ThaiFranchiseCenter Webboard

ThaiFranchiseCenter Webboard - Info Center

* สมัครสมาชิกเว็บบอร์ด ไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ ฟรี! *
หน้าแรก | เปิดร้านค้าฟรี! | โปรโมชั่นแฟรนไชส์ | ร้านหนังสือออนไลน์ | สนใจลงโฆษณา

ทางเว็บไซต์ ThaiFranchiseCenter.com ไม่มีส่วนรับผิดชอบกับข้อความต่างๆในเว็บบอร์ดแต่อย่างใด
    ไม่ว่าจะเป็นการซื้อ-ขาย-เช่า-เซ้ง หรือ อื่นๆ (ผู้ซื้อ หรือ ผู้ขาย กรุณาใช้วิจารณญาณในการติดต่อทางธุรกิจ)


แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - อธิติยา

หน้า: 1 2 3 4 [5] 6 7 8
201
รู้ยัง iPhone 13 ใหม่ล่าสุด เปิดตัวแล้วพร้อมฟีเจอร์ใหม่ ในราคาสัมผัสได้
ใหม่แกะกล่อง พร้อมสเปก iPhone 13 All Series ที่พึ่งเปิดตัวพร้อมกันทั่วโลกเมื่อวันที่ 14 กันยายนที่ผ่านมา โดยจุดเด่นของไอโฟนรุ่นนี้คาดว่าจะเน้นไปที่กล้องถ่ายรูป ทั้งในโหมดภาพถ่ายปกติและวิดีโอ พร้อมโหมดการจัดแสงภาพถ่ายบุคคลพร้อมเอฟเฟกต์ ที่มีให้เลือกใช้งาน 6 แบบ ได้แก่ แสงไฟธรรมชาติ, แสงไฟเวที, แสงไฟสตูดิโอ, แสงไฟคอนทัวร์, แสงไฟขาวดำไฮคีย์, แสงไฟเวทีขาวดำ ที่มาพร้อม Sensor‑shift ในทุกรุ่น (เดิมมีแค่ในรุ่น Pro Max)
ขนาดหน้าจอคงเดิม เพิ่มเติมคือรอยบากด้านหน้าเล็กลง เพิ่มความทนทานด้วยเซรามิกชิลด์ที่ได้รับการตอบรับเป็นอย่างมาก พร้อมสีสันโฉมใหม่ ลดใสกว่าเดิม โดย iPhone 13 Mini & iPhone 13 จะมีด้วยกัน 5 สีได้แก่ Starlight, Midnight, Blue, Pink และ Red  ในส่วนของ iPhone 13 Pro และ Pro Max จะมีสีที่ Soft ลง แต่คงไว้ 4 สี ที่สวยงามได้แก่ Gold, Silver, Sierra Blue และ Graphite
แรง ไม่มีลิมิตกับชิปประมวลผลตัวแรงแห่งยุคอย่าง A15 Bionic ที่มีด้วยกันถึง 6 Core แบ่งเป็น 2 Core ประสิทธิภาพและ 4 Core ประหยัดพลังงาน เล่นเกมไหลลื่น และ iPhone 13 Pro และ iPhone 13 Pro Max (เพิ่มเติมที่ : ) ยังไหลลื่นกว่าเดิมด้วย GPU 5 Core พร้อม Refresh Rate 120Hz
แรงขึ้น เร็วขึ้นด้วยระบบเนตเวิร์คใหม่ด้วย ชิป 5 G รุ่นใหม่ล่าสุด รองรับย่านสัญญาณความถี่ได้มากที่สุด พร้อมให้คุณมาสัมผัสประสบการณ์ความแรงก่อนใคร รองรับการใช้งาน Wifi ด้วย Wi Fi 6 มาตรฐาน 802.11ax ทำให้การเล่นเกม สตรีมเกม ดูซีรีส์ได้แบบไม่มีสะดุด แถมไหลลื่นกว่าเดิมหลายเท่า
แบตเตอรี่ใหญ่ขึ้น อึดขึ้น แต่ความหนาของตัวเครื่องแทบจะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ความจุภายในเครื่องเริ่มต้น 128GB ทุกรุ่น จะไม่มีรุ่น 64GB แต่รุ่นใหญ่พิเศษที่ความจุสูงสุด 1TB ทำให้บันทึกภาพวิดีโอ 4K ได้อย่างจุใจ พร้อมราคาดังนี้
-   iPhone 13 Mini ราคา 25,900 บาท/128 GB, 29,900 บาท/256 GB, 37,900บาท/512 GB
-   iPhone 13 ราคา 29,900 บาท/128 GB, 33,900 บาท/256 GB, 41,900บาท/512 GB
-   iPhone 13 Pro ราคา 38,900 บาท/128 GB, 42,900 บาท/256 GB, 50,900บาท/512 GB, 58,900 บาท/1TB
-   iPhone 13 Pro Max ราคา 42,900 บาท/128 GB, 46,900 บาท/256 GB, 54,900บาท/512 GB, 62,900 บาท/1TB
iPhone 13 All Series พร้อมให้คุณเป็นเจ้าของแล้ว โดยสามารถลงทะเบียนจองซื้อได้ในวันที่ 1 ตุลาคม 2564 เปิดจำหน่ายพร้อมกันทั่วประเทศวันที่ 8 ตุลาคม ในส่วนของโปรโมชัน iPhone 13 จะราคาเป็นอย่างไรต้องรอลุ้น คาดว่าคงเร็ว ๆ นี้อย่างแน่นอน
ที่มาของข้อมูล
-   https://www.apple.com/
-   https://www.apple.com/th/

202
         วันนี้เราได้ทำการรวมเทคนิคการผ่อนบ้านให้คุณสามารถประหยัดค่าดอกเบี้ยไปได้โดยแยกออกเป็น 4 หมวดหมู่ดังนี้

ผ่อนให้มากกว่าขั้นต่ำ
         การจ่ายมากกว่าค่างวดในสัญญาเป็นเทคนิคที่ง่ายและได้ผลดีซึ่งหลาย ๆ คนน่าจะรู้กันอยู่แล้ว แต่ยังมีเทคนิคง่าย ๆ ที่ทำให้การผ่อนบ้าน ของเรานั้นเสียดอกเบี้ยน้อยลงโดยไม่ส่งผลกระทบกับชีวิตเรา โดยเราจะมาแนะนำ 2 เทคนิคย่อย ดังนี้

Round up : หากยอดผ่อนของคุณเป็นเศษอยู่ เช่น 7,700 บาท ให้ปัดตัวเลขขึ้นเป็น 8,000 บาท หรือ 28,000 บาท ให้ปัดตัวเลขขึ้นเป็น 30,000 บาท เป็นต้น คุณสามารถทำการเลือกปัดได้ไม่ว่าจะเป็นหลักร้อยหรือหลักพันก็ได้ แต่จำเอาไว้ว่าหากคุณเลือกหลักที่มีค่ามากขึ้นจะยิ่งทำให้คุณเสียดอกเบี้ย สินเชื่อบ้านจากKTBที่อยู่อาศัย น้อยลง

Raise Up : เมื่อคุณได้รับเงินเพิ่มขึ้นไม่ว่าจะเป็นเงินเดือนที่เพิ่มขึ้นหรือเงินโบนัส ให้นำมาโปะบ้านที่คุณกำลังผ่อนอยู่ ซึ่งวิธีนี้จะช่วยให้คุณสามารถสู้กับอัตราเงินเฟ้อได้

การรีไฟแนนซ์
         ถึงแม้การรีไฟแนนซ์จะช่วยให้เรามีโอกาสเปลี่ยนเจ้าหนี้ที่ให้ดอกเบี้ยที่ถูกลงแต่ก็มาพร้อมกับข้อเสีย เช่น ใช้ระยะเวลาดำเนินการและมีค่าใช้จ่าย เป็นต้น ดังนั้นก่อนที่จะดำเนินการควรทำการเปรียบเทียบให้ดีซะก่อนเพื่อที่จะมั่นใจได้ว่าคุณจ่ายเงินถูกลง อย่างไรก็ตามถ้าหากวัตถุประสงค์ของคุณคือลดเวลาในการผ่อน เช่น จาก 30 ปี เป็น 15 ปี ถือเป็นจังหวะที่เหมาะสมเพราะคุณจะได้อัตราดอกเบี้ยที่ต่ำในช่วง 2 - 3 ปีแรกของการรีไฟแนนซ์ สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย

รีบโปะเพิ่มในช่วงอัตราดอกเบี้ยต่ำ
         ในช่วง 3 ปีแรกของการ ผ่อนบ้าน ธนาคารมักจะคิดอัตราดอกเบี้ยที่ค่อนข้างต่ำตามโปรโมชันของทางธนาคาร หากคุณพยายามโปะในช่วงนี้จะทำให้เกิดจากลดต้นลดดอกที่รวดเร็วกว่าการโปะในช่วงอื่น โดยการเพิ่มเป็นจำนวนเงินที่ไม่มากในแต่ละเดือนตามกำลังที่ไหวก่อนแล้วค่อยเพิ่มให้มากที่สุดก่อนที่จะหมดช่วงโปรโมชัน เพื่อที่จะได้ไม่ลำบากตอนที่ถูกคิดดอกเบี้ยในอัตราปกติ
 
ติดตามข่าวสารและมองหาโปรโมชันอยู่เสมอ
         หลายธนาคารมักจะมีโปรโมชันการปล่อย สินเชื่อที่อยู่อาศัย เฉพาะของแต่ละช่วงเวลา คุณจะต้องทำการติดตามข่าวสารเอาไว้ให้ดีเพราะโปรโมชันเหล่านี้มักเป็นที่ต้องการมาก หากคุณช้าจะทำให้คุณพลาดโอกาสดี ๆ ที่จะลดภาระทางการเงินของคุณได้

   โดยสรุปการผ่อนบ้านมากกว่าขั้นต่ำที่ธนาคารกำหนดการรีไฟแนนซ์เพื่อขอลดดอกเบี้ยหรือระยะเวลา การเร่งโปะในช่วงอัตราดอกเบี้ยต่ำและการติดตามข่าวสารและโปรโมชันต่าง ๆ อยู่เสมอเป็นเทคนิคที่ช่วยให้คุณไม่พลาดโอกาสในการประหยัดดอกเบี้ยที่คุณต้องจ่ายออกไป  อย่าลืมศึกษาเรื่องการกู้เงินสร้างบ้าน (เพิ่มเติม: https://krungthai.com/th/personal/loan/housing-loan/19) ด้วยล่ะ เพื่อที่จะได้กู้ปลูกบ้านพักอย่างสบายใจ

ที่มาข้อมูล
https://www.krungsri.com/th/plearn-plearn/home-installment-10yrs
https://www.whitecoatinvestor.com/10-ways-to-pay-off-a-mortgage-quickly/
https://www.yourmortgage.com.au/home-loan-guide/24-ways-to-get-the-mortgage-monkey-off-your-back-faster/77843/
https://www.yourmortgage.com.au/home-loan-guide/24-ways-to-get-the-mortgage-monkey-off-your-back-faster/77843/
https://blog.ghbank.co.th/7-ways-for-home-installment/

203

   ในสภาวะการณ์โรคระบาดโควิด-19 ธุรกิจขนาดย่อย SME จำนวนมากต้องหยุดชะงักกับนโยบายล็อกดาวน์ ป้องกันการแพร่ขยายของโรค การปรับเปลี่ยนกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจเป็นมาตรการเร่งด่วนในการฟื้นฟูกิจการให้ดำเนินต่อไป โดยเงินทุนหมุนเวียนในธุรกิจ คือปัจจัยสำคัญที่จะให้ธุรกิจดำเนินต่อไปได้ เราจึงมีแนวทางการศึกษาหาแหล่งเงินทุนและวิธีการเพิ่มเงินทุนในระบบธุรกิจมาแนะนำ ดังนี้
   เงินทุนหมุนเวียน คือ เงินทุนที่ธุรกิจต้องใช้หมุนเวียนในการดำเนินงานก่อนที่ธุรกิจจะได้รับเงินสดจากการขายสินค้าและบริการ หรือเป็นเงินสำหรับชำระหนี้จากลูกหนี้การค้า หรือเป็นเงินทุนที่ธุรกิจต้องมีสำรองไว้ใช้หมุนเวียน ในการชำระค่าสินค้า วัตถุดิบ หรือชำระหนี้ คืนเจ้าหนี้การค้า รวมถึงค่าใช้จ่ายดำเนินงานต่าง ๆ จนกว่ากิจการจะได้รับเงินสดจากการขายสินค้าหรือบริการ หรือรับชำระเงินจากลูกหนี้การค้า เพื่อให้เกิดสภาพคล่อง (คำนิยามโดย ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย : 2019)
   วิธีการคำนวณหาจำนวนเงินทุนหมุนเวียนแบบง่าย ๆ โดยศึกษาจากตัวอย่าง ธุรกิจร้านอาหาร วิธีการคำนวณโดยนำค่าต้นทุนของวัตถุดิบทั้งหมด เช่น วัตถุดิบทั้งอาหารสดและอาหารแห้ง, จาน, ช้อน, โต๊ะ, อุปกรณ์ทำความสะอาด เป็นต้น ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นวัตถุดิบสำหรับขายในหนึ่งวัน ต้นทุนวัตถุดิบทั้งหมดอยู่ที่ 25,000 บาท หากขายของทั้งหมดในหนึ่งวันได้ยอด 50,000 บาท หมายความว่าต้นทุนอยู่ที่ 50% หมายความว่า จำนวนเงินทุนหมุนเวียนในหนึ่งวันที่เราต้องมีสำรองไว้คือ 25,000 บาท และในหนึ่งเดือนควรมีเงินทุนหมุนเวียนเท่ากับ 750,000 บาท (ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย : 2019)
   แหล่งสินเชื่อเพื่อการลงทุนหรือเงินทุนหมุนเวียน เพื่อธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมของธนาคารไทยพาณิชย์ที่จะมาแนะนำนี้ เป็นผลิตภัณฑ์สินเชื่อเงินทุนหมุนเวียนที่เลือกมาเพียงบางส่วน ที่อยากให้เห็นความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ที่ควรศึกษาและเลือกให้เหมาะสมตามธุรกิจ ดังนี้
1.   สินเชื่อธุรกิจมณีทันใจ เป็นสินเชื่อ sme (เพิ่มเติมที่ : https://www.scb.co.th/th/sme-banking/business-loan.html ) ไม่มีหลักทรัพย์ สมัครง่าย ไม่ต้องใช้เอกสาร รู้ผลอนุมัติไวใน 5 นาทีผ่านแอป SCB EASY เหมาะสำหรับนักธุรกิจค้าขายออนไลน์ยุคใหม่ ที่รับเงินผ่านธนาคารไทยพาณิชย์ วงเงินกู้สูงสุด 300,000 บาท ผ่อนนานสูงสูด 36 เดือน
2.   สินเชื่อธุรกิจนิติบุคคลบัญชีเดียวแบบไม่ใช้หลักประกัน เป็นสินเชื่อ sme ไม่มีหลักทรัพย์ไม่ต้องใช้เอกสาร รู้ผลอนุมัติไวผ่านแอป SCB EASY เช่นเดียวกับสินเชื่อธุรกิจมณีทันใจ เพียงเพิ่มคุณสมบัติของผู้สมัครว่าต้องเป็นนักธุรกิจนิติบุคคลที่มีการนำส่งงบการเงินปีล่าสุดให้สรรพากรและมีรายได้รวมไม่เกิน 75 ล้านบาทต่อปี วงเงินสูงสุด 5 ล้านบาท ผ่อนนานสูงสุด 6 ปี
3.   สินเชื่อเงินทุนหมุนเวียน เงินเบิกเกินบัญชี (O/D) เป็นสินเชื่อเพื่อเสริมสภาพคล่องในธุรกิจขนาดกลาง และขนาดย่อย เป็นบริการสินเชื่อเพื่อการลงทุนเงินเบิกเกินบัญชีที่สามารถเบิกถอนได้เกินกว่ายอดเงินคงเหลือในบัญชีเดินสะพัด สะดวกในการเบิกจ่ายได้หลายช่องทาง เช่น เช็ค บัตรเครดิต หรือบัญชีธนาคาร ชำระดอกเบี้ยเฉพาะยอดเงินที่เบิกเกินบัญชีเท่านั้น
เคล็ดลับการหาแหล่งเงินทุนหมุนเวียนคือ การเลือกผลิตภัณฑ์สินเชื่อที่สอดคล้องกับธุรกิจเรา ตัวอย่างเช่น จำนวนเงินทุนหมุนเวียนของธุรกิจที่มีขนาดกลางและธุรกิจขนาดย่อย มียอดเงินทุนหมุนเวียนไม่เท่ากัน คุณสมบัติในการกู้ก็แตกต่างกัน ดังนั้น ผลิตภัณฑ์ของสินเชื่อที่เลือกใช้ก็ย่อมต่างกัน หรือการเลือกใช้สินเชื่อ SME แบบที่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน หรือสินเชื่อ sme ไม่มีหลักทรัพย์ก็มีความแตกต่างกัน หากต้องการยอดเงินกู้จำนวนสูง การเลือกกู้แบบมีหลักทรัพย์ค้ำประกันก็จะได้อัตราดอกเบี้ยที่ถูกกว่าสินเชื่อแบบไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน อีกทั้งมีระยะเวลาผ่อนนานขึ้น และการพิจารณาอนุมัติของธนาคารก็ง่ายกว่าด้วย

ที่มาข้อมูล
-   https://www.facebook.com/985820164804495/posts/2500864896633340/
-   https://www.scb.co.th/th/sme-banking/business-loan.html

204

ในยุคนี้ไม่ว่าใครต่างก็ต้องการเป็นเจ้าของสมาร์ทโฟนคู่ใจดี ๆ สักเครื่อง และเมื่อไม่นานมานี้ แบรนด์ยักษ์ใหญ่อย่าง Apple ก็เพิ่งได้เปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นล่าสุด โดยมีรุ่นสูงสุด คือ iPhone 12 Pro Max ที่จัดฟีเจอร์มาให้สาวก Apple ได้เป็นเจ้าของสมาร์ทโฟนแบบโปร ๆ และสำหรับใครที่ต้องการเป็นเจ้าของไอโฟนรุ่นนี้ ห้ามพลาดโอกาสดี ๆ เพราะวันนี้เอไอเอสจัดโปรโมชั่น iPhone 12 Pro ราคาดีที่สุด ซึ่งคนรักฟีเจอร์เด็ดไม่ควรพลาด
เป็นเจ้าของสมาร์ทโฟนสุดโปรอย่าง iPhone 12 Pro โดยเจ้าเครื่องนี้มาพร้อมฟีเจอร์ล้ำ ๆ ใกล้เคียงกับรุ่นท็อปอย่าง iPhone 12 Pro Max เพราะมาพร้อมชิปที่ขึ้นชื่อเรื่องความเร็ว ความแรง และประสิทธิภาพสูง ทำให้สามารถรับส่งข้อมูล ภาพ และวิดีโอได้อย่างรวดเร็ว ดาวน์โหลดข้อมูลต่าง ๆ ได้แบบไม่ต้องรอนาน นอกจากนี้ หน้าจอก็มีการออกแบบมาได้ชัดเต็มตา ขนาดหน้าจอ 6.1 นิ้ว ทนทานยิ่งกว่าเดิม เพราะมาพร้อมเทคโนโลยีช่วยป้องกันการกระแทกได้มากกว่าเดิมถึง 4 เท่า นี่จึงเป็นอีกหนึ่งสมาร์ทโฟนประสิทธิภาพเยี่ยมที่ไม่ควรพลาดเป็นเจ้าของ
ตอกย้ำความเร็วและความแรงของไอโฟนรุ่นนี้ให้ประสิทธิภาพเหนือกว่าเดิม เมื่อเลือกใช้งานเครือข่ายเอไอเอส เพราะเอไอเอสจัดเต็มเทคโนโลยี 5G พร้อมให้ทุกคนสัมผัสประสบการณ์ความเร็ว ความแรง บนเครือข่ายที่มีคลื่นมากที่สุดในประเทศไทย เพราะฉะนั้น ลูกค้าเอไอเอสจะได้ประสบการณ์ใหม่ที่เหนือกว่าทั้งการรับชมภาพยนตร์ ฟังเพลง รวมถึงการรับส่งข้อมูลต่าง ๆ ซึ่งบอกเลยว่าต้องประทับใจอย่างแน่นอน
สำหรับโปรโมชันโดนใจที่เอไอเอสจัดให้สำหรับลูกค้าที่ต้องการเป็นเจ้าของ iPhone 12 Pro ราคาดีที่สุดคือ ส่วนลดเครื่องเปล่าสูงสุด 16,400 บาทสำหรับลูกค้าเอไอเอส และสำหรับลูกค้าย้ายค่ายเบอร์เดิมหรือเปิดเบอร์ใหม่กับเอไอเอส ก็สามารถเป็นเจ้าของได้ในราคาเริ่มต้นเพียง 26,100 บาทเท่านั้น
นอกจากโปรโมชันดี ๆ จากเอไอเอสแล้ว ยังมีดีลสุดเจ๋งจากธนาคารร่วมรายการ และดีลที่ดูล่อตาล่อใจมากเป็นพิเศษ ต้องยกให้กับโปรโมชันผ่อน iPhone เพราะสามารถผ่อน 0 เปอร์เซ็นต์ นานสูงสุด 40 เดือน ทำให้เป็นเจ้าของไอโฟนง่ายยิ่งขึ้น และนอกจากโปรโมชันผ่อน iPhone แล้ว ยังสามารถใช้คะแนนสะสมเพื่อแลกรับเครดิตเงินคืนสูงสุด 7,800 บาท และหากสมัครแพ็กเกจตามเงื่อนไขที่กำหนด ยังอาจได้รับสิทธิ์เอไอเอส เซเรเนด และสิทธิ์ชม Youtube Premium นานถึง 6 เดือน ดังนั้น ก่อนตัดสินใจซื้อ ก็อย่าลืมเช็กสิทธิพิเศษดี ๆ เพื่อให้ได้เป็นเจ้าของดีลสุดคุ้มค่า
เมื่อเอไอเอสจัดให้แล้วกับ iPhone 12 Pro ราคาดีที่สุด พร้อมสิทธิพิเศษดี ๆ บนเครือข่าย 5G ที่เหนือกว่าใคร เพราะฉะนั้นใครที่ต้องการเป็นเจ้าของไอโฟนรุ่นล่าสุดก็ได้เวลาตัดสินใจแล้ว พร้อมโปรโมชันดี ๆ จากเอไอเอส โดยสามารถซื้อสมาร์ทโฟนได้ที่ร้านเอไอเอสหรือสามารถช้อปออนไลน์ เพียงเท่านี้คุณก็ได้จะเป็นเจ้าของสมาร์ทโฟนที่เร็วและแรงที่สุดบนเครือข่ายคุณภาพ 5G จาก AIS นอกจากนี้ เตรียมสัมผัสประสบการณ์ iPhone 13 ที่ดีที่สุดกว่าใคร บนเครือข่าย AIS 5G พร้อมข้อเสนอสุดพิเศษ iPhone 13, iPhone 13 Pro, iPhone 13 Mini (เพิ่มเติมที่ : https://www.ais.th/apple/iphone-13/ ) และ iPhone 13 Pro Max จาก AIS พร้อมแพ็กเกจ 5G ที่ดีที่สุด และหลากหลายโปรแกรมผ่อนจาก AIS Smart pay สั่งซื้อล่วงหน้า 1 ต.ค. 64 นี้

ที่มาข้อมูล
-   https://www.ais.co.th/iphone/index.html
-   https://www.apple.com/th/iphone/
 
 

 


205
           โลกยุคดิจิทัลเทคโนโลยี อะไร ๆ ก็ดูจะสะดวกสบายราบรื่น รวดเร็วทันใจไปหมด โดยเฉพาะการทำธุรกิจค้าขายผ่านแอปพลิเคชั่น บนแพลตฟอร์มออนไลน์ และการทำธุรกรรมต่างๆ เรียกได้ว่า เราสามารถย่อโลกทั้งใบมาไว้ในมือเราเลยทีเดียว แต่ถึงกระนั้นการทำธุรกรรมบางอย่างเช่นการ โอนเงินไปต่างประเทศ ซึ่งพัฒนาไปไกลด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ ก็ยังต้องการเครือข่ายในการทำธุรกิจ โอนเงินต่างประเทศ ที่มีความน่าเชื่อถือและระบบการโอนเงินที่ได้มาตรฐาน อย่างเช่น Swift Code ของธนาคารต่าง ๆ ที่ใช้สำหรับการ โอนเงินต่างประเทศ ดังข้อมูลที่เรามาแนะนำให้รู้จักดังต่อไปนี้


           Swift Code คือ เป็นมาตรฐานขององค์การระหว่างประเทศ ว่าด้วยการมาตรฐาน (ISO) ว่าด้วยรหัสเฉพาะที่ใช้เพื่อ ระบุตัวตนของธนาคาร และสาขาต่างๆของธนาคารทั่วโลก สำหรับการทำธุรกรรม ใช้ใน การโอนเงินต่างประเทศ ระหว่างธนาคาร เพื่อความสะดวกรวดเร็ว ซึ่งเรารู้จักรหัสนี้ในชื่อ Swift Code ที่ตั้งชื่อตามองค์กร Society for Worldwide Interbank Financial Telecommunication (SWIFT) ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบการลงทะเบียนรหัส ที่ได้รับความไว้วางใจจากสถาบันการเงินมากกว่า 8,100 แห่งจาก 208 ประเทศทั่วโลก


           SWIFT เป็นระบบอิเล็กทรอนิกส์เพื่อการโอนเงินไปต่างประเทศ ที่ธนาคารให้บริการแก่ลูกค้า เป็นการโอนระหว่างธนาคารที่มีเครือข่ายในแต่ละประเทศ ซึ่งจากข้อมูลของธนาคารกสิกรไทยระบุว่า มีธนาคาร ที่ใช้เครือข่าย SWIFT จำนวนกว่า 1,500 ธนาคารกว่า 2.5 หมื่นสาขา ใน 150 ประเทศทั่วโลก ซึ่งช่วยให้ผู้ที่ทำธุรกิจออนไลน์สามารถขยายตลาดไปได้ทั่วทุกมุมโลกอย่างสะดวกมากยิ่งขึ้น โดยใช้ข้อมูลจำเป็นดังต่อไปนี้ ได้แก่ ชื่อบัญชี พร้อมทั้งเลขที่บัญชี และที่อยู่ของผู้รับเงินในต่างประเทศ , ชื่อและที่อยู่ของธนาคารที่ผู้รับเงินมีบัญชีเงินฝากเอาไว้ และสิ่งสำคัญที่สุดคือSWIFT Code หรือ Address SWIFT ของธนาคารปลายทางผู้รับเงิน ความยาวไม่เกิน 11 ตัวอักษร โดย4 ตัวแรกจะเป็นชื่อธนาคาร เช่น ธนาคารไทยพาณิชย์ Swift Code: SICOTHBK ,ธนาคารกสิกรไทย Swift Code: KASITHBK,ธนาคารกรุงเทพ Swift Code: BKKBTHBK,ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ Swift Code: SCBLTHBX,ธนาคารกรุงไทย Swift Code: KRTHTHBK,ธนาคารไทยธนาคาร Swift Code: UBOBTHBK,ธนาคารกรุงศรีอยุธยาSwift Code: AYUDTHBK,ธนาคารทหารไทยSwift Code: TMBKTHB และธนาคารยูโอบี Swift Code: BKASTHBK


           ตัวอย่างค่าธรรมเนียมการโอนเงินของธนาคารกรุงไทย หากผู้โอนเป็นผู้จ่ายเงินค่าธรรมเนียมที่ธนาคารในสาขาต่างประเทศ ผู้ส่งก็จะจ่ายค่าธรรมเนียมในประเทศ 400 บาท เป็นต้น แต่ในทางกลับกัน หากผู้โอนเป็นผู้จ่ายค่าธรรมเนียมเองเรทค่าธรรมเนียมจะอยู่1,150 บาท ต่อ 1 รายการบัญชี สำหรับผู้ประกอบธุรกิจออนไลน์ที่ต้องการทราบ SWIFT Code เพิ่มเติมสามารถค้นหาได้ที่ theswiftcodes.com


ที่มาข้อมูล
- https://www.posttoday.com/finance-stock/money/444402
- https://www.programmerthailand.com/blog/view/14/swift-code-%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%98%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%84%E0%B8%B

206
เช็คด่วน! บัตรเครดิตค่ายไหน ผ่อน iPhone ในราคาคุ้มที่สุด!
ในปัจจุบันการใช้บัตรเครดิตในการผ่อนสินค้าหรือบริการไม่ใช่เรื่องน่ากลัวอีกต่อไป เนื่องจากเมื่อใช้บัตรเครดิตตรงตามข้อกำหนดก็จะได้รับสิทธิพิเศษมากมาย ซึ่ง AIS 5G เครือข่ายที่มีคลื่นมากที่สุดร่วมกับบัตรเครดิตจากหลายธนาคารจัดโปร iPhone 12 ผ่อนจ่ายในอัตราดอกเบี้ย 0% และรับเครดิตเงินคืนเพื่อให้ผู้ที่อยากจับจอง iPhone 12 Pro Max สามารถเป็นเจ้าของได้ในราคาที่ดีที่สุด โดยธนาคารที่เข้าร่วมกับ AIS 5G เช่น
-   ผ่อน iPhone กับบัตร KTC 0% ตั้งแต่ 4 เดือนขึ้นไป สูงสุด 10 เดือน รับเครดิตเงินคืนสูงสุด 22% หรือจ่ายเต็มจำนวนแลกรับเครดิตคืนเงินสูงสุด 10%
-   ผ่อน iPhone 12 กับบัตรเครดิต UOB รับเครดิตเงินคืนสูงสุด 24,000 บาท
-   ผ่อน iPhone 12 กับธนาคารธนชาติ รับเครดิตเงินคืนสูงสุด 18% เมื่อผ่อน 0% นาน 10 เดือน
-   ผ่อน iPhone 12 กับ Ready Credit หรือ SCB Speedy Cash 0% นานสูงสุด 24 เดือน
นอกจากการผ่อนจ่ายผ่านบัตรเครดิต AIS 5G ยังมีโปรโมชั่นสุดพิเศษสำหรับลูกค้าเก่าและลูกค้าใหม่หลายแคมเปญ ดังนี้
-   โปร iPhone 12 AIS Best Buy สำหรับลูกค้าเก่ารายเดือนหรือเติมเงินที่มีอายุใช้งาน 3 เดือนขึ้นไปซื้อเครื่องราคาพิเศษ ไม่ต้องชำระค่าบริการล่วงหน้าเมื่อใช้หรือสมัครแพ็กเกจตามที่กำหนด เริ่มต้น 699 – 1,699 บาท หรือซื้อเครื่องเปล่าแบบไม่ติดสัญญาในราคา 38,900 บาท รับ Internet Bonus 3 GB (300 MB x 10 เดือน)
-   โปรโมชั่นสำหรับลูกค้าใหม่ เพียงเปิดเบอร์ใหม่ หรือย้ายค่ายเพื่อรับส่วนลดเพิ่ม 1,000 บาทกับโปรโมชั่น AIS Hot Deal ซื้อ เครื่องราคาพิเศษพร้อมแพ็กเกจ AIS 5G One Plan for iPhone แพ็กเกจเริ่มต้น 699 – 1,699 บาท รับ iPhone 12 Pro Max พร้อมค่าโทรค่าเน็ต ไม่ต้องจ่ายเพิ่ม ในราคาเริ่มต้น 26,100 บาท
นอกจากนี้ลูกค้าที่ซื้อ iPhone 12 ทุกรุ่นยังได้รับสิทธิพิเศษในการซื้อ Accessories iPhone 10%, รับส่วนลดการซื้อแอปผ่าน App Store สูงสุด 2,400 บาทต่อปี, รับฟรี iCloud 50 GB นาน 3 เดือน, รับฟรี Apple Music นาน 3 เดือน, รับฟรี Apple TV+ นาน 1 ปี, ดู Youtube Premium แบบไม่มีโฆษณาคั่นนาน 6 เดือนและรับแพ็กเกจดูหนัง ซีรีส์ คอนเสริตบน Play Family นาน 3 เดือน สามารถช็อป iPhone 12 ในราคาโปรโมชั่นสุดคุ้มได้ที่ AIS Store ทุกสาขาหรือช้อปผ่านช่องทางออนไลน์บน Website และ Line ได้ตลอด 24 ชั่วโมง และอีกไม่กี่อึดใจเหล่าสาวก Apple ก็จะได้ยลโฉม iPhone 13 และ iPhone 13 Pro (เพิ่มเติมที่ : https://www.littlebite.co/lifestyle/technology/iphone-13-release-rumors/ )  ในงานเปิดตัวซึ่งคาดว่าจะจัดขึ้นในวันที่ 14 กันยายนนี้
ที่มาข้อมูล
-   https://www.ais.co.th/iphone/?intcid=getpage-th-header_menu-consumer_menu-phone_device_submenu1-phone_device_submenu2-iphone_submenu3#
-   https://www.apple.com/th/iphone-12/

