ThaiFranchiseCenter Webboard

ThaiFranchiseCenter Webboard - Info Center

* สมัครสมาชิกเว็บบอร์ด ไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ ฟรี! *
หน้าแรก | เปิดร้านค้าฟรี! | โปรโมชั่นแฟรนไชส์ | ร้านหนังสือออนไลน์ | สนใจลงโฆษณา

ทางเว็บไซต์ ThaiFranchiseCenter.com ไม่มีส่วนรับผิดชอบกับข้อความต่างๆในเว็บบอร์ดแต่อย่างใด
    ไม่ว่าจะเป็นการซื้อ-ขาย-เช่า-เซ้ง หรือ อื่นๆ (ผู้ซื้อ หรือ ผู้ขาย กรุณาใช้วิจารณญาณในการติดต่อทางธุรกิจ)


แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - totheworld

หน้า: [1]
1

ในบรรดาไอเทมบรรเทาอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อตามร่างกาย แผ่นแปะแก้ปวดแบบเย็น และแผ่นแปะแก้ปวดแบบร้อนดูจะเป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้รับความนิยมในกลุ่มผู้ที่ทำงานออฟฟิศ หรือต้องใช้กล้ามเนื้อมากกว่าปกติ ไม่ว่าจะเป็นคนแบกหาม และนักเต้น เป็นต้น อย่างไรก็ตาม ยังมีหลายคนที่ไม่รู้ว่าไอเทมทั้งสองแบบมีความแตกต่างกันอย่างไร ซึ่งในบทความชิ้นนี้ เราได้มีรายละเอียดที่น่าสนใจมาแบ่งปันให้ทราบกัน ไปติดตามได้เลย


- ความแตกต่าง

แผ่นแปะแก้ปวดสูตรร้อน เป็นหนึ่งในรูปแบบยาทากล้ามเนื้อแบบพลาสเตอร์ ที่มีคุณสมบัติช่วยขยายหลอดเลือด ทำให้บริเวณที่ใช้มีเลือดไหลเวียนเยอะขึ้น โดยเลือดจะนำพาสารอาหารมาหล่อเลี้ยงบริเวณที่ปวด และนำพาสารอักเสบออกไป เหมาะกับอาการปวดที่เป็นมาระยะหนึ่ง เช่น ปวดกล้ามเนื้อแบบเรื้อรังหรือออฟฟิศซินโดรม ซึ่งมักเกิดขึ้นในกลุ่มผู้ที่ทำงานออฟฟิศนั่นเอง

แผ่นแปะแก้ปวดสูตรเย็น ถือเป็นหนึ่งในยาทาแก้ปวดแบบพลาสเตอร์เช่นกัน และส่วนใหญ่มาพร้อมกับส่วนผสมของเมนทอล การบูร ยูคาลิปตัส ที่ช่วยทำให้เส้นเลือดหดตัว สามารถลดอาการบวม อาการปวดเกร็งของกล้ามเนื้อ เหมาะกับอาการปวดเฉียบพลันที่เป็นมาไม่เกิน 72 ชั่วโมง เช่น อาการบวม ฟกช้ำ เคล็ดขัดยอกหลังออกกำลังกาย เป็นต้น

นอกจากนี้ ผู้ที่ประกอบอาชีพเป็นนักเต้น หรือแบกห้ามก็สามารถใช้ยาทากล้ามเนื้ออักเสบสูตรนี้ชนิดแผ่นแปะได้เช่นเดียวกัน เพราะถือเป็นกลุ่มอาชีพที่มีการใช้กล้ามเนื้อมากกว่าปกติ ไม่ว่าจะเป็นการเคลื่อนไหวไปตามจังหวะช้าและเร็ว รวมถึงการใช้กล้ามเนื้อมัดใหญ่ที่มากและนานกว่าปกติ


- การใช้งานให้เกิดประสิทธิภาพ

ยาทาแก้ปวดกล้ามเนื้อที่ดีที่สุด แบบที่ใช้ครั้งเดียวแล้วหายเป็นปลิดทิ้งไม่มีจำหน่าย หากแต่เราใช้ยาทาแก้ปวดได้เหมาะสมกับลักษณะอาการปวดก็นับได้ว่ารักษาได้อย่างถูกต้องแล้ว

อย่างไรก็ตาม หากต้องการป้องกันอาการปวดกล้ามเนื้อต่าง ๆ อย่างตรงจุด เราควรปรับพฤติกรรมการทำงานและใช้ชีวิตให้เหมาะสม ตัวอย่างเช่น จัดโต๊ะทำงานให้ได้ระดับสายตาและความสูงกับท่านั่งที่เหมาะสม สำหรับสุภาพสตรีควรหลีกเลี่ยงการใส่รองเท้าส้นสูงตลอดวันโดยไม่จำเป็น รวมถึงควรหาเวลาผ่อนคลายยืดเส้นยืดสายระหว่างวันทำงาน เพื่อป้องกันความตึงเครียดสะสม ซึ่งจะนำมาสู่อาการปวดกล้ามเนื้อจนต้องใช้ยาทาแก้ปวดแบบต่าง ๆ ได้

   
สรุป

แผ่นแปะแก้ปวดแบบเย็นหรือร้อน แตกต่างกันที่ลักษณะอาการปวดที่เกิดขึ้นกับร่างกาย ซึ่งมีที่มาจากกิจกรรมที่ทำในแต่ละวัน ทั้งนี้ หากไม่แน่ใจเกี่ยวกับการใช้งานผลิตภัณฑ์ดังกล่าว ก่อนเลือกซื้อควรปรึกษาเภสัชกรที่ร้านขายยา เพื่อความปลอดภัยจะดีที่สุด

2

ทุกคนที่เคยเข้าพักโรงแรม 5 ดาว หรือกี่ดาวก็ตาม เคยสังเกตไหมว่าทำไมผ้าเช็ดตัวโรงแรมที่วางไว้ในทุกห้องพักจึงมีความแตกต่างกับผ้าขนหนูธรรมดา โดยเฉพาะเมื่อพูดถึงความหนานุ่ม อาจเรียกได้ว่าเป็นคนละเกรด และไม่สามารถเทียบกันได้เลย วันนี้เรามีคำตอบเกี่ยวกับเรื่องนี้มาฝากกัน ถ้าทุกคนพร้อมแล้ว ไปติดตามพร้อม ๆ กันเลย

   
1. ใช้เทคนิคการทอพิเศษ

ผ้าเช็ดตัวโรงแรมที่เราเห็นตามห้องพักจะใช้เทคนิคการทอพิเศษแบบขนคู่ ซึ่งหมายถึงมีการใช้ด้าย 2 เส้นต่อ 1 ฝีเข็มที่ทอ ทำให้ผ้าเช็ดตัวมีความหนาแน่น เรียงเส้นสวย และที่สำคัญคือมีความทนทานแข็งแรงมากกว่าผ้าทั่วไป จึงทำให้เมื่อผ่านการซักทำความสะอาดหลายครั้ง เส้นใยของผ้าก็ไม่เกิดความเสียแต่อย่างใด ด้วยเหตุผลข้อนี้ โรงแรมจึงประหยัดค่าใช้จ่ายในการซื้อผ้าผืนใหม่ได้เป็นอย่างมาก

   
2. มีผ้าหลายประเภทให้เลือกใช้

ผ้าขนหนูโรงแรมมีการแบ่งตามลักษณะการใช้งานอย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็น ผ้าเช็ดตัวโรงแรม ผ้าเช็ดหน้า พรหมเช็ดเท้า หรือแม้แต่ในโรงแรมที่มีฟิตเนสหรือสระว่ายน้ำ ก็จะมีผ้าฟิตเนส รวมถึงผ้าผืนใหญ่ไว้บริการให้อีกด้วย ซึ่งช่วยให้ลูกค้านำผ้าไปใช้ได้ถูกต้องตามประเภท ส่งผลดีต่อผิวพรรณร่างกาย ไม่เกิดเชื้อโรคสะสมอีกด้วย
   
   
3. ใช้สีขาวแสดงถึงความปลอดภัย

ไม่ว่าจะเป็นผ้าปูที่นอน หรือหมอนสุขภาพ โรงแรมส่วนใหญ่ต่างก็เลือกใช้สีขาวมากกว่าสีอื่น ๆ เนื่องจากเมื่อลูกค้าเข้าพักจะสัมผัสได้ถึงความปลอดภัย สะอาดในการใช้งาน และเมื่อนำไปซักทำความสะอาดก็จะสามารถทำได้ง่ายกว่าผ้าสีอีกด้วย

อย่างไรก็ตาม บางโรงแรมก็อาจเลือกใช้สีของผ้าที่แตกต่างกันออกไป ตัวอย่างเช่น ผ้าที่วางในห้องน้ำซึ่งใช้สำหรับเช็ดผมหรือใบหน้า อาจเลือกใช้สีน้ำตาล ในขณะเดียวกันผ้าที่ใช้สำหรับเช็ดตัวก็เลือกเป็นสีขาวปกติ ทั้งหมดนี้ เพื่อให้ลูกค้าสามารถจดจำและแบ่งประเภทการใช้งานของผ้าได้อย่างเหมาะสม รวมถึงไม่นำไปใช้รวมกัน เพื่อสุขอนามันที่ดีในช่วงการเข้าพักนั่นเอง

   
สรุป

ผ้าเช็ดตัวโรงแรมเต็มไปด้วยความพิเศษที่แตกต่างจากผ้าทั่วไป เพราะใช้เทคนิคการทอพิเศษแบบเส้นด้ายคู่ และมีผ้าหลากหลายประเภทให้เลือกตามการใช้งานในห้องพัก รวมถึงสีขาวของผ้าที่ใช้ส่วนใหญ่ตามโรงแรมก็ช่วยให้ลูกค้ารู้สึกสะอาด ปลอดภัย มีความมั่นใจเมื่อต้องใช้งานนั่นเอง

3

แฟรนไชส์ ร้านซักผ้าหยอดเหรียญ เป็นหนึ่งในธุรกิจที่มีผู้คนให้ความสนใจและค้นหารายละเอียดข้อมูลเป็นจำนวนมาก เพราะมีจุดเด่นคือการสอดคล้องกับกิจวัตรประจำของคนเรา ซึ่งก็คือการซักผ้าที่อาจเกิดขึ้นสัปดาห์ละหนึ่งครั้ง หรือ 2 - 3 ครั้งนั่นเอง โดยวันนี้เราจะมาแบ่งปันข้อมูลให้ทุกคนทราบเกี่ยวกับจุดเด่นของร้านสะดวกซัก 24 ชม ว่ามีอะไรบ้าง เพื่อประกอบการตัดสินใจเบื้องต้นก่อนซื้อแฟรนไชส์มาบริหารต่อตามแนวทางของเรา ซึ่งจะมีรายละเอียดอะไรบ้างนั้น ทุกคนสามารถไปติดตามได้ในบทความชิ้นนี้กันเลย

   
1. ตอบโจทย์ชีวิตประจำวัน

หนึ่งในกิจกรรมที่เราต้องทำอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 - 2 ครั้งคือการซักผ้า จึงทำให้แฟรนไชส์ร้านสะดวกซักมีส่วนสำคัญอย่างมากในการช่วยอำนวนความสะดวก และตอบโจทย์ชีวิตประจำวันของคนส่วนใหญ่ที่อาจไม่มีเวลาซักผ้า หรือไม่สะดวกในการซื้อเครื่องซักผ้ามาไว้ที่บ้านตนเอง ซึ่งเราจะนำผ้ามาซักเมื่อไรก็ได้ เพราะถือเป็นร้านสะดวกซัก 24 ชม จึงตอบโจทย์สำหรับผู้ที่ทำงานทุกรูปแบบเวลานั่นเอง


2. ไม่ต้องเริ่มต้นเองทั้งหมด

แฟรนไชส์ ซักผ้า เป็นธุรกิจที่ไม่ต้องเริ่มต้นเองทั้งหมด หมายความว่าผู้สนใจมีเพียงเงินทุนขั้นต่ำตามที่ขนาดธุรกิจกำหนดก็สามารถเป็นเจ้าของกิจการได้แล้ว โดยขนาดธุรกิจมีตั้งแต่ไซส์ S M และ L อีกทั้งบางแบรนด์ยังขยายไปถึง XL เลยก็ได้เช่นกัน หลังจากตัดสินใจเลือกขนาดแฟรนไชส์แล้ว จะมีทีมงานคอยให้คำปรึกษาตั้งแต่ช่วงเริ่มต้น เริ่มดำเนินธุรกิจ รวมถึงตลอดเวลาการรับประกันจากแบรนด์

นอกจากนี้ ธุรกิจร้านสะดวกซักยังจัดการตกแต่งหน้าร้าน ติดตั้งอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าและเดินท่อน้ำให้แบบครบวงจร โดยที่เราไม่ต้องจ้างช่างข้างนอกให้สิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายอีกต่อไป


3. ไม่ต้องดูแลมากและสามารถทำกำไรในระยะยาว

เมื่อเริ่มดำเนินธุรกิจแฟรนไชส์ร้านสะดวกซัก เราในฐานะเจ้าของกิจการมีหน้าที่เพียงตรวจตราความเรียบร้อยภายในและนอกร้านอยู่เป็นระยะ ๆ เพื่อความปลอดภัยของผู้มาใช้บริการ รวมถึงอาจมีเข้ามาทำความสะอาดร้านสะดวกซักอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 - 2 ครั้ง โดยส่วนที่เหลือเจ้าของกิจการแทบไม่ต้องดูแลอะไรเลย สามารถรอรับกำไรในระยะยาวได้แบบไม่ต้องกังวล

อย่างไรก็ตาม ทั้งหมดต้องขึ้นอยู่กับทำเลร้านสะดวกซักที่เราเลือกไว้ตั้งแต่แรก ว่าอยู่ในแหล่งชุมชน โรงงาน สถานศึกษา หอพัก อพาร์ทเมนต์หรือไม่ เพราะพื้นที่เหล่านี้เป็นแหล่งที่มีผู้คนอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก จึงทำให้โอกาสในการเข้ามาใช้บริการก็สูงตามมากเช่นกัน

   
สรุป

เมื่อพิจารณาจากข้อดีของแฟรนไชส์ ร้านซักผ้าหยอดเหรียญ จะเห็นได้ว่าน่าสนใจเป็นอย่างมาก แต่เหนือสิ่งอื่นใดผู้สนใจควรศึกษารายละเอียดข้อมูลของแต่ละแบรนด์ให้ดีที่สุด เพื่อป้องกันความเสี่ยงในด้านธุรกิจที่อาจเกิดขึ้นตามมา

4

กระจกติดผนังสวย ๆ เป็นไอเทมที่หลายคนมองข้ามในการนำมาตกแต่งบ้าน เพราะอาจคิดว่าเป็นสิ่งของที่ไม่ได้ทำให้บรรยากาศภายในบ้านแตกต่างออกไปจากเดิมมากนัก แต่ในขณะเดียวกัน เจ้าไอเทมชิ้นนี้แหละที่จะทำให้บ้านดูมีมิติและลงตัวกว่าเดิม ดังนั้น วันนี้เราได้นำเคล็ดลับน่ารู้ในการเลือกกระจกติดผนังเพื่อตกแต่งบ้านมาฝากทุกคน ซึ่งจะมีข้อมูลที่น่าสนใจอะไรบ้างนั้น ไม่รอช้า เราตามไปดูกันเลย


เลือกจากขนาดของผนังบ้าน

ก่อนเลือกซื้อกระจกติดผนังบานใหญ่มาตกแต่งบ้าน เราควรทราบขนาดของผนังที่แน่ชัดเสียก่อน เพราะจะทำให้เราสามารถเลือกสัดส่วนขนาดของกระจกได้พอดี ไม่เกินขอบผนังออกมา โดยพื้นที่สำหรับการนำกระจกเงาติดผนังมาตกแต่งส่วนใหญ่มักจะเป็นผนังบริเวณหน้าบ้านระหว่างทางเดินเข้าไปห้องต่าง ๆ เนื่องจากจะทำให้ห้องดูกว้าง มีมิติที่ลึกขึ้น และทำให้บ้านดูโล่งโปร่งอีกด้วย


เลือกจากรูปทรงของกระจก

รูปทรงกระจกวินเทจติดผนังที่ได้รับความนิยมในปัจจุบันมักเป็นรูปทรงสี่เหลี่ยม เพราะมีความเรียบง่าย สามารถนำมาตกแต่งกับผนังบ้านได้เลย ในขณะเดียวก็มีอีกหลายบ้านที่เลือกกระจกวงกลม ทรงรี หรือสี่เหลี่ยมหลายมุม ซึ่งเป็นสไตล์ที่เรียกว่ากระจกวินเทจมาตกแต่งกับผนัง เพราะทำให้บรรยากาศภายในบ้านดูพิเศษมากขึ้น และไม่เหมือนใครนั่นเอง


เลือกจากตำแหน่งที่จะติดกระจก

หากนำกระจกรูปทรงสี่เหลี่ยมมาติดกับผนังตามปกติก็อาจดูน่าเบื่อหรือเชยไปสักหน่อย ลองเอากระจกเดียวกันนั้นนำไปติดบริเวณต่าง ๆ เช่น หลังทีวี เพื่อให้เกิดมุมสะท้อนในตำแหน่งที่คุณนั่งอยู่ ซึ่งจะช่วยให้ภายในห้องดูสว่างและกว้างขึ้นอย่างเห็นได้ชัด นอกจากนี้ เราอาจนำกระจกตั้งโต๊ะมาวางที่ชั้นวางทีวี แม้จะเป็นไอเทมชิ้นเล็กแต่ก็สามารถทำให้ห้องนั้น ๆ ดูมีมิติเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิม


เลือกจากสไตล์ของกระจก

สไตล์ของกระจกนับว่าเป็นสิ่งที่สร้างความแตกต่างให้กับบ้านของเราได้มากกว่าที่คิด ตัวอย่างเช่น กระจกตั้งพื้นมินิมอลแบบไร้กรอบ เมื่อนำมาวางระหว่างทางเดินเชื่อมต่อกับพื้นที่ต่าง ๆ หรือแม้แต่วางมุมห้องก็จะทำให้ดูเรียบง่ายคลาสสิก อีกทั้งกระจกตั้งพื้นที่เป็นกรอบไม้สวย ๆ ก็ทำให้ได้ความรู้สึกธรรมชาติส่งผ่านเข้ามาในบ้านของเราได้อย่างไม่น่าเชื่อเหมือนกัน


สรุป

การนำกระจกติดผนังสวย ๆ มาตกแต่งบ้าน สามารถเลือกจากขนาด รูปทรง ตำแหน่งที่จะติด และสไตล์ เพื่อให้บรรยากาศภายในบ้านของเราดูมีมิติ น่ามองมากขึ้น อย่างไรก็ตาม นอกจากความสวยงามแล้ว เราควรคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นหลักด้วยการวัดขนาดและพื้นที่สำหรับติดตั้งอย่างเหมาะสม เพื่อไม่ให้สมาชิกในครอบครัวได้รับอันตรายในภายหลัง

5

จมูกเป็นหนึ่งในอวัยวะที่คนหนุ่มสาวเลือกที่จะศัลยกรรมเป็นอย่างแรก และมองหาว่าจะไป เสริมจมูกที่ไหนดี ? เพราะเมื่อเรามีจมูกที่โด่ง สวย เด่น ก็จะทำให้เรากับคู่สนทนาเกิดความประทับใจและสะดุดตาได้ง่ายกว่าที่คิด ในขณะเดียวกันหากเรามีจมูกเชิดปลายแหลม หรือมีลักษณะหยดน้ำบริเวณปลายจมูกเล็กน้อย ก็จะช่วยเสริมโหงวเฮ้งบนใบหน้าของเราให้เด่นชัดมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม เพราะการเสริมจมูกที่ได้รับความนิยมมากขึ้น ทำให้มีผู้คนที่ตกเป็นเหยื่อคลินิกเสริมความงามที่ไม่มีคุณภาพ และพบอาการหลังการทำจมูกมากมาย แต่จะมีอาการอะไรบ้างนั้น ตามไปดูกันเลย

1. อาการจมูกบวม เป็นอาการที่พบได้บ่อยหลังเข้ารับการเสริมจมูก เนื่องจากการทำจมูก ซิลิโคนถือเป็นการผ่าตัดรูปแบบหนึ่ง ทำให้ผิวหนังได้รับบาดเจ็บและเกิดอาการบวมช้ำ ซึ่งตามปกติแล้วอาการบวมจะหายไปภายใน 2-3 วัน แต่หากผ่านไปเกินกว่า 2 สัปดาห์แล้วยังมีอาการบวมขึ้นเรื่อยๆ ควรรีบไปพบแพทย์ทันที

2. อาการจมูกเบี้ยว ปัญหานี้ส่วนใหญ่เกิดจากการโครงสร้างจมูกที่มีฐานจมูกเดิมเบี้ยวหรือเอียงอยู่ก่อนแล้ว และอาจเกิดได้จากช่วงทำการเสริมจมูกที่แพทย์ตกแต่งซิลิโคนยาวเกินกว่ารูปจมูก หรือวางซิลิโคนผิดตำแหน่ง แนวทางแก้ไขคือให้ไปพบแพทย์โดยด่วน และอย่าพยายามดัดจมูกด้วยตนเองเด็ดขาด เพราะจะเกิดอาการอักเสบตามมา

3. อาการจมูกทะลุ เป็นอาการที่จมูกมีการติดเชื้ออย่างรุนแรง เนื่องจากการจับหรือขยับจมูกบ่อยๆ ทำให้ซิลิโคนภายในถูกรบกวน ส่งผลให้ผิวหนังบริเวณปลายจมูกเปลี่ยนเป็นสีคล้ำไปจนถึงสีดำ ในขณะที่ซิลิโคนที่เสริมเข้าไปนั้นไปกินเนื้อจมูก ทำให้เนื้อจมูกด้านในนั้นเน่า ยุบ และกลายเป็นจมูกทะลุในที่สุด

4. สันจมูกโด่ง ดูแข็งไม่เป็นธรรมชาติ เมื่อเข้ารับการเสริมจมูกครั้งแรก ผลข้างเคียงของความไม่คุ้นเคยกับรูปจมูกใหม่ก็คือ สันจมูกโด่งแต่กลับไม่ได้รูปทรงธรรมชาติสักเท่าไหร่ เมื่อส่องกระจกจะเห็นแท่งตรงสันจมูกได้อย่างชัดเจน ทำให้เพื่อนสนิทอาจเข้ามาทักได้ว่าเราไปเสริมจมูกมาหรือเปล่า

5. มีน้ำไหลออกมาจากจมูก หลังการผ่าตัดเสริมจมูกแบบ open หรือจะเป็นการแก้จมูกแบบ open ก็ตาม หากมีน้ำไหลออกมาจากจมูก ให้เราสังเกตว่าน้ำนั้นมีสีอะไร
- น้ำสีใส ๆ อาจจะเป็นน้ำมูกธรรมดา ให้เรารีบรับประทานยาลดน้ำมูกทันที และอย่าปล่อยให้ไหลมาโดนแผลที่เสริมจมูกเป็นอันขาด เพราะอาจเกิดการติดเชื้อได้
- น้ำที่มีลักษณะเหมือนน้ำหนอง หรือมีเลือดติดปนมาด้วย ในขณะที่จมูกเกิดการบวมช้ำมากกว่าเดิม นั่นคือสัญญาณว่าการเสริมจมูกที่เราเพิ่งไปทำมานั้นมีการอักเสบ หรือติดเชื้อให้รีบไปพบแพทย์ทันที


เทคนิคการเลือกคลินิกเสริมจมูกให้ได้คุณภาพ ไม่มีปัญหากวนใจ

สำหรับผู้ที่ต้องการปรับจมูกให้เข้ารูปมากกว่าเดิม และอยากหลีกเลี่ยงปัญหาจุกจิกกวนใจเหมือนตัวอย่างปัญหาที่กล่าวมาข้างต้น เราขอแนะนำเทคนิคง่าย ๆ ในการเลือกคลินิก ดังนี้
   
ก่อนอื่นให้ตรวจสอบมาตรฐานของคลินิกนั้น ๆ ว่าได้รับการรับรอง หรือผ่านมาตรฐานจากกระทรวงสาธารณสุขมาแล้ว จากนั้นให้ทำการตรวจสอบรายชื่อแพทย์ หรือบุคลากรของคลินิกว่ามีใบประกอบวิชาชีพถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ เพราะหลายเคสที่เกิดขึ้นมักจะมี “หมอกระเป๋า” ที่แอบอ้างเป็นผู้มีประสบการณ์ ทำการเปิดคลินิกเถื่อนอยู่เป็นจำนวนมาก

ขั้นตอนต่อไปให้ทำการศึกษา วิเคราะห์เคสการทำจมูกจากสื่อและเว็บไซต์ที่น่าเชื่อถือ เมื่อได้คลินิกที่มั่นใจแล้วให้ทำการนัดพบแพทย์เพื่อประเมินจมูกก่อนเข้ารับการผ่าตัดโดยตรง


สรุป   
   
ผู้ที่สนใจปรับรูปหน้าให้มั่นใจขึ้น โดยเฉพาะผู้ที่กำลังมองหาว่าควรเสริมจมูกที่ไหนดี ? ควรหาข้อมูลให้ละเอียดที่สุด ไม่ว่าจะเป็นความน่าเชื่อถือของตัวคลินิก แพทย์เฉพาะทาง หรือบุคลากรในที่ดังกล่าว เพราะการศึกษาให้ดีก่อนการตัดสินใจเสริมจมูก จะทำให้เราได้คลินิกที่มีคุณภาพและปลอดภัยที่สุด

6

เชื่อว่าหลายคนอยากมีสถานที่ขายปุ๋ย เคมีภัณฑ์ และอุปกรณ์ทางการเกษตรเป็นของตนเอง เนื่องจากธุรกิจนี้สามารถอยู่ได้เรื่อย ๆ จากการซื้อขายกับเกษตรกรที่ต้องทำไร่ทำสวนตลอดปี แต่ก่อนที่คุณจะตัดสินใจเปิดร้านค้าอย่างจริงจัง หากเป็นไปได้เราควรตอบคำถามทั้ง 4 ข้อนี้เสียก่อน เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการเปิดธุรกิจสถานที่ขายปุ๋ยอย่างเป็นทางการ โดยคำถามที่ว่าจะมีอะไรบ้างนั้น ตามไปดูกันเลย !
 

1.เราจะเริ่มต้นธุรกิจร้านค้าปุ๋ย เคมีภัณฑ์ และอุปกรณ์ทางการเกษตรอย่างไร ?
              
ในขั้นแรกเราจำเป็นต้องศึกษาตลาดของธุรกิจนี้ให้ได้เสียก่อน โดยต้องเข้าใจว่าลูกค้าของเราคือใคร เกษตรกรมีเยอะไหมในบริเวณดังกล่าว เขาเพาะปลูกต้นอะไร นิยมใส่ปุ๋ยสูตรไหน รวมไปถึงปัญหาต่าง ๆ ที่เกษตรกรมักพบเจอบ่อย ๆ เพื่อให้ร้านค้าของเราเปรียบเสมือนหยิบยื่นวิธีแก้ปัญหาให้เขา ซึ่งเมื่อเข้าใจข้อมูลเหล่านี้เป็นอย่างดีแล้ว จากนั้นค่อยศึกษาวิธีการเป็นตัวแทนขายปุ๋ยต่อไป
 

2.เราจะหาสินค้าจากแหล่งไหน ?
              
วิธีการหาสินค้ามาขายในร้านของเราง่าย ๆ เลยคือ การเป็นตัวแทนปุ๋ยเคมีตามด้วยรับสินค้าจำพวกอุปกรณ์ทางการเกษตรเข้ามาขายเสริมด้วยอีกที โดยสำหรับตัวแทนปุ๋ยเคมีเราจำเป็นต้องศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับบริษัทแม่ให้ดี รวมไปถึงรู้ข้อมูลของผลิตภัณฑ์แต่ละตัว เพื่อให้การซื้อขายกับลูกค้าเป็นไปในทางที่ถูกต้อง พร้อมทั้งเสนอสินค้าที่ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าได้ด้วยในเวลาเดียวกัน
 

3.คำนวณผลกำไรที่ได้แล้วว่าเหมาะสมหรือไม่ ?
              
เมื่อพูดถึงธุรกิจแน่นอนว่าเราก็ต้องหวังผลกำไรกันเป็นธรรมดา ซึ่งสำหรับตัวแทนปุ๋ยเราอาจลองคำนวณจากราคาสินค้าของบริษัทแม่ ต้นทุนการขาย ค่าขนส่ง ค่าโฆษณา และรายจ่ายยิบย่อยอื่น ๆ เพราะหากเราไม่คำนวณให้ดี ก็มีโอกาสเสี่ยงที่เราจะสูญเสียเงินทองไปโดยใช่เหตุ ตลอดจนส่งผลให้ร้านขาดทุนได้เลยทีเดียวเชียว


4.เราจะลงทุนประมาณเท่าไหร่ ?
              
เรื่องจำนวนเงินที่เราสะดวกลงทุนก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ไม่ควรมองข้าม เนื่องจากการจะตั้งสถานที่ขายปุ๋ยและอุปกรณ์ทางการเกษตรขึ้นมาสักแห่ง เราจำเป็นต้องใช้เงินทุนค่อนข้างสูง ไม่ว่าจะเรื่องการสร้างหน้าร้าน การเช่าที่ การติดต่อทำสัญญาเป็นตัวแทนปุ๋ย การทำโฆษณา การขนส่งสินค้า รวมไปถึงการจ้างพนักงานขาย โดยสิ่งเหล่านี้มีผลต่อการเป็นไปของธุรกิจ ดังนั้น คุณจึงต้องแบ่งสันปันส่วนให้ดีเพื่อป้องกันปัญหารายจ่ายอื่น ๆ ที่จะตามมาในอนาคต
 
              
ทั้งหมดคือ 4 คำถามที่ต้องตอบให้ได้ก่อนเปิดสถานที่ขายปุ๋ย ซึ่งแน่นอนว่าการทำธุรกิจเปิดร้านค้าต่าง ๆ นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย หากแต่ต้องมีการวางแผนอย่างรอบคอบและรัดกุม เพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต ดังนั้น ใครที่คิดอยากเปิดร้านค้าปุ๋ยก็อย่าลืมตอบคำถามเหล่านี้กันด้วยล่ะ !

7

แม้ว่านมจากอกแม่จะให้สารอาหารที่ดีและครบถ้วนสมบูรณ์สำหรับลูกน้อยวัยแรกเกิด แต่กลับคุณแม่บางคนที่ไม่สามารถให้นมลูกได้ เนื่องจากน้ำนมไม่เพียงพอหรือปัญหาอื่น ๆ จำเป็นต้องเปลี่ยนมาให้นมผงแทน โดยประโยชน์นมผงสำหรับเด็กแรกเกิดนั้น มีสารอาหารที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของลูกน้อยอย่างครบถ้วนไม่ได้ด้อยไปกว่านมแม่เลย และในวันนี้เราจะพาคุณไปดูประโยชน์นมผง เพื่อเป็นการยืนยันว่าตัวผลิตภัณฑ์สามารถอำนวยความสะดวกให้กับคุณแม่ได้อย่างแท้จริง
 

- ผลิตภัณฑ์นมผงสะดวกต่อการพกพา
              
ขณะที่คุณแม่ต้องออกไปทำธุระนอกบ้าน แล้วต้องพาลูกน้อยติดสอยห้อยตามไปด้วย แต่เมื่อถึงเวลาดื่มนมกลับไม่สะดวกต่อการให้น้ำนมจากเต้า ซึ่งปัญหาตรงจุดนี้สามารถแก้ได้โดยการพกผลิตภัณฑ์นมผงที่มีสารอาหาร นมผงครบถ้วน พร้อมอุปกรณ์อื่น ๆ ได้แก่ ขวดนมและน้ำร้อนในกระติกเก็บอุณหภูมิ ติดตัวไปด้วย เพียงเท่านี้คุณพ่อคุณแม่ก็ไม่ต้องคอยกังวลในเรื่องการให้นมบุตรนอกสถานที่อีกต่อไป
 

- ช่วยลดความถี่และระยะเวลาของการให้นม
              
สารอาหาร นมผงมีส่วนประกอบที่ทำให้ย่อยได้ช้ากว่านมแม่ ด้วยเหตุนี้ ความถี่และระยะเวลาในการให้นมลูกในแต่ละวันจึงห่างกัน คุณพ่อคุณแม่จึงมีเวลาไปทำอย่างอื่น เช่น ทำอาหาร ซักผ้ารีดผ้า ล้างจาน ฯลฯ ได้มากยิ่งขึ้น
 

- ช่วยให้คุณแม่ไม่ต้องกังวลเรื่องการทานยา
              
คุณแม่บางคนมีโรคประจำตัวที่จำเป็นต้องทานยารักษาอย่างต่อเนื่อง และยารักษาเหล่านี้ก็อาจปะปนมากับน้ำนมซึ่งเป็นอันตรายต่อพัฒนาการของเด็ก ดังนั้น คุณแม่จึงควรเปลี่ยนให้ลูกดื่มนมผงแทน เพื่อให้ลูกได้รับโภชนาการนมอย่างปลอดภัยและครบถ้วนสมบูรณ์
 

- คุณค่าทางโภชนาการนมผงเทียบเท่าได้กับนมแม่
              
เนื่องจากผลิตภัณฑ์นมผงมีการเลียนแบบมาจากนมแม่ พร้อมทั้งยังมีการเติมสารอาหารจำพวกทอรีน เบต้าแคโรทีน รวมถึงสารอาหารที่มีประโยชน์ตัวอื่นเข้าไป  ซึ่งเป็นผลดีต่อพัฒนาการทางด้านร่างกายและสมองของเด็ก ด้วยเหตุนี้ คุณพ่อคุณแม่จึงไม่ต้องกังวลว่าลูกจะได้รับสารอาหาร นมผงไม่ครบถ้วนเท่านมแม่อีกต่อไป
 

- ลดภาวะความเครียดของคุณแม่   
              
ในกรณีที่น้ำนมออกมาน้อยจนเกินไป อาจส่งผลให้คุณแม่คิดมากและก่อให้เกิดภาวะความเครียดได้ ดังนั้น การเสริมส่วนที่ขาดด้วยสารอาหาร นมผงจึงมีส่วนช่วยลดความตึงเครียด พร้อมทั้งฟื้นฟูร่างกายและจิตใจของคุณแม่หลังคลอดได้เป็นอย่างดี
 
              
ก็จบไปแล้วกับ ประโยชน์นมผงสำหรับเด็กแรกเกิดที่คุณพ่อคุณแม่หลายคนอาจยังไม่เคยรู้ ซึ่งผลิตภัณฑ์นมผงนั้นเลียนแบบมาจากนมแม่ ทั้งกลิ่น สี กระทั่งคุณค่าโภชนาการนมก็ใกล้เคียงกัน ดังนั้น คุณแม่จึงสามารถให้ลูกดื่มผลิตภัณฑ์นมผงเสริมนมแม่ได้อย่างไร้กังวล

8
           
พนักงานถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้องค์กรขับเคลื่อนไปข้างหน้า ความสำเร็จของบริษัทขึ้นอยู่กับคนกลุ่มนี้ แต่บางครั้งชั่วโมงทำงานอันแสนยาวนานอาจทำให้เหนื่อยล้า หากสามารถออกแบบออฟฟิศที่ช่วยทำให้พนักงานสามารถทำงานได้อย่างมีความสุข เนื่องจากสภาพแวดล้อมและบรรยากาศของออฟฟิศเอื้อต่อการทำงาน ทั้งในด้านพฤติกรรม อารมณ์ สมาธิ ความคิดสร้างสรรค์ ฯลฯ ดังนั้นการออกแบบออฟฟิศให้บุคลากรได้มีคุณภาพการทำงานที่ดีขึ้น จะช่วยให้ทำงานออกมาได้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
 

