความลึกมากกว่าหรือเท่ากับเส้นผ่านศูนย์กลางของชิ้นงาน ตัวอย่างเช่นกระป๋องบรรจุน้ำอัดลม กระป๋องบรรจุอาหาร เป็นต้น

โลหะก้อน (Bulk Metal Forming Process)

1.กระบวนการทุบขึ้นรูป (Forging Process) เป็นกระบวนการแปรรูปโลหะให้กลายเป็นชิ้นงานโดยการใช้แรงทุบ ตี ซึ่งกระบวนการนี้สามารถแยกได้เป็น การตีด้วยค้อน (hammering) เป็นกรรมวิธีโบราณซึ่งอาศัยแรงจากคนเป็นส่วนใหญ่ การตีกระแทก (drop forging) การตีขึ้นรูปด้วยวิธีการนี้จะใช้แบบดายที่มีลักษณะเป็นแบบดายปิด (closed - impression dies) การตีบีบ (upset forging) เป็นกรรมวิธีที่ใช้ในการผลิตชิ้นงานที่มีรูปร่างเป็นบ่าหรือขอบโดยการเตรียมชิ้นงานให้มีขนาดใกล้เคียงกับแบบดายที่จะใช้ในการขึ้นรูป

2.กระบวนการอัดรีดขึ้นรูป (Extrusion Process)
ในกระบวนการนี้ชิ้นงานจะถูกบีบอัดหรือดันเข้าไปในช่องเปิดของแม่พิมพ์แบบดาย (die) และถูกผลักออกโดยใช้เครื่องอัดแบบกลไกหรือไฮดรอลิก ซึ่งลักษณะพื้นผิวหน้าตัดของชิ้นงานจะขึ้นอยู่กับดาย (die)ที่ใช้ วิธีนี้สามารถทำให้โลหะที่ขึ้นรูปมีหน้าตัดที่ซับซ้อนและสม่ำเสมอตลอดความยาว

3.กระบวนการรีดขึ้นรูป (Rolling Process)
เป็นกระบวนการลดความหนาของวัสดุ หรือเปลี่ยนขนาดพื้นที่หน้าตัดของวัสดุ โดยอาศัยแรงกด (compressive forces) ผ่านทางลูกรีด (roller) โลหะจะถูกส่งเข้าไประหว่างลูกรีดที่หมุนม้วนตลอดเวลา ทำให้เกิดการบีบอัดลงบนวัสดุ การรีดขึ้นรูปมีสองแบบคือการรีดขึ้นรูปแบบแบน(Flat Rolling) และการรีดขึ้นรูปแบบเป็นรูปทรง(Shape Rolling) ทำให้ได้วัสดุเป็นรูปต่างๆตามต้องการ เช่น I-beam หรือรูปแบบราง เป็นต้น

4.กระบวนการดึงขึ้นรูป (Wire and Bar Drawing)
กระบวนการนี้คล้ายกับการอัดขึ้นรูปยกเว้นว่าชิ้นโลหะจะถูกเพิ่มอุณหภูมิให้สูงขึ้นก่อนจะถูกดึงให้เคลื่อนตัวผ่านแม่พิมพ์(die) ในแนวตัดขวาง เพื่อให้ได้ชิ้นงานตามที่ต้องการ  ชิ้นงานที่ผลิตด้วยวิธีการนี้ ได้แก่เส้นลวด (wires)  เหล็กเส้น (bars) เป็นต้น

PisitMetal บริการ ปั้มโลหะทั้วประเทศ

2
เคมีภัณฑ์ | Chemical / โลหะผสม คือ
« เมื่อ: พฤษภาคม 22, 2021, 03:03:23 AM »
โลหะผสม
 โลหะผสม (Alloy) คือ สารที่เกิดจากการหลอมสององค์ประกอบขึ้นไปเข้าด้วยกันโดยที่อย่างน้อยหนึ่งในนั้นจะต้องเป็นการหลอมโลหะ โลหะผสมจะตกผลึกเมื่อเย็นตัวลงกลายเป็นของแข็ง เราจะไม่สามารถแยกส่วนประกอบของโลหะผสมได้โดยใช้วิธีทางกายภาพ โลหะผสมมักมีลักษณะเป็นเนื้อเดียวกันและจะยังคงคุณสมบัติของโลหะแม้ว่าโลหะผสมนั้นๆ จะมีองค์ประกอบส่วนที่ไม่ใช่โลหะรวมอยู่ด้วยก็ตาม โลหะผสมมีอยู่ทุกหนทุกแห่งรอบตัวเราตั้งแต่วัสดุอุดฟัน ล้ออัลลอยบนรถของเรา ไปจนถึงดาวเทียมอวกาศ ซึ่งตัวอย่างของโลหะผสมที่เรารู้จักกันดีนั้น ได้แก่ สแตนเลส, เหล็กกล้า, ทองเหลือง, ตะกั่วบัดกรี, ทองคำขาว และทองคำ14k เป็นต้น

โลหะที่เราใช้กันกว่า 90% อยู่ในรูปของโลหะผสม โลหะผสมถูกนำมาใช้เนื่องจากคุณสมบัติทางเคมีและกายภาพของพวกมันนั้นดีและเหมาะสำหรับการนำมาใช้งานมากกว่าโลหะบริสุทธิ์ เนื่องจากโลหะผสมแต่ละชนิดจะได้รับการปรับปรุงคุณสมบัติทั้งทางกลและทางเคมีในแต่ละรูปแบบที่แตกต่างกันออกไปตั้งแต่ในขั้นตอนเริ่มต้นการผลิต ไม่ว่าจะเป็น การมีความต้านทานต่อการกัดกร่อนหรือการสึกหลอ การมีคุณสมบัติทางไฟฟ้าหรือคุณสมบัติทางแม่เหล็กที่พิเศษ หรือการมีความสามารถในการต้านทานความร้อนที่เพิ่มมากขึ้น เป็นต้น นอกจากนี้ผู้คนส่วนใหญ่มักจะเลือกใช้โลหะผสมด้วยเหตุผลที่ว่าโลหะผสมนั้นมักมีราคาไม่แพง แต่ยังคงคุณสมบัติหลักของความเป็นโลหะตามที่ต้องการ

ตัวอย่างของโลหะผสม

1. เหล็กกล้า (Steel) : คือโลหะผสม ที่ประกอบด้วยเหล็กและคาร์บอน นอกจากนี้บางครั้งยังมีส่วนประกอบอื่นอย่างนิกเกิลและโคบอลต์ ซึ่งองค์ประกอบอื่น ๆ ที่เติมลงไปในเหล็กจะช่วยเพิ่มคุณภาพความแข็งหรือความต้านทานแรงดึงให้สูงขึ้น

2. เหล็กกล้าไร้สนิม (Stainless Steel) : คือโลหะผสมเหล็กที่มีโครเมียมอย่างน้อยที่สุด 10.5%  เพื่อต้านทานการเกิดสนิมหรือการกัดกร่อน นิยมใช้เป็นวัสดุในการสร้างเครื่องจักรและอุปกรณ์แปรรูปอาหาร (food processing equipment)

3. ทอง 18k (18K Gold): คือทอง 75% นอกนั้นคือองค์ประกอบอื่น ๆ ได้แก่ ทองแดง นิกเกิล หรือสังกะสี ซึ่งโลหะผสมชนิดนี้จะยังคงสีและความแวววาวของทองคำบริสุทธิ์ แต่จะมีคุณสมบัติที่แข็งกว่า ดังนั้นจึงเหมาะกับการทำเครื่องประดับชนิดต่างๆ

4. ทองเหลือง (Brass) : คือส่วนผสมของทองแดงและสังกะสี ทองเหลืองมีความแข็งแรง ทนทาน สะท้อนแสง เหมาะสำหรับงานติดตั้งระบบประปาและชิ้นส่วนกลึง รวมไปถึงลูกบิดประตู และบานพับ

5. สแตนเลส (Stainless) : เป็นโลหะผสมระหว่าง เหล็ก โครเมียม และนิกเกิล มีคุณสมบัติ แข็ง หนัก เป็นเงาสวย ทนทานต่อการสึกกร่อน มักนำมาใช้ ทำ ช้อน ส้อม มีด หรือแม้กระทั่งอ่างล้างจาน

6. นิโครม (Nichrome) : เป็นโลหะผสมที่ประกอบด้วยนิกเกิล โครเมียม และเหล็ก มีคุณสมบัติคือไม่รวมตัวกับออกซิเจนในอากาศ มีจุดหลอมเหลวสูง จึงนิยมนำมาใช้ทำเป็นขดลวดให้ความร้อนในอุปกรณ์ไฟฟ้า เช่น เตารีด เตาไฟฟ้า เป็นต้น

3
เคมีภัณฑ์ | Chemical / "โลหะ" คือ
« เมื่อ: พฤษภาคม 18, 2021, 01:49:54 AM »
"โลหะ" คือ
[/size]


“โลหะ (Metals)” คือองค์ประกอบทางเคมีที่เป็นของแข็ง ที่มีจุดหลอมเหลวค่อนข้างสูง แข็งแรง ทนทาน มันวาว มีสีเทาเงิน เป็นตัวนำไฟฟ้าและความร้อนที่ดี รวมถึงง่ายต่อการนำ โลหะมาขึ้นรูป เพื่อใช้ทำงานในรูปแบบต่างๆ กว่าสามในสี่ขององค์ประกอบทางเคมีที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติบนโลกของเราล้วนแล้วแต่เป็นโลหะ ไม่ว่าจะเป็น ทองแดง อลูมิเนียม เหล็ก นิเกิล ทองคำ ดีบุก สังกะสี หรือตะกั่ว  เป็นต้น ซึ่งมนุษย์เราได้เรียนรู้ที่จะทำการสกัดสารเหล่านี้ให้กลายเป็นวัสดุตั้งต้นสำหรับการนำไปใช้งานในด้านต่างๆ มาเป็นระยะเวลาหลายพันปีแล้ว

วิธีการ สะกัดโลหะ นั้นแตกต่างกันไปในโลหะแต่ละประเภทและมีหลากหลายวิธีการ แต่ส่วนใหญ่มักจะประกอบไปด้วยกระบวนการสำคัญๆ สามส่วนคือ 1. กระบวนการทางกล (เช่น การบด การกรอง หรือการใช้น้ำเพื่อล้างวัสดุที่ไม่ต้องการออกไป) 2. กระบวนการทางเคมี (การใช้กรด) หรือการให้ความร้อน (ตัวอย่างเช่นการถลุงแร่เหล็กเพื่อขจัดเอาสิ่งปนเปื้อนออก) และ 3. กระบวนการทางไฟฟ้า (เช่นการอิเล็กโทรลิซิส ซึ่งเป็นวิธีการแยกเอาสารละลายเคมีออกมาโดยการส่งกระแสไฟฟ้าผ่านเข้าไป)

             โลหะมีคุณสมบัติ ดังนี้

1. ส่วนใหญ่จะเป็นของแข็งที่อุณหภูมิห้อง ( ยกเว้นปรอทซึ่งมีสถานะเป็นของเหลว ) ผลึกหรืออะตอมของโลหะจะเรียงซ้อนกันเป็นระเบียบ มีความแข็งแรงและหนาแน่น

2. โลหะมีความอ่อนตัว ซึ่งง่ายต่อการขึ้นเป็นรูปทรงต่างๆ และมีความเหนียว ( ยกเว้นปรอท )

3. โลหะส่วนใหญ่จะทึบแสง ยกเว้นจะถูกทำให้บางมากๆ

4. โลหะมีการขยายตัวที่อุณหภูมิสูง

5. โลหะมีสีมันวาวและสีเทาเงิน (เพราะมักจะสะท้อนแสงในทุกช่วงความยาวคลื่นเท่ากัน) แต่โลหะบางชนิดจะมีสีเฉพาะตัว (เนื่องจากสะท้อนความยาวคลื่นแสงได้ดีกว่าโลหะอื่น ๆ ) ตัวอย่างที่เรารู้จักกันดีที่สุดอาจเป็นทอง และทองแดง

6. โลหะมีจุดเดือดและ จุดหลอมเหลวสูง

7. โลหะส่วนใหญ่นำไฟฟ้าได้ดี (กล่าวอีกนัยหนึ่งคือมีความต้านทานไฟฟ้าต่ำ) และเราจะรู้สึกเย็นทันทีเมื่อสัมผัสกับโลหะ (เพราะโลหะนำความร้อนได้ดีเช่นกันจึงนำพาพลังงานความร้อนออกไปจากร่างกายของเราอย่างรวดเร็ว)