207
              สินเชื่อเงินสด มีอีกชื่อเรียกว่าสินเชื่อเงินด่วนหรือสินเชื่อธุรกิจSME  ซึ่งผู้ขอสินเชื่อจะได้รับสินเชื่อในรูปแบบเงินสดจากสถาบันการเงินหรือธนาคาร แล้วค่อยชำระคืนภายหลังพร้อมดอกเบี้ย โดยสถาบันการเงินหรือธนาคารจะปล่อยสินเชื่อประเภทนี้ให้กับผู้มีรายได้ประจำเป็นหลักแหล่ง มีหลักฐานแสดงชัดเจน ไม่จำเป็นต้องมีหลักทรัพย์มาค้ำประกันแต่อย่างใด

สินเชื่อเงินด่วนมีกี่ประเภท
1. บัตรเครดิต
             ถือเป็นผลิตภัณฑ์การเงินที่มีการใช้งานมานานเกิดก่อนสินเชื่อเงินด่วนประเภทอื่น ๆ จุดประสงค์เพื่อใช้รูดจ่ายค่าสินค้าแทนการใช้เงินสด เพิ่มความปลอดภัย ลดความเสี่ยงจากการพกเงินสดติดตัวจำนวนมาก มีระยะปลอดดอกเบี้ยสูงสุด 55 วัน อัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ราว 20% ต่อปี วงเงินประมาณ 2-3 เท่าของเงินเดือน เหมาะกับการใช้งานแทนเงินสด หรือรับสิทธิประโยชน์จากโปรโมชันพิเศษต่าง ๆ รวมไปถึงการผ่อนชำระค่าสินค้าแบบ 0% เฉพาะสินค้าที่ร่วมรายการ

2. บัตรกดเงินสด
             จุดประสงค์การใช้งานเพื่อกดเงินสดในยามฉุกเฉิน แล้วชำระเงินคืนพร้อมดอกเบี้ยในระยะเวลาสั้น ๆ หากผู้ถือบัตรไม่กดเงินสดออกมาใช้ บัตรกดเงินสดจะทำหน้าที่เป็นวงเงินฉุกเฉิน สามารถเบิกถอนใช้งานได้ตลอด 24 ชม. แต่ด้วยอัตราดอกเบี้ยที่สูงกว่าบัตรเครดิต คืออยู่ที่ประมาณ 28% ต่อปี ทำให้บัตรกดเงินสดเหมาะกับผู้ต้องการเงินสดแบบด่วน และมีความสามารถชำระคืน ปิดบัญชีหนี้ได้ในระยะเวลาอันสั้น ข้อดีอีกหนึ่งอย่างของบัตรกดเงินสดคือ วงเงินสูงกว่าบัตรเครดิต สูงสุด 5 เท่าของเงินเดือน บัตรกดเงินสดจึงเหมาะใช้กับสถานการณ์เร่งรีบ เช่น ค่ารักษาพยาบาลในยามฉุกเฉิน การปรับปรุงบ้านที่ชำรุด หรือมีความจำเป็นต้องรีบซ่อมแซมอย่างเร่งด่วน

3. สินเชื่อส่วนบุคคล
             ผลิตภัณฑ์ชนิดนี้ไม่อยู่ในรูปแบบของ “บัตร” เหมือน 2 ประเภทก่อนหน้า และแม้ว่าอัตราดอกเบี้ยสูงสุดจะอยู่ที่ 28% ต่อปี แต่การแข่งขันของสถาบันการเงินต่าง ๆ ทำให้อัตราดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายจริงต่ำกว่า 28% ต่อปี ข้อดีของสินเชื่อส่วนบุคคลคือ วงเงินอนุมัติสูง 5 เท่าของเงินเดือน และสามารถผ่อนระยะยาวได้มากถึง 5 ปี หรือ 60 เดือนโดยประมาณ ช่วยเสริมสภาพคล่องให้กับผู้ขอสินเชื่อได้เป็นอย่างดี เหมาะกับการขอสินเชื่อเพื่อนำไปปิดบัตรเครดิตหลาย ๆ ใบ แล้วผ่อนชำระกับสินเชื่อนี้เพียงที่เดียว หรือการใช้จ่ายเพื่อเพิ่มคุณภาพชีวิตให้กับตนเองและครอบครัว แต่อย่างไรก็ตาม ควรประเมินตนเองก่อนว่ามีกำลังผ่อนชำระในระยะยาวหรือไม่

             เมื่อมีความรู้เกี่ยวกับสินเชื่อประเภทต่าง ๆ ในข้างต้นแล้ว ก็จะสามารถประเมินตนเองได้ว่าในสถานการณ์ที่กำลังเผชิญอยู่ขณะนี้ ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ทางการเงินชนิดใด จึงจะสามารถตอบโจทย์ความต้องการได้มากที่สุด สิ่งสำคัญคือ สินเชื่อทุกประเภทต้องการเวลาในการดำเนินการ ดังนั้นหากเป็นไปได้ ควรสมัครบัตรเครดิต และบัตรกดเงินสด พกติดตัวไว้ก่อน เพราะ 2 ผลิตภัณฑ์นี้สามารถใช้งานในยามฉุกเฉินได้ ส่วนสินเชื่อส่วนบุคคลนั้น ควรสมัครเมื่อมีเหตุให้ต้องใช้เงินก้อน อย่างไรก็ตาม ควรทราบก่อนสมัครสินเชื่อทุกประเภทว่าท่านควรมีรายได้ประจำเป็นหลักแหล่ง และมีเครดิตการชำระหนี้อยู่ในระดับดี ขอให้รักษาวินัยในการใช้เงินอย่างสม่ำเสมอด้วย เพื่อช่วยให้ขอสินเชื่อได้ง่าย อย่างไรก็ตาม อย่าลืมศึกษาเรื่องSMEไว้ด้วยล่ะ



ที่มาข้อมูล
https://moneyhub.in.th/article/cash-loan-4/
https://moneyhub.in.th/article/why-we-should-use-cash-card/
https://www.moneyguru.co.th/personal-loan/articles/5ข้อควรรู้ก่อนขอสินเชื่อส่วนบุคคล/

208
           หลายคนอาจเคยได้ยินคำบอกเล่าจากคนรู้จัก ว่าหากไม่มีบัตรเครดิต หรือบัตรกดเงินสดอยู่ในมือในวันที่ประสบเหตุฉุกเฉิน ก็คิดไม่ออกว่าจะผ่านพ้นวิกฤตมาได้อย่างไร หรืออาจเคยได้ยินว่า หากยื่นขอสินเชื่อส่วนบุคคลครั้งนั้นไม่ผ่าน ตอนนี้บ้านก็อาจจะยังซ่อมไม่เสร็จ ทั้งหมดนี้คือประโยชน์ของ สินเชื่อเงินสด ที่คุณอาจยังไม่เห็นความสำคัญในขณะนี้

           ผลิตภัณฑ์ทางการเงินทั้ง 3 ประเภท ได้แก่ บัตรเครดิต บัตรกดเงินสด และสินเชื่อส่วนบุคคล ล้วนเป็น สินเชื่อเงินสด ทั้งสิ้น แต่สิ่งนี้คืออะไร เป็นประโยชน์อย่างไร ทำไมผู้คนจึงนิยมถือครองผลิตภัณฑ์เหล่านี้ไว้ เราไปดูพร้อม ๆ กัน

สินเชื่อเงินสด คืออะไร?
           สินเชื่อชนิดนี้มีอีกหนึ่งชื่อเรียกคือ สินเชื่อเงินด่วน เนื่องจากเป็นสินเชื่อที่ยื่นขออนุมัติได้ในเวลาสั้น ๆ เมื่อเทียบกับการขอสินเชื่อชนิดที่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน เช่น สินเชื่อบ้าน หรือสินเชื่อรถยนต์ โดยผู้ขอสินเชื่อจะได้รับเงินสด หรือเงินสดโอนเข้าบัญชีจากสถาบันการเงิน แล้วทำหน้าที่ผ่อนชำระหนี้คืนสถาบันการเงินในภายหลังพร้อมดอกเบี้ย

สินเชื่อเงินด่วน มีกี่ประเภท แตกต่างกันอย่างไร?
มีทั้งหมด 3 ประเภท ตามที่ได้กล่าวไปข้างต้น ได้แก่ บัตรเครดิต บัตรกดเงินสด และสินเชื่อส่วนบุคคล ซึ่งมีความแตกต่างกัน ดังต่อไปนี้

บัตรเครดิต
- ใช้รูดซื้อสินค้าและบริการแทนการใช้เงินสด
- ระยะปลอดดอกเบี้ยสูงสุด 55 วัน
- วงเงิน 2-3 เท่าของรายได้ต่อเดือน
- อัตราดอกเบี้ยสูงสุด 20% ต่อปี
- สิทธิประโยชน์เพิ่มเติมมากมาย เช่น กดเงินสดออกมาใช้ได้ (คิดค่าธรรมเนียม 2-4%) ผ่อนชำระค่าสินค้าและบริการที่รูดซื้อไปในภายหลังได้ตามเงื่อนไขของบัตร รับส่วนลดพิเศษ และสิทธิ์ผ่อนชำระ 0% นานหลายเดือน สำหรับสินค้าที่เข้าร่วมรายการ การใช้แต้มสะสมในบัตรแลก rewards ตามต้องการ
- ใช้เสริมสภาพคล่อง ลดภาระค่าใช้จ่ายได้ในระยะเวลาสั้น ๆ เช่น เมื่อประกันแจ้งว่าให้จ่ายค่ารักษาด้วยตนเองก่อน ค่อยมาทำเรื่องเบิกภายหลัง หรือเมื่อมีเหตุจำเป็นให้ต้องซื้อของเดี๋ยวนั้น แต่ยังไม่มีเงินสดอยู่กับตัว
- สมัครบัตรเครดิตได้ทันที หากเงื่อนไขเป็นไปตามที่สถาบันการเงินกำหนด แม้จะมีค่าธรรมเนียมรายปี แต่ก็โทรไปขอยกเว้นได้ในหลายกรณีด้วยกัน

บัตรกดเงินสด
 - ใช้กดเงินสดออกมาใช้จ่ายในเรื่องจำเป็นเร่งด่วน
 - วงเงินสูงสุด 5 เท่าของรายได้ต่อเดือน
 - อัตราดอกเบี้ยสูงสุด 28% ต่อปี
 - เหมาะกับการใช้งานในลักษณะที่เร่งใช้เงินก้อน เพราะให้วงเงินสูงกว่าบัตรเครดิต คล่องตัวกว่าเพราะได้รับมาในรูปแบบเงินสด สามารถนำไปใช้จ่ายได้อย่างอิสระ ทั้งยังสามารถเบิกถอนเงินได้ตลอด 24 ชม.
 - ช่วยเสริมสภาพคล่องทางการเงินได้เป็นอย่างดี แต่ควรมั่นใจว่าจะสามารถปิดหนี้ได้ในระยะเวลาอันสั้น เพราะอัตราดอกเบี้ยค่อนข้างสูงและคิดเป็นรายวัน
 - สมัครบัตรกดเงินสดได้ทันที หากเงื่อนไขเป็นไปตามที่สถาบันการเงินกำหนด หากไม่กดเงินสดออกมา ก็ไม่ต้องเสียดอกเบี้ยแต่อย่างใด

สินเชื่อส่วนบุคคล
- ยื่นขอสินเชื่อเมื่อมีเหตุจำเป็นให้ต้องใช้เงินก้อนใหญ่
- วงเงินสูงสุด 5 เท่าของรายได้ต่อเดือน หรืออาจสูงกว่า ขึ้นอยู่กับนโยบายของสถาบันการเงิน และปัจจัยอื่น ๆ ในเวลานั้น
- อัตราดอกเบี้ยสูงสุด 28% ต่อปี แต่ด้วยการแข่งขันกันระหว่างสถาบันการเงิน ดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายจริงจึงอาจสูงไม่ถึง 28% ต่อปี
- ระยะเวลาผ่อนชำระหนี้สูงสุด 5 ปี หรืออาจสูงกว่า ขึ้นอยู่กับนโยบายของสถาบันการเงิน และโปรโมชันส่งเสริมการขายในช่วงเวลานั้น
- เหมาะกับการใช้เงินก้อนใหญ่ แต่มีความสามารถในการผ่อนชำระต่อเดือนไม่มาก การผ่อนชำระในระยะยาวมากขึ้น จะช่วยเสริมสภาพคล่องทางการเงิน ให้สามารถนำเงินไปใช้จ่ายในเรื่องจำเป็นอื่น ๆ ด้วยได้ ไม่จำเป็นต้องรัดเข็มขัดมากจนเกิดความเครียดตามมา
- ควรสมัครเมื่อเกิดเหตุจำเป็นต้องใช้เงินก้อน ปัจจุบันสถาบันการเงินใช้เวลาพิจารณาอนุมัติไม่นานเท่าในอดีต อาจใช้เวลาราว 3- 5 วันทำการ

           จากคุณสมบัติของสินเชื่อธุรกิจทุกประเภทที่กล่าวมา จะสังเกตได้ว่าแต่ละผลิตภัณฑ์มีคุณสมบัติโดดเด่นแตกต่างกันออกไป บัตรกดเงินสดเปรียบเหมือนวงเงินสดฉุกเฉิน เบิกถอนได้ตลอด 24 ชม. บัตรเครดิตช่วยเสริมสภาพคล่องให้การซื้อสินค้าและบริการเป็นไปได้อย่างราบรื่น คุ้มค่าทุกการใช้จ่าย ส่วนสินเชื่อส่วนบุคคลก็ให้เงินก้อนใหญ่ แต่ผ่อนชำระได้ในระยะยาว แต่อย่างไรก็ตาม การจะสมัครสินเชื่อเหล่านี้ ควรมีรายได้ประจำที่แน่นอน และแสดงเอกสารหลักฐานได้อย่างชัดเจน รวมถึงมีประวัติการชำระหนี้อยู่ในระดับดี ไม่ควรมีประวัติผิดนัดชำระหนี้มาก่อน ดังนั้น ผู้ที่ต้องการสมัครจึงควรรักษาวินัยทางการเงินให้อยู่ในระดับดี เพื่อช่วยให้สมัครสินเชื่อผ่านได้ง่ายขึ้น และย่นระยะเวลาพิจารณาอนุมัติให้สั้นลง  แต่อย่าลืมศึกษาเรื่องสินเชื่อsme (เพิ่มเติม: https://krungthai.com/th/content/sme) ไว้ด้วยล่ะ

ที่มาข้อมูล
https://moneyhub.in.th/article/cash-loan-4/
https://moneyhub.in.th/article/why-we-should-use-cash-card/
https://www.moneyguru.co.th/personal-loan/articles/5ข้อควรรู้ก่อนขอสินเชื่อส่วนบุคคล/

209
เลือกประกันรถยนต์แบบไหน ที่ช่วยให้ความคุ้มค่าและให้ความคุ้มครองได้อย่างไร้กังวล
ถึงแม้เราจะขับรถยนต์ด้วยความระมัดระวังมากแค่ไหน แต่ก็ไม่สามารถมั่นใจได้ว่าในทุกครั้งจะไม่เกิดอุบัติเหตุหรือเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้น ดังนั้นการเลือกประกันรถยนต์ที่เหมาะสมกับการใช้งานรถของเราจึงเป็นสิ่งจำเป็น ซึ่งจะต้องพิจารณาลักษณะผู้ขับรถดังต่อไปนี้
ถ้าคุณมีประสบการณ์ในขับขี่ที่น้อย หรือเป็นมือใหม่หัดขับ แนะนำให้ซื้อประกันรถยนต์ชั้น 1 น่าจะดีที่สุด เนื่องจากการที่คุณยังไม่ชำนาญในการขับขี่ อาจจะมีโอกาสเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุสูงที่สุด ดังนั้นต้องเลือกประกันภัยชั้น 1 ที่ให้ความคุ้มครองและครอบคลุมมากที่สุด โดยประกันชนิดนี้ทั้งตัวรถของเรา คู่กรณี ประกันอุบัติเหตุ (เพิ่มเติมที่ : https://www.scb.co.th/th/personal-banking/insurance/accident-insurance.html ) ทั้งแบบมีคู่กรณีและไม่มีฅู่กรณี และยังรวมไปถึง ภัยธรรมชาติ น้ำท่วม โจรกรรม ไฟไหม้ และรถหายอีกด้วย หมดปัญหาเรื่องค่ารักษาพยาบาลทั้งสำหรับตัวของเราและคู่กรณี รวมถึงผู้โดยสารด้วย แต่ประกันประเภทนี้จะไม่คุ้มครองเหมือนประกันสุขภาพ หรือประกัน opd ที่คุ้มครองการเจ็บป่วยหรือโรคต่าง ๆ โดยอาจมีหลายคนเข้าใจผิดเรื่องการรักษาพยาบาล ซึ่งต้องอธิบายตรงนี้ว่าการรักษาพยาบาลในกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์นั้น ต้องเกี่ยวเนื่องจากอุบัติเหตุทางรถยนต์เท่านั้น หากต้องการความคุ้มครองการเจ็บป่วยทั่วไป ควรพิจารณาทำประกันสุขภาพเพิ่มเติมต่างหาก และเมื่อเดินทางก็ต้องทำ ประกันการเดินทางด้วย เพราะประกันอุบัติเหตุเองก็จะไม่ครอบคลุม และยังมีประกัน opd ให้เลือกเพิ่มเติมอีกด้วย ซึ่งประกันสุขภาพนี้มีหลายแพ็กเกจให้เลือกเช่นกัน
แต่ถ้าคุณอยากประหยัดเบี้ยประกัน การเลือกประกันชั้น 2+ นั้นเป็นตัวเลือกหนึ่งที่น่านำมาพิจารณา เนื่องจากให้ความคุ้มครองเช่นเดียวกันกับประกันชั้น 1 แต่แตกต่างกันตรงที่ไม่คุ้มครองรถยนต์ที่นำไปใช้เพื่อวัตถุประสงค์อื่น ๆ ที่ไม่ใช่รถยนต์ส่วนบุคคล เช่น รับจ้าง ให้เช่า เป็นต้น อีกทั้งไม่คุ้มครองการเกิดอุบัติเหตุที่ไม่มีคู่กรณี หรือก็คือไม่มีประกันอุบัติเหตุ เมื่อเราขับรถไปเฉี่ยวชนกับวัตถุใด ๆ ที่ไม่ใช่ยานพาหนะทางบกนั่นเอง
แต่ถ้าคุณมีประสบการณ์การขับขี่ที่มากขึ้นหน่อย อาจจะเลือกประกันชั้น 2 ซึ่งมีลักษณะความคุ้มครอง ทั้งด้าน ชีวิต ร่างกาย ทรัพย์สิน น้ำท่วม รถหาย และไฟไหม้ เช่นเดียวกับชั้น 2+ แต่แตกต่างกันตรงที่ทางประกันจะรับผิดชอบค่าซ่อมให้กับคู่กรณีของคุณเท่านั้น นั่นก็คือคุณจะต้องจ่ายค่าซ่อมรถของคุณเองไม่ว่ากรณีใด ๆ
สำหรับประกันภัยรถยนต์อีกประเภทคือ ชั้น 3 และ 3+ เป็นประกันภาคสมัครใจที่มีค่าเบี้ยประกันภัยย่อมเยาลงมาตามสัดส่วนกับความคุ้มครอง ถ้าให้แนะนำก็แนะนำชั้น 3+ จะครอบคลุมดีกว่าชั้น 3 เหมาะกับคนที่มีประสบการณ์ในการขับขี่ มีชั่วโมงการขับรถมายาวนาน หรือแม้กระทั่งรถยนต์ของคุณเก่าจนเกินไปแล้ว ทำให้ไม่สามารถทำประกันประเภท 1 และ 2 หรือ 2+ ที่กล่าวมาแล้วข้างต้นได้
โดยสรุปการเลือกประกันรถยนต์ให้ได้ความคุ้มค่าและความคุ้มครองแบบไร้กังวล จะต้องดูองค์ประกอบ 2 อย่าง คือ ประสบการณ์ในการขับขี่ และ อายุของตัวรถ ถ้าคุณมีประสบการณ์ในการขับขี่ที่ไม่มากนัก การทำประกันชั้น 1, 2+, 2 จะให้ความคุ้มครองที่ครอบคลุมมากกว่า โดยจะครอบคลุมไปถึงประกันอุบัติเหตุทำให้หมดกังวลเรื่องค่ารักษาพยาบาลทั้งในส่วนของเราและคู่กรณี แต่หากคุณมีประสบการณ์การขับขี่ที่มากพอ หรืออาจจะใช้รถยนต์ไม่บ่อย หรืออายุรถเกิน ก็ยังมีประกันภัยชั้น 3 หรือ 3+ ให้เลือกซื้อได้
อย่างไรก็ตาม ที่กล่าวมาคือประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจ ส่วนประกันภัยรถยนต์ภาคบังคับ หรือที่เรียกย่อ ๆ ว่า พรบ. นั้น ต้องทำทุกปีพร้อมการต่อภาษีรถยนต์อยู่แล้ว ซึ่งจะให้ความคุ้มครองผู้ประสบภัยทางรถยนต์ในระดับหนึ่ง แต่ไม่ได้คุ้มครองถึงทรัพย์สิน ค่าซ่อมรถต่าง ๆ
ประกันภัยรถยนต์ชั้น 1, 2+ หรือ 3+ แม้จะถูกเรียกว่าภาคสมัครใจ แต่การทำประกันไว้ย่อมดีกว่าแน่นอน เพราะคุณจะไม่ต้องควักกระเป๋าจ่ายค่าซ่อมรถยนต์ทั้งของคุณเองและคู่กรณี อีกทั้งวงเงินค่ารักษาพยาบาลก็มากกว่าด้วย

ที่มาข้อมูล
-   https://www.roojai.com/article/car-insurance-tips/car-insurance-type-2-plus/
-   https://www.mrkumka.com/which-car-insurance-good-for-you/
-   https://www.silkspan.com/online/article/auto/28/
-   https://www.scb.co.th/th/personal-banking/insurance/car-insurance/motor-insurance-type-1.html
-   https://www.scb.co.th/th/personal-banking/insurance/car-insurance/motor-insurance-type-2-plus-plus.html
-   https://www.scb.co.th/th/personal-banking/insurance/car-insurance/motor-insurance-type-2-kumgun.html
-   https://www.scb.co.th/th/personal-banking/insurance/car-insurance/motor-insurance-type-3-plus-plus.html
-   https://www.scb.co.th/th/personal-banking/insurance/car-insurance/motor-insurance-type-3-kumgun.html

210
แต่งตัวบอดี้สูทสไตล์สายฝอ
            บอดี้สูทเป็นอีกหนึ่งไอเท็มลับสุดแซ่บสำหรับสาว ๆ หลาย ๆ คน ไม่ว่าจะใส่ยังไงก็จะยังดูแซ่บซี๊ดจนเข็ดฟันเลยทีเดียว แต่บอดี้สูทเนี่ยไม่ได้จะแมทช์ให้ได้ลุคที่แซ่บ ๆ อย่างเดียวเพราะสามารถแมทช์ได้หลายลุคหลายสไตล์มาก ไม่ว่าจะเป็นลุคที่ดูเป็นทางการ ลุคสาวมั่นสุดจี๊ด ลุคสายฝอสุดแซ่บ หรือจะเป็นสตรีทแฟชั่นสุดเท่ก็ได้ บอดี้สูทสามารถแต่งได้หลายลุคก็จริงอยู่ แต่ถ้าอยากได้เป็นสาวแซ่บสายฝอล่ะจะทำยังไง ใครอยากรู้มาทางนี้เลยค่ะ เพราะเรามีไอเดียการแมทช์บอดี้สูทยังไงให้กลายเป็นสายฝอสุดปัง
อย่างแรกเราต้องมีบอดี้สูทที่ปัง ๆ สักตัวก่อน อาจจะเป็น Off-the-shoulder Body จากแบรนด์ H&M ที่เป็นบอดี้สูทเปิดไหล่ผ้าเจอร์ซีย์เนื้อยืดแบบมีความเงา เน้นทรงส่วนเต้าพร้อมโบว์ด้านหน้าที่จะเน้นทรวดทรงและเปิดไหล่เล็กน้อย กระดุมแป๊กที่เป้าและด้านหลังเว้าสูงเพื่อเพิ่มความเซ็กซี่ แมทช์กับ กระโปรงกางเกงยีนส์เอวสูงทรงเลกกิ้งหรือสกินนี่ จะช่วยให้ขาดูเรียวยาวมากขึ้น เพิ่มความแซ่บด้วยรองเท้าบูทผู้หญิงหนังสีดำหุ้มต้นขา บอกเลยว่าปังไม่ไหวค่ะ
แต่สาว ๆ คนไหนอยากได้ลุคที่แซ่บกว่านั้นก็ต้องเป็นบอดี้สูทสายเดี่ยวคอลึกเว้าหลังสีสันที่โดดเด่นแบบใครเห็นก็ต้องมอง แมทช์กับกระโปรงยีนส์ (เพิ่มเติมที่ : https://th.hm.com/th_th/ladies/shop-by-product/skirts/denim-skirts.html ) เพื่อให้ดูเป็นลุคสาวน้อยแสนซนเพิ่มความเก๋ด้วยรองเท้าบูทผู้หญิงหนังสีดำหุ้มต้นขาคู่เดิม หรือจะเปลี่ยนเป็นรองเท้าบูทผู้หญิงหุ้มข้อสั้นก็จะได้อีกหนึ่งลุคแบบสายฝอปัง ๆ
สาว ๆ ที่เป็นสายฝออยู่แล้วหรือกำลังเดบิวต์ที่จะเป็นสายฝอก็อย่าลืมซื้อบอดี้สูท เก๋ ๆ มาไว้ติดตู้สักตัวเพราะสามารถแมทช์ได้หลายโอกาสมาก นำมาแมทส์กับกางเกงยีนส์เอวสูงก็จะได้ลุคที่เท่ซ่าก๋ากั๋น หรือจะแมทช์กับกระโปรงยีนส์ก็จะได้ลุคที่ดูแซ่บ แต่ถ้าไม่รู้จะเลือกแบบไหน แนะนำให้เลือกบอดี้สูทผ้ายืดอาจจะเป็นสีเรียบหรือลายปริ้นท์น่ารัก ๆ แค่นี้ก็จะได้กลายเป็นสาวมั่นสายฝอในลุคบอดี้สูทสุดเก๋แล้วค่ะ

211
แนะนำ 5 สูตรชงกาแฟร้อนทั้งกาแฟดำและกาแฟใส่นมที่ชงดื่มเองได้ง่าย ๆ ในช่วงกักตัวอยู่บ้าน
          ช่วงการระบาดของโควิด-19 หลายคนต้องปรับเปลี่ยนมาเวิร์คฟรอมโฮมเป็นส่วนใหญ่ และทำให้เรารู้สึกเครียดเพราะไม่ได้ออกไปเจอใครข้างนอก ดังนั้นการหากิจกรรมทำที่บ้านก็จะช่วยผ่อนคลายให้คุณคลายเครียดได้ การชงกาแฟก็เป็นหนึ่งสิ่งที่น่าสนใจและทำได้ง่าย วันนี้เราจึงมาแนะนำสูตรชงกาแฟที่แม้ไม่ได้ออกจากบ้านแต่คุณก็ยังได้ดื่มกาแฟรสชาติเยี่ยม เหมือนได้นั่งจิบกาแฟร้อนในคาเฟ่เลยทีเดียว
1.      เอสเปรสโซ่ร้อน เป็นเมนูที่เหมาะสำหรับช่วงเช้า เพราะจะทำให้เรารู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่าเป็นกาแฟดำ (เพิ่มเติมที่ : https://cooking.kapook.com/view241135.html ) แบบช็อต ดื่มง่าย มีความเข้มข้น วิธีชงกาแฟสูตรนี้เรียกว่าจุดเด่นอยู่ที่อุณหภูมิน้ำที่ร้อนประมาณ 90 องศาเซลเซียส เลือกกาแฟแคปซูล Ispirazione Palermo Kazaar เป็นสูตรที่เข้มข้นเนื้อกาแฟแน่น หรือจะเป็น Ispirazione Napoli รสชาติเข้มแต่เนียนนุ่ม ใส่แคปซูลไปในเครื่องและกดกาแฟออกมาที่ 1.5 ออนซ์ ก็พร้อมเสิร์ฟทันที
2.      อเมริกาโน่ร้อน สำหรับคนที่ไม่ชอบกาแฟเข้มข้น อเมริกาโน่คือคำตอบที่ดีที่สุด เป็นการใช้กาแฟดำรสชาติเข้ม 1 ช็อตและตามด้วยน้ำร้อน 5-6 ออนซ์ เพื่อลดความเข้มของกาแฟ สามารถเลือกแคปซูลกาแฟแบบไหนก็ได้ที่ชื่นชอบ เช่น Cosi จุดเด่นที่กลิ่นไหม้จากการคั่วรสชาติกลมกล่อม Tokyo Vivalto Lungo กาแฟกลิ่นดอกไม้ เป็นต้น
3.      ลาเต้ร้อน เป็นเมนูที่ดื่มง่าย เน้นนมเป็นส่วนสำคัญ เริ่มจากเลือกกาแฟแคปซูลรสชาติใดก็ได้ กดกาแฟจากเครื่องประมาณ 1 ช็อต หรืออยู่ที่ 1.5 ออนซ์ จากนั้นก็สตรีมนมร้อนประมาณ 4-6 ออนซ์ ให้ได้เนื้อฟองนมละเอียด จากนั้นนำนมที่สตรีมแล้วค่อย ๆ บรรจงเทลงไปในถ้วยกาแฟ ดื่มง่าย รสชาติไม่เข้มเกินไป
4.      คาปูชิโน่ร้อน สำหรับคนที่ไม่ชอบกาแฟดำแต่อยากดื่มกาแฟใส่นมที่มีรสเข้ม คาปูชิโนคือคำตอบที่ดีที่สุด เริ่มต้นง่าย ๆ จากการเลือกใช้แคปซูล Buenos Aires Lungo มีกลิ่นหอมของธัญพืชผสมกาแฟรสชาติกลมกล่อม หรือจะเป็น Capriccio กาแฟหอมมันมีรสชาติเฉพาะตัว กดออกมาที่ 3 ออนซ์ จากนั้นสตรีมนมสดร้อนให้เกิดฟองละเอียด จากนั้นค่อย ๆ ตักฟองใส่ที่ถ้วยกาแฟให้เต็มแก้ว แล้วโรยด้วยผงซินนาม่อนหรือโกโก้ เป็นอันเสร็จ
5.      มอคค่า สำหรับสายหวานและคนที่ไม่ชอบกาแฟเพียว ๆ มอคค่าเป็นกาแฟผสมโกโก้ที่รสชาติเยี่ยม เริ่มต้นด้วยการเลือกใช้แคปซูลกลุ่ม Espresso เพราะรสชาติกาแฟจะค่อนข้างเข้ม ใช้กาแฟ 3 ออนซ์ จากนั้นตามด้วยซอสโกโก้ที่ 1-1.5 ออนซ์ ผสมลงไป สตรีมนมสด 4-5 ออนซ์ให้เกิดฟอง จากนั้นค่อย ๆ เทลงไปในถ้วยกาแฟ โรยผงโกโก้ ตกแต่งที่ฟองนม เป็นอันเสร็จ
บ้านไหนที่มีเครื่องชงกาแฟอัตโนมัติด้วยแล้วเรียกว่าสะดวกและสบายมาก ๆ เพราะไม่ว่าจะเป็นเมนูไหน ๆ ก็ชงง่ายเพียงปลายนิ้วสัมผัส ซึ่ง 5 สูตรชงกาแฟที่เราแนะนำข้างต้นนั้น เป็นสูตรกาแฟร้อนที่เราสามารถปรับเปลี่ยนส่วนผสมได้ตามใจชอบ เนสเพรสโซก็มีกาแฟให้เลือกกว่า 20 รสชาติ ทำให้ช่วงกักตัวจะเป็นช่วงที่ไม่น่าเบื่ออีกต่อไป
ที่มาข้อมูล
-   https://bit.ly/33J8kLY
-   https://bit.ly/3oj0yle