1. สร้างพื้นที่จุดประกายไอเดีย

เนื่องจากพนักงานต้องใช้เวลาวันละหลายชั่วโมงในการทำงานอยู่ในออฟฟิศ และรู้สึกเครียดหรือกดดันจากบรรยากาศจริงจัง จนทำให้ไอเดียความคิดสร้างสรรค์หรือพลังงานในการทำงานต่ำลง ผลที่ตามมาคือคิดงานไม่ออก ทำงานล่าช้า หรือยังไม่ดีเท่าที่หวังไว้ ลองออกแบบออฟฟิศโดยทำให้มีบรรยากาศผ่อนคลายและมีสภาพแวดล้อมสวยงาม เพื่อลดความเครียดและสร้างความสุขจากการทำงานให้ได้มากที่สุด
 

2. ใช้เฟอร์นิเจอร์คุณภาพดี

การนั่งทำงานเป็นเวลาหลายชั่วโมงต่อวันเป็นสาเหตุของอาการปวดเมื่อยตามร่างกาย และอาจเรื้อรังจนกลายเป็นโรคออฟฟิศซินโดรมที่มักเกิดขึ้นกับพนักงานออฟฟิศทุกคนได้ ดังนั้นจึงควรเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์คุณภาพดีที่รองรับสรีระร่างกายได้ดีและรู้สึกสบายเมื่อใช้งาน รวมทั้งอาจเขียนแบบอาคารให้มีส่วนที่สามารถทำงานได้ในหลายท่าทาง เช่น โต๊ะบาร์สำหรับยืนทำงานหรือเสนอไอเดีย โซฟาสำหรับเอนหลังพิมพ์งาน เป็นต้น
 

3. ออกแบบออฟฟิศให้มีพื้นที่สีเขียว

การเพิ่มพื้นที่สีเขียวในออฟฟิศเช่นการปลูกไว้ตามจุดต่าง ๆ เช่น ต้นไม้กระถาง แจกันดอกไม้ กระถางต้นไม้แบบแขวนหรือติดผนัง สวนหย่อม หรือการมีวิวที่สามารถมองเห็นพื้นที่สีเขียวก็จะช่วยพักสายตาจากอาการเมื่อยล้าได้เป็นยังดี และยังช่วยผ่อนคลายสมอง ช่วยทำให้รู้สึกสงบ ทำให้อากาศภายในดี แถมการออกแบบสำนักงานแบบนี้ยังช่วยทำให้ออฟฟิศดูทันสมัยและใส่ใจสิ่งแวดล้อมอีกด้วย
 

4. ออกแบบออฟฟิศให้มีมุมผ่อนคลาย

แน่นอนว่าถ้าพนักงานต้องนั่งทำงานอยู่ที่โต๊ะตลอดวันละประมาณ 8 ชั่วโมง ย่อมส่งผลให้พนักงานเกิดความรู้สึกตึงเครียดและเหนื่อยล้า แต่หากตกแต่งออกแบบออฟฟิศแบบเพิ่มมุมสำหรับพักผ่อนให้แก่พนักงาน เช่น มุมของว่าง มุมกาแฟ มุมโต๊ะปิงปอง มุมโซฟา มุมเครื่องเกม ฯลฯ ที่นอกจากจะให้พนักงานได้พักสายตาและสมองจากงานแล้ว ยังช่วยเพิ่มความสุขและพลังงานบวกให้พร้อมกับลุยไปกับงานต่อได้อย่างดียิ่งขึ้น
 

สรุป
           
ทรัพยากรมนุษย์เป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญในธุรกิจต่าง ๆ ที่ควรได้รับการใส่ใจเป็นพิเศษ เพราะพวกเขาช่วยสร้างให้เกิดงานต่าง ๆ ขึ้นมากมายให้แก่องค์กร การใส่ใจกับการออกแบบออฟฟิศให้เอื้ออำนวยคุณภาพการทำงานของพนักงาน ก็เปรียบเสมือนกับการลงทุนเพื่อให้ผลลัพธ์ของงานมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น แถมพนักงานก็จะมีความสุขในการทำงาน มีสุขภาพกายและใจที่ดี พร้อมสร้างสรรค์ผลงานดี ๆ ต่อไป

9
           
ถึงแม้ว่าผู้สูงอายุจะทำกิจกรรมที่ใช้แรงน้อยกว่าคนทั่วไป แต่ก็ยังมีอาการปวดหลัง ปวดเอว หรือปวดส่วนอื่น ๆ ตามร่างกายอยู่ตลอด อาการที่ผู้สูงอายุปวดหลังบางครั้งอาจเป็นการปวดเมื่อยร่างกายเพียงเล็กน้อยตามปกติ แต่บางครั้งอาการเหล่านี้อาจเป็นสัญญาณเตือนถึงโรคอื่น ๆ ที่จะตามมาได้ ดังนั้น วันนี้เราจะมาทำความรู้จักสาเหตุต่าง ๆ ของอาการปวดหลังในผู้สูงอายุกัน เพื่อให้สามารถสังเกตอาการและเตรียมรับมือได้ทันหากเสี่ยงเป็นโรคที่ร้ายแรง
 

1. ภาวะกระดูกพรุน

เป็นภาวะที่ความหนาแน่นและมวลกระดูกลดลง จนทำให้กระดูกเกิดความเสื่อม เปราะบาง ผิดรูป และมีโอกาสแตกหักได้ง่าย นอกจากนี้กระดูกพรุนจะทำให้กล้ามเนื้อ เส้นเอ็น และไขข้อต่าง ๆ มีความยืดหยุ่นที่ลดลงจนเกิดการคลายตัว ถ้าเกิดที่บริเวณกระดูกสันหลังที่ใช้รองรับน้ำหนักนั้นทรุดตัวลงได้ โดยจะพบผู้สูงอายุปวดหลังจากภาวะนี้ในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย เนื่องมาจากภาวะหมดประจำเดือนนั่นเอง
 

2. โรคกระดูกสันหลังเสื่อม

โรคนี้พบได้บ่อยในบริเวณกระดูกสันหลังระดับคอและเอว เป็นโรคที่เกิดจากการเสื่อมสภาพตามธรรมชาติของร่างกาย โดยมีสาเหตุมาจากการที่กระดูกสันหลังผ่านการใช้งานมานาน จึงทำให้กระดูก หมอนรองกระดูก เส้นเอ็น และกล้ามเนื้อเกิดความเสื่อมสภาพ หรืออาจเกิดจากสาเหตุอื่น ๆ ได้ เช่น อุบัติเหตุ การเล่นกีฬา หรือกระดูกสันหลังติดเชื้อ เป็นต้น และโรคนี้ไม่ได้ทำให้เกิดอาการปวดหลังในผู้สูงอายุเพียงอย่างเดียว แต่อาจเกิดได้ตั้งแต่มีอายุ 45 ปีขึ้นไป
 

3. เส้นประสาทกดทับจากหมอนรองกระดูกสันหลัง

หรืออีกชื่อหนึ่งว่าโรคหมอนรองกระดูกสันหลังกดทับเส้นประสาท เกิดจากความเสื่อมขององค์ประกอบน้ำบริเวณหมอนรองกระดูกสันหลัง ทำให้มีความยืดหยุ่นน้อยลง ค่อนข้างแข็ง หรืออาจทรุดลงได้ เมื่อหมอนรองกระดูกไปกดทับเส้นประสาทส่วนใดส่วนหนึ่งของหลัง ก็จะทำให้ผู้สูงอายุปวดหลังได้ โดยตำแหน่งที่เกิดการกดทับของเส้นประสาทมากที่สุดคือหมอนรองกระดูกบริเวณเอว เนื่องจากเป็นบริเวณที่ถูกใช้งานหนัก นอกจากนี้ยังอาจพบโรคนี้ได้ในวัยทำงานหรือหนุ่มสาวที่มีกิจกรรมหนัก ๆ หรือนั่งทำงานเป็นเวลานานได้อีกด้วย
 

4. กล้ามเนื้อแข็งตึง
           
นอกจากนี้อาการปวดหลังในผู้สูงอายุยังอาจเกิดได้จากความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อที่ลดลงตามวัย เมื่อต้องอยู่ในท่าเดิมเป็นเวลานานจึงทำให้กล้ามเนื้อหลังบริเวณแข็งตึง พอไปทำกิจกรรมอื่น ๆ หลังจากนั้น จึงทำให้เกิดอาการปวดหลังได้ง่าย
 

สรุป
        
สาเหตุที่ทำให้ผู้สูงอายุปวดหลังส่วนใหญ่เกิดจากความเสื่อมสภาพของร่างกายตามวัย จนทำให้เกิดโรคต่าง ๆ ตามมาได้ ดังนั้นผู้สูงอายุ หรือคนหนุ่มสาวที่ต้องทำงานหรือกิจกรรมที่ต้องใช้งานหลังอย่างหนัก ควรใส่ใจดูแลหลังเป็นพิเศษ ไม่ควรยกของหนัก เคลื่อนไหวผิดท่าทาง หมั่นออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ไม่อยู่ในท่าเดิมเป็นเวลา และรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เพื่อเป็นการดูแลหลังและร่างกายให้มีสุขภาพดี ห่างไกลโรคและอาการเจ็บป่วย

10

หากคุณเป็นหนึ่งในคนที่ชอบตกแต่งสวนผักหรือสวนดอกไม้เป็นงานอดิเรก การทำงานก็คงจะค่อนข้างลำบากหากปราศจากอุปกรณ์จัดสวนดี ๆ สักชุด ซึ่งแน่นอนอุปกรณ์ดังกล่าวจะช่วยให้งานจัดสวนดำเนินไปได้อย่างไหลลื่นไม่มีติดขัด และเพื่อคุณสนุกกับการทำสวนได้อย่างเต็มที่ ดังนั้น ในวันนี้เราจึงจะมาแนะนำ 5 อุปกรณ์จัดสวนพื้นฐานที่คุณต้องมีติดบ้านไว้เป็นดีที่สุด เอาล่ะ ถ้าพร้อมแล้ว ตามไปดูอุปกรณ์ที่ว่าพร้อม ๆ กันเลย !!
 

1.บัวรดน้ำ


ใครว่าสายยางฉีดน้ำสามารถใช้รดต้นไม้ได้ทุกชนิด โดยเฉพาะต้นไม้หรือดอกไม้ขนาดเล็ก เนื่องจากความแรงของน้ำจากสายยางอาจทำให้หน้าดินเป็นหลุม หรือทำให้กิ่งก้านเสียหายได้ ดังนั้น คุณจึงควรเปลี่ยนมาใช้ บัวรดน้ำ ซึ่งอุปกรณ์ทำสวนชิ้นนี้แทบจะไม่มีแรงดันน้ำ จึงรับประกันได้เลยว่าต้นไม้และดอกไม้จะไม่เกิดความเสียหายอย่างแน่นอน
 

2.พลั่วตักดิน


หนึ่งในอุปกรณ์ทำสวนที่จะขาดไปไม่ได้เลย เนื่องจากพลั่วมีหน้าที่ในการขุดดินและขนย้ายพวกต้นไม้หรือดอกไม้ไปยังพื้นที่อันเหมาะสม โดยเราแนะนำให้คุณเลือกซื้อพลั่วที่มีส่วนหัวเป็นเหล็ก ส่วนด้ามจับทำจากไม้หรือไฟเบอร์ ทั้งนี้เพื่อให้การใช้งานมีประสิทธิภาพมากที่สุดนั่นเอง
 

3.กรรไกรตัดกิ่ง

              
เป็นอุปกรณ์ตกแต่งสวนให้แลดูสวยและมีระเบียบ เช่น เมื่อไหร่ที่คุณพบว่ากิ่งก้านของต้นไม้หรือดอกไม้ ยื่นออกมามากไปจนดูไม่เหมาะเท่าที่ควร คุณก็สามารถใช้กรรไกรตัดกิ่งแก้ปัญหาตรงจุดนี้ได้ในทันที นอกจากนี้ยังรวมไปถึงใช้ตัดกิ่งก้านที่กำลังเน่าสลายและส่วนเกินของใบไม้ เพื่อคงความสวยงามของดอกไม้เอาไว้ตามเดิม
 

4.คราด

              
อุปกรณ์ทำสวนที่มีประโยชน์ในการตักดินหรือปรับสมดุลหน้าดินให้พร้อมสำหรับการปลูกต้นไม้ นอกจากนี้ในฤดูใบไม้ร่วง หากพบว่ามีใบไม้หล่นลงมาจากต้นมากเป็นพิเศษ คุณก็สามารถใช้คราดเกลี่ยดินทำความสะอาดสวนได้อย่างง่ายดาย
 

5.จอบ

              
หากคุณพบวัชพืชตัวปัญหาขึ้นแซมใกล้กับต้นไม้หรือดอกไม้ คุณสามารถใช้อุปกรณ์ทำสวนอย่าง จอบ ในการขุดรากดินเพื่อกำจัดวัชพืชได้อย่างง่ายดาย โดยที่คุณแทบไม่ต้องเปลืองแรงมากจนเกินไปและได้ผลทันตาเห็นแน่นอน
 
              
เป็นอย่างไรบ้างกับ 5 อุปกรณ์จัดสวนที่จะช่วยให้การทำสวนเป็นเรื่องง่ายดายกว่าเคย ซึ่งนอกจากเครื่องไม้เครื่องมือที่เราได้กล่าวไปนั้น ยังมีอุปกรณ์อีกมากมายที่คุณควรมีไว้สวมใส่เพื่อความปลอดภัย เช่น รองเท้าบูทหรือถุงมือทำสวน ก็จำเป็นด้วยเช่นกัน ดังนั้น ก่อนเริ่มทำสวนอย่าลืมเช็กดูอุปกรณ์ทำสวนให้พร้อมใช้งานกันด้วยล่ะ !

11

เชื่อว่าหลายคนเคยเผชิญกับปัญหานอนไม่หลับ ถึงแม้จะพยายามข่มตาลงแล้วก็ตาม แต่ร่างกายกับตื่นตัวอยู่ตลอด โดยหนึ่งในสาเหตุของปัญหาการนอนนี้อาจมาจาก การนอนบนเตียงนอน 3.5 ฟุต ที่ไม่เหมาะสม ทั้งเรื่องขนาดและรูปแบบของเตียง ฉะนั้น เพื่อให้การนอนของคุณมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ในวันนี้เรามาดู 4 แบบ เตียงนอนราคาถูกใจว่ามีสไตล์ไหนพอจะตอบโจทย์การพักผ่อนของคุณได้บ้างกันดีกว่า !!
 

1.เตียงไม้ หรือ เตียงนอน มินิมอล
              
เป็นวัสดุทำเตียงนอนที่ได้รับความนิยมมากที่สุดตลอดกาล ซึ่งไม้มีความแข็งแรงพอจะรองรับน้ำหนักตัวผู้นอนได้สบาย ๆ นอกจากนี้ด้วยผิวสัมผัสและสีสันของเตียงไม้ ยังแผ่กลิ่นอายความเป็นธรรมชาติอันสวยงามออกมาได้ดีทีเดียว โดยเตียงไม้มีหลากหลายขนาดให้เลือกสรรเริ่มตั้งแต่ 3.5 ฟุต ไปจนถึง เตียงนอน 6 ฟุต ที่คุณสามารถเลือกให้เหมาะกับพื้นที่ภายในห้องนอนได้อย่างลงตัว
 

2.เตียงนอน เหล็ก
              
โครงเตียงทำมาจากวัสดุเหล็กทั้งหมด กระทั่งจุดรองรับน้ำหนักก็เป็นเหล็กด้วยเช่นกัน ทว่าจะมีการผลิตเตียงเหล็กอยู่ 2 รูปแบบ คือ โครงเตียงที่ใช้เหล็กตัน และโครงเตียงเหล็กกล่องที่ด้านในกลวงโบ๋ อีกทั้งยังมีหลากหลายขนาดให้เลือก ซึ่งเตียงนอน 5 ฟุต เป็นขนาดกำลังดี เพราะไม่ใหญ่หรือเล็กจนเกินไปนั่นเอง แต่ถึงกระนั้น ต้องมั่นใจด้วยว่า โครงสร้างเหล็กมีความหนาตั้งแต่ 1.2 มิลลิเมตรขึ้นไป มีจุกยางรองฐาน รวมถึงมีระบบการผลิตที่ได้มาตรฐาน ทั้งนี้เพื่อความสบายใจในการนอนและป้องกันพื้นเป็นรอยจากการเคลื่อนย้าย
 

3.เตียงนอนบุผ้า หรือ เตียงนอน โมเดิร์น
              
คุณสมบัติเด่น ๆ ของเตียงนอนบุผ้าคือความสามารถช่วยระบายอากาศ ที่ต่อให้ภายในห้องจะร้อนสักเพียงใด เตียงก็ยังนอนสบายไม่อึดอัด โดยในปัจจุบันเตียงบุผ้ามาพร้อมโครงสร้างป้องกันปลวกและไรฝุ่น ฉะนั้น คุณจึงมั่นใจในความปลอดภัยได้ทุกค่ำคืน หลับสบายจนถึงเช้า


4.เตียงบุหนัง
              
มีความเรียบหรูและลักชัวรี่แบบยุโรปสะท้อนออกมาจากหนังเมื่อต้องแสงไฟ ทั้งนี้โครงสร้างของเตียงมีความแข็งแรงทนทาน รวมถึงสามารถทำความสะอาดได้ง่าย เนื่องจากเตียงบุหนังไม่สะสมฝุ่นและเชื้อโรคใด ๆ โดยขนาดของเตียงที่เหมาะสมที่สุด เห็นจะเป็นเตียงนอน 6 ฟุต หรือ King Size เนื่องจากเข้ากับคำว่า ‘ลักชัวรี่’ ได้อย่างพอดิบพอดีนั่นเอง
 
              
เป็นอย่างไรบ้างกับ 4 แบบ เตียงนอน 3.5 ฟุต – 6 ฟุต ที่เรานำมาฝากกันในวันนี้ โดยเราหวังว่าเมื่อคุณอ่านบทความนี้จนจบ คุณจะค้นพบเตียงนอนสไตล์ที่ชื่นชอบ รวมถึงเลือกใช้เตียงนอนราคาถูกใจที่ตอบโจทย์การพักผ่อนได้เป็นอย่างดี เพียงเท่านี้ ปัญหาอาการนอนกระสับกระส่ายหรือนอนไม่สบายตัว ก็จะไม่มากวนใจคุณได้อีกต่อไป !