ประเภทของโลหะ

วิธีที่ใช้กันทั่วไปในการจำแนกโลหะคือปริมาณธาตุเหล็กในโลหะ ทำให้สามารถแบ่งโลหะออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่

1. วัสดุโลหะประเภทเหล็ก (Ferous Metals) เป็นโลหะที่มีเหล็กเป็นส่วนประกอบ ได้แก่ เหล็กอัลลอย เหล็กกล้า เหล็กหล่อ และเหล็กดัด ซึ่งโลหะเหล่านี้มีค่าความต้านทานแรงดึงและมีความทนทานสูง มักใช้เป็นวัสดุหลักในอุตสาหกรรมการก่อสร้างขนาดใหญ่ เช่นการก่อสร้างสะพานหรือตึกขนาดใหญ่

2. วัสดุโลหะประเภทไม่ใช่เหล็ก (Non-Ferous Metals) เป็นโลหะบริสุทธิ์ที่ไม่มีเหล็กเป็นส่วนประกอบ ได้แก่ ทองแดง ทองคำ เงิน สังกะสี ตะกั่ว ทองคำขาว แมกนีเซียม พลวง ดีบุก อลูมิเนียม เป็นต้น ข้อได้เปรียบหลักของโลหะประเภทนี้คือความสามารถในการอ่อนตัว นอกจากนี้ยังไม่มีส่วนผสมของเหล็กทำให้มีความต้านทานต่อการเกิดสนิมและการกัดกร่อนมากกว่าโลหะประเภทเหล็กอีกด้วย

4
เมื่อคุณอยากมีหน้าเว็บไซต์สำหรับขายสินค้าเป็นของตัวเอง แน่นอนว่าคุณคงต้องมีหน้าเว็บไซต์หลักที่ต้องการให้คนคลิกเข้ามาแล้วสนใจซื้อสินค้ามากขึ้นใช่มั้ยครับ? ซึ่งเราเรียกหน้าเว็บที่มีลักษณะเช่นนี้ว่าหน้า Landing Page ครับ งั้น Maba Creation ขอขยายความให้ฟังก่อนว่า

Landing Page เป็นหน้าเว็บไซต์ที่คนมักเข้ามาเป็นหน้าแรกและมักถูกออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์เรื่อง Online Marketing เป้าหมายเดียวครับซึ่งจุดประสงค์ของการมีหน้า Landing Page ของแต่ละเว็บจะแตกต่างกันออกไปครับผม เช่น เพื่อเรียกยอดขาย เพื่อให้คนกดติดตาม หรือเพื่อแนะนำสินค้า ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับธุรกิจในแต่ละแบบครับ

วิธีปรับ Landing Page บนหน้าเว็บให้มีประสิทธิภาพ
ใช้ข้อความบนหน้าเว็บสั้น กระชับ โด่ดเด่น
เมื่อคุณเลือกได้แล้วว่า จุดประสงค์ของ Landing Page ในเว็บมีเพื่ออะไร อันดับต่อมาคือการเลือกใช้คำและข้อความที่แสดงถึงสิ่งที่ผู้ใช้งานสนใจ และตรงกับสิ่งที่ต้องการค้นหา โดยควรเป็นข้อความที่สั้น กระชับและดึงจุดสายตาได้ ชนิดที่ว่าอ่านแล้วอ่านกดเข้ามาดูที่เว็บให้ได้!

รูปภาพและวิดีโอต้องดูสมจริง
หลายๆครั้งที่หน้าเว็บไซต์ที่ขายสินค้ามักเลือกใช้ภาพจาก Stock Photo ซึ่งผมมองว่าเป็นสิ่งที่ไม่ผิดนะครับ แต่กรณีที่เป็นหน้าเว็บขายสินค้าเลย การเลือกภาพที่ดีควรเป็นภาพสินค้าจริงๆน่าจะเหมาะสมกว่าครับ เพราะอย่าลืมว่า ลูกค้าที่ต้องการค้นหาสินค้าบนหน้าเว็บของคุณ พวกเขาต้องการที่จะรู้ว่าสินค้าเป็นอย่างไร และน่าเชื่อถือว่าแค่ไหน?



ปุ่ม Call To Action ชัดเจน
เป้าหมายของการมีปุ่ม Call To Action นั้น หลักๆคือเพื่อกระตุ้นให้คนทำอะไรซักอย่างครับ ดังนั้น ปุ่ม Call To Action จะต้องชัดเจนว่าอยากให้คนทำอะไรจริงๆ 3 สิ่งที่ขาดไม่ได้เลยในองค์ประกอบของปุ่มนี้ คือ ข้อความที่สื่อชัด ขนาดของปุ่ม และสีของปุ่มที่ดูโด่ดออกมา ไม่ดูจมไปกับเว็บไซต์

ทดลองหน้าเว็บ Landing Page ให้ตรงใจลูกค้า
ข้อนี้สำคัญครับ เพราะไม่มีใครบอกได้ว่าหน้า Landing Page แบบไหนจะทำให้ลูกค้าชอบ ดังนั้นเพื่อวัดผลหน้าเว็บ Landing Page ได้ดีที่สุดคือ การทำ A/B Testing โดยทดลองส่ง Traffic ไปยัง Landing Page ทั้ง 2 หน้าด้วยจำนวนที่เท่าๆ กัน แล้ววัดผลดูว่า Landing Page แบบไหนให้ผลดีกว่า และแบบไหนที่คนกดคลิกเข้ามาดูเยอะกว่ากัน เพื่อที่คุณจะได้รู้ว่า ดีไซน์หน้าเว็บแนวไหนจะเห็นผลลัพธ์ได้ดีที่สุด

นอกจากบทความแล้วทาง Maba Creation ของเรายังมีบริการ TikTok Ads Google ads Facebook ads

5
7 สิ่งที่เจ้าของธุรกิจควรมี ก่อนเปิดร้านค้าออนไลน์


กว่าจะตัดสินใจเปิดธุรกิจได้ซักอย่าง เชื่อว่าคุณก็คงคิดมาแล้วว่า อยากที่จะทำ คนส่วนใหญ่มักบอกว่า ธุรกิจ ควรเปิดจากสิ่งที่ชอบและรัก เพราะคุณจะทำมันด้วยใจที่อยากทำและทุ่มเทจริงๆ สำหรับใครที่กำลังมองหาลู่ทางในการเปิดร้าน ออนไลน์ขายของ นี่คือเรื่องที่คุณต้องรู้ค่ะ กับ 7 สิ่งที่เจ้าของธุรกิจควรมี ก่อนเปิดร้านค้าออนไลน์


1.   ชื่อร้านค้า  การตั้งชื่อร้านค้าออนไลน์ที่ดี ควรเลือกชื่อร้านที่ติดหู อ่านง่าย และคนจำได้ง่ายเช่นกัน เพราะมันจะช่วยให้คนค้นหาชื่อร้ายของคุณเจอได้ไวขึ้น และหัวใจสำคัญเลยนะ ชื่อร้านจะต้องมี Concept ด้วยค่ะ ทุกอย่างจะต้องเกี่ยวโยงกันเป็นเรื่องราว กับตัวสินค้า และที่มาสินค้าด้วย สิ่งนี้จะทำให้ลูกค้าจดจำ ความเป็นแบรนด์ของคุณได้ไวขึ้นค่ะ
2.   เลือกสินค้าที่จะขายให้เป็น เทคนิคเลือกสินค้าที่จะขายมีอยู่ 2 แบบค่ะ คือ แบบแรก เลือกขายสินค้าในสินที่คุณชอบและสนใจจริงๆ ข้อดีคือ คุณจะรู้จักลูกค้าในกลุ่มนี้มากที่สุด แต่ความยากจะอยู่ที่ คุณจะทำยังไงให้สินค้าดูแตกต่างจากแบรนด์อื่นที่วางขาย และแบบที่สอง เลือกขายสินค้าแบบที่ตลาดต้องการ  ขายสินค้าแนวนี้ รับรองเลยว่าคุณจะขายง่ายมาก แทบไม่ต้องลงทำการตลาดใดๆ เพราะสินค้าประเภทเป็นสิ่งที่ลูกค้าต้องการซื้ออยู่แล้ว (สินค้าจำเป็น)
3.   รู้จักลูกค้าในตลาด การจะขายสินค้าและทำให้ลูกค้าอยากที่จะซื้อของได้ คุณต้องรู้จักลูกค้าของคุณให้ดี รู้ว่าพวกเขาสนใจอะไร ชอบอะไร และปัจจัยไหนที่ทำให้พวกเขาอยากซื้อสินค้าในร้านของคุณได้ เพราะสิ่งนี้เป็นประโยชน์เวลาคุณทำกิจกรรมทางการตลาด เพื่อให้ลูกค้าซื้อสินค้าได้ค่ะ


4.   วางแผนการตลาด  การจะขายสินค้าสักชิ้นให้ได้เงิน สิ่งหนึ่งที่คุณต้องมีคือแผนการตลาด เพราะจะช่วยกำหนดชะตาของร้านคุณได้ และถึงแม้ว่าคุณจะมีสินค้าคุณภาพดีราคาถูก แต่ถ้าไม่มีใครรู้จักร้านของคุณก็ไม่มีประโยชน์อยู่ดี ดังนั้นการวางแผนโปรโมทสินค้าไว้แต่เนินๆ จะเป็นประโยชน์มากที่จะช่วยให้คุณดึงลูกค้ามาซื้อที่ร้านได้
 
5.   ช่องทางในการวางขายสินค้า เมื่อทุกอย่างพร้อมวางขายแล้ว อันดับต่อมาคือ ช่องทางวางขายทางออนไลน์ เพราะปัจจุบันช่องทางวางขายในโลกออนไลน์มีเยอะมาก ซึ่งแต่ละช่องทางก็มีกลุ่มลูกค้าไม่เหมือนกันเลย เช่น หากขายเสื้อผ้า สินค้าเพื่อความสวยงาม ควรเน้นการขายแบบภาพและเหมาะที่จะลงไอจี  หากขายของกิน ควรของใน FB เพราะลูกค้าต้องการข้อมูลเกี่ยวกับอาหารและภาพมากกว่าในไอจี
6.   ความอดทนและมุ่งมั่น การทำธุรกิจมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ในช่วงแรก หลายๆคนมองว่า นักธุรกิจประสบความสำเร็จได้ จากธุรกิจ เลยคิดว่าเป็นเรื่องง่ายและอยากที่จะกระโดดเข้ามา แต่ในช่วงแรกของการทำ แทบจะไม่มีธุรกิจไหนที่ขายแล้วปังเลย ทุกอย่างอาจแผ่วไม่เหมือนที่คุณวาดฝันไว้ สิ่งหนึ่งที่พึงระลึกคือ ความอดทน มุ่งมั่น ปรับเทคนิคการขายให้เหมาะกับลูกค้าอยู่เสมอ


7.   จับทางของธุรกิจให้ได้ กุญแจความสำเร็จของธุรกิจแต่ละแบบนั้นไม่เหมือนกันเลย เหมือนที่เราเคยยินว่า ไม่มีใครตอบได้ว่าทำธุรกิจยังไงให้ได้ยอดขายถล่ม  ทุกอย่างเกิดจาก การจับทางของธุรกิจได้ รู้ความต้องการของลูกค้าที่ปรับเปลี่ยนไป และตอบสนองในสิ่งที่ลูกค้าต้องการให้ได้ไว แค่นี้คุณก็จะรู้วิธีต่อยอดเรื่องยอดขายได้แล้ว

บริษัทผลิตครีม https://www.beautycosmet.com/
ผลิตอาหารเสริม https://www.beautycosmet.com/supplement-food/
สร้างแบรนด์ครีม https://www.beautycosmet.com/produce-cream/made-brand-cream-product/[/size]

6
7 สมุนไพรไล่หนูที่ควรมีไว้ในบ้าน


หลายคนอาจจะยังไม่รู้ ว่าสมุนไพรในบ้านของคุณสามารถไล่หนูในบ้านได้ชั้นดีเลยแหละ นั่นเพราะว่า หนูมีประสาทสัมผัสที่ไวต่อกลิ่นมากๆ ทำให้เวลาหนูได้กลิ่นอะไรฉุนๆ พวกมันมักจะเดินหนี เว้นเสียแต่ว่า กลิ่นเศษอะไรอาหารข้ามคืน ซึ่งกลิ่นเป็นที่พวกมันชื่นชอบอย่างมาก ดังนั้น หากคิดจะกำจัดหนูแบบ DIY ด้วยตัวเอง ลองหาสมุนไพรใกล้ตัวในบ้าน มาใช้ ไล่หนู ดูสิ แนะนำให้ทำตามทริคที่ ดร.ปลวก เอามาฝากวันนี้เลย