212
เปิดรายละเอียดสินเชื่อบ้านใหม่ SCB มอบอิสระเลือกผ่อนได้ตามใจคุณ
   กระบวนการหนึ่งที่สำคัญในการซื้อบ้านใหม่นั่นก็คือ การยื่นขอสินเชื่อบ้านกับทางธนาคาร เพื่อให้มีวงเงินเพียงพอมาผ่อนบ้านในฝันได้อย่างราบรื่น วันนี้เราเลยขอมาเอาใจคนที่กำลังวางแผนจะซื้อบ้านใหม่หลังแรกด้วยรายละเอียดสินเชื่อบ้าน (เพิ่มเติมที่ : https://www.scb.co.th/th/personal-banking/loans/home-loans.html ) ใหม่จาก SCB ที่ให้คุณสามารถออกแบบอัตราดอกเบี้ยได้อย่างอิสระ
   สินเชื่อบ้านใหม่ของ SCB เป็นผลิตภัณฑ์สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยที่ครอบคลุมทั้งการซื้อบ้านและคอนโด โดยมีจุดเด่นอยู่ตรงที่จะช่วยให้การมีบ้านในฝันของคุณไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป พร้อมกับสิทธิพิเศษในการยื่นขอกู้บ้านได้ทั้งหมด 100% ของราคาประเมิน นั่นหมายความว่าคุณไม่จำเป็นจะต้องวางเงินดาวน์ในวงเงินสูง ๆ ก็สามารถยื่นทำเรื่องขอกู้เงินไปซื้อบ้านในฝันได้
   นอกจากนั้นคุณยังสามารถกำหนดรูปแบบอัตราดอกเบี้ยบ้านอย่างอิสระได้ตามความสะดวกและเหมาะกับไลฟ์สไตล์ส่วนตัว เลือกได้เลยว่าต้องการจะจ่ายแบบดอกเบี้ยคงที่หรือลอยตัว ต่างจากสินเชื่อสถาบันการเงินอื่นที่มักจะปรับอัตราดอกเบี้ยบ้านเป็นแบบลอยตัวเมื่อผ่อนผ่านไปแล้ว 2 - 3 ปี จึงทำให้คุณต้องจ่ายดอกเบี้ยในอัตราที่สูงขึ้นตามไปด้วยจนอาจจะต้องไปขอรีไฟแนนซ์เพื่อลดดอกเบี้ยในภายหลัง นั่นเท่ากับว่าคุณไม่จำเป็นต้องรีบหาเงินมาโป๊ะยอดสูง ๆ ในช่วงที่คิดอัตราดอกเบี้ยแบบคงที่อีกต่อไป ด้วยเหตุนี้จึงมั่นใจได้เลยว่าการยื่นขอกู้เงินกับสินเชื่อบ้าน SCB คุณจะสามารถผ่อนบ้านอย่างสบายใจได้ยาว ๆ ซึ่งมีระยะเวลาการผ่อนบ้านนานสูงสุดอยู่ที่ 30 ปี แบบลดต้นลดดอก โดยมีระยะเวลาผ่อนชำระรวมกับอายุผู้กู้แล้วไม่เกิน 65 ปี และด้วยเป็นการผ่อนแบบลดต้นลดดอกคุณจึงสามารถโป๊ะได้เมื่อพร้อม หรือจะผ่อนชำระแบบขั้นบันไดก็จะยิ่งทำให้ระยะเวลาการผ่อนสั้นลงด้วยโอกาสที่จะได้เป็นเจ้าของบ้านก็จะเร็วขึ้นตามไปด้วยและหากคุณเลือกผ่อนแบบอัตราดอกเบี้ยคงที่ก็ผ่อนสบายยาว ๆ ไม่ต้องมานั่งลุ้นอัตราดอกเบี้ยปีต่อปีในภายหลัง
   วิธีการยื่นขอสินเชื่อกับทาง SCB ก็ง่าย ๆ ไม่ได้ยุ่งยาก เพียงแค่เตรียมเอกสารยืนยันตัวตน บัตรประชาชน สำเนาทะเบียนบ้าน เอกสารหลักประกันสัญญาซื้อขายและหนังสือรับรองรายได้ย้อนหลัง 6 เดือน เท่านี้ก็สามารถยื่นขออนุมัติสินเชื่อได้ง่าย ๆ ทั้งยังทราบผลการอนุมัติได้รวดเร็วด้วย พร้อมมีที่ปรึกษามืออาชีพคอยดูแลวางแผนการขอสินเชื่อให้คุณอีกด้วย
   สินเชื่อบ้านใหม่ของ SCB จึงเป็นรูปแบบสินเชื่อที่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์การผ่อนบ้านที่สามารถปรับได้ตามความต้องการส่วนบุคคลทำให้การผ่อนชำระของคุณมีความสุข ไม่ต้องกลุ้มกังวลกับอัตราดอกเบี้ยสูง ๆ เพื่อให้คุณสามารถเป็นเจ้าของบ้านใหม่ในฝันได้อย่างไม่ยากเย็น
ที่มาข้อมูล
-   https://www.scb.co.th/th/personal-banking/loans/home-loans/scb-new-loan.html


213
        หากกล่าวถึงเครื่องดื่มช็อกโกแลตมอลต์เสริมสร้างพลังงาน ผลิตภัณฑ์ไมโล เป็นแบรนด์หนึ่งที่มักถูกพูดถึงเป็นอันดับต้น ๆ เพราะเป็นผลิตภัณฑ์ที่อยู่คู่คนไทยมานานกว่า 60 ปี เรียกได้ว่าเป็นรสชาติความผูกพันที่ครองใจคนไทยทุกวัยจากรุ่นสู่รุ่น โดยเฉพาะ ไมโล 3 อิน 1 ที่นอกเหนือจากรสชาติอร่อยแล้วยังมีประโยชน์ดี ๆ ที่จำเป็นต่อร่างกายอีกด้วย

   ประโยชน์ของไมโล ที่สำคัญเลยก็คือช่วยเสริมสร้างพลังงานให้แก่ร่างกายเพราะใน ผลิตภัณฑ์ไมโล มีส่วนประกอบหลักอย่างโปรโตมอลต์ ซึ่งเป็นมอลต์สกัดจากข้าวบาร์เล่ย์สูตรเฉพาะของไมโลที่ให้พลังงานแก่ร่างกายต่อเนื่องยาวนานเพราะตัวโปรโตมอลต์มีโมเลกุลของคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อนที่สลายเป็นน้ำตาลได้ช้ากว่ามอลต์ทั่วไปที่ส่วนใหญ่เป็นคาร์โบไฮเดรตเชิงเดี่ยว แถมโปรโตมอลต์ยังมีกลิ่นและรสชาติหอมอร่อยเป็นเอกลักษณ์ นี่จึงทำให้ ไมโล 3 in 1 แตกต่างจากผลิตภัณฑ์ช็อกโกแลตมอลต์ทั่วไปในท้องตลาด

   นอกจากนี้ในไมโลยังมีปริมาณโปรตีนและแคลเซียมสูงซึ่งจะช่วยเสริมสร้างการทำงานของกระดูกและฟันให้แข็งแรง ทั้งยังส่งผลต่อการเจริญเติบและซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของร่างกาย ไม่เพียงเท่านั้นยังมีวิตามินและแร่ธาตุหลายชนิดที่ผสานกันมาอย่างลงตัวในรูปแบบ Activ-Go เช่น วิตามินบี 6 บี 12 ช่วยในการทำงานของประสาทและสมอง วิตามินซีช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทาน ธาตุเหล็กช่วยเสริมสร้างเม็ดเลือดแดง เป็นต้น โดยแร่ธาตุและวิตามิน Activ-Go เหล่านี้จะค่อย ๆ ปลดปล่อยพลังงานและสารอาหารสู่ร่างกายอย่างต่อเนื่องยาวนานได้ทั้งวัน

   ไม่เพียงเท่านั้นผลิตภัณฑ์ ไมโล 3 อิน 1 ยังตอบโจทย์กลุ่มผู้สูงอายุและคนรักสุขภาพที่ต้องควบคุมอาหารและปริมาณน้ำตาลเพราะมี ไมโล สูตรหวานน้อย ที่ลดปริมาณน้ำตาลลงถึง 30% และไมโล ไม่มีน้ำตาล แต่ไปเน้นเพิ่มปริมาณนมที่ให้ความหวานตามธรรมชาติทำให้มีโปรตีนปริมาณมากถึง 5,000 มิลลิกรัม จากสูตรปกติที่มีเพียง 4,000 มิลลิกรัม จึงมีแคลเซียมสูงเหมาะสำหรับผู้สูงอายุที่มีปัญหากระดูกและกล้ามเนื้อเป็นอย่างมาก ที่สำคัญทั้ง ไมโล น้ำตาลน้อย และสูตรปราศจากน้ำตาลได้รับตราสัญลักษณ์ทางเลือกสุขภาพ (Healthier Choice Logo) รับรองว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีน้ำตาล ไขมันและโซเดียมในปริมาณที่เหมาะสมต่อร่างกาย

        หลาย ๆ คนอาจจะมองเห็นภาพว่าไมโลเป็นผลิตภัณฑ์สำหรับเด็กเท่านั้นแต่จริง ๆ แล้ว ไมโล 3 อิน 1 สามารถดื่มได้ทุกเพศทุกวัยไม่ว่าเด็กหรือผู้ใหญ่ แถมยังมีรูปแบบผลิตภัณฑ์ตอบโจทย์ทุกความต้องการของคนทุกวัย เด็ก ๆ ที่ชื่นชอบความหวานดื่มสูตรปกติ ส่วนผู้ใหญ่ที่ต้องการควบคุมน้ำตาลเลือกดื่ม ไมโล สูตรหวานน้อย หรือผงนมไมโลไม่มีน้ำตาล แต่ไม่ว่าจะเป็นสูตรไหนก็มีรสชาติกลมกล่อมลงตัวและเต็มเปี่ยมไปด้วยคุณค่าทางอาหารที่ครบถ้วน ซึ่งประโยชน์ดี ๆ เหล่านี้ได้ทำให้ผลิตภัณฑ์ไมโลครองใจคนทุกเพศทุกวัยเสมอมา หากสนใจผลิตภัณฑ์ไมโลผง (เพิ่มเติม: https://www.milo.co.th/our-products/milo-powder) สามารถติดตามโปรโมชั่นไมโล ได้ที่นี่ https://www.milo.co.th/
   
ที่มาข้อมูล
-   https://www.sanook.com/campus/1382705/
-   https://www.milo.co.th/goodness-of-milo
-   https://www.milo.co.th/our-products/milo-3in1

214
แนะนำเครื่องชงกาแฟแคปซูล Nespresso 4 รุ่นท็อปฮิตที่น่าใช้ที่สุด
การชงกาแฟสดดื่มกันภายในบ้านหรือในสำนักงานปัจจุบันไม่ใช่เรื่องที่ยุ่งยากอีกต่อไป เพราะมีเครื่องทำกาแฟที่มีความทันสมัยและใช้นวัตกรรมใหม่ ๆ เข้ามาเป็นตัวช่วยทำให้การชงกาแฟสะดวกง่ายดายมากขึ้น แต่หากจะให้ล้ำมากขึ้นหลายคนจะเลือกใช้เครื่องชงกาแฟแคปซูลที่เป็นนวัตกรรมใหม่ล่าสุดของการชงกาแฟ ซึ่งเครื่องทำกาแฟอัตโนมัติที่กำลังได้รับความนิยมสูงมาก โดยเฉพาะ 4 รุ่นท็อปฮิตจาก Nespresso ที่ถูกใจคอกาแฟยุคใหม่มาก ๆ ในขณะนี้ ได้แก่
     อันดับ 1 Nespresso Essenza Mini เป็นรุ่นที่มีขนาดกะทัดรัด น้ำหนักเพียงแค่ 2.3 กิโลกรัม ซึ่งสะดวกต่อการเคลื่อนย้ายหรือพกพาไปใช้งานในที่ต่าง ๆ ได้ง่าย ทั้งยังเป็นรุ่นที่สามารถใช้กับ สูตรชงกาแฟได้อย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นกาแฟดำสูตรคลาสสิก อย่างเอสเพรสโซ่หรืออเมริกาโน่ (เพิ่มเติมที่ : https://www.sanook.com/news/8396682/ ) ไปจนถึงกาแฟสูตรนม อย่างลาเต้และคาปูชิโน่ได้แบบสบาย ๆ เพราะมีการจัดเซตคู่กับเครื่องทำฟองนมมาให้พร้อมใช้งานด้วย
    อันดับ 2 Nespresso Atelier เป็นเครื่องรุ่นใหม่ที่โดนใจคอกาแฟอย่างมากเพราะมีฟังก์ชันเพิ่มความสะดวกในการใช้งานได้อย่างหลากหลายมากขึ้น อย่างเช่น มีก้านปั่นฟองนม ทำฟองนมแบบร้อนหรือเย็นได้ (Hot Foam และ Cold Foam) และยังสามารถเลือกปรับระดับความสูง – ต่ำของก้านปั่นฟองนมได้อีกด้วย นอกจากนี้ยังมีระบบการทำความร้อนเร็วด้วยเวลาเพียง 25 วินาที มีแรงดัน 19 บาร์ และมีระบบแจ้งเตือนเมื่อต้องขจัดคราบตะกรันสำหรับน้ำกระด้าง ซึ่งเป็นตัวช่วยในการดูแลเครื่องให้มีอายุการใช้งานได้อย่างยาวนานมากขึ้นนั่นเอง
อันดับ 3   Nespresso Inissia เป็นเครื่องชงกาแฟอีกรุ่นที่มาในรูปทรงกะทัดรัดและมีน้ำหนักเบา ทั้งยังโดดเด่นด้วยดีไซน์ที่ทันสมัยและเข้ากับการตกแต่งได้ง่าย รูปลักษณ์สวยเก๋และนิยมนำไปใช้ประดับตกแต่งสถานที่ได้ด้วย  โดยสามารถใช้ชงกับแคปซูลกาแฟในแบบของบาริสต้าได้ทุกเมนูที่ต้องการ เครื่องนี้ใช้แรงดัน 19 บาร์ และมีระบบการทำความร้อนได้เร็วด้วยเวลาเพียง 25 วินาทีเท่านั้น ทั้งยังมีระบบประหยัดพลังงานด้วยการปิดเครื่องอัตโนมัติเมื่อไม่มีการใช้งานเครื่องนานเกิน 9 นาที
อันดับ 4  Nespresso รุ่น Pixie Electric เป็นรุ่นที่โดดเด่นในด้านดีไซน์ที่ทันสมัย มีทั้งเฉดสีแดงและสีบรอนด์ในรูปทรงโค้งมนสวยเก๋ หลายคนจึงนิยมนำมาวางตกแต่งสถานที่ไปพร้อมกับการชงกาแฟด้วย สำหรับเครื่องรุ่นนี้มีขนาดกะทัดรัดด้วยน้ำหนักเพียง 2.8 กิโลกรัมเท่านั้น ช่วยให้การจัดวางเป็นไปได้ง่ายและสะดวก โดยสามารถใช้ชงกาแฟได้ทั้งแบบ Espresso และ Lungo ในเวลาไม่ถึง 1 นาที เพราะตัวเครื่องสามารถทำความร้อนได้เร็ว พร้อมกับมีแรงดันถึง 19 บาร์ จึงช่วยให้คอกาแฟดื่มด่ำกับกาแฟรสชาติกลมกล่อมได้อย่างรวดเร็ว
สำหรับเครื่องชงกาแฟ Nespresso ทุกรุ่นยังมีการรับประกันตัวเครื่องให้ถึง 2 ปี โดยคุณสามารถศึกษารายละเอียดเกี่ยวกับเครื่องชงกาแฟเพิ่มเติมได้ที่ https://www.nespresso.com/th/th/order/machines

ที่มาข้อมูล
-   https://www.wongnai.com/news/nespresso-atelier
-   https://home.kapook.com/view237923.html
-   https://www.nespresso.com/th/th/order/machines/pixie-red-coffee-machine
-   https://www.nespresso.com/th/th/order/machines/inissia-red-coffee-machine
-   https://www.nespresso.com/th/th/order/machines/essenza-mini-ruby-red

215
            ใคร ๆ ก็รู้ว่ามื้อเช้าสำคัญสำหรับลูกแค่ไหน เพราะนอกจากจะทำให้น้อง ๆ อิ่มท้องก่อนไปโรงเรียนแล้ว ยังเป็นมื้อสำคัญที่ช่วยในการพัฒนาการเจริญเติบโตของร่างกายและสมอง ช่วยเสริมสร้างพละกำลังให้แข็งแรง มีความจำดีและมีสมาธิมากขึ้น ดังนั้นวันนี้เราจึงอยากชวนคุณพ่อคุณแม่และน้อง ๆ มาเข้าครัวกับ ไอเดียอาหารเช้าสุดเจ๋ง มาดูกันว่าเราจะมีเมนูอาหารเช้าลูกก่อนไปโรงเรียน อะไรมาเติมพลังให้เด็ก ๆ กันบ้าง

1.   ข้าวห่อไข่
            เริ่มกันที่ข้าวห่อไข่กันดีกว่า เป็นอาหารเช้าสำหรับเด็กที่น่ากินมาก เริ่มแรกก็ตั้งกระทะใช้ไฟอ่อน และรอให้กระทะร้อนสักครู่ ระหว่างนั้นตอกไข่เป็ดใส่ชามลงไป 2 ใบ ปรุงด้วยเกลือและนมสด คนให้เข้ากัน ใส่เนยลงกระทะให้ละลายแล้วเทไข่ลงไป เอียงกระทะให้ไข่แผ่กระจายให้ทั่ว พอไข่เริ่มสุกก็ให้ใส่หมูแฮม ชีสและข้าว 1 ถ้วยลงไปตรงกลางไข่ จากนั้นห่อไข่ง่าย ๆ ด้วยการพับไข่จากวงกลมทั้ง 4 ด้านเข้าด้วยกัน และคว่ำกระทะลงบนจานออกมาเป็นไข่รูปสี่เหลี่ยม ตกแต่งจานด้วยแตงกวาและมะเขือเทศหั่นเต๋า และทานคู่กับซอสมะเขือเทศ น่ากินสุด ๆ

2.   โจ้กทูน่า
            โจ๊ก คือ ไอเดียอาหารเช้า (เพิ่มเติม: https://www.milo.co.th/blog/ไอเดียอาหารเช้าเด็กก่อนไปโรงเรียน) ที่ครองใจใครหลายคนเลยก็ว่าได้ แต่ถ้าเป็นโจ๊กทูน่าอาจจะไม่ค่อยได้ทานกันเหมือนโจ๊กหมู ซึ่งเราทำได้ง่าย ๆ เพียงแค่ใส่น้ำซุปไก่หรือกระดูกหมูลงในหม้อ ใส่ข้าวลงไปคนจนนิ่มเหลวเหมือนเนื้อโจ๊ก ตามด้วยทูน่า แครอท ฟักทอง ไข่ลวก และต้นหอมซอยเล็กน้อย เท่านี้เราก็ได้โจ๊กอร่อยหอม ๆ เป็น อาหารเช้า เด็ก ที่เปี่ยมด้วยโปรตีน เหยาะซอสปรุงรสไปสักหน่อยก็เป็นอันใช้ได้แล้วล่ะ

3.   ข้าวราดเต้าหู้ทรงเครื่อง
            เมนูอาหารเช้าสำหรับเด็กนี้ บอกเลยว่าสีสันน่ารับประทานและชวนหิวมาก ๆ ขั้นแรกให้ตั้งกระทะไฟกลาง ใส่หมูสับลงไปผัดจนสุก และใส่ผักหลากสีสันชิ้นเล็กลงไป เช่น บรอกโคลี แครอท ข้าวโพดอ่อน และถั่วลันเตา ปรุงรสให้อร่อยด้วยน้ำมันหอย ซอสมะเขือเทศ ซีอิ๊วขาว น้ำตาล และแป้งมันะลายน้ำเพื่อความข้น ตบท้ายด้วยการใส่เต้าหู้ถั่วเหลืองหั่นเต๋าลงไปหรือจะใช้เต้าหู้ไข่ก็ได้ตามชอบ คลุกเคล้าให้เข้ากัน ตักราดข้าวสวยร้อน ๆ พร้อมเสิร์ฟ

            อาหารเช้าลูกก่อนไปโรงเรียนจะอร่อยมากขึ้น ไม่มีปัญหาเด็กผอมมากหรือลูกเลือกกิน (เพิ่มเติม: https://www.milo.co.th/blog/เลือกอาหารอย่างไรให้ลูกโตสมวัย) ถ้าทั้งครอบครัวได้ใช้เวลาทำมื้อเช้าด้วยกัน แต่อาหารเช้าเด็กจะอร่อยและมีคุณค่ามากขึ้นถ้าทานคู่กับไมโล เพราะนอกจากจะอร่อยแล้ว ประโยชน์ของไมโล ยังช่วยเสริมสร้างการเจริญเติบโตของร่างกายและพัฒนาสมองอีกด้วย เห็นประโยชน์ของไมโลแบบนี้แล้ว อย่ารอช้าที่จะให้เด็ก ๆ ดื่มไมโลกันหลังมื้อเช้าด้วยนะ

ที่มาข้อมูล
-   https://www.wongnai.com/recipes/tuna-amaranth-rice-soup
-   https://www.wongnai.com/recipes/tofu-in-ketchup-sauce
-   https://www.cpbrandsite.com/tips-tricks/ข้าวห่อไข่ทำยังไงให้เนียนนุ่มน่าทาน

216
3 คอนโดกรุงเทพ บนทำเลทอง อยู่เองก็ได้ ปล่อยเช่าก็ดี   เงื่อนไขข้อแรก ๆ ที่เราใช้ในการตัดสินใจเลือกคอนโด ไม่ว่าจะเพื่ออยู่อาศัยหรือให้เช่า โดยเฉพาะหากต้องการลงทุนเพื่อปล่อยเช่า ทำเลนับเป็นเรื่องสำคัญอย่างมาก เราจึงจะมาแนะนำคอนโดในทำเล New-CBD ที่อนาคตมีแต่รุ่งกับรุ่ง
1.   The Base Garden พระราม 9
The Base พระราม 9 เป็นหนึ่งในตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการซื้อคอนโดมือสองเพราะทำเลที่ตั้งอยู่ในจุดกึ่งกลางที่สามารถเข้าในเมือง หรือออกสู่รอบนอกได้อย่างสะดวก เพราะเป็นคอนโดกรุงเทพที่ตั้งอยู่จุดตัดของถนนพระราม 9 กับรามคำแหง ใกล้ทั้งทางด่วนศรีรัชและทางด่วนรามอินทรา-อาจณรงค์ สำหรับผู้ที่เดินทางโดยขนส่งมวลชนที่นี่อยู่ห่างจาก Airport Link สถานีรามคำแหงเพียง 750 เมตรเท่านั้น นี่คือความลงตัวที่ทำให้การเดินทางในเมืองหลวงเป็นเรื่องที่ไม่ต้องเครียดมาก ทั้งยังเป็นแหล่งที่มีความอุดมสมบูรณ์อย่างมาก เพราะมีทั้ง Food Land ห้างเดอะมอลล์บางกะปิ โรงหนังเมเจอร์ซีนีเพล็กซ์ และบิ๊กซี ที่สำคัญบริเวณหน้ารามยังมีร้านค้าตลอดวันทั้งร้านอาหาร เสื้อผ้า ของใช้ สามารถจับจ่ายใช้สอยอย่างสะดวกสบาย ถึงแม้ไม่ใช่ย่านคอนโดติดรถไฟฟ้าก็ตามที
The Base พระราม 9 คอนโด High Rise สูง 35 ชั้น ตกแต่งด้วยสไตล์ Modern ที่มาจากหลักการออกแบบคอนเซ็ปต์ Fit Your Life เพื่อตอบโจทย์ความคล่องตัวในการใช้ชีวิตของคนเมือง
2.   The Line อโศก – รัชดา
The Line อโศก – รัชดา เป็นคอนโดกรุงเทพที่แทรกตัวขึ้นบนพื้นที่ New-CBD (new-central business district) แห่งใหม่ของกรุงเทพ ย่านนี้จึงเป็นความคึกคักทางด้านเศรษฐกิจถัดมาจากย่านสุขุมวิท สีลม ทั้งยังมีความอุดมสมบูรณ์ทุกด้าน เพราะเป็นแหล่งรวมของสำนักงาน ตึกใหญ่มากมาย ห้างสรรพสินค้าเซ็ลทรัลพระราม 9, ศูนย์วัฒนธรรมฯ, บิ๊กซี ร้านค้า ร้านอาหาร และร้านแฮงก์เอ้าท์เรียงราย The Line อโศก – รัชดา ถือว่าเป็น คอนโดรัชดาที่มีความสะดวกในเรื่องการเดินทางอย่างมาก ไม่ว่าจะออกนอกเมืองหรือเข้ากรุงเทพชั้นใน และอยู่ห่างจาก MRT สถานีพระราม 9 เพียง 300 เมตร ถือเป็นคอนโดติดรถไฟฟ้าอีกแห่งที่น่าสนใจ
The Line อโศก – รัชดา เป็นคอนโด High Rise 38 ชั้น บนเนื้อที่ 2 ไร่ ลักษณะการออกแบบเน้นความเป็น Modern Luxury ให้มีความเรียบแต่หรู สะท้อนรสนิยมผู้อาศัยได้อย่างเฉียบคม
3.   Noble Revolve รัชดา
Noble Revolve รัชดา อีกโครงการที่มีความยูนีคและพิเศษสุด ๆ ตรงอยู่ติดกับ MRT สถานีศูนย์วัฒนธรรมเพียง 100 เมตรเท่านั้น นี่คือคอนโดที่เรียกว่าติดรถไฟฟ้าของจริง อย่างที่รู้กันดีว่าย่านนี้กำลังเป็น New-CBD แห่งใหม่ของกรุงเทพฯ ความเจริญที่เริ่มทยอยหลั่งไหลเข้ามา ทำให้ผู้ที่สนใจอยากเป็นเจ้าของคอนโดบนทำเลศักยภาพต้องไม่พลาดที่นี่ Noble Revolve รัชดา คอนโด High Rise 40 ชั้น บนเนื้อที่ 2 ไร่เศษ ออกแบบด้วย Revolve Concept คือสามารถปรับเปลี่ยนพื้นที่ให้เหมาะสมกับการใช้งานด้วยเฟอร์นิเจอร์ที่ปรับหมุนได้นั่นเอง
ใครที่กำลังมีความสนใจต้องการซื้อคอนโดมือสองลองดูทั้ง 3 โครงการนี้แล้ว ตกผลึกเข้ากับจุดประสงค์ของตัวเองว่าเหมาะสมกับโครงการไหน ไม่ว่าซื้อเพื่ออยู่เอง หรือปล่อยเช่าบอกเลยว่าเหมาะมาก
หรือหากใครสนใจซื้อคอนโดมือสองย่านอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นคอนโดรัชดา, คอนโดห้วยขวาง (เพิ่มเติมที่ : https://www.bkkcitismart.com/ซื้อ/คอนโดพระราม_9 ) และ คอนโดลาดพร้าว สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมในเว็บไซต์ BKKCITYSMART โทร 02-688-7555 หรือ www.plus.co.th ตัวแทนด้านอสังหาริมทรัพย์ รับฝากขาย ปล่อยเช่า และการซื้อขายคอนโดมือสอง ครบทุกขั้นตอน พร้อมบริการให้คำปรึกษาเกี่ยวกับที่อยู่อาศัย ด้วยทีมงานระดับคุณภาพ

ที่มาข้อมูล
-   https://thinkofliving.com/คอนโด/พาชมตึกเสร็จ-the-base-พระราม-9-รามคำแหง-คอนโด-high-rise-สูง-35-ชั้น-ติดแยกรามคำแหง-จาก-แสนสิริ-รีวิวฉบับที่-1119-330994-รีวิวโครงการ/
-   https://thinkofliving.com/คอนโด-บ้าน/รีวิวตึกเสร็จ-the-line-อโศก-รัชดา-คอนโด-high-rise-ห่างจาก-mrt-พระราม-9-300-เมตร-จาก-แสนสิริ-รีวิวฉบับที่-1884-565430-รีวิวโครงการ/
-   https://thinkofliving.com/คอนโด/noble-revolve-ratchada-คอนโด-40-ชั้น-ใกล้สถานีรถไฟใต้ดิน-ศูนย์วัฒนธรรม-โครงการล่าสุดจาก-noble-รีวิวฉบับที่-295-55105-รีวิวโครงการ/

217
            หากพูดถึงการทำประกันชีวิต เชื่อว่าหลายคนคงคุ้นเคย และเชื่อว่าหลายคนก็มีประกันชีวิตเป็นของตัวเองแล้ว แต่หากพูดถึง ประกันชีวิตแบบบํานาญ เชื่อว่าคงมีหลายคนที่สงสัยว่ามันคืออะไร ต่างกับประกันแบบเดิม ๆ ที่เรารู้จักหรือเปล่า วันนี้เราจะมาทำความรู้จักประกันแบบนี้ให้มากขึ้น และสำหรับหลายคนที่รู้แล้วว่ามันคืออะไร แต่ก็ยังสงสัยว่าจะทำประกันแบบนี้ดีหรือไม่ ในวันนี้ ข้อมูลที่เรานำมาแนะนำนี้จะช่วยให้คุณตัดสินใจได้ง่ายขึ้น

            ก่อนอื่นเราขอแนะนำประกันบำนาญของ KTB ซึ่งก็คือรูปแบบการทำประกันที่คุณส่งเบี้ยประกันไปในระยะเวลาหนึ่งตามเงื่อนไขที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ ไม่ว่าจะเป็นการส่งเบี้ยครั้งเดียวเป็นเงินก้อนใหญ่ การจ่ายเบี้ยประกันในระยะ 5 ปี หรือสัญญาที่ระบุให้คุณจ่ายเบี้ยไปจนครบอายุเกษียณ (เช่น อายุ 55 ปี) ไม่ว่าเงื่อนไขจะเป็นอย่างไร สิ่งที่เหมือนกันคือความคุ้มครองจะเกิดขึ้นหลังจากที่คุณเข้าสู่วัยเกษียณแล้ว โดยผลประโยชน์ที่ได้จะอยู่ในรูปเงินคืนซึ่งถูกแบ่งจ่ายในอัตราเท่า ๆ กันไปจนกระทั่งครบอายุความคุ้มครอง (เช่น คุ้มครองถึงอายุ 85 ปี)

            จากข้อมูลดังกล่าว จะเห็นได้ว่าประกันลักษณะนี้ได้ถูกออกแบบมาเป็นพิเศษสำหรับใครก็ตามที่ต้องการ วางแผน เกษียณ สร้างความมั่นคงทางการเงินให้เกิดขึ้นหลังเกษียณ หรืออย่างน้อยที่สุดคือต้องการมีเงินไว้ใช้ในอัตราส่วนที่เท่า ๆ กัน ไม่ต้องปวดหัวกับการจัดสรรเงินก้อนใหญ่ และที่สำคัญคือต้องการความคุ้มครองในระยะยาว

            นอกจากเรื่องเงินบำนาญที่จะได้รับอย่างต่อเนื่องไปจนครบอายุสัญญาแล้ว เบี้ยประกันลักษณะนี้ยังนำไปลดหย่อนภาษีได้เช่นเดียวกับประกันแบบอื่น และหากคุณเป็นอะไรไปก่อนที่จะครบอายุสัญญา ไม่ว่าจะเป็นการเสียชีวิตก่อนวัยเกษียณ หรือเสียชีวิตในระยะที่ยังรับบำนาญอยู่ ก็ไม่ต้องกังวลว่าทุกอย่างจะสูญเปล่า เพราะผู้รับผลประโยชน์ที่ระบุไว้จะได้รับเงินชดเชยในอัตราส่วนที่เป็นไปตามเงื่อนไขในกรมธรรม์ 

            อย่างไรก็ตาม ประกันบำนาญ ก็มีข้อจำกัดบางอย่างเช่นกัน โดยที่เห็นได้ชัดก็คือ แม้ว่าจะการันตีเงินบำนาญหลังเกษียณให้เราได้ แต่ก็ถือเป็นการออมเงินที่ให้ผลตอบแทนต่ำกว่าการลงทุนประเภทอื่น (เช่น การซื้อ RMF) ทั้งนี้ก็เพราะมีความเสี่ยงน้อยกว่า ทำให้โอกาสที่จะได้ผลตอบแทนมีน้อยกว่าตามไปด้วย

            นอกจากเรื่องผลตอบแทนแล้ว เงินที่ผู้รับผลประโยชน์จะได้รับก็เป็นอีกหนึ่งข้อจำกัดของ ประกันชีวิตแบบบํานาญ เพราะถือว่าอยู่ในปริมาณที่ต่ำกว่าประกันแบบอื่น ฉะนั้นหากเป้าหมายของคุณคือเพื่อมีเงินก้อนใหญ่ไว้ให้ลูกหลาน ก็คงต้องมองหาประกันชีวิตตัวอื่นที่ตอบโจทย์ได้มากกว่า แต่ถ้าต้องการทั้งเงินบำนาญ และมีเงินจำนวนหนึ่งไว้ให้ลูกหลานด้วย ประกันแบบนี้ก็ถือว่าตอบโจทย์

            ท้ายที่สุด เราคงตอบคุณไม่ได้ว่าวิธีวางแผนเกษียณ โดยการซื้อประกันเพื่อวัยเกษียณจะเหมาะกับคุณหรือไม่ เพราะแต่ละคนก็มีเป้าหมายที่ต่างกัน แต่เราค่อนข้างมั่นใจว่าข้อมูลที่ได้ให้ไปนี้ จะสามารถช่วยให้คุณตัดสินใจได้ง่ายขึ้น และช่วยให้หลายคนไม่ลังเลที่จะเริ่มเตรียมตัวเพื่อวัยหลังเกษียณตั้งแต่วันนี้

 
ที่มาข้อมูล
-   https://www.scb.co.th/th/personal-banking/stories/retirement-plan/annuity.html
-   https://www.finnomena.com/muangthailife/pension-or-investment/
-   https://bit.ly/3er3tF8