12

การซื้อประกันภัยเป็นเรื่องปกติที่ทุกคนควรให้ความใส่ใจ เพราะเราไม่สามารถรู้ล่วงหน้าได้เลยว่าเหตุการณ์ใดกำลังจะเกิดขึ้นต่อไป และเพื่อให้ความคุ้มครองครอบคลุมมากที่สุด ประกัน PA คือตัวเลือกที่ใครหลายคนให้ความสนใจ ว่าแต่ประกันตัวนี้ต่างจากประกันภัยทั่วไปอย่างไร หรือมีสิทธิพิเศษอะไรบ้างนั้น เอาเป็นว่า ในวันนี้เราจะพาคุณไปรู้จักกับประกัน PA ให้มากขึ้นสักหน่อยดีกว่า เอาล่ะ อย่ามัวรีรอ เราไปดูพร้อม ๆ กันเลย !!
 

ความหมายของ “ประกัน PA”
              
ประกัน PA คือ ประกันภัยรูปแบบหนึ่งที่คุ้มครองผู้เอาประกันในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ จนเกิดการบาดเจ็บ กระดูกหัก สูญเสียอวัยวะ กระทั่งเสียชีวิต ทว่าตัวประกันจะไม่ครอบคลุมถึงโรคภัยไข้เจ็บต่าง ๆ เหมือนกับประกันทั่วไป ซึ่ง PA นั้น ย่อมาจาก Personal Accident หรือประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคลนั่นเอง
              
ทั้งนี้ความคุ้มครองจะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับว่าคุณซื้อกรมธรรม์อะไร ส่วนจำนวนเงินชดเชยที่ได้ภายหลังจากเกิดอุบัติเหตุ ก็จะผันแปรไปตามเบี้ยประกันที่จ่ายในแต่ละปี กล่าวคือ ยิ่งจ่ายมาก วงเงินคุ้มครองก็ยิ่งมากขึ้นตามไปด้วย คล้ายกับประกันสินเชื่อรถยนต์ อย่างไรอย่างนั้น
 

กรมธรรม์ของประกัน PA มีกี่แบบ ?
              
โดยทั่วไปกรมธรรม์ประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคล หรือ PA มีด้วยกัน 2 แบบหลัก ๆ ซึ่งทั้งคู่มีความต่างกันอย่างเห็นได้ชัด ไม่ว่าจะสิทธิ์ความคุ้มครอง หรือเบี้ยประกันที่ต้องจ่ายต่อปี โดยมีรายละเอียด ดังต่อไปนี้

1.รูปแบบคุ้มครองทั่วไป
มีจำนวนวงเงินคุ้มครองไม่สูงมาก ดังนั้นค่าเบี้ยประกันที่จ่ายรายปีจึงถูกลงด้วยเช่นกัน ราว ๆ หลักพันถึงสองพันต่อปี ซึ่งเหมาะสำหรับคนที่ต้องบริหารและควบคุมรายจ่าย แต่ก็อยากได้หลักประกันในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ

2.รูปแบบคุ้มครองขั้นสูง
ประกัน PA ที่มีวงเงินคุ้มครองสูง ประกอบกับเงื่อนไขกรมธรรม์ครอบคลุมกว่ารูปแบบทั่วไป และแน่นอนว่าเบี้ยประกันที่ต้องจ่ายต่อปีก็สูงตามคาด ดังนั้น จึงเหมาะกับคนที่มีต้องเดินทางบ่อย ๆ หรือคนที่มีความเสี่ยงสูง โดยวงเงินคุ้มครองอาจถึงหลักแสน หรือหลักล้านบาทไทยได้เลยทีเดียวเชียว


เงื่อนไขการทำประกัน PA
              
จนแล้วจนรอด แม้ว่ากรมธรรม์ประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคลจะระบุถึงอุบัติเหตุทุกกรณี แต่ถึงกระนั้น บริษัทประกันก็เลือกคนที่สามารถทำประกันได้กับไม่ได้ด้วยเหมือนกัน เนื่องจากพวกเขามองว่าเบี้ยประกันที่ได้รับไม่คุ้มกับความเสี่ยง ซึ่งเงื่อนไขที่ใช้ในการตัดสินมีด้วยกัน 2 ข้อ ดังนี้

1.เงื่อนไขด้านอาชีพการงาน
บุคคลที่ประกอบอาชีพเสี่ยงภัยเป็นประจำ อาทิเช่น ชาวประมง นักแข่งรถ กรรมกรก่อสร้าง และอื่น ๆ อาชีพจำพวกนี้ไม่สามารถทำประกัน PA ได้

2.เงื่อนไขด้านอายุอานาม
บริษัทประกันส่วนใหญ่จะรับทำประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคล เฉพาะผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 15 ปีขึ้นไป จนถึงอายุ 65 ปีเท่านั้น
 

สรุป
              
ประกัน PA คือ ประกันภัยที่จะคุ้มครองคุณจากอุบัติเหตุทุกกรณี โดยมีกรมธรรม์ให้เลือกด้วยกัน 2 รูปแบบ ได้แก่ ความคุ้มครองทั่วไปและความคุ้มครองขั้นสูง ซึ่งจะต่างกันตรงสิทธิพิเศษและจำนวนเบี้ยประกันที่ต้องจ่ายต่อปี แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของบริษัทเป็นสำคัญ ดังนั้น ใครที่คิดจะทำประกัน PA ก็อย่าลืมตรวจเช็กเงื่อนไขให้ดีกันด้วยล่ะ !!

13

SEO เรียกได้ว่าเป็นกลยุทธ์ทางการตลาดออนไลน์ที่จำเป็นอย่างมากกับธุรกิจในยุคสมัยนี้ ทั้งยังมีการแข่งขันดุเด็ดเผ็ดมันส์ระหว่างคู่แข่งทางการตลาด เพื่อแย่งชิงทำเลที่ดีที่สุดบน Google กันอยู่ร่ำไป ด้วยเหตุนี้ Digital Agency ในไทย จึงเป็นตัวช่วยเพียงหนึ่งเดียวที่สามารถทำให้การตลาดออนไลน์ของธุรกิจประสบผลสำเร็จ แต่ก่อนจะเลือกใช้บริการกับดิจิตอล เอเจนซี่ เรามาดูคำถามยอดฮิตเกี่ยวกับ SEO ที่เหล่าผู้ประกอบการต่างให้ความสนใจกันดีกว่า เพราะไม่แน่ว่าอาจมีข้อที่สะกิดใจคุณบ้างก็เป็นได้ !
 

SEO ใช้ระยะเวลาการทำนานเท่าไหร่ ?
              
การทำ SEO ไม่สามารถกำหนดระยะเวลาตายตัวได้ เพราะแต่ละแคมเปญจะมีความยาก-ง่ายต่างกัน แถมการเลือกใช้คีย์เวิร์ดก็เป็นสิ่งจำเป็น ทว่าอย่างน้อย ๆ ใน 3 เดือนแรก การปรับปรุงเว็บไซต์และการทำ โฆษณาออนไลน์เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ ก็มักจะแสดงผลให้เห็นบ้างแล้ว
 

ก่อนใช้บริการบริษัท Digital Agency ต้องเตรียมอะไรบ้าง ?
              
สิ่งแรกเลยคือ เป้าหมายในการทำดิจิตอลมาร์เก็ตติ้งต้องชัดเจน เช่น อยากให้ยอดขายทะลุเป้า, อยากสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จัก หรือต้องการทำแคมเปญสุดพิเศษอื่น ๆ ส่วนประการที่สอง อย่าลืมเตรียมรหัสเข้าระบบหน้า-หลังบ้านของเว็บไซต์ให้พร้อม เนื่องจาก SEO จะเน้นไปที่การปรับโครงสร้างเว็บไซต์และการลงบทความเป็นหลัก
 

ทำ PPC ร่วมกับ SEO ดีไหม ?
              
บริษัทDigital Marketing ส่วนมากจะแนะนำให้ทำ PPC ร่วมกับ SEO เนื่องจาก SEO ใช้ระยะเวลานานกว่าจะเห็นผล แต่สำหรับ PPC เพียงช่วงสั้น ๆ ก็สามารถกระจายโฆษณาไปยังกลุ่มเป้าหมายได้อย่างง่ายดาย  แม้ว่าจะต้องเสียค่าโฆษณาให้แพลตฟอร์มก็ตาม ซึ่งถ้าเรามีความเข้าใจและวางแผนกลยุทธ์มาเป็นอย่างดี วิธีนี้จะช่วยให้เว็บไซต์ของคุณปรากฏบนหน้าแรกของการค้นหาได้อย่างรวดเร็วและมั่นคงในระยะยาว
 

การทำ SEO ช่วยธุรกิจได้อย่างไรบ้าง ?

- ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในการทำ โฆษณาออนไลน์ เพราะ SEO ไม่ต้องเสียค่าแพลตฟอร์มใด ๆ เลย เมื่อเราเทียบเคียงกับโฆษณาประเภทอื่น ๆ

- ช่วยสร้างความน่าเชื่อถือให้กับแบรนด์ ภายหลังที่เว็บไซต์ของเราประสบผลสำเร็จในการทำ โฆษณาออนไลน์ จนติดอันดับหน้าแรกของการค้นหา ผู้คนก็จะเกิดความมั่นใจตลอดจนกลายมาเป็นลูกค้าของร้านได้ในท้ายที่สุด

- ช่วยเพิ่มยอดขายให้กับธุรกิจ  เดิมทีลูกค้าที่มาจาก Search Engine ต่างก็มีความสนใจในตัวสินค้าหรือบริการอยู่ก่อนแล้ว จึงมีความเป็นไปได้สูงที่พวกเขาจะซื้อสินค้าหรือบริการของธุรกิจเรา
 
              
ทั้งหมดนี้คือ คำถามยอดฮิตเกี่ยวกับ SEO ที่ผู้ประกอบการอยากรู้คำตอบก่อนใช้บริการ Digital Agency ในไทย เพราะการจะทำการตลาดออนไลน์ให้ประสบผลสำเร็จได้นั้น เราต้องเข้าใจธรรมชาติของ SEO และพร้อมจะเปิดรับสิ่งใหม่ ๆ อยู่เสมอ โดยเมื่อคุณตระหนักได้อย่างนี้ นั่นแสดงว่า คุณพร้อมจะว่าจ้างเอเจนซี่รับ ทำ โฆษณา ออนไลน์แล้วล่ะ !!

14

ในส่วนงานของบริษัทDigital Marketing ตำแหน่งที่เปรียบเสมือนแนวหน้าในการติดต่อกับลูกค้าโดยตรงได้แก่ AE (Account Executive), Sales และ Marketing ซึ่งถ้าคุณต้องการจะใช้บริการจากเอเจนซี่ 3 ตำแหน่งนี้แหละที่ได้พบเจอบ่อยที่สุด โดย AE เป็นผู้ประสานงานในส่วนต่าง ๆ ส่วน Sales คือผู้เสนอขายบริการของดิจิตอล เอเจนซี่ สุดท้าย Marketing เมื่อคุณต้องการคำอธิบายเกี่ยวกับสถิติตัวเลขหรือเทคนิค ตำแหน่งนี้มีหน้าที่ไขข้อสงสัยเหล่านั้นให้กระจ่าง ว่าแต่...ในปี 2021 นี้ มุมมองของเอเจนซี่ที่มีต่อเรานั้นเป็นอย่างไร ใครอยากรู้ ไปดูกันเลย !!

 
1.เอเจนซี่ต้องการช่วยคุณแก้ปัญหา
              
บริการของบริษัทDigital Marketing ที่ดี พวกเขาจะต้องรู้ใจคุณ เข้าใจในสิ่งที่คุณต้องการ รู้ถึงปัญหาที่ธุรกิจกำลังเผชิญอยู่ จากนั้นค่อยกลับไปทำการบ้าน ก่อนที่ทีม AE, Sales และ Marketing จะมานำเสนอแนวทางแก้ไขกับคุณ แต่ก็มี Digital Agency ในไทยบางราย ที่พยายามยัดเยียดบริการ โดยที่ไม่สนใจใยดีผลลัพธ์ นอกจากจะไม่เกิดประโยชน์อะไรแล้ว ยังสิ้นเปลืองงบประมาณไปเปล่า ๆ ด้วย ฉะนั้น ต้องดูให้ดีว่าเขา(เอเจนซี่) กำลังมองเราในแง่ไหนอยู่กันแน่ !
 

2.เอเจนซี่จะไม่โกหกลูกค้า
              
ตามปกติเอเจนซี่จะมีแผนการดำเนินงานเป็นระบบสามารถตรวจสอบได้ ซึ่งถ้าจะโกหกก็มีแต่เรื่องการขายบริการเกินจำเป็น ที่เราควรระวัง ดังนั้น ก่อนใช้บริการบริษัท Digital Agency ควรศึกษารายละเอียดของบริการให้ดีก่อนเสมอ
 

3.เอเจนซี่มองเราเหมือน “เพื่อนคนหนึ่ง”
              
ในปี 2021 นี้ หมดยุคสำหรับแนวคิดที่ว่า “ลูกค้าคือ พระเจ้า” ไปแล้ว แต่เขาจะมองเราแบบเพื่อนผู้หวังดีคนหนึ่ง ที่จะคอยช่วยแก้ปัญหาต่าง ๆ ให้กับธุรกิจ ซึ่งถ้ามีความต้องการไหนที่เขาไม่สามารถทำให้ได้ เขา(เอเจนซี่) จะบอกกับเราตรง ๆ ด้วยคำพูดที่ดี มีเหตุผล และเข้าใจง่าย ปราศจากการเสแสร้งใด ๆ
 

เหตุผลที่เราจ้างบริษัท Digital Agency      

- ไม่มีเวลาทำการตลาดด้วยตัวเอง
ในกรณีที่คุณมีทีมการตลาดเอง แต่ไม่มีเวลาทำ จึงจำเป็นต้องเรียกใช้บริการจากเอเจนซี่รับทำการตลาดออนไลน์เข้ามาช่วย โดยทีมการตลาดของคุณเป็นฝ่ายนำ ดีลแผนงานกับ AE และ Marketing ด้วยตัวเอง 

- ขาดแคลนบุคลากร
บางองค์กรมีขนาดเล็ก หากจะตั้งทีมดิจิตอลมาร์เก็ตติ้งขึ้นมาเอง ก็จะเสียรายจ่ายไม่ใช่น้อย ดังนั้น จึงเลือกที่จะใช้บริการจากเอเจนซี่แทน

- ไม่มีทักษะและประสบการณ์
ดิจิตอล เอเจนซี่จะเป็นผู้ชี้แนะคล้ายกับที่ปรึกษา รวมไปถึงแก้ปัญหาให้กับลูกค้าซะเป็นส่วนใหญ่
 

สรุป
              
ในปี 2021 นี้ มุมมองของบริษัทDigital Marketing ที่มีต่อลูกค้านั้นเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด ไม่ว่าจะต้องการช่วยคุณแก้ปัญหาแบบจริง ๆ จัง ๆ ไม่โกหก รวมถึงดูแลเราเสมือนเพื่อนที่ดีคนหนึ่ง ไม่ใช่ ‘พระเจ้า’ อีกต่อไป ซึ่งการที่เราเข้าใจมุมมองของเขา(เอเจนซี่) จะช่วยให้การทำงานเป็นไปได้อย่างราบรื่น และดีลงานกันได้ยาว ๆ

15

‘เฟอร์นิเจอร์ไม้’ เปรียบเสมือนส่วนหนึ่งของบ้านแทบทุกหลังไปเสียแล้ว ไม่คุณจะแต่งบ้านสไตล์ไหนก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า คงต้องมีอยู่ภายในหรือภายนอกบ้านสักชิ้นสองชิ้นเป็นแน่ โดยเฉพาะ เฟอร์นิเจอร์นำเข้า ประเภทไม้ ที่ทั้งแข็งแรงทนทาน ดีไซน์เรียบหรู และลวดลายสีสันสวยงาม ซึ่งในวันนี้เราจะมาแชร์ข้อควรพิจารณา 3 ข้อ ก่อนเลือกซื้อเฟอร์นิเจอร์ประเภทไม้ เพื่อให้ได้ชิ้นงานที่มีคุณภาพและตอบโจทย์การใช้งานได้เป็นอย่างดี...ถ้าพร้อมแล้ว ไปดูกันเลยดีกว่า !!
 