ใบพลู  - เป็นพืชสมุนไพรโบราณ มีลักษณะคล้ายหมาก คนสูงอายุมักเอามาใช้ตำคู่กับหมากและใช้เคี้ยว ซึ่งจุดเด่นใบพลู อยู่ที่กลิ่นที่ฉุน คล้ายยา ลักษณะเหมือนกลิ่นหมากเวลาเอาบดขยี้ ตลอดจนกลิ่นคงทนอยู่นาน ทำให้จึงเหมาะที่จะเอามาใช้ไล่หนูได้


ข่า – เป็นสมุนไพรที่ใช้เป็นเครื่องเทศดับกลิ่นอาหารได้ คนส่วนใหญ่มักนำข่ามาใช้ดับกลิ่นคาวเวลาทำอาหาร  ลักษณะกลิ่นจะมีความเผ็ด แสบ โดยกลิ่นจะคล้ายๆกลิ่นของพริก แต่จะฉุนน้อยกว่า และมีกลิ่นหอมแบบชื่นใจ
คล้ายพิมเสน



กระเทียม – เป็นพืชที่มีกลิ่นลักษณะฉุน แบบเผ็ดร้อน  (กระเทียมแต่ละพันธ์จะมีระดับความฉุนที่แตกต่างกันออกไป) ความติดทนของกลิ่นจะคงอยู่ได้นานหลายวัน ความพิเศษของการใช้เทียมไล่หนูคือ ระดับกลิ่นที่แรงและฉุนเด่นกว่าสมุนไพรประเภทอื่นๆ


ใบสาระแหน่ – จุดเด่นของใบสาระแหน่ คือ ลักษณะกลิ่นที่หอมชื่นใจ กลิ่นจะเย็นๆคล้ายสมุนไพร ความพิเศษของใบสาระแหน่ สามารถช่วยในการไล่ยุงและแมลงต่าง ๆ หากคุณไม่มีใบสาระแหน่ในบ้านสามารถใช้กลิ่นใบสาระแหน่ จากน้ำมันหอมระเหยแทนกันได้


มะกรูด – เป็นที่มีกลิ่นในทั้งผลและใบ โดยกลิ่นของมะกรูดจะมีความเฉพาะตัว และขึ้นชื่อเรื่องความหอมอย่างสมุนไพร่ ที่ช่วยความรู้สึกผ่อนคลายให้แก่คนที่ได้กลิ่น (แต่ฉุนสำหรับพวกหนู) ดังนั้น หากคุณจะใช้มะกรูดกำจัดหนู สามารถใช้ได้ทั้งผลและใบในการกำจัดเลย


ลูกยอ – เป็นพืชที่มีกลิ่นฉุนและแรง กว่าสมุนไพรทั่วไป กลิ่นของลูกยอจะมีลักษณะคล้ายยา บางคนก็บอกว่า กลิ่นจะมีความเหม็นจนทนไม่ได้เลย


ต้นยี่โถ  -  เป็นพืชไม้หอมที่ใช้ปลูกในบ้านได้ กลิ่นยี่โถจะมีความพิเศษตรงที่หากสูดดมมาก จะทำให้ง่วง กิ่งของต้นยี่โถ สามารถนำมาใช้ไล่หนูและแมลงสาบได้ ควรคุณวาง กิ่งหรือลำต้นไม้ยี่โถในบริเวณจุดเสี่ยงที่พบสัตว์รบกวน เพียงเท่านี้ก็สามารถไล่หนูและแมลงสาบในบ้านได้

คำแนะนำ : การใช้สมุนไพรในการไล่หนูในบ้าน แนะนำให้คุณบดสมุนไพร่ให้ละเอียดและส่งกลิ่นออกมา จากนั้น นำสมุนไพรที่บดละเอียดไปวางตามจุดเสี่ยงที่พบหนูระบาด

บริษัทกำจัดปลวก https://drplouk.com/
ฉีดปลวก https://drplouk.com/termites/injection
บริการกำจัดปลวก https://drplouk.com/termite-control/

7
รวมเคล็ดลับกำจัดแมลงวันในบ้าน


เคยเป็นกันไหม? อยู่ดีๆแมลงวันก็บินมาก่อกวนในบ้าน พอจะไล่หาไม้มาตี หรือใช้เสปรย์ฉีดพ่น ก็ไม่หายซักที นอกจากจะบินมาตอมคนแล้ว ยังบินมาตอนอาหารอีกด้วย แบบนี้ดูจะเสี่ยงที่จะติดเชื้อจากแมลงวันอย่างมาก  วันนี้ ดร.ปลวก เลยมีวิธีกำจัดแมลงวันในบ้านมาบอกกัน
สาเหตุที่แมลงวันเข้าบ้าน

แมลงวันมีพฤติกรรมที่ชอบตอมเศษอาหารที่กินเหลือ กองขยะเปียกที่หมักหมมกันไว้ ซากหนูหรือซากสัตว์ตายที่เน่าเปื่อย รวมทั้งสิ่งปฏิกูลมูลสัตว์ที่ไม่ได้เก็บกวาดให้เรียบร้อย โดยพวกมันเติบโตได้ดีในสภาพอากาศที่มีลักษณะร้อนชื้น (ยิ่งขยายพันธ์ได้เร็ว) สาเหตุหลักที่ทำให้แมลงวันชอบบินเข้ามาในบ้านมักเกิดจาก ความสกปรกและในบ้านมีขยะอยู่เยอะ
 
สิ่งที่จะตามมากับแมลงวัน

สิ่งหนึ่งที่ตามากับแมลงวันคือ โรคระบาดและอาการเจ็บป่วย เพราะแมลงวันเป็นพาหะนำโรคได้ เนื่องจาก พวกมันชอบที่จะไปตอมตามอาหารเน่าบูด ซากสัตว์ตาย หรือสิ่งปฏิกูล แล้วนำเชื้อโรคจำพวกแบคทีเรีย เชื้อรา ไวรัส ที่ติดตามปีกและขาของมันมาแพร่เชื้อและถ่ายทอดเชื้อสู่คน โดยเชื้อที่ติดมากับแมลงวัน มักปนเปื้อนอยู่ในน้ำและอาหารที่รับประทาน  จนนำไปสู่โรคติดเชื้อต่างๆมากมาย เช่น ท้องร่วง อหิวาตกโรค ตาแดง โรคบิด และโรคกระเพาะอาหารและลำไส้อักเสบ เป็นต้น
 
รวมเคล็ดลับเด็ดไล่แมลงวันในบ้านได้ง่ายๆ


เรามาดูกันดีกว่า ว่าถ้าจะไล่แมลงวันในบ้าน ให้หายเกลี้ยง ต้องทำยังไง

ใช้น้ำมันหอมระเหย
ช่วยในการกำจัดแมลงวัน โดยนำหยดน้ำมันหอมลงบนผ้าหรือกระดาษเล็กๆแล้วนำแขวนที่ประตูหน้าบ้าน เพื่อให้น้ำมันส่งกลิ่นออกมา เพียงเท่านี้ก็ช่วยป้องกันแมลงในบ้านได้แล้ว

นำเปลือกมะนาวที่ใช้แล้ว
ไปวางบริเวณที่แมลงวันชอบบินมาตอมในบ้าน โดยควรวางประมาณ 20 – 25 ชิ้นเพียงเท่านี้ก็ช่วยไล่แมลงวันไม่ให้มาบินในบริเวณนั้นได้

นำน้ำส้มสายชูผสมกับน้ำตาล 1 ช้อนโต๊ะ
หยอดไว้ในจานก้นลึกหรือชามข้าว แล้วคลุมด้วยพลาสติกใสที่ภาชนะจากนั้นเจาะรูพอให้แมลงวันบินผ่านเข้าไปได้ สักพักแมลงวันจะเข้ามาตอมและตายในที่สุด


ข้อควรรู้ไว้ : พวกแมลงวันมีจมูกที่ไวต่อกลิ่นมากๆ พวกมันจะไม่ชอบกลิ่นที่ฉุน เวลาเจอแล้วจะบินหนีไปได้เลย คำแนะนำง่ายๆ ถ้าคุณอยาก กำจัดแมลงวัน ให้หาสมุนไพร่หรืออะไรฉุนๆมาไล่ในบ้าน เท่านี้พวกมันก็ไม่กล้าเข้ามารบกวนแล้ว ที่สำคัญ! ควรหมั่นรักษาความสะอาดในบ้านเป็นประจำ อย่าทิ้งขยะเปียก หรือเศษอาหารไว้ข้ามคืนเชียวนะ ไม่เช่นนั้นแมลงวันจะบินเข้าบ้านคุณไม่รู้จบ

ติดตามบทตวามดีๆได้ที่นี้เลย คลิก

8
รวมเทคนิค ตั้งชื่อแบรนด์อาหารเสริมให้ปัง!



สำหรับเจ้าของธุรกิจแล้ว การจะปั้นแบรนด์ๆหนึ่งให้ดังและปังไม่ใช่เรื่องง่ายเลย แต่ถ้าทำได้ คนก็จะจดจำสินค้า และอยากที่จะซื้อสินค้าของคุณไปได้อีกยาว สิ่งนี้เองถือเป็นเรื่องที่ท้าท้ายสำหรับธุรกิจอาหารเสริมค่ะ เพราะมีคู่แข่งในตลาดเยอะมาก  ดังนั้นคุณต้องทำยังไงก็ได้ให้คนซื้อเห็นครั้งแรก แล้วจำได้ว่าแบรนด์นี้ขายอะไร ดูเหมือนจะเป็นเรื่องที่ยากใช่ไหมคะ แต่เราเชื่อว่าคุณไม่ยากเกินความสามารถคุณค่ะ ถ้าลองเอาทริคนี้ไปใช้ดู…
ทำอย่างไรให้ชื่ออาหารเสริมแตกต่าง?

Key สำคัญเลยนะ คุณต้องทำยังไงก็ได้ให้แบรนด์คุณแตกต่าง โดยเฉพาะชื่อที่เห็นและได้ยินแล้ว คนฟังรู้สึกสะดุด

ตั้งชื่ออาหารเสริมให้อ่านง่ายไว้ก่อน

บางคนเข้าใจว่า ชื่อที่แตกต่างงั้นเลือกชื่อแบรนด์ที่อ่านยากๆไว้ก่อนละกัน บอกเลยว่า วิธีนี้ไม่เหมาะซักเท่าไหร่ค่ะ เพราะนอกจากจะทำให้คนอ่านยากแล้ว คนฟังยังรู้สึกซับซ้อนจนไม่อยากอ่านต่ออีกด้วย  แนะนำว่า ถ้าจะตั้งชื่อแบรนด์ควรเป็นชื่อที่สะกดง่ายๆ ทุกคนเห็นแล้วอ่านได้เลยค่ะ

ชื่ออาหารเสริมมีเรื่องราว


การมีชื่ออย่างเดียวอาจจะยังไม่เพราะ แต่ชื่อแบรนด์ที่คุณตั้งจะต้องมีเรื่องราวและสื่อถึงความเป็นแบรนด์อาหารเสริมนั้นๆได้อย่างดีเลยค่ะ เพื่อให้ลูกค้าเห็นแล้วเข้าใจได้ทันทีว่า แบรนด์นี้ ขายสินค้าและมีจุดขายอย่างไร


ตัวอย่างเช่น แบรนด์อาหารเสริม Hi – Balanz คำว่า Hi คือการเล่นคำระหว่าง High = สูง มีความหมายว่า สารอาหารให้อาหารเสริมสูง และ Hi = การทักทาย ส่วนคำว่า Balanz มีความหมายความสมดุล ทั้งหมดนี้ มีความหมาย แบรนด์อาหารเสริม Hi – Balanz จะช่วยให้คนที่ทานเข้าไป มีการใช้ชีวิตที่สมดุลขึ้น ช่วยปรับสมดุลร่างกาย และมีสารอาหารที่เข้มข้น เป็นต้น


มีสโลแกนที่ติดอยู่กับชื่ออาหารเสริมด้วย


หลังจากที่คุณคิดชื่อแบรนด์ได้แล้ว สิ่งที่ขาดไม่ได้คือ สโลแกนที่ต้องมีคู่กันค่ะ โดยควรเป็นจุดขายของแบรนด์ที่ชวนให้คนมาซื้อและบ่งบอกว่า แบรนด์ของคุณน่าซื้อ ต่างจากคู่แข่งอย่างไร? การมีสโลแกน จะทำให้ภาพลักษณ์ของแบรนด์อาหารเสริมชัดมากขึ้น และสื่อไปถึงลูกค้าได้ตรงจุด ว่าสินค้าของคุณช่วยอะไร แก้ปัญหาอย่างไรบ้าง?