218
สาวอวบสวยอย่างมั่นใจ ด้วยเทคนิคแต่งกายอำพรางรูปร่างด้วยกางเกงยีนส์ขาม้า
กางเกงยีนส์ขาม้าหรือหลายคนชอบเรียกว่า กางเกงขากระดิ่ง ถือเป็นอีกหนึ่งแฟชั่นไอเท็มที่กลับมาได้รับความนิยมให้หมู่สาว ๆ อีกครั้ง เพราะไม่เพียงแต่มอบลุควินเทจนิด ๆ แต่ยังเหมาะกับสาวอวบ เพราะกางเกงทรงนี้จะช่วยให้เรียวขาดูยาวขึ้นและเพื่อการใส่ยีนส์ขาม้าให้สวยเพรียวกว่าเดิม ลองมาดูเทคนิคดี ๆ ที่จะทำให้สาวอวบสวมใส่ยีนส์ทรงนี้ได้อย่างมั่นใจ
เลือกยีนส์สีเข้ม
เทคนิคสำคัญในการเลือกยีนส์ขาม้าให้ใส่ออกมาแล้วหุ่นเป๊ะ นั่นคือ การเลือกยีนส์ขาม้าสีเข้ม เช่น สีดำ สีน้ำเงินเข้ม เพราะช่วยอำพรางรูปร่างได้อย่างดีเยี่ยม ที่สำคัญโทนสีเข้มยังจับคู่กับเสื้อผ้าสีอื่นได้ง่ายกว่าโทนสีอ่อน จะหยิบเสื้อสายเดี่ยวสีพื้นหรือเสื้อเปิดไหล่สีสันสดใสมาใส่ก็รอดแน่นอน
เลือกยีนส์ขนาดพอดีตัว
ไม่เพียงแต่เรื่องสีสันเท่านั้น เพราะการเลือกขนาดกางเกงยีนส์พอดีตัวยังช่วยทำให้รูปร่างดูเพรียวขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เพราะหากเลือกกางเกงขนาดใหญ่เกินไปจะทำให้ดูอ้วนกว่าปกติและอาจทำให้ดูลุ่มล่ามไม่น่ามอง แต่หากเลือกกางเกงรัดรูปเกินไปอาจเผยให้เห็นจุดบกพร่อง เพราะฉะนั้นเลือกแบบพอดีตัวและสวมใส่สบายจะดีที่สุด ไม่ว่าจะแมตช์กับรองเท้าแตะผู้หญิง (เพิ่มเติมที่ : https://th.hm.com/th_th/ladies/shop-by-product/shoes/sandals-espandrillos.html ) หรือรองเท้าผ้าใบก็ดี
รองเท้าส้นสูงเท่านั้นถึงเอาอยู่
สาวอวบบอกลารองเท้าผ้าใบหรือรองเท้าส้นเตี้ยไปก่อน เพราะรองเท้าที่เข้ากับยีนส์ขาม้าที่สุดคือ รองเท้าส้นสูงช่วยให้ช่วงขาดูยาวยิ่งขึ้น ทำให้รูปร่างดูสูงโปร่ง ที่สำคัญยังช่วยเสริมบุคลิก เวลาเดินหลังตรงและท่าทางการเดินสวยขึ้นอีกด้วย
เลือกเสื้อผ้าท่อนบนที่ช่วยพรางหุ่น
ไม่เพียงแต่ให้ความสำคัญกับการเลือกเสื้อผ้าท่อนล่างเท่านั้น เพราะเสื้อผ้าท่อนบนก็สำคัญไม่น้อย เทคนิคง่าย ๆ คือเลือกเสื้อผ้าโทนสีเข้ม ขนาดพอดีตัว สำหรับเรื่องดีไซน์ก็สำคัญ แนะนำให้เลือกเป็นเสื้อคอวีหรือเสื้อเปิดไหล่เผยช่วงต้นคอเล็กน้อยเพื่อไม่ให้ดูตันเกินไป
เมื่อกางเกงยีนส์ขาม้าคือตัวเลือกของสาวอวบที่เมื่อใส่แล้วทำให้รูปร่างดูผอมเพรียว เพราะฉะนั้นสาว ๆ คนไหนที่ไม่มั่นใจในรูปร่างอย่าลืมหาซื้อติดตู้เสื้อผ้า ที่สำคัญอย่าลืมนำเทคนิคการเลือกยีนส์ขาม้าไปปรับใช้ รับรองว่าหยิบมาใส่เมื่อไหร่ก็รอดแน่นอน
ที่มาข้อมูล :
-   https://shopspotter.in.th/content/6-secrets-for-chubby-girls
-   https://shopspotter.in.th/content/plus-size-jeans


219
            เรื่องต้องรู้โอนเงินต่างประเทศผ่านแอปพลิเคชันส่งเงินง่ายและเร็วกว่าเดิม

1.โอนเงินสะดวกกว่าเดิม  ขั้นตอนการใช้บริการเริ่มต้นง่าย ๆ เมื่อมีบัญชีธนาคารแล้ว ดาวน์โหลดแอปพลิเคชันธนาคารออนไลน์หรือไอแบ็งกิ้งบนมือถือ โอนเงินไปต่างประเทศ โดยไม่ต้องเดินทางไปธนาคารสาขา ทำรายการได้ทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง

2.รวดเร็วกว่า  ระยะเวลาที่เงินเข้าบัญชีปลายทางขึ้นอยู่กับธนาคารในประเทศปลายทาง ตั้งแต่ 1 วันจนถึงไม่เกิน 5 วันทำการ ทางฝั่งผู้รับโอนจะได้รับเงินสะดวกง่ายดาย

3.โอนเงินครอบคลุมหลายวัตถุประสงค์ ดังนี้
               -ชำระค่าสินค้าและบริการ
               -ค่าใช้จ่ายสำหรับการศึกษาในต่างประเทศ
               -ค่าใช้จ่ายสำหรับการเดินทางของนักเรียน
               -ส่งเงินไปต่างประเทศหรือกลับประเทศ
               -ค่าใช้จ่ายเดินทางท่องเที่ยว

4.ลดขั้นตอนการโอนยุ่งยาก  ผู้โอนเงินใช้แอปพลิเคชันโอนเงินไปปลายทางจะเป็นบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลก็ได้ ไม่ต้องใช้เอกสารใด ๆ ในการทำธุรกรรม โอนเงินต่างประเทศ เป็นเงินสกุลเดียวกับบัญชีของผู้รับเงินปลายทาง

5.ผู้รับเงินได้รับเงินเต็มจำนวน  การโอนเงินมีค่าธรรมเนียมซึ่งหักจากทางฝั่งผู้โอน หมายความว่าธนาคารจะตัดบัญชีของผู้โอนให้เรียบร้อยก่อนจะทำรายการโอนเงินไปต่างประเทศ ทางผู้รับจึงได้รับเงินเต็มจำนวน เมื่อทำรายการเสร็จและเงินเข้าบัญชีผู้รับเงินปลายทางแล้ว จะส่งการแจ้งเตือนในแอปพลิเคชันให้ผู้โอนเงินได้ทราบทันที

6.ไม่ต้องแนบหลักฐานการโอนเงินใด ๆ   ทุกรายการโอนเงินมีการบันทึก e-Slip โดยอัตโนมัติเป็นหลักฐานการทำธุรกรรมบนแอปพลิเคชันในมือถือเพื่อแชร์ยืนยันให้ผู้รับเงินปลายทางได้ทราบว่ามีการโอนเงินเรียบร้อย โอนแล้วรู้เร็วทันใจ

7.การโอนเงินออนไลน์มีวงเงินข้อจำกัด  การโอนเงินทางออนไลน์มีวงเงินการโอนด้วย จำนวนเงินสูงสุดขึ้นอยู่กับข้อกำหนดของธนาคารปลายทางในต่างประเทศซึ่งมีข้อจำกัดด้านจำนวนเงินต่อครั้งต่อเดือน ก่อนใช้บริการธนาคารออนไลน์ควรตรวจสอบข้อมูลก่อนเปิดบัญชีธนาคารที่รองรับความต้องการได้ตรงจุดที่สุด

8.อัตราการจ่ายค่าธรรมเนียมถูกกว่า  ค่าธรรมเนียมการโอนเงินไปต่างประเทศ (เพิ่มเติม: https://krungthai.com/th/content/personal/cash-management/payment-transfer/krungthai-warp) ผ่านแอปพลิเคชันราคาประมาณ 150-350 บาทต่อรายการ อัตราค่าธรรมเนียมถูกกว่าการโอนเงินผ่านระบบ SWIFT หรือตัวแทนรับโอนเงิน แต่ยังคงแพงกว่าค่าธรรมเนียมโอนเงินผ่านระบบ Western Union และ MoneyGram ซึ่งมีราคาเริ่มต้นไม่เกิน 100 บาท ส่วนการโอนเงินผ่านเคาน์เตอร์คิดค่าธรรมเนียมตามวงเงินที่โอนซึ่งคิดราคาปานกลาง ไม่ถูกหรือแพงมาก

9.แอปพลิเคชันของแต่ละธนาคารแตกต่างกัน
               ควรศึกษาและเปรียบเทียบแอปพลิเคชันและรายละเอียดของแต่ละธนาคาร ตรวจสอบโปรโมชั่นฟรีต่าง ๆ เช่น ฟรีค่าธรรมเนียมรายการโอนเงินต่างประเทศไม่จำกัดจำนวนครั้งภายในระยะเวลาที่กำหนด
การใช้แอปพลิเคชันทางการเงินเป็นเรื่องง่ายและรวดเร็ว ขอเพียงเลือกธนาคารที่มีบริการที่เหมาะสมตรงกับความต้องการ ก็จะได้รับประโยชน์คุ้มค่าสูงสุด

ที่มาข้อมูล
- https://www.posttoday.com/finance-stock/money/444402
- https://www.loftgirl.com/2509/วิธีโอนเงินไปต่างประเท/
- https://rabbitfinance.com/blog/credit-card/how-to-global-transfer
- https://www.proextron.com/article/183/รับเงินโอนจากต่างประเทศ-ทำได้อย่างไรบ้าง

220
เช็คให้ชัวร์ก่อนซื้อ iPhone 12 Pro เครื่องเปล่า ใช้ 5G กับ ais ได้หรือไม่ พร้อมโปรสุดแจ่ม
หลายคนอาจจะกังวลเกี่ยวกับมือถือสมาร์ทโฟนแบรนด์ดังอย่าง iPhone 12 ทั้ง 4 รุ่นที่เพิ่งเปิดตัวเมื่อปลายปี 2020 ที่ผ่านมาว่าเทคโนโลยี 5G ที่รองรับจะสามารถใช้งานกับเครือข่าย 5G ของ ais ได้จริง ซึ่งเครื่องดังกล่าวจะต้องรองรับการใช้งาน 5G บนคลื่นความถี่ 2600 MHz มีซิมการ์ดเฉพาะ 5G และได้รับการเปิดใช้งานด้วยโอเปอร์เรเตอร์และจะสามารถใช้งานได้ก็ต่อเมื่ออยู่ในพื้นที่ที่มีเครือข่าย 5G พร้อมแพ็กเกจ 5G เท่านั้น ซึ่งทาง iPhone 12 ใหม่ ทุกรุ่นได้รับการเปิดเผยสเปคออกมาอย่างหมดจดแล้วว่าสามารถใช้งาน 5G บนเครือข่าย ais ได้จริงและได้ทำการทดสอบและพิสูจน์แล้วว่าเร็ว แรง สมกับเป็นเทคโนโลยีใหม่ที่ทาง APPLE ได้ทำการอัปเกรดและได้ติดตั้งมาใน iPhone 12 ทุกรุ่น ทำให้ใครหลายคนที่ต้องการซื้อไม่ผิดหวังอย่างแน่นอน
โดยทาง ais ได้ทำการจัดโปรโมชันเพื่อเอาใจสาวก iPhone ใหม่นี้กับโปร iPhone 12 Pro จาก AIS เครื่องเปล่า ราคาเงินสดและแบบผ่อนไอโฟน ซึ่งมีให้เลือกหลากหลายโปรโมชันที่ทุกคนสามารถสัมผัสได้
โปร iPhone 12 เครือข่าย ais
    iPhone 12 Pro ราคาเครื่องเปล่าสำหรับใครที่ใช้งานเครือข่าย ais ในรูปแบบเติมเงินหรือรายเดือนที่มียอดใช้งานขั้นต่ำ 150 บาทขึ้นไปจะได้ส่วนลดค่าเครื่องเปล่า 1,000 บาท และหากใช้งานร่วมกับบัตรเครดิตที่ร่วมรายการจะสามารถ ผ่อนไอโฟน เครื่องเปล่า 0% ได้นานสูงสุดถึง 40 เดือน ทั้งนี้ควรตรวจสอบในส่วนของโปรโมชันของบัตรเครดิตดูอีกครั้งหนึ่ง เพราะบัตรเครดิตบางใบสามารถให้เครดิตเงินคืนแต่จำกัดในเรื่องของจำนวนเดือนที่ผ่อน ยิ่งผ่อนจำนวนเดือนน้อยเท่าไร ยิ่งได้เครดิตเงินคืนมากเท่านั้น ซึ่ง โปร iPhone ของ ais ที่มาพร้อมแพ็กเกจ 5G มีอยู่ด้วยกัน 3 โปรด้วยกันได้แก่
AIS Best Buy เครื่องราคาพิเศษ ไม่ต้องชำระค่าบริการล่วงหน้า เมื่อสมัครแพ็กเกจตามที่กำหนดก็จะได้ส่วนลดเพิ่ม โดยมีแพ็กเกจรายเดือนให้เลือกดังนี้ 699 / 1,199 / 1,499 / 1,699 ในขณะที่ผู้ใช้เติมเงินและรายเดือนขั้นต่ำ 150 บาท จะได้รับฟรี อินเทอร์เน็ตโบนัส 3G (300 x 10 เดือน)
AIS HOT DEAL เครื่องราคาพิเศษพร้อมแพ็กเกจ AIS 5G One Plan for iPhone
-   แพ็กเกจเริ่มต้น 699 บาท จ่ายค่าบริการล่วงหน้า 2,000 บาท
-   แพ็กเกจเริ่มต้น 1,199 บาท จ่ายค่าบริการล่วงหน้า 3,000 บาท
-   แพ็กเกจเริ่มต้น 1,499 บาท จ่ายค่าบริการล่วงหน้า 4,000 บาท
-   แพ็กเกจเริ่มต้น 1,699 บาท จ่ายค่าบริการล่วงหน้า 5,000 บาท
AIS HOT DEAL EASY PAY แพ็กเกจค่าเครื่องพร้อมค่าบริการรายเดือนในบิลเดียวกัน สามารถผ่อนชำระ 0% นานสูงสุด 24 เดือนกับบัตรเครดิต ซิตี้แบงค์ เรดดี้เครดิตและบัตร SCB SPEEDY CASH ให้ส่วนลดดังนี้
-   แพ็กเกจ 5G One Plan 1,199 รับส่วนลด 12,400 บาท
-   แพ็กเกจ 5G One Plan 1,499 รับส่วนลด 15,400 บาท
-   แพ็กเกจ 5G One Plan 1,699 รับส่วนลด 17,400 บาท
สำหรับใครที่ต้องการผ่อนไอโฟนกับทาง ais พร้อมเงื่อนไขดี ๆ แบบนี้ ไม่ว่าจะเป็น iPhone 12 หรือ iPhone 12 รุ่น Pro Max ก็สามารถติดต่อกับทางศูนย์บริการใกล้บ้านท่าน  แล้วมาสัมผัสกับประสบการณ์ความแรงของเครือข่าย 5G ais ไปด้วยกัน
ที่มาข้อมูล
-   https://mgronline.com/cyberbiz/detail/9630000020912
-   https://www.facebook.com/watch/?v=974395412966874
 

221
5 เหตุผลที่ควรดื่มกาแฟดำที่คนรักสุขภาพต้องรู้ไว้
          กาแฟเป็นสิ่งที่หลายคนขาดไม่ได้ อย่างน้อย ๆ ทุกเช้าก็จะต้องดื่มก่อนออกไปทำงาน 1 แก้วทุกวัน เพิ่มความสดชื่นและกระปรี้กระเปร่า ซึ่งโดยปกติคนส่วนใหญ่จะเลือกดื่มกาแฟใส่นมเพราะรสชาติที่หวาน กลมกล่อม ทำให้ดื่มง่าย แต่อาจจะไม่ดีต่อสุขภาพระยะยาว เพราะส่วนผสมเหล่านั้นหากสะสมเป็นเวลานานอาจทำให้เกิดโรคอ้วน น้ำตาลในเลือดสูง และอีกมากมาย แต่ตรงกันข้ามกับการดื่มกาแฟดำที่ดื่มแรก ๆ เราอาจจะไม่ชอบในรสชาติ แต่รู้ไหมว่าเปี่ยมด้วยคุณประโยชน์มากมายโดยเฉพาะสายสุขภาพ วันนี้เราจึงหยิบ 5 เหตุผลของการดื่มกาแฟดำมาฝากกัน ดังนี้
1.      ลดน้ำหนัก หากเป็นกาแฟทั่วไปที่มีส่วนผสมของนมและน้ำตาล แน่นอนว่าจะอุดมไปด้วยไขมันและคอเลสเตอรอล แต่หากเป็นกาแฟดำร่างกายก็จะห่างไกลจากความเสี่ยงเหล่านั้น แถมมีผลดีต่อคนที่กำลังควบคุมน้ำหนักอีกด้วย เนื่องจากคาเฟอีนในกาแฟจะเข้าไปกระตุ้น “เทอร์โมเจนีซีส” หรือที่เข้าใจกันง่าย ๆ คือช่วยสลายไขมันและช่วยเร่งการเผาผลาญในร่างกายให้ดีขึ้น เราจะสังเกตว่ากลุ่มคนออกกำลังกายหลายคนนิยมดื่มกาแฟก่อนทำกิจกรรมอย่างน้อย 30 นาที ทั้งนี้ยังช่วยกระตุ้นให้ออกกำลังกายได้นานขึ้นกว่าเดิมอีกด้วย
2.      ป้องกันโรคตับแข็ง ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีสำหรับคอกาแฟและคนที่มีภาวะความเสี่ยง เพราะในกาแฟที่ไม่มีการใส่ส่วนผสมอื่น ๆ จะมีนิโคตินแบบวิตามินบีรวมอยู่ในนั้น และเป็นสิ่งที่ร่างกายต้องการ ทำให้ลดภาวะเสี่ยงต่อการเกิดโรคตับมะเร็ง และโรคลำไส้ต่าง ๆ โดยเฉพาะคนที่ดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ จะช่วยให้คุณเสี่ยงต่อการเป็นโรคตับน้อยลง อาจจะเลือกดื่มอเมริกาโน่หรือ เอสเปรสโซ่ร้อน ๆ ทุก ๆ เช้าก็ได้
3.      บำรุงหลอดเลือดหัวใจ เพราะมีคาเฟอีนอยู่ในกาแฟและไม่มีส่วนผสมอื่น ๆ ทำให้ร่างกายดูดซึมคาเฟอีนเข้าไปง่ายขึ้น กระตุ้นการสูบฉีดของเลือดให้ไหลเวียนได้ดี จะสังเกตได้ง่ายว่าคนที่ดื่มกาแฟในทุก ๆ เช้าจะดูสดชื่น มีแรงทำงาน
4.      ป้องกันโรคอัลไซเมอร์ โรคที่หลายคนกังวลเมื่อมีอายุเข้าสู่ช่วง 60 ปีขึ้นไป เนื่องจากการทำงานของสมองจะลดน้อยลงและเลือดไม่สามารถเข้าไปหล่อเลี้ยงสมองได้อย่างเพียงพอ ส่งผลต่อระบบสมองและความจำ แต่การดื่มกาแฟในทุกเช้าจะช่วยชะลออาการเหล่านี้ให้เกิดขึ้นช้าลง เนื่องจากคาเฟอีนที่เข้าสู่เส้นเลือด จะกระตุ้นในระบบไหลเวียนของเลือดไปหล่อเลี้ยงสมองได้อย่างเพียงพอ สังเกตได้ง่าย ๆ หากคุณเจอคนที่มีอาการปวดหัว เครียด เมื่อดื่มกาแฟไปแล้วก็จะค่อย ๆ ผ่อนคลายและรู้สึกดีขึ้น
5.      ชะลอวัย เราอาจจะเคยเห็นสาว ๆ สั่งเมนูอเมริกาโน่มาดื่มอยู่บ่อย ๆ รู้ไหมเพราะอะไร เนื่องจากในคาเฟอีนนั้นมีส่วนช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ ทำให้ช่วยชะลอวัยได้พอสมควร เนื่องจากระบบเลือดและระบบย่อยที่ทำงานได้ดีขึ้น ส่งผลให้ร่างกายของคุณแก่ช้าลง
ปัจจุบันมี สูตรชงกาแฟดำมากมายที่ช่วยให้เราดื่มง่ายขึ้น เช่น การเติมน้ำผึ้ง น้ำผลไม้ หรือใส่มะนาว เพื่อปรับรสชาติให้ดีขึ้น และขั้นตอนการชงก็มีความยุ่งยากน้อยลงเพราะเรามีตัวช่วยคือ เครื่องทำกาแฟอัตโนมัติ ที่เพียงหยิบกาแฟแคปซูลที่ชื่นชอบ ใส่เข้าไปในเครื่องกดออกมาก็จะได้กาแฟถ้วยโปรด ที่ทั้งสะดวก รวดเร็ว แถมมีประโยชน์ต่อสุขภาพอีกด้วย
ที่มาข้อมูล
-   https://bit.ly/3yiGPXu
-   https://bit.ly/3bwfoQk
-   https://bit.ly/33VtJ4p

222
         วันนี้เราจึงจะมาบอกต่อวิธีการใช้บัตรเครดิตให้ได้สิทธิประโยชน์สูงสุดที่ทุกคนควรรู้

1. รู้จักวางแผนการเงินทุกเดือน
   อันดับแรกก่อนคิดจะเป็นหนี้ก็ต้องรู้จักการวางแผนการเงินให้รอบคอบ โดยเริ่มจากการแบ่งเงินเดือนออกเป็น 3 ส่วน
   - ค่าใช้จ่ายรายเดือน: ค่าโทรศัพท์, ค่ารถ, ค่าอาหาร, ค่าผ่อนบ้าน ฯลฯ
   - ค่าจ่ายภาษี: สำหรับผู้มีเงินเดือนเข้าเกณฑ์จ่ายภาษีจะต้องเสียภาษีระหว่าง 10 – 20% ของรายได้ต่อปี ฉะนั้นจึงควรแบ่งเงินในส่วนนี้ไว้เผื่อถูกภาครัฐเรียกเก็บด้วย
   - ค่าใช้จ่ายฟุ่มเฟือย: แน่นอนว่าคนเราเมื่อหาเงินมาได้ก็ย่อมต้องอยากหาความสุขใส่ตัวบ้าง เช่น ช้อปปิ้ง, กินเดื่ม รวมถึงออกไปท่องเที่ยวด้วยเช่นกัน
   เมื่อเราพอจะเห็นภาพรวมคร่าว ๆ ของรายจ่ายทั้งหมดในแต่ละเดือนแล้ว เราจึงจะสามารถจัดการเงินที่มีอยู่ในมือได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น และสามารถเหลือเงินไว้จ่ายหนี้บัตรเครดิตที่เราใช้รูดไปกับค่าใช้จ่ายทั้ง 3 ข้อที่ว่ามานี้

2. เลือกบัตรเครดิตให้ตรงกับ “ไลฟ์สไตล์”
   วิธีการใช้บัตรเครดิตให้เกิดประโยชน์มากที่สุดขึ้นอยู่กับว่าเราใช้จ่ายด้านใดบ่อยที่สุด เช่น ค่าอาหาร,  ช้อปปิ้ง, ท่องเที่ยว ฯลฯ ซึ่งเมื่อเรารู้จัก “ไลฟ์สไตล์” ของตัวเองแล้วจึงค่อยเลือกสมัครบัตรที่มอบสิทธิประโยชน์ในด้านที่เราชอบเป็นหลัก ซึ่งบัตรที่เหมาะกับมนุษย์เงินเดือนทั่วไปมีอยู่ 3 ประเภท
   - บัตรสำหรับช้อปปิ้ง: มักมีแต้มสะสมเพื่อแลกรับส่วนลด/ของรางวัลต่าง ๆ จากร้านค้าและร้านอาหารต่าง ๆ
   - บัตรสำหรับคนชอบเดินทาง: มักมีคะแนนสะสมไมล์เดินทางเพื่อรับส่วนลดหรือของรางวัลต่าง ๆ 
   - บัตรเครดิตเติมน้ำมัน : มักได้รับเงินคืน (cash back) เมื่อเติมน้ำมันกับปั๊มที่ร่วมรายการ
   เมื่อเลือกสมัครบัตรที่เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ของตัวเองแล้ว เราก็สามารถใช้จ่ายผ่านบัตรโดยได้รับสิทธิประโยชน์สูงสุดตรงกับความต้องการของเราได้นั่นเอง

3. ใช้บัตรเครดิตเมื่อจำเป็น
   ไม่ว่าจะเป็นบัตรเครดิตสำหรับช้อปปิ้ง, บัตรสำหรับคนชอบเดินทาง หรือ บัตรเครดิตเติมน้ำมันก็ตาม เราก็ต้องใช้ใช้บัตรเครดิตด้วยความระมัดระวังสูงสุดทั้งจากพฤติกรรมการใช้จ่ายของตัวเราเอง ที่ต้องเข้มงวดเรื่องวินัยการเงิน ไม่ใช้บัตรทำธุรกรรมที่เสี่ยงต่อการเกิดหนี้ก้อนโต เช่น กดเงินสดจากบัตรเครดิตที่เราอาจถูกคิดดอกเบี้ยรายวันในอัตราสูงสุดถึง 20% ต่อปี เป็นต้น รวมถึงคอยระวังพวกมิจฉาชีพหรือ “โจร” ที่มักมองหาเหยื่อประเภทใช้บัตรอย่างไม่ระมัดระวังอยู่เสมอ เช่น การแอบขโมยรหัสหลังบัตรไปใช้ซื้อของออนไลน์หรือการแอบนำบัตรของเราไปรูดเกินวงเงินที่เราใช้จ่ายจริง เป็นต้น  อย่างไรก็ตาม อย่าลึกศึกษาและลองใช้บัตรเดบิต (เพิ่มเติม: https://krungthai.com/th/personal/cards/debit-card) เพื่อเป็นอีกตัวเลือกหนึ่งในการใช้จ่ายด้วยล่ะ


ที่มาข้อมูล
-   https://www.estopolis.com/article/knowledge/money-101/วิธีใช้บัตรเครดิตให้เกิดประโยชน์-ใช้ยังไงให้ได้กำไร-คุ้มค่า

223
        ในวันที่คุณพ่อคุณแม่ต้องพาน้อง ๆ ไปโรงเรียนเคยมีปัญหากับ อาหารเช้าลูกก่อนไปโรงเรียนกันหรือเปล่า? ถ้าคุณกำลังมองหาไอเดียอาหารเช้าง่าย ๆ สำหรับเด็กอยู่ เรามีคำตอบให้ที่นี่! มาดูกันดีกว่าว่าไอเดียอาหารเช้าที่เราเอามาฝากสำหรับลูกในวันเร่งรีบก่อนไปโรงเรียนมีอะไรกันบ้าง แถมบางเมนูก็มีไมโลส่วนประกอบสำคัญที่ขาดไม่ได้อีกด้วย

1.   ขนมปังไข่ดาว
   เริ่มจากเมนูสุดอีซี่ที่ใคร ๆ ก็ทำได้อย่างขนมปังไข่ดาว นำแก้วทรงกลมมาวางตรงกลางขนมปังและตัดขนมปังให้เป็นรูวงกลมตรงกลาง เสร็จแล้วใส่เนยลงบนกระทะ วางขนมไปและตอกไข่ไก่ลงตรงกลางขนมปังที่วางไว้  รอจนไข่ขาวสุกเป็นไข่ดาวแล้วนำขึ้นจากกระทะ ทานคู่กับไส้กรอกลวก อะโวคาโด มะเขือเทศและข้าวโพดอ่อน แล้วทานคู่กับนมที่มีประโยชน์อย่างนมไมโลก็จะดีสุด ๆ เหมาะสำหรับเด็กกินยาก (เพิ่มเติม: https://www.milo.co.th/blog/สาเหตุลูกกินเก่งแต่ผอมมากเกิดจากอะไร) ทุกคน

2.   ซีเรียลกับนม
   เมนูง่าย ๆ ที่เด็ก ๆ ชื่นชอบก็ต้องซีเรียลกับนมแล้วล่ะ แต่อาจจะเพิ่มประโยชน์ให้ซีเรียลชามนี้สักหน่อยด้วยผลไม้ตระกูลเบอร์รี สตรอเบอร์รี กีวี กล้วยหรือผลไม้ตามใจน้อง ๆ เพิ่มความกรุบกรอบให้อร่อยด้วยถั่วต่าง ๆ อย่างอัลมอนด์ พิสตาชิโอ แมคคาเดเมีย เม็ดมะม่วงหิมพานต์ เป็นต้น แต่ถ้าเบื่อนมสดกับซีเรียลธรรมดาแล้วก็เปลี่ยนมาทานซีเรียลกับนมไมโลก็ฟินนะ

3.   ข้าวโอ๊ตกับผลไม้
   เปลี่ยนจากการทานแป้งขาวมารับประทานข้าวโอ๊ตที่ไม่ขัดสีแทนกันเถอะ เริ่มจากต้มข้าวโอ๊ตกับนมไมโลจนสุกที่เป็นอาหารที่เหมาะสมกับวัยเรียน แล้วเติมน้ำผึ้งเล็กน้อยเพื่อเพิ่มรสหวานไม่จืดเกินไป เสร็จแล้วก็หั่นผลไม้ต่าง ๆ ลงไปทานคู่กับข้าวโอ๊ตของเราอย่างผลไม้เบอร์รี่ กล้วย กีวีหรือผลไม้อื่น ๆ ตามใจชอบ แล้วโรยถั่วลงไปสักหน่อยเพื่อเพิ่มความกรุบกรอบ

4.   มักกะโรนีอกไก่
   สำหรับลูกไม่ยอมกินข้าว ลองมาดูอาหารที่ครบเครื่องเรื่องสารอาหารคงจะเป็นเมนูไหนไปไม่ได้นอกจากมักกะโรนีอกไก่แล้วล่ะ ง่าย ๆ เพียงแค่ต้มเส้นมักกะโรนีและอกไก่ แล้วราดด้วยซอสครีมที่มีส่วนผสมของนมสด ชีสและวิปครีม ตบแต่งด้วยบล็อกโคลีและแครอทลวก มะเขือเทศสดและถั่วต่าง ๆ บอกเลยว่าโดนใจน้อง ๆ ชัวร์ ทำง่ายอร่อยดีแบบนี้ต้องไม่พลาดจัดให้เป็นอาหารเช้าลูกก่อนไปโรงเรียน

   หวังว่าคุณพ่อคุณแม่จะชอบไอเดียอาหารเช้า (เพิ่มเติม: https://www.milo.co.th/blog/ไอเดียอาหารเช้าเด็กก่อนไปโรงเรียน) ลูกก่อนไปโรงเรียน ที่เราเอามาฝากกันในวันนี้ แถมบางเมนูมีไมโลส่วนประกอบสำคัญก็จะยิ่งทำให้เมนูนั้นอร่อย และมีประโยชน์มากขึ้นไปอีก ในวันที่ต้องรีบไปส่งเด็ก ๆ ไปโรงเรียน ก็อย่าลืมลองทำเมนูง่าย ๆ แบบนี้กันดูนะ!