1.ประเภทของเนื้อไม้ที่ใช้ทำเฟอร์นิเจอร์ตกแต่งบ้าน

- ไม้จริง (Wood)
เฟอร์นิเจอร์ไม้จริง คือ การใช้ไม้ที่ตัดมาจากต้นยางพารา, ไม้แดง, ไม้ประดู่ ฯลฯ นำมาประกอบเป็นเฟอร์นิเจอร์ตามแบบที่กำหนด โดยเนื้อไม้มีความแข็งแรงทนทานและมีลวดลายที่เป็นเอกลักษณ์โดดเด่นไม่เหมือนใคร แต่ทั้งนี้ต้องระวังเรื่องความชื้นหรือภัยคุกคามจากปลวก ที่หลีกเลี่ยงได้ยาก

- ไม้อัด (Plywood)
วัสดุชนิดนี้ถูกผลิตขึ้นโดยการนำไม้จริงมาปอกเปลือก ก่อนที่จะตัดเป็นแผ่นบาง ๆ แล้วนำไปเข้าเครื่องอัดจนกลายเป็นแผ่นเดียวกัน จากนั้นค่อยนำไปประกอบเป็นเฟอร์นิเจอร์หรูชิ้นงามต่อไป ไม้อัดยึดเกาะกันได้ดี ไม่ยืดหรือหดตัวเหมือนไม้จริง แต่ก็ต้องระมัดระวังเรื่องความชื้น เพราะจะทำให้เนื้อไม้พองตัวจนเสียรูปทรง

- ไม้ปาติเกิล (Particle Board)
ผลิตโดยการนำไม้มาสับเป็นชิ้นเล็ก ๆ กลายเป็นไม้ขี้เลื่อย แล้วนำไปผสมกาว บีบอัดจนออกมาเป็นแผ่นไม้ปาติเกิล ซึ่งของตกแต่งบ้านที่ทำจากไม้ประเภทนี้ มีน้ำหนักเบาเคลื่อนย้ายสะดวก แต่ไม่แข็งแรงเท่าเฟอร์นิเจอร์ที่ทำจากไม้จริงและไม้อัด
 

2.เฟอร์นิเจอร์ไม้แมทช์ได้ทุกสไตล์การแต่งบ้าน
              
เรียกได้ว่านี่เป็นจุดเด่นของเฟอร์นิเจอร์ประเภทไม้ ที่สามารถนำมาแมทช์กับเฟอร์นิเจอร์ตกแต่งบ้านภายในประเภทอื่น ๆ ได้ ด้วยการเลือกใช้สีหรือดีไซน์ที่เข้าคู่กัน เช่น สไตล์ลอฟท์ (Loft) ที่เน้นโชว์โครงสร้างเป็นพิเศษ เราอาจจะใช้ลายไม้ที่สีค่อนข้างเข้ม เพื่อให้กลมกลืนกับโทนสีของบ้าน หรือหากเป็นสไตล์โมเดิร์น (Modern) ก็ให้เน้นเรื่องดีไซน์การออกแบบเป็นหลัก ส่วนสีที่เข้ากันดีคือ สีน้ำตาลอ่อน เป็นต้น
 

3.กำหนดงบประมาณก่อนซื้อ
              
ในเรื่องของราคาจะต่างกันไปตามประเภทของเนื้อไม้ที่ใช้ประกอบ โดยหากเป็นเฟอร์นิเจอร์วินเทจทำจากไม้จริง จะมีราคาสูงกว่าเป็นอันดับต้น ๆ รองลงมาเป็นไม้อัด และไม้ปาติเกิลตามลำดับ ซึ่งเราสามารถพิจารณาควบคู่ไปกับเป้าหมายของการใช้ได้ เช่น ถ้าคุณอยากใช้ตู้เสื้อผ้าไปนาน ๆ ก็ให้เลือกตู้ที่ใช้ไม้จริงหรือไม้อัดประกอบ แต่ถ้าซื้อมาใช้ชั่วคราว ก็ให้เลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ที่ประกอบมาจากไม้ปาติเกิล เนื่องจากเนื้อไม้ไม่ค่อยแข็งแรงและราคาไม่สูง เมื่อเทียบกับเนื้อไม้ประเภทอื่น ๆ
 

สรุป
              
ก่อนเลือกซื้อ ‘เฟอร์นิเจอร์นำเข้า’ ประเภทไม้ ควรพิจารณาแนวคิดทั้ง 3 ข้อนี้ให้ดี ได้แก่ ประเภทของเนื้อไม้ที่ใช้ประกอบ, คำนึงถึงสไตล์ ธีมการตกแต่งบ้านภายนอกจรดภายใน และการกำหนดงบประมาณ ซึ่งเชื่อเถอะว่า หากลองนำไปปรับใช้ รับรอง...คุณจะได้เฟอร์นิเจอร์ที่เปี่ยมด้วยคุณภาพ ตอบโจทย์การใช้งานได้อย่างแน่นอน 

16

ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสำหรับการเลือกรองเท้าแตะสวมให้ใส่สบายเท้า พอกลับจากร้านยังต้องเจอความจริงที่ว่ารองเท้าใส่แล้วแข็ง รู้สึกอึดอัดขณะใส่เดิน ซึ่งการจะทำให้รองเท้าเข้ากับรูปเท้าได้พอดี ต้องใช้เวลาพอสมควร แต่ไม่ต้องรอนานขนาดนั้น คุณก็สามารถสวมรองเท้าแตะใส่สบายได้แล้ว เพียงรู้จักเทคนิคทั้ง 5 ข้อที่เรากำลังจะแชร์ให้คุณได้รู้กัน ถ้าพร้อมแล้ว ไปดูกันเลย

 
1.เลี่ยงการสวมรองเท้าแตะคู่ใหม่เดินนาน ๆ
              
แม้จะเป็นรองเท้าแตะสวม เปิดส้นคู่ใหม่ที่คุณอยากจะใส่ไปไหนต่อไหน แต่ขอแนะนำว่าให้ใส่เดินระยะใกล้ก็พอในช่วงแรก จนกว่ารองเท้าจะหายแข็งตัว เนื่องจากอาจเสี่ยงต่อการเกิดแผลพุพอง ปวดกล้ามเนื้อขาและเท้าได้
 

2.ใส่รองเท้าแตะสวมเดินที่บ้าน
              
ต่อจากข้อแรก ที่ไม่แนะนำให้ใส่เดินนาน ๆ โดยคุณสามารถใส่รองเท้าคู่ใหม่นี้ เดินเล่นรอบ ๆ บ้านและสวนสักพักหนึ่ง จากนั้นค่อยถอดออกแล้วเดินเท้าเปล่าบนหญ้าแทน เพื่อให้เท้าของคุณหยุดพักบ้าง
 

3.สวมคู่กับถุงเท้าหนา ๆ
              
ถ้ารองเท้าแตะนุ่ม ๆ ของคุณรู้สึกว่าจะคับไปหน่อย ให้สวมถุงเท้าแบบหนาร่วมด้วย เพื่อยืดขยายรองเท้าออก โดยที่คุณไม่เจ็บเท้าจากการบีบรัด แม้มันจะดีไม่ค่อยเข้ากันหากต้องใส่ไปข้างนอกก็ตาม แต่เราสามารถใส่เดินรอบ ๆ บ้านได้ ทั้งนี้ทั้งนั้นเราอาจใช้ไดร์เป่าผมเป่าที่ตัวรองเท้าขณะสวมถุงเท้าหนา ช่วยเร่งกระบวนการขยายนี้ได้


4.ใช้น้ำช่วย
              
ขอเตือนว่าวิธีนี้ใช้ได้กับรองเท้าแตะสวมประเภทหนังเท่านั้น ห้ามใช้กับรองเท้าประเภทอื่นเป็นอันขาด ขั้นแรกให้คุณฉีดน้ำไปที่รองเท้าจนชุ่ม แล้วค่อยใช้ผ้าขนหนูซับน้ำออกให้เหลือความชื้นไว้ จากนั้นให้คุณสวมใส่และเริ่มออกเดิน ความชื้น จะช่วยให้เนื้อรองเท้านุ่มขึ้นสามารถขยายตัวตามรูปเท้าได้ง่าย
 

5.ออกกำลังกายบริหารเท้าเพื่อป้องกันอาการปวดเท้า
              
รองเท้าคู่ใหม่ที่เนื้อแข็งกระด้าง อาจทำให้คุณไม่สบายเท้าในช่วงแรกของการสวมใส่ ซึ่งเราจำเป็นต้องใส่เพื่อปรับสภาพรองเท้าสุดอึดอัด ให้กลายมาเป็นรองเท้าแตะใส่สบาย เดินเยอะได้ในที่สุด โดยการออกกำลังกายเท้าบริหารเท้าเสริมสร้างความแข็งแรงของส่วนโค้งและนิ้วเท้า จะช่วยป้องกันไม่ให้มีอาการปวดเมื่อย ตึงเครียด รวมถึงกดดันที่เท้ามากเกินไป
 
              
อ่านมาถึงตรงนี้หวังว่า บทความนี้จะสามารถช่วยให้รองเท้าแตะสวมสุดอึดอัดกลับมาสวมง่ายใส่สบายได้ในเร็ววัน แต่สำหรับใครที่ยังไม่มี ลองซื้อมาสวมดูสักคู่ บอกเลยว่าทั้งนุ่ม เบาสบาย แล้วคุณจะติดใจ !
               

17

ทุกธุรกิจย่อมมีการแข่งขัน นั่นรวมถึงผู้ให้บริการรับทำ SEO ด้วยเหมือนกัน ต้องมีการปรับตัวให้ทันกระแสสังคมอยู่ตลอด มิเช่นนั้นอาจโดนคู่แข่งแซงหน้าเอาได้ แล้วยิ่งพฤติกรรมของมนุษย์เจ็นใหม่ ๆ ที่แสนยากจะคาดเดาด้วยอีก ทำเอาปวดหัวกุมขมับกันระนาว ในวันนี้เราจะพาไปดูข้อห้ามที่บริษัทรับทำ SEO ควรระวัง ในปี 2021 นี้ แม้การทำงานจะยังคงรูปแบบเดิม แต่วิธีการนั้นต่างออกไปอย่างเห็นได้ชัด จะมีอะไรบ้างนั้น ไปดูพร้อม ๆ กันเลย

1.ทำ Content เดิม ๆ ซ้ำ ๆ
เมื่อปีก่อน ๆ วิธีนี้เป็นที่นิยมมากในการทำ SEO เพราะสามารถสร้างทราฟฟิคดึงคนเข้ามาในเว็บไซต์ได้มาก แต่ในตอนนี้เครื่องมือวิเคราะห์ของ Google จะเลือกแต่คอนเทนต์ที่มีคุณภาพสูงเท่านั้น หากพบเนื้อหาที่ซ้ำกันจะถูกมองว่าไม่มีคุณภาพ และส่งผลถึงการไต่อันดับที่แย่ลงเอาได้
 
2.ยัด Keyword เพิ่ม Backlink
เพื่อเป้าหมายในการติดอันดับเว็บไซต์บน Google หน้าแรก จึงมีการเพิ่มคีย์เวิร์ดลงในบทความเยอะ ๆ แปะลิงค์มาก ๆ โดยเฉพาะการเขียนบทความเพื่อขายสินค้าหรือบริการ ซึ่งสมัยก่อนอาจทำได้ แต่ในตอนนี้ Google มีการพัฒนาไปมาก และหากทำอย่างนั้น Google จะมองว่าคุณกำลังทำการ Spam ขาดความน่าเชื่อถือ ส่งผลเสียต่อเว็บไซต์ของคุณโดยตรง
 
3.บริษัทรับทำ SEO ไม่ควรมองข้าม “Mobile SEO”
คนสมัยนี้ใช้สมาร์ทโฟนกันตลอดเวลาอยู่แล้วแทบจะ 24 ชั่วโมง และอาจมากกว่าคอมพิวเตอร์เสียด้วยซ้ำในแต่ละวัน ซึ่ง Mobile SEO หรือ Mobile Search Engine Optimization คือ กระบวนการปรับแต่งเว็บไซต์ เพื่อรองรับผู้ใช้งานผ่านอุปกรณ์พวกสมาร์ทโฟน แท็บเล็ต โดยมีเป้าหมายให้พวกเขาได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุดจากการเข้ามาเยี่ยมชมเว็บไซต์ นอกจากนี้ยังช่วยเพิ่ม Organic Traffic หรือยอดเข้าชมเว็บไซต์จากผลของการค้นหาทำให้เพิ่มโอกาสที่เว็บไซต์จะติด google หน้าแรก ได้อีกด้วย 
 
4.เทคนิค Keyword Specific Page และ Short Tail Keyword
สำหรับการสร้างหน้าแยกบนเว็บไซต์ที่ทำมาสำหรับคีย์เวิร์ดแต่ละคำโดยเฉพาะนั้น ได้ตายไปแล้วในปี 2021 นี้ หรือจะวิธีการเลือกคีย์เวิร์ดสั้น ๆ ก็ด้วย เนื่องจาก Google ในสมัยนี้มีระบบที่เข้มงวดและซับซ้อนกว่าแต่ก่อน ซึ่งจะสังเกตได้ว่าผู้รับทำ SEO ในสมัยนี้ ให้ความสำคัญกับคีย์เวิร์ดคำยาวกันมากขึ้น โดยกว่า 70 เปอร์เซ็นต์ ของการค้นหาบน Google ก็มาจาก Long Tail Keyword นี่แหละ
 
อย่างที่รู้กันว่าการทำ SEO คือ การที่ผู้รับทำ SEO ต้องเข้าใจเครื่องมือและกลไกของ Google ให้ดีเสียก่อน ซึ่งตัวมันเองจะมีพัฒนาการอยู่ตลอด เพื่อให้เว็บไซต์ของเราสามารถอยู่หน้าบน ๆ ของการค้นหาได้ สุดท้ายก็อยู่ที่ว่าเราจะตามมันทันไหม และจะนำมาใช้ประโยชน์ได้มากแค่ไหนนั่นเอง

18

การผ่าตัด ศัลยกรรมตา มีหลายประเภท ขึ้นอยู่กับความต้องการและบริการของคลินิกหรือโรงพยาบาลนั้น ๆ โดยบทความในวันนี้ เราก็จะมาพูดกันถึงบริการประเภทต่าง ๆ ที่ว่านี้กัน ถ้าพร้อมแล้ว งั้นก็ไปดูกันเลย !!!
 
ความสวยความงาม

ศัลยกรรมตาตก

การ ศัลยกรรมตาตก คือการซ่อมแซมผิวหนังบริเวณเปลือกตาที่มักจะหย่อนยานลงมาตามวัยจนทำให้ใบหน้าเหมือนง่วงนอนอยู่ตลอดเวลา ดูเสียบุคลิก โดยแพทย์จะทำการกรีดหรือทำรอยบากเล็ก ๆ บริเวณผิวหนังและกล้ามเนื้อ เพื่อนำเอาเนื้อส่วนเกินหรือไขมันบริเวณนั้นออกไป
 
เปิดหัวตา

สำหรับใครที่มีเนื้อเยอะบริเวณหัวตา ทำให้ตาดูตี่ เล็ก และรู้สึกไม่มั่นใจในตัวเอง แพทย์ก็จะทำการตัดเนื้อบริเวณหัวตาออก ทำให้ตาดูโต กว้าง และมีความมั่นใจมากขึ้น แต่ทว่าก็ต้องเลือกหมอดี ๆ เพราะถ้าเปิดเนื้อหัวตามากเกินไป ก็จะทำให้ดูแปลก ๆ ได้
 
ทำตาสองชั้น

รู้สึกว่าตาดูตี่ แคบ เล็ก จนไม่มั่นใจตัวเอง การทำศัลยกรรม ตาสองชั้นแบบกรีดสั้น หรือยาวคือคำตอบ ! ด้วยการให้แพทย์ทำการกรีดหนังตาเพื่อเพิ่มชั้นมิติให้กับลูกตา โดยการกรีดสั้นและยาวนั้นจะต่างกันตรงที่ความยาวของรอยแผล ถ้าสั้นก็จะแผลเล็กกว่า แต่ก็จะเก็บเนื้อและไขมันได้น้อยกว่า ในขณะที่การใช้แบบกรีดยาวจะเก็บเนื้อและไขมันได้มากกว่า
 
การรักษาทางการแพทย์

ศัลยกรรมต้อกระจก

เมื่ออายุมากขึ้น คนเราก็จะมีโอกาสเกิดต้อกระจก ทำให้มองไม่ชัด มองเห็นได้ยาก จนยากลำบากกับการใช้ชีวิต ซึ่งแพทย์ที่ผ่าตัดก็จะทำการใช้เครื่องมือเล็ก ๆ เพื่อนำส่วนที่ขุ่นออก และแทนที่ด้วยเลนส์เทียมเข้าไปแทนจนทำให้สายตากลับมาดีเหมือนใหม่
 
ศัลยกรรมผ่าตัดต้อหิน

ตามองเห็นน้อยลงเรื่อย ๆ ใช้ชีวิตลำบาก จนทำให้ต้องมาผ่าตัดต้อหิน ซึ่งแพทย์ก็จะทำการสอดท่อเล็ก ๆ เข้าไปในตาเพื่อระบายและลดความดันตาออก ทำให้ตาใส กลับมามองเห็นได้เหมือนเดิม
 
เลสิค

สายตาสั้น เอียง ทำให้มองไม่ชัด ต้องมา ศัลยกรรมตา ด้วยการให้แพทย์ใช้เลเซอร์เพื่อเปลี่ยนรูปร่างของกระจกตา ทำให้กลับมามองเห็นได้ชัดเจน ไม่สั้น และไม่เอียงอีกต่อไป
 
สิ่งที่ต้องรู้ก่อนไปทำ “ศัลยกรรมตา”
   
มีความเสี่ยงใดหรือไม่ ? ความดันโลหิต โรคประจำตัว และกินยาที่ทำให้เลือดแข็งตัวช้าจำพวก วิตามิน ยาลดไข้ และอื่น ๆ นอกจากนี้ถ้ามาทำศัลยกรรม คุณก็ควรที่จะพาญาติและคนในครอบครัวมาด้วย เพื่อให้พวกเขาพากลับ
 
สรุป
   
แน่นอนว่ายังมีบริการอื่น ๆ อีกมากมายที่เกี่ยวกับ ศัลยกรรมตา ซึ่งเราจะเก็บเอาไว้พูดวันหลัง (ถ้าไม่ลืม) เอาละ วันนี้ก็ขอตัวลาไปก่อน บ๊ายบาย !!