คุณกำลังหาโลโก้ที่โดนใจ เหมาะกับแบรนด์อยู่ใช่มั้ยคะ วันนี้ BeautyCosmet มี ทริคในการทำโลโก้ มาบอกกันค่ะ

เคล็ดไม่ลับ : การใช้สโลแกนให้เห็นผล ควรมีการย้ำให้ลูกค้าเห็นบอกว่า ผ่านการรีวิว หรือ คำบรรยายอยู่หน้าเว็บไซต์ เพื่อให้ลูกค้าเชื่อว่า สินค้าของคุณช่วยแก้ปัญหาให้พวกเขาได้จริงๆ

ติดตามเรื่องราวดีๆเกี่ยวกับการทำธุรกิจได้ที่ คลิก

9
นอนไม่พอ ทำงานหนัก คิดงานไม่ออกทานอาหารเสริมจากสารสกัดอะไรดี?
ว่ากันว่า คนที่ใช้ร่างกายหนักหน่วง ทำงานหนัก อ่านหนังสือเยอะ และนอนน้อย จะมีภาวะเครียดสะสมจนสมองล้า เบลอ คิดอะไรไม่ค่อยออก ซึ่งพฤติกรรมเหล่านี้ ส่งผลต่อสมรรถภาพความจำของคุณในระยะสั้น แต่ในระยะยาว คุณอาจเสี่ยงเป็นโรคอัลไซเมอร์ได้ในเวลาเดียวกัน  นอกจากนี้ ผลจากความเครียดที่ยาวนาน ก่อให้เกิด โรคหัวใจ โรคสมองเสื่อมและโรคซึมเศร้าได้อีกด้วย
รู้อย่างนี้แล้ว…คงไม่มีใครอยากให้ตัวเองเป็นสารพัดโรคใช่มั้ยละคะ แต่ถ้าจะห้ามตัวเองไม่ให้หยุดทำงานเลย คงจะเป็นเรื่องยากซ่ะกว่า งานนี้ Beautycosmet เลยขอหยิบอาหารเสริมดีๆ ตัวช่วยดูแลสุขภาพสำหรับคนที่ทำงานหนักมาบอกกัน

สารสกัดจากใบแปะก๊วย (Ginkgo Biloba Extract)
มีสารต้านอนุมูลอิสระจำพวกกลุ่มฟลาโวนอยด์ (Bioflavonoids) และเทอพินอยด์ (Terpenoids)  ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ มีฤทธิ์ช่วยป้องกันความเสื่อมของสมองเพิ่มการไหลเวียนเลือดที่ไปเลี้ยงสมอง ป้องกันภาวะเลือดไปเลี้ยงสมองไม่ทัน  ความพิเศษของสารสกัดแปะก๊วย อยู่ที่ช่วยเพิ่มความจำและลดความเครียดได้ในเวลาเดียวกัน

สารสกัด วิตามิน เมลาโทนิน (Melatonin)
เป็นวิตามินที่ใช้ควบคุมการนอน ทำให้คุณนอนหลับลึก และตื่นมารู้สึกสดชื่นในทุกเช้า  นอกจากสรรพคุณที่ช่วยเรื่องการนอนหลับเป็นหลักแล้ว เมลาโทนิน ยังช่วยลดความเครียด ช่วยควบคุมความดันโลหิตและระดับฮอร์โมนคอร์ติซอลให้สมดุล

สารสกัด กลูตามีน (Glutamine)
เป็นกรดอะมิโนชนิดหนึ่งที่ช่วยในการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของสมอง โดยปกติแล้ว ร่างกายสามารถสังเคราะห์กลูตามีนเองได้ แต่เมื่อใดที่เราเครียด  จะทำให้สูญเสีย กลูตามีน ส่งผลเกิดความเมื่อยล้า อ่อนเพลีย ไม่สดชื่น ซึ่งมีผลกับการใช้ชีวิตประจำวันและการนอนหลับ ดังนั้น สารสกัด กลูตามีน จึงมีส่วนช่วยเรื่องอาการอ่อนล้า ไม่สดชื่นและช่วยลดความเครียดจากการทำงานได้

สารสกัด วิตามินบีรวม (Multi Vitamin B)
เป็นกลุ่มวิตามินที่ประกอบด้วย วิตามิน B ทั้งหมด 8 ชนิด ไม่ว่าจะเป็น วิตามินบี 1 วิตามินบี 2 วิตามินบี 3 วิตามินบี 5 วิตามินบี 6 วิตามินบี 7 วิตามินบี12 และกรดโฟลิก ซึ่งสรรพคุณหลักๆของวิตามิน จะช่วยลดอาการอ่อนล้า ช่วยให้สมองและระบบประสาททำงานได้ดีขึ้น ทำให้คุณไม่มีอาการมึนและเบลอหลังจากทำงานมาอย่างหนักหน่วง
เพราะสุขภาพเป็นเรื่องไม่เข้าใครออกใครเริ่มดูแลตัวเองตั้งแต่วันนี้จะช่วยให้คุณมีพลังในการทำงานได้เยอะขึ้นในแต่ละวันและไม่แน่ว่าคุณอาจะทำงานได้มากกว่าเดิมเสียด้วยซ้ำ

บริษัทผลิตครีม https://www.beautycosmet.com/
ผลิตอาหารเสริม https://www.beautycosmet.com/supplement-food/
สร้างแบรนด์ครีม https://www.beautycosmet.com/produce-cream/made-brand-cream-product/

10
เคมีภัณฑ์ | Chemical / 3 วิธีไล่หนูแบบ ง่ายๆ
« เมื่อ: ตุลาคม 15, 2020, 10:28:07 AM »
3 วิธีไล่หนูแบบ ง่ายๆ
เคยได้ยินว่า ถ้าหนูเข้ามาในบ้านของใครแล้ว อาหารหนู สามารถเป็นได้ทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็น สายไฟ สบู่ ไม้ ลังกระดาษ ที่ไหนมีคนอาศัยอยู่ ที่นั้นย่อมมีหนูอาศัยอยู่ด้วย โดยเฉพาะบ้านที่มีซอก ช่องเล็กและรูเข้าออกหลายรู ซึ่งเป็นทางเดินอันโปรดปรานของหนูอย่างมาก

ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่กำลังหาวิธีไล่หนู และป้องกันหนูในบ้านไว้แต่เนินๆ แนะนำให้พยายามปิดทางออกทุกช่องทางของหนู ห้ามทิ้งน้ำ อาหารไว้ในบ้านข้ามคืน และหมั่นรักษาความสะอาดในบ้านเป็นประจำเพียงเท่านี้ก็ช่วยป้องกันหนูเข้าบ้านได้แล้ว แต่ถ้าใครอยากไล่หนูแบบเหนือชั้น อีกหนึ่ง Step ลองทำตามเคล็ดลับที่เราเอามาฝากวันนี้เลย แชร์วิธีไล่หนูแบบได้ผลทำเองง่ายๆ ทำให้หนูกลัวได้ ไม่ต้องใช้เงินเยอะ
ไล่หนูให้กลัวได้ด้วยกลิ่น

อย่างที่ทราบกันดีว่า การใช้กลิ่นฉุนๆของอะไรบาอย่าง สามารถไล่หนูให้ออกจากบ้านได้ แล้วจะมีกลิ่นไหนที่เราสามารถใช้ได้บ้าง มาดูกัน

1. กลิ่นน้ำมันหอมระเหยเปเปอร์มินต์ (สะระแหน่)
 กลิ่นฉุนของใบสะระแหน่ เป็นกลิ่นที่หนูไม่ค่อยชอบสักเท่าไหร่ เมื่อพวกมันได้กลิ่นนี้ทีไร เป็นต้องหนีและกลัวได้ทุกครั้ง แนะนำให้คุณชุบน้ำมันในสำลีให้ชุ่ม แล้วนำไปวางตามซอกหลืบต่าง ๆ ที่เป็นจุดเสี่ยงการระบาดของหนู เช่น ท่อน้ำ ซอกเล็กในห้องครัว และบริเวณที่พบมูลหนู เป็นต้น

2. กลิ่นน้ำมันก๊าด
กลิ่นฉุนของน้ำมันก๊าด เป็นสิ่งที่หนูได้กลิ่นแล้วต้องหนีห่างอีกเช่นกัน เนื่องจากน้ำมันก๊าดเป็นกลิ่นสารเคมีที่รุนแรง  และค่อยข้างแสบจมูก ข้อควรระวังของการใช้น้ำมันก๊าดกำจัดหนู คือ คนในบ้านอาจมึนหัวได้  อีกทั้งน้ำมันยังมีคุณสมบัติติดไฟง่าย ที่ทำให้เสี่ยงต่อการเกิดเพลิงไหม้ การใช้น้ำมันก๊าดเวลาไล่หนู จึงไม่เหมาะหากคุณใช้ในบ้านหรือห้องที่มีคนอยู่อาศัย

3. กลิ่นน้ำมันมวย ยาหม่อง
นอกจากกลิ่นรุนแรงของสารเคมีแล้ว คุณยังสามารถใช้กลิ่นสมุนไพร่นวดตัวอย่าง กลิ่นน้ำมันมวยทั้งหลาย หรือยาหม่อง แทนมันหอมระเหยและน้ำมันก๊าดอีกด้วย แต่กลิ่นของน้ำมันประเภทนี้อาจจะไม่เห็นผลเท่าที่ควร เพราะน้ำมันมวย ยาหม่อง กลิ่นจางในอากาศได้ไวกว่า 2 ประเภทแรก

ยาหม่อง
จะว่าไปแล้ว วิธีกำจัดหนูในบ้านมีมากมายหลายแบบให้เลือก ขึ้นอยู่กับความชอบ ความเหมาะสมของห้อง และสมาชิกในบ้าน อย่างไรก็ดี การกำจัดหนูที่เห็นผลระยะยาว คือการป้องกันไม่ให้หนูเข้ามาในบ้านให้ได้อันดับแรก ซึ่งก็คือ การรักษาความสะอาดนั้นเอง ติดตามบทความดีๆ เกี่ยวกับการกำจัดหนูและสัตว์รบกวนอื่นๆได้ที่

บริษัทกำจัดปลวก https://drplouk.com/
ฉีดปลวก https://drplouk.com/termites/injection
บริการกำจัดปลวก https://drplouk.com/termite-control/

11
หน้าร้อน กำจัดปลวก กินต้นมะม่วง ทำอย่างไร
เชื่อว่าหลาย ๆ บ้านนิยมปลูกต้นไม้ที่ให้ดอกผลเอาไว้กินไว้ใช้กัน ต้นมะม่วงก็จัดเป็นต้นไม้อีกประเภทที่ปลูกกันเยอะมาก ๆ แต่ปัญหาที่หลายบ้านมักพบโดยเฉพาะช่วงหน้าร้อนก็คือ ปลวกร้ายมันชอบไปกัดกินเนื้อไม้ภายในลำต้นจนต้นมะม่วงค่อย ๆ ตายลงไป กว่าจะรู้อีกทีความหวังในการรอกินผลก็เลือนหายภายในพริบตา
การมองหา วิธีกำจัดปลวก กินต้นมะม่วงจึงเป็นสิ่งที่ต้องรีบทำหากไม่อยากเสียดายต้นไม้แสนรักที่อุตส่าห์ปลูกมานาน

สังเกตให้ดีว่ามีปลวกมากิน “ต้นมะม่วง“
คนที่ปลูกต้นไม้ย่อมต้องใส่ใจความเปลี่ยนแปลงของต้นไม้นั้น ๆ อยู่แล้ว ใครที่ปลูกต้นมะม่วงจนเริ่มมีขนาดใหญ่ ลำต้นแข็งแรงแล้ว ให้สังเกตว่าถ้ามีรอยทางเดินของปลวกไม่ว่าบริเวณใดก็ตามนั่นบ่งบอกถึงปลวกกำลังรุกรานต้นมะม่วงในบ้านของคุณ
ถ้าไม่ได้สังเกตแล้วรู้สึกว่าต้นมะม่วงเหี่ยวลง จับไปที่ลำต้นหรือกิ่งไหนแล้วมีความกลวงแค่ลองเอาของแข็งเช่น ไม้ ไขควง หรือมีดปลายแหลมไปแคะดูปรากฏเป็นรู เป็นรอยโบ๋ นั่นคือจุดที่ปลวกได้กัดแทะไปเรียบร้อย