ที่มาข้อมูล
-   https://www.trueplookpanya.com/knowledge/content/66987/-parheafoo-parhea-par-

224
              สำหรับธนาคารพาณิชย์แต่ละแห่งที่พัฒนาแอปพลิเคชันมาให้บริการธุรกรรมทางการเงินกับลูกค้าจะมีการกำหนดเงื่อนไขการใช้บริการ Mobile Banking ไว้ชัดเจน การเลือกใช้บริการจึงต้องดูเงื่อนไขที่ดีที่สุดและสอดรับกับความต้องการมากที่สุด ซึ่งกรณีของค่าธรรมเนียมการ โอนเงินผ่านแอพ หรือ โอนเงินผ่านมือถือ นั้น ส่วนใหญ่แล้วจะไม่มีการคิดค่าธรรมเนียม ดังนั้นจึงต้องดูรายละเอียดของเงื่อนไขของแต่ละธนาคารเป็นหลัก

เช็กเงื่อนไขของ 4 แบงก์ใหญ่
1.   ธนาคารกรุงไทย นอกจากจะให้บริการธุรกรรมผ่านมือถือหลากหลายด้วยบริการ  “KTB NEXT” แล้ว ธนาคารกรุงไทยยังมีการทำธุรกรรมเชื่อมต่อกับแอปพลิเคชั่น “เป๋าตังค์” ซึ่งเป็นช่องทางสำหรับการโอนเงินออนไลน์ (เพิ่มเติม: https://krungthai.com/th/corporate/cash-management/transfer-and-payment-services/102) ตามโครงการต่าง ๆ ของภาครัฐไปสู่ประชาชนด้วย โดยเงื่อนไขการโอนเงินผ่านเน็ต (เพิ่มเติม: https://krungthai.com/th/corporate/cash-management/transfer-and-payment-services/102) หรือการโอนเงินผ่านมือถือ  ของ Krungthai NEXT นั้นแบ่งเป็นประเภทต่าง ๆ ดังนี้
-   โอนเงินภายในบัญชีตนเองในธนาคารกรุงไทยไม่จำกัดจำนวนครั้งต่อวัน
-   โอนเงิน ไปให้บุคคลอื่นภายในบัญชีธนาคารกรุงไทย และ โอนเงินต่างธนาคาร รวมกันไม่เกิน 5 แสนบาทต่อวัน
-   วงเงินโอนต่างธนาคารสูงสุด 699,999 บาทต่อครั้ง แต่ต้องไม่เกินกว่าวงเงินที่สามารถทำรายการได้สูงสุดต่อวัน ตาม Segment ของลูกค้า อาทิ Normal โอนเงินต่างธนาคาร ได้ 1 แสนบาทต่อวัน เป็นต้น
-   ทั้งนี้หากต้องการ การโอนเงินผ่านแอพ ไปให้ผู้รับที่มีบัญชีอยู่ต่างธนาคารก็สามารถทำรายการขอเพิ่มวงเงินได้ผ่านแอปพลิเคชัน KrungThai NEXT

2.   ธนาคารไทยพาณิชย์  มีบริการแอปพลิเคชันที่ชื่อ SCB EASY ที่ให้บริการโอนเงินภายในบัญชีของตนเองในธนาคารไทยพาณิชย์ได้ไม่จำกัดรายการและไม่จำกัดบัญชีต่อวัน โอนเงินไปยังบุคคลอื่นที่มีบัญชีธนาคารไทยพาณิชย์ได้สูงสุดไม่เกิน 5 ล้านบาทต่อคนต่อวัน กรณี โอนเงินต่างธนาคาร ทำได้สูงสุดไม่เกิน 5 หมื่นบาท/รายการ และ 2 ล้านบาทต่อรายการสำหรับกรณีโอนเงินพร้อมเพย์ โดยรวมกันแล้วจะต้องไม่เกินกว่า 2 ล้านบาทต่อคนต่อวัน และสามารถเปลี่ยนวงเงินได้ผ่านทางแอปพลิเคชัน SCB EASY เช่นเดียวกัน

3.   ธนาคารกสิกรไทย มีบริการ Mobile Banking ด้วยแอป K PLUS ซึ่งสามารถใช้ โอนเงิน ภายในบัญชีของตนเองในธนาคารกสิกรไทยได้ไม่จำกัดรายการและไม่จำกัดวงเงิน ส่วนการโอนเงินไปยังบุคคลอื่นภายในบัญชีธนาคารกสิกรไทย และ โอนเงินผ่านแอพ นี้ไปยังธนาคารอื่นมีวงเงินสูงสุด 5 แสนบาทต่อรายการและสูงสุดไม่เกิน 2 ล้านบาทต่อวัน ส่วนการเปลี่ยนวงเงินนั้นก็สามารถทำได้ผ่านแอปพลิเคชัน K PLUS เช่นเดียวกัน

4.   ธนาคารกรุงเทพ มีแอปพลิเคชันไว้สำหรับการทำธุรกรรมและ โอนเงินผ่านมือถือ ในชื่อ Bualuang mBanking ซึ่งกำหนดเงื่อนไขการโอนเงินภายในบัญชีของตนเองภายในธนาคารกรุงเทพฟรีไม่จำกัดรายการและไม่จำกัดบัญชีต่อวัน ส่วนการโอนเงินไปยังบุคคลอื่นภายในบัญชีธนาคารกรุงเทพและโอนเงินต่างธนาคาร สามารถโอนวงเงินสูงสุดได้ 5 หมื่นบาทต่อรายการและ การ โอนเงินผ่านมือถือ โดยรวมจะมีวงเงินสูงสุดตามที่ตั้งวงเงินไว้ ซึ่งแอปของธนาคารกรุงเทพนี้จะไม่สามารถเปลี่ยนวงเงินได้เหมือนกับธนาคารอื่น ๆ 

              การวางแผนทำธุรกรรมทางการเงินผ่านทางโทรศัพท์มือถือด้วยแอปพลิเคชันของธนาคารพาณิชย์ต่าง ๆ จึงต้องตรวจสอบเงื่อนไขและข้อกำหนดการให้บริการให้ชัดเจน เพื่อให้เกิดประโยชน์และความสะดวกสูงสุดในการใช้ระบบ Mobile Banking


ที่มาข้อมูล
-   https://www.page365.net/all-articles/mobile-banking-for-merchant
-   https://techsauce.co/tech-and-biz/changing-no-fee-on-thailand-online-banking

225
คัดมาแล้วข้อดีของกาแฟดำ Nespresso ที่ให้มากกว่าความอร่อย
   เชื่อว่าหลาย ๆ คนที่ชอบดื่มกาแฟดำส่วนหนึ่งก็คงมาจากรสชาติของกาแฟที่มีความเป็นเอกลักษณ์แตกต่างจากเครื่องดื่มชนิดอื่น ๆ แต่รู้หรือไม่ว่าเครื่องดื่มอย่างกาแฟดำนั้นไม่ได้มีดีแค่ความอร่อยเท่านั้น ยังมีข้อดีอีกมากมายและยิ่งหากเป็นกาแฟแคปซูลที่มีการเพาะปลูกในสภาพแวดล้อมที่ดี มีกรรมวิธีในการผลิตที่ได้คุณภาพ ใช้ระดับไฟในการคั่วได้ถูกต้องเหมาะสมกับสายพันธุ์ของกาแฟนั้น ๆ เราก็จะได้ทั้งความอร่อยและคุณประโยชน์จากเมล็ดกาแฟคั่วบดไปเต็ม ๆ ไม่ว่าจะนำไปทำตาม สูตรชงกาแฟโดย เครื่องทำกาแฟอัตโนมัติแบบไหนก็ดีต่อใจสุด ๆ
ข้อดีของกาแฟดำ Nespresso ที่ให้มากกว่าความอร่อย
1.   มีประโยชน์ต่อตับ อย่างที่หลาย ๆ คนทราบกันดีว่าตับถือเป็นอวัยวะชิ้นหนึ่งในร่างกายที่สำคัญ ถ้าหากมีความผิดปกติไปก็จะเกิดผลเสียกับร่างกายในหลาย ๆ ด้าน ซึ่งการดื่มกาแฟดำในปริมาณที่มีความเหมาะสมเป็นประจำทุกวันนั้นจะช่วยป้องกันและลดความเสี่ยงในการเกิดโรคร้ายต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นโรคมะเร็งตับ โรคไวรัสตับอักเสบ ช่วยลดไขมันสะสมที่ตับและลดความเสี่ยงในการเกิดโรคตับแข็งจากสุรา
2.   ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคเบาหวาน ข้อนี้หลาย ๆ คนอาจจะสงสัยว่าเป็นไปได้จริงหรือ ต้องขอบอกเลยว่าจริง แต่ต้องเป็นการดื่มกาแฟดำแบบเพียว ๆ ไม่ได้ใส่น้ำเชื่อม น้ำตาลหรือเพิ่มความหวานแบบมากเกินไป ซึ่งหากเพิ่มรสหวานในเครื่องดื่มจะทำให้มีโอกาสที่ระดับน้ำตาลในเลือดเพิ่มสูงขึ้นเกินกว่าเกณฑ์ปกติได้ สาเหตุที่กาแฟดำสามารถช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดเบาหวานได้นั้นก็เพราะมีฤทธิ์ในการช่วยเพิ่มการสร้างอินซูลินในร่างกายนั่นเอง ซึ่งอินซูลินเป็นฮอร์โมนชนิดหนึ่งที่ช่วยในการลดระดับน้ำตาลในร่างกาย โดยขอแนะนำเป็นการดื่มกาแฟดำเมนูกาแฟเอสเพรสโซ่หรือกาแฟอเมริกาโน่ เป็นต้น หลีกเลี่ยงกาแฟนมเนื่องจากมีโอกาสที่จะเพิ่มเติมความหวานลงไปในกาแฟค่อนข้างเยอะ
3.   ช่วยบำรุงร่างกายด้วยสารจำเป็นต่าง ๆ ที่ร่างกายต้องการ เนื่องจากกาแฟดำประกอบไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ วิตามินบี 2, บี 3, บี 5 รวมทั้งยังมีแร่ธาตุอีกหลายชนิด ทั้งแมงกานีส โพแทสเซียมและแมกนีเซียม
4.   ช่วยลดภาวะเกิดอาการซึมเศร้า ช่วยให้มีความสุขมากขึ้น เนื่องจากกาแฟดำนั้นมีฤทธิ์ในการช่วยสร้างสารโดพามีนและสารแห่งความสุขต่าง ๆ ทำให้เรารู้สึกดีมากยิ่งขึ้นเมื่อดื่มกาแฟเป็นประจำ
จากทั้งหมดนี้เราจะเห็นได้ว่ากาแฟดำ ทั้งเมนูเอสเพรสโซ่และอเมริกาโน่มีข้อดีต่าง ๆ มากมาย ซึ่งจะดีมากหากเราเลือกกาแฟแคปซูลที่ดีมีคุณภาพ นำมาทำตามสูตรชงกาแฟที่เหมาะสำหรับตนเอง ก็จะช่วยให้ได้รับประโยชน์ของกาแฟดำไปแบบเน้น ๆ ทั้งยังอร่อยถูกปากอีกด้วย

ที่มาข้อมูล
-   https://www.nespresso.com/th/th/black-coffee


226
ทริคง่าย ๆ เปลี่ยนเสื้อแขนยาวธรรมดาให้ดูแพงและมีสไตล์ได้ด้วยไอเทมยอดฮิต
            ใครเบื่อกับการที่ต้องใส่เสื้อแขนยาวในแบบธรรมดาคู่กับกางเกงยีนส์จนเพื่อนทักกันแล้วบ้าง วันนี้เราจะแชร์ทริคการแต่งตัวให้กับคนที่ชื่นชอบการใส่เสื้อแขนยาวที่ดูธรรมดาให้ดูมีสไตล์และแพงได้ ด้วยไอเทมยอดฮิตที่สาว ๆ ทุกคนมีอยู่แล้วในตู้ มาดูกันว่าจะเลือกไอเทมไหนมาแต่งให้ดูแพงกันได้บ้าง
เสื้อครอปแขนยาวคู่กับกางเกงเอวสูง
            แฟชั่นเสื้อแขนยาว (เพิ่มเติมที่ : https://th.hm.com/th_th/ladies/shop-by-product/tops/long-sleeve.html ) ที่ฮอตฮิตกันมาพักใหญ่แล้วนั่นก็คือเสื้อครอป แค่หยิบเสื้อครอปแขนยาวมาสักตัวแมตช์กับกางเกงเอวสูงเลือกที่เป็นขากระบอกหรือขาบานก็เก๋ไม่หยอก เพิ่มกิมมิคด้วยเข็มขัดเส้นโตอีกสักเส้น เท่านี้ก็เก๋จนเพื่อนต้องชมไม่หยุดแล้ว หรือใครที่ไม่มี เสื้อครอป ก็ไม่ต้องคิดอะไรมาก ดึงชายเสื้อขึ้นมามัดหรือผูกไว้ที่เอวเท่านี้ก็ดูดีได้แบบไม่ต้องทิ้งเสื้อแขนยาวตัวเดิมกันแล้ว
เสื้อแขนยาวโอเวอร์ไซส์คู่กับมินิสเกิร์ต
            เสื้อแขนยาวโอเวอร์ไซส์ใส่ได้กับหลายไอเทม เช่น เลือกท่อนล่างให้เป็นแบบสาวญี่ปุ่นก็คูลได้ ด้วยการหยิบเสื้อแขนยาวคู่กับมินิสเกิร์ต จับถุงเท้าคู่ยาวเข้ากับเซตนี้ หยิบหมวกใบโปรดมาใส่คู่อีก เท่านี้ก็ดูมีสไตล์สุด ๆ
เสื้อเชิ้ตแขนยาวแมตช์กับกางเกงยีนส์ขาสั้น
            ลุคนี้บอกเลยว่าเป็นลุคมินิมอลที่เก๋ทุกครั้งที่ใส่ จับเชิ้ตแขนยาวจะเป็นแบบพอดีตัวหรือขนาดหลวม ๆ ก็สวยและมีสไตล์ได้เช่นกัน คู่กับกางเกงยีนส์แต่งแบบขาด รองเท้าบูทหุ้มข้อแบบผ้าหรือแบบหนังก็ได้ หรือจะเอาแบบง่าย ๆ ผ้าใบลุย ๆ เลยก็ยังได้ เพราะแค่ไอเทมท่อนบน-ล่าง 2 ชิ้นแรกก็แจ่มและคูลมากพอแล้วนั่นเอง
เสื้อแขนยาวปาดไหลคู่กางเกงยีนส์ขายาวตัวโปรด
            ไอเทมนี้ไม่ต้องมากชิ้นจบที่เสื้อแขนยาวเข้ารูปปาดไหล่แมตช์กับกางเกงยีนส์ตัวโปรดจะทรงสกินนี่ หรือขาเดฟ หรือจะเป็นทรงมัมก็รอดทั้งนั้น เป็นไอเทมเอาตัวรอดในวันรีบ ๆ ก็ว่าได้ ใครที่อยากปรับลุคก็หาเสื้อแจ็คเก็ตมาสวมทับเมื่อต้องไปงานที่เป็นทางการก็ได้เช่นกัน
            ไอเทมเด็ดคู่สุดท้าย เสื้อแขนยาวคอเต่ากับกระโปรงทรงยาว, รองเท้าบูทหนัง เพิ่มความเก๋ด้วยเสื้อแจ็คเก็ตทับอีกชั้นก็มีสไตล์ไม่น้อย บทความถัดไปจะมาแชร์ทริคการเลือกเสื้อแจ็คเก็ตแบบไหนให้ใส่ได้กับทุกสไตล์การแต่งตัว อย่าลืมติดตามกัน

227
        สำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่มีลูกน้อยเป็นเด็กไฮเปอร์นอกจากการพาไปพบแพทย์เพื่อประเมินความรุนแรงของอาการเด็กไฮเปอร์ และทำการรักษาด้วยยาหรือการเข้ารับการบำบัดจากผู้เชี่ยวชาญแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่มีความสำคัญไม่แพ้กัน คือ การทำกิจกรรมบำบัด เพื่อช่วยปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของลูกน้อยให้ดีขึ้น รวมทั้งยังเป็นการเสริมสร้างพัฒนาการลูกรักให้เปลี่ยนเป็นเด็ก ไฮเปอร์ฉลาดได้อีกด้วย แต่อย่างไรก็ตามขอแนะนำให้คุณพ่อคุณแม่เลือกกิจกรรมที่สามารถทำได้ทั้งครอบครัว ทั้งนี้เพื่อเพิ่มความเข้าใจในตัวลูกมากขึ้นและเสริมสร้างความสัมพันธ์ในครองครัว แต่จะมีกิจกรรมไหนที่เหมาะสำหรับเด็กไฮเปอร์ และสามารถสนุกได้กันทั้งครอบครัวบ้างนั้น เรามีคำตอบมาฝาก

•   เล่นกีฬา
กิจกรรมแรกที่อยากแนะนำให้คุณพ่อคุณแม่ทำร่วมกับลูกน้อยที่เป็นเด็กไฮเปอร์ คือ การเล่นกีฬากลางแจ้งอย่างกีฬาฟุตบอล แบดมินตัน บาสเกตบอล ขี่ม้า วิ่ง ว่ายน้ำหรือปั่นจักรยาน โดยข้อดีของการทำกิจกรรมกลางแจ้งร่วมกันนอกจากจะช่วยให้ลูกมีร่างกายแข็งแรงแล้วยังช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายและสนุกมากขึ้นด้วย

•   งานศิลปะ
การเลี้ยงเด็กต่อมาที่คุณพ่อคุณแม่สามารถทำร่วมกับลูกน้อยได้ คือ การทำงานศิลปะ ซึ่งถึงแม้ว่าจะไม่ใช่กิจกรรมเรียกเหงื่อเหมือนการเล่นกีฬา แต่บอกเลยว่าศิลปะเป็นกิจกรรมที่เหมาะมากในการช่วยเสริมสร้างสมาธิให้กับลูกน้อย ทั้งยังมีกิจกรรมเสริมสร้างจินตนาการให้ทำอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการวาดภาพ งานปั่น พับกระดาษหรืองานประดิษฐ์  และยังเป็นวิธีฝึกสมาธิลูกอีกด้วย

•   เล่นดนตรี
การเล่นดนตรีก็เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่ช่วยเสริมสร้างสมาธิให้ลูกน้อยที่มี อาการเด็กไฮเปอร์ ได้ดีเช่นเดียวกัน ซึ่งถึงแม้ว่าการเล่นดนตรีจะเป็นกิจกรรมเหมาะสำหรับทำคนเดียว แต่ความจริงแล้วคุณพ่อคุณแม่สามารถทำร่วมกันได้ เช่น หากคุณพ่อคุณแม่มีความสามารถด้านดนตรีอยู่แล้วก็ควรทำหน้าที่สอนลูกด้วยตัวเอง แต่หากคุณพ่อคุณแม่เล่นดนตรีไม่เป็นก็สามารถทำหน้าที่เป็นผู้ชมที่ดีเพื่อให้ลูกมีกำลังใจในการฝึกซ้อม ซึ่งไม่แน่ว่าลูกน้อยอาจกลายเป็นนักดนตรีอัจฉริยะก็ได้ และเป็นวิธีเลี้ยงลูกให้มีความสุขอีกด้วย (เพิ่มเติม: https://www.milo.co.th/blog/วิธีเลี้ยงลูกยุค-new-normal)

•   ท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ
ต้องถือว่าการท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติเป็นกิจกรรมที่ดีมากในการเสริมสร้างความสัมพันธ์ในครอบครัว นอกจากนั้นยังเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่ทำให้ลูกน้อยได้ปลดปล่อยพลังงานของตัวเองและซึมซับความสวยงามของธรรมชาติไปพร้อม ๆ กัน โดยกิจกรรมที่ขอแนะนำสำหรับเด็ก ได้แก่ เดินป่า พายเรือหรือทำการเกษตร

•   เล่นเกมกระดาน
ข้อดีของการเล่นเกมกระดาน อย่าง หมากรุก หมากฮอส หมากล้อม เกมเศรษฐี เกมบันไดงู สแครบเบิ้ล หรือทิก-แทก-โท ร่วมกับลูกจะช่วยฝึกให้ลูกมีสมาธิจดจ่อกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งได้ดีมากขึ้น อีกทั้งยังเป็นวิธีฝึกสมองที่ได้ผลดี และหากฝึกฝนเป็นประจำอย่างต่อเนื่องจะช่วยให้เด็ก ไฮเปอร์ฉลาด มากขึ้นด้วย

   เป็นอย่างไรบ้างสำหรับ 5 กิจกรรมการสร้างวินัยเชิงบวกที่คุณพ่อคุณแม่สามารถทำร่วมกับ เด็กไฮเปอร์ ซึ่งรับประกันเลยว่าการทำกิจกรรมเหล่านี้ร่วมกันจะช่วยให้ลูกมีพัฒนาการดีขึ้น สามารถเติบโตทั้งร่างกายและจิตใจได้อย่างสมบูรณ์

ที่มาข้อมูล
-   https://www.milo.co.th/blog/5-วิธีรับมือเด็กซน-เด็กไฮเปอร์
-   https://www.pobpad.com/ไฮเปอร์-hyperactivity
-   https://www.trueplookpanya.com/blog/content/81863/-blog-teaartedu-teaart-

228
           ผู้ที่เริ่มต้นการเก็บออมคือการเปิด บัญชีเงิน ฝากประจำ และยังมีการออมแบบ ฝากประจำปลอดภาษี อีก แล้วการออมทั้ง 2 รูปแบบเหมือนหรือต่างกันอย่างไร วันนี้เราจะมาเล่าให้ฟัง

ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักกับบัญชีเงินฝากทั้ง 2 ประเภทกันก่อนคือ
           1.   บัญชีเงินฝากประจำ หมายถึง การเปิดบัญชีเงินฝากกับธนาคาร ที่มีเงื่อนไขว่าจะต้องมีการนำเงินฝากเข้าบัญชีอาจเป็นเงินก้อนหรือฝากแต่ละเดือนก็ได้ โดยจะต้องไม่มีการถอนเงินออกจากบัญชีก่อนถึงระยะเวลาที่ได้ตกลงไว้กับธนาคารจึงจะได้ดอกเบี้ยเงินฝากตามอัตราที่ธนาคารกำหนดไว้โดยเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 0.4 – 3% ต่อปีซึ่งจะสูงกว่าบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ โดยทั่วไปมีกำหนดฝากเงินตั้งแต่ 3 – 24 เดือน และธนาคารจะมีการจ่ายดอกเบี้ยเงินฝากของ KTBให้ทุก 6 เดือนหรือ 1 ปีตามแต่ละที่ที่กำหนดไว้ ที่สำคัญคือ บัญชีเงินฝากประจำ จะต้องมีการหักภาษีจากดอกเบี้ย 15%

           2.   บัญชีเงินฝากปลอดภาษี (เพิ่มเติม: https://krungthai.com/th/personal/deposits/210) คือ การเปิดบัญชีเงินฝากกับธนาคารที่มีระยะเวลาการฝากเงินตั้งแต่ 2 – 4 ปี โดยที่จะต้องมีการฝากเงินกับธนาคารทุกเดือน เดือนละเท่า ๆ กันอย่างต่อเนื่องจนครบระยะเวลาที่กำหนดไว้ ผู้ฝากจึงจะสามารถได้รับอัตราดอกเบี้ยตามที่ธนาคารกำหนด โดยเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 0.4 – 3%  เช่นกัน แต่จะสูงกว่าดอกเบี้ยเงินฝากประจำแบบทั่วไป ประเด็นสำคัญคือการ ฝากประจำปลอดภาษี ไม่มีการเสียภาษีดอกเบี้ยเงินกู้ แต่ว่าจะต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขคือ เปิดได้เพียงบัญชีเดียว ต้องมีเงินฝากขั้นต่ำ 500 – 1,000 บาท และต้องฝากเดือนละ 1 ครั้งทุกเดือนในจำนวนที่เท่า ๆ กันอย่างต่อเนื่อง (ขาดฝากได้ไม่เกิน 2 ครั้ง) แต่ถ้าหากมีการปิดบัญชีก่อน 3 เดือนหรือมีการถอนเงินจะไม่ได้รับดอกเบี้ย

           จะเห็นได้ว่าความแตกต่างของเงินฝากทั้ง 2 ประเภทนั้นอยู่ตรงที่ลักษณะของการฝากเงินว่าจะเป็นการฝากเงินก้อนหรือจะแบ่งฝากเป็นจำนวนเท่า ๆ กันทุกเดือน ส่วนเรื่องดอกเบี้ยที่ได้รับนั้นจะได้รับแบบขั้นบันไดแล้วแต่จำนวนเงินที่ฝาก และประเด็นที่สำคัญคือเงินฝากประเภทแรกจะต้องมีการเสียภาษีส่วนประเภทหลังคือไม่มีการเรียกเก็บภาษีนั่นเอง

 
ที่มาข้อมูล
-   https://money.kapook.com/view238540.html
-   https://www.peerpower.co.th/blog/investor/invest/fixed-deposit/

229
ผ่อนไอโฟนกับบัตรเครดิตแบรนด์ไหน คุ้มค่าที่สุด!
การใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตไม่ใช่เรื่องที่ต้องกังวลอีกต่อไป เนื่องจากปัจจุบันมีสิทธิพิเศษที่มอบให้กับผู้ถือบัตรโดยเฉพาะ เช่น การผ่อน 0% และได้รับเครดิตเงินคืน เป็นต้น ซึ่งสมาร์ทโฟนเป็นหนึ่งในสินค้ายอดนิยมที่คนส่วนใหญ่มักใช้บัตรเครดิตในการผ่อนชำระ โดยในปี 2021 นี้ แบรนด์ Apple ได้เปิดตัว iPhone รุ่นใหม่ คือ iPhone 12 ทำให้มีผู้ที่อยากเป็นเจ้าของ มีจำนวนมากมาย หลาย ๆ คนจึงมองหา โปรโมชั่น iPhone เพื่อเลือกแบบที่ถูกใจและให้ความคุ้มค่ามากที่สุด
AIS Store เครือข่ายมือถือและผู้ให้บริการสัญญาณอินเทอร์เน็ตได้จัดทำโปรโมชันผ่อน iPhone (เพิ่มเติมที่ : https://www.hotdeal.ais.co.th/smartpay.html ) ร่วมกับบัตรเครดิตชั้นนำหลายแบรนด์เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับลูกค้า โดยแบรนด์บัตรเครดิตที่จัดโปรโมชันที่ร่วมรายการ ได้แก่
-   ธนาคารซิตี้แบงค์ จัดโปรโมชัน PayLite ผ่อน 0% นาน 10 เดือน พร้อมรับเครดิตเงินคืน 4% และมีโปรโมชันสุดพิเศษสำหรับผู้เป็นสมาชิกบัตรกดเงินสด Ready Credit ผ่อน 0% นาน 10 – 40 เดือน พร้อมรับเครดิตเงินคืนสูงสุด 4%
-   ธนาคารไทยพานิชย์ จัดโปรโมชันเอาใจผู้ถือบัตรเครดิตและบัตรกดเงินสดที่ต้องการผ่อนไอโฟนด้วยโปรโมชันผ่อน 0% นาน 10 – 36 เดือน พร้อมรับเครดิตเงินสูงสุด 5%
-   ธนาคารกรุงศรีและบัตรเครดิต Tesco Lotus จัดโปรโมชันผ่อน 0% นาน 10 เดือน หรือแบ่งชำระสูงสุด 15 เดือน พร้อมรับเครดิตเงินคืนสูงสุด 1,600 บาท
-   ธนาคารยูโอบี จัดโปรโมชันผ่อนชำระ 0% เริ่มต้น 10 เดือน สูงสุด 24 เดือน พร้อมรับเครดิตเงินคืนสูงสุด 4%
-   บัตรเครดิตเคทีซี จัดโปรโมชันผ่อนชำระ 0% เริ่มต้น 10 เดือน สูงสุด 15 เดือน พร้อมรับเครดิตเงินคืนสูงสุด 16%
-   ธนาคารกสิกรไทย โปรโมชันผ่อน iPhone 0% เริ่มต้น 10 เดือน สูงสุด 36 เดือน พร้อมรับเครดิตเงินคืนสูงสุด 15%
-   ธนาคารธนชาต โปรโมชัน 0% เริ่มต้น 10 เดือน สูงสุด 24 เดือน พร้อมรับเครดิตเงินคืนสูงสุด 3%
นอกจากโปรโมชันผ่อนผ่านบัตร AIS Store แล้ว ยังมีโปรโมชันสุดพิเศษสำหรับลูกค้าเก่าแพ็กเกจ 699 บาทต่อเดือนขึ้นไปและเป็นลูกค้ารายเดือน 12 เดือนขึ้นไป รับส่วนลด iPhone 12 ทุกรุ่น สูงสุด 17,400 บาท โดยสามารถใช้ร่วมกับโปรโมชันผ่อน 0% กับบัตรเครดิตที่ร่วมรายการได้อีกด้วย โดยโปรโมชันดังกล่าวเป็นไปตามเงื่อนไขที่บริษัทกำหนด จึงอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา ดังนั้นสาวกไอโฟนที่ไม่อยากพลาดโอกาสดี ๆ ในการจับจองเป็นเจ้าของ iPhone12 สามารถมองหาโปรผ่อนไอโฟนแบบสุดคุ้มได้แล้ววันนี้
ที่มาข้อมูล
-   https://www.ais.th/iphone/promotion_creditcard_iphone12pro.html
-   https://www.apple.com/th/shop/buy-iphone/iphone-12-pro/จอภาพขนาด-6.7-นิ้ว-512gb-แปซิฟิกบลู

230
แนะนำกระโปรงยีนส์ไอเทมที่สาวมั่นควรมีติดตู้
            หากให้พูดถึงไอเทมเด็ดที่เป็นตัวจี๊ดของคุณผู้ชาย กางเกงยีนส์ต้องติดอันดับหนึ่งอย่างแน่นอน แต่สำหรับคุณผู้หญิง นอกจากกางเกงยีนส์แล้วยังมีกระโปรงยีนส์อีกตัว นั่นเพราะผ้ายีนส์ไม่เคยล้าสมัย ใส่ได้ทุกโอกาส ใส่ซ้ำ ๆ หลายวันซักทียังได้ ไอเทมกระโปรงยีนส์ของสาว ๆ มีหลากหลายรูปทรงทั้งสั้นทั้งยาว ทรงเอ ทรงแคบ สีอ่อนทั้งสีเข้ม ไม่ต่างอะไรกับกางเกงยีนส์ของหนุ่ม ๆ ที่จะจับมาแมตช์กับเสื้อผ้าได้หลายแนวแล้วแต่อารมณ์ของผู้สวมใส่ แต่วันนี้เราจะคัดตัวเด็ด ๆ ที่จับคู่กับกระโปรงยีนส์เมื่อไหร่เป็นจี๊ดใจเมื่อนั้นมาแนะนำ
1.       รองเท้าบูทผู้หญิง
เทรนส์การใส่รองเท้าบูทผู้หญิงได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ รองเท้าบูทผู้หญิงมีหลายแบบให้เลือกจับมาใส่คู่กับกระโปรงยีนส์ทั้งรองเท้าบูทข้อสั้น รองเท้าบูทข้อยาว วันไหนอยากสลัดลุคสาวหวานมาเป็นสาวเท่ ก็ให้ใส่กระโปรงยีนส์ยาวกับรองเท้าบูทข้อสั้น วันไหนอยากเป็นสาวเปรี้ยวให้ใส่รองเท้าบูทข้อยาวกับกระโปรงยีนส์สั้น
2.        เสื้อฮู้ด
ถึงอากาศบ้านเราจะไม่ค่อยเป็นใจให้ใส่เสื้อฮู้ดสักเท่าไหร่ แต่ขึ้นชื่อว่าแฟชั่นแล้วคงยอมกันไม่ได้ ถ้าอยากใส่ไอเทมนี้จริง ๆ ควรเลือกเสื้อฮู้ดที่มีเนื้อผ้าบางเบา จะขนาดพอดีตัวสไตล์เกาหลี หรือขนาดโอเวอร์ไซส์สไตล์ฮิปฮอปก็ใส่แล้วออกมาดูดีทั้งนั้น เนื้อผ้ามีความสำคัญกับการแมตช์กับกระโปรงยีนส์อยู่ไม่น้อย ถ้าอยากได้ลุคสปอร์ตเกิร์ล แนะนำให้ใส่เสื้อฮู้ดที่เป็นผ้าร่มสีสันสดใส เสื้อตัวในเป็นเสื้อกล้ามสีขาว เข้าคู่กับรองเท้าผ้าใบกิ๊บเก๋ ถ้าอยากได้สไตล์สตรีทให้จับคู่กระโปรงยีนส์สั้นกับเสื้อฮู้ดโอเวอร์ไซส์ รับประกันโดนใจวัยรุ่น
3.       เสื้อแขนยาว
ไอเทมนี้สารพัดประโยชน์ จะกันลม กันแดด กันหนาว ได้ทั้งนั้น อีกทั้งยังดูสุภาพด้วย เมื่อนำมาแมตช์กับกระโปรงยีนส์ยาว รองเท้าหุ้มส้น จะได้ลุคสาวหวาน สามารถใส่ไปงานปาร์ตี้ ทานข้าวกับเพื่อนฝูง หรือใส่ทำงานก็ยังได้ หรือจะใส่เสื้อแขนยาวไม่ว่าจะเป็นเสื้อเชิ้ต แจ็คเก็ต หรือเสื้อคาร์ดิแกน (เพิ่มเติมที่ : https://th.hm.com/th_th/ladies/shop-by-product/cardigans-jumpers/cardigans.html ) กับกระโปรงยีนส์สั้น รองเท้าแตะหนังสานรัดข้อ ก็จะได้ลุคสำหรับเดินช้อปปิ้งสบาย ๆ สวย ๆ
หลังจากสาว ๆ รู้เช่นนี้แล้วต่อไปคงจะมีกระโปรงยีนส์ติดตู้เสื้อผ้าไม่ต่ำกว่าคนละตัวเป็นแน่
ที่มาข้อมูล
-   https://today.line.me/th/v2/article/7jK3jn
-   https://shopspotter.in.th/content/boots-cut-shoes
-   https://sistacafe.com/summaries/52972

231
           ขอแนะนำ 3 บัตรเครดิต KTC ที่เงินเดือนหมื่นห้าก็สมัครได้ แถมอนุมัติไวอีกด้วย

1. KTC UNIONPAY Platinum
           คุ้มค่าทุกการใช้จ่าย โดยเฉพาะการใช้จ่ายภายในจีน ไต้หวัน ฮ่องกง มาเก๊า เพราะจะได้รับ KTC Forever X2 โดยคะแนนที่ได้จะไม่มีวันหมดอายุ และในอนาคตหากเจอดีลดี ๆ ก็สามารถ แลกคะแนน เคทีซี เพื่อรับสิทธิประโยชน์เหล่านั้นได้ ส่วนใครที่ชอบเดินทางบ่อย ๆ รับสิทธิ์ใช้บริการห้องรับรองภายในสนามบินมากกว่า 1,000 แห่งทั่วโลก อีกทั้งยังพร้อมมอบประสบการณ์เหนือระดับกับบริการรถลีมูซีนรับส่งโรงแรมและสนามบิน รวมถึงบริการผู้ช่วยส่วนตัว ประกันอุบัติเหตุ ประกันการเดินทาง ส่วนลดร้านค้า โรงแรม และร้านอาหารที่ร่วมรายการ ที่สำคัญยังไม่มีค่าแรกเข้าและค่าธรรมเนียมรายปีให้ปวดหัวอีกด้วย