19


โรงงานผลิตแผ่นฉนวนสำเร็จรูปคือโรงงานที่รับผลิต แผ่นฉนวนสำเร็จรูปสำหรับใช้ในบ้าน ออฟฟิศ และโรงงาน ซึ่งสำหรับใครที่ไม่ได้อยู่ในวงการนี้ก็อาจจะสงสัยกันว่า ทำไมฉันถึงต้องใช้แผ่นฉนวนสำเร็จรูปพวกนี้กัน ? ถ้าอยากรู้ วันนี้เรามีคำตอบ !
 
แผ่นฉนวนจาก โรงงานผลิตแผ่นฉนวนสำเร็จรูป คืออะไร ?
   
แผ่นฉนวนที่ผลิตจาก โรงงานผลิตแผ่นฉนวนสำเร็จรูป จะถูกเรียกว่า Sandwich Panel  หรือ isowall (ไอโซวอลล์) ทำหน้าที่กันความร้อน กักเก็บความเย็น ป้องกันไฟลาม และปิดกั้นเสียงได้เป็นอย่างดี เหมาะกับการต่อเติมเสริมห้องในพื้นที่ที่มีการเข้าออกหรือใช้งานอยู่ตลอดเวลา เพราะเพียงแค่ประกอบให้เข้าล็อคก็สามารถใช้งานได้ในทันที ทั้งยังไม่มีปัญหาเรื่องฝุ่น สามารถให้คนทำอย่างอื่นไปพร้อม ๆ กับก่อสร้างได้เลย ประหยัดเวลา ลดค่าใช้จ่าย !
 
ทำไมการใช้แผ่นฉนวนจาก โรงงานผลิตแผ่นฉนวนสำเร็จรูป ถึงดี ?
 
หมดปัญหาเรื่องฝุ่น
   
ผิดกับการก่อผนังด้วยอิฐ เพราะการใช้แผ่นฉนวนจาก โรงงานผลิตแผ่นฉนวนสำเร็จรูป จะไม่มีปัญหาเรื่องฝุ่นจากการก่อสร้าง ทำให้ไม่ต้องเสียเวลาทำความสะอาด และทำอย่างอื่นไปได้พร้อม ๆ กันเลยในระหว่างนั้น
ได้ห้องเย็น ไม่ร้อน และป้องกันไฟลาม
   
แผ่นฉนวนทำมาจากโฟมชนิด F-Grade ที่ประกบข้างด้วยแผ่นเหล็ก 2 แผ่น จึงกักเก็บความเย็น และป้องกันความร้อนได้เป็นอย่างดี ทั้งยังปลอดภัย ต่อให้เกิดเหตุอัคคีภัยก็ไฟไม่ลามต่อ !

ประหยัดค่าใช้จ่าย
   
เมื่อเทียบในแง่ของราคาอิฐก่อกำแพงกับแผ่นฉนวนจาก โรงงานผลิตแผ่นฉนวนสำเร็จรูป แล้ว คุณอาจพบว่าแผ่นฉนวนมีราคาที่แผงกว่า แต่ถ้าเทียบกันในแง่ของภาพรวมแล้ว การใช้ผนังก่ออิฐนั้นจะต้องมีค่าใช้จ่ายในเรื่องของการสร้างเสา สร้างคาน และค่าสีเพิ่มขึ้นมาอีก ผิดกับการใช้แผ่นฉนวน ที่ไม่จำเป็นต้องใช้คาน เสา และมีสีมาสำเร็จรูปเลย

ประหยัดเวลา
   
ต้องอย่าลืมว่าแผ่นฉนวนจาก โรงงานผลิตแผ่นฉนวนสำเร็จรูป นั้นมาเป็นแบบสำเร็จรูปเลย ดังนั้นจึงไม่ต้องเสียเวลาฉาบปูน ก่ออิฐแต่อย่างใด ซึ่งเพียงแค่ใส่ให้ตรงล็อคก็สามารถใช้งานได้ในทันที เหมาะกับการก่อสร้างห้องภายในโรงงาน ห้องเย็น หรือสำนักงานที่ต้องทำงาน และมีคนเข้าออกอยู่ตลอดเวลา

ที่ไหนบ้างที่เหมาะกับการใช้แผ่นฉนวน จาก โรงงานผลิตแผ่นฉนวนสำเร็จรูป !
   
แผ่นฉนวนเหมาะกับการใช้งานในห้องเย็น บ้าน อาหาร สำนักงาน และการก่อสร้างห้องภายในโรงงานที่ต้องมีคนเข้าออก-ทำงานอยู่ตลอด หรือคนที่ต้องการสร้างห้องที่กักเก็บความเย็นและป้องกันความร้อนได้
 
สรุป
   
เป็นยังไงกันบ้างกับบทความของเราในวันนี้ ? พอจะทำให้คุณเข้าใจเรื่องแผ่นฉนวนจาก โรงงานผลิตแผ่นฉนวนสำเร็จรูป มากขึ้นหรือเปล่า ? ซึ่งก็ต้องบอกเลยนะว่าเจ้าแผ่นนี้ดีมาก ๆ เลยนะ ชนิดที่ว่าต่อให้เป็นแค่การใช้งานภายในบ้านก็ยังคุ้ม  !

20
รถยนต์ | Car / Ferrari Portofino M จิตวิญญาณแห่ง Ferrari !
« เมื่อ: มกราคม 27, 2021, 09:26:02 AM »

สานต่อตำนาน GT ไปกับ Ferrari Portofino M การกลับมาอีกครั้งของเส้นทางแห่งการเฟ้นหานวัตกรรมใหม่ ๆ ของม้าลำพองหลังจากที่ต้องหยุดไปเนื่องด้วยวิกฤตโควิด-19 ซึ่งเจ้า Portofino นั้นเคยเปิดตัวมาแล้วเมื่อปี 2017 โดยการชูจุดขายเกี่ยวกับการขับขี่ที่สบาย อเนกประสงค์ และสามารถใช้ได้จริงในชีวิตประจำวัน และการกลับมาครั้งนี้นั้น มาพร้อมกับตัว M
   
โดนเจ้าตัวอักษร M ที่ต่อท้าย Ferrari Portofino M นั้นย่อมาจากคำว่า Modificata ที่หมายถึงรถยนต์ที่ผ่านการพัฒนาเพื่อเพิ่มสมรรถนะขึ้นไปจากเดิม
 
สมรรถนะที่เหนือระดับของ Ferrari Portofino M
Ferrari Portofino M มาพร้อมกับเครื่องยนต์ V8 เทอร์โบที่แรงขึ้น กับชุดเกียร์ 8 สปีดรุ่นใหม่และคลัตช์คู่แบบแช่ในน้ำมันที่มีขนาดเล็กลง 20% เพิ่มการถ่ายทอดแรงบิดได้สูงขึ้น 30% กับอีก 5 โหมด Manettino ที่พร้อมให้คุณ Race ไปบนท้องถนน
   
สัมผัสกับสายลมด้วยตัวรถเปิดประทุนแบบ 2 ที่นั่ง ความเร็ว 620 แรงม้า ที่ 7,500 รอบ/นาที บิดได้สูงสุด 760 นิวตัน ความจุ 3,855 ซีซี ทำอัตราเร่ง 0-100 ได้ใน 3.45 วินาที และ 0-200 ได้ใน 9.8 วินาทีเท่านั้น ! เร่งเต็มสปีดได้สูงสุด 320 กิโลเมตร/ชั่วโมง สามารถเรียกได้ว่าเร็วแรงมากกว่า Portofino รุ่นเก่าถึง 20 แรงม้า
 
งดงาม โฉบเฉี่ยวไปกับดีไซน์ของ Ferrari Portofino M
กันชนหน้าถูกออกแบบให้มีช่องรับอากาศอันสวยงาม ช่วยขับเน้นภาพลักษณ์ดุดันด้านหน้ารถ กับช่องระบายอากาศที่ด้านบนของซุ้มล้อที่ถูกเพิ่มเข้าไปเพื่อลดแรงต้านโดยรวม ส่วนด้านข้างก็ยังใช้เส้นสายที่เป็นเอกลักษณ์ดั้งเดิมของ Portofino ที่เข้ากันได้ดีกับกันชนหน้ารุ่นใหม่จาก Ferrari Portofino M ที่เผยให้เห็นถึงเหลี่ยมสันทรงเสน่ห์ของตัวรถได้อย่างชัดเจน
 
Ferrari Portofino M ครบครัน เหนือระดับในสไตล์ GT
รุ่น Ferrari Portofino M นั้นมาพร้อมกับระบบความปลอดภัยใหม่ล่าสุด ด้วยฟังก์ชันเบรกฉุกเฉินที่สามารถแจ้งเตือนผู้ขับขี่ให้ทราบถึงอันตรายที่อาจทำให้เกิดการชนได้ ระบบเตือดจุดอับสายตา การเปิดไฟสูงอัตโนมัติเวลาขับขี่ยามค่ำคืน และกล้องมองภาพรอบทิศทางที่มาพร้อมกับการแสดงผลแบบ 3 มิติ ! เรียกได้ว่าโดดเด่นทั้งในเรื่องของสมรรถนะ ความเร้าใจในการขับขี่ ความคล่องตัว และความสามารถในการใช้งานได้อย่างอเนกประสงค์ !
 
สรุป
กล่าวได้ว่า Ferrari Portofino M คือตัวแทนแห่งจิตวิญญาณของ Ferrari รุ่นก่อน ๆ อย่างแท้จริง ไม่ว่าจะเป็นนิยามความเป็นรถคูเป้ขนาดแท้เมื่อยามปิดหลังคา และความเป็นรถสไปเดอร์ที่แท้จริงตอนเปิดหลังคาด้วยหลังคาแข็งแบบพับเก็บได้ ฟีเจอร์สำคัญอันแสนโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ของรถเปิดประทุนจากเจ้าม้าลำพอง !

21


ถ้าไม่อยากพาเจ้านาฬิกาข้อมือสุดรักของคุณแวะเข้า ‘ร้านซ่อมนาฬิกาข้อมือ’ บ่อย ๆ บทความนี้อาจช่วยคุณได้ ถ้าทำตามละก็ บอกได้เลยว่านาฬิกาของคุณจะอยู่กับคุณไปอีกนานแสนนาน ส่วนจะมีอะไรบ้าง เราไปดูกันเลยดีกว่า !
 
1. ใช่ว่านาฬิกาทุกเรือนจะสามารถกันน้ำได้ตลอดไป   
ต่อให้เป็นนาฬิกากันน้ำก็ตาม แต่มาตรฐานกันน้ำก็มีรูปแบบแตกต่างกันไป ตั้งแต่การกันเหงื่อ กันน้ำฝน หรือแม้แต่นาฬิกากันน้ำลึก ดังนั้นจึงต้องดูให้ดีว่านาฬิกาที่คุณใช้สามารถกันน้ำได้มากน้อยแค่ไหน
   
ซึ่งก็ไม่ใช่แค่นั้น เพราะวัสดุ กลไกและอะไหล่นาฬิกาที่ช่วยกันน้ำให้กับคุณ ก็สามารถเสื่อมสภาพได้เช่นกัน ดังนั้นแล้วเมื่อใช้งานไประยะหนึ่ง ก็ควรที่จะหลีกเลี่ยงไม่ให้นาฬิกาโดนน้ำ หรือไม่ก็ควรจะแวะเวียนไปร้านซ่อมนาฬิกาข้อมือเพื่อเปลี่ยนซิลิโคนกันน้ำนู่นนี่
 
2. ดูแลสายนาฬิกาที่รักของคุณด้วยการ !
ไม่ว่าจะเป็นสายหนัง สายพลาสติก หรือสายยางของนาฬิกาข้อมือ คุณก็ควรที่จะพยายามหลีกเลี่ยงไม่ให้สายนาฬิกาที่ว่ามาโดนเข้ากับครีมกันแดด คลอรีนในสระน้ำ และสเปรย์ทั้งหลาย เพราะจะทำให้สายนาฬิกาเสื่อมเร็วกว่าปกติ จนต้องไปเสียเงินเปลี่ยนสายนาฬิกาที่ร้านซ่อมนาฬิกาข้อมือ
 
3. หลีกเลี่ยงการสวมใส่นาฬิการะหว่างที่ทำกิจกรรมที่มีการกระเทือน
ปั่นจักรยานเสือภูเขา เตะบอล ตีกอล์ฟ ตีแบด และทุกกิจกรรมใด ๆ ก็ตามที่ทำให้ข้อมือของคุณต้องขยับซ้ำ ๆ บ่อย ๆ เพราะอาจทำให้อะไหล่นาฬิกาภายในมีปัญหาเนื่องจากการสั่นสะเทือนได้ ดังนั้นแล้วสำหรับสายกีฬาหรือออกกำลังทั้งหลาย เวลามองหานาฬิกา คุณก็ควรที่จะเลือกใช้นาฬิกาสายสปอร์ตไปเลย !
 
4. นาฬิกาก็เหมือนรถ ต้องมีส่งเช็คเข้าศูนย์กันบ้าง !
ไม่มีอะไรจีรัง นาฬิกาบนข้อมือของคุณเองก็เช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับนาฬิการะบบออโตเมติกไม่ต้องใช้ถ่านทั้งหลาย ที่ควรแวะเวียนไปร้านซ่อมนาฬิกาข้อมือทุก ๆ 4-5 ปีครั้ง เพื่อให้ช่างซ่อมบำรุง และเปลี่ยนอะไหล่นาฬิกาที่หมดสภาพแล้วเพื่อยืดอายุการใช้งานเจ้านาฬิกาบนข้อมือของคุณให้นานออกไปอีก !
 
5. อยู่ให้ห่างไมโครเวฟ ตู้เย็น หรืออะไรก็แล้วแต่ที่มีแม่เหล็ก
สำหรับนาฬิกาออโตเมติกที่มีกลไกการทำงานที่ละเอียดอ่อน คุณควรที่จะระวังเรื่องแม่เหล็กไว้ให้ดี เพราะมันอาจทำให้อะไหล่นาฬิกาของคุณบิดงอ (ในกรณีที่ร้ายแรง) หรือเวลาคลาดเคลื่อนได้ (ในกรณีเบาๆ) ดังนั้นแล้วทางที่ดีที่สุดก็คือการหลีกเลี่ยง ไม่ให้นาฬิกาสุดรักไปอยู่ใกล้ ๆ กับเจ้าของที่ว่ามาเพื่อยืดอายุการใช้งานออกไปยาว ๆ

สรุป
เป็นยังไงกันบ้างกับ 5 อย่างที่ต้องทำเพื่อให้ห่างไกลร้านซ่อมนาฬิกาข้อมือ พอจะมีประโยชน์กับคุณบ้างหรือเปล่า ? ถ้าใช่ งั้นก็อย่าลืมไปทำตามกันด้วยนะ เพื่อที่เจ้านาฬิกาสุดที่รักจะได้อยู่กับคุณไปนาน ๆ ไม่ต้องแวะเวียนไปซ่อมนาฬิกาบ่อย ๆ ให้เสียเงิน !!!

22


ทำไมกันนะ ทำไมถึงต้องจ้างบริษัท โฆษณา ออนไลน์ด้วย ? นี่น่าจะเป็นคำถามที่เจ้าของธุรกิจหลาย ๆ คนมักจะถาม เพราะถ้าทำด้วยตัวเอง มันจะไม่ประหยัดค่าใช้จ่ายมากกว่าเหรอ ? ซึ่งถ้าคุณเองก็กำลังสงสัยแบบนี้อยู่ละก็ งั้นแล้วบางทีบทความนี้อาจให้คำตอบกับคุณได้ ! อยากรู้กันแล้วหรือยัง ? ถ้าใช่ งั้นไปดูกันเลย !!!!
 
1. ดิจิตอล เอเจนซี่มีความเชี่ยวชาญมากกว่า
เมื่อเทียบกับการจ้างพนักงานประจำแล้ว ดิจิตอล เอเจนซี่จะมีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ที่หลากหลายมากกว่า ไม่ว่าจะเป็นในแง่ของความเชี่ยวชาญ และเทคนิคการตลาดที่ซับซ้อน ทำให้พวกเขามีมุมมองที่กว้างกว่า จนสามารถเอามาสร้างความได้เปรียบให้กับธุรกิจของคุณ !
2. ประหยัดได้มากกว่า
บริษัท Digital Agency จะพร้อมกับความเชี่ยวชาญอย่างที่ได้บอกข้างต้น ซึ่งความถนัดที่ว่าก็จะมาพร้อมกับกลวิธีในการทำในแผนการตลาด หรือกลยุทธ์ที่พวกเขาทำคุ้มค่าที่สุด ซึ่งนี่ก็ยังไม่นับรวมไปถึงเส้นสาย และสวยลดโฆษณาต่าง ๆ (ในแง่สื่อโฆษณาออฟไลน์) ที่สามารถลดค่าใช้จ่ายให้คุณได้อย่างที่คาดไม่ถึง !!!
3. บริการที่ให้มากกว่าแค่เรื่องทางการตลาด
ไม่ใช่แค่การให้คำปรึกษากลยุทธ์ทางการตลาดเท่านั้น หากแต่บริษัท Digital marketing ยังมาพร้อมกับบริการที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น SEO / PPC / Social Media / Content Marketing และอื่น ๆ อีกมากมายที่ช่วยธุรกิจของให้เติบโตแบบก้าวกระโดด !
4. Digital Agency ในไทยจะประสบความสำเร็จก็ต่อเมื่อคุณสำเร็จ
ผิดกับเซลขายของที่ได้ค่าคอมมิชชั่นจากการขาย เพราะบริษัท Digital Agency จะประสบความสำเร็จก็ต่อเมื่อโปรเจคที่พวกเขาทำให้คุณประสบความสำเร็จเท่านั้น ดังนั้นจึงอาจกล่าวได้ว่าพวกเขาจะทุ่มเทเต็ม 100 กับงานของคุณอย่างแน่นอน !
5. สามารถให้คำปรึกษา
ในบางครั้งเจ้าของธุรกิจก็มักจะมาพร้อมกับปัญหา หรือไอเดียสุดบรรเจิด หากแต่พวกเขาก็อาจรู้สึกไม่แน่ใจว่าถ้าทำออกไปแบบนั้น แบบนี้จะดีหรือเปล่า ซึ่งถ้าคุณกำลังเป็นแบบนี้ งั้นแล้วคุณก็สามารถขอคำปรึกษาเรื่องดิจิตอลมาร์เก็ตติ้งกับทางเอเจนซี่ได้ ! เนื่องด้วยเพราะพวกเขาได้รับค่าตอบแทนแบบคงที่ตามสัญญา ผิดกับที่ปรึกษารูปแบบอื่น ๆ ที่มีแรงจูงใจทางการเงินเข้ามาเกี่ยว !
 