เริ่มต้นกำจัดปลวกกินต้นมะม่วงอย่างไรดี
เลยให้ใช้ ยากำจัดปลวก ที่หาได้ตามท้องตลาดทั่วไปโดยไปตามทางเดินของปลวกหรือถ้าหากเป็นรังพวกมันด้วยก็โรยใส่เข้าไปได้เลย ยาพวกนี้จะช่วยให้ปลวกตายลงแบบยกรัง

อย่างไรก็ตามหลายคนกังวลใจว่าใช้ยากำจัดปลวกแบบนี้ต้นไม้จะตายหรือไม่ตรงนี้หมดห่วงเพราะต้นไม้ไม่ได้ดูสารอะไรจากบรรดายากำจัดปลวกเหล่านี้แน่นอน ดังนั้นโรยลงไปได้เลย

ลองทำแล้วแต่ก็ยังกำจัดปลวกไม่หมด เรียกใช้บริการบริษัทกำจัดปลวก
แต่ถ้าหากลองทำด้วยวิธีที่แนะนำแล้วปลวกก็ยังไม่ตายหรือยังมีให้เห็นตามต้นมะม่วงแนะนำให้เรียกใช้บริการ บริษัทกำจัดปลวก จะดีที่สุดโดยทางเจ้าหน้าที่จะเข้ามาดำเนินการช่วยทำให้บรรดาปลวกทั้งหลายตายลงได้อย่างรวดเร็ว พร้อมกำจัดแบบยกรังหมดปัญหาปลวกมารบกวนต้นมะม่วงแสนรักของบ้านคุณได้เลยแต่ถ้ากังวลว่าต้นไม้จะตายแนะนำให้เลือกใช้บริษัทที่กำจัดด้วยระบบธรรมชาติใช้สมุนไพรเป็นส่วนประกอบหลักจะทำให้ต้นไม้ยังคงเติบโตต่อไปส่วนปลวกร้ายก็ตายสนิทถ้าหากปัญหาต้นมะม่วงโดนปลวกกัดกินกำลังเป็นปัญหากวนใจคุณอยู่

12
กลยุทธ์สร้างแบรนด์ครีมให้ปัง! ด้วย Youtube
การทำลงทุนสร้างแบรนด์ไม่ใช้เรื่องยาก แต่ทำอย่างไรให้แบรนด์ดังเป็นที่รู้จักในวงกว้างนี่สิ…เป็นสิ่งที่ไม่มีใครตอบได้ โดยเฉพาะสินค้าอย่าง สกินแคร์หรือครีมทาผิวแล้ว รับรองเลยว่ายิ่งต้องแข่งขันกันอย่างมาก เพราะในตลาดบิ้วตี้โปรดักส์มีผู้ผลิตเยอะมากมาย แต่หนึ่งสิ่งที่ทำให้คุณเป็นที่รู้จักได้คือ “การสื่อสารยังไงให้แตกต่าง” และน่าจำจดได้มากกว่าแบรนด์ครีมอื่นๆ และนี่แหละคือเคล็ดที่ BeautyCosmet โรงงาน ผลิตครีมและอาหารเสริม จะนำมาบอกคุณกับ กลยุทธ์สร้างแบรนด์ครีมให้สุดปัง! ด้วย Youtube


รู้จักกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย
จะขายของทั้งที แน่นอนว่าคุณต้องรู้ก่อนว่า จะขายให้กับใคร ผู้หญิงหรือผู้ชาย และเขาเป็นคนแบบไหน? หรือคาแรกเตอร์อย่างไร? เพื่อที่คุณจะได้รู้ว่า อะไรคือสิ่งที่กลุ่มลูกค้าของคุณต้องการ และครีมแบรนด์ของคุณสามารถตอบโจทย์ปัญหาของลูกค้าได้จริงๆ วิธีง่ายๆ เริ่มต้นจากการที่คุณ เข้าไปคุยกับกลุ่มลูกค้ามากขึ้น และติดตามไลฟ์สไตล์ของพวกเขา ซึ่งจะช่วยให้คุณเห็นภาพของแบรนด์ที่จะสื่อออกมาชัดมากขึ้น


ทำคอนเท้นต์อย่าง Personalize
ลองนึกภาพดูว่า การทำสินค้าครีมสักชิ้น ขึ้นมาก็เหมือนทำคนๆนึงให้มีชีวิตนั้นแหละ ซึ่งใครๆก็ชอบคนที่ใส่ใจกันทั้งนั้น แนะนำว่าลองทำคอนเท้นต์ที่สื่อสารออกมาอย่าง Personalize  ตรงกับความสนใจและใส่ใจกลุ่มลูกค้ามากขึ้น ก็จะช่วยเพิ่มความประทับใจให้กลุ่มลูกค้าของคุณได้ไม่น้อยเลย ยิ่งไปกว่านั้น ยังช่วยให้ลูกค้าทั้งหลาย อินไปกับสินค้าของคุณได้ง่ายๆ


เลือก Keyword ในการยิงโฆษณา
หลังจากที่คุณรู้จักกลุ่มลูกค้า เข้าใจความต้องการ ไลฟ์สไตล์และเลือกเนื้อหาคอนเท้นต์ได้แล้ว ขั้นต่อมาก็คือ การค้นหา Keyword Search ที่ตรงกับความสนใจของพวกเขา ลองนึกดูว่า เวลาคนเราจะหาคลิปดูใน Youtube พวกเขาจะต้องพิมพ์คำที่พวกเขาสนใจ ซึ่งการทราบ Keyword Search ที่ตรงกลุ่มเป้าหมายนั้น จะช่วยให้ลูกค้าของคุณเห็นและรู้จักโฆษณาของคุณได้มากขึ้น


เลือกประเภทโฆษณาที่ต้องการยิง
เพราะการทำโฆษณาใน Youtube มีถึง 3 แบบด้วยกัน คือ 1) TrueView Ads หรือ Skippable Video Ads (โฆษณาที่กดข้ามได้) 2) Non-Skippable Video Ads (โฆษณาวิดีโอที่กดข้ามไม่ได้) และ 3)  Bumper Ads (โฆษณาที่แสดงเพียง 6 วินาทีและไม่สามารถกดข้ามได้) ดังนั้น การเลือกประเภทโฆษณาในแต่ละแบบ คุณต้องดูด้วยว่า เหมาะสมของลักษณะเนื้อหา ความยาวคลิป และความสนใจของลูกค้าหรือไม่ ไม่อย่างนั้น หากยิงโฆษณาไปแล้วไม่ตรงกับกลุ่มเป้าหมาย ก็จะเสียเงิน แบบไม่ได้อะไรกลับมา

หลายๆครั้ง การทำแบรนด์ครีม คนทำแบรนด์มักทุ่มเงินทำการตลาดอย่างเดียว โดยหวังว่า ลงทุนแบบไหน แบรนด์ก็ปังแน่นอน… ทั้งที่จริง การทำแบรนด์ ไม่มีสูตรสำเร็จว่า ทำแล้วแบบไหนถึงจะเวิร์ค สิ่งสำคัญที่สุด คือคุณต้องเข้าใจลูกค้าว่า พวกเขาต้องการอะไร และทำไมพวกเขาต้องซื้อสินค้าคุณ จากนั้นก็สื่อสารออกมาให้ตรงกลุ่มเป้าหมายและบอกเล่าเรื่องเล่าให้แตกต่างเพื่อที่จะได้เป็นที่จดจำมากที่สุด

13
แชร์เคล็ดลับ กลยุทธ์สร้างแบรนด์ครีม ด้วย IG
ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่คิดจะทำแบรนด์บน Instragram หรือ IG  นอกจากจะต้องคัดคอนเท้นต์คุณภาพ แคปชั่นโดนๆ หรือ Hashtag สุดฮิตแล้ว สิ่งหนึ่งที่คุณต้องมีคือ คอนเท้นต์แต่ละชิ้นที่ออกมา มันสร้างประสบการณ์ให้ลูกค้าได้อย่างไร? ลูกค้าเห็นภาพแล้ว อยากซื้อสินค้าหรือไม่? เพราะการขายสินค้าบน IG ลูกค้าจะไม่ได้สัมผัสสินค้าจริง ดังนั้น แต่ละคอนเท้นต์ที่สื่อออกมาจึงต้องเป็นสิ่งที่ลูกค้าอยากรู้ อยากเห็นและพวกเขาสามารถมีประสบการณ์ร่วมได้
ยิ่งไปกว่านั้น ลูกค้าที่ซื้อสินค้าบน IG จะเป็นกลุ่มคนที่กำลังมองหาสินค้าที่เป็นเทรนด์ใหม่ๆอยู่เสมอ  ดังนั้น ถ้าธุรกิจนำสิ่งนี้ไปปรับใช้เป็นกลยุทธ์
สร้างแบรนด์ครีม จะช่วยเพิ่มโอกาสให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อสินค้าได้มากขึ้น เรามาดูกันดีกว่าว่ากลยุทธ์สร้างแบรนด์ครีมด้วย IG เขาทำกันอย่างไร?
สนใจสร้างแบรนด์ครีมกับโรงงานรับ ผลิตครีม โรงงานผลิตอาหารเสริม คลิกเพื่อดูรายละเอียดได้

ใช้ Influencer มาโปรโมท
ผลการสำรวจด้านการตลาดออนไลน์พบว่า การใช้ Influencer มาโปรโมทแบรนด์ใน IG  หรือทำคอนเท้นต์รีวิว เป็นผู้ใช้สินค้าจริง จะช่วยให้สินค้า มีความน่าเชื่อถือและลูกค้าไว้ใจมากขึ้น

โฆษณาผ่าน IG Story
อดปฎิเสธไม่ได้เลยว่าเทรนด์ IG Story ของคนดังกำลังมา เพราะพฤติกรรมของลูกค้าส่วนใหญ่มักจะอยากรู้ว่า ในแต่ละวัน ดารา คนดังที่พวกเขาชื่นชอบกำลังทำอะไรอยู่ ซึ่งการทำ โฆษณาผ่าน IG Story สามารถทำได้ 2 แบบ คือ
1) ให้ดาราคนดังโปรโมทผ่าน IG Story ของพวกเขาโดยตรง
2) ยิงโฆษณาสินค้าให้ไปขึ้นใน IG Story ของคนดังๆ ข้อดีของการทำการตลาดแบบนี้ คือ ลูกค้าจะไม่รู้สึกรำคาญเวลาโฆษณาขึ้น

เลือก Hashtag ปังๆ
ที่ขาดไม่ได้ก็คือ การมี #Hashtag ปังๆ ให้คนเห็นเยอะๆ เพื่อที่จะได้เห็นสินค้าของเราไปด้วยพร้อมกัน ที่นี้ตัว Hashtag สามารถปังๆที่คุณควรใช้ มี 2 แบบ คือ 1) #Hashtag ตามกระแสในช่วงนั้น เพิ่มโอกาสให้คนมองเห็นคอนเท้นต์ได้ไวขึ้น และ 2) #Hashtag ตรงกลุ่มที่ลูกค้าสนใจ ซึ่งมักเป็น #Hashtag ที่กลุ่มเป้าหมายกดค้นหาเป็นประจำ หรือติดตามอยู่แล้ว การใช้ #Hashtag แนวนี้จะช่วยให้คุณขยายการรับรู้ของแบรนด์ในกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น
แนวโน้มเทรนด์ใช้แฮชแท็กในปี 2020 คือ การเลือกใช้แฮชแท็กที่น้อยลงจำนวน 2-8 คำในคำบรรยายและอีก 4-5 คำในคอมเมนต์ ที่สำคัญแฮชแท็กจะต้องเกี่ยวข้องกับคอนเทนต์ แบรนด์หรือกลุ่มลูกค้า

สรุปกลยุทธ์สร้างแบรนด์ครีมให้รวย ด้วย IG  ในปี 2020
•   เฟ้นหา Influencer มาโปรโมท
•   โฆษณาผ่าน IG Story เพื่อสร้างการรับรู้
•   ใส่ Hashtag ในแคปชั่น ให้คนมองเห็นคอนเท้นต์มากขึ้น
เพื่อให้การทำการตลาดออนไลน์บน IG มีประสิทธิภาพมากที่สุด แนะนำว่า หลังจากที่โพสท์คอนเท้นต์ไปทุกครั้ง คุณควรศึกษา การวิเคราะห์และลองพิจารณาดูว่าโพสต์ใดของคุณมีประสิทธิภาพสูงกว่าโพสต์อื่นๆ วิธีนี้จะช่วยให้คุณจับทางได้ว่า กลุ่มลูกค้าของคุณชอบคอนเท้นต์สไตล์ไหน และการตลาดแบบไหน?