2. KTC Visa Platinum
           อีกหนึ่ง บัตรเครดิต เคทีซี สามารถสมัครได้ด้วยฐานเงินเดือนหมื่นห้า แถมยังไม่มีค่าธรรมเนียมรายปีให้ต้องแบกรับ ตอบโจทย์คนชอบช้อปเพราะทุกการใช้จ่าย 25 บาท สามารถ แลกคะแนน เคทีซี เป็นสิทธิพิเศษอื่น ๆ เช่น สินค้า ส่วนลดตั๋วเครื่องบิน หรือใช้แทนเงินสด หากต้องการผ่อนชำระแบบไม่มีดอกเบี้ยก็สามารถเลือกผ่อนได้สูงสุด 10 เดือน นอกจากนี้ยังมีบริการผู้ช่วยส่วนตัว ประกันอุบัติเหตุ ประกันการเดินทางมาพร้อมวงเงินสูงสุดถึง 8 ล้านบาท หรือหากวันใดต้องการกดเงินสดจากบัตรเครดิต ก็สามารถเบิกถอนได้แบบ 100 เปอร์เซ็นต์ตามวงเงินที่กำหนดไว้

3. KTC JCB Platinum
           เพราะญี่ปุ่นนับเป็นจุดหมายปลายทางในฝันของใครหลายคน รวมถึงผู้เริ่มต้นทำงานที่ต้องการท่องเที่ยวประเทศแถบเอเชียเป็นหลัก โดยการใช้บัตรเครดิตของ KTB เคทีซี JCB Platinum ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์คนรักการท่องเที่ยวโดยเฉพาะประเทศญี่ปุ่น เพราะทุกการซื้อสินค้าและบริการจะได้รับคะแนนคูณสอง ซึ่งคะแนนสามารถนำไปใช้แลกเป็นของรางวัล ส่วนลดพิเศษ หรือตั๋วเครื่องบินได้ หรือหากต้องการผ่อนชำระซื้อสินค้าที่ประเทศญี่ปุ่นก็ได้รับดอกเบี้ยสุดพิเศษเพื่อการช้อปแบบคุ้ม ๆ

           ไม่เพียงเท่านั้น เพิ่มความพิเศษยิ่งขึ้นเพียงโชว์บัตรเครดิตก็สามารถเข้าใช้บริหารห้องรับรองภายในสนามบินญี่ปุ่น จีน สิงคโปร์ มาเลเซีย และเกาหลีใต้ โดยไม่มีค่าใช้จ่าย พร้อมบริการผู้ช่วยส่วนตัว 24 ชั่วโมง ประกันการเดินทาง รวมถึงส่วนลดจากโรงแรมและร้านอาหารชื่อดังทั้งในประเทศและต่างประเทศ

           ใครที่เป็นนักศึกษาจบใหม่และต้องการครอบครอง บัตรเครดิต KTC อย่าลืมศึกษารายละเอียดและเงื่อนไขก่อนตัดสินใจสมัครบัตรเครดิตและแม้ว่าปัจจุบันการสมัครและใช้บัตรเครดิต จะทำได้ง่ายและอนุมัติทันใจ แต่ถึงอย่างนั้นหากได้เป็นเจ้าของบัตรเครดิตแล้วควรบริหารจัดการให้ดี ไม่รูดซื้อสินค้าและบริการเกินตัว เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาปรับโครงสร้างหนี้สินตามมา


ที่มาข้อมูล
-   https://www.estopolis.com/article/knowledge/money-101/แนะนำบัตรเครดิตKTC2563เงินเดือน15,000แบบไหนดี

232
        หากกล่าวถึงเครื่องดื่มช็อกโกแลตมอลต์เสริมสร้างพลังงาน ผลิตภัณฑ์ไมโล เป็นแบรนด์หนึ่งที่มักถูกพูดถึงเป็นอันดับต้น ๆ เพราะเป็นผลิตภัณฑ์ที่อยู่คู่คนไทยมานานกว่า 60 ปี เรียกได้ว่าเป็นรสชาติความผูกพันที่ครองใจคนไทยทุกวัยจากรุ่นสู่รุ่น โดยเฉพาะ ไมโล 3 อิน 1 ที่นอกเหนือจากรสชาติอร่อยแล้วยังมีประโยชน์ดี ๆ ที่จำเป็นต่อร่างกายอีกด้วย

   ประโยชน์ของไมโล ที่สำคัญเลยก็คือช่วยเสริมสร้างพลังงานให้แก่ร่างกายเพราะใน ผลิตภัณฑ์ไมโล มีส่วนประกอบหลักอย่างโปรโตมอลต์ ซึ่งเป็นมอลต์สกัดจากข้าวบาร์เล่ย์สูตรเฉพาะของไมโลที่ให้พลังงานแก่ร่างกายต่อเนื่องยาวนานเพราะตัวโปรโตมอลต์มีโมเลกุลของคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อนที่สลายเป็นน้ำตาลได้ช้ากว่ามอลต์ทั่วไปที่ส่วนใหญ่เป็นคาร์โบไฮเดรตเชิงเดี่ยว แถมโปรโตมอลต์ยังมีกลิ่นและรสชาติหอมอร่อยเป็นเอกลักษณ์ นี่จึงทำให้ ไมโล 3 in 1 แตกต่างจากผลิตภัณฑ์ช็อกโกแลตมอลต์ทั่วไปในท้องตลาด

   นอกจากนี้ในไมโลยังมีปริมาณโปรตีนและแคลเซียมสูงซึ่งจะช่วยเสริมสร้างการทำงานของกระดูกและฟันให้แข็งแรง ทั้งยังส่งผลต่อการเจริญเติบและซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของร่างกาย ไม่เพียงเท่านั้นยังมีวิตามินและแร่ธาตุหลายชนิดที่ผสานกันมาอย่างลงตัวในรูปแบบ Activ-Go เช่น วิตามินบี 6 บี 12 ช่วยในการทำงานของประสาทและสมอง วิตามินซีช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทาน ธาตุเหล็กช่วยเสริมสร้างเม็ดเลือดแดง เป็นต้น โดยแร่ธาตุและวิตามิน Activ-Go เหล่านี้จะค่อย ๆ ปลดปล่อยพลังงานและสารอาหารสู่ร่างกายอย่างต่อเนื่องยาวนานได้ทั้งวัน

   ไม่เพียงเท่านั้นผลิตภัณฑ์ ไมโล 3 อิน 1 ยังตอบโจทย์กลุ่มผู้สูงอายุและคนรักสุขภาพที่ต้องควบคุมอาหารและปริมาณน้ำตาลเพราะมี ไมโล สูตรหวานน้อย ที่ลดปริมาณน้ำตาลลงถึง 30% และสูตรไม่มีน้ำตาล แต่ไปเน้นเพิ่มปริมาณนมที่ให้ความหวานตามธรรมชาติทำให้มีโปรตีนปริมาณมากถึง 5,000 มิลลิกรัม จากสูตรปกติที่มีเพียง 4,000 มิลลิกรัม จึงมีแคลเซียมสูงเหมาะสำหรับผู้สูงอายุที่มีปัญหากระดูกและกล้ามเนื้อเป็นอย่างมาก ที่สำคัญทั้ง ไมโล น้ำตาลน้อย และสูตรปราศจากน้ำตาลได้รับตราสัญลักษณ์ทางเลือกสุขภาพ (Healthier Choice Logo) รับรองว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีน้ำตาล ไขมันและโซเดียมในปริมาณที่เหมาะสมต่อร่างกาย

        หลาย ๆ คนอาจจะมองเห็นภาพว่าน้ำไมโล (เพิ่มเติม: https://www.milo.co.th/goodness-of-milo) เป็นผลิตภัณฑ์สำหรับเด็กเท่านั้นแต่จริง ๆ แล้ว ไมโล 3 อิน 1 สามารถดื่มได้ทุกเพศทุกวัยไม่ว่าเด็กหรือผู้ใหญ่ แถมยังมีรูปแบบผลิตภัณฑ์ตอบโจทย์ทุกความต้องการของคนทุกวัย เด็ก ๆ ที่ชื่นชอบความหวานดื่มสูตรปกติ ส่วนผู้ใหญ่ที่ต้องการควบคุมน้ำตาลเลือกดื่ม ไมโล สูตรหวานน้อย หรือไม่มีน้ำตาล แต่ไม่ว่าจะเป็นสูตรไหนก็มีรสชาติกลมกล่อมลงตัวและเต็มเปี่ยมไปด้วยคุณค่าทางอาหารที่ครบถ้วน ซึ่งประโยชน์ดี ๆ เหล่านี้ได้ทำให้ผลิตภัณฑ์ไมโลครองใจคนทุกเพศทุกวัยเสมอมา หากสนใจผลิตภัณฑ์ไมโลสามารถติดตามโปรโมชั่นไมโล ได้ที่นี่ https://www.milo.co.th/
   
ที่มาข้อมูล
-   https://www.sanook.com/campus/1382705/
-   https://www.milo.co.th/goodness-of-milo
-   https://www.milo.co.th/our-products/milo-3in1

233
มิกซ์ & แมทช์เสื้อเปิดไหล่ใส่กับไอเทมไหนให้หรูและดูแพง
          หลายคนกำลังมองหาไอเดียมิกซ์ & แมทช์เสื้อเปิดไหล่ว่าจะเลือกแต่งกับไอเทมไหน ให้ได้ลุคที่ออกมาหรูและดูแพง บทความนี้มีไอเดียให้คุณได้นำไปปรับใช้ ให้เข้ากับสไตล์การแต่งตัวของคุณ มาดูกันว่าจะจับไอเทมไหนมาแต่งให้หรูและดูแพงได้บ้าง
เสื้อเปิดไหล่ กับบู๊ทยาวรองเท้าผู้หญิงที่หลายคนมองข้าม
          ลุคนี้ขอให้เลือกเสื้อเปิดไหล่ที่เป็นแบบเสื้อเชิ้ต เลือกสีพื้นจะให้ความเท่และดูดีได้ในเวลาเดียวกัน จะเปิดไหล่ข้างเดียวหรือเปิดทั้งสองข้างก็ได้ จับเข้าคู่กับกางเกงขาสั้นโทนสีเดียวกันกับสีเสื้อ หรือสีพื้นเช่น ขาว ดำ น้ำตาล ก็ได้ หรือใครจะเลือกเป็น กระโปรงยีนส์จาก H&M แบบสั้นสีอ่อนหรือสีขาว แมทช์เข้ากับรองเท้าผู้หญิง งานนี้ขอให้เลือกบู๊ทคู่โปรดยาวเลยเข่าขึ้นไปถึงครึ่งขาช่วงบน ไม่ต้องมีไอเทมอื่นเพิ่ม ดูน้อยแต่สร้างเสน่ห์ให้กับสาว ๆ ได้เป็นอย่างมาก
เสื้อเปิดไหล่ กับกางเกงสกินนี่ รองเท้าส้นสูง
            ลุคนี้จะให้ดูแพงขนาดไหนก็อยู่ที่แบบของเสื้อเปิดไหล่ เลือกที่แบบพอดีตัว จะเป็นลูกไม้ เป็นสายคล้องบ่า หรือเป็นผ้าหนาเหมือนชุดทำงานก็ได้เช่นกัน จับเข้าคู่กับกางเกงสกินนี่ เป็นยีนส์ หรือเป็นผ้านิ่มสีเดียวกับเสื้อก็ได้เช่นกัน คู่กับรองเท้าส้นสูง (เพิ่มเติมที่ : https://th.hm.com/th_th/ladies/shop-by-product/shoes/pumps-high-heels.html ) ถ้าปลายแหลมจะได้ลุคที่เฉี่ยวและเป็นสาวมั่น ส้นรองเท้าแบบส้นแหลมหรือส้นเข็มด้วยก็จะยิ่งทำให้หุ่นเพรียว และดูแพงเป็นอย่างมาก
เสื้อเปิดไหล่โอเวอร์ไซส์กับรองเท้าหุ้มข้อ
            เสื้อเปิดไหล่ขนาดโอเวอร์ไซส์เน้นเป็นสีเข้มยาวมาถึงครึ่งขาท่อนบน แมทช์ด้วยสร้อยคอเลือกแบบที่เส้นใหญ่หน่อย เพื่อให้เข้ากับแบบเสื้อ จับคู่กับรองเท้าผู้หญิงเลือกแบบหุ้มข้อ จะเป็นรองเท้าแตะ รองเท้าบู๊ท หรือรองเท้าส้นสูงก็ได้ เน้นที่ความยาวหุ้มขึ้นมาถึงข้อเท้า ลุคนี้แต่งไปคาเฟ่ เดินช้อปปิ้งหรือนัดเพื่อนก็ดูดีได้สบาย ๆ คูล ๆ แต่ดูแพง
 
เสื้อเปิดไหล่กับกระโปรงยีนส์แบบยาว
            อยากแมทช์เสื้อเปิดไหล่กับกระโปรงยีนส์แบบยาวบ้างจะเลือกแบบไหนให้แพง ความยาวของกระโปรงยีนส์ถ้ายาวระดับครึ่งขาล่างให้เลือกแมทช์กับเสื้อเปิดไหล่ที่เข้ารูปและรองเท้าหนังหุ้มข้อ ถ้าความยาวของกระโปรงถึงข้อเท้าแนะนำว่าใส่รองเท้าส้นสูงที่มีสีสันเช่นสีแดง เหลือง น้ำเงิน และเสื้อเปิดไหล่ตัวสั้นก็จะเพิ่มความแพงได้มากเช่นกัน
 
            เสื้อเปิดไหล่ยังสามารถแต่งได้อีกหลายลุคหลายสไตล์ คุณสามารถจับหลาย ๆ ไอเทมมาแมทช์คู่กัน เพื่อให้ได้ลุคที่แตกต่างกันได้ นอกจากจะไม่รู้สึกเบื่อแล้ว ยังทำให้คุณสนุกไปกับการมิกซ์ & แมทช์ อีกด้วย
 
ที่มาข้อมูล
-   https://today.line.me/th/v2/article/EGQyXk
-   https://www.ladyissue.com/114356
-   https://today.line.me/th/v2/article/p3P9Yp
-   https://www.ladyissue.com/24248
-   https://fashion.gangbeauty.com/108959
-   https://sistacafe.com/summaries/26986

234
ไอเดียมิกซ์ลุคกางเกงยีนส์สำหรับวันทำงานของสายชิล
สำหรับหนุ่มออฟฟิศที่อยากเปลี่ยนลุคการแต่งตัวที่แสนจำเจ การนำไอเทมเสื้อผ้าที่ไม่เป็นทางการอย่างกางเกงยีนส์มามิกซ์กับไอเทมเสื้อผ้าสไตล์ Casual เป็นไอเดียที่ช่วยเปลี่ยนลุคการแต่งตัวที่แสนน่าเบื่อให้มีสีสันขึ้นได้ โดยไอเดียมิกซ์ลุคกางเกงเดนิมสำหรับวันทำงานของชายหนุ่ม มีดังนี้
ไอเดียมิกซ์ลุคการแต่งตัวสไตล์มินิมอลที่แสนเรียบง่ายแต่ดูดีและสามารถเข้าได้กับชายหนุ่มทุกคน เริ่มด้วยการเลือกเสื้อยืดผู้ชายคอเต่า แขนยาว โทนสีเทา รุ่น Fine-knit Polo-neck Jumper ใส่คู่กับกางเกงเดนิมโทนสีเทาเข้ม ทรงสกินนี่ รุ่น Skinny Jeans และรองเท้า Sneaker โทนสีขาว รุ่น Low Profile Trainers สำหรับหนุ่มที่ต้องการเพิ่มความเนี๊ยบให้มากขึ้น สามารถสวม Blazer หรือคลุมไหล่ด้วยเสื้อเชิ้ตผ้าลินิน (เพิ่มเติมที่ : https://th.hm.com/th_th/men/shop-by-product/shirts/linen-shirts.html )
            เพิ่มความชิคให้การแต่งตัวด้วยการเลือกสวมเสื้อโปโลโทนสี Navy Blue แขนสั้น รุ่น Slim Fit COOLMAX Polo Shirt สวมทับด้วย H&M กางเกงยีนส์ขากระบอกโทนสีขาว รุ่น Slim Jeans คาดเข็มขัดหนังสีดำและเลือกรองเท้าหนัง หัวแหลมที่ช่วยเพิ่มความเท่และ Classy อย่าง Derby Shoes สำหรับหนุ่มที่อยากให้ลุคนี้มีความเป็นทางการมากขึ้นสามารถสวม Blazer รุ่น Jacket Slim Fit ทับเสื้อโปโลได้
มิกซ์ลุคแคชชวลให้ดูดีด้วยไอเทมเสื้อผ้าสบาย ๆ ในตู้เสื้อผ้า เริ่มจากการเลือกเสื้อยืดผู้ชายแขนสั้น คอกลม ขนาดพอดีตัว โทนสีขาว รุ่น Round-neck T-shirt Regular Fit ใส่คู่กับกางเกงสกินนี่โทนสีดำ รุ่น Skinny Jeans คลุมทับเสื้อยืดด้วย เสื้อเชิ้ตผู้ชาย อย่างเสื้อเชิ้ตผ้าลินินแขนยาว รุ่น Linen-blend Shirt Slim Fit และเลือกรองเท้า sneaker เท่ ๆ โดยลุคนี้สามารถเพิ่มความชิคได้ด้วยการเลือกใช้กระเป๋าคาดอกแทนกระเป๋าเอกสาร
ไอเดียการแต่งตัวที่แสนเรียบง่ายแต่สามารถสวมใส่ได้ทุกวัน มิกซ์ได้ด้วยการเลือกเสื้อเชิ้ตผ้าลินินแขนยาว รุ่น Linen-blend Shirt Slim Fit สวมกางเกงสกินนี่โทนสีดำทับและคาดเอวด้วยเข็มขัดหนังสีดำ มิกซ์กับรองเท้าสนีกเกอร์
ไอเดียการแต่งตัวสำหรับวันทำงานด้วยกางเกงยีนส์เป็นไอเดียที่เหมาะกับหนุ่ม ๆ ที่อยากเพิ่มสีสันในการแต่งตัวด้วยไอเทมเสื้อผ้าง่าย ๆ
ที่มาข้อมูล
-   https://th.hm.com/th_th/fine-knit-polo-neck-jumper-0715828026010.html
-   https://th.hm.com/th_th/skinny-jeans-0720504008009.html
-   https://th.hm.com/th_th/low-profile-trainers-0981149002005.html
-   https://th.hm.com/th_th/slim-fit-coolmaxr-polo-shirt-0967154003011.html
-   https://th.hm.com/th_th/slim-jeans-0636207017013.html
-   https://th.hm.com/th_th/derby-shoes-0834333002006.html
-   https://th.hm.com/th_th/jacket-slim-fit-0713986001018.html
-   https://th.hm.com/th_th/round-neck-t-shirt-regular-fit-0685816053010.html
-   https://th.hm.com/th_th/linen-blend-shirt-slim-fit-0666392023010.html
 
 

 


235
ร่วมไขข้อสงสัยนอกจากความอร่อยแล้วอะไรเป็นเหตุผลให้ ไมโล 3 in 1 ครองใจคนทุกเพศทุกวัย

        รสชาติความผูกพันที่คุ้นปากคนไทยมาช้านานอย่างผลิตภัณฑ์ ไมโล 3 in 1 เครื่องดื่มช็อกโกแลตมอลต์ที่ช่วยเสริมสร้างสารอาหารและพลังงานให้แก่ร่างกายยอดนิยมที่ไปทางไหนก็ไม่มีใครไม่รู้จักเพราะเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีรสชาติอร่อยกลมกล่อมไม่เหมือนใคร วันนี้เราเลยจะพาไปไขข้อสงสัยกันว่านอกจากความอร่อยแล้วยังมีเหตุผลอะไรอีกที่ทำให้ ไมโล 3 อิน 1 เป็นที่ถูกใจของคนทุกเพศทุกวัย

   ความอร่อยที่มีในผลิตภัณฑ์ ไมโล 3 อิน 1 ก็คือมอลต์สกัดสูตรพิเศษที่เป็นโปรโตมอลต์และช็อกโกแลตเข้มข้นที่ได้จากผลโกโก้ ซึ่งรสชาติโปรโตมอลต์นั้นมีความหอมหวานเฉพาะตัวคล้ายกับน้ำผึ้งจึงทำให้ผลิตภัณฑ์ไมโลกลายเป็นเครื่องดื่มเฉพาะตัวที่อร่อยไม่เหมือนใครและนอกจากความอร่อยแล้วโปรโตมอลต์ยังเป็นแหล่งพลังงานที่สำคัญเพราะประกอบไปด้วยโมเลกุลคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อนที่จะสลายตัวเปลี่ยนแปลงเป็นน้ำตาลได้ช้ากว่าโมเลกุลคาร์โบไฮเดรตเชิงเดียวจึงทำให้สามารถปลดปล่อยพลังงานอย่างช้า ๆ ต่อเนื่องได้ยาวนาน ประโยชน์ของไมโล 3 in 1 ที่มีโปรโตมอลต์จึงช่วยเสริมสร้างพลังงานให้แก่ร่างกายได้ตลอดวัน

   ไม่เพียงเท่านั้นในผลิตภัณฑ์ ไมโล ส่วนประกอบ ของนมก็สำคัญมาก ๆ โดยเฉพาะในผลิตภัณฑ์นมไมโล สูตรหวานน้อย ที่ลดปริมาณน้ำตาลทรายลง 30% และ ไมโล ไม่มีน้ำตาล ซึ่งทั้ง 2 สูตรนี้มีปริมาณนมที่ให้โปรตีนมากถึง 5,000 มิลลิกรัม ซึ่งคิดเป็นปริมาณ 10% ของโปรตีนที่ควรบริโภคในแต่ละวัน ช่วยเสริมสร้างการทำงานของแคลเซียมที่จำเป็นต่อกระดูกและฟัน แถมนมยังให้ความหวานตามธรรมชาติที่ทดแทนความหวานจากน้ำตาลได้จึงยังทำให้รสชาติของนมไมโลกล่องสูตรหวานน้อยและสูตรไม่มีน้ำตาลยังคงอร่อยกลมกล่อมไม่ต่างจากสูตรปกติ

   นอกจากนมและโปรโตมอลต์ในผลิตภัณฑ์ไมโลยังอุดมไปด้วยสารอาหารและแร่ธาตุหลายชนิดที่รวมกันมาในรูปแบบ Activ-Go ที่ผสานวิตามินและแร่ธาตุรวมกันไว้อย่างสมดุล ไม่ว่าจะเป็นวิตามินบี 6 บี 12 ช่วยในการทำงานของระบบประสาทและสมอง วิตามินซี วิตามินดี เป็นสารต้านอนุมูลอิสระและยังมีธาตุเหล็กและฟอสฟอรัสที่เป็นประโยชน์กับกระบวนการเมตาบอลิซึมและเม็ดเลือดแดง โดยความพิเศษของ Activ-Go (เพิ่มเติม: https://www.milo.co.th/our-products/milo-3in1) อยู่ตรงที่จะค่อย ๆ ปลดปล่อยสารอาหารให้แก่ร่างกายแบบช้า ๆ สม่ำเสมอได้ตลอดวัน

   จากที่กล่าวมากทั้งหมดนี้ด้วยประโยชน์ของไมโลที่มีมากกว่าความอร่อยเพราะอุดมไปด้วยสารอาหารสำคัญที่จำเป็นต่อร่างกายไม่ว่าจะเป็นโปรโตมอลต์ นมและวิตามินรวม นอกจากนั้นยังมีหลากหลายสูตรให้เลือก มีทั้งสูตรปกติ สูตรไม่มีน้ำตาลและ ไมโล สูตรหวานน้อย ไว้รองรับทุกกลุ่มความต้องการของผู้บริโภคจึงทำให้น้ำไมโล 3 in 1 กลายเป็นผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มช็อกโกแลตมอลต์ที่ครองใจคนทุกเพศทุกวัย ซึ่งหากสนใจผลิตภัณฑ์จากไมโลสามารถติดตามโปรโมชั่นไมโล ได้ที่นี่ https://www.milo.co.th/

ที่มาข้อมูล
-   https://www.sanook.com/campus/1382705/   
-   https://www.milo.co.th/goodness-of-milo   
-   https://www.milo.co.th/our-products/milo-3in1

236
        ปัจุจุบันจำเป็นต้องควบคุมรายรับรายจ่ายให้ได้และรู้จักวางแผนออมเงินเพื่ออนาคตข้างหน้า คนแต่ละวัยจึงมีวิธีเก็บออมเงินต่างกัน ดังนี้

   1.วัยเริ่มทำงาน อายุประมาณ 20-29 ปี มีงานทำ มีรายได้แล้ว เริ่มมองอนาคตอยากได้อะไรต้องอดใจรอไปก่อน อย่าเพิ่มสร้างหนี้ตั้งแต่ตอนนี้ ใคร วางแผน ซื้อ บ้าน เป็นของตัวเองแนะนำให้เริ่มออมเงินอย่างเร็วที่สุดเพื่อเก็บออมเงินสำรองสักก้อนไว้ทำตามความฝัน สามารถออมเงินประมาณ 10% - 20% ของรายได้

   2.วัยสร้างครอบครัว อายุระหว่าง 30-39 ปี หน้าที่การงานมั่นคงแล้วกำลังเป็นวัยสร้างเนื้อสร้างตัว ขณะเดียวกันก็มีค่าใช้จ่ายรุมเร้าทั้งผ่อนรถ ผ่อนบ้าน การออมเงินทำได้ออมเงินประมาณ 20%-30% ของรายได้ เมื่อมีเงินเก็บสักก้อนแล้วแบ่งบางส่วนออกไปซื้อพันธบัตรรัฐบาลบ้าง สลากออมสินพิเศษ หรือลงทุนในกองทุนรวมอื่น ๆ เพื่อให้เงินงอกเงยเพิ่มขึ้น

   3.วัยสร้างฐานะ อายุระหว่าง 40-49 ปี ช่วงนี้การเงินมั่งคงมากขึ้น ทยอยปลดหนี้เงินผ่อนจนเกือบหมด เหลือภาระค่างวดบ้านที่ผ่อนมาเกินครึ่งทางและการศึกษาของลูก จึงเก็บเงินออมได้มากขึ้น สามารถออมเงินประมาณ 30% - 40% ของรายได้

   4.วัยก่อนเกษียณ อายุ 50-55 ปี หากวางแผนจัดการการเงินอย่างรอบคอบจะมีความมั่นคงทางการเงินสูง ลูกเรียนจบแล้ว เกือบปลดหนี้บ้านได้แล้ว ภาระต่าง ๆ ลดน้อยลง วิธี เก็บ เงิน ของวัยก่อนเกษียณควรวางแผนการลงทุนระยะยาวโดยหันไปหาการลงทุนในกองทุนต่าง ๆ เพื่อต่อยอดเงินเพิ่มรายได้ระยะยาว รองรับแผนเกษียณจากงานในอีก 5-10 ปี ข้างหน้า เพื่อให้มั่นใจว่าจะมีเงินจับจ่ายไม่ขาดมือในช่วงวัยชรา สามารถออมเงินประมาณ 40% - 50% ของรายได้หรือมากกว่า

        5.วัยเกษียณ แต่ละคนวางแผนเกษียณแตกต่างกัน บางคนวางมือจากงานเร็ว มีเงินเก็บสำหรับกินใช้อย่างพอเพียงหรือมีช่องทางการลงทุนให้เงินทำงานให้ ช่วยให้มีเงินใช้จ่ายคล่องมือในช่วงวัยเกษียณ แต่หลายคนยังคงทำงานไปเรื่อย ๆ หรือเปลี่ยนงานอดิเรกเป็นอาชีพอิสระเพื่อสร้างรายได้อย่างต่อเนื่อง วิธี เก็บ ตัง ในช่วงวัยไม่ต้องเคร่งเครียดมากนัก ใช้เงินสำหรับการพักผ่อนในช่วงบั้นปลายชีวิต จำนวนเงินออมลง และอาจมีค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพมากขึ้น เก็บออมเงินประมาณ 20%-30% ของรายได้ หากต้องการเก็บเงินก้อนใหญ่สำหรับค่าเล่าเรียนของเรียนในระดับปริญญาโทขึ้นไป ลองมองหาการลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำ ซึ่งทำให้เงินงอกเงยมากกว่าฝากเงินไว้ในธนาคารทั่วไป

   คนเรานั้นแตกต่างกันทั้งการงาน การเงิน เป้าหมาย และแนวทางการใช้ชีวิต ทุกอย่างอาจไม่เป็นไปตามวางแผนที่วางไว้ ขอเพียงเรียนรู้ทักษะการบริหารจัดการเงินอย่างถูกต้องและปรับโครงสร้างหนี้ยืดหยุ่นให้เหมาะสมกับสถานการณ์ได้การเก็บเงินซื้อบ้านหรือศึกษาเรื่องสินเชื่อเงินสดก็จะไม่ใช่เรื่องยาก หากเข้าถึงหัวใจของการบริหารจัดการเงินแล้ว ย่อมรับมือกับความผันผวนทางเศรษฐกิจได้ การเก็บเงินสำรองไว้ใช้จ่ายในกรณีที่เกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันอย่างการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ช่วยให้จัดการชีวิตง่ายขึ้นในทุกช่วงวัย

ที่มาข้อมูล
-   https://blog.ghbank.co.th/save-to-buy-a-house/
-   https://www.krungsri.com/th/plearn-plearn/ไอเดีย-เก็บเงินซื้อบ้าน-สำหรับคน-gen-y-และ-gen-z
-   https://www.principal.th/th/easy-steps-prepare-finances-mortgage-salaryman
-   http://blog.ausiris.co.th/savingmoney-5-recipes-to-keep-money-to-suit-age

237
ไอเทมผ้าพันคอที่หนุ่ม ๆ นิยม mix & match อัปลุคในสไตล์ที่เป็นตัวเอง
   เมื่อเอ่ยถึง ผ้าพันคอสาว ๆ คงจะกรี๊ดเบา ๆ กับพร๊อพสุดฮิตที่อัปเลเวลให้เสื้อผ้าที่สวมใส่ไม่ว่าจะเป็นฤดูร้อนหรือฤดูหนาวมีความเก๋เพิ่มขึ้นไม่มากก็น้อย แต่ใช่ว่าผ้าพันคอจะเหมาะกับสาว ๆ เท่านั้น หนุ่ม ๆ ก็นำพร๊อพนี้มาใช้เป็นลูกเล่นให้กับเสื้อผ้าในช่วงอากาศร้อนและเพิ่มความอบอุ่นให้กับร่างกายในช่วงอากาศหนาวเย็นได้เช่นกัน มาดูกันว่าสามารถนำมาจับคู่กับเครื่องแต่งกายชิ้นไหนได้บ้าง ให้ได้ลุคหล่อเท่สะดุดตา
1.   กางเกงยีนส์
   ผ้าพันคอจับคู่กับกางเกงยีนส์ทั้งเซอร์ทั้งคูลอย่าบอกใคร ด้วยความเท่ตามแบบฉบับของผ้ายีนส์ผสมผสานกับความพลิ้วไหวหรือเนื้อหนักของผ้าพันคอสะกดสายตาสาว ๆ ที่เดินผ่านให้ต้องเหลียวหลังหันมามองไม่กระพริบตาแน่ ๆ โดยมากจะนิยมพันแบบ The Sophisticate และ The Weekender
2.   สูท
   ผ้าพันคอจับคู่กับสูท ทำให้ลุคดูภูมิฐาน แลดูเป็นผู้ชายอบอุ่น ความหนาหนักของเนื้อผ้า ทำให้รอบคอได้รับการปกป้องจากอากาศที่หนาวเย็นรอบตัว ส่วนใหญ่จะพันแบบ The City Slicker และ The Connoisseur
3.   เสื้อยืดผู้ชาย
   ผ้าพันคอจับคู่กับ เสื้อยืดผู้ชายจาก H&M จะเป็นเสื้อยืดคอกลมหรือคอวีก็ได้ทั้งนั้น แต่ถ้าเป็นเสื้อยืดสีพื้นจะเหมาะกว่าเสื้อยืดที่มีลวดลาย เพราะจะทำให้ดูสะอาดตา ไม่รกรุงรัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าผ้าพันคอมีลวดลายด้วยแล้ว การใส่เสื้อยืดสีพื้นจะช่วยทำให้ภาพรวมของชุดดูดีมีสไตล์ มีความเป็นทางการมากขึ้น ความนิยมในวิธีการพันจะเป็นแบบ The Weekender และ The Jet Setter
4.   เสื้อโปโล
   ผ้าพันคอจับคู่กับเสื้อโปโล อาจดูแปลกตาสำหรับคนที่ไม่คุ้นเคย แต่ถ้าได้ลองใช้คู่กันรับรองจะติดใจ ลืมไอเทมอื่นไปเลย เพราะความกึ่งทางการของเสื้อโปโลผนวกกับผ้าพันคอจะช่วยเพิ่มความสง่างามให้กับชุด แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นควรเลือกเสื้อโปโลสีพื้น เพื่อเน้นให้ผ้าพันคอดูเด่นขึ้น แนะนำให้พันผ้าแบบ The Jet Setter หรือ The Weekender
   เราเข้าใจว่าการหยิบผ้าพันคอมาเป็นพร๊อพอาจดูขัดเขินสำหรับหนุ่มไทย แต่เมื่อได้ลองครั้งแรก คุณจะติดใจในความน้อยแต่มากของผ้าพันคอ
ที่มาข้อมูล
-   http://www.cooltrendy.net/article/18/6-วิธีพันผ้าพันคอแบบผู้ชายดูดี-a-gentlemen’s-guide-to-knotting
-   https://men.kapook.com/view182462.html