สรุป
ยังมีเหตุผลอื่น ๆ อีกมากมายที่คุณควรจ้างบริษัท โฆษณา ออนไลน์ แต่โดยหลัก ๆ แล้วก็คือ 5 อย่างที่เราว่ากันไป ซึ่งเราเชื่อเลยว่าแค่พวกนี้ก็น่าจะสามารถซื้อใจคุณได้แล้วหรือเปล่า ? ใช่ไหม !! ถ้าใช่ งั้นอย่ารอช้า ไปเลือกดิจิตอล เอเจนซี่ที่ใช่สำหรับคุณก็เลยดีกว่า !

23

หากเพื่อน ๆ กำลังทำคิดจะทำเลเซอร์บริเวณน้องสาว งั้นแล้วนี่ก็คือบทความที่ควรอ่านอย่างยิ่ง ! กับ 7 ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเลเซอร์ขนจุดซ่อนเร้นที่สาว ๆ ควรรู้ ! เพื่อให้แน่ใจว่าสิ่งที่คิดทำนั้น เหมาะกับตัวเองจริง ๆ!
 
ก่อนอื่น เราก็ต้องยอมรับจริง ๆ ว่าการทำเลเซอร์นั้นมีข้อดีมากกว่าแค่การ ‘กำจัดขนน้องสาว’ หากแต่ยังรวมไปถึงการลดโอกาสของขนคุดและการกำจัดเส้นขนที่คุดออกไปด้วย ! ซึ่งเมื่อเทียบกับวิธีการอื่น ๆ อันได้แก่การถอน โกน แว็กซ์แล้วนั้น การทำเลเซอร์ก็นับได้ว่าให้ผลยาวนานที่สุด !
 
เอาละ เพื่อไม่ให้เสียเวลา งั้นเราก็ไปดูกันเลยดีกว่า ว่าทั้ง 7 ข้อที่ว่ามีอะไรบ้าง !
 
1. การทำเลเซอร์ฟังดูเจ็บ แต่อันที่จริงแล้วไม่ใช่ ! (โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับ S.H.R.)
ต้องเข้าใจก่อนว่า กระบวนการทำ ‘เลเซอร์ขนจุดซ่อนเร้น’ นั้น จะเป็นการส่งคลื่นความร้อน (หรือก็คือเลเซอร์) เข้าไปทำลายรากขน จึงทำให้รู้สึกเหมือนกับโดนหนังยางดีดเบา ๆ เท่านั้น แต่ถ้าไม่ให้เจ็บเลย งั้นแล้วก็ต้องลองหาคลินิกที่ใช้เทคโนโลยีเลเซอร์ S.H.R ที่ได้ผลเท่ากับเลเซอร์อื่น ๆ หากแต่ไม่เจ็บเลย !
 
2. ต้องมีเวลาไปทำ
ไม่ใช่แค่ครั้ง สองครั้งแล้วจะได้ผล โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าต้องการ ‘กำจัดขนน้องสาว’ แบบลาขาด งั้นแล้วเพื่อน ๆ ก็ต้องไปอย่างน้อย 8-12 ครั้งเพื่อให้การรักษาเห็นผล
 
3. ห้ามถอน แว็กซ์ ในช่วงที่ทำเลเซอร์
เราเข้าใจดีว่าช่วงแรก ๆ นั้นจะน่าอึดอัดหน่อย เพราะขนไม่ได้ร่วงอย่างที่คาดหวัง ทำให้เกิดอาการคันไม้คันมือ อยากจำกัดเส้นขนพวกนี้ไปให้พ้น ๆ ซึ่งอันที่จริงแล้วเพื่อน ๆ ก็สามารถเล็ม ๆ หรือโกนขนน้องสาวแก้ขัดเอาก่อนได้ หากแต่ห้ามกำจัดขนด้วยวิธีอื่น ๆ ในช่วงระหว่างที่ทำเลเซอร์ขนจุดซ่อนเร้นเด็ดขาด !
 
4. ใช้เวลาไม่นานอย่างที่คิดในแต่ละครั้ง
กระบวนการ ‘กำจัดขนจุดซ่อนเร้น’ นั้นใช้เวลาไม่เกิน 20 นาทีเท่านั้น ไม่ได้นานอย่างที่คิด
 
5. งดซาวน่า !
เราเข้าใจดีว่าการซาวน่านั้นดีต่อใจสาว ๆ ขนาดไหน หากแต่ไม่ว่าจะยังไง หลังจากทำเลเซอร์ขนจุดซ่อนเร้น หรือไม่ว่าจะเลเซอร์อะไรก็ตาม เพื่อน ๆ ก็ห้ามเข้าซาวน่าต่อเด็ดขาด อย่างน้อยก็ต้องเว้นเป็นเวลา 24 ชั่วโมง !
 
6. คุณประโยชน์ที่มากกว่าแค่การกำจัดขนน้องสาว !
ไม่ใช่แค่เจ้าสาหร่ายกวนใจจะหายไปเท่านั้น หากแต่เลเซอร์ยังทำให้ผิวของเพื่อน ๆ ดูกระจ่างใสได้ด้วย ! เพราะไม่มีเจ้าขนเส้นเล็ก ๆ ยุบยิบยุบยิบมากวนใจอีกต่อไป !
 
7. ในบางคน อาจต้องกลับมาเลเซอร์ขนจุดซ่อนเร้นอีกครั้งหลังจากเวลาผ่านไป !
ขึ้นอยู่กับสภาพและการเจริญเติบโตของเส้นขนแต่ละคน หากแต่โดยหลัก ๆ แล้วนั้น การทำเลเซอร์อย่างต่อเนื่องจะมีผลอยู่ได้ยาวนาน อย่างต่ำ ๆ ก็ 3-5 ปี ซึ่งหลังจากนั้น ถ้ามีเส้นขนเริ่มขึ้นมาอีก เพื่อน ๆ ก็อาจต้องกลับมากำจัดขนจุดซ่อนเร้นอีกครั้ง !
 

สรุป
เป็นยังไงบ้างกับ 7 ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเลเซอร์ขนจุดซ่อนเร้น พอจะมีประโยชน์บ้างหรือเปล่า ? ถ้าใช่ งั้นขั้นตอนต่อไปก็คือมองหาคลินิกกำจัดขนดี ๆ ซักที่ ! เอาละ วันนี้เราก็ขอลาไปก่อน เอาไว้ถ้ามีโอกาสหน้า ค่อยเจอกันไหมน๊า ! บ๊ายบาย~~~
 

24
   
เคยสงสัยกันไหมครับว่าทำไมกันนะ ทำไมฉันถึงต้องจ้างบริษัทโฆษณาออนไลน์ด้วย ? ถ้าคุณกำลังสงสัยอะไรแบบนี้อยู่ละก็ บทความนี้จะให้เราจะมาดูกันว่า เหตุผลอะไรที่ทำให้การจ้างเอเจนซี่ หรือบริษัท Digital Marketing ถึงเป็นสิ่งจำเป็น ?

เมื่อเรามีเพียงแค่หนึ่งสมอง และสองมือ
   
คงเป็นไปไม่ได้ที่คนเพียงหนึ่งคน จะทำอะไรหลายๆ อย่างไปพร้อมกันได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับธุรกิจขนาดเล็ก และ SME ทั้งหลาย ด้วยงบประมาณ และจำนวนคนที่จำกัด ไหนจะเรื่องการวางแผนการตลาด การบริหารภายในองค์กร และการพัฒนาธุรกิจให้เติบโตอีก
   
เอาจริงๆ เพียงแค่ 3 อย่างนี้ผมว่าก็น่าจะเหนื่อยมากแล้ว ถ้าเราต้องมาให้ความสนใจและมาเรียนรู้เกี่ยวกับการทำยิงโฆษณาบนโลกออนไลน์ไปอีก! คิดดูซิครับว่า จะเอาเวลามากมายมาจากไหน
   
เพราะงั้นการมองหาผู้ช่วยที่จะมารับทำการตลาดออนไลน์จึงน่าจะเป็นทางออกที่ดี เพื่อให้คุณเอาเวลาที่เหลือไปจัดการธุรกิจของคุณเองได้อย่างสบายใจ

เทคโนโลยีไม่เคยหยุดนิ่ง
   
กลยุทธ์ และเทคนิคการทำดิจิตอลมาร์เก็ตติ้งมีการเปลี่ยนแปลง อัปเดต และพัฒนาอยู่ตลอดเวลา เพราะงั้นถ้าคุณต้องการการตลาดบนโลกออนไลน์ที่เปลี่ยนไปมาอย่างรวดเร็วแบบนี้แล้วละก็ การติดตามข่าวสารย่อมเป็นเรื่องสำคัญที่คุณต้องให้ความสนใจ เพราะไม่งั้นวันดีคือดีโฆษณาแบบเดิมๆ ที่คุณเคยใช้ อาจจะไม่เกิดประสิทธิภาพอีกต่อไปแล้ว
   
เช่นว่าอยู่ๆ ทาง Google ก็ออกมาอัปเดต Algorithm ทำให้รูปแบบการทำ SEO เปลี่ยนไปจากเดิม ซึ่งคุณดังพลาดข่าวสารดังกล่าวไป นั่นอาจทำให้วันต่อมาอันดับของเว็บไซต์คุณบนหน้าการค้นหาของ Google ตกอย่างรวดเร็วก็เป็นได้
   
ต่างจากบริษัท Digital Agency ที่ให้บริการรับทำโฆษณาออนไลน์ทั้งหลาย เพราะเรื่องพวกนี้คือเรื่องหากิน เป็นบริการหลักของพวกเขา ดังนั้นย่อมเป็นธรรมดาที่พวกเขาจะต้องติดตามข่าวสารดังกล่าวอย่างใกล้ชิด


เค้นให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด
   
เป็นเรื่องปกติที่การมีงบที่จำกัด จะทำให้คุณได้ผลลัพธ์ที่จำกัดด้วยเช่นกัน แต่ถ้าคุณจ้างผู้เชี่ยวชาญเพื่อให้เขามาทำโฆษณาออนไลน์ให้คุณแล้วละก็ ด้วยประสบการณ์ด้านดิจิตอลมาร์เก็ตติ้งที่พวกเขามี เชื่อเลยว่าผู้เชี่ยวชาญเหล่านี้จะต้องมีมุมมอง และกลวิธีในการสร้างผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ภายใต้เงื่อนไข และงบประมาณที่มีจำกัดได้อย่างแน่นอน
   
ถ้าเปรียบให้เห็นภาพก็คงเป็น การทำน้ำส้มที่ถ้าทำผ่านมือผู้เชี่ยวชาญแล้วละก็ แม้แต่หยดเดียวก็ไม่สูญเปล่าแน่นอน คุณก็จะได้รับเนื้อๆ เน้นๆ
 

สรุป
   
เมื่อเจอเข้ากับข้อจำกัดเรื่องระยะเวลา งบประมาณ และด้านประสบการณ์แล้วละก็ การมองหาผู้ให้บริการ หรือคนที่จะมารับทำโฆษณาออนไลน์ การตลาดออนไลน์ให้แทน ย่อมเป็นทางออกที่ดีกว่าเพื่อทำให้ธุรกิจของคุณเกิดประสิทธิภาพสูงสุด

25
 


ถ้าเปรียบเว็บขายของ E commerce เป็นร้านสะดวกซื้อ ที่มีสินค้าจากบรรดาพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ทั้งหลายวางขายอยู่แล้วละก็ การสร้างเว็บ E commerce ก็คงเป็นเหมือนกับการสร้างร้านค้าสำหรับวางขายสินค้าของเราเอง และบทความในวันนี้ เราจะมาพูดถึงข้อดีของการมีเว็บ E commerce เป็นของตัวเองว่าดีกว่ารูปแบบการขายอื่น ๆ ยังไง


อิสรภาพ
เช่นเดียวกับการอาศัยร้านคนอื่นวางขาย เว็บไซต์ E commerce แต่ละเจ้าจะมีกฎ ข้อบังคับ และวิธีการทำงานที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งนั่นไม่รวมไปถึงการออกแบบ และตกแต่งเว็บไซต์ในสไตล์ของพวกเขาเอง
แต่ถ้าคุณเลือกทำเว็บ E commerce เอง นั่นก็จะเปรียบได้กับว่าการมีร้านของตัวเอง คุณจะออกแบบเว็บไซต์ยังไงก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นการ เลือกสี จัดวางตำแหน่งข้อความ หรือรูปภาพ ซึ่งนั่นจะช่วยให้ลูกค้าจดจำแบรนด์ หรือร้านค้าของคุณได้ง่ายขึ้น


โปรโมทได้ง่ายกว่า   
พอจะคุ้นเคยกับการทำการตลาดออนไลน์อย่าง SEO, Google Ad หรือบริการ PPC อื่น ๆ กันไหมครับ ? โดยปกติแล้ว ถ้าคุณต้องการโปรโมทกบนเว็บไซต์ E commerce ซักแพลตฟอร์มหนึ่ง ค่าใช้จ่ายที่คุณเสียไป ก็จะสร้างการมองเห็นแค่ได้บนแพลตฟอร์มนั้น ๆ ซึ่งถ้ายังมีกลุ่มเป้าหมายคนอื่น ๆ ที่ไม่ใช้แพลตฟอร์มนั่นล่ะ ? นั่นก็หมายความว่าคุณต้องมีร้านในหลาย ๆ แพลตฟอร์ม และทำการโปรโมทกันหมดเลยหรอ ?
ขืนทำแบบนั้น คุณคงได้เสียค่าใช้จ่ายจำนวนมากแน่ ๆ สู้โปรโมทกับแพลตฟอร์มเสิร์ชเอ็นจิ้นยอดนิยมอย่าง Google ซึ่งจะสร้างการรับรู้ได้มากกว่าจะไม่ดีกว่าหรอครับ ?

 
สร้างความน่าเชื่อถือได้ง่ายกว่า
ถ้าคุณคิดจะซื้อของกับใครซักคน ระหว่างแวะไปสุ่ม ๆ ตามร้านที่มีของจากใครก็ไม่รู้เยอะแยะไปหมดวางขาย กับการไปเลือกซื้อสินค้าโดยตรงกับเจ้าของผู้ให้บริการ เป็นคุณจะสบายใจกับแบบไหนมากกว่ากันครับ ?
สำหรับผมแล้ว การที่แบรนด์หรือร้านซักร้านมีเว็บไซต์ E commerce เป็นของตัวเอง แบบนั้นจะช่วยสร้างความน่าเชื่อถือได้มากกว่า อย่างน้อยก็ทำให้เราสบายใจว่าถ้าสั่งของมาแล้วมีปัญหา เราจะตามไปต่อว่า หรือติดต่อที่ใครได้บ้าง ดีกว่าหน้าร้านจากไหนก็ไม่รู้


กำไรเต็มๆ
การขายของผ่านเว็บไซต์ E commerceซักแพลตฟอร์มหนึ่ง คุณจะมีในเรื่องของค่าใช้จ่าย หรือค่าธรรมเนียม ซึ่งนั่นจะทำให้คุณไม่ได้รับกำไรอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย แต่ถ้าคุณสร้างเว็บ E commerce ของตัวเองขึ้นมาละก็ บอกเลยครับว่า กำไรเนื้อ ๆ เน้น ๆ แน่นอน
 

สรุป
ถึงแม้การทำเว็บของตัวเองจะดูเป็นเรื่องยุ่งยาก แต่อย่าลืมซิครับว่าเดี๋ยวนี้ถ้าคุณไม่อยากเสียเวลาไปศึกษา ลองผิดลองถูกทำเว็บของตัวเองแล้วละก็ ในปัจจุบันก็มีผู้ให้บริการสร้างเว็บไซต์สำเร็จรูปขึ้นมามากมายให้ได้ลองเลือกใช้บริการกัน และถึงแม้การทำเว็บไซต์ของตัวเองในช่วงแรกจะไม่ได้เห็นผลเท่าไหร่นัก แต่ถ้าคุณทำ SEO, Google Ad หรือบริการ PPC อื่นๆ เพื่อทำการโปรโมทอย่างสม่ำเสมอแล้วละก็ พอถึงจุดหนึ่งเว็บของคุณก็จะเติบโตขึ้นอย่างยั่งยืนแน่นอนครับ

26

 
เวลาจะเปิดเบอร์ใหม่ซักเบอร์ เราก็ต้องมาเลือกระหว่างซิมรายเดือน ซิมเติมเงิน แบบไหนดี แบบไหนแย่ ถ้าคุณกำลังสงสัยอะไรพวกนี้อยู่ละก็ บทความนี้คือสิ่งที่ควรอ่าน ! เพราะเราจะมาบอกจุดแข็ง จุดอ่อนของซิมทั้ง 2 ประเภทนี้ ส่วนจะเลือกใช้แบบไหน ก็เอาไว้ตัดสินใจหลังอ่านบทความนี้จบละกัน
   
ซิมรายเดือน

เชื่อว่าหลายคนน่าจะทราบกันดีอยู่แล้วว่า “ซิมรายเดือน” จะเป็นในลักษณะการเลือกโปร หรือแพ็กเกจที่ตัวเองสนใจ ทั้งในเรื่องของโปรโมชั่นและค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือน

  • ข้อดี
    - สิทธิพิเศษ : โปรมือถือแบบรายเดือนจะมาพร้อมกับสิทธิพิเศษมากมายซึ่งต่างไปตามแต่ละค่าย เช่นจำพวกฟรี Wi-Fi ใช้แอปดูสตรีมมิ่งฟรี
    - ใช้ได้เท่าที่ต้องการ : แตกต่างจากแบบเติมเงิน ซิมรายเดือนจะไม่มีวันหมดอายุ ต่อให้ใช้บริการเกินแพ็กเกจหรือโปรก็ไม่มีตัด
  • ข้อเสีย
    - ค่าใช้จ่ายเยอะถ้าไม่มีวินัย : ต่อให้เราใช้แพ็กเกจหรือโปรเกินที่กำหนด ซิมก็จะไม่ตัด ซึ่งอาจทำให้มีค่าใช้จ่ายจำนวนมากได้ ถ้าเราไม่มีวินัยมากพอ
    - ใช้เยอะจ่ายเพิ่ม ใช้น้อยจ่ายเท่าเดิม : ต่อให้เดือนนั้นเราใช้น้อยมากขนาดไหน แต่เมื่อถึงรอบชำระแล้ว เราก็ยังต้องจ่ายเงินตามแพ็กเกจที่เราเลือกอยู่ดี

ซิมเติมเงิน
   
ในขณะที่รายเดือนจะเป็นแบบใช้ก่อนจ่ายที่หลัง ซิมเติมเงินจะเป็นในลักษณะจ่ายก่อนใช้ทีหลัง ด้วยการเติมเงิน/วันเข้าไป ถ้าเงินมีแต่วันหมด หรือเงินหมดแต่วันมีละก็ เวลาโทรออก หรือติดต่อใครก็จะลำบากนิดหน่อย

  • ข้อดี
    - ค่าใช้จ่ายน้อยกว่า : ถ้าเราเป็นคนใช้โทรศัพท์น้อย ไม่ค่อยได้ใช้อยู่แล้วละก็ การเลือกใช้ซิมเติมเงินจะประหยัดค่าใช้จ่ายได้มากกว่า
    - เสียแค่เท่าที่ใช้ : คล้าย ๆ กับข้อด้านบน แต่ต่างกันตรงที่ว่า ต่อให้เดือนนั้นคุณใช้ “เงิน” ไม่หมด ยอดที่เหลือก็ยังสามารถเอาไปทบกับเดือนต่อ ๆ ไปได้เรื่อย ๆ ตราบใดที่เงินไม่หมด และยังมีจำนวน “วัน” เหลืออยู่
  • ข้อเสีย
    - สิทธิพิเศษน้อย : ถ้าเทียบกับแบบรายเดือน แบบเติมเงินจะมีสิทธิพิเศษน้อยกว่า
    - เวลาเกิดเหตุฉุกเฉิน : เวลาเกิดเหตุฉุกเฉิน เรื่องด่วนที่จำเป็นต้องโทรออก แต่ถ้าวันหมด เงินหมดขึ้นมาละก็ การติดต่อสื่อสารโทรออกก็คงเป็นอันหมดสิทธิ์

   
ซิมรายเดือนอาจยากตรงเรื่องควบคุมค่าใช้จ่าย แต่ก็ดีตรงอิสระในการใช้งานที่เราสามารถเลือกได้อย่างเต็มที่ ในขณะที่ซิมเติมเงินที่ถึงแม้จะมีปัญหาเรื่องจำนวนวันที่มีวันหมด แต่นั่นก็ทำให้เราควบคุมค่าใช้จ่ายที่ง่ายขึ้น เป็นยังไงกันบ้างกับบทความนี้ ? ช่วยให้ตัดสินใจง่ายขึ้นไหม 

27
วันนี้เราจะมาแนะนำ 5 ตลาดนัดกลางคืนน่าเดิน น่าช้อปปิ้ง และแน่นอนว่าต้องเต็มไปด้วยของกิน! ส่วนจะมีที่ไหนบ้างนั้นเรามาตามไปด้วยกันที่ “แนะนำ 5 ตลาดในนนทบุรี ปทุมธานี ที่ควรไปเยือน” ถ้าพร้อมกันแล้ว งั้นเราไปเที่ยวกันเล้ย!


1. ตลาดนัด Awake
ตลาดสำหรับสายชิลล์ยามค่ำคืน ตั้งอยู่ในอำเภอเมือง จังหวัดปทุมธานี เปิดวันอังคาร – อาทิตย์ เวลา  16.00 - 24.00 นาฬิกา ตัวตลาดแบ่งเป็นโซน ๆ ทั้งโซนเสื้อผ้าแฟชั่น ของใช้ และโซนของกิน ทั้งแบบกินเล่น กินไปเดินไป หรือจะกินแบบจริงจังให้มันหนักท้องไปเลยก็มี ที่สำคัญยังมีโซนเอาใจคุณหนู ๆ ด้วยของเล่น และเครื่องเล่นมากมายสำหรับคนที่พาลูกมาด้วย ไม่ว่าจะเป็นบ้านลม รถแข่ง ตุ๊กตา และอื่น ๆ อีกมากมาย


2. ตลาดนัดเรือบิน
ตลาดนัดกลางคืนแนวย้อนยุคในย่านบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ หยุดวันจันทร์และพฤหัส นอกนั้นเปิดหมด เวลา 16.00 – 22.00 นาฬิกา นอกจากการตกแต่งที่ย้อนยุคแล้วตลาดแห่งนี้ยังเป็นแหล่งรวมสินค้าวินเทจ มือสอง สินค้าแฟชั่นตามเทรน อีกด้วย และแน่นอนที่ขาดไม่ได้ ของกิน! ก็ยังมีให้เลือกกันมากมาย ที่สำคัญตลาดแห่งนี้ยังมีฉากสวย ๆ มุมสวย ๆ ให้ถ่ายรูปเก็บไว้เป็นความทรงจำกันอีกด้วย
 

3. ตลาดนกฮูก
ตลาดนัดในนนทบุรียามค่ำคืน เปิดทุกวันเวลา 16.00 – 00.00 นาฬิกา โดยสินค้าในตลาดก็มีหลากหลาย ทั้งเสื้อผ้า ของมือสอง ของตกแต่ง เครื่องประดับ รวมไปถึงของกินต่างๆ อย่างเช่น เครปไส้แตก ร้านอาหารทะเลชื่อแปลกอย่าง “จุดตรวจหอย” มาม่าต้มยำหม้อไฟได้อารมณ์แบบเกาหลีนิด หรือจะเป็นบุฟเฟ่ต์ปิ้งย่างก็มีให้บริการ  และที่สำคัญราคาไม่แพง เดินทางก็ง่าย เพราะตัวตลาดตั้งอยู่ด้านหลัง เซ็นทรัลพลาซ่ารัตนาธิเบศร์นี่เอง



4. ตลาดบางใหญ่
ตลาดบางใหญ่อยู่ที่นนทบุรี โดยตลาดแห่งนี้เป็นทั้งตลาดเช้าของชาวนนทบุรี และตลาดกลางคืนของคนโดยรอบที่เปิดตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งโซนตลาดกลางคืนจะเปิดบริการช่วงบ่าย ๆ และแน่นอนว่าเต็มไปด้วยของกินมากมาย ที่บอกมีเยอะมากจนเลือกกินไม่ถูกเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นซูชิ ลอดช่อง ปลาหมึกย่าง แมลงทอด และอีกมากมาย เดินทางง่าย(ด้วยรถไฟฟ้าสายสีม่วง) และของกินเยอะแบบนี้จะพลาดไม่ได้แล้ว!


5. ตลาดมะลิ
ตลาดนัดในนนทบุรียามค่ำคืนอีกแห่งหนึ่งของเราในวันนี้ โดยตลาดแห่งนี้มีจุดเด่นที่จอยักษ์เอาใจคอบอลทั้งหลาย ทุกครั้งที่มีบอลแมตช์สำคัญ ๆ และถ้าใครชอบบรรยากาศที่มันครึกครื้นละก็ ตลาดนี้เหมาะมาก! แถมยังมีของใช้ เสื้อผ้า รองเท้า เครื่องประดับ และของกินมากมายให้เลือก เรียกได้ว่าดูบอลไปกินไปเพลินแน่นอน!
 
หมดไปแล้วกับ 5 ตลาดนัดในนนทบุรี ปทุมธานี ที่บอกเลยว่าแต่ละที่ที่แนะนำไปนั้นถ้าเพื่อน ๆ ได้ลองไปละก็ ไม่ผิดหวังกันแน่นอน เพราะเด็ด ๆ ทั้งนั้น!

28

(เครดิตhttp://wow.in.th/Y6wN)

PPC หรือที่เรียกเต็ม ๆ ว่า “Pay Per Click” คือบริการลงโฆษณากับเสิร์ชเอ็นจิ้น (Search Engine) อย่าง Google, Yahoo หรือ Bing โดยตรง (ภายในบทความนี้เราจะมุ่งเน้นไปที่ Google มากกว่า เนื่องจากความนิยมในบ้านเรา) ซึ่งหนึ่งในนั้นได้ก็ได้แก่บริการรับทำ Google Adswords เพื่อความเข้าใจมากขึ้นเราจะพาทุกคนมาทำความเข้าใจกับ รูปแบบของ PPC กันก่อน

PPC คือบริการโฆษณาบน Google มีจุดประสงค์เพื่อสร้างการรับรู้และเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงระหว่างเว็บไซต์ธุรกิจของคุณ กับตัวผู้บริโภคที่กำลังเสิร์ชค้นหา ซึ่งทางเชื่อมระหว่างธุรกิจกับผู้บริโภคเข้าด้วยกันนั้น เราจะใช้ผ่าน Keyword หรือคำค้นหา ถ้า Keyword ที่ธุรกิจคุณใช้อยู่ ตรงกับคำค้นหาที่ผู้บริโภคใช้เสิร์ช สิ่งที่ได้คือผู้บริโภคจะพบเห็นเว็บไซต์ของคุณในหน้าการค้นบน Google

มาถึงในส่วนของ Google Adsworld ซึ่งราคาไม่ได้แพงอย่างที่คุณคิด เพราะค่าบริการของ PPC จะคิดตามจำนวน “คลิก” ที่ผู้บริโภคกดเข้าไป คลิกหนึ่งครั้งก็หักค่าใช้จ่ายเพียงหนึ่งครั้งเท่านั้น นอกจากนี้โฆษณา Google รูปแบบนี้จะอยู่ตราบนานเท่านานโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายเลยแม้แต่น้อย จะหักก็ต่อเมื่อมีการ “คลิก” เข้าไปเท่านั้น

รูปแบบการทำงานของ Google Adsworld ก็คือการทำให้หน้าเว็บไซต์ของคุณอยู่ในหน้าแรกของการค้นหาบน Google ในทันที วิธีดังกล่าวจะเพิ่มโอกาสที่ผู้บริโภคซึ่งมีความสนใจสินค้าหรือบริการประเภทนี้จริง ๆ พบเห็นเว็บไซต์ของคุณที่สามารถตอบสนองความต้องการดังกล่าวของพวกเขาได้ ลองคิดดูซิ ว่าโอกาสและผลกำไรทางธุรกิจจะเพิ่มมากขึ้นขนาดไหน
 

(เครดิตhttp://wow.in.th/i1c4)

ธุรกิจแบบไหนที่ควรใช้ Google Adsworld

  • เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการโปรโมทในระยะสั้น หรือช่วงใดช่วงหนึ่ง เมื่อคุณเลิกใช้ Google Adsworld แล้ว การอยู่ในหน้าแรกบน Google ก็จะหายไปทันที ถ้าคุณอยากให้อยู่ได้ยั่งยืนกว่านั้นลองหาข้อมูลเกี่ยวกับการบริการแบบ SEO ดูซิ
  • มีปริมาณงบที่จำกัด อย่างที่เราได้บอกไปข้างต้น เวลาที่คุณเริ่มทำแคมเปญกับ Google Adsworld นั้น คุณจะสามารถกำหนดได้เลยว่าแคมเปญงบเท่าไหร่ ไม่มีการเกินงบ
  • เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้แน่นอน ด้วยการลงโฆษณากับ Google โดยตรง และการเลือกใช้ Keyword ที่มีประสิทธิภาพ มั่นใจได้ว่าผู้บริโภคส่วนใหญ่ที่ “คลิก” เข้าไปผ่านโฆษณาบน Google คือกลุ่มเป้าหมายที่กำลังสนใจสินค้าหรือบริการที่คุณมีอยู่พอดี

ทั้งหมดนี้คือเหตุผลที่คุณควรใช้ บริการแบบ PPC  ของ Google Adsworld ถ้าสิ่งที่เราเขียนคือสิ่งที่คุณต้องการละก็ นั่นแสดงว่าคุณควรเริ่มมองหาผู้ให้บริการ PPC สำหรับคุณแล้วล่ะ เพื่อผลลัพธ์และการเติบโตทางธุรกิจในแบบที่คุณต้องการ

29
(เครดิตhttp://wow.in.th/fX2U)

สำหรับโรงงานอุตสหกรรมทั้งหลาย คุณเคยเจอปัญหาน้ำเสียที่ระบายจากโรงงานรั่วซึมไหมครับ ? ถ้าเป็นน้ำเสียธรรมดาทั่วไปก็ไม่เท่าไหร่หรอก แต่ถ้าเป็นน้ำเสียที่ปนเปื้อนสารเคมีจากโรงงานละก็ เรื่องใหญ่เลยล่ะ เพราะถ้าเกิดผลเสียอะไรกับแหล่งชุมชนแถวนั้นละก็ โรงงานของคุณอาจโดนฟ้อง ทำให้ต้องเสียค่าชดเชยจำนวนมหาศาลได้ ถ้าคุณกลัวเจอปัญหาแบบนี้ “ท่อปากระฆัง” ช่วยคุณได้

สำหรับท่านที่ไม่รู้ ท่อปากระฆัง (Bell and Spigot) คือท่อสำหรับงานระบายน้ำเสียที่สามารถใช้เพื่อการระบายน้ำเสียทั่วไป หรือน้ำเสียที่ปนเปื้อนสารเคมีได้ ตัวท่อชนิดนี้เหมาะสำหรับงานก่อสร้างในขนาดกลางและใหญ่ ด้วยท่อที่มีขนาดใหญ่ เนื่องจากท่อปากระฆัง(Bell and Spigot) นั้นมักผลิตออกมาเป็นท่อคอนกรีตเสริมเหล็ก เพื่อรองรับแรงกดทับบนผิวถนนจากรถบรรทุกที่ขับผ่านไปมา แต่ใช่ว่าจะไม่มีแบบท่อคอนกรีตธรรมดาเลย ขึ้นอยู่กับแต่ละเจ้าว่าจะผลิตแบบไหนออกมา

(เครดิตhttp://wow.in.th/D8mr)

สาเหตุที่โรงงานอุตสหกรรมทั้งหลายควรใช้ท่อแบบปากระฆัง (Bell and Spigot) นั่นเป็นเพราะรูปแบบของปากท่อนั้น ถูกออกแบบมาเพื่อให้แนบสนิท มีรอยต่อน้อยที่สุด เพื่อป้องกันการรั่วซึมของน้ำเสียที่ปนเปื้อนสารเคมี นอกจากนี้ท่อชนิดนี้ยังมีวงแหวนยางที่สามารถนำมาปิดทับรอยต่อดังกล่าว เพื่อความมั่นใจมาก

ที่สำคัญ การที่หลาย ๆ เจ้ามักผลิตท่อปากระฆัง (Bell and Spigot) ออกมาในรูปแบบท่อคอนกรีตเสริมเหล็กนั่นเพราะว่าต้องการรองรับความเป็นไปได้ที่อาจจะเกิดอุบัติเหตุต่าง ๆ จนทำให้พื้นดินทรุดตัว หรือทำให้ท่อปากระฆังต้องรับแรงกดมาก ถ้าเป็นท่อคอนกรีตทั่วไปละก็ เมื่อเจอเหตุการณ์เหล่านี้อาจจะเกิดรอยแตกและทำให้น้ำเสียจากโรงงานที่ปนเปื้อนสารพิษเกิดการกระจายไปยังบริเวณโดยรอบ แต่สำหรับท่อคอนกรีตเสริมเหล็กนั้น ปัญหาเหล่านี้จะมีโอกาสเกิดได้น้อยลง

(เครดิตhttp://wow.in.th/DAw1)
สรุปข้อดีของท่อปากระฆัง
  • เหมาะสำหรับงานระบายน้ำเสียที่ปนเปื้อนสารพิษในโรงงงานอุตสหกรรม
  • ตัวปากระฆังช่วยป้องกันการรั่วซ้ำของน้ำเสียที่ปนเปื้อนสารพิษ นอกจากนี้ด้วยวงแหวนยางช่วยปิดรอยต่อให้เรียบสนิทเพิ่มความมั่นใจ ไม่รั่วซึมแน่นอน
  • ท่อปากระฆัง (Bell and Spigot) ส่วนใหญ่มักผลิตมาในรูปของท่อคอนกรีตเสริมเหล็ก เพื่อรองรับอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้น และลดความเสี่ยงที่ตัวท่อจะแตกจนเกิดการแพร่กระจายของน้ำเสียที่ปนเปื้อนสารพิษไปยังแหล่งชุมชนรอบ ๆ

ทั้งหมดนี้คือความรู้ที่ผมได้ทำการศึกษามาเกี่ยวกับท่อชนิดนี้ครับ สำหรับเจ้าของโรงงาน หรือผู้รับเหมาก่อสร้างท่านใดที่กำลังก่อสร้างโรงงานละก็ ลองพิจารณาท่อปากระฆัง (Bell and Spigot) เป็นตัวเลือกในการวางท่อระบายน้ำด้วยนะครับ

หน้า: [1]