14
กำจัดปลวกได้ง่ายด้วย4วิธีแบบบ้านๆ

ปลวกศัตรูฉกาจของบ้านไม้ที่ทุกคนเกลียดหลายคนหาวิธีกำจัดปลวกสารพัดทั้งแบบสารเคมีและวิธีธรรมชาติแต่รู้หรือไม่ว่ามีวิธีกำจัดง่ายๆแค่4วิธีกำจัดแบบธรรมชาติ
เรามีบริการ กำจัดปลวก  หากท่านมีปัญหาเรื่องปลวกในบ้าน หรือต้องการคำปรึกษา สามารถติดต่อเราได้นะคะ ^^

กำจัดปลวกด้วยสมุนไพรไทย
สมุนไพรไทยเครื่องครัวชั้นเลิศมีฤทธิ์เผ็ดร้อนดีต่อสุขภาพแต่อันตรายกับตัวปลวกเพียงแค่นำข่าตะไคร้กระเทียมในปริมาณเท่าๆกันรวมแล้ว2กิโลกรัมนำมาสับหรือปั่นให้ละเอียดแล้วผสมเหล้า1ขวดน้ำส้มสายชู1ขวดและน้ำเปล่า20ลิตรหมักทิ้งไว้1สัปดาห์จากนั้นนำไปใส่ขวดสเปรย์ฉีดพ่นบริเวณที่ปลวกเดินหรือรังปลวกจะกำจัดปลวกให้ตายง่ายๆโดยทำติดต่อกัน 3-4 วัน

กำจัดปลวกด้วยน้ำส้มสายชู
วิธีนี้เป็นการกำจัดปลวกแบบให้ฤทธิ์แสบร้อนต่อตัวปลวกโดยผสมน้ำส้มสายชูในปริมาณครึ่งถ้วยตรงมะนาว2ซีกน้ำมันหอมระเหยส้ม 1 หยดนำไปใส่ขวดสเปรย์ฉีดพ่นกำจัดปลวกจะทำให้ปลวกหนีหรือตายได้เลยเพราะวัตถุดิบดังกล่าวค่อนข้างระคายเคืองต่อผิวแต่ปลวกแสบร้อนทันทีที่โดนเรียกได้ว่าน้ำส้มสายชูมีประโยชน์มากกว่าปรุงอาหารและทำความสะอาดด้วยนะ

กำจัดปลวกด้วยใบขี้เหล็ก
ใบขี้เหล็กสุดยอดสมุนไพรไทยชั้นเยี่ยมแค่นำใบขี้เหล็ก5กรัมมาบดหรือปั่นให้ละเอียดใส่นำลงไป20มิลลิลิตรแล้วกรองใส่ในขวดสเปรย์นำไปฉีดตามบริเวณที่ปลวกเดินหรือรังปลวกทำซ้ำๆ3-5วันเห็นผล

หยอดน้ำมันเปลือกส้ม/น้ำมันสะเดา
ไม้หรือเฟอร์นิเจอร์ที่มีรอยแตกแยกเป็นที่อยู่อาศัยของปลวกอย่างดีดังนั้นต้องป้องกันด้วยการหยอดน้ำมันเปลือกส้มหรือน้ำมันสะเดาตามรอยแตกของผนังไม้เฟอร์นิเจอร์ซึ่งสารd-limoneneในน้ำมันจะกำจัดปลวกได้ทั้งนี้การลดความชื้นในบ้านเปิดหน้าต่างให้แดดส่องในบ้านตลอดติดตั้งพัดลมดูดอากาศจะไม่เป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของปลวกแล้วเพราะปลวกจะชอบที่ชื้นแต่ไม่ชอบแดดร้อนซึ่งเป็นวิธีเบื้องต้นที่ไล่ปลวกได้ง่ายๆ

สนใจติดต่อ บริษัทกำจัดปลวก มี ฉีดปลวก เเละสัตว์มากมายหลายชนิดได้ที่นี่


15
หลักการใช้ Influencer ในการสร้างแบรนด์ครีม
ในการ สร้างแบรนด์ครีม ขึ้นมานั้นการสื่อสารถึงกลุ่มเป้าหมายด้วยinfluencerเรียกได้ว่าเป็นสิ่งที่น่าสนใจและอยากแนะนำให้ทำกันมากๆเพื่อช่วยเพิ่มฐานการติดตามแบรนด์มีคนรู้จักช่วยเพิ่มยอดขายให้กับเรามากถึงมากที่สุดได้และเพื่อให้เจ้าของแบรนด์ครีมทุกคนมั่นใจพร้อมเลือกใช้การสื่อสารInfluencerวันนี้เรามีหลักการใช้influencerในการสร้างแบรนด์ครีม บอกต่อว่าแล้วก็ไปดูกันเลย
ทำความรู้จักกับ Influencer กันก่อน

หลายคนอาจยังสงสัยกับinfluencerว่ามันคืออะไรinfluencerก็คือบรรดาคนหรือบุคคลที่ 3 ที่มีอิทธิพลต่อกลุ่มเป้าหมายในแง่ความคิดและการตัดสินใจซื้ออย่างการที่เราสร้างแบรนด์ครีมก็จะช่วยให้กลุ่มเป้าหมายเกิดการรับรู้สนใจและติดตามครีมของเราทั้งนี้การใช้Influencerยังช่วยให้กลุ่มเป้าหมายเชื่อถือเชื่อมั่นแบรนด์ครีมของเราว่าดีจริงจึงมาบอกต่อมากกว่าการเราสื่อสารเองทางเดียวอีกด้วยซึ่งinfluencerนั่นมีอยู่ด้วยกัน 3 ประเภทได้แก่ Celebrity(Mega Influencer),Macro InfluencerและMicro Influencer

1.Celebrity (Mega Influencer)
กล่าวคือเป็นกลุ่มคนดังที่มีคนสนใจติดตามอยู่ตั้งแต่1แสนคนขึ้นไปมากสุดเกินล้านเลยทีเดียวถือว่าเป็นกลุ่มที่คนติดตามเยอะที่สุดใน 3 ประเภทอย่างกลุ่มดารา ไฮโซ หรือเซเลบิตี้
เพื่อให้การรับรู้แบรนด์ออกสู่วงกว้างเน้นไปที่การเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายกระจายๆไม่ใช่เจาะจงหรือเฉพาะเท่านั้น

2.Macro Influencer
เป็นกลุ่มคนดังรองลงมามีคนสนใจติดตามอยู่ที่แสนคนขึ้นไปแต่เป็นคนที่มีผู้คนสนใจแบบเฉพาะกลุ่มลงมาเช่น ความงาม ความสวย สุขภาพ เทคโนโลยี สร้างความนิยมให้กับแบรนด์
ทำให้แบรนด์ถูกเข้าถึงเป็นจำนวนค่อนข้างมากซึ่งเจาะลงกลุ่มเป้าหมายของเรามากขึ้นตามไปด้วย

3.Micro Influencer
เป็นกลุ่มคนที่มีผู้สนใจน้อยที่สุดใน3ประเภทยอดติดตามอยู่ที่ 5,000 ถึง 1 แสนคนเท่านั้น(บวกลบนิดหน่อย)แต่แม้จะคนสนใจติดตามน้อย
แต่พูดถึงการตัดสินใจซื้ออิทธิพลต่อกลุ่มเป้าหมายค่อนข้างมากช่วยเราสร้างการมีส่วนร่วมระหว่างแบรนด์กับกลุ่มเป้าหมายได้ดี

หลักการใช้ influencer ในการสร้าง แบรนด์ครีม ต้องเริ่มจากวัตถุประสงค์ อย่างถ้าเพิ่งเริ่มทำแบรนด์ก็ต้องจัดลำดับก่อนโดยใช้เป็นMacro Influencerมาเป็นพลังให้กับแบรนด์เจาะกลุ่มครีมให้กลุ่มเป้าหมายมาเห็นก่อนจะเสริมด้วยMicro Influencerกลุ่มเล็กแต่พลังยิ่งใหญ่โน้มน้าวให้ตัดสินใจซื้อครีมเรา เมือมีคนมาพูดว่าครีมดีใช้อยู่นะก็จะเป็นพลังให้คนอื่นๆเชื่อถือสนใจใช้เพราะอย่างน้อยๆคนที่เรารู้จักอยู่ก็ยังใช้การสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักด้วยการสื่อสารรูปแบบ Influencer ไม่ยากเพียงแต่เราต้องเข้าใจและเลือกใช้ตามวัตถุประสงค์ เพื่อให้ตอบสนองต่อความต้องการขายของเรานั่นเอง
- https://www.thaifranchisecenter.com/forumboard/index.php?action=post2;start=0;board=129

16
8 จุดเสี่ยงที่ปลวกจะขึ้นบ้าน
“ปลวกบุกบ้าน” การกำจัดปลวก ถือเป็นเรื่องยากที่เราจะรู้ได้ทันควัน เผลอ ๆ รู้ตัวอีกทีปลวกก็กัดกินแทบไม่หลงเหลือเนื้อไม้ดี ๆ แล้ว ซึ่งภายในบ้านปฏิเสธไม่ได้ว่าหลายจุดเหมือนกันที่เสี่ยงปลวกกัดกิน ดังนั้น การศึกษาจุดเสี่ยงที่ปลวกกินบ้านชอบนักชอบหนาไว้หน่อยจึงเป็นสิ่งไม่อาจมองข้ามไปได้ แน่นอนว่าบทความนี้จะพาทุก ๆ คนเดินดู  8 จุดเสี่ยงปลวกกินบ้าน จะมีจุดไหน อย่างไร ไปติดตามกันเลย

1. ห้องนั่งเล่น
จุดที่ควรสังเกต ได้แก่ เฟอร์นิเจอร์ ที่มีส่วนประกอบของเนื้อไม้ พื้นไม้ โดยเฉพาะบ้านที่ปลูกติดพื้นดินสามารถให้ปลวกใต้ดินเข้ามาทำรังกัดกินได้ง่าย สุดท้ายเป็นจุดขอบบัวที่มีลักษณะเนื้อไม้แห้งปลวกชอบอาศัยเหมือนกัน

2. ห้องนอน
เป็นจุดที่ต้องสังเกตให้มั่น อย่าคิดว่าเราเข้านอนทุกวันคืนแล้วจะไม่ทำให้ปลวกกินบ้าน โดยจุดเสี่ยงภายในห้องนอน ได้แก่เฟอร์นิเจอร์ไม้ เช่น โต๊ะหนังสือ เก้าอี้ ตู้เสื้อผ้า ฯลฯ หากพบเศษผง เศษไม้ร่วงให้รีบตรวจสอบทันที

3. ห้องใต้หลังคา
สำหรับบ้านที่มีห้องใต้หลังคาจุดเสี่ยงที่ควรสังเกต ได้แก่ กล่องเก็บของต่าง ๆ ภาพถ่าย เอกสาร อีกจุดที่ห้ามลืมคือไม้คาน เพราะสิ่งเหล่านี้ปลวกชอบนักแหละ

4. ห้องซักรีด
ในส่วนของห้องซักรีดจุดที่ต้องสังเกตปลวกกินบ้านให้มั่นก็คือตามเสื้อผ้าที่แขวน ที่กองไว้ เนื่องจากเสื้อผ้ามีเซลลูโลส เป็นสิ่งที่ปลวกชอบกัดกิน ทางที่ดีเก็บผ้าที่ซักรีดแล้วให้ห่างจากผนัง จากพื้น

5. ห้องครัว
ให้สังเกตบริเวณตู้กับข้าวเน้นย้ำตู้ไม้แบบ Built in ที่อยู่ติดผนัง/พื้น หน้าต่างและประตู พยายามอย่าเปิดไว้มากพวกแมลงเม่าจะบินมาทำรังได้ รวมถึงบริเวณรั่วซึมหรือท่อแตกเพราะอาจเกิดความชื้น