238
รวมเทคนิคใส่เสื้อคอเต่าให้ได้สไตล์โมเดิร์นในที่ทำงาน
หากพูดถึงแฟชั่นไอเทมที่ได้รับความนิยมสุด ๆ เมื่อยุค 70’s บอกเลยว่าต้องยกให้เสื้อคอเต่า ปัจจุบันได้มีดีไซน์ต่าง ๆ ออกมามากมาย ทำให้เป็นที่นิยมอีกครั้ง และสำหรับสาวทำงานที่ชอบการแต่งกายสไตล์นี้ ลองมาดูว่าจะมีเทคนิคอย่างไรบ้างในการใส่เสื้อคอเต่าให้ออกมาสวยโมเดิร์น
- แมตช์กับกระโปรงได้ลุคเลิศสุด จะเลือกเป็นกระโปรงพลิ้ว ๆ ความยาวระดับเข่า หรือจะเลือกเป็นกระโปรงยีนส์สีเข้มก็ได้เช่นกัน แนะนำอย่าเลือกกระโปรงยีนส์ขาด ๆ เพราะอาจทำให้ดูไม่สุภาพ ที่สำคัญอย่าลืมเลือกใส่รองเท้าส้นสูง รับรองจะช่วยให้หุ่นเพรียวเป๊ะยิ่งกว่าเดิม
- แมตช์กับกางเกงยีนส์เอวสูงให้ลุคทะมัดทะแมง แนะนำให้เลือกจับคู่คอเต่ากับกางเกงยีนส์เอวสูงเพื่อความสุภาพในที่ทำงานแนะนำให้เลือกโทนสีเข้มจะเหมาะกว่า โดยลุคนี้จะทำให้สาว ๆ ดูสวยเท่และปราดเปรียว ยิ่งหากเลือกสวมคู่กับรองเท้าส้นสูงรับรองว่าสะกดทุกสายตา
- แมตช์กับเสื้อแจ็คเก็ตเพิ่มความเนี้ยบ เพียงเลือกสวม เสื้อแจ็คเก็ตจาก H&M ไม่ว่าจะเป็นแจ็คเก็ตหนัง (เพิ่มเติมที่ : https://th.hm.com/th_th/ladies/shop-by-product/jackets-coats/biker-jackets.html ) หรือ แจ็คเก็ตยีนส์จาก H&Mทับคอเต่าอีกชั้น หากจะให้เก๋ยิ่งขึ้น ก็แนะนำให้เลือกโทนสีตัดกับเสื้อตัวใน แต่หากใครไม่อยากสวมแจ็คเก็ต ก็สามารถเปลี่ยนเป็นเสื้อสูทเพื่อเพิ่มลุคทางการก็ได้เช่นกัน
สาว ๆ คนไหนที่อยากสวยเป๊ะแถมยังเป็นเจ้าของลุคสุดโมเดิร์น อย่าลืมนำเทคนิคใส่เสื้อคอเต่าให้ดูดีมีสไตล์ ที่สำคัญ การเลือกซื้อให้พิจารณาเรื่องเนื้อผ้าที่ไม่ควรหนามากเพราะทำให้ร้อน รับรองว่าลุคเหล่านี้นอกจากจะช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือแล้ว ยังดูเป็นสาวแฟชั่นนิสต้าอีกด้วย
ที่มาข้อมูล
-   https://today.line.me/th/v2/article/Zkk6z7
-   https://shopspotter.in.th/content/all-style-by-turtleneck

239
        ปัจจุบันการชงกาแฟไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป ใคร ๆ ก็ชงกาแฟดื่มเองได้ อยู่บ้านก็เป็นบาริสต้าได้ และจะยิ่งง่ายขึ้นไปอีกถ้ามี เครื่องทำกาแฟอัตโนมัติ เพราะเป็นหนึ่งตัวช่วยที่เรียกว่า ทั้งง่าย ประหยัดเวลา และที่สำคัญหากคุณเป็นมือใหม่ การใช้เครื่องชงกาแฟแบบนี้จะช่วยให้คุณได้ดื่มกาแฟรสชาติดีแบบง่าย ๆ ซึ่งใครที่อยากลองชงกาแฟดื่มเอง วันนี้เรามี เครื่องทำกาแฟ อัตโนมัติ 3 รุ่น ที่เรียกว่าหากเป็นมือใหม่อยากให้ลอง 3 รุ่นนี้ เพราะจะช่วยตอบโจทย์ให้คุณได้ดี โดยแต่ละรุ่นจะมีหน้าตาและขนาดที่คล้าย ๆ กัน เราได้ยกตัวอย่างมาให้สำหรับเปรียบเทียบ ซึ่งจะช่วยให้คุณได้ตัดสินใจได้ง่ายขึ้น ลองมาดูกันว่ามีรุ่นไหนน่าสนใจบ้าง

1.   Essenza Mini ถ้าพูดถึงเครื่องชงกาแฟของ Nespresso รุ่นนี้จะเป็นรุ่นแรก ๆ ที่ใคร ๆ ก็พูดถึง ด้วยขนาด ดีไซน์ที่สวยงาม ชงกาแฟและวางตกแต่งในออฟฟิศได้ดี รู้ไหมว่า เครื่องชงกาแฟแคปซูล รุ่นนี้เป็นรุ่นเล็กกะทัดรัดที่สุด น้ำหนักเพียง 2.3 กิโลกรัม มี 2 ฟังก์ชันในการใช้งานคือ ชงกาแฟเอสเปรสโซ่และลุงโก ชงเป็น กาแฟดำ ออกมาก่อน จากนั้นเราสามารถปรับเปลี่ยนเป็นเมนูไหนก็ได้ตามใจชอบ มีแรงดันเครื่อง 19 บาร์ บรรจุน้ำได้ 0.6 ลิตร และที่สำคัญประหยัดพลังงานได้ดี

2.   Inisia อีกรุ่นที่เรียกว่าไม่แพ้รุ่นอื่น ๆ ในเรื่องของขนาด รุ่นนี้หนักเพียง 2.4 กิโลกรัม สีสันสวยงาม โดยเฉพาะสีแดงและดำ เรียกว่าดูหรูหรามาก ตัวเครื่องมีระบบทำความร้อนได้เร็ว เมื่อเปิดเครื่องใช้เวลาเพียง 25 วินาที ก็สามารถใส่ กาแฟแคปซูล ลงไปในเครื่องได้เลย มี 2 โปรแกรมสำหรับชงกาแฟคือ ลุงโกและเอสเปรสโซ่ รุ่นนี้บรรจุน้ำได้ 0.7 ลิตร และที่น่าสนใจคือ มีระบบแยกน้ำและแคปซูลกาแฟที่ใช้แล้วออกจากกันด้วย

3.   Pixie สำหรับคนที่ไม่ชอบความยุ่งยาก เครื่องทำกาแฟอัตโนมัติ รุ่นนี้ผู้ผลิตได้รวมนวัตกรรมต่าง ๆ มาไว้ด้วยกัน มีปุ่มฟังก์ชันการทำงานเพียง 2 ปุ่มเท่านั้น ง่ายเพียงปลายนิ้วสัมผัส โดยเฉพาะคนที่ชอบดื่ม อเมริกาโน่ และกลุ่มกาแฟไม่ใส่นมถือว่าตอบโจทย์มาก เพียงใส่แคปซูลกาแฟลงไป กดปุ่ม ก็เป็นอันเสร็จ รสชาติที่ได้ถือว่าดีไม่แพ้ร้านกาแฟชื่อดังเลย ตัวเครื่องหนัก 2.8 กิโลกรัม และสามารถบรรจุน้ำได้ 0.7 ลิตร และไฮไลท์รุ่นนี้คือสามารถพับถาดรองแก้วเพื่อใส่แก้วมัคได้อีกด้วย

        เครื่องทำกาแฟ ทั้ง 3 รุ่นถือว่าเป็นรุ่นที่มีขนาดและฟังก์ชันที่ไม่ต่างกันมาก หากคุณเป็นมือใหม่ 3 รุ่นนี้ถือว่าเป็นรุ่นที่น่าลอง เพราะระบบการทำงานไม่ยุ่งยาก โดยเฉพาะการชงกาแฟแบบไม่ใส่นมถือว่าทำออกมาได้ดี และหากเรามี สูตรชงกาแฟ (เพิ่มเติม: https://www.sanook.com/news/8396682/) อยู่แล้ว เมื่อได้กาแฟดำออกมาเติมส่วนผสมเพิ่มก็ทำได้ไม่ยาก เนื่องจากกาแฟดำที่ออกมาจากเครื่องจะมีความเข้มข้นและปริมาณที่เป็นมาตรฐาน ไม่ว่าจะเมนูไหนก็ทำง่ายและได้รสชาติอร่อย

ที่มาข้อมูล
-   https://bit.ly/2Ub36Hb

240
           วันนี้จะขอนำสรุปข้อดีของ SSF, PVD, RMF สำหรับคนงบประมาณน้อยมาแนะนำกัน

           1.กองทุน ssf (Super Saving Funds) คือกองทุนรวมสำหรับผู้ที่ต้องการออมเงินในระยะยาว เนื่องจากมีเงื่อนไขว่าต้องถือครองไว้ถึง 10 ปีเป็นอย่างน้อย แต่ไม่จำเป็นต้องใช้เงินจำนวนมากเรียกว่ามีเงินเท่าไร ลงทุนกองทุนของKTBเท่านั้น ช่วงไหนเงินขาดมือจะยกเว้นไม่ซื้อก็ได้ ประโยชน์ข้อสำคัญคือการสร้างวินัยการออมเงินสำหรับคนจบใหม่วัยเริ่มต้นทำงานจะมีเงินเก็บออมเติบโตขึ้นทุกปี

           ทุกวันนี้มีกองทุนรวมหลายรูปแบบให้เลือก โดย กองทุน ssf นั้นมีให้เลือกทั้งกองทุนรวมแบบจ่ายเงินปันผลและไม่จ่ายเงินปันผล SSF กรุงไทย ซื้อขายง่ายผ่านธนาคารกรุงไทยและและบริษัทหลักทรัพย์ที่ร่วมมือกัน หรือซื้อผ่านระบบออนไลน์ ผู้ลงทุนมีโอกาสรับผลตอบแทนสูง เงื่อนไขของ SSF กรุงไทย ไม่จำกัดขั้นต่ำในการซื้อและไม่บังคับให้ซื้อต่อเนื่องทุกปี ทำให้บรรดานักลงทุนมือใหม่คลายความวิตกกังวลไปได้มาก

           ทั้งนี้ ssf กองทุน มาแทนของเดิมคือกองทุนรวมหุ้นระยะยาว หรือ LTF มีการปรับเปลี่ยนให้สิทธิประโยชน์มากขึ้น โดยเฉพาะด้านการลดหย่อนภาษีซึ่งกำหนดไว้ไม่เกิน 30% ของเงินได้พึงประเมิน เมื่อทำตามเงื่อนไขขายคืนเมื่อถือครองครบ 10 ปี จะได้รับสิทธิลดหย่อนภาษีแน่นอน
 
           2.กองทุน (PVD) หรือกองทุนสํารองเลี้ยงชีพ คือ กองทุนสำหรับคนทำงานประจำที่สะสมเงินออมจากการหักเงินเดือนโดยมีนายจ้างจ่ายสมทบให้ครึ่งหนึ่งเป็นอย่างต่ำ ถือเป็นเก็บออมเงินระยะยาวเพื่อเอาไว้ใช้จ่ายในยามเกษียณอีกประเภทที่จะได้รับเงินคืนเมื่อลาออกจากงาน เกษียณอายุ โอนย้ายกองทุน หรือเสียชีวิต อัตราการหักเงินเดือนขึ้นอยู่กับนายจ้างและเป็นไปตามเงื่อนไขของกองทุนคือระหว่าง 2%-15% ของค่าจ้าง ข้อดีของกองทุนสํารองเลี้ยงชีพ คือ ยิ่งหักเงินสะสมเปอร์เซ็นต์สูง ยิ่งได้รับเงินสมทบจากนายจ้างมากขึ้นเป็นเงาตามตัว แนะนำให้หักเงินสูงสุดเท่าที่จะเป็นไปได้ สำหรับการออมประเภทนี้มีเงื่อนไขให้หักเงินสะสมต่อเนื่องทุกปี หรือละเว้นได้เพียง 1 ปีเท่านั้น นอกจากนี้ยังปรับสิทธิการลดหย่อนภาษีเพิ่มจาก 15% เป็น 30% ของรายได้พึงประเมิน ซึ่งไม่ต่างจากเงื่อนไขของ SSF

           3.กองทุน RMF หรือกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ มีเงินน้อยก็ลงทุนได้ง่าย ไม่มีข้อกำหนดขั้นต่ำ ทั้งยังเป็นการลงทุนในสินทรัพย์หลายประเภททำให้มีการกระจายความเสี่ยง  เงื่อนไขของ RMF กำหนดให้ถือครองอย่างน้อย 5 ปีขึ้นไป ซึ่งลดเวลาน้อยกว่า ssf กองทุน ครึ่งหนึ่ง และลงทุนซื้อได้ไม่เกิน 30% ของรายได้ เมื่อรวมกับการลงทุนในกองทุนการออมเพื่อการเกษียณอื่นๆ ต้องไม่เกิน 500,000 บาท ข้อกำหนดให้ลงทุนต่อเนื่องทุกปี งดเว้นได้ปีเว้นปีเท่านั้น เป็นการกระตุ้นให้มีวินัยการเงินและสามารถออมเงินเพิ่มเติมไปเรื่อย ๆ สามารถขายคืนได้เมื่ออายุ 55 ปีขึ้นไป เรียกว่าเกษียณเมื่อไรก็ได้เงินก้อนไว้ใช้จ่ายในทันที

           จากข้อมูลคร่าว ๆ ใช้เป็นแนวทางในการตัดสินว่าจะซื้อกองทุนอะไรดี โดยหลักการแล้ว กองทุน SSF PVD, RMF มีความแตกต่างกันที่เงื่อนไขระยะเวลาขายกองทุน ขอเพียงทำตามอย่างถูกต้องครบถ้วน เงินลงทุนจะเติบโตในระยะยาวและไม่เสียโอกาสรับสิทธิลดหย่อนภาษีด้วย  อย่าลืมศึกษากบขคืออะไรไว้ด้วยล่ะ

ที่มาข้อมูล:
-     https://www.moneybuffalo.in.th/mutual-fund/choosing-funds
-   https://www.moneybuffalo.in.th/mutual-fund/ก่อนซื้อ-กองทุนรวม
-   https://www.itax.in.th/pedia/กองทุน-rmf/
-   https://www.krungsri.com/bank/th/krungsri-consumer/moneymatters/how-we-can-be-rich-with-funds.html

241
        การที่ลูกก้าวร้าว โมโหร้ายหรือ ลูกอารมณ์รุนแรงเป็นเรื่องที่ทำให้พ่อแม่เครียด วิตกกังวลและไม่มีความสุข หากเป็นไปได้พ่อแม่ทุกคนล้วนต้องการป้องกันไม่ให้ลูกเป็น เด็กก้าวร้าว หรือไม่ก็ต้องการรีบแก้ปัญหาตั้งแต่เริ่มมีสัญญาณบ่งบอกถึงพฤติกรรมอันไม่พึงประสงค์ของลูก แล้วพ่อแม่จะรู้ได้อย่างไรว่า ลูกกำลังเป็นเด็กก้าวร้าวหรือเป็นเพียงการแสดงอารมณ์โกรธธรรมดาตามวัยเท่านั้น ?

สิ่งที่บ่งบอกได้ว่าลูกก้าวร้าวนั้นสามารถสังเกตได้จากสัญญาณต่อไปนี้
-   ลูกมักเล่นกับเพื่อนแรง ๆ
-   ลูกจะโกรธ โมโห หงุดหงิดง่าย และหากไม่พอใจหรือไม่สบอารมณ์จะพบว่าเด็กที่เครียด
-   ลูกจะดื้อ ต่อต้าน ไม่ฟังพ่อแม่
-   ลูกไม่ยอมทำตามกฎระเบียบ
-   เมื่อมีความโกรธจะพบว่า ลูกโมโหร้าย และตามมาด้วยพฤติกรรมการทำร้ายตนเอง ทำร้ายเพื่อนและทำร้ายพ่อแม่
-   ลูกเอาแต่ใจตัวเองมาก
-   ลูก อารมณ์ รุนแรง และมักควบคุมตัวเองไม่ค่อยได้
-   เมื่อพ่อแม่บอกให้ลูกหยุดพฤติกรรมทำร้ายผู้อื่นแล้วลูกดูเหมือนไม่เข้าใจและไม่ยอมหยุดทำ
หากลูกมีสัญญาณต่าง ๆ เหล่านี้เกิดขึ้นสามารถชี้วัดถึงพฤติกรรมก้าวร้าวได้ พ่อแม่จะต้องคิดต่อไปว่าเด็กก้าวร้าวทำอย่างไรดี ? หรือจะหาวิธีแก้ไขพฤติกรรมก้าวร้าวได้อย่างไร ซึ่งวิธีต่อไปนี้จะเป็นทางออกสำหรับพ่อแม่ที่กำลังเผชิญกับปัญหาอยู่ในขณะนี้ได้

1.   ไม่เพิกเฉยเมื่อเห็นลูกแสดงอาการก้าวร้าวออกมา โดยพ่อแม่หรือคนในครอบครัวจะต้องตำหนิพร้อมพูดคุยทำความเข้าใจกับลูกทันทีที่เห็นพฤติกรรมดังกล่าว รวมถึงอธิบายด้วยว่าความโกรธและความไม่พอใจเป็นเรื่องธรรมชาติของมนุษย์ทุกคนแต่ลูกจะต้องรู้จักวิธีควบคุมตัวเอง ส่วนการแสดงอาการก้าวร้าวหรือทำร้ายผู้อื่นรวมหรือทำลายข้าวของนั้นไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้อง

2.   พ่อแม่ไม่ควรตอบโต้พฤติกรรมก้าวร้าวของลูกด้วยความรุนแรง แต่ต้องพยายามใจเย็นและควบคุมตัวเองให้ได้ เพื่อให้ลูกได้เห็นตัวอย่างวิธีจัดการกับอารมณ์โกรธอย่างถูกต้องผ่านพฤติกรรมของพ่อแม่ ซึ่งวิธีนี้จะช่วยทำให้ลูกซึมซับ เรียนรู้และปรับพฤติกรรมได้อย่างเหมาะสม   

3.   พ่อแม่ต้องสอนให้ลูก “ยอมรับความผิด” และสามารถขอโทษผู้อื่นได้อย่างจริงใจเมื่อได้ทำผิด สอนให้ลูกได้มีความรับผิดชอบต่อสิ่งที่ทำ แต่ขณะเดียวกันพ่อแม่ก็ต้องชื่นชมลูกทุกครั้งเมื่อลูกทำดี

4.   ควรจำกัดเวลาใช้สื่อออนไลน์ของลูกพร้อมสอดส่องการเสพเนื้อหาบนโลกออนไลน์ของลูก หากมีความรุนแรงสอดแทรกอยู่ก็ควรให้ลูกเลี่ยงการเสพเนื้อหาดังกล่าวพร้อมอธิบายเหตุผลให้ลูกยอมรับ ทั้งนี้เพื่อไม่ให้เกิดพฤติกรรมเลียนแบบ ซึ่งข้อนี้ถือเป็น วิธี แก้ไข พฤติกรรม ก้าวร้าว ของลูกที่ใช้ได้ผลมาแล้วสำหรับหลายครอบครัว

        สำหรับพ่อแม่ที่กังวลว่าลูกกำลังมีพฤติกรรมก้าวร้าวหรือไม่และไม่รู้ว่าลูกก้าวร้าวทำอย่างไรดี สามารถตรวจสอบพฤติกรรมและใช้แนวทางเหล่านี้ไปจัดการกับปัญหาได้ทันที โดยปัญหาเรื่องพฤติกรรมที่ก้าวร้าวนี้หากเริ่มจัดการได้เร็วก็จะมีโอกาสปรับเปลี่ยนพฤติกรรมให้ดีขึ้นได้ง่าย ดังนั้นจึงเป็นเรื่องที่พ่อแม่ยุคใหม่ไม่ควรมองข้าม

ที่มาข้อมูล
-   https://www.phyathai.com/article_detail/2127/th/เมื่อลูกก้าวร้าว_พ่อแม่อย่างเราควรรับมือกับพฤติกรรมนี้อย่างไร
-   https://www.pobpad.com/เด็กก้าวร้าว-พ่อแม่ควรร
-   https://www.rakluke.com/family-lifestyle-all/news-update/item/5-2.html
-   https://www.mommymore.com/เป็นเด็กก้าวร้าวหรือเป็นตามวัย-อยากรู้ต้องเช็ก/
-   https://www.milo.co.th/blog/วิธีสังเกตว่าลูกก้าวร้าวหรือแค่แสดงจุดยืน

242
iPhone 5G แพ็คเกจพิเศษความเร็วแรงสุด โปรเด็ดจากค่าย AIS ที่ไม่ควรพลาด
   สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ iPhone 5G วางขายในไทยแล้ว มีพัฒนาการที่ดีทั้งด้านดีไซน์มีเอกลักษณ์ ตัวเครื่องขอบเหลี่ยมและจับถนัดมือ อัดแน่นไปด้วยเทคโนโลยีคุณภาพสูง ชิปตัวใหม่มีประสิทธิภาพความแรงสูง ทำงานลื่นไหลกว่าเดิม ค่ายเอไอเอสจัดโปรโมชั่นเอาใจลูกค้าเก่าเลือกซื้อ iPhone ใหม่ รับสิทธิพิเศษซื้อเครื่องเปล่าลดราคาสูงสุด 17,400 บาท รอรับลูกค้าใหม่และย้ายค่ายเบอร์เดิมซึ่งเครื่องติดโปรแพ็กเกจรองรับคลื่น 5G ผ่อนชำระ 0% นานสุด 24 เดือน เป็นโปรเด็ดราคาแสนประหยัดที่ไม่ควรพลาด
   ทั้งนี้ ไอโฟนใหม่แบ่งออกเป็น 4 รุ่นย่อย ได้แก่ iPhone 12 mini, iPhone 12, iPhone 12 Pro และ iPhone 12 Pro Max จาก AIS ทุกรุ่นใช้ชิปประมวลผล Apple A14 Bionic ที่ทดสอบแล้วว่าทรงพลังและมีประสิทธิภาพความแรงสูงเกือบเทียบได้กับ iPad Air 4 ล่าสุด iPhone รองรับ 5G ของเอไอเอสซึ่งถือเป็นเครือข่ายที่มีคลื่นมากที่สุด อาจจะกินแบตเตอรี่มากกว่ารุ่นก่อนหน้า ถ้าเปิดใช้งาน 5G ในเวลาที่จำเป็นเท่านั้นจะไม่กินแบตเตอรี่และยังใช้งานได้นานขึ้นด้วย ส่วนความเร็วแตกต่างกันตามพื้นที่แต่โดยรวมแล้วเร็วกว่ารุ่นก่อนและอัปเกรดเหนือกว่ารุ่น iPhone 11 หลายด้านแน่นอน
    โปรโมชั่นของลูกค้าเดิมและลูกค้าใหม่มีรายละเอียดแตกต่างกัน ลูกค้าเอไอเอสซื้อ เครื่องเปล่าไม่ติดสัญญาโดยซื้อผ่านออนไลน์สะดวกง่ายดาย ไม่มีค่าบริการล่วงหน้า โดยรุ่น iPhone 12 mini และ  iPhone 12 มีความจุ 3 รุ่นคือ 64 GB, 128 GB และ 256 GB ราคาแตกต่างกันตามลำดับ ส่วนรุ่น iPhone 12 Pro และ iPhone 12 Pro Max มีความจุให้เลือก 3 รุ่นเช่นได้ คือ 128 GB, 256 GB และ 521 GB
สำหรับลูกค้าใหม่และย้ายค่ายจะได้รับส่วนลดเพิ่ม 1,000 บาท ราคาตัวเครื่องและค่าโทรบวกค่าเน็ตแตกต่างกันไป ตัวอย่างเช่น รุ่น iPhone 12 แพ็กเกจ 5G ความจุ 64 GB ถือเป็นรุ่นเริ่มต้นของไอโฟนใหม่ จ่ายรายเดือน 699 บาท มีค่าบริการล่วงหน้า 1,000 บาท ตัวเครื่องขายราคาพิเศษ 26,300 บาท หากเลือกแพ็กเกจจ่ายรายเดือนสูงสุด 1,699 บาท มีค่าบริการล่วงหน้า 1,000 บาท ตัวเครื่องซื้อได้ราคาถูกยิ่งขึ้น 21,100 บาทเท่านั้น
   จากตัวอย่างข้างต้นเห็นได้ชัดว่าโปรโมชั่นสำหรับ iPhone 12 และ iPhone 12 Pro ราคาลดลงราคามากพอสมควร มีรุ่นย่อยให้เลือกหลายรุ่น ทุกรุ่นลดราคาถูกตั้งแต่เกือบหมื่นไปจนถึงเกือบสองหมื่นบาท แถมยังผ่อนได้ด้วยเป็นผ่อนยาว 24 เดือน ไม่มีดอกเบี้ย โปรโมชั่นมีรายละเอียดแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับว่าเป็นลูกค้าปัจจุบัน เปิดเบอร์ใหม่ หรือย้ายค่าย สามารถเลือก iPhone รองรับ 5G รุ่นที่พอใจสนองตอบการใช้งานได้ตรงเป้าหมาย
ในที่นี้แนะนำให้คนที่มีงบประมาณน้อยเลือกโปร Hot Deal Easy Pay ผ่อนจ่ายค่าเครื่องพร้อมค่าบริการรายเดือน เช่น รุ่น iPhone 12 mini iPhone 12 mini ราคาปกติ 25,900 บาท เมื่อซื้อรุ่นความจุ 64 GB พร้อมแพ็กเกจ 5G เริ่มต้นที่ 699 บาท มีส่วนลดให้ 7,200 บาท ผ่อนจ่ายเดือนละ 1,528 บาทเท่านั้น ไปจนถึงรุ่นท็อป iPhone 12 Pro Max ราคาปกติ 51,900 บาท เมื่อเลือกซื้อรุ่นความจุ 521 GB บวกกับแพ็กเกจสูงสุด 1,699 บาท ผ่อนจ่ายค่อนข้างสบายๆ เดือนละ 3,256 บาท นับว่าโปรเด็ดมากได้มือถือแรง ๆ ฟังก์ชั่นดี ๆ เพียบเหมาะสำหรับคนที่มีงบประมาณและต้องการซื้อถือได้ถูกกว่าค่ายอื่น
ที่มาข้อมูล
- https://www.ais.co.th/iphone/iPhone12pro.html  (เข้าไปคลิกดูรายละเอียดของโปรโมชันและราคาของแต่ละรุ่นเพื่อนำมาเขียนได้เลย)
- https://www.ais.th/iphone/promotion_creditcard_iphone12pro.html




243
            ผลิตภัณฑ์ไมโล ถือว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่เราคุ้นเคยมาตั้งแต่เด็ก ทั้งเครื่องดื่ม ขนม และอีกมากมาย มาในปัจจุบัน หลายคนหลงรักในผลิตภัณฑ์ตัวนี้ ทำให้เกิดไอเดียสร้างสรรค์ คิดค้นเมนูต่าง ๆ จาก milo มาให้เราได้ตื่นเต้น และลองชิมกันอยู่หลายเมนู ทำให้วันนี้เราอยากพาคุณไปชิม 5 เมนู ทั้งแปลกและชวนชิม ว่ามีเมนูอะไรบ้าง ที่ทั้งอร่อยและมีประโยชน์

1.       ไมโลมาชเมลโล่ ถ้าเป็นขนมมาชเมลโล่ เราเองอาจจะคุ้นเคยกันดี ทานแบบหนึบ ๆ แต่เพื่อรสชาติที่ดีขึ้น เราสามารถนำ ไมโล ผง มาเคลือบมาชเมลโล่บ้าน ๆ ของเราได้ ซึ่งรสชาติที่ได้จะมีความแปลกใหม่ หวานน้อย เพราะ ผงนมไมโล ไม่มีน้ำตาล วิธีการทำค่อนข้างง่ายเพียงนำมาชเมลโล่มาคลุกกับผงไมโล แล้วสามารถทานคู่กับเครื่องดื่มร้อนและเย็นได้เลย แต่หากใครอยากได้ความหนึบเพิ่ม อาจจะละลายผงไมโลก่อนแล้วจุ่มมาชเมลโล่ จากนั้นนำขึ้นมาคลุกผงไมโลแบบแห้งอีกครั้ง ก็ได้เช่นกัน

2.       พุดดิ้งไมโล เป็นเมนูดัดแปลงที่เรียกว่าน่าทานมาก ๆ รูปแบบการทำจะเลือกได้ว่าเราจะใส่ไมโลแบบชนิดผงลงไปในเนื้อพุดดิ้ง หรือจะนำมาเป็นท็อปปิ้งก็ได้ ซึ่งวิธีการคือการทำพุดดิ้งทั่วไป ส่วนใหญ่นิยมทำแบบเนื้อนม เพราะเข้ากับไมโลได้ดี เป็นเมนูง่าย ๆ ทำทานเป็นของว่าง

3.       ไอศกรีมหวานเย็นไมโล เป็นเมนูง่าย ๆ ได้ประโยชน์ มีโปรตีนเยอะ เป็นเมนูที่เด็ก ๆ หลายคนชอบ วิธีการทำง่ายมาก คือ นำ ไมโล ชนิดผง มาชง แล้วเทไปที่แม่พิมพ์ จากนั้นใส่ช่องฟรีซเพื่อให้แข็งขึ้นรูป เมื่อแข็งแล้วนำมาคลุกผงไมโลอีกครั้ง ก็พร้อมรับประทาน

4.       คัพเค้กไมโล เมนูที่มีท็อปปิ้งเป็นไมโล ไม่มีน้ำตาล โรยหน้าบนวิปปิ้งครีม ทานคู่กับเครื่องดื่มนม ร้อนและเย็น คัพเค้กที่เราเห็นจะมีหลายรสชาติ และเพื่อเพิ่มความน่ารับประทาน เราสามารถปรับแต่งได้ หรือหากใครอยากดึงความพิเศษ อาจจะผสมผงไมโลลงไปในเนื้อเค้กด้วยก็ได้

5.       ขนมปังไมโล เป็นเมนูง่าย ๆ ทำทาน ทำขายได้สบายมาก สำหรับขนมปังไมโลนี้ เราสามารถใช้ขนมปังย่างเนยทั่วไป จากนั้นนำมาหั่นเป็นชิ้นพอดีคำ ราดด้วย นมข้นหวาน คาราเมล หรือช็อคโกแลตก็ได้ จากนั้นตามด้วยไมโลแบบผง ทานคู่กับนมสดร้อน ได้โปรตีนและแคลเซียม มีประโยชน์ต่อร่างกาย

         เรียกว่าเครื่องดื่มไมโลเป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้รับความนิยมและสามารถนำมาดัดแปลงเป็นขนม ของทานเล่นได้หลากเมนู ซึ่ง 5 เมนูที่เราพาคุณมาชิมวันนี้ สามารถทำเองง่าย ๆ ได้ที่บ้าน ซึ่งนอกจากความอร่อยแล้ว ยังดีต่อสุขภาพอีกด้วย เพราะส่วนผสมของมอลต์ เป็นคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อนไม่ทำให้อ้วน มีโปรตีนและแคลเซียมครบ เหมาะสำหรับทุกวัย สามารถติดตามโปรโมชั่นไมโล ได้ที่นี่

ที่มาข้อมูล
-   https://www.milo.co.th/
-   http://www.naibann.com/20-recipe-milo-dessert/
-   https://pantip.com/topic/39792653

244
        ปัจจุบัน บัตรเครดิต ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันไม่ต่างกับเงินสด ที่กดเงินสดจากบัตรเครดิตสำหรับ KTB โดยเฉพาะคนที่นิยมช้อปปิ้งออนไลน์ก็ยิ่งจำเป็นต้องใช้บัตรของธนาคารต่าง ๆ เพราะนอกจากจะสะดวกแล้ว ยังได้รับสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ จากบัตรอีกด้วย ซึ่งบัตรที่มีอยู่ในปัจจุบันนั้นก็มีให้เลือกหลายรูปแบบ หลายคนต้องใช้เวลาพิจารณาว่าจะเลือกใช้บัตรของธนาคารไหนดี

        ดังนั้น วันนี้เราจึงได้รวบรวมบัตรจาก 5 ธนาคารชั้นนำมาเทียบให้เห็นกันว่าบัตรไหนเหมาะกับไลฟ์สไตล์ของคุณ