6. โรงรถ
พื้นที่บ้านอย่างโรงรถก็ถือเป็นจุดเสี่ยง โดยให้สังเกตตามที่เก็บของ เครื่องไม้เครื่องมือช่าง ฯลฯ เพราะอะไรที่อยู่นิ่งเฉยเป็นสิ่งที่ปลวกชอบอยู่ ชอบกัดกิน

7. สวนบ้าน
จุดเสี่ยงได้แก่ จุดที่มีกองไม้ ตอไม้ แหล่งที่อยู่ชั้นดีของปลวก ตามเสารั้วที่สัมผัสดิน เป็ฯแหล่งให้ปลวกใต้ดินได้พากันเดินหาอาหารดีนักล่ะ รวมถึงวัสดุคลุมดินเนื่องจากเต็มไปด้วยความชื้นและเซลลูโลส

8. ภายนอกบ้าน
มี 2 จุดเสี่ยงด้วยกัน อย่าง ท่อน้ำทิ้งแอร์ และหลังคาโดยเฉพาะบริเวณที่กระเบื้องแตกร้าว เป็นแหล่งที่เกิดความชื้นดึงดูดปลวกให้เดินเข้าบ้านมากัดกิน สร้างความเสียหาย

เป็นอย่างไรกันบ้างกับ  8 จุดเสี่ยง ปลวกกิน บ้านที่เราพาเดินดู ก็หวังว่าทุก ๆ คนจะหมั่นสังเกตตามจุดต่าง ๆ เหล่านี้ และทำการ ฉีดปลวก หรือ จ้างคนมากำจัดปลวก เพื่อไม่ให้วายร้ายเหิมเกริมบุกทำลายบ้านหลังงามของเราได้


17
รับผลิตครีม เครื่องสำอางตามมาตรฐานสากล
สำหรับผู้ที่กำลังสร้างแบรนด์ครีมแล้วตอนนี้กำลังมองหาโรงงานรับผลิตครีมเครื่องสำอางตามมาตรฐานสากลอยู่แต่ไม่รู้ว่าจะเลือกที่ไหนดีเราขอแนะนำที่ BeautyCosmet แห่งนี้เลยเพราะที่นี่ของเขาดีจริงแต่หากใครยังสงสัยอยากได้ข้อมูลเพื่อประกอบการตัดสินใจใช้บริการเราขออาสาพาไปทำความรู้จักเองรับรองว่าบอกให้อย่างหมดเปลือกเรื่องจริงไม่อิงนิยาย

บริษัทบิวตี้คอสเมตจำกัด(BeautyCosmet)เป็น โรงงานรับผลิตครีมเครื่องสำอาง เริ่มต้นในปี2558จากห้องแลปในมหาวิทยาลัยนเรศวรและรับออร์เดอร์มาเรื่อยๆจนกลายเป็นบริษัทเต็มตัวในปี2559ไม่ว่าจะสกินแคร์เกี่ยวกับผมหรือร่างกายทำได้หมดเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่กำลังสร้างแบรนด์โดยเฉพาะมีทั้งรับสูตรจากลูกค้าเพื่อสร้างเอกลักษณ์แบรนด์ต่อไปและพัฒนาสูตรให้สำเร็จพร้อมส่งงานวิจัยรองรับ

ความสามารถในการผลิตส่วนของการรับ ผลิตครีม จะเป็นงานด้านสกินแคร์ผมและร่างกายซึ่งมีทีมวิจัยและพัฒนาอยู่แล้วทำให้การลิตออกมาสมบูรณ์แบบน่าเชื่อถือโดยงานครีมที่รับผลิตจะมาพร้อมกับการทำวิจัยให้ด้วยถือเป็นการรองรับการใช้งานได้จริงส่วนผสมต่างๆที่นำมาใช้ผลลัพธ์ที่ระบุในผลิตภัณฑ์เป็นไปได้จริง และมีการยื่นจดทะเบียนกับสำนักคณะกรรมการอาหารและยา(อย.)ให้ด้วย(ในกรณีที่เป็นผลิตภัณฑ์ใหม่)รวมถึงออกแบบบรรจุภัณฑ์ให้อย่างสวยงามตามโจทย์ที่ลูกค้าต้องการ

การให้บริการ รับผลิตครีม เครื่องสำอางที่ว่าเริ่มจากการที่ลูกค้าให้ข้อมูลไว้กับฝ่ายขายทั้งที่มีสูตรมาเองแล้วหรือให้ช่วยพัฒนาสูตร(ค่าใช้จ่ายด้านพัฒนาสูตรอยู่ที่5,000บาท)จากนั้นให้ลูกค้าเลือกผลิตภัณฑ์เสร็จแล้วก็จะเสนอราคาลงลายมือชื่อในเอกสารและจ่ายค่าบริการร้อยละ70ทันทีหลังจากนั้นทางบริษัทจะดำเนินการตามขั้นตอนต่อไปภายใน1-2 เดือนก็สามารถรับผลิตภัณฑ์ไปวางจำหน่ายได้แล้ว

18
เกลือใช้กำจัดปลวกได้แบบไม่เหลือซาก
“เกลือ” เป็นเครื่องปรุงคู่บ้านคู่เรือนมาอย่างช้านาน หลาย ๆ เมนูจำเป็นต้องใช้เกลือปรุงรสอาหารเพื่อให้ได้ความเค็มตามต้องการ แต่ไม่ใช่แค่เอาไว้ใช้สำหรับเรื่องอาหารเพียงอย่างเดียวเท่านั้น เพราะเกลือนี่จัดเป็นวัตถุดิบสารพัดประโยชน์ที่นำไปใช้ประโยชน์ได้หลากหลาย บ้านไหนที่มีปลวกรบกวน และต้องการกำจัดปลวกด้วยวิธีแบบง่ายๆใกล้ตัวมองหาเกลือในครัวคุณเอาไว้ให้ดี เพราะนี่แหละคือทีเด็ดที่จะช่วยให้ปลวกต้องหายไปแบบไม่ต้องกลับมาอีก

เกลือวัตถุดิบธรรมชาติที่ใช้กำจัดปลวกได้แบบไม่เหลือซาก

อย่างที่บอกไปว่าเกลือเป็นสิ่งคู่บ้านคู่เรือน ดังนั้นถ้าหากพบว่าปลวกกำลังรบกวนชีวิตอันแสนสุขของคุณ ไม่ใช่เรื่องยากเลย มี วิธีกำจัดปลวก จะมาบอกนิดหน่อยก็คือ ปกติแล้วปลวกแม้จะกินเนื้อไม้เป็นอาหารแต่พวกมันก็จำเป็นต้องดำรงชีวิตอยู่ด้วยน้ำเช่นกัน เพราะน้ำจะทำให้โปโตซัวในร่างกายของพวกมันย่อยเนื้อไม้ที่กินเข้าไปได้ เมื่อไหร่ก็ตามที่น้ำรสชาติไม่ปกติก็จะไม่สามารถเกิดการย่อยดังกล่าว
วิธีคือให้นำเกลือผสมกับน้ำอุ่นในปริมาณเท่าๆกันคนให้ส่วนผสมทั้ง 2 อย่างเข้ากันได้อย่างดีตามด้วยการนำเอาสลิงฉีดยามาดูดน้ำเกลือดังกล่าวแล้วค่อยๆฉีดลงไปในบริเวณที่พบรังปลวกหรือพบเห็นว่ามีปลวกอยู่แถวๆนั้น

จากปฏิกิริยาที่บอกเอาไว้ก่อนหน้าคือปลวกจำเป็นต้องใช้ โปรโตซัว เเละน้ำในการย่อยสลายเนื้อไม้ที่กินเข้าไป โดยต้องเป็นน้ำเปล่าเท่านั้น คราวนี้เมื่อพวกมันเจอกับน้ำเค็มก็จะรู้ได้ทันทีว่าบริเวณนี้ไม่สามารถอยู่อาศัยได้อีกต่อไปเพราะน้ำเค็มจะไม่ย่อยอาหารที่กินพวกมันจะเริ่มปฏิบัติการย้ายถิ่นฐานเพื่อหารังใหม่เท่านี้ก็จะช่วยให้คุณ กำจัดปลวก ได้อย่างหมดจดชนิดว่าไม่ต้องฆ่าสัตว์ตัดชีวิตกันอีกด้วย

แนะนำอีกนิดคือวิธีนี้ไม่ใช่วิธีฆ่าพวกมันให้ตายดังนั้นการใช้เกลือจึงต้องใช้บ่อยๆเพื่อให้บรรดาปลวกทั้งหลายเกิดความเข้าใจผิดคิดว่าบริเวณบ้านของคุณมีแต่น้ำเค็มจนไม่สามารถอยู่อาศัยได้เมื่อพบบริเวณไหนก็ใช้วิธีนี้ได้เลยพวกมันจะหนีหายและไม่กลับมารบกวนอีกอย่างแน่นอน

จากสิ่งที่กล่าวมาทั้งหมดจึงพอสรุปได้ว่าการใช้เกลือกำจัดปลวกจัดเป็นอีกทางเลือกที่ดีทีเดียวนอกจากจะไล่ปลวกให้ออกจากบ้านของคุณได้ ยังไม่ถือเป็นการฆ่าสัตว์อีกด้วย แถมเกลือยังมีราคาถูกหาซื้อง่ายหลายๆบ้านซื้อมาทีเป็นห่อใหญ่ๆกว่าจะใช้หมดหลายเดือนดังนั้นเมื่อพบว่าบ้านของตนเองมีปลวกก็ให้รีบแก้ปัญหาด้วยวิธีนี้ได้เลยรับรองเห็นผลจริงสบายใจ


19
สร้างแบรนด์ครีมลงทุนเท่าไหร่
“คิดจะสร้างแบรนด์ครีมต้องใช้งบในการลงทุนเท่าไรนะ?”เชื่อว่าคนจำนวนไม่น้อยที่อยากลงทุนทำธุรกิจเกี่ยวแบรนด์ครีมก็คงจะเกิดความสงสัยเกี่ยวกับงบประมาณในการลงทุนซึ่งถือว่าเป็นเรื่องสำคัญเป็นอันดับต้นๆในการสร้างแบรนด์ว่าต้องมีการลงทุนเท่าไร ครีมที่ออกมาเป็นแบรนด์ของเราจะมีคุณภาพดีมากน้อยแค่ไหนบ้างไม่ต้องไปหาคำตอบที่ไหนไกลเพราะเราขอแนะแนวต้นทุนการสร้างแบรนด์ครีมให้กับทุกๆคนถ้าพร้อมแล้วไปดูกันเลยสิ่งที่บ่งบอกว่าเราต้องใช้งบลงทุนมากน้อย

1.ส่วนผสมในครีมของเรา
เริ่มจากการเลือกส่วนผสมซึ่งมีหลายเกรดหลายราคามากให้เราได้เลือกใช้ตั้งแต่หลักพันต่อกิโลกรัมไปจนถึงหลักหมื่นต่อขีดแต่ทั้งนี้ก็เป็นไปตามคุณภาพด้วยเช่นกันอย่างครีมเกรดต่ำราคาส่วนผสมที่เราต้องซื้อก็จะอยู่ที่หลัก1-3พันบาทครีมเกรดปานกลางราคาส่วนผสมที่เราต้องซื้อก็จะอยู่ที่หลัก5-8พันบาทส่วนครีมเกรดดีเริ่ด
ราคาส่วนผสมที่เราต้องซื้อก็จะอยู่ที่หลักหมื่นบาทขึ้นไปเรื่อยๆมีผลต่อราคาขายออกตลาดด้วยเช่นกัน

2.ลักษณะบรรจุภัณฑ์
คุณภาพครีมไปแล้วมองข้ามไม่ได้เลยก็คือบรรจุภัณฑ์ที่เราเลือกไม่ว่าจะแบบซอง แบบหลอด แบบกระปุกการเลือกใช้วัสดุต่างๆเหล่านี้ต้นทุนก็จะต่างกันออกไป
ยิ่งเป็นบรรจุภัณฑ์ที่แข็งแรงบวกกับการออกแบบสวยงามน่าใช้ก็จะยิ่งใช้เงินในการลงทุนสูง

3.จำนวนการผลิตครีม
ต้นทุนในการสร้างแบรนด์ครีมนอกจากส่วนผสมในครีมลักษณะบรรจุภัณฑ์แล้วก็ยังมีจำนวนการผลิตครีมด้วย เพราะหากเราตั้งใจจะผลิตครีมเยอะๆราคาการลงทุนก็จะถูกลง แต่กลับกันหากเราอยากลองผลิตก่อนลดราคาการลงทุนย่อมสูงเป็นเรื่องปกตินอกจากนี้*
ยังมีค่าใช้จ่ายในเรื่องของค่าจดแจ้งเลขทะเบียนผลิตภัณฑ์กับทางอย. ค่าโฆษณา การตลาด การรีวิวจ้างพรีเซนเตอร์ ฯลฯ ล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่ต้องลงทุนด้วยเหตุผลทั้งหมดทั้งมวลในการสร้างแบรนด์ครีม

จึงเป็นไปได้ว่าเราต้องมีเงินทุนหลักหมื่นบาทขึ้นไปจนถึงหลักแสนซึ่งจะได้ครีมคุณภาพปานกลางไปจนถึงครีมคุณภาพสูงนั่นเองที่สำคัญโรงงานผลิตครีมก็มีมากแล้วด้วยลองหาข้อมูลเปรียบเทียบแต่ละโรงงานให้มากที่สุดเพื่อเป็นทางเลือกในการผลิตครีมของเราดีไม่ดีอาจช่วยลดต้นทุนได้เยอะกว่าที่คิดเอาไว้(สามารถศึกษาเพิ่มเติมการวางเเผนคำนวณต้นทุนต่างๆได้)
สำหรับใครที่สงสัยในเรื่องงบการลงทุน สร้างแบรนด์ครีม หลังจากนี้ก็คงจะเข้าใจหายสงสัยพร้อมเริ่มต้นทำธุรกิจได้อย่างสบายใจกันแล้วซึ่งหากใครอยากนำข้อมูลดีๆนี้ไปบอกต่อได้เลยนะ เรายินดี
ติดต่อ โรงงานผลิตครีม สอบถามข้อมูล บริการรับผลิตครีม,ผลิตอาหารเสริม ได้ที่นี่

20
กำจัดปลวกด้วยปูนขาว ได้จริงหรือไม่ ?
ปูนขาวเป็นวัตถุดิบอีกประเภทที่คนไทยคุ้นเคยกันมานาน หลัก ๆ แล้วเกษตรกรจะใช้เพื่อทำการปรับหน้าดินและสารอาหารในดินในกรณีที่มีความเป็นกรดหรือด่างมากจนเกินไปให้ค่าดินกลับมาเป็นกลาง
วิธีนี้จะช่วยให้ปลูกพืชได้ง่ายขึ้น มีสารอาหารไปหล่อเลี้ยงพืชได้อย่างเพียงพอ รวมถึงต้นไม้ต่าง ๆ เจริญเติบโตได้ดี อย่างไรก็ตามมีหลายคนสงสัยว่าการใช้ปูนขาวจะสามารถ กำจัดปลวก ได้หรือไม่ และยังไม่เคยมีใครออกมายืนยันถึงวิธีนี้

รู้จักกับปูนขาว ที่ว่ากันว่าจะใช้กำจัดปลวก
ประโยชน์หลัก ๆ ของปูนขาวที่เรามักเห็นกันบ่อย ๆ ก็คือการนำไปเป็นส่วนผสมปูนฉาบ, ปรับคุณภาพและค่าของดินให้เป็นกลาง, แก้ปัญหาน้ำเป็นกรด รวมถึงใช้เป็นส่วนผสมในอุตสาหกรรมประเภทต่าง ๆ เช่นงานกระดาษ เซรามิก, โซดาไฟ, สารฟอกขาว เป็นต้น

แล้วปูนขาวช่วยกำจัดปลวก ได้จริงหรือไม่?
ยังไม่มีการยืนยันออกมาชัดเจนว่าปูนขาวสามารถใช้กำจัดปลวกได้มากน้อยแค่ไหน อีกทั้งยังไม่มีใครที่ทดลองทำหรือมีงานทดลองออกมาว่าปูนขาวสามารถกำจัดปลวกได้จริง
บางคนที่ใช้งานแล้วพบว่ามีส่วนในการไล่ปลวกออกไปได้จริงเนื่องจากตัวปูนขาวมีความเปรี้ยว ปลวกไม่ชอบ แต่อีกทางก็บอกว่าปูนขาวจะเป็นวัตถุที่มีค่า PH สูงเกิน 7.0 พูดง่าย ๆ ก็คือจะมีความเป็นด่างสูงมาก ซึ่งเมื่อลองไปเช็คกับค่าดินที่มีค่า PH สูงในระดับใกล้เคียงกัน
ตั้งแต่พื้นหน้าดินลงไปถึงพื้นดินด้านล่าง ส่วนมากบริเวณนั้นอาจเคยเป็นรังปลวกหรือจอมปลวกมาก่อน จากตรงนี้จึงอาจเป็นข้อโต้แย้งได้ว่าสรุปแล้วปูนขาวสามารถกำจัดปลวกได้จริงแค่ไหน
ดังนั้นเพื่อความสบายใจก็อาจลองใช้วิธีอื่นในการ กำจัดปลวก แทนก็ได้ หรือใครจะลองจ้าง บริษัทกำจัดปลวก เข้ามาใช้บริการก็ถือเป็นวิธีที่ดีเพราะจะมีทีมงานผู้เชี่ยวชาญมาจัดการให้กับคุณแบบถอนรากถอนโคน หมดกังวลว่าปลวกจะทำร้ายบ้านของคุณได้เลย

21
สิ่งที่ต้องรู้เมื่อจะสร้างแบรนด์ครีมกันแดด
ในหมู่มวลคนทำธุรกิจครีมกันแดดเป้าหมายที่สำคัญคงเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจากความสำเร็จของแบรนด์ ที่ในปัจจุบันมีหมู่มวลหลายต่อหลายแบรนด์เลือกขายครีมกันแดด และการที่จะต่อสู้เป็นหนึ่งในตลาดครีมกันแดดทำผลกำไรงอกงามให้ได้เห็นนั้น การศึกษาสิ่งที่ต้องรู้เมื่อจะ สร้างแบรนด์ครีม กันแดดจึงเป็นเรื่องที่ไม่ควรละเลยแล้วถ้าคุณเป็นหนึ่งในหมู่มวลแบรนด์ครีมกันแดดที่อยากประสบความสำเร็จอย่ามัวรอช้าตามเรามาเลย

1.ศึกษาคู่แข่งแบรนด์ครีม
ผลงานวิจัยจากนิตยสารMarketerพบว่าครีมกันแดดตอนนี้มีLocal Brandอยู่ที่ 30%-40%และมีผลการผลรวมอยู่มูลค่ากว่า 4,000ล้านบาท
ซึ่งนี่คือการศึกษาคู่แข่งเพื่อให้เรารู้ถึงพฤติกรรมตลาดแบรนด์การันตีว่าสามารถเป็นหนึ่งในคนสร้างแบรนด์ครีมได้ และการที่เรารู้จำนวนคู่แข่งจะช่วยให้การวางแผนสร้างแบรนด์เป็นไปอย่างรอบคอบ

2.วางแผนสร้างครีมกันแดดดีมีชัยไปกว่าครึ่ง
ด้วยความที่ประเทศของเราต้องเจอะเจอกับมลภาวะแสงแดดอยู่แทบทั้งปีจึงเป็นผลิตภัณฑ์ที่ผู้บริโภคต้องการและก็มีคู่แข่งเปิดขายอยู่หลายเจ้าเช่นกัน
การวางแผน สร้างครีมกันแดดก่อนที่จะมาสู้คู่แข่งเช่นประสิทธิภาพของค่า PA กับ SPF มากเท่าไรจึงจะเป็นที่ต้องการ ช่วยเพิ่มยอดขายของเรานั่นเอง

3.สร้างจุดเด่นให้กับแบรนด์
อย่างที่บอกว่าเรามีคู่แข่งการสร้างแบรนด์ประเภทนี้อยู่มากพอสมควร
เราจึงควรสร้างจุดเด่นที่แตกต่างเป็นอะไรได้มากกว่าของคู่แข่งไม่ว่าจะเป็นทั้งครีมกันแดดด้วยทั้งรองพื้นด้วเป็นทั้งครีมกันแดดด้วยปกปิดริ้วรอยด้วย เป็นทั้งครีมกันแดดด้วยแต่ก็ไม่ให้ความชุ่มชื้นด้วยจะช่วยให้แบรนด์ของเรามีเอกลักษณ์ คนชื่นชอบใช้งาน เกิดความประทับใจซื้อใช้ซ้ำ ๆ

4.อย่ากลัวที่จะเริ่มต้น
นี่ก็เป็นอีกสิ่งที่เราต้องรู้ว่าเราต้องไม่กลัวที่จะเริ่มต้น เราอาจจะเห็นว่าต่างประเทศมีแบรนด์ครีมมาเยอะแยะวางขายในไทยเราจะไปสู้อะไรได้จริงๆแล้วอยากให้เปลี่ยนความคิด

เพราะการที่เราสร้างแบรนด์ครีมกันแดดที่ไทยย่อมได้ผลลัพธ์ต่อผิวที่ดีกว่าเพราะอะไรครีมของเราได้รับการทดสอบมาแล้วว่าเหมาะกับสภาพอากาศของประเทศสูตรที่คิดค้นก็พัฒนามาเพื่อคนไทยทั้งนั้นจึงอย่ากลัวไปเลย

ทั้งหมดนี้ก็เป็นสิ่งที่ต้องรู้เมื่อจะสร้างแบรนด์ครีมกันแดดซึ่งทางเราก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่าทุกคนที่ตั้งใจลงมือทำจะสามารถก้าวผ่านอุปสรรคและประสบความสำเร็จในธุรกิจของตนเองไปอย่างภาคภูมิใจ
สามารถติดต่อ โรงงานผลิตครีม ศึกษาหาข้อมูล บริการรับผลิตครีม ได้ที่นี่


22
วิธีกำจัดปลวกให้หมดจากบ้าน
[/url]
อย่างที่หลาย ๆ คนพอรู้กันดีว่าแมลงเม่าคือ ปลวก ประเภทหนึ่งที่อยู่ในระยะของการสืบพันธุ์ เท่ากับว่าเมื่อไหร่ก็ตามที่คุณเปิดไฟแล้วมีแมลงเม่าเหล่านี้บินมาเกาะนั่นหมายถึงบริเวณนั้นกำลังเจอปัญหา ปลวก เล่นงานแน่ ๆ เท่ากับว่าหากคุณกำลังเจอแมลงเม่าคุกคามสิ่งที่ต้องทำคือรีบจัดการพวกมันให้หมดสิ้นไปเสียก่อนที่จะกลายเป็น ปลวก มารุกรานคุณในภายหลัง

พื้นฐานอย่างหนึ่งของการ กำจัดปลวก คือ เมื่อเจอแมลงเม่าต้องทำให้พวกมันกลับบ้านเก่าไปเสียก่อน วิธีง่าย ๆ คือ เริ่มจากเปลี่ยนหลอดไฟจากสีขาวมาเป็นสีส้มนวล เนื่องจากพวกแมลงต่าง ๆ จะไม่ค่อยชอบสีแบบนี้เท่าไหร่นัก สังเกตว่าระหว่างหลอดไฟสีขาวกับสีส้ม สีขาวจะเต็มไปด้วยแมลงเม่าแต่สีส้มจะสว่างสดใส ไม่มีแมลงอะไรมาตอมเท่าไหร่

อีกวิธีในการไล่แมลงเม่า ตัวการสำคัญที่จะทำให้ ปลวกขึ้นบ้าน ก็คือ ให้รองน้ำใส่กะละมังแล้วมาตั้งเอาไว้ด้านล่างของหลอดไฟที่มีแมลงเม่าไปบินเกาะอยู่ เมื่อไหร่ก็ตามที่พวกมันสลัดปีกจะตกลงน้ำแล้วตายลง เป็นวิธีไม่ให้กลายเป็น ปลวก แล้วเดินไปกัดแทะทำลายบ้านของคุณได้นั่นเอง

หลายคนคิดว่า แมลงเม่า คือ ปลวก ที่แก่และใกล้ตายแล้ว ทว่าในความเป็นจริงมันคือจุดเริ่มต้นของการทำลายบ้านของคุณนั่นเอง อยาก กำจัดปลวก ก็ต้องเริ่มต้นจากการไม่แมลงเม่าตัวร้ายเหล่านี้ให้หมดไปจากบ้านของคุณเสียก่อน ไม่อย่างนั้นรับรองได้ว่า กองทัพ ปลวก จะบุกบ้านของคุณชนิดที่ทำให้คุณต้องปวดหัวกันเลยทีเดียว สนใจสามารติดต่อทาง บริษัทกำจัดปลวก ได้เลย

หน้า: [1]