1. KTB Precious Plus
   การใช้บัตรเครดิตสำหรับผู้ใช้งานในกลุ่มที่มีรายได้สูง เนื่องจากผู้ที่ถือบัตรนี้จะต้องได้รับการเรียนเชิญจากธนาคารกรุงไทยเท่านั้น ซึ่งมีด้วยกัน 3 ประเภท ได้แก่ KTB Precious , KTB Precious Plus และ KTB Precious Plus Visa Infinite โดยผู้ถือบัตรจะต้องมีสินทรัพย์ตั้งแต่ 2 – 50 ล้านบาทขึ้นไปก็จะได้รับเชิญจากธนาคารกรุงไทยสำหรับบัตรพิเศษนี้ ส่วนสิทธิประโยชน์ที่ได้จะรับย่อมต้องพิเศษเหนือระดับกว่าปกติแน่นอน เช่น ได้รับบริการแบบ One Stop Service ด้วยทางลัดช่องพิเศษที่ธนาคารกรุงไทยทุกสาขา, ห้องรับรอง VIP ที่สนามบินกว่า 600 แห่งทั่วโลก, ส่วนลดร้านอาหารหรู รวมถึงสามารถอัปเกรดตั๋วเครื่องบินจากชั้นประหยัดเป็นชั้นธุรกิจ พร้อมประกันการเดินทางฟรี นอกจากนี้ ผู้ถือบัตร KTB Precious ยังได้รับส่วนลดค่าใช้บริการโรงแรมเครือ Dusit Thani ทั้งห้องพัก อาหาร และทำสปา อีกด้วย

2. SCB UP2ME
   บัตรธนาคารไทยพาณิชย์ มีจุดเด่นเรื่องฟรีค่าธรรมเนียมรายปีตลอดชีพและยังสามารถสะสม Point ได้เร็ว ใช้รูดรับคะแนนสะสมสูงสุดถึง 3 เท่าใน 1 หมวดไลฟ์สไตล์ที่เราเลือกเองได้ ไม่ว่าจะเป็น ร้านอาหาร, ช้อปปิ้ง, โรงแรม, ความงาม ฯลฯ หรือจะเก็บสะสม Point ไว้แลกรับของรางวัลหรือสิทธิพิเศษตามโอกาสต่าง ๆ ก็สามารถทำได้เช่นเดียวกัน แต่บัตร SCB UP2ME ไม่สามารถสมัครผ่านแอปฯ SCB EASY ได้ ต้องสมัครผ่านเว็บไซต์หรือที่เคาน์เตอร์ของธนาคารไทยพาณิชย์เท่านั้น

3. KBank Titanium
   บัตรธนาคารกสิกรไทยที่โดดเด่นด้านสิทธิประโยชน์การชำระค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ทั้ง ค่าโทรศัพท์, ค่าไฟฟ้า, ค่าน้ำประปา, ค่าบริการอินเทอร์เน็ต รวมถึงการผ่อนชำระสินค้า ด้วยอัตราดอกเบี้ย 0% หรืออัตราดอกเบี้ยพิเศษนานสูงสุด 10 เดือน ณ ร้านค้าที่ร่วมรายการ นอกจากนี้ยังจะได้รับเงินคืน 1% เมื่อใช้ที่ปั๊มน้ำมัน ซุปเปอร์มาร์เก็ต และร้านอาหารที่ร่วมรายการอีกด้วย

4. KBank Shopee
   บัตรธนาคารกสิกรไทยอีกประเภทหนึ่งที่เหมาะสำหรับสายช้อป เน้นสิทธิประโยชน์สำหรับการใช้จ่ายบน Shopee โดยเฉพาะ รับคะแนนสะสมบัตรกสิกรไทย 2 เท่าในทุกการใช้จ่ายออนไลน์ไม่จำกัดจำนวนครั้ง และรับคะแนนสะสมสูงสุดถึง 10 เท่า พร้อม Shopee Coins คืน 1% เมื่อช้อปบน Shopee รวมทั้งรับ 40 Shopee Coins เมื่อชำระบิลบัตร KBank Shopee ผ่าน AirPay Wallet ในแอปฯ Shopee ตั้งแต่ 1,000 บาทขึ้นไป/บิลอีกด้วย

5. SCB Family Plus Credit card
   การใช้บัตรเครดิต ของธนาคารไทยพาณิชย์อีกหนึ่งประเภทที่ให้สิทธิประโยชน์คุ้มค่า เพราะทุกการใช้จ่ายไม่ว่าจะเป็นการรูดเต็มหรือรูดผ่อนจะได้รับเครดิตเงินคืน 1% สูงสุด 2,000 บาท/บัตร/รอบบิล และจะได้รับเครดิตเงินคืน 4% เมื่อใช้บัตร SCB Family Plus ในวันเกิด ยิ่งไปกว่านั้น หากใช้จ่ายด้วยบัตร SCB Family Plus ใน 4 วันพิเศษ คือ วันเด็ก, วันครอบครัว, วันแม่ และ วันพ่อ จะได้รับเครดิตเงินคืนเพิ่มเป็น 5%

   บัตรทั้ง 5 รายการนี้ต่างมีประโยชน์ต่อผู้ถือบัตร วิธีเลือกคือดูว่าบัตรไหนที่ตรงกับไลฟ์สไตล์ของคุณมากที่สุด เมื่อเริ่มใช้งานแล้วอย่าลืมชำระเงินคืนภายในวันที่กำหนด จึงจะได้รับประโยชน์คุ้มค่าสูงสุด แต่อย่าลืมศึกษาเรื่องของการปรับโครงสร้างหนี้ไว้ด้วยล่ะ
   

ที่มาข้อมูล
-   https://th.priceprice.com/credit-card/news/KTB-Precious-Plus-6881/
-   https://www.scb.co.th/th/personal-banking/cards/credit-cards/all-cards/up2me.html
-   https://kasikornbank.com/th/personal/credit-card/Pages/titanium.aspx
-   https://kasikornbank.com/th/personal/CreditCard/Pages/kbank-shopee.aspx
-   https://www.scb.co.th/th/personal-banking/cards/credit-cards/all-cards/family-plus.html

245
        การเลี้ยงลูกให้เติบโตอย่างสมบูรณ์แบบมีทั้ง IQ และ EQ นั้นอยู่ที่เทคนิควิธีของพ่อแม่ที่จะใช้ใน การเลี้ยงลูก ตั้งแต่วัยเด็ก โดยพ่อแม่จะต้องมี Mindset ที่ดีพร้อมกับความยืดหยุ่นต่อสถานการณ์รอบด้านที่เปลี่ยนไป ซึ่งวิธีเลี้ยงลูกดังต่อไปนี้จะช่วยให้ลูกเติบโตขึ้นมาเป็นคนคุณภาพของสังคมได้ นั่นก็คือ

-   เลี้ยงลูก ให้มีความเป็นตัวของตัวเอง การปล่อยให้ลูกได้หัดทำเรื่องต่าง ๆ ด้วยตัวเองหรือมีอิสระในการเลือกทำสิ่งต่าง ๆ  โดยที่มีพ่อแม่คอยช่วยดูอยู่ห่าง ๆ หรือเป็นเพียงผู้คอยให้คำแนะนำนั้นจะช่วยทำให้ลูกมีความคิดเป็นของตัวเอง มีอิสระและกล้าตัดสินใจในเรื่องต่าง ๆ ได้ดีขึ้น

-   มีเวลาให้กับลูกอย่างเพียงพอ โดยใช้เวลาที่มีอยู่ในการทำกิจกรรมต่าง ๆ ร่วมกัน ทั้งการทำอาหาร ทำสวนหรือช่วยกันจัดแต่งบ้าน ซึ่งสิ่งนี้นอกจากจะช่วยสร้างความสัมพันธ์ในครอบครัวให้กลมเกลียวเหนียวแน่นแล้วยังช่วยให้พ่อแม่รู้ความคิดของลูกและสามารถสอดแทรกคำสอนหรือเรื่องราวดี ๆ ให้กับลูกได้ดีกว่าการสอนหรือพูดโดยตรงด้วย

-   ให้ลูกรู้สึกว่าเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวเสมอ  วิธีเลี้ยงลูกด้วยเทคนิคนี้เหมาะจะใช้ในช่วงที่ลูกทำผิดและพ่อแม่ลงโทษอย่างเหมาะสมโดยไม่ใช้อารมณ์ หลังจากผ่านช่วงเวลานั้นก็ควรทำความเข้าใจกับลูกถึงเหตุผลต่าง ๆ ก่อนจะย้ำว่าลูกเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว ซึ่งทุกคนพร้อมช่วยเหลือ สนับสนุนและให้อภัยเสมอ

-   ไม่นำลูกไปเปรียบเทียบกับคนอื่น ถือเป็นเทคนิคสำคัญสำหรับการ เลี้ยงลูกให้มีความสุข หากพ่อแม่คอยเปรียบเทียบลูกกับคนอื่นอยู่ตลอดเวลา นอกจากจะทำให้เด็กเครียดและกดดันให้กับลูกแล้วยังเป็นการสร้างความรู้สึกด้านลบให้กับลูกมากขึ้น ซึ่งอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ลูกเกิดความรู้สึกอิจฉาคนอื่นได้ด้วย ดังนั้นการนำลูกไปเปรียบเทียบกับคนอื่นจึงเป็นเรื่องที่ไม่ควรทำอย่างยิ่งสำหรับการ เลี้ยงลูก ยุคใหม่

-   เลี้ยงลูกให้มีความสุข ทั้งจากการเป็นผู้ให้และรู้จักเห็นอกเห็นใจผู้อื่น ถือเป็นอีกเทคนิคสำคัญที่จะทำให้ลูกเติบโตเป็นคนที่สามารถสร้างความสัมพันธ์กับคนรอบข้างได้ดีและมีความเข้าอกเข้าใจผู้อื่นได้มากขึ้น ลดความเห็นแก่ตัวและเป็นที่รักของคนรอบข้างได้ง่ายขึ้น 

        การเลี้ยงให้ลูกเติบโตเป็นผู้ใหญ่ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับพ่อแม่ แต่การเลี้ยงลูกให้เติบโตเป็นคนที่มีคุณภาพต่างหากที่เป็นความท้าทาย พ่อแม่ยุคใหม่สามารถใช้เทคนิควิธีการเหล่านี้เป็นตัวช่วยในการทำให้ลูกเติบโตได้อย่างมีความสุขพร้อมไปกับความสมดุลทั้ง IQ และ EQ ได้
 
ที่มาข้อมูล
-   https://aboutmom.co/features/techniques-for-raising-children-to-be-happy/18175/
-   https://www.milo.co.th/blog/วิธีเลี้ยงลูกยุค-new-normal

246
        วันนี้จะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับบัญชีเงินฝากประจำ ที่ให้ดอกเบี้ยสูง และยังเป็นการสร้างวินัยในการออมให้กับทุกคนได้อีกด้วย

บัญชีเงินฝากประจำ
   บัญชีเงิน ฝากประจําปลอดภาษี คือ การฝากเงินในจำนวนเท่า ๆ กันทุกเดือน เป็นระยะเวลาติดต่อกันตามที่ธนาคารกำหนด ซึ่งโดยปกติแล้วจะกำหนดระยะเวลาเอาไว้ที่ 24 เดือนและจำนวนเงินในการฝากขั้นต่ำเริ่มที่ 500-1,000 บาท สูงสุดไม่เกิน 25,000 บาท เมื่อครบกำหนดสามารถปิดบัญชีเพื่อรับเงินก้อนที่สะสมมาพร้อมกับดอกเบี้ยในอัตราที่สูงกว่าการฝากเงินในบัญชีออมทรัพย์และปลอดภาษีด้วยโดยวันนี้จะมาชี้เป้าธนาคารที่เปิดบัญชีฝากประจำ 24 เดือน ให้ไปออมเงินกัน ซึ่งจะมีที่ไหนบ้างนั้นไปดูกันเลย

•   KTB ZERO TAX MAX จาก ธนาคารกรุงไทย
   เงื่อนไขในการเปิดบัญชีและรับดอกเบี้ยเงินฝากสูง และปลอดภาษี
-   เปิดได้เพียงคนละ 1 บัญชีเท่านั้น
-   เปิดบัญชีขั้นต่ำ 1,000 บาท สูงสุดไม่เกิน 25,000 บาท
-   ระยะเวลาการฝากเงิน 24 เดือน
-   อัตราดอกเบี้ยลอยตัวเงินฝากดอกเบี้ยสูง (เพิ่มเติม: https://krungthai.com/th/personal/deposits/212/345) 24 เดือน บุคคลธรรมดา วงเงินต่ำสุด +0.75% ต่อปี
-   ขาดฝากได้ไม่เกิน 2 ครั้ง
-   ถอนก่อนกำหนดและฝากเกิน 3 เดือนขึ้นไปคิดดอกเบี้ยตามจริงในอัตราดอกเบี้ยออมทรัพย์และหัก ณ ที่จ่าย
-   ถอนก่อน 3 เดือน ธนาคารไม่จ่ายดอกเบี้ย

•   บัญชีเงินฝากสินมัธยะทรัพย์ทวี จาก ธนาคารกรุงเทพ
   เงื่อนไขในการเปิดบัญชีและรับดอกเบี้ยสูงและปลอดภาษี
-   เปิดบัญชีขั้นต่ำ 1,000 บาท สูงสุดไม่เกิน 25,000 บาท
-   อัตราดอกเบี้ย ขึ้นอยู่กับธนาคารเป็นผู้กำหนด ณ เวลาที่เปิดบัญชี
-   ฝากประจำเท่า ๆ กันทุกเดือน ตลอดระยะเวลา 24 เดือน
-   ขาดฝากเกิน 2 ครั้ง จะไม่ได้รับการยกเว้นภาษี แต่จะได้ดอกเบี้ยตามเงื่อนไข
-   ผิดนัดการฝากเกิน 4 ครั้ง ถือว่าผิดสัญญา ไม่สามารถฝากต่อได้และต้องปิดบัญชีในทันที ธนาคารจะคิดดอกเบี้ยให้ร้อยละ 60 ของดอกเบี้ยที่ได้รับตามสัญญาและไม่ได้ยกเว้นการเสียภาษีด้วย
-   ถอนก่อนกำหนดถือว่าปิดบัญชี ได้รับดอกเบี้ยร้อยละ 60 ของดอกเบี้ยที่ได้รับตามสัญญาและไม่ได้ยกเว้นการเสียภาษี

•   เงินฝากประจำรายเดือนยกเว้นภาษี จากธนาคารออมสิน
   เงื่อนไขในการเปิดบัญชีและรับดอกเบี้ยสูงและปลอดภาษี
-   รับฝากตั้งแต่ 1,000 บาท สูงสุดไม่เกิน 25,000 บาท
-   อัตราดอกเบี้ย 1.30% ต่อปี
-   ระยะเวลาการรับฝาก 24 เดือน โดยจะต้องฝากด้วยจำนวนเงินที่เท่ากันทุก ๆ เดือน เดือนละ 1 ครั้ง
-   ขาดฝากได้ไม่เกิน 2 ครั้ง
-   ถอนเงินก่อนกำหนดไม่ได้ ต้องปิดบัญชีเท่านั้น

        สำหรับใครที่ต้องการสร้างวินัยในการออมและมีเงินสำรองในอนาคต ลองพิจารณาและฝากเงินในบัญชี ฝากประจําปลอดภาษี ดู เมื่อครบกำหนดไถ่ถอนจะได้เงินก้อนและดอกเบี้ยที่สูงกว่าเงินฝากออมทรัพย์แบบปกติอย่างแน่นอน

ที่มาข้อมูล
-   https://krungthai.com/th/personal/deposits/210/5
-   https://www.gsb.or.th/personals/fixed-deposit/
-   https://www.bangkokbank.com/

247
ลบแอปแล้วโหลดใหม่ก็ไม่ช่วย แนะนำวิธีแก้ปัญหา SCB EASY เข้าไม่ได้
   ผมทำงานเป็นพนักงานออฟฟิศแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ โดยพื้นฐานยอมรับว่าเป็นคนไม่ค่อยมีความรู้เรื่อง IT เท่าไหร่นัก ยิ่งพวกสมาร์ทโฟนแทบไม่ค่อยได้ใช้งานอะไรนอกจากโทรเข้า โทรออก เล่นโซเชียลมีเดีย จนมีเพื่อนแนะนำให้ผมหัดทำธุรกรรมผ่านแอป SCB EASY ในมือถือ ตอนแรกผมก็ไม่ค่อยแน่ใจว่ามันจะน่าไว้วางใจหรือปลอดภัยหรือเปล่า แต่พอลองใช้ไปสักพักก็ปรากฏว่าใช้งานง่ายและช่วยประหยัดเวลาได้เยอะ โดยเฉพาะผมยังมีภาระต้องส่งเงินกลับไปให้ครอบครัวที่อยู่ต่างจังหวัดทุกเดือนก็ยิ่งทำได้ง่ายขึ้น แต่ช่วงสิ้นเดือนผมมักเจอปัญหาแอป SCB EASY ไม่สามารถเข้าได้  หรือ SCB EASY ล่ม ตอนแรกผมก็คิดว่าคงเป็นที่มือถือของตัวเองเลยลองปรึกษาเพื่อน เพื่อนก็แนะนำให้ลองลบแอปแล้วโหลดใหม่ แต่ผมลองแล้วก็ยังเข้าไม่ได้ จนผ่านไปสักพักประมาณ 15 นาทีถึงกลับมาใช้งานได้ปกติ  จนมารู้ทีหลังจากหัวหน้างานที่สนิทกันว่าเป็นเพราะช่วงสิ้นเดือนคนทำธุรกรรมบนมือถือเยอะ แถมชนวันหวยออกยิ่งแล้วใหญ่ แอปมันก็เลยมีปัญหา เป็นกันแทบทุกเจ้า ไม่ใช่เรื่องแปลก ซึ่งหัวหน้าก็แนะนำให้ผมพยายามเลี่ยงการทำธุรกรรมช่วงสิ้นเดือน ถ้าจะส่งเงินให้ที่บ้านก็เลื่อนมาสักวันที่ 24-27 ของทุกเดือนแทน หรือหากทางบ้านยังไม่รีบร้อนใช้เงินก็ให้เลื่อนไปเป็นต้นเดือนถัดไปแทน แค่นี้ผมก็ไม่เจอปัญหา แอป SCB EASY เข้าไม่ได้ หรือ SCB EASY ล่ม อีกเลยครับ

248
3 เทคนิค เลือกรองเท้าบูทผู้หญิงให้เหมาะกับทริปต่างประเทศ
สำหรับสาวแฟชั่นนิสต้าแล้ว หากพูดถึงสิ่งที่ต้องเตรียมไปทริปต่างประเทศ นอกจากเสื้อโค้ทตัวสวย เชื่อว่ายังต้องมีรองเท้าบูทผู้หญิง (เพิ่มเติมที่ : https://th.hm.com/th_th/ladies/shop-by-product/shoes/boots.html ) ติดกระเป๋าไปด้วย เพราะรองเท้าบูทส่วนมากออกแบบมาเพื่อปกป้องอากาศหนาว ที่สำคัญยังช่วยออกแบบลุคสวยเฉี่ยวจึงกลายเป็นสิ่งที่สาวแฟชั่นนิสต้าต้องพกติดกระเป๋าเดินทางไปทุกทริป
3 เทคนิคเลือกรองเท้าบูทผู้หญิงเมื่อต้องไปเที่ยวต่างประเทศ
1. คำนึงถึงสภาพอากาศ เพื่อให้ตัดสินใจถูกว่าควรเลือกซื้อรองเท้าบูทแบบไหน เพราะหากเป็นบูทแฟชั่นจะสามารถกันหนาวได้ในระดับหนึ่งเท่านั้น แต่หากอุณหภูมิติดลบหรือมีหิมะควรเลือกบูทแบบบุขน เพราะสามารถกันหนาวได้ดีกว่า
2. เลือกขนาดใหญ่กว่าเท้า 1 เบอร์ หากกรณีไปต่างประเทศที่อาจมีอากาศหนาวหรือต้องเดินตลอดทั้งวันควรเลือกรองเท้าบูทขนาดใหญ่กว่าเท้าประมาณ 1 เบอร์ เพราะต้องเผื่อกรณีใส่ถุงเท้ายิ่งหากไปประเทศที่อุณหภูมิติดลบ ควรเลือก ถุงเท้าที่หนาหน่อย เพื่อให้กันหนาวได้ดี
3. อย่ามองข้ามเรื่องวัสดุ โดยวัสดุต้องแข็งแรงทนทาน โดยเฉพาะพื้นรองเท้า เพราะเป็นส่วนที่ต้องเสียดสีพื้นถนนตลอดเวลา ที่สำคัญพื้นรองเท้าต้องยึดเกาะได้ดี เดินแล้วไม่ลื่น ไม่อย่างนั้นจะเป็นอุปสรรคในการท่องเที่ยว แต่ต้องพิจารณาว่าราคาสมเหตุสมผลหรือไม่ เพราะบางคนอาจเดินทางไปต่างประเทศเพียงปีละ 1-2 ครั้ง ก็ไม่จำเป็นต้องซื้อบูทราคาแพงเกินไป
เพราะรองเท้าที่วางจำหน่ายมีอยู่ด้วยกันหลายแบบ ไม่ว่าจะเป็นรองเท้าผ้าใบ รองเท้าส้นสูง H&M รองเท้าบูท บางคู่อาจเป็นรองเท้าบูทแฟชั่นที่ใส่เพื่อความสวยงามเท่านั้น ในขณะที่รองเท้าบูทบางคู่ออกแบบมาเพื่อกันความหนาว เพื่อการเดินในต่างประเทศหรือในสถานที่ที่มีหิมะโดยเฉพาะ เพราะฉะนั้นก่อนตัดสินใจซื้อจึงควรพิจารณาตามวัตถุประสงค์ เพื่อเป็นเจ้าของรองเท้าบูทที่นอกจากใส่สวยแล้วยังตอบโจทย์การใช้งานอีกด้วย
ที่มาข้อมูล
-   https://zetelo.myshopify.com/blogs/news/5-boot-buying-tips-เคล็ดไม่ลับสำหรับมือใหม่ในการเลือกรองเท้าบูท

249
         สินเชื่อเงินด่วน ซึ่งผู้ขอสินเชื่อ SME (เพิ่มเติม: https://krungthai.com/th/content/sme) จะได้รับสินเชื่อในรูปแบบเงินสดจากสถาบันการเงินหรือธนาคาร แล้วค่อยชำระคืนภายหลังพร้อมดอกเบี้ย โดยสถาบันการเงินหรือธนาคารจะปล่อยสินเชื่อประเภทนี้ให้กับผู้มีรายได้ประจำเป็นหลักแหล่ง มีหลักฐานแสดงชัดเจน ไม่จำเป็นต้องมีหลักทรัพย์มาค้ำประกันแต่อย่างใด

สินเชื่อเงินด่วน มีกี่ประเภท
1. บัตรเครดิต
            ถือเป็นผลิตภัณฑ์การเงินที่มีการใช้งานมานาน เกิดก่อน สินเชื่อเงินด่วน ประเภทอื่น ๆ จุดประสงค์เพื่อใช้รูดจ่ายค่าสินค้าแทนการใช้เงินสด เพิ่มความปลอดภัย ลดความเสี่ยงจากการพกเงินสดติดตัวจำนวนมาก มีระยะปลอดดอกเบี้ยสูงสุด 55 วัน อัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ราว 20% ต่อปี วงเงินประมาณ 2-3 เท่าของเงินเดือน เหมาะกับการใช้งานแทนเงินสด หรือรับสิทธิประโยชน์จากโปรโมชันพิเศษต่าง ๆ รวมไปถึงการผ่อนชำระค่าสินค้าแบบ 0% เฉพาะสินค้าที่ร่วมรายการ

2. บัตรกดเงินสด
            จุดประสงค์การใช้งานเพื่อกดเงินสดในยามฉุกเฉิน แล้วชำระเงินคืนพร้อมดอกเบี้ยในระยะเวลาสั้น ๆ หากผู้ถือบัตรไม่กดเงินสดออกมาใช้ บัตรกดเงินสดจะทำหน้าที่เป็นวงเงินฉุกเฉิน สามารถเบิกถอนใช้งานได้ตลอด 24 ชม. แต่ด้วยอัตราดอกเบี้ยที่สูงกว่าบัตรเครดิต คืออยู่ที่ประมาณ 28% ต่อปี ทำให้บัตรกดเงินสดเหมาะกับผู้ต้องการเงินสดแบบด่วน และมีความสามารถชำระคืน ปิดบัญชีหนี้ได้ในระยะเวลาอันสั้น ข้อดีอีกหนึ่งอย่างของบัตรกดเงินสด คือ วงเงินสูงกว่าบัตรเครดิต สูงสุด 5 เท่าของเงินเดือน บัตรกดเงินสดจึงเหมาะใช้กับสถานการณ์เร่งรีบ เช่น ค่ารักษาพยาบาลในยามฉุกเฉิน การปรับปรุงบ้านที่ชำรุด หรือมีความจำเป็นต้องรีบซ่อมแซมอย่างเร่งด่วน
 
3. สินเชื่อส่วนบุคคล
            ผลิตภัณฑ์ชนิดนี้ไม่อยู่ในรูปแบบของ “บัตร” เหมือน 2 ประเภทก่อนหน้า และแม้ว่าอัตราดอกเบี้ยสูงสุดจะอยู่ที่ 28% ต่อปี แต่การแข่งขันของสถาบันการเงินต่าง ๆ ทำให้อัตราดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายจริงต่ำกว่า 28% ต่อปี ข้อดีของสินเชื่อส่วนบุคคลคือ วงเงินอนุมัติสูง 5 เท่าของเงินเดือน และสามารถผ่อนระยะยาวได้มากถึง 5 ปี หรือ 60 เดือนโดยประมาณ ช่วยเสริมสภาพคล่องให้กับผู้ขอสินเชื่อได้เป็นอย่างดี เหมาะกับการขอสินเชื่อ SME เพื่อนำไปปิดบัตรเครดิตหลาย ๆ ใบ แล้วผ่อนชำระกับสินเชื่อนี้เพียงที่เดียว หรือการใช้จ่ายเพื่อเพิ่มคุณภาพชีวิตให้กับตนเองและครอบครัว แต่อย่างไรก็ตาม ควรประเมินตนเองก่อนว่ามีกำลังผ่อนชำระในระยะยาวหรือไม่

            เมื่อมีความรู้เกี่ยวกับสินเชื่อประเภทต่าง ๆ ในข้างต้นแล้ว ก็จะสามารถประเมินตนเองได้ว่าในสถานการณ์ที่กำลังเผชิญอยู่ขณะนี้ ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ทางการเงินชนิดใด กู้เงินจากได้ไหม จึงจะสามารถตอบโจทย์ความต้องการได้มากที่สุด สิ่งสำคัญคือ สินเชื่อทุกประเภทต้องการเวลาในการดำเนินการ ดังนั้นหากเป็นไปได้ควรสมัครบัตรเครดิตและบัตรกดเงินสด พกติดตัวไว้ก่อน เพราะ 2 ผลิตภัณฑ์นี้สามารถใช้งานในยามฉุกเฉินได้ ส่วนสินเชื่อส่วนบุคคลนั้น ควรสมัครเมื่อมีเหตุให้ต้องใช้เงินก้อน อย่างไรก็ตาม ควรทราบก่อนสมัครสินเชื่อทุกประเภทว่าท่านควรมีรายได้ประจำเป็นหลักแหล่ง และมีเครดิตการชำระหนี้อยู่ในระดับดี ขอให้รักษาวินัยในการใช้เงินอย่างสม่ำเสมอด้วย เพื่อช่วยให้ขอสินเชื่อได้ง่าย


ที่มาข้อมูล
-   https://moneyhub.in.th/article/cash-loan-4/
-   https://moneyhub.in.th/article/why-we-should-use-cash-card/
-   https://www.moneyguru.co.th/personal-loan/articles/5ข้อควรรู้ก่อนขอสินเชื่อส่วนบุคคล/

250
          วันนี้เรามี 3 วิธีแก้ไขพฤติกรรมก้าวร้าว (เพิ่มเติม: https://www.milo.co.th/blog/วิธีสังเกตว่าลูกก้าวร้าวหรือแค่แสดงจุดยืน) ด้วยการเสริมสร้างพัฒนาการทางอารมณ์ในเด็กมาแนะนำ

สาเหตุของพฤติกรรมก้าวร้าวในเด็ก
         พฤติกรรมลูกก้าวร้าวที่มักจะแสดงออกผ่านการขว้างปาข้าวของ ฉุดกระชาก ชักดิ้นชักงอ ทำลายข้าวของ ทุบตี ตะโกนโวยวาย ฯลฯ ซึ่งจะแสดงพฤติกรรมเหล่านี้ออกมาเมื่อ ลูก อารมณ์ รุนแรง หรือโกรธ นอกจากนั้นอาจจะแสดงพฤติกรรมชอบใช้ความรุนแรงกับเพื่อน รวมไปถึงชอบทำร้ายและทารุณกรรมสัตว์ โดยสาเหตุของพฤติกรรมก้าวร้าวก็มีหลายปัจจัย ดังนี้

ปัจจัยด้านจิตใจ
         เกิดมาจากอารมณ์พื้นฐานของเด็กที่เป็นคนหงุดหงิดง่าย ความอดทนต่ำ ทำให้เด็กไม่สามารถจัดการกับอารมณ์ของตนได้ รวมไปถึงความรู้สึกหวาดระแวงก็อาจทำให้เด็กแสดงพฤติกรรมก้าวร้าวออกมาได้

ปัจจัยด้านร่างกาย
         ร่างกายที่ผิดปกติโดยเฉพาะทางสมองอาจทำให้ ลูกโมโหร้าย และแสดงพฤติกรรมก้าวร้าวได้ เช่น ภาวะออทิสติก โรคสมาธิสั้น ไบโพล่า

ปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม
         สิ่งแวดล้อมและการเลี้ยงดูก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้เด็กเครียดก้าวร้าว โดยเฉพาะในครอบครัวที่ใช้ความรุนแรง พ่อแม่เป็นคนเจ้าอารมณ์ ก็มีแนวโน้มที่ลูกจะเลียนแบบพฤติกรรมและกลายเป็นเด็กที่มีความก้าวร้าวตามไปด้วย หรือการเลี้ยงลูกด้วยการตามใจก็จะทำให้เด็กแสดงพฤติกรรมก้าวร้าวออกมาเรียกร้องความสนใจได้

3 วิธีแก้ไขพฤติกรรมก้าวร้าวด้วยทักษะทางอารมณ์
        คุณพ่อคุณแม่ที่กำลังสงสัยว่าวิธีการรับมือเมื่อลูกก้าวร้าวทำอย่างไรดี จึงจะเหมาะสมที่สุดนั้นคำตอบก็คงหนีไม่พ้นการเสริมสร้างทักษะทางอารมณ์ให้กับลูกด้วย 3 วิธีง่าย ๆ ดังนี้

1)   สื่อสารด้วยเหตุผล
        เป็นการพูดคุยและรับฟังลูกอย่างเข้าใจ เมื่อใดก็ตามที่ ลูก อารมณ์ รุนแรง ให้คุณพ่อคุณแม่รับฟังเขาถึงสาเหตุและชี้ให้เขาเห็นถึงต้นตอพร้อมร่วมกันหาทางออก วิธีการนี้จะทำให้ลูกเข้าใจถึงอารมณ์ตนเองและจะรู้วิธีการจัดการกับอารมณ์โดยไม่ต้องแสดงความก้าวร้าว

2)   กีฬากับการฝึกควบคุมอารมณ์
        การให้ลูกได้เล่นกีฬาจะทำให้เขาฝึกทักษะทางอารมณ์ไปพร้อม ๆ กับทักษะทางร่างกาย เขาจะได้เรียนรู้การเคารพกฎกติกา มีสมาธิและอารมณ์จดจ่อกับการเล่น ที่สำคัญยังได้รู้จักน้ำใจนักกีฬา

3)   การเลี้ยงสัตว์
        ข้อดีของการให้ลูกเลี้ยงสัตว์ก็คือจะช่วยฝึกความรักผิดชอบ และฝึกให้เขามีจิตใจที่โอบอ้อมอารี รู้จักเห็นอกเห็นใจผู้อื่น ทำให้จิตใจสงบและลดความก้าวร้าวลง

        ทั้งหมดนี้คงจะพอคลายข้อสงสัยเมื่อลูกเข้ากับเพื่อนยาก  คุณพ่อคุณแม่สามารถนำไปปรับใช้รับมือกับการเลี้ยงลูก (เพิ่มเติม: https://www.milo.co.th/blog/วิธีเลี้ยงลูกยุค-new-normal) ที่มีพฤติกรรมก้าวร้าวด้วยการเสริมสร้างทักษะทางอารมณ์และสังคมให้ลูก เพื่อที่เขาจะเรียนรู้และจัดการกับอารมณ์ของตนเองได้อย่างถูกต้อง


ที่มาข้อมูล
-   https://www.parentsone.com/pet-take-care-child/       
-   https://www.nakornthon.com/article/detail/ปราบเด็กดื้อ-เอาแต่ใจ-ก้าวร้าวอาละวาด               
-   https://th.theasianparent.com/เด็กก้าวร้าว
-   https://www.bangkokhospital.com/content/dealing-with-a-child-anger

หน้า: 1 2 3 4 [5] 6 7